Cupid แผลงศรรัก กลับสวรรค์
เขียนโดย digitoon
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 10.13 น.
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทนำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความห้องโถงขนาดใหญ่ประดับด้วยโคมไฟระย้าสีทองอร่ามตา พรมแดงที่อยู่กลางห้องช่างเด่นชัดอย่างเป็นสง่าเมื่อเข้ากับสีทองในห้อง ด้านข้างมีตู้หนังสือไม้ขนาดใหญ่แกะสลักด้วยลวดลายอันวิจิตรตระการตา ประกอบด้วยตำราหลายเล่มที่ยากจะเรียนรู้หมดภายในเวลาอันสั้น
ร่างสูงนั่งขมวดคิ้วเรียวจนจะเกิดปมเข้าหากันให้ได้ ผมสี่น้ำเงินที่ยิ่งยุ่งพันกันเข้าไปอีกเมื่อเทพหนุ่มเอามือขยี้หัวตัวเองไปมาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ร่างสูงกอดอกทันทีเมื่อเห็นองค์รักษ์ของตนเองเดินเข้ามาในห้อง
“ ท่านแดนนิส หากจะทำแบบนี้ยิ่งทำให้ท่านพ่อของท่านหัวเสียเข้าไปอีกนะพะยะคะ ถึงอย่างไรพวกเราเองนั้นก็ต้องทำตามในสิ่งที่ท่านพ่อและท่านแม่เลือกให้ก็เพื่อความสุขของท่านเองนะพะยะคะ ” เทสต้าองครักษ์ที่เป็นเหมือนสหายคู่ใจของเทพหนุ่มเตือนสติเพื่อให้ใจที่กำลังร้อนได้เย็นลง ผมสีเหลืองถูกเสยขึ้นอย่างหนักใจนักเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายไม่มีท่าทีที่จะฟังตน ซึ่งเขาก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นแบบนึ้แต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ เทสต้า เจ้าเองก็เข้าข้างพ่อข้าด้วยรึ ไหนเจ้าเป็นบอกตัวเองว่าจะตามใจข้าไยเจ้าจึงไม่ตามใจข้าเล่าในตอนนี้ ” แดนนิสยิ่งอารมณ์ขุ่นมัว ลุกขึ้นขึ้นน้ำเสียงใส่เทสต้าที่ตอนนี้เองก็ทำสีหน้าไม่ถูกนัก ใจหนึ่งก็รักเจ้านายดุจสหายและอีกใจหนึ่งก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำในการรับใช้แดนนิส
“ โถ่...จะให้ข้าทำเช่นไรเล่า ข้าเองก็เตือนท่านในฐานะสหายคนหนึ่ง แต่ที่ท่านทำท่าทางกับองค์หญิงเจฟดี้นั้น ไม่เพียงแต่เป็นการหักหน้าบิดาของท่าน แต่ยังทำให้ไมตรีของทั้งสองเมืองจะถูกสบั้นลงก็เป็นได้ ” เทสต้าพยายามอธิบายพลางเดินไปที่ตู้หนังสือใหญ่ในห้อง มือหนาหยิบหนังสือประวัติศาสตร์สวรรค์ขึ้นมาในหน้าที่มีรูปเมืองของตนเอง
“ เห็นไหมว่าเราชาวสวรรค์มีหลายเมืองมากเพียงใด แล้วตอนนี้การจุติของชาวสวรรค์เองก็น้อยลงยิ่งนัก การที่เราจะทำสัญญาไมตรีต่ออีกเมืองเพื่อรวบรวมาวสวรรค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็สำคัญเช่นกัน ”
“ ด้วยการให้ข้าไปแต่งงานกับนางงั้นรึ ? ”
“ ... ”
เทสต้าไม่รู้จะอธิบายอย่างไรต่อไป เพราะตนเองก็ไม่ได้ตกอยู่ในสถานะการคลุมถุงชนแบบแดนนิส
“ ต้องให้ข้าทำเช่นไรเทสต้าข้าถึงจะได้ไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้าจะต้องตกนรกทั้งเป็นแต่ในทางกลับกันชาวสวรรค์ทั้งสองแคว้นจะมีความสุขงั้นรึ หากเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่อยากจะเป็นรัชทายาทอีกต่อไป ” เทพใจร้อนยังคงระบายอารมณ์ออกมา พร้อมกับเดินเข้าไปปัดหนังสือในมือของสหายรักจนหล่นไปที่พื้น
“ แล้วท่านจะมีวิธีการใดที่ทำให้ชาวสวรรค์รวมเป็นหนึ่ง ในเมื่อท่านก็รู้ว่าการจุติของชาวสวรรค์นานทีมีเพียงไม่มาก หากยังปล่อยให้ชาวสวรรค์ที่เหลือเพียงน้อยนิดหายไปมีหวังสวรรค์จะได้เป็นที่ไม่น่าอยู่แบบนรกก็ได้ ” เป็นครั้งแรกที่เทสต้าขึ้นเสียงใส่เจ้านายของตนเอง เมื่อสติขาดพึ่งจนลืมตัว แต่เมื่อรู้ว่าตนเองกำลังล้ำเส้นคำว่าฐานะจึงรีบคำนับเพื่อขอโทษแล้วเดินออกไปจากห้องทันที
แดนนิสถอนหายใจยาวเมื่อรู้ว่ามีอีกคนที่กำลังไม่พอใจเขาเพียงเพราะความเอาแต่ใจของเขาเอง หนังสือที่กองอยู่ที่พื้นถูกหยิบขึ้นมาเมื่อเจ้าชายเทพพินิจมองดูดีๆ ก็พบว่ามันคือภาพสงครามระหว่างชาวสวรรค์และชาวนรกที่ร่วมมือกันทำสงครามกับกองทัพปีศาจที่เกิดจากกิเลสหนาของมนุษย์ จริงอย่างที่องครักษ์เทสต้าว่าไว้ ชายสวรรค์เองก็น้อยลงไปเรื่อยๆ หากสักวันเกิดสงครามระหว่างปีศาจในนรกลำพังแค่ชาวนรกคงรับมือไม่ได้ และหากชาวสวรรค์ยังน้อยและไม่มีความเป็นปึกแผ่นเช่นนี้อาจจะทำให้ไม่สามารถรับมือได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดความกลุ่มใจในสมองของแดนนิส เขาเองก็อยากให้เกิดไมตรีแต่ก็ไม่อยากแต่งงานเช่นกัน หนังสือในมือถูกพลิกไปเรื่อยๆ เมื่อความคิดยังคงทำงานต่อรองในใจว่าจะเลือกตนเองหรือจะเลือกส่วนมาก
‘ หรือถ้าเกิดจะต้องแต่งงานจริงๆ ก็ขอหนีซะเลยไหม ’ ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวสมองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะลดสายตาลงมองไปยังหนังสือซึ่งตอนนี้อยู่ในหน้าที่กำลังบรรยายถึงโลกมนุษย์ รอยยิ้มอย่างมีเล่ห์ปรากฏบนข้างแก้มของใบหน้าอันหล่อเหลาทันที
“ เอาให้มันวุ่นวายไปเลย หากว่ารัชทายาททำผิดกฏดูสิจะยังได้ทำหน้าที่สืบทองบัลลังก์อยู่ไหม ”
เทสต้ารู้สึกผิดอย่างยิ่งที่ล้ำเส้นของคำว่าผู้มีพระคุณ แต่องครักษ์หนุ่มอดไม่ได้ที่เห็นความความไม่รับผิดชอบของแดนนิส สงครามเมื่อครั้งก่อนมันรุนแรงมากถึงขนาดทำให้เขาได้สูญเสียพ่อของเขาไป หากทิ้งไว้เป็นเช่นนี้แล้วเกิดสงครามระหว่างเทพและปีศาจขึ้นมาอีกคงสูญสิ้งไปอีกหลายชีวิต
“ เกลี้ยกล่อมแดนนิสไปถึงไหนแล้วเป็นอย่างไรบ้างเทสต้า ” ปีกค้างคาวสลายหายไปทันทีเมื่อคัลเตอร์เท้าลงสู่พื้นสวรรค์ สบัดผมสีม่วงที่ปรกหน้าเพราะโดนลมเมื่อตอนบินขึ้นมาจากสวรรค์ คิ้วเรียวยกสูงขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าขององครักษ์ชาวสวรรค์ไม่สู้ดีนัก
“ ท่านคัลเตอร์ ” เทสต้าไม่รีรอคุกเข่าลงทำความเคารพต่อผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่าทันที ก่อนที่จะลุกขึ้นมาด้วยท่าทีสง่าดังเดิม
“ แหม่ ไม่เจอกันนานนี่เจ้าเปลี่ยนไปเยอะเลยนะเทสต้า ท่านไม่ต้องพิธีรีตรองกับข้าหรอกเราเองก็เพื่อนเล่นกันในวัยเด็ก อายุก็ไล่เลี่ยกัน เพียงแต่ข้าต้องกลับไปเรียนที่แดนนรกเท่านั้นเอง ” คัลเตอร์พูดอย่างเป็นกันเองเพื่อไม่ให้สหายเก่าเกร็งนักเมื่ออยู่ต่อหน้าตนเอง
“ หลานคัลเตอร์ ” จอมมหาเทพหุบปีกนกสีขาวสะอาดก่อนที่มันจะสลายหายไปเมื่อเท้าแตะพื้น เช่นเดียวกับจอมเทวีคู่บารมีข้างๆ ที่ตรงเข้ามากอดร่างสูงอย่างไม่ถือตัว
“ ท่านอาอังดิสกับท่านอารูฟสบายดีหรือไม่ ” เมื่อออกจากอ้อมกอดของอาหญิง คัลเตอร์ก็ถามสารทุกข์สุขดิบด้วยมารยาททันที
“ ก็เรื่อยๆนั่นแหละหลานคัลเตอร์นี่ก็โตเป็นหนุ่มแล้วนะ หุ่นก็ชาติชายชาตรี มีคู่หมั้นคู่หมายกับเขาไหมเนี่ย ” อังดิสลูบข้างแก้มของหลานชายอย่างเอ็นดู คัลเตอร์เองก็เหมือนกับลูกของเธอเพียงแต่ไม่ได้เห็นหน้ากันมานานเท่านั้นเอง ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ ที่มุมปากเมื่อได้ยินคำถามเกี่ยวกับคู่หมาย
“ ที่หลานมาเองก็เพราะท่านพ่อของข้าให้มาแสดงความยินดีเป็นตัวแทนของญาติฝ่ายซาตานเรื่องแดนนิสกับองค์หญิงเจฟดี้ ตอนนี้แดนนรกยุ่งมากเลยพะยะคะท่านอากล่าวประทานอภัยด้วยหากท่านพ่อและญาติซาตานไม่ได้มาพิธีแต่งงานของลูกท่านอา ”
รูปถอนหายใจยาวออกมาทันทีเมื่อได้หลานชายพูดถึงเรื่องพิธีแต่งงานของลูกตนเอง ขนาดหลานยังกระตือรือล้นที่จะมางานพิธีแต่เจ้าตัวที่จะเข้าพิธีเองกลับไม่ยอมทำอะไรเลย
“ อาเองก็ไม่รู้ว่าจะมีพิธีแต่งงานเกิดขึ้นรึเปล่า แดนนิสช่างดื้อดึงเหลือเกินคงจะยังไม่พร้อมเช่นนี้ ” จอมเทพหันหน้าไปคาดคั้นคำตอบกับเทสต้า ชายหนุ่มกลับรีบก้มหน้าลงไปเช่นเดิมเพราะไม่มีคำตอบที่จะมาอธิบาย
“ แดนนิสเองก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วล่ะท่านอา ท่านอย่าห่วงเลยเดี๋ยวเจ้านั่นเห็นหน้าองค์หญิงเจฟดี้ก็เปลี่ยนใจเองนั่นละ ต่อให้เทสต้าไปพูดก็คงไม่เปลี่ยนใจ ”
“ เห้อ...น้อยไปละสิหลานคัลเตอร์ เมื่อครู่ไปดูตัวก็แสดงอาการไม่พึงประสงค์ออกมาต่อหน้าบิดามารดาขององค์หญิง ยังดีที่ฝ่ายนั้นไม่ได้คิดอะไร ” อังดิสกอดออกตนเองแล้วเอามืออีกข้างมาจับหัวเพราะรู้สึกปวดประสาทกับลูกชายไม่รู้จักโตของลูกตนเอง
“ งั้นเดี๋ยวหลานขอคุยกับแดนนิสเอง หากพูดตรงๆหากไม่ใช่เพราะหน้าที่หลานเองก็ไม่อยากจะเข้าพิธีกับใครง่ายหรอก ” คัลเตอร์ยิ้มราวกับว่าเป็นปกติที่พูดตรงๆตามวิสัยของชาวนรก แต่ในทางกลับกันมันกลับเสียดแทงความรู้สึกลึกๆ ของมหาเทพทั้งสอง แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“ หลานขอตัว ” ปีกค้างคาวสีเทากางออกมาก่อนที่ร่างของคัลเตอร์จะลอยขึ้นไปแล้วมุ่งตรงไปที่ปราสาทของเพื่อนเก่า
“ ข้าเองก็ขอตัวไปหาท่านแดนนิสเช่นกันนะพะยะคะ ” ไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต ปีกสีขาวก็ปรากฏขึ้นกลางหลังขององครักษ์หนุ่มก่อนที่จะกระโดดจากพื้นบินตามองค์ชายชาวนรกไปติดๆ ทันที
อาคารสีฟ้าอ่อนที่ทำจากหินแกร่งของสวรรค์มีทั้งความทนทานและความสวยงามในเวลาเดียวกัน หน้าต่างสีฟ้าเข้มประดับด้วยลวดลายอันอดงามของสถาปนิกชั้นเยี่ยมของชาวสวรรค์ที่บิดามหาเทพบรรจงจะสรรค์สร้างให้กับลูกชายคนโตสุดที่รัก สวนหย่อมด้านข้างเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณสำหรับการพักผ่อนแสนวิเศษความสวยงามหากเทียบชั้นใกล้เคียงกับเรฟาการ์เด้นของสวรรค์เลยทีเดียว
ร่างสูงผิวสีเข้มบ่งบอกว่าตนเองแตกเหล่าจากชาวสวรรค์เก็บปีกค้างคาวของตนเองลงทันทีเมื่อถึงหน้าลานของคฤหาสหลังงาม คัลเตอร์ยืนมองสถาปัตยกรรมอยู่นานความทรงจำในวัยเด็กที่เคยมาเยี่ยมมหาเทพบ่อยๆ ยังมาเล่นบริเวณแถวๆนี้ ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย เสียงกระพรือปีกของเทสต้าก็บินตามมาติดๆ จนคัลเตอร์อดยิ้มในความภักดีขององค์รักคนนี้ไม่ได้
“ เราว่านายของเจ้าคงยังอารมณ์ขุ่นมัวอยู่นะเทสต้า ”
“ ข้าก็เพียงแต่อยากจะมาดูแลตามหน้าที่ของข้า ข้าไม่อยากให้ใครมานินทาหาว่าข้าทำตัวสบายเหมือนเจ้านายเท่านั้นเอง ” เทสต้าตอบอย่างถ่อมตน แต่ลึกๆ เขาเองก็อยากจะมาดูว่าเจ้านายสหายรักของเขาอารมณ์ดีขึ้นแล้วหรือยัง
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในคฤหาสแห่งบุตรชายคนเดียวของจอมมหาเทพ แดนนิสยังคงอยู่ในห้องโถงของตนเองเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้หนังสือทั้งหมดในชั้นหนังสือได้ถูกยกลงมากองรวมกันที่พื้นห้องจนรกไปหมด ส่วนเจ้าตัวนั่งอยู่บนโซฟาทองยาวที่ตักมีตำราเล่มหนึ่งถูกกางออกและจับจ้องด้วยดวงตาสีเขียวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหนีไปไหน ทำเอาเทสต้าหรี่ตามองด้วยความงงงวยคิดว่าตอนนี้แดนนิสคงมีกระจิตกระใจมานั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจอีกหรือ
“ นี่เจ้าขยันจนลืมสหายเก่าเลยหรือแดนนิส ” คัลเตอร์เดินมาหยิบหนังสือที่กองอยู่ที่พื้นเล่มหนึ่งก่อนจะพลิกดูว่าเป็นตำราเกี่ยวกับโลกทั้งสาม ดวงตาสีเขียวพลันหันมาทางเจ้าของเสียงพลันยิ้มจนเห็นฟันขาวเมื่ออาคันตุกะที่มาหาเขาในตอนนี้คือคัลเตอร์สหายเก่าแห่งยมโลก
“ เห้คัลเตอร์...นี่ลมอเวจีหอบเจ้ามาถึงนี่เลยรึนี่ ” แดนนิสลุกขึ้นมาเดินเข้าไปหาคัลเตอร์อย่างดีใจ ขาเรียวสดุดกับหนังสือของตนเองที่วางทิ้งไว้จนเสียท่า “ โทษทีนะที่ห้องของข้ารกไปหน่อย ”
“ ดีใจที่จะได้เข้าพิธีสยุมพรจนเนื้อเต้นเลยรึ ” หนุ่มจากนรกแซวแม้ว่าท่าทีของเพื่อนชาวสวรรค์จะขัดกับสิ่งที่เขาพูดไป ทำเอาแดนนิสหน้าเสียจนหุบยิ้มแทบจะไม่ทัน
“ ไม่เอาหน่าคัลเตอร์...แซวแรงไปหรือเปล่า ” แดนนิสขยี้หัวตัวเองเบาๆ “ เทสต้าเดี๋ยวเจ้าบอกให้คนไปจัดของว่างให้ข้าและเพื่อนที่สวนด้วยนะ วันนี้คงได้คุยกันยาว ”
“ หา...โลกมนุษย์ !!! ” คัลเตอร์เสียงดังอย่างลืมตัว แดนนิสเอานิ้วชี้มาเทียบปาดเพื่อให้เพื่อนลดเสียงลงแทบจะทันที “ นี่เจ้าคงไม่ได้คิดจะเอาจริงหรอกนะแดนนิส ”
“ โถ่วคัลเตอร์ ข้าอายุสองร้อยปีตลอดเวลาครึ่งนึงอยู่กับตำราและอีกครึ่งก็อยู่กับหนังสือเจ้าไม่คิดจะให้ข้าได้เที่ยวเล่นอย่างสนุกหน่อยรึ ”
“ แดนนิสเจ้าไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ เจ้าก็รู้ว่าการแต่งงานนี้สำคัญแค่ไหน ” คำพูดของคัลเตอร์ทำเอาสมองของแดนนิสคิดถึงคำพูดของเทสต้าทันที หน้ามุ่ยของแดนนิสยกชาสาหร่ายแดนนางเงือกขึ้นมาจิบอย่างหัวเสีย หากให้นัลวันนี้ทั้งวันคงนับเวลาที่เขาอารมณ์ดีได้เลย
“ ข้าเพียงแต่อยากจะไปเที่ยวให้หนำใจเท่านั้นเอง แล้วข้าก็จะกลับมา ” แดนนิสถอนหายใจก่อนที่จะวางถ้วยลงอย่างเหนื่อยใจ “ แล้วหากข้ากลับมาก็ต้องรอให้ไอมนุษย์หายไปจากตัวก่อนข้าจึงค่อยเข้าพิธีได้ ซึ่งตอนนี้ข้าและองค์หญิงเจฟดี้ก็ได้หมั่นหมายกันไปด้วยด้วยวาจาของท่านพ่อของข้า หากเกิดอะไรขึ้นทางนั้นก็ต้องส่งคนมาช่วยอยู่แล้ว หรือหากไม่พอใจข้าจริงๆ ก็ให้คนอื่นแต่งไปเลยยิ่งดี ”
“ ซึ่งถึงตอนนั้นองค์หญิงเจฟดี้อาจจะไปเข้าพิธีกับคนอื่นแล้ว ” คัลเตอร์เตือนสติ
“ ก็ดีข้าจะได้ไม่ต้องรอแต่งงานกับใครและหากเกิดศึกขึ้นข้าเชื่อว่าตัวข้าเองก็มีความเก่งไม่เป็นสองรองใครที่ปกครองคนในเมืองนี้ไม่ได้ ” แดนนิสมองหน้าสหายด้วยสายตาที่หนักแน่น ฝีมือของเขาก็เก่งกาจไม่แพ้ใครซึ่งคัลเตอร์เองก็รู้ดี แต่ในเมื่อแดนนิสต้องการเขาก็คงไม่ขัดเพราะเขาเองก็ไม่สามารถไปขัดชิวิตของใครได้และอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“ ดินแดนมนุษย์สวยงาม แต่การที่จะลงไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ชาวสวรรค์กับชาวนรกเป็นเทพการที่มนุษย์และเทพปะปนกันมันก็เป็นเรื่องต้องห้ามตามกฏของเทพเพราะโลกมนุษย์นั้นเป็นโลกที่เปราะบางปีศาจเองก็สามารถอยู่ที่นั่นได้ด้วยเช่นกัน หากเจ้าได้พบเจอกับปีศาจจะทำอย่างไร ” คัลเตอร์เริ่มพูดเข้าเรื่องอย่างจริงจัง โลกมนุษย์สวยงามแต่ก็ไร้ความสงบสุขเพราะจิตใจมนุษย์เป็นที่ชื่นชอบของปีศาจเช่นกัน ชาวนรกเองก็ยังไม่รู้เลยว่ามีปีศาจเล็ดลอดออกมาจากนรกได้หรือเปล่า
“ ขอให้เจ้าเชื่อใจในตัวข้า...ว่าข้าจะสามารถเอาตัวรอดได้เพราะมันก็เป็นแบบทดสอบอย่างหนึ่งเช่นกัน ” แดนนิสพูดด้วยสายตาที่มุ่งมั่นจนคัลเตอร์เองก็ยากที่จะทัดทาน
โรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ในชานเมืองแห่งหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันดีว่าสร้างรากฐานของการศึกษาที่สามารถเอาไปต่อในระดับอุดมศึกษาได้หลายคน ด้านหน้าของอาคารสีส้มอมแสดรายล้อมด้วยนักเรียนมัทธยมมากมายที่กำลังทำกิจกรรมของตนเองในเวลาเช้าเช่นนี้ อาณาเขตของโรงเรียนทั้งอาคารและสนามหญ้าที่กว้างขวางนั้นยิ่งทำให้มีมีเขัามาศึกษาโดยมาก แต่ในทางกลับกันทางด้านหลังของโรงเรียนกลับเป็นภูเขาสูงใหญ่ที่ยากจะหาพื้นที่ธรรมชาติในเขตชานเมืองเช่นนี้ ชาวบ้านจึงอนุรักษ์ไว้ไม่ให้ทำลายและยังสร้างวัดบริเวณตีนเขาอีกด้วย
ห้องเรียนของอาคารห้าเป็นที่ศึกษาของชั้นมัธยมที่ห้าทับสิบเอ็ด บรรยากาศก่อนเข้าเรียนชั่วโมงแรกในยามที่ผู้สอนยังไม่เข้า กลุ่มเด็กนักเรียนยังง่วนอยู่กับการทำการบ้าน ทานข้าวเช้า แต่ที่ฮิตที่สุดคงหนีไม่พ้นการอัพเดตข่าวระหว่างวันที่มีมากมายเหลือเกินหากเวลาที่ได้นั่งคุยกันอย่างสนุกปาก
“ อะไรนะ พี่แม็กกับยัยแคทเป็นแฟนกันแล้วหรอ ? ” แนททำตาโตเท่าไข่ห่านราวกับได้ยินข่าวว่ามีคนเผาบ้านตนเอง มองไปยังคนที่ตนเองพูดถึงที่ตอนนี้กำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนที่ทำให้เขินอายจนแทบจะม้วนหน้าลงไปที่พื้น น้ำปลาที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำหน้านิ่งหรี่ตามองเพื่อนสาวที่มีท่าทีต่างกับตนเองโดยสิ้นเชิงก่อนจะพูดขัดจนคนข้างๆหน้ามุ่ย
“ แนทแล้วแกจะตกใจทำไมเนี่ย นี่ไม่เคยเห็นคนมีแฟนหรอย่ะ หรือบ้านอยู่ในมิติหิมพานต์ที่คนเขาไม่นิยมมีความรักกัน ”
“ เอะขัดจิงนังนี่แล้วหล่อนเกิดในสมัยสงครามโลกรึไงยะถึงมองไม่ออกว่าพี่แม็กซ์สุดแฮนซั่มของฉันเนี่ยไม่สมควรกับยัยกระปุกนั่น ” แนทสะบัดผมของตนเองจนสยายแล้วคิดว่าตนเองสวยแล้วเอามือสะบัดผมอีกครั้งเหมือนนางแบบ โฆษณายาสระผม
“ คะ แม่คนสวยใส แม่กางเกงในสีชมพูใครมันจะไปสวยเหมือนหล่อนยะ สวยสะเปล่ายังโดนทิ้งอีก ” กอหญ้าที่นั่งฟังอยู่นานอดแสดงความคิดเห็นด้วยไม่ได้ ผมยาวสีดำที่ถูกมัดรวบตึงยิ่งทำให้ดวงตากลมโตดูเด่นชัดขึ้นไปอีก แม้ว่ากอหญ้าจะสวยไม่เท่าแนทและน้ำปลาที่เป็นหลีดของโรงเรียนแต่เธอก็มีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดไม่แพ้ใคร
“ โอ้ยยย พวกแกนี่ยังไงเนี่ย แล้วนายละชาร์ทไปว่าไงไปจีบยัยแคทให้หน่อยดิแล้วพี่แมกซ์เดี๋ยวฉันจัดการเอง ” แนทหันไปหาชาร์ทที่กำลังฟังเพลงอยู่ในตอนนี้สายหูฟังบรรเลงเสียงเพลงจนเข้าตัวแทบไม่ได้ยินว่าเพื่อนๆ พูดอะไรกัน แต่ก็ยังพอจับใจความได้ว่าพูดเรื่องอะไร
“ เรื่องของเขาสิหรือเธอก็ไปขุนตัวให้อ้วนแบยเขาสิพี่แมกซ์จะได้สนใจมอง ” ชายหนุ่มกระตุกหูฟังออกมาหัวเราะกับเพื่อนๆ แล้วหยิบเค้กกล้วยหอมใต้โต๊ะออกมาหยิบใส่ปาก แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะยื่นให้เพื่อนตรงหน้า
“ ไม่ใด้เรื่องเลยนะนายเนี่ย ” แนทสะบัดผมยาวกลับไปนั่งแบบเดิม หยิบโทรศัพท์ราคาแพงจากกระเป๋ามาบอกความรู้สึกกับสถานะเฟชบุค
“ นายนี่กินตลอดเวลาเลยนะ ทำบุญด้วยอะไรเนี่ยถึงกินเท่าไรก็ไม่อ้วน ” กอหญ้าที่นั่งข้างๆหยิบขนมจากมือของชายหนุ่มมาหยิบเข้าปากบ้าง แล้วหยิบไปให้น้ำปลาที่มีทีท่าสนใจขนมมากกว่าแนทที่กำลังง่วนอยู่กับมือถือ
“ นี่ก็ มอห้าแล้วนะเป็นเพื่อนกันมาก็ตั้งหลายปีทำไมนายไม่มีแฟนสักทีเนี่ย สาวๆ ก็มีมาตั้งหลายคน ” น้ำปลาที่หันมาสนทนาด้วยตั้งคำถาม “ เอะ หรือว่านายไม่ได้ชอบผู้หญิงเนี่ย ”
คำถามของน้ำปลาทำเอาคนฟังระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังหลังจากที่สำลักขนมในคอ “ จะว่าไปก็อาจจะใช่นะ ไม่รู้ว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจหรือว่าฟ้าไม่ส่งใครมาสักที ”
“ ได้ข่าวว่าใครขอความรักเนี่ย ” โบว์หัวหน้าห้องเดินผ่านมาได้ยินถึงกับนั่งข้างๆ คุยด้วยทันที
“ ไม่มีอะไรหรอกเพียงแค่จะบอกว่าไอชาร์ทมันสารภาพว่ามันเป็นตุ๊ดดูสิผิวขาวๆ หน้าเนียนๆ ปากชมพูๆ ออร่าแรงขนาดนี่ทำไมฉันไม่เฉลียวใจนะ ” กอหญ้ายิกแก้มของชาร์ทพร้อมกับหมุนไปมาพร้อมกับยิ้มกล้างส่ายหน้าล้อเลียนเพื่อนไปด้วย
“ โอ้ยยย สมัยนี้เป็นเกย์เป็นเรื่องปกติผู้ชายก็ต้องปรับเผ่าพันธ์พวกเราสิต้องสูญพันธุ์ ” โบว์เบะปากอย่างเซ็งๆ รายกับว่าตนเองผ่านครึ่งหนึ่งของชีวิตและยังไม่มีสามี
“ เอ้อ ถ้าพวกเธอไม่อยากสูญพันธุ์เดี๋ยวว่างๆ มาหาฉันนะ ” ชาร์ทหัวเราะ ก่อนที่จะโดนฝ่ามือของน้ำปลาตีเบาๆ
“ อิชาร์ท อิบ้า เพื่อนกันนะโว้ย ยังจะมาคิดอุตริอะไรเนี่ย ”
“ เอ้า...ถือด้วยหรอก็ฉันไม่ใช่ผู้ชายไง ” ชาร์ทยื่นหน้าหล่อของตนเองเข้ามาใกล้ๆ หน้าของอีกคน
“ หยุดๆๆๆ นี่ชาร์ทเลิกชีกอได้แล้ว ” โบว์ผลักหน้าของชายหนุ่มออกจากน้ำปลาจนเกือบหงายหลัง “ ที่จะมาคุยก็เรื่องความรักของพี่แมกซ์กับแคทนี่ละ ”
“ ทำไม ? ”
แนทหันหน้ามาอย่างไวเมื่อได้ยินโบว์พูด จนเพื่อนข้างๆ อดแซวไม่ได้ “ แหม เรื่องผู้ชายนี่ให้สิบเต็มเลยนะ ” แนทหรี่ตามามองก่อนที่จะหันหน้าไปหาโบว์อย่างตั้งใจฟัง
“ ก็บ่อน้ำหลังที่ภูเขาโรงเรียนน่ะสิ เขาว่ากันว่าใครไปอธิฐานเรื่องความรักแล้วก็สำเร็จทุกราย ล่าสุดยัยแคทมาเล่าให้ฟังเมื่อวานก่อน วันนี้เป็นแฟนกันซะละ ไวไหมละ ” แนททำตาโตอีกครั้งโดยไม่ต้องมีใครถามก็รู้ว่าเชื่ออย่างสนิทใจแน่นอน หันไปสบตากับน้ำปลาพร้อมกับจับมืออย่างออดอ้อน เพื่อนสาวหรี่ตามองอีกครั้งก่อนจะสบัดมือตนออกเบาๆ
“ ไม่ได้ย่ะวันนี้ชั้นมีเรียนพิเศษ ”
“ กอหญ้าไปกับฉันหน่อยนะ ” มือสวยพุ่งไปคว้ามือของเพื่อนสนิทอีกคนทันที “ นายด้วยชาร์ทพรุ่งนี้เราจะมีแฟนพร้อมกัน ”
“ เพ้อเจ้อ ” ชาร์ทถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาละเบื่อความงมงายของผู้หญิงจริงๆ เลย
---------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ