Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย

9.1

เขียนโดย Kreota

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.

  30 ตอน
  3 วิจารณ์
  29.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) เหนือความคาดหมาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
-24-
เหนือความคาดหมาย
 
            “โบขอโทษจริงๆ นะคะ แต่โบคิดอย่างอื่นกับพี่ไม่ได้จริงๆ นอกจากพี่ชาย...อีกอย่าง โบมีคนที่โบชอบอยู่แล้ว”  ฉันบอกออกไปตรงๆ แต่พี่ทิวดูเหมือนจะไม่ยอมรับสิ่งที่ฉันพูดง่ายๆ
            “ไม่ต้องรีบตอบหรอกโบ...กลับไปคิดดีๆ ก่อน”
            “ถึงกลับไปคิดยังไงคำตอบก็เหมือนเดิมค่ะ...อีกอย่าง โบไม่อยากให้พี่ต้องกังวลใจนานๆ...”
            หมับ!
            “ขอร้อง...หยุดคิดเรื่องของไอ้ปาวแล้วเริ่มคิดเรื่องของพี่บ้างได้ไหม”  พี่ทิวดึงฉันเข้าไปกอดไว้แน่น พร้อมกับเสียงสั่นเครือเหมือนกำลังจะร้องไห้
            “พี่ทิว...รู้หรอคะ”  ฉันถาม แต่ฉันไม่ได้แปลกใจอะไรมากเพราะว่าที่ผ่านมาข่าวฉาวๆ ของฉันมันทำให้คนทั้งโรงเรียนรู้กันหมดว่าฉันชอบปาว
            “ใช่ พี่รู้...รู้เรื่องไอ้ปาว รู้เรื่องดาวกระดาษ รู้เรื่องที่โบ...เป็นหนี้ไอ้ปาวด้วย”  พี่ทิวพูดขาดห้วงไป ทำให้ฉันใจหายวาบไปเลยทีเดียว ทำไมพี่ทิวรู้ว่าฉันเป็นหนี้ปาวล่ะ!
            “เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เลยนะคะนอกจากเหมยกับอ๋อง พี่ทิวรู้เรื่องนี้มาจากใคร”  ฉันผลักพี่ทิวออก แล้วมองหน้าพี่ทิวอย่างต้องการคำตอบ
            “พี่รู้เรื่องนี้เอง ไม่มีใครบอก...”  พี่ทิวตอบกลับมาแทบจะทันที  “ถ้าโบคบกับพี่...พี่จะใช้หนี้ให้หมดเลยทุกที่ที่พ่อโบไปกู้มาเลย”
            “พี่ทิว!!”  ฉันขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว พี่ทิวเห็นฉันเป็นคนเห็นแก่เงินหรือไง
            “เรื่องหนี้ โบไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยค่ะ แล้วโบก็ไม่ได้ต้องการเงินของพี่ทิวขนาดนั้นด้วย!”
            “พี่ขอโทษ...พี่ไม่ได้หมายความแบบที่โบเข้าใจเลยนะ พี่แค่อยากให้โบมั่นใจว่าพี่ดูแลโบแล้วก็ครอบครัวได้จริงๆ”
            “ไม่เป็นไรค่ะพี่ทิว เราดูแลกันเองได้ค่ะ!”  ฉันพูดแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันที
            เรื่องราวชีวิตฉันคงน่าสมเพชมากสินะ พี่แม่ทะเลาะกันทุกวัน เป็นหนี้เกือบๆ ครึ่งล้าน พี่สาวก็หนี้เตลิดไปเมืองนอก! ขนาดพี่ทิวยังใช้เงินฟาดหัวฉันเพื่อให้ยอมคบด้วย ถึงพี่เขาบอกว่าไม่ได้หมายความแบบนั้นแต่ฉันก็ไม่สบายใจอยู่ดีที่พี่ทิวมีความคิดทำนองนี้ อีกอย่าง...พี่เขาถึงขนาดตามสืบเรื่องของฉันขนาดนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอ!
            “โบ...ฟังพี่ก่อน”  พี่ทิวยังวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งมาถึงตัวฉันและคว้าข้อมือฉันไว้ได้สำเร็จ
            “คะ?”  ฉันหันกลับไปตามแรงดึง
            “พี่ขอโทษ...ที่พี่พูดไปแบบนั้นเพราะพี่เป็นห่วง...ต่อไปพี่จะไม่พยายามยุ่งกับครอบครัวของโบอีก พี่สัญญา”
            “ค่ะ”  ฉันรับคำสั้นๆ แล้วจะออกเดินต่อ แต่พี่ทิวก็ยังไม่ยอมปล่อยมือฉัน
            “โบ...ยกโทษให้พี่เถอะ”
            “ค่ะ โบยกโทษให้”
            “ตอบเสียงแบบนี้แสดงว่ายังไม่หายใช่ไหม”
            “ไม่ใช่ค่ะ โบไม่ได้คิดอะไรแล้วจริงๆ”
            “ถ้าหายโกรธแล้วยิ้มให้พี่ดูหน่อยสิ ไม่งั้นพี่คงนอนไม่หลับถ้ารู้ว่าโบยังไม่หายโกรธ”
            “ตอนนี้โบยังสับสนอยู่นี่ค่ะ ถ้าอยากให้โบเป็นแบบเดิม...โบขอเวลาสักพักนะคะ ส่วนเรื่องเมื่อกี๊โบยกโทษให้แล้ว ไม่ต้องกังวลนะ”  ฉันบอกแล้วก็เดินออกมาเลย
           
            วันรุ่งขึ้น ฉันมาโรงเรียนด้วยความตื่นเต้นซึ่งแตกต่างจากความรู้สึกเมื่อวานลิบลับ ฉันพยายามลืมว่าเมื่อวานพี่ทิวพูดอะไรกับฉันบ้างและลืมเรื่องความรู้สึกของพี่ทิว ฉันหวังอยู่ลึกๆ ว่า กลับมาจากสอบสัมภาษณ์พี่ทิวคงจะทำใจได้บ้างแล้ว และเราคงกลับมาเป็นพี่น้องกันได้เหมือนเดิม
            ฉันรู้ว่าเรื่องความรู้สึกมันเปลี่ยนไม่ได้ง่ายๆ ภายในไม่กี่วันหรอก แต่ฉันอยากให้พี่ทิวทำใจและลบฉันออกจากความรู้สึกนั้นได้เร็วๆ
            ของขวัญที่อยู่ในล็อกเกอร์ปาวในเช้าวันวาเลนไทน์แบบนี้ก็ไม่ต่างจากวันเกิดปาวสักเท่าไหร่ ของขวัญมากมายล้นออกมาจนตกไปกองอยู่ที่พื้นอย่างน่าเสียดาย แต่วันนี้ฉันจะไม่ใส่มันไว้ในล็อกเกอร์เหมือนวันนั้นอีกแล้ว ฉันยืนรอปาวที่หน้าล็อกเกอร์พร้อมกับดาวดวงสุดท้าย...ถึงเวลาที่จะแสดงตัวสักที
            ฉันยืนรอปาวอยู่นานสองนานแต่เขาก็ไม่มาสักที จนใกล้จะถึงเวลาเข้าแถวแล้วปาวก็ยังไม่มา...หรือว่าเขาจะขึ้นห้องไปแล้ว แต่ตรงนี้มันก็ทางขึ้นตึกนะถ้าเขาเดินผ่านมาฉันก็ต้องเห็นสิ
            ฉันกะจะเดินขึ้นไปสองดูปาวที่ห้องเรียนแทนการยืนรออยู่เฉยๆ แต่จู่ๆ ก็มีคนเรียกฉันเอาไว้ซะก่อน
            “เดี๋ยว!”
            ฉันหันไปตามต้นเสียง ก็เห็นปาวยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับขวดโหลดาวกระดาษในมือ เห็นแค่นั้นฉันก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แล้วแบบนี้ฉันจะสารภาพออกไปได้ยังไง >////<
            “นายเรียกฉันหรอ”  ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ขณะที่ปาวเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงอาการตื่นเต้นออกมา
            “ใช่”  ปาวมาหยุดอยู่ข้างหน้าฉันแล้ว >////<
            “นาย...มีอะไรกับฉันหรอ”  ฉันเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อเห็นว่าปาวนิ่งไปหลังจากที่เดินเข้ามาฉันแล้ว คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เริ่มหยุดมองพวกเราอย่างสนอกสนใจ
            ปาวไม่ได้ตอบอะไรเขาเพียงแต่ยื่นขวดโหลแก้วนั้นมาให้ฉัน
            “เอ๊ะ! อะ...อะไร? นายซื้อมาให้ฉันหรอ” 
            “ไม่ได้เอามาให้...ฉันเอามาคืน”  ปาวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ซึ่งนั่นทำเอาร่างกายฉันชาวาบไปทั้งตัวเหมือนกับโดนแช่แข็งอย่างเฉียบพลัน เขาหมายความว่าไง! เขารู้แล้วหรอว่าเป็นของฉัน!!
            “คืน? นายจะเอามาคืนฉันทำไม” 
            “ของเธอไม่ใช่หรอ”
            “มะ...ไม่ใช่ของฉัน”  ฉันทำเป็นไขสือไม่ยอมรับทั้งที่ในใจเริ่มหวิวๆ ขึ้นมาแล้ว
            “ถ้าเธอไม่รับคืนก็ไม่เป็นไร”  ปาวพูดแล้วเดินผ่านฉันไปยังถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ
            “เฮ้ย!! เดี๋ยวๆ นายจะทิ้งจริงๆ หรอ ในนี้มันมีดาวตั้งสามพันกว่าดวง...อุ๊บ!! OxO”  ฉันยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแทบจะทันที เพราะเมื่อกี๊ฉันเพิ่งจะสารภาพออกไปเองว่าดาวเป็นของฉัน
            โธ่! นังโบอิ้ง! เธอพลาดแล้ว >_<!
            “ไหนว่าไม่ใช่ของเธอไง รู้แม้กระทั่งจำนวนดาวที่อยู่ในนี้เลยหรอ”
            “คือ...”
            “เอาคืนไป! ฉันไม่ต้องการ แล้วก็ช่วยเลิกยุ่งกับฉันสักที!”  ทันทีที่ปาวพูดจบก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นในกลุ่มคนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์ บางคนแอบหัวเราะชอบใจที่ฉันโดนปาวหักหน้า บางคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเด็ดครั้งนี้เอาไว้อย่างนึกสนุก แต่ฉันไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องไร้สาระหรอก สิ่งที่สำคัญกว่าไทมุงพวกนี้คือ ปาวเป็นอะไร?
            “ปาว...ทำไมนาย...พูดแบบนี้ล่ะ”  ฉันถามเพราะฉันอยากจะรู้เหตุผล วันก่อนเขายังยิ้มยังคุยกับฉันปกติอยู่เลย แต่ทำไมวันนี้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!
            “ฉันว่า ฉันไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก...เธอรู้อยู่แก่ใจแล้ว”
            “รู้อะไร?”
            “เอาเป็นว่า ฉันไม่ชอบให้ใครมาปั่นหัวเล่น โดยเฉพาะ...เธอ! เอาไปได้แล้ว”  ปาวไม่ตอบข้อสงสัยให้ฉัน แถมยังเพิ่มความสงสัยให้ฉันเข้าไปอีก
            “แล้วก็ช่วยออกไปจากชีวิตฉันด้วยนะ อย่ามายุ่งกับฉันอีก”  ปาวบอกพร้อมกับยัดขวดโหลใส่มือให้ฉันแล้วเดินจากไปโดยไม่มีท่าทีว่าจะหันหลังกลับมา
            ฉันมองตามแผ่นหลังที่เย็นชาของปาวไปด้วยความรู้อัดอั้นและคับข้องใจ ฉันอยากจะวิ่งตามไปแล้วถามเขาให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คำถามมากมายที่ถาโถมเข้ามาทำให้หูฉันอื้อไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เขาโกรธฉันเรื่องอะไร?...ยิ่งคิดความรู้สึกปวดตุบๆ ที่ขมับก็เพิ่มมากขึ้น
            เพล้ง!!
            มือที่ชุ่มเหงื่อและไร้เรี่ยวแรงของฉันไม่สามารถรับน้ำหนักอันน้อยนิดของขวดโหลได้ ทำให้มันหล่นลงไปกับพื้น เศษแก้วกระจายไปทั่วทั้งบริเวณจนทำให้คนที่มุงดูอยู่ต้องถอยออกห่างไปพอสมควร ฉันก้มลงมองมือที่ยังประสานกันอยู่ในท่าจับขวดโหลด้วยความตกใจ แต่ฉันไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะก้มลงไปเก็บดาวกระดาษอันบอบบางของตัวเองขึ้นมาได้
            “ฮึ!”  ฉันพ่นลมออกมาแรงๆ พร้อมกับมองเศษแก้วและดาวสามพันดวงของตัวเองอย่างสมเพช ความเจ็บปวดแล่นแปล๊บขึ้นมากลางอกจนไม่สามารถพูดหรือแม้กระทั่งร้องไห้ออกมา ฉันไม่สามารถเดินหนีออกไปจากตรงนี้เพื่อหนีความอับอายได้ทั้งๆ ที่ฉันอยากทำใจจะขาด พอมองดาวกระดาษที่เริ่มปลิวกระจายไปทั่วทางเดินแล้วมันรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจพร้อมกับคำถามที่ว่า ‘ฉันสร้างพวกแกขึ้นมาทำไมนะ’ แต่ที่ฉันสงสารมากกว่าดาวพวกนี้ คือหัวใจของตัวเอง
            ที่ผ่านมา ฉันนึกว่าปาวเปลี่ยนไปแล้ว ฉันคิดว่าเราสนิทแล้วและเขาจะไม่มีทางทำร้ายจิตใจฉันเหมือนครั้งก่อนอีก แต่วันนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันคิดผิด! ปาวไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขายังเป็นปาวคนเดิม คนที่เห็นฉันเป็นแค่เห็บหมัดที่คอยเกาะติดเขาไปทุกที่ ที่ฉันคิดว่าเราสนิทกันนั่นก็ผิด!...ที่จริง เราไม่เคยสนิทกันเลยสักนิด หรือบางที...ปาวอาจจะไม่เคยอยากจะทำความรู้จักกับฉันเลยด้วยซ้ำ แต่ที่เขาทำไปเพราะฉันเป็นเพื่อนโปรด!
            ทุกอย่างมันเป็นคนผิดของฉันคนเดียว...
            ฉันค่อยๆ ทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้วประคองเอาดาวกระดาษของตัวเองเข้ามาเก็บไว้ในกระเป๋านักเรียน ดวงแล้วดวงเล่าที่ฉันเก็บมันเข้าไป มันยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดและความน่าสมเพชให้ตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมา...ฉันไม่เคยรู้สึกไร้ค่าขนาดนี้มาก่อนเลย
            “เฮ้อ...ฉันสงสารเธอจริงๆ เลยนะโบอิ้ง ฮ่าๆๆๆ”  แมทธ์เดินเข้ามามองฉันด้วยหางตาพร้อมกับใช้เท้าขยี้ดาวกระดาษของฉันจนแบนราบไปกับพื้นก่อนจะเดินผ่านไป ทิ้งเสียงหัวเราะชอบใจไว้กับฉันจากไกลๆ ฉันเก็บดาวกระจกนั้นกลับมาคลี่แล้วพับใหม่และเก็บเข้าไปในกระเป๋าเงียบๆ น้ำตาที่ฉันคิดว่ามันจะไหลไม่ออกมาจู่ๆ ก็หล่นพรึบลงมาข้างแก้ม หลังจากนั้น มันก็ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจนฉันกลั้นมันเอาไว้ไม่อยู่
            “โบ...”  ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงที่เรียกชื่อฉันพร้อมกับม่านน้ำตาหนาๆ ก็พบเหมยและอ๋องนั่งอยู่กับพื้นตรงหน้าฉัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเสียงสะอื้นและหยดน้ำตาที่ฉันพยายามเก็บกดไว้มันกลับล้นทะลักออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ฉันโผเข้ากอดเหมยกับอ๋องแล้วร้องไห้ออกมาสุดเสียง ความไว้ใจและความอบอุ่นจากเพื่อนทั้ง 2 คนทำให้ฉันสามารถร้องไห้ออกมาได้โดยไม่แคร์ใคร ถ้ามีสองคนนี้อยู่...ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบที่ฉันกำลังแบกอยู่มันเบาลงไปเป็นเท่าตัว
 
 
****************************************************
อัพแล้วจ้าาาาา มาอ่านกันเร็วววววว 
ฝากติดตามด้วยนะคะรีดเดอร์
แล้วเจอกันใหม่จ้า
**************************************************** 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา