Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย
เขียนโดย Kreota
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.
แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
25) อิสรภาพ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
-25-
อิสรภาพ
ฉันนั่งเขี่ยดาวเล่นขณะที่รอสอบปลายภาควิชาลีลาศด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว จำท่าลีลาศก็ไม่ได้แถมยังโดนปาวปฏิเสธแบบฮาร์ดคอร์อย่างเมื่อเช้าอีก...ฉันรับไม่ได้ T^T
“ใส่ถุงไว้ดีๆ หน่อย ปลิวหมดแล้วเนี่ย” เหมยบ่นหลังจากตามเก็บดาวมายัดใส่ถุงให้ฉันหลายรอบแล้ว ฉันมองถุงก๊อบแก๊บที่ขอคุณป้าขายข้าวแกงมาใส่เมื่อตอนเที่ยงด้วยความรู้สึกปั่นป่วนมวนท้อง ฉันจึงมัดปากถุงก่อนจะยัดมันเข้าไปในเป้สะพายหลังของตัวเอง
“พวกเธอทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนคนอื่นล่ะ” ท็อทเดินเข้ามาทักพร้อมกับฟานที่เดินตามมาเงียบๆ
“วันนี้คงไม่ได้สอบแล้วล่ะ ดูสิคนต่อคิวยาวไปถึงโรงอาหารโน่น” อ๋องพูดพร้อมกับชี้ไปที่นักเรียน ม.6 ที่ยืนต่อคิวกันยาวเหยียด ที่จริงไม่ได้ต่อไปจนถึงโรงอาหารหรอก นังอ๋องพูดเวอร์ไปอย่างงั้นเอง
วันนี้เหมือนเป็นมหกรรมรวมชั้นเรียน ม.6 ไว้ทุกห้องเลยก็ว่าได้ เพราะการสอบปลายภาครายวิชาลีลาสจะสอบรวมกันทุกห้อง โดยจะให้ออกไปเต้นจังหวะละ 4 คู่ ส่วนใครจะเลือกจังหวะไหนก็แล้วแต่ถนัด ไฮไลท์ในการสอบครั้งนี้นอกจากดูลีลาท่าทาง ความคล่องตัวแล้วยังมีเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมที่แต่ละคนขนชุดราตรีของบรรพบุรุษมาสอบกันเลยทีเดียว บางคนเดินลากไปเป็นกิโลจนอาจารย์ให้กลับไปเปลี่ยนชุดก่อนค่อยมาสอบใหม่ก็มีเหมือนกัน การสอบแต่ละครั้งต้องเสียเวลากับเรื่องไร้สาระพวกนี้แหละ กว่าจะสอบเสร็จจังหวะหนึ่งๆ จึงใช้เวลานานมาก
ที่จริงการสอบปลายภาคของวิชาลีลาศมีทั้งหมด 3 วันค่ะ แต่เพราะมันคาบเกี่ยวกับวันเสาร์ - อาทิตย์ แต่ละคนก็เลยเร่งอยากจะสอบวันนี้ให้ได้ ฉันก็เลยขอสละสิทธิ์เองดีกว่า อีกอย่างวันนี้ไม่มีอารมณ์เต้นด้วย T^T
“แล้วพวกนายสอบเสร็จแล้วรึไงถึงมาเดินชิลอยู่แบบนี้”
“ยังเหมือนกัน ว่าจะมาสอบเป็นเพื่อนไอ้ปาวพรุ่งนี้ วันนี้ไม่รู้มันหายไปไหน” ท็อทนั่งลงบนม้านั่งตัวที่อยู่ข้างๆ ฉัน ดูเหมือนหมอนี่พยายามจะเน้นคำว่าปาวใส่หน้าฉันเหลือเกิน =_=
“ตกลงพวกเธอทะเลาะกันเรื่องอะไร วันนี้ไอ้ปาวอารมณ์บูดทั้งวันเลย” ฟานตั้งคำถาม เอ่อ...ถามตรงไปนะบางที U_U;
“อืมใช่ๆ ฉันได้ยินเรื่องเมื่อเช้าแล้วนะ มิน่ามันไม่มาเรียนทั้งวันเลย พอโทรไปถามก็เหวี่ยงพวกฉันอีก แม่ง! ถ้ามันเป็นผู้หญิงฉันจะคิดว่ารอบเดือนมันมา...” ท็อทพูดออกมาอย่างลืมตัว =_=
“เอ่อ...โทษที ^^;” ท็อทยิ้มแหยๆ พร้อมกับเกาต้นคอแก้เขิน
“หรือว่ามันโกรธเธอเรื่องทีเธอมีแฟนอยู่แล้ว แต่ยังไปตื๊อมันรึเปล่า” ฟานถามออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก ฉัน เหมยและอ๋องมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย 'แฟน’ ฉันงั้นหรอ?
“ใครแฟนฉัน?” ฉันขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
“อ้าวก็พี่ทิวไง ฉันเห็นหรอกน่า เมื่อวานกอดกันกลมเชียวน้าาา...” ท็อทลากเสียงยาวๆ เพื่อแซวฉัน...แต่ฉันไม่รู้สึกเขินเลยสักนิด!
“บ้า! พี่ทิวไม่ใช่แฟนฉันนะ” ฉันรีบปฏิเสธทันควัน
“อ้าว! พวกฉันก็นึกว่ากอดล่ำลากันก่อนไปสอบสัมภาษณ์ซะอีก” ท็อทพูด
“ไม่ใช่ พี่เขาแค่ขอบคุณเรื่องของขวัญ...แล้วก็เรื่องสายรหัส ที่คอยดูแลกันมานานเท่านั้นเอง” ฉันแก้ตัวไปอย่างงั้นเองแหละ ทั้งที่เรื่องนี้มันก็มีอะไรในกอไผ่เหมือนอย่างที่ท็อทกับฟานสงสัยอยู่จริงๆ
“แค่นี้เองหรอ...โกหกพวกเรารึเปล่าเนี่ย ใครไปเห็นตอนนั้นก็คิดเหมือนกันหมดแหละว่าพวกเธอเป็นแฟนกัน ขนาดไอ้ปาวเห็นก็ยังคิด โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินหนีไปเฉยเลย ทำอย่างกับหึงเธออย่างนั้นแหละ...”
“เฮ้ย! พูดมากน่า กลับได้แล้ว” จู่ๆ ฟานก็พูดตัดบทแล้วพรากท็อทที่กำลังเม้าท์มอยอย่างถึงใจถึงอารมณ์ไปอย่างน่าเสียดาย
“แก...แกคิดเหมือนฉันไหม?” หลังจากที่ฟานกับท็อทเดินไปแล้ว เหมยก็พูดขึ้นมาและเพราะอะไรบางอย่างทำให้เรา 3 คนพยักหน้าพร้อมกัน
ปาวเริ่มหวั่นไหวกับฉันแล้วสินะ >/////<
แต่...ตอนนี้เขาเกลียดฉันแล้ว เขามองฉันเป็นผู้หญิงไม่ดีจับปลาสองมือ ชอบปั่นหัวผู้ชายเล่นไปซะแล้ว แบบนี้ฉันจะมีหน้าไปหาเขาอีกได้ยังไง!!
ฉันช่วยโปรดขนของขวัญกลับมาที่บ้านพร้อมกับสอดส่องปาวไปด้วย แต่ปาวยังไม่กลับมาเลย มาเสียเที่ยวหรอเนี่ย U_U
“มองห้องพี่ฉันอยู่นั่นแหละเดี๋ยวของก็ตกแตกหรอก มานี่” โปรดกวักมือเรียก ฉันก็เลยต้องเดินตามไป
ยัยโปรดกูดูเหมือนฮอตไม่แพ้พี่ชายเลยนะ ของขวัญวันวาเลนไทน์ทั้งตุ๊กตา ช็อกโกแลตมาแบบจัดเต็ม ไม่รู้ว่าคนที่ให้ชอบยัยโปรดตรงไหน ขี้วีน เอาแต่ใจขนาดนี้
“นี่! กำลังแอบนินทาฉันในใจใช่ไหม!”
“เปล่าซะหน่อย” ฉันตอบ ที่จริงอยากจะถามไปว่า รู้ได้ไง? มากกว่า =_=
“ขอบใจนะที่ขนขึ้นมาช่วย” โปรดบอก...แปลกมากที่โปรดพูดประโยคนี้ออกมาทั้งที่เมื่อก่อนใช้งานฉันอย่างกับอะไรดีแต่ก็ไม่เคยขอบใจฉันสักคำ
“อืม” ฉันรับคำอย่างงงๆ
“เมื่อเช้า...ขอโทษด้วยที่พี่ฉันทำขวดโหลใส่ดาวของเธอแตก” โปรดพูดต่อดูเหมือนยัยโปรดจะไม่ได้เสแสร้งพูดออกมา นั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ ที่อยู่ๆ โปรดก็เปลี่ยนไป
“พี่เธอไม่ได้ทำหรอก ฉันทำมันหล่นเอง”
“ถ้าพี่ฉันไม่พูดกับเธอแรงๆ เธอคงไม่ทำมันแตก...มันเป็นความผิดของพี่ฉันอยู่ดี”
“ไม่หรอก...”
“เธอจะ...เลิกคบกับฉันไหม” ในที่สุดฉันก็รู้เหตุผลที่โปรดเปลี่ยนไปเมื่อโปรดถามคำถามนี้ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ทำไมเธอคิดแบบนั้นล่ะ”
“ก็...พี่ฉันปฏิเสธเธอไปแล้ว ฉันกลัวว่าเธอจะเลิกคบฉันไปด้วย”
“บ้าหรอ ฉันจะเลิกคบกับเธอเพราะปาวได้ยังไง...เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“จริงนะ ^O^”
“จริง”
“ขอบใจนะ” โปรดโผเข้ามากอดฉันไว้แน่น ก่อนจะรีบผละออกเหมือนเพิ่งคิดอะไรขึ้นมาได้ “เธออยากรู้ไหมว่าพี่ฉันชอบเธอรึเปล่า”
“เธอรู้หรอ *O*” ฉันตาลุกวาวขึ้นมาทันที แต่...
“เดี๋ยวๆ เธอมีแผนอะไรรึเปล่าเนี่ย” ฉันหรี่ตามองโปรดอย่างไม่ไว้ใจ
“โธ่! ก็ตอบแทนเพื่อนสุดที่รักไง...ว่าไง เธออยากรู้ไหม”
“อยากสิถามได้ -///-”
“งั้นตามฉันมา” โปรดบอกพร้อมกับลากฉันออกมาจากห้องแล้วตรงมาที่ห้องปาว
“เฮ้ยๆ เธอจะทำอะไรเนี่ย” ฉันรั้งโปรดเอาไว้ก่อนที่ยัยนั่นจะเปิดเข้าไปในห้องนอนปาว
“อ้าว เธออยากรู้ไม่ใช่หรอ”
“แต่...มันไม่เสียมารยาทเกินไปหรอ”
“ไม่หรอกน่า มากับฉันรับรองพี่ปาวไม่โกรธ” พูดจบนางก็ค่อยๆ หมุนลูกบิดประตูช้าๆ
“ทำอะไรกันน่ะ!” จู่ๆ ปาวก็มายืนอยู่ข้างหลังพวกเรา เขามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้แต่ที่รู้แน่ๆ คือสภาพตอนนี้มันเห็นได้ชัดว่ากำลังจะลักลอบเข้าห้องเขาอยู่ Y///Y
“อ้าวพี่ปาว! มาเมื่อไหร่เนี่ย” โปรดรีบหันไปยิ้มหวานให้ปาว
“มาทันได้เห็นเธอทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าห้องพี่แล้วกัน จะทำอะไร”
“ปะเปล่าๆ เค้าไม่ได้ทำอะไร เค้าแค่มาส่องดูเฉยๆ ว่าพี่กลับมารึยัง” โปรดแก้ตัวเป็นพัลวัน โด่! ทีเมื่อกี๊บอกว่าปาวจะไม่โกรธ ทีนี้แก้ตัวใหญ่เลย =_=
“กลับมาแล้วนี่ไง มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรแล้ว เข้าห้องเถอะ ^^” โปรดแทบจะผายมือให้ปาวเข้าห้องเพราะตัวเองมีความผิด ก่อนจะหันมาถอนหายใจใส่หน้าฉันเฮือกใหญ่ แล้วจู่ๆ ชีก็ตาลุกวาวขึ้นมาอย่างน่ากลัว
“พี่ปาวๆ” โปรดวิ่งไปเกาะขอบประตูห้องเอาไว้ก่อนที่ปาวจะปิดประตู
“อะไร”
“ไปส่งโบอิ้งให้หน่อยสิ คนขับรถต้องไปส่งเค้าไปทำรายงานที่บ้านเพื่อนมันคนละทาง นะ...น้าาา...” โปรดกอดแขนพี่ชายพร้อมกับทำหน้าออดอ้อน
ปาวชำเลืองมามองฉันนิดหน่อยก่อนจะก้มลงมองน้องสาวตัวเองอีกครั้ง เขาดูท่าทางอึดอัดเหมือนรู้สึกไม่ดีมากๆ ที่ต้องไปส่งฉัน จริงสินะ...เขาเกลียดฉันแล้วนี่
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันกลับเองได้” ฉันบอกแล้วเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เสียงพูดคุยจากสองพี่น้องยังคงดังตามมาเบาๆ ก่อนที่ฝีเท้าหนักๆ ของใครบางคนวิ่งตามฉันออกมา
“เดี๋ยว!” เสียงของปาวดังอยู่ข้างหลัง ฉันหันกลับไปก็เจอปาวยืนอยู่ที่ประตูเข้าบ้าน
“ว่าไง” ฉันหันกลับไปหาปาว เขามองหน้าฉันนิดหน่อยก่อนจะเสตาไปมองด้านข้างแทน
“รออยู่นี่แหละ เดี๋ยว...ฉันไปส่ง เข้าไปเอากุญแจรถก่อน” ปาวบอกแล้วเดินกลับเข้าไป
“ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้จริงๆ” ฉันร้องบอกโดยไม่รอให้เขาเข้าไปในบ้านให้เหนื่อย
“ไม่ได้หรอก...โปรดขอมา” ปาวบอกแล้วเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่รอฟังเสียงคัดค้านจากฉันเลย
ที่ทำแบบนี้เพราะโปรดสินะ…
ถ้าเกิดนั่งรถไปกับปาวฉันต้องอึดอัดตายแน่ๆ แล้วเขาก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน งั้นจะไปด้วยกันให้ทรมานทำไม ฉันตัดสินใจเดินออกมาจากบ้านเดินผ่านสวนหย่อมหน้าบ้านที่ทอดยาวออกมาจนถึงประตูเหล็กหนาหนักหน้าบ้าน
พอเดินผ่านป้อมยามที่ประตูหน้าบ้านได้สักพักรถของปาวก็แล่นมาจอดเทียบข้างฟุตบาท ด้วยความเร็วของรถที่ปาวขับมาทำให้ฉันต้องถอยหลบเข้ามาในฟุตบาทอีกก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ
“ทำไมไม่รอล่ะ” ปาวเดินลงมาจากรถทั้งที่ยังติดเครื่องยนต์ไว้อยู่
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องไปส่ง”
“ขึ้นรถ” ปาวบอกสั้นๆ แล้วขับข้อมือฉันไว้ ระหว่างนั้นเองแลมโบกินีสีแสบตาก็แล่นมาจอดใกล้กับรถปาว เหลืออีกไม่กี่นิ้วก็เกือบจะประสานงากันแล้ว
“โบอิ้ง มีอะไรรึเปล่า” พี่โบลิ่งลงมาจากรถแล้วเข้ามายืนแทรกกลางระหว่างฉันกับปาว ทำให้ข้อมือของฉันหลุดออกมาเป็นอิสระ
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“งั้นหรอ” พี่โบลิ่งมองปาวอย่างไม่ไว้ใจ “ทำไมมาอยู่แถวนี้”
“มาส่งเพื่อนน่ะค่ะ” ฉันบอก
“อ๋อ ลูกสาวเจ้าหนี้น่ะหรอ” พี่โบลิ่งพูดเหมือนรู้เรื่องที่ฉันต้องคบกับโปรดเพื่อลดดอกเบี้ยแล้ว
“พี่...รู้หรอ”
“ใช่พี่รู้ แล้วพี่ก็รู้ด้วยว่าผู้ชายคนนี้คือทายาทรุ่นที่สิบแห่งโอเชี่ยนคอป...ฉันเข้าใจถูกต้องใช่ไหมคะ” ประโยคหลังพี่โบลิ่งพูดกับปาวอย่างเจาะจง
“ครับ” ปาวรับคำอย่างสุภาพแล้วทั้งคู่ก็มองหน้ากันนิ่ง เหมือนบรรยากาศกำลังเริ่มมาคุแต่ดีที่ยามที่อยู่ในป้อมสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติก็เลยเข้ามาถามสงครามเย็นจึงสงบลงได้ในที่สุด
พี่โบลิ่งยัดฉันเข้าไปในรถแล้วเดินขึ้นมานั่งประจำที่คนขับด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นต่อเนื่องมาจากเมื่อครู่
“สนิทกับสองพี่น้องนี่มากแค่ไหน” พี่โบลิ่งถามเมื่อปิดประตูฝั่งของตัวเองแล้ว
“ก็...ไม่มากหรอกค่ะ” ฉันบอกเพราะฉันไม่รู้ว่าพี่โบลิ่งรู้เรื่องนี้มากน้อยขนาดไหนตอบแบบกลางๆ ไปก่อนแล้วกัน ว่าแต่...พี่จะรู้เรื่องที่ฉันชอบปาวไหนนะ =_=;
“ไม่ต้องมาโกหกยัยน้องรัก จับมือถือแขนกันขนาดนั้นบอกว่าไม่สนิทหรอ”
“เกิดเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะค่ะเขาเรียกโบแต่โบไม่ได้ยินเขาก็เรียกดึงไว้ ไม่มีอะไรหรอก”
“เฮ้อ...ถึงจะยังไงก็เถอะ เธอรู้รึเปล่าว่าพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดา พวกนี้เป็นมาเฟียนะ” พี่โบลิ่งพยักพเยิดไปหาปาวที่กำลังเข้าเกียร์รถตัวเองอย่างอ้อยอิ่ง
“เรื่องนั้นโบรู้ดี”
“แล้วยังจะไปยุ่งกับพวกเขาทำไม ยอมเป็นเพื่อนกับมาเฟียอีกต่างหาก ถ้าเกิดคู่อริเขามายิงแล้วตัวเองโดนลูกหลงขึ้นมาจะทำยังไง!”
ประสบการณ์นั้นโบผ่านมาแล้วค่ะพี่โบลิ่ง =_=;
“พ่อแม่คิดยังไงนะถึงยอมให้เธอมาทำอะไรแบบนี้” พี่โบลิ่งสบถอย่างหัวเสียพร้อมกับกุมขมับตัวเอง
“เพราะเขาเป็นมาเฟียนี่แหละโบถึงไม่กล้าขัด...โบทำไปเพื่อทุกคนนะคะ”
“งั้นพี่จะทำเพื่อเราบ้าง”
พี่โบลิ่งพูดจบก็ขับรถเลี้ยวเข้าไปในบ้านปาวทันที โชคดีที่วันนี้คุณปริญญ์อยู่ที่บ้านด้วย ทำให้พี่โบลิ่งใช้หนี้ทั้งต้นและดอกกับคุณปริญญ์ด้วยตัวเอง
“พวกเธอคิดดีแล้วหรอที่จะใช้หนี้ฉันวันนี้เลย ไปปรึกษากันก่อนไหมฉันไม่คิดดอกเบี้ยหรอก” คุณปริญญ์ถามพร้อมกับมองกองเงินสด 22 ล้านกว่าๆ ด้วยแววตาไร้อารมณ์
โปรดนั่งอยู่ข้างๆ คุณปริญญ์ เธอกำลังมองฉันตาละห้อย ส่วนปาวยืนดูเหตุการณ์อยู่สักพักแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ฉันรู้สึกใจหายยังไงบอกไม่ถูก...ที่จริงก็ดีใจนะที่จะไม่เป็นหนี้แล้ว แต่พอคิดว่าจะไม่ได้ใกล้ชิดกับโปรดและปาวอีกมันรู้สึกหวิวๆ ขึ้นมา
“คิดดีแล้วค่ะ อีกอย่างปิดหนี้วันนี้เลยก็ดีแล้วนี่คะ จะได้ไม่เป็นหนี้ใครอีก เป็นหนี้แบบไม่มีดอกเบี้ยแบบนี้นานๆ เดี๋ยวเจ้าหนี้ขาดทุนแย่” พี่โบลิ่งตอบแบบกวนๆ ตามประสาสาวมั่น ถึงจะมั่นขนาดไหนแต่เขาก็เป็นมาเฟียนะพี่...พี่เป็นคนย้ำกับฉันเองว่าพวกเขาน่ากลัว แล้วดูตัวเองสิ =_=
“ฮึ! เธอคิดอย่างนั้นหรอ งั้นก็แล้วแต่พวกเธอแล้วกัน...แต่หลังจากที่เธอก้าวพ้นประตูนี้ออกไป ชีวิตของพวกเธออาจจะเปลี่ยนไปจากเดิม เธอยังยืนยันว่าจะใช้หนี้วันนี้อยู่ไหม” คุณปริญญ์ถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง สายตาของเขาดูห่วงใยพวกเราจนน่าแปลกใจ แต่พี่โบลิ่งอุตส่าห์ตั้งใจจะใช้หนี้ให้หมดวันนี้ก่อนเดินทางกลับฝรั่งเศสพรุ่งนี้ ฉันจึงไม่ได้ถามอะไรออกไปเพราะจะเสียบรรยากาศและเสียความตั้งใจของพี่โบลิ่งเปล่าๆ
“ค่ะ ฉันยืนยัน” พี่โบลิ่งตอบกลับไปอีกครั้ง น้ำเสียงก็ยังคงหนักแน่นเหมือนเดิม คุณปริญญ์พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะให้คุณภาสน์นำสัญญากู้ยืมเงินที่ทำไว้กับพ่อออกมา เมื่อจัดการกับเอกสารเรียบร้อยแล้วเราก็ออกมาจากบ้านโดยมีคุณภาสน์เดินออกมาส่งที่โรงรถ
“หลังจากนี้ก็...โชคดีนะ” คุณภาสน์บอกแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน ฉันเห็นโปรดแอบมองพวกเราลงมาจากด้านบนดูท่าทางเหมือนกำลังเสียใจมาก
ครืดๆๆ
“รับสิ พี่จะขึ้นไปรอบนรถ” พี่โบลิ่งคงรู้ว่าต้องเป็นหนึ่งในสองพี่น้องโทรมาแน่ๆ ก็เลยเปิดโอกาสให้ฉันได้พูดกับพวกเขา ฉันกดรับสายก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองโปรดที่ยังเกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างโดยมีพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
*********************************************
มาแล้วจ้า
ฝากติดตามด้วยน้า
*********************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ