30 days for youสามสิบวันของผมกับนายเจ้าหนี้ตัวร้าย
10.0
เขียนโดย enzang2660
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.42 น.
16 บท
3 วิจารณ์
19.83K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 10.49 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) บทที่ 4 รับเคราะห์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 4
รับเคราะห์
ผมเคยวาดฝันไว้ว่า หากผมป่วยหรือบาดเจ็บนอนซม สิ่งที่ผมต้องการก็แค่ใครสักคนที่เขาจะใจดีสละเวลามาดูแลผม ผมคิดแบบนั้น แต่นั่นอาจหาไม่ได้กับแม่บังเกิดเกล้าของผม
“อย่าลืมเอาผ้าห่มของเปาไปซักนะยู”
“คร้าบ~”
“วันนี้เปามันดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยแหะ”
“มันก็หน้าย่นเหมือนโดนสิบล้อทับแบบนี้ทุกวันอ่ะ”
“ดูแลเปาด้วยนะยู แม่ไปก่อนนะ”
ลับแผ่นหลังแม่ไปผมก็หันมองลูกพี่ที่นอนน้อยลายยืดอยู่กับพื้น ที่ผมหยุดเรียนโง่อยู่บ้านวันที่สองนี่ไม่ใช่ว่าโรคสำออยกำเริบจนเดินไม่ได้นะ แต่แม่บอกไหน ๆ ก็ขาเจ็บแล้วก็หยุดอยู่บ้านดูแล(รับใช้)เจ้าเปามันด้วย
“สรุปฉันเกิดมาเป็นเป็นขี้ข้าลูกพี่สินะ”
ผมถอนหายใจยาว ทิ้งแผ่นหลังราบไปกับโซฟา ซักพักบานประตูกระจกก็ถูกเลื่อนออกโดยที่ร่างของใครบางคนแทรกเข้ามาภายใน
“ไหนบอกสิว่าบุกรุกเข้าบ้านคนอื่นต้องจำคุกกี่ปี” ผมเอ่ยถามลอย
“มาตรา ๓๖๔ ผู้ใดไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์สินหรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ตามนั้นแหละ เชิญออกไปได้แล้ว”
“เสียใจด้วยนะ แม่นายอนุญาตให้ฉันเข้ามาเอง”
“ไม่ต้องการ”
“ฉันซื้ออาหารเช้ามาให้ด้วย”
ธันชูถุงพลาสติกสีขาวขุ่นก่อนจะเดินไปหลังเคาเตอร์เพื่อเตรียมอาหาร น่าแปลกที่วันนี้มันใส่ชุดลำลองเสื้อยืด กางเกงขายาวแทนที่จะเป็นชุดนักศึกษา
“วันนี้ไม่มีเรียนหรอ”
“ไม่มี”
“แล้วไม่ไปค่ายปลูกป่าหรอ พวกดาวเดือนต้องไปไม่ใช่หรอ”
“ไม่ไป”
“จะไม่เป็นไรหรอ ทำไมไม่ไปล่ะ”
“ฉันโทรไปบอกแล้วว่าไม่ไป ขาเจ็บ”
“เดี๋ยว?คนเจ็บมันฉันไม่ใช่หรอ!”
พูดแล้วขึ้น ถ้าวันนั้นมันจับรถไว้ผมคงไม่ต้องอยู่ในสภาพนี้หรอก
“สามีภรรยาก็เหมือนบุคคลๆเดียวกัน”
“มันจะมั่วนิ่มเกินไปแล้วมั้ง! แล้วใครเป็นเมียแกห๊ะ!”
“ตอนแรกฉันตั้งใจจะให้ยูเลือกก่อนนะ แต่ถ้าอยากเป็นฝ่ายรับฉันก็ยินดี”
โอ้ย! ยิ่งคุยด้วยเส้นประสาทผมยิ่งกระตุกรัว มันจะกวนผมให้ได้อะไรเนี่ย ไม่อยากทะเลาะด้วยหรอกนะ พอได้กินโจ๊กหอม ๆ แล้วผมก็หิวขึ้นมาทันทีเลย รู้ใจดีนี่ว่าผมกำลังอยากกินโจ๊ก
“ของยู”
หมูกระเทียม หมูฝอยและข้าวเหนียวถูกจัดใส่จานขนาดเท่าฝ่ามือ อันนี้ก็น่ากินนะแต่ผมอยากกินโจ๊กมากกว่าอ่ะ
“อันนี้ของเปา”
ผมมองตามร่างสูงที่บรรจงวางชามอันเต็มไปด้วยข้าวเนื้อละเอียดส่งกลิ่นหอมชวนหิว
“ฉันจะกินโจ๊ก!”
“เทไปแล้ว”
“ทำไมไม่ถามก่อนเล่า!”
“แบ่งกันเองแล้วกัน”
ของที่เทใส่ชามแล้วหมามันแบ่งกันได้ด้วยหรอ! ถึงจะอยากแบ่งแค่ไหนก็ไม่ทันแล้วล่ะ เจ้าหมาหน้าย่นตวัดลิ้นสาดน้ำลายแสดงความเป็นเจ้าของเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ต้องหดลิ้นกลับเมื่อเจอกับความร้อนระอุของโจ๊ก
“มันยังไม่กิน ให้เอาชามมาแบ่งไหม”
“จะบ้าหรอน้ำลายเยิ้มเต็มชามขนาดนั้นแล้ว! เดี๋ยวติดเชื้อหมาบ้าจะทำยังไงเล่า!”
“เชื้อมันทำอะไรยูไม่ได้หรอก เชื้อยูแรงกว่าเยอะ”
“เดี๋ยวก็กัดซะหรอก!!”
“ฉันเรียกค่าทำขวัญนะจะบอกให้”
“เลิกคุย!”
เรื่องเงินเรื่องทองผมไม่มีจะจ่ายหรอกนะ
“ฉันเอารถมอไซค์ไปซ่อมให้แล้วนะ จ่ายให้เรียบร้อย”
มันเดินมานั่งลงข้างผม เรื่องนี้ผมก็กังวลอยู่เหมือนกันมันบอกว่าเบรกขาดเลยต้องเปลี่ยนสายเบรก
“ขอบใจนะที่ออกให้”
“ฉันบวกเพิ่มกับหนี้เก่าไปแล้ว”
“ขอบคุณ....”
น้ำตาแห่งความปลื้มปิติแทบจะเหือดแห้งกลายเป็นเลือดจับตัวหนาแน่นแทน เป็นหนีเพิ่มอีกแล้วกู ฮืออออ
“ฉันคิดดอกไม่แพงหรอก”
“แค่กระอักเลือดสินะ”
“หมดตัวเลยล่ะ”
“มึงงงงง!!”
ชีวิตของผมทำไมมันโชคร้ายแบบนี้นะ สวรรค์คิดจะกลั่นแกล้งผมไปถึงไหนกัน ไอ้บ้านี่ด้วย! ผมไปทำอะไรให้มันทำไมต้องมารีดเลือดกับปูตัวน้อยๆอย่างผมด้วย
“ผ่อนวันละสิบบาทนะ”
“ผ่อนหมดลูกฉันคงบวชพอดี”
“เวอร์น่า”
“ฉันคิดดอกรายวันนะ”
“ใจร้ายเกินไปแล้วนะเว้ย! ลดหน่อยสิ”
“ลดให้ห้าบาท”
“ช่วยได้มาก ขอบพระคุณมาก!”
“ไม่เป็นไร”
“กูประชด!!”
ผมเขวี้ยงหมอนอิงใส่มัน หันไปสวาปามอาหารอันโอชะด้านหน้าดับอารมณ์โมโห ไอ้เจ้าหนี้ตัวร้ายก็ยังไม่วายหาเรื่องรีดไถผมอยู่ดี
“มื้อนี้จ่ายด้วยนะ”
“ไอ๊อ่าย (ไม่จ่าย)”
“ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องกินแล้วคายออกมา”
“อากอ้ายอ่ออาเอาไออากเอง!(อยากได้ก็มาเอาในปากเอง!)”
“ได้!”
เฮ้ย! ทีประโยคยาวอย่างนี้ดันฟังออก มือใหญ่บีบแก้มผมพร้อมโน้มใบหน้าเข้ามาหา นึกจะเบี่ยงหน้าหลบมือมันก็ล็อคจับไว้เลยทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ประท้วงอู้อี้ เดี๋ยวก็ถุยใส่หน้าซะหรอก อะๆ ไม่เอาเสียดายกลืนก่อน
“เฮ้ย! เอาหน้าออกไป!”
“กินแล้วจ่ายด้วย”
“ไม่จ่าย!”
“งั้นก็เลือกเอาจะจ่ายด้วยเงินหรือจ่ายด้วยร่างกาย”
เหอออ! ขุ่นพระ เซรีบบัมเอ็งทำงานผิดปกติไปแล้วหรอวะ!
“ร่ายกายแล้วกัน”
ผมอ้าปากค้างตาแทบกระโดดออกมารำไทเก็ก เฮ้ย! รอให้กูตอบก่อนไม่ได้หรือไง
“เอาจริงดิ!”
“จริง!”
“มึงบ้าแล้ววว!”
“ติดเชื้อมาจากยูไง”
“อย่ามาโทษกู!”
ถึงแม่ผมจะพร่ำสอนว่าอย่าไปกัดใครเดี๋ยวเขาติดเชื้อเอา แต่เชื้อผมมันไม่น่าแรงพอจะทำให้ใครวิปริตได้ขนาดนี้นะ
“อะ...ไอ้ธัน!”
มันกดไหล่ผมจมไปกับโซฟาก่อนขยับตัวโน้มตามลงมา ผมกระพริบตาปริบ ๆ เหมือนสมองมันไม่สั่งการ สงสัยเส้นประสาทผมมันจะขรุขระมากการสั่งการมันเลยวิ่งมาช้าซะเหลือเกิน เอามือชกมันสิฟะไอ้ยู! ไม่งั้นเสร็จมันแน่! ว๊ากกก! นี่ผมจะเสร็จมันจริงๆหรอเนี่ย
ติ๊งหน่อง!
เสียงสัญญาณออดดังช่วยชีวิตผมไว้พอดี ธันหยุดชะงักแทบทันที เลยเป็นโอกาสทองให้ผมได้ผลักตัวมันออกไปห่าง ๆ
“ฉะ..ฉันจะไปเปิดประตู”
“ฉันไปเอง”
ร่างสูงรีบรุดออกไป ไม่ทันได้เห็นว่ามันทำหน้าบึ้งที่มีคนมาขัดจังหวะหรือเปล่า อ่ะ! ผมก็ไม่ได้หวังให้มันทำหน้าไม่พอใจหรอกนะ
ซักพักนึงธันก็เดินนำเหล่ามนุษย์เพศชายจำนวน 3 คนกับเพศหญิงอีก 2 คนเข้ามาภายใน สองคนแรกก็คือไอ้เมศ ไอ้เฟรม ตามมาด้วยยัยแฝดจอมจุ้นลินกับนิน และคนสุดท้าย....
“พี่เก่ง!”
ใบหน้าขาวใสประดุจใยสำลีแบบนี้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ เจ้าของชื่อคลี่ยิ้มจนรอยข้างแก้มบุ๋มลงไป
“ทักพี่ก่อนเพราะเห็นของกินใช่ไหมเนี่ย”
พี่เก่งพูดแหย่พลางชูถุงขนมพรุงพรังในมือขึ้น ผมได้แต่อมยิ้มเขิน ๆ แหม ผมไม่ใช่คนเห็นแก่กินซะหน่อยนะ...รู้ทันจริง!
“ไม่ต้องลำบากซื้อมาก็ได้นะครับ เกรงใจ”
“ในถุงไม่ใช่ของพี่คนเดียวหรอก มีคนอื่นฝากมาเยี่ยมด้วย”
“ดีจัง รู้งี้จะได้รถล้มบ่อย ๆ จะได้มีของฟรีกิน”
“อย่างงั้นพี่คงเป็นห่วงแย่”
จะเขินดีไหม ถ้าเป็นคนที่ผมพูดมาชอบผมคงลอยเป็นลูกโปร่งสวรรค์ไปแล้วล่ะ
“ห่วงตัวเองเถอะครับ เดี๋ยวจะโดนแฟนเขาต่อยปากแตก”
งานเสี้ยมงานตีขอให้บอกไอ้เฟรมเถอะ! ตัวดีนักเชียว
“เจ้าของเขายังไม่ว่าเลย ทำไมคนอื่นชอบยุ่งจัง”
ผมมองไปทางธัน มันยังยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ ไม่แสดงออกทางสีหน้าและแววตา เรียกว่าเป็นปกติเวลาอยู่กับคนอื่นล่ะนะ มันคงไม่หึงหรอกเนอะ
“โห้ย! ธันปล่อยให้คนอื่นเรียกคะแนนแบบนี้ได้ไงอ่า”
“ใช่ ๆ มันต้องหึงโหดๆ แบบลากนายเอกไปปล้ำหลังครัว”
ยัยแฝดสายวายเริ่มโวยวาย ผมนี่ขนลุกขนพองไปทั้งร่าง ลากไปปล้ำเลยหรอ เฮ้ย! มันจะเกินไปไหม
“พอ ๆ ยัยสองคนนี้อย่าเอาเรื่องจริงมาล้อเล่นสิ”
“ไอ้เมศมึง!”
ถ้าไม่ติดว่ายกขาแล้วมันเจ็บนะผมจะเอาเท้าจารึกบนใบหน้าของมันซักทีนึง!
“นี่พวกกูมาผิดเวลาเปล่าวะ ทำไมแฟนมึงดูหน้าตึงๆ” ไอ้เมศยังคงถามต่อ
“หน้ามันก็เป็นเงี้ยแหละ”
“หรอ แล้วอยู่บ้านมึงไม่ติดกระดุมเสื้อหรอวะ”
กระดุม? พอมองลงไปที่เสื้อคอปกของตัวเอง มันไม่มีกระดุมกลัดอยู่เลย แถมคอมันยังกว้างจนเห็นเข้าไปถึงลิ้นปรี่เลยด้วย
“เห้ยๆ กูมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
ทั้งหมดเล็งเป้าไปที่ชายหนุ่มหน้านิ่งที่ยืนพิงเสาไม่แสดงอาการอะไร ผมก็โล่งอกไปเปาะหนึ่ง แต่พอมันหันมาสบตาผมเท่านั้นแหละมันก็เม้มมุมปากขึ้นแล้วถอนหายใจเบา ๆ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด/กรี๊ดดดดดดดดด”
ไอ้เมศยิ้มกรุ่มกริ่ม ส่วนยัยแฝดก็แผดเสียงลั่นบ้านเล่นเอาผีบ้านผีเรือนตกใจกันทั้งหลังเลยทีเดียว
“บ้า! ไม่ได้ทำอะไรกันซะหน่อย!” ผมรีบแก้ตัวก่อนเลย
“ร้อนตัวนะมึง” ไอ้เฟรมรีบดัก
“เอ้า! อากาศมันร้อนไงกูเลยต้องปลดกระดุม!”
“ร้อนเชี่ยไรแอร์เย็นชิบหาย”
“มึงก็ อย่าจับผิดกูดิ”
“นั่นไง! มึงทำจริงๆใช่ไหม”
“ไม่ช่ายย!”
กูแก้ต่างอะไรไปพวกมึงก็ไม่ฟังกูแล้ว ขนาดยัยแฝดนั่นยังเลือดกำเดาพุ่งกระฉูดแล้ว พวกเธอคิดกันไปถึงไหนวะเนี่ย
ปุ้บ!
ถุงขนมหล่นลงบนโต๊ะอย่างกับจัดวาง พี่เก่งขยับแว่นมองมาทางผมสลับกับธัน อย่าบอกนะวะพี่เขาดันเชื่อเจ้าพวกนี้
“พี่กลับก่อนนะ” พี่เก่งบอกแล้วหันหลังกลับ
“เดี๋ยวสิครับพี่เก่ง! ไอ้พวกนี้มันแกล้งผมเฉย ๆ ไม่มีอะไร” ผมรีบบอก
“คนจะกลับจะไปรั้งเขาไว้ทำไม เขาจะกลับไปกินน้ำใบบัวบกก็ปล่อยเขาไปสิ” ไอ้เฟรมพูด
“พี่นึกได้ว่ามีธุระน่ะ”
“จริงอ่ะ โล่งอกนึกว่าพี่บ้าจี้ตามไอ้พวกนี้ซะอีก”
“ข้ออ้าง!”
กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านหน้าผมไป ตอนนี้พี่เก่งกับไอ้เฟรมจ้องตาอย่างกับจะกินอีกฝ่ายเข้าไป นี่ถ้าขืนส่งมีดให้ล่ะก็ได้ฟันกันตายแน่เลย
“ไม่เชื่อก็ตามใจนะ ฉันไม่แคร์อะไรนายอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องเมตตาสละสายตาผ่านม่านตาตี่ๆนั่นมามองผมหรอกครับคุณพี่”
“พี่กลับก่อนนะ ไว้คราวหน้าพี่จะซื้อขนมมาให้ใหม่”
“ผมกลับด้วยสิ ผมก็มีธุระพอดี”
“ธุระอะไรไม่ทราบ”
“ธุระที่อยากรู้ว่าคุณพี่จะไปแอบร้องไห้ที่ไหน”
ตาย... พวกมึงต้องการทำสงครามกันใช่ไหม ใครก็ได้หยุดทีเถอะ
“คุณสองคน?”
พ่อตุ๊กตาไขลานเริ่มขยับปากพูดบ้างหลังจากยืนเงียบกริบมาจนเกือบจบตอน สองคนนั้นทำหน้างงกึ่งตกใจ(ตกใจทำไมวะ ตกใจที่มันพูดได้หรอ) ธันเลยว่าต่อ
“ขอเชิญไปที่ประตูหน่อยครับ”
สองคนนั้นเหมือนโดนยาสั่ง เดินไปที่ประตูอย่างเบลอ ๆ
“ออกไปยืนตรงนั้นนะครับ”
มันชี้นิ้วสั่งให้สองคนนั้นไปยืนตรงทางเดินหน้าบ้าน
“กลับบ้านดี ๆ นะครับ”
สิ้นเสียงมันก็เลื่อนประตูปิดส่งแขกให้ผมเสร็จสรรพ ซ้ำยังมีหน้าเดินมาแกะขนมที่พี่เก่งหิ้วมาให้อีก เออ มึงไล่เขาแต่กลับมานั่งกินของ ๆ เขาเนอะ ผมได้แต่หัวเราะ ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำกับเพื่อนและรุ่นพี่ผมแบบนี้ สะใจดีชะมัด
“ไล่เขาแล้วยังจะกินของเขาอีก” ผมแซวมัน
“เพราะฉันไม่อยากให้ยูกินของๆคนอื่นน่ะสิ”
ผมเม้มปากข่มอาการบนใบหน้า ไม่ใช่โกรธนะแต่ปากผมมันเหมือนจะยิ้มอ่ะ บ้าเอ๊ย! จะยิ้มทำไมกันเล่า
“กลับบ้านกูคงความดันขึ้น” ไอ้เมศบ่น
“ไรมึง” คำถามอันเต็มไปด้วยความปรารถนาดีจากผม
“หวานเกิน”
หวานอะไรไม่หวานซักนิด! หลังจากนั้นผมกับไอ้เมศก็ก่อสงครามแย่งขนมกัน สุดท้ายก้โดนไอ้ธันแย่งไปกินซะหมด แอบได้ยินเสียงบ่นจากแฝดสาวว่าต้องการเลือดเพิ่มด้วย พวกเธอฟินระยะสุดท้ายแล้ว ไอ้ระยะสุดท้ายน่าจะเป็นสมองมากกว่านะ เพี้ยนไปกันใหญ่แล้วไอ้พวกบ้าพวกนี้
“ติดไฟแดงอีกแล้ว! ขับอย่างนี้เมื่อไหร่จะถึงบ้านเนี่ยคุณพี่”
เฟรมสะบัดหัวตัวเองให้ยุ่งเหยิง ปากก็ต่อว่าคนขับรถด้านข้าง เก่งพยายามสะกดความรำคาญไว้ในใจ เขาเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่แสดงอารมณ์ขุ่นมัวต่อหน้ารุ่นน้อง แต่กับเด็กคนนี้....
“มาขับเองสิ”
“จริงเปล่า บอกไว้ก่อนนะว่าผมเคยขับรถแข่งมาแล้วด้วย”
“งั้นหรอ ไม่ยักรู้”
“ในเกมน่ะนะ ฮ่าๆ”
“เหอะ!”
“มา ๆ เปลี่ยนกันเดี๋ยวผมขับเอง”
“ฉันไม่เอาชีวิตอันมีค่าไปฝากไว้กับนายหรอกนะ”
“คนเราเกิดมาก็ต้องตาย จะกลัวอะไร”
“ฉันยังตายไม่ได้เพราะมีสิ่งที่อยากทำอยู่”
“อะไรอ่า”
“ไม่รู้สักเรื่องจะได้ไหม”
“พูดแบบนี้ยิ่งอยากรู้เลยอ่ะ ต่อมน้ำเหลืองผมนี่สั่นไปหมดเลย~”
“สงสัยนายใกล้จะตายแล้วล่ะมั้ง”
“พูดกับคุณพี่แล้วปวดประสาท!”
...ฉันต่างหากที่ปวดประสาท ทั้งโดนยั่วโมโห ทั้งโดนก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว... เก่งได้เพียงแต่บ่นอยู่ในใจ ขืนพูดออกไปเจ้าเด็กนี่คงเดินเคลื่อนทำลายระบบประสาทเขาอีกแน่
“โชคดีหว่ะ! เหลือขนมกล่องนึง”
เฟรมเอี้ยวตัวไปเบาะหลัง คว้าได้กล่องสีน้ำตาลผูกทับด้วยริ้บบินสีทอง ด้วยความอยากกินเฟรมรีบแกะกล่องขนมออกทันที เก่งที่ลอบมองอยู่ก็รีบออกปากห้าม
“นั่นมันของยู!”
“เหอะน่า มันก็ได้ไปเยอะแล้วถือว่าช่วยมันกินไง”
“เก็บเดี๋ยวนี้”
“ไม่ โห้! ช็อกโกแลตซะด้วย”
เมื่อเปิดกล่องออกก็พบกับขนมหวานก้อนกลมจัดวางอยู่ภายในกล่อง เฟรมไม่สนคำพูดของรุ่นพี่รีบโยนช็อกโกแลตก้อนกลมเข้าปากทันที
“หว๊าน...หวาน”
ไม่พอยังทำหน้าเคลิ้บเคลิ้มป่วนประสาทหนุ่มแว่นด้านข้าง เก่งขมวดคิ้วจอดรถข้างทางแล้วลงมือแย่งกล่องขนมกลับมา
“นายนี่มันเป็นเพื่อนภาษาอะไรห๊ะ!”
เขาขึ้นเสียงดัง อีกฝ่ายทำตาโตก่อนจะนิ่งสนิทไป เก่งรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันทีหรือว่าเขาจะตวาดเสียงดังเกินไป
“เฮ้...”
เก่งรู้สึกถึงความผิดปกติ ใบหน้ายียวนที่ทำเหมือนเคลิบเคลิ้มกับรสชาติเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกผิดรูป เฟรมอ้าปากปล่อยคราบขนมเหนียวเหนอะหนะลงในรถ ทำเอาเก่งสะดุ้งและต่อว่าทันที
“เฮ้ย! เลอะเทอะหมดแล้วเจ้าเด็กบ้า!”
เฟรมเปิดประตูคายของทั้งหมดออกจากปากพร้อมบ้วนน้ำลายทิ้ง เขาหันกลับเข้ามาควานหาอะไรบางอย่างไหนรถ เมื่อได้ขวดน้ำเขาก็รีบคว้าไปใช้ทันที
เก่งเห็นท่าทางเฟรมดูไม่ดีด้วยความเป็นรุ่นพี่เขาจึงเป็นห่วงรุ่นน้อง มือปลดสายรัดแล้ววิ่งไปดูอาการคนที่นั่งโก่งคออยู่นอกประตู
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
เมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นคราบน้ำที่ไหลออกมาจากปากก็หยดลงมา เก่งตาโตเมื่อเห็นว่าน้ำนั่นเป็นสีแดงเขารีบจับเด็กหนุ่มอ้าปากตรวจดูด้านใน ลิ้นสีชมพูในตอนนี้ถูกลบไปด้วยเลือดถึงแม้จะถูกบ้วนออกไปบ้างแล้วแต่ก็ยังไหลออกมาอยู่ดี
“อัน..อี..อะ”
“ไม่ต้องพูดๆ”
เห็นท่าทางไม่ดี เขาก้มลงมาเศษโลหะเล็กๆที่สะท้อนแสงออกมาจากกองเศษขนม
...ไม่ผิดแน่ มันต้องเป็นเศษใบมีด...
เขารู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มันน่าหวาดเสียวซะเหลือเกิน เก่งลองเอาฝากล่องบดขยี้ก้อนช็อกโกแลต ภายในนั้นเต็มไปด้วยเศษโลหะแหลมน่ากลัว เขาไม่อยากจะนึกเลยว่าจะเคี้ยวเจ้านี้และกลืนลงไป ข้างในคอเขาจะเป็นอย่างไร
“ถือว่าเป็นการลงโทษที่แอบกินขนมคนอื่นแล้วกัน”
เฟรมได้แต่ย่นจมูกไม่พอใจที่โดนซ้ำเติม
..โชคดีที่ยูไม่ได้กินมันเข้าไป...
แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้เจ้าเด็กนี้มากินมันแทนหรอกนะ เพราะความตะกละแท้ ๆ เชียวที่ทำให้เป็นแบบนี้ เขาคนไม่มีคนทะเลาะด้วยไปอีกยาวเลย
..ใครเป็นคนทำเรื่องนี้กันนะ...
เรื่องนี้เขาต้องหาคำตอบให้ได้!
++++++++++++++++++++
ยังมีคนอ่านอยู่ไหม หรือไม่มีตั้งแต่แรกแล้วT^T
รับเคราะห์
ผมเคยวาดฝันไว้ว่า หากผมป่วยหรือบาดเจ็บนอนซม สิ่งที่ผมต้องการก็แค่ใครสักคนที่เขาจะใจดีสละเวลามาดูแลผม ผมคิดแบบนั้น แต่นั่นอาจหาไม่ได้กับแม่บังเกิดเกล้าของผม
“อย่าลืมเอาผ้าห่มของเปาไปซักนะยู”
“คร้าบ~”
“วันนี้เปามันดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยแหะ”
“มันก็หน้าย่นเหมือนโดนสิบล้อทับแบบนี้ทุกวันอ่ะ”
“ดูแลเปาด้วยนะยู แม่ไปก่อนนะ”
ลับแผ่นหลังแม่ไปผมก็หันมองลูกพี่ที่นอนน้อยลายยืดอยู่กับพื้น ที่ผมหยุดเรียนโง่อยู่บ้านวันที่สองนี่ไม่ใช่ว่าโรคสำออยกำเริบจนเดินไม่ได้นะ แต่แม่บอกไหน ๆ ก็ขาเจ็บแล้วก็หยุดอยู่บ้านดูแล(รับใช้)เจ้าเปามันด้วย
“สรุปฉันเกิดมาเป็นเป็นขี้ข้าลูกพี่สินะ”
ผมถอนหายใจยาว ทิ้งแผ่นหลังราบไปกับโซฟา ซักพักบานประตูกระจกก็ถูกเลื่อนออกโดยที่ร่างของใครบางคนแทรกเข้ามาภายใน
“ไหนบอกสิว่าบุกรุกเข้าบ้านคนอื่นต้องจำคุกกี่ปี” ผมเอ่ยถามลอย
“มาตรา ๓๖๔ ผู้ใดไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไปหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์สินหรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ตามนั้นแหละ เชิญออกไปได้แล้ว”
“เสียใจด้วยนะ แม่นายอนุญาตให้ฉันเข้ามาเอง”
“ไม่ต้องการ”
“ฉันซื้ออาหารเช้ามาให้ด้วย”
ธันชูถุงพลาสติกสีขาวขุ่นก่อนจะเดินไปหลังเคาเตอร์เพื่อเตรียมอาหาร น่าแปลกที่วันนี้มันใส่ชุดลำลองเสื้อยืด กางเกงขายาวแทนที่จะเป็นชุดนักศึกษา
“วันนี้ไม่มีเรียนหรอ”
“ไม่มี”
“แล้วไม่ไปค่ายปลูกป่าหรอ พวกดาวเดือนต้องไปไม่ใช่หรอ”
“ไม่ไป”
“จะไม่เป็นไรหรอ ทำไมไม่ไปล่ะ”
“ฉันโทรไปบอกแล้วว่าไม่ไป ขาเจ็บ”
“เดี๋ยว?คนเจ็บมันฉันไม่ใช่หรอ!”
พูดแล้วขึ้น ถ้าวันนั้นมันจับรถไว้ผมคงไม่ต้องอยู่ในสภาพนี้หรอก
“สามีภรรยาก็เหมือนบุคคลๆเดียวกัน”
“มันจะมั่วนิ่มเกินไปแล้วมั้ง! แล้วใครเป็นเมียแกห๊ะ!”
“ตอนแรกฉันตั้งใจจะให้ยูเลือกก่อนนะ แต่ถ้าอยากเป็นฝ่ายรับฉันก็ยินดี”
โอ้ย! ยิ่งคุยด้วยเส้นประสาทผมยิ่งกระตุกรัว มันจะกวนผมให้ได้อะไรเนี่ย ไม่อยากทะเลาะด้วยหรอกนะ พอได้กินโจ๊กหอม ๆ แล้วผมก็หิวขึ้นมาทันทีเลย รู้ใจดีนี่ว่าผมกำลังอยากกินโจ๊ก
“ของยู”
หมูกระเทียม หมูฝอยและข้าวเหนียวถูกจัดใส่จานขนาดเท่าฝ่ามือ อันนี้ก็น่ากินนะแต่ผมอยากกินโจ๊กมากกว่าอ่ะ
“อันนี้ของเปา”
ผมมองตามร่างสูงที่บรรจงวางชามอันเต็มไปด้วยข้าวเนื้อละเอียดส่งกลิ่นหอมชวนหิว
“ฉันจะกินโจ๊ก!”
“เทไปแล้ว”
“ทำไมไม่ถามก่อนเล่า!”
“แบ่งกันเองแล้วกัน”
ของที่เทใส่ชามแล้วหมามันแบ่งกันได้ด้วยหรอ! ถึงจะอยากแบ่งแค่ไหนก็ไม่ทันแล้วล่ะ เจ้าหมาหน้าย่นตวัดลิ้นสาดน้ำลายแสดงความเป็นเจ้าของเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ต้องหดลิ้นกลับเมื่อเจอกับความร้อนระอุของโจ๊ก
“มันยังไม่กิน ให้เอาชามมาแบ่งไหม”
“จะบ้าหรอน้ำลายเยิ้มเต็มชามขนาดนั้นแล้ว! เดี๋ยวติดเชื้อหมาบ้าจะทำยังไงเล่า!”
“เชื้อมันทำอะไรยูไม่ได้หรอก เชื้อยูแรงกว่าเยอะ”
“เดี๋ยวก็กัดซะหรอก!!”
“ฉันเรียกค่าทำขวัญนะจะบอกให้”
“เลิกคุย!”
เรื่องเงินเรื่องทองผมไม่มีจะจ่ายหรอกนะ
“ฉันเอารถมอไซค์ไปซ่อมให้แล้วนะ จ่ายให้เรียบร้อย”
มันเดินมานั่งลงข้างผม เรื่องนี้ผมก็กังวลอยู่เหมือนกันมันบอกว่าเบรกขาดเลยต้องเปลี่ยนสายเบรก
“ขอบใจนะที่ออกให้”
“ฉันบวกเพิ่มกับหนี้เก่าไปแล้ว”
“ขอบคุณ....”
น้ำตาแห่งความปลื้มปิติแทบจะเหือดแห้งกลายเป็นเลือดจับตัวหนาแน่นแทน เป็นหนีเพิ่มอีกแล้วกู ฮืออออ
“ฉันคิดดอกไม่แพงหรอก”
“แค่กระอักเลือดสินะ”
“หมดตัวเลยล่ะ”
“มึงงงงง!!”
ชีวิตของผมทำไมมันโชคร้ายแบบนี้นะ สวรรค์คิดจะกลั่นแกล้งผมไปถึงไหนกัน ไอ้บ้านี่ด้วย! ผมไปทำอะไรให้มันทำไมต้องมารีดเลือดกับปูตัวน้อยๆอย่างผมด้วย
“ผ่อนวันละสิบบาทนะ”
“ผ่อนหมดลูกฉันคงบวชพอดี”
“เวอร์น่า”
“ฉันคิดดอกรายวันนะ”
“ใจร้ายเกินไปแล้วนะเว้ย! ลดหน่อยสิ”
“ลดให้ห้าบาท”
“ช่วยได้มาก ขอบพระคุณมาก!”
“ไม่เป็นไร”
“กูประชด!!”
ผมเขวี้ยงหมอนอิงใส่มัน หันไปสวาปามอาหารอันโอชะด้านหน้าดับอารมณ์โมโห ไอ้เจ้าหนี้ตัวร้ายก็ยังไม่วายหาเรื่องรีดไถผมอยู่ดี
“มื้อนี้จ่ายด้วยนะ”
“ไอ๊อ่าย (ไม่จ่าย)”
“ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องกินแล้วคายออกมา”
“อากอ้ายอ่ออาเอาไออากเอง!(อยากได้ก็มาเอาในปากเอง!)”
“ได้!”
เฮ้ย! ทีประโยคยาวอย่างนี้ดันฟังออก มือใหญ่บีบแก้มผมพร้อมโน้มใบหน้าเข้ามาหา นึกจะเบี่ยงหน้าหลบมือมันก็ล็อคจับไว้เลยทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ประท้วงอู้อี้ เดี๋ยวก็ถุยใส่หน้าซะหรอก อะๆ ไม่เอาเสียดายกลืนก่อน
“เฮ้ย! เอาหน้าออกไป!”
“กินแล้วจ่ายด้วย”
“ไม่จ่าย!”
“งั้นก็เลือกเอาจะจ่ายด้วยเงินหรือจ่ายด้วยร่างกาย”
เหอออ! ขุ่นพระ เซรีบบัมเอ็งทำงานผิดปกติไปแล้วหรอวะ!
“ร่ายกายแล้วกัน”
ผมอ้าปากค้างตาแทบกระโดดออกมารำไทเก็ก เฮ้ย! รอให้กูตอบก่อนไม่ได้หรือไง
“เอาจริงดิ!”
“จริง!”
“มึงบ้าแล้ววว!”
“ติดเชื้อมาจากยูไง”
“อย่ามาโทษกู!”
ถึงแม่ผมจะพร่ำสอนว่าอย่าไปกัดใครเดี๋ยวเขาติดเชื้อเอา แต่เชื้อผมมันไม่น่าแรงพอจะทำให้ใครวิปริตได้ขนาดนี้นะ
“อะ...ไอ้ธัน!”
มันกดไหล่ผมจมไปกับโซฟาก่อนขยับตัวโน้มตามลงมา ผมกระพริบตาปริบ ๆ เหมือนสมองมันไม่สั่งการ สงสัยเส้นประสาทผมมันจะขรุขระมากการสั่งการมันเลยวิ่งมาช้าซะเหลือเกิน เอามือชกมันสิฟะไอ้ยู! ไม่งั้นเสร็จมันแน่! ว๊ากกก! นี่ผมจะเสร็จมันจริงๆหรอเนี่ย
ติ๊งหน่อง!
เสียงสัญญาณออดดังช่วยชีวิตผมไว้พอดี ธันหยุดชะงักแทบทันที เลยเป็นโอกาสทองให้ผมได้ผลักตัวมันออกไปห่าง ๆ
“ฉะ..ฉันจะไปเปิดประตู”
“ฉันไปเอง”
ร่างสูงรีบรุดออกไป ไม่ทันได้เห็นว่ามันทำหน้าบึ้งที่มีคนมาขัดจังหวะหรือเปล่า อ่ะ! ผมก็ไม่ได้หวังให้มันทำหน้าไม่พอใจหรอกนะ
ซักพักนึงธันก็เดินนำเหล่ามนุษย์เพศชายจำนวน 3 คนกับเพศหญิงอีก 2 คนเข้ามาภายใน สองคนแรกก็คือไอ้เมศ ไอ้เฟรม ตามมาด้วยยัยแฝดจอมจุ้นลินกับนิน และคนสุดท้าย....
“พี่เก่ง!”
ใบหน้าขาวใสประดุจใยสำลีแบบนี้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ เจ้าของชื่อคลี่ยิ้มจนรอยข้างแก้มบุ๋มลงไป
“ทักพี่ก่อนเพราะเห็นของกินใช่ไหมเนี่ย”
พี่เก่งพูดแหย่พลางชูถุงขนมพรุงพรังในมือขึ้น ผมได้แต่อมยิ้มเขิน ๆ แหม ผมไม่ใช่คนเห็นแก่กินซะหน่อยนะ...รู้ทันจริง!
“ไม่ต้องลำบากซื้อมาก็ได้นะครับ เกรงใจ”
“ในถุงไม่ใช่ของพี่คนเดียวหรอก มีคนอื่นฝากมาเยี่ยมด้วย”
“ดีจัง รู้งี้จะได้รถล้มบ่อย ๆ จะได้มีของฟรีกิน”
“อย่างงั้นพี่คงเป็นห่วงแย่”
จะเขินดีไหม ถ้าเป็นคนที่ผมพูดมาชอบผมคงลอยเป็นลูกโปร่งสวรรค์ไปแล้วล่ะ
“ห่วงตัวเองเถอะครับ เดี๋ยวจะโดนแฟนเขาต่อยปากแตก”
งานเสี้ยมงานตีขอให้บอกไอ้เฟรมเถอะ! ตัวดีนักเชียว
“เจ้าของเขายังไม่ว่าเลย ทำไมคนอื่นชอบยุ่งจัง”
ผมมองไปทางธัน มันยังยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ ไม่แสดงออกทางสีหน้าและแววตา เรียกว่าเป็นปกติเวลาอยู่กับคนอื่นล่ะนะ มันคงไม่หึงหรอกเนอะ
“โห้ย! ธันปล่อยให้คนอื่นเรียกคะแนนแบบนี้ได้ไงอ่า”
“ใช่ ๆ มันต้องหึงโหดๆ แบบลากนายเอกไปปล้ำหลังครัว”
ยัยแฝดสายวายเริ่มโวยวาย ผมนี่ขนลุกขนพองไปทั้งร่าง ลากไปปล้ำเลยหรอ เฮ้ย! มันจะเกินไปไหม
“พอ ๆ ยัยสองคนนี้อย่าเอาเรื่องจริงมาล้อเล่นสิ”
“ไอ้เมศมึง!”
ถ้าไม่ติดว่ายกขาแล้วมันเจ็บนะผมจะเอาเท้าจารึกบนใบหน้าของมันซักทีนึง!
“นี่พวกกูมาผิดเวลาเปล่าวะ ทำไมแฟนมึงดูหน้าตึงๆ” ไอ้เมศยังคงถามต่อ
“หน้ามันก็เป็นเงี้ยแหละ”
“หรอ แล้วอยู่บ้านมึงไม่ติดกระดุมเสื้อหรอวะ”
กระดุม? พอมองลงไปที่เสื้อคอปกของตัวเอง มันไม่มีกระดุมกลัดอยู่เลย แถมคอมันยังกว้างจนเห็นเข้าไปถึงลิ้นปรี่เลยด้วย
“เห้ยๆ กูมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
ทั้งหมดเล็งเป้าไปที่ชายหนุ่มหน้านิ่งที่ยืนพิงเสาไม่แสดงอาการอะไร ผมก็โล่งอกไปเปาะหนึ่ง แต่พอมันหันมาสบตาผมเท่านั้นแหละมันก็เม้มมุมปากขึ้นแล้วถอนหายใจเบา ๆ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด/กรี๊ดดดดดดดดด”
ไอ้เมศยิ้มกรุ่มกริ่ม ส่วนยัยแฝดก็แผดเสียงลั่นบ้านเล่นเอาผีบ้านผีเรือนตกใจกันทั้งหลังเลยทีเดียว
“บ้า! ไม่ได้ทำอะไรกันซะหน่อย!” ผมรีบแก้ตัวก่อนเลย
“ร้อนตัวนะมึง” ไอ้เฟรมรีบดัก
“เอ้า! อากาศมันร้อนไงกูเลยต้องปลดกระดุม!”
“ร้อนเชี่ยไรแอร์เย็นชิบหาย”
“มึงก็ อย่าจับผิดกูดิ”
“นั่นไง! มึงทำจริงๆใช่ไหม”
“ไม่ช่ายย!”
กูแก้ต่างอะไรไปพวกมึงก็ไม่ฟังกูแล้ว ขนาดยัยแฝดนั่นยังเลือดกำเดาพุ่งกระฉูดแล้ว พวกเธอคิดกันไปถึงไหนวะเนี่ย
ปุ้บ!
ถุงขนมหล่นลงบนโต๊ะอย่างกับจัดวาง พี่เก่งขยับแว่นมองมาทางผมสลับกับธัน อย่าบอกนะวะพี่เขาดันเชื่อเจ้าพวกนี้
“พี่กลับก่อนนะ” พี่เก่งบอกแล้วหันหลังกลับ
“เดี๋ยวสิครับพี่เก่ง! ไอ้พวกนี้มันแกล้งผมเฉย ๆ ไม่มีอะไร” ผมรีบบอก
“คนจะกลับจะไปรั้งเขาไว้ทำไม เขาจะกลับไปกินน้ำใบบัวบกก็ปล่อยเขาไปสิ” ไอ้เฟรมพูด
“พี่นึกได้ว่ามีธุระน่ะ”
“จริงอ่ะ โล่งอกนึกว่าพี่บ้าจี้ตามไอ้พวกนี้ซะอีก”
“ข้ออ้าง!”
กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านหน้าผมไป ตอนนี้พี่เก่งกับไอ้เฟรมจ้องตาอย่างกับจะกินอีกฝ่ายเข้าไป นี่ถ้าขืนส่งมีดให้ล่ะก็ได้ฟันกันตายแน่เลย
“ไม่เชื่อก็ตามใจนะ ฉันไม่แคร์อะไรนายอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องเมตตาสละสายตาผ่านม่านตาตี่ๆนั่นมามองผมหรอกครับคุณพี่”
“พี่กลับก่อนนะ ไว้คราวหน้าพี่จะซื้อขนมมาให้ใหม่”
“ผมกลับด้วยสิ ผมก็มีธุระพอดี”
“ธุระอะไรไม่ทราบ”
“ธุระที่อยากรู้ว่าคุณพี่จะไปแอบร้องไห้ที่ไหน”
ตาย... พวกมึงต้องการทำสงครามกันใช่ไหม ใครก็ได้หยุดทีเถอะ
“คุณสองคน?”
พ่อตุ๊กตาไขลานเริ่มขยับปากพูดบ้างหลังจากยืนเงียบกริบมาจนเกือบจบตอน สองคนนั้นทำหน้างงกึ่งตกใจ(ตกใจทำไมวะ ตกใจที่มันพูดได้หรอ) ธันเลยว่าต่อ
“ขอเชิญไปที่ประตูหน่อยครับ”
สองคนนั้นเหมือนโดนยาสั่ง เดินไปที่ประตูอย่างเบลอ ๆ
“ออกไปยืนตรงนั้นนะครับ”
มันชี้นิ้วสั่งให้สองคนนั้นไปยืนตรงทางเดินหน้าบ้าน
“กลับบ้านดี ๆ นะครับ”
สิ้นเสียงมันก็เลื่อนประตูปิดส่งแขกให้ผมเสร็จสรรพ ซ้ำยังมีหน้าเดินมาแกะขนมที่พี่เก่งหิ้วมาให้อีก เออ มึงไล่เขาแต่กลับมานั่งกินของ ๆ เขาเนอะ ผมได้แต่หัวเราะ ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำกับเพื่อนและรุ่นพี่ผมแบบนี้ สะใจดีชะมัด
“ไล่เขาแล้วยังจะกินของเขาอีก” ผมแซวมัน
“เพราะฉันไม่อยากให้ยูกินของๆคนอื่นน่ะสิ”
ผมเม้มปากข่มอาการบนใบหน้า ไม่ใช่โกรธนะแต่ปากผมมันเหมือนจะยิ้มอ่ะ บ้าเอ๊ย! จะยิ้มทำไมกันเล่า
“กลับบ้านกูคงความดันขึ้น” ไอ้เมศบ่น
“ไรมึง” คำถามอันเต็มไปด้วยความปรารถนาดีจากผม
“หวานเกิน”
หวานอะไรไม่หวานซักนิด! หลังจากนั้นผมกับไอ้เมศก็ก่อสงครามแย่งขนมกัน สุดท้ายก้โดนไอ้ธันแย่งไปกินซะหมด แอบได้ยินเสียงบ่นจากแฝดสาวว่าต้องการเลือดเพิ่มด้วย พวกเธอฟินระยะสุดท้ายแล้ว ไอ้ระยะสุดท้ายน่าจะเป็นสมองมากกว่านะ เพี้ยนไปกันใหญ่แล้วไอ้พวกบ้าพวกนี้
“ติดไฟแดงอีกแล้ว! ขับอย่างนี้เมื่อไหร่จะถึงบ้านเนี่ยคุณพี่”
เฟรมสะบัดหัวตัวเองให้ยุ่งเหยิง ปากก็ต่อว่าคนขับรถด้านข้าง เก่งพยายามสะกดความรำคาญไว้ในใจ เขาเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่แสดงอารมณ์ขุ่นมัวต่อหน้ารุ่นน้อง แต่กับเด็กคนนี้....
“มาขับเองสิ”
“จริงเปล่า บอกไว้ก่อนนะว่าผมเคยขับรถแข่งมาแล้วด้วย”
“งั้นหรอ ไม่ยักรู้”
“ในเกมน่ะนะ ฮ่าๆ”
“เหอะ!”
“มา ๆ เปลี่ยนกันเดี๋ยวผมขับเอง”
“ฉันไม่เอาชีวิตอันมีค่าไปฝากไว้กับนายหรอกนะ”
“คนเราเกิดมาก็ต้องตาย จะกลัวอะไร”
“ฉันยังตายไม่ได้เพราะมีสิ่งที่อยากทำอยู่”
“อะไรอ่า”
“ไม่รู้สักเรื่องจะได้ไหม”
“พูดแบบนี้ยิ่งอยากรู้เลยอ่ะ ต่อมน้ำเหลืองผมนี่สั่นไปหมดเลย~”
“สงสัยนายใกล้จะตายแล้วล่ะมั้ง”
“พูดกับคุณพี่แล้วปวดประสาท!”
...ฉันต่างหากที่ปวดประสาท ทั้งโดนยั่วโมโห ทั้งโดนก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว... เก่งได้เพียงแต่บ่นอยู่ในใจ ขืนพูดออกไปเจ้าเด็กนี่คงเดินเคลื่อนทำลายระบบประสาทเขาอีกแน่
“โชคดีหว่ะ! เหลือขนมกล่องนึง”
เฟรมเอี้ยวตัวไปเบาะหลัง คว้าได้กล่องสีน้ำตาลผูกทับด้วยริ้บบินสีทอง ด้วยความอยากกินเฟรมรีบแกะกล่องขนมออกทันที เก่งที่ลอบมองอยู่ก็รีบออกปากห้าม
“นั่นมันของยู!”
“เหอะน่า มันก็ได้ไปเยอะแล้วถือว่าช่วยมันกินไง”
“เก็บเดี๋ยวนี้”
“ไม่ โห้! ช็อกโกแลตซะด้วย”
เมื่อเปิดกล่องออกก็พบกับขนมหวานก้อนกลมจัดวางอยู่ภายในกล่อง เฟรมไม่สนคำพูดของรุ่นพี่รีบโยนช็อกโกแลตก้อนกลมเข้าปากทันที
“หว๊าน...หวาน”
ไม่พอยังทำหน้าเคลิ้บเคลิ้มป่วนประสาทหนุ่มแว่นด้านข้าง เก่งขมวดคิ้วจอดรถข้างทางแล้วลงมือแย่งกล่องขนมกลับมา
“นายนี่มันเป็นเพื่อนภาษาอะไรห๊ะ!”
เขาขึ้นเสียงดัง อีกฝ่ายทำตาโตก่อนจะนิ่งสนิทไป เก่งรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันทีหรือว่าเขาจะตวาดเสียงดังเกินไป
“เฮ้...”
เก่งรู้สึกถึงความผิดปกติ ใบหน้ายียวนที่ทำเหมือนเคลิบเคลิ้มกับรสชาติเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกผิดรูป เฟรมอ้าปากปล่อยคราบขนมเหนียวเหนอะหนะลงในรถ ทำเอาเก่งสะดุ้งและต่อว่าทันที
“เฮ้ย! เลอะเทอะหมดแล้วเจ้าเด็กบ้า!”
เฟรมเปิดประตูคายของทั้งหมดออกจากปากพร้อมบ้วนน้ำลายทิ้ง เขาหันกลับเข้ามาควานหาอะไรบางอย่างไหนรถ เมื่อได้ขวดน้ำเขาก็รีบคว้าไปใช้ทันที
เก่งเห็นท่าทางเฟรมดูไม่ดีด้วยความเป็นรุ่นพี่เขาจึงเป็นห่วงรุ่นน้อง มือปลดสายรัดแล้ววิ่งไปดูอาการคนที่นั่งโก่งคออยู่นอกประตู
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
เมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นคราบน้ำที่ไหลออกมาจากปากก็หยดลงมา เก่งตาโตเมื่อเห็นว่าน้ำนั่นเป็นสีแดงเขารีบจับเด็กหนุ่มอ้าปากตรวจดูด้านใน ลิ้นสีชมพูในตอนนี้ถูกลบไปด้วยเลือดถึงแม้จะถูกบ้วนออกไปบ้างแล้วแต่ก็ยังไหลออกมาอยู่ดี
“อัน..อี..อะ”
“ไม่ต้องพูดๆ”
เห็นท่าทางไม่ดี เขาก้มลงมาเศษโลหะเล็กๆที่สะท้อนแสงออกมาจากกองเศษขนม
...ไม่ผิดแน่ มันต้องเป็นเศษใบมีด...
เขารู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มันน่าหวาดเสียวซะเหลือเกิน เก่งลองเอาฝากล่องบดขยี้ก้อนช็อกโกแลต ภายในนั้นเต็มไปด้วยเศษโลหะแหลมน่ากลัว เขาไม่อยากจะนึกเลยว่าจะเคี้ยวเจ้านี้และกลืนลงไป ข้างในคอเขาจะเป็นอย่างไร
“ถือว่าเป็นการลงโทษที่แอบกินขนมคนอื่นแล้วกัน”
เฟรมได้แต่ย่นจมูกไม่พอใจที่โดนซ้ำเติม
..โชคดีที่ยูไม่ได้กินมันเข้าไป...
แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้เจ้าเด็กนี้มากินมันแทนหรอกนะ เพราะความตะกละแท้ ๆ เชียวที่ทำให้เป็นแบบนี้ เขาคนไม่มีคนทะเลาะด้วยไปอีกยาวเลย
..ใครเป็นคนทำเรื่องนี้กันนะ...
เรื่องนี้เขาต้องหาคำตอบให้ได้!
++++++++++++++++++++
ยังมีคนอ่านอยู่ไหม หรือไม่มีตั้งแต่แรกแล้วT^T
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ