30 days for youสามสิบวันของผมกับนายเจ้าหนี้ตัวร้าย

10.0

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.42 น.

  16 บท
  3 วิจารณ์
  20.11K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 10.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่ 3 หน้าที่ของแฟน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 3

หน้าที่ของแฟน

 

                   ผมระงับอาการอยากอาหารหลังเลิกเรียน  เหมือนจะง่ายแต่มันยากนะ ไอ้โย่งข้างหน้าผมยังคงเดินเลยร้านที่ผมอยากจะกินต่อไป แหม่...ไม่สงสารท้องผมเลย  แล้วมันก็พาผมมาหยุดลงที่ร้านหอยทอดผัดไท โอ้ สวรรค์~

                   พอเรานั่งลงบนเก้าอี้ซักพักก็มีคนเอาน้ำมาเสิร์ฟ ธันก็หันมาถามผมว่า 

                   “จะกินอะไร”

               “เอาหอยทอด”

                   “อือ”

                   “ไม่ใส่พริกไทยนะ”

                   “อือ”

                   “ไม่ใส่ถั่วงอกนะ”

                   “อือ”

                   “ไม่ใส่หอยด้วย”

                   มันมองหน้าผมนิ่ง ๆ เออ ก็คนมันไม่ชอบกินอ่ะ

                   “เอาหอยทอดสองจานใส่พริกไทย ใส่ถั่วงอก อ่อ ใส่หอยเยอะๆด้วยนะครับ”

                   ดูมันทำกับผมสิครับท่านผู้ชม! ผมถลึงตาใส่มัน ก็คนสั่งว่าไม่เอาไงยังจะให้ใส่เยอะ ๆ อีก

                   “ผมไม่เอาหอย ไม่เอาถั่วงอก ไม่เอาพริกไทยนะครับ”

                   “เอาแบบที่ผมสั่งนะครับ”

                   มึงงงง! คนจดออเดอร์พยักหน้าแล้วก็เดินไปสั่งคนผัด ผมทุบโต๊ะมองคนตรงข้ามอย่างไม่พอใจ

                   “ฉันไม่กินแบบนั้นนะ!”

                   “อย่าเรื่องมากน่า”

                   “แล้วมายุ่งอะไรกับของคนอื่นล่ะห๊ะ! จะกินไรก็กินไปสิ”

                   “ขืนสั่งไปแบบนั้นก็โดนตะหลิวพอดี”

                   “รับผิดชอบไปเลยนะ ฉันจะกินแต่แป้งกับไข่!”

                   “แล้วทำไมไม่สั่งผัดไท”

                   “แล้วจะทำไมล่ะ!”

                   มึงต้องการสงครามใช่ไหม!

                   “ไม่กินอะไรเดี๋ยวฉันกินให้เอง”

                   ผมกอดอกเมินหน้าหนี  คงจะกินแป้งทอดแล้วมายุ่งอะไรด้วยเล่า!

                   “อย่างอนน่า เดี๋ยวซื้ออมยิ้มให้”

                   “เลิกเอาขนมมาล่อฉันได้แล้ว”

                   “ก็เห็นได้ผลทุกที”

                   ก็รู้หนิ! ใช่ ผมมันเห็นแก่กิน เออ จะกินๆๆให้กระเป๋าฉีกไปเลย!

                   “วันนี้จะกินให้จนเลย!”

                   “สงสัยคงยาก ในธนาคารมีอีกห้าแสน”

                   “ไอ้รวยยยย!”

                   “ขอบคุณที่ชม”

                   เอาที่มึงสบายใจแล้วกันนะ ระหว่างที่ผมกับมันกัดกันจนคอแห้งเป็นผุยผงหอยทอดกระทะร้อนก็มาเสิร์ฟถึงข้างหน้า   แค่เห็นก็อยากจะสั่งจานที่สองแล้วแต่ตอนนี้ของเขี่ยหอยออกก่อน

                   “ทำไมไม่กินหอย”

                   “ถามไมต้องถาม”

                   “อยากรู้”

                   “ไม่บอก อย่ามากวนเวลากินได้ไหม”

                   มันก็พยักหน้ายิ้ม ๆ ผมก็ตักหอยใส่กระทะมันๆก็ตักแป้งแผ่นกรอบๆส่งให้ผม

                   “ชอบกินไส้กรอกไหม”

                   “ชอบ”

                   “ดีๆ เดี๋ยวจะให้กินทุกวันเลย ที่บ้านมีเยอะมากินได้”

                   ผมหรี่ตามองมัน มันเงยหน้ามองผมเล็กน้อยที่จู่ๆผมก็หยุดชะงัก  คือผมคิดว่าไอ้บ้านี่ต้องคิดอะไรไม่ดีๆอยู่แน่ๆเลย

                   “พูดจาสองแง่ง่ามเดี๋ยวเอากระทะฟาดหน้าซะหรอก!”

                   “คิดลึกหรอ ลามกนะเราเนี่ย”

                   “ไอ้บ้า!”

                   ผมรู้สึกว่าหน้าร้อนดังฉ่า ใครเอากระทะตบหน้าผมหรือเปล่าเนี่ย ทำไมพอมันพูดด่าผมว่าลามกแล้วผมต้องรู้สึก เอ่อ.... เขินๆ อายๆ ผมไม่ใช่คนคิดลึกจริงๆนะ

                   “โดนด่าแล้วยิ้ม แปลกคน”

                   “ยิ้มบ้าอะไร! ไม่ได้ยิ้มซะหน่อย”

                   ไม่อยากจะทะเลาะกินดีกว่า

                   “ยูตอนเขินน่ารักดีนะ”

                   อย่ามาชมกู กูยิ่งเขินหนัก อย่า!

                   “ไม่ต้องมาชมว่าน่ารัก ไม่ต้องการคำนี้เว้ย ชมว่าหล่อดิ!”

                   “หล่อลื่น...”

                   อ่ะนะ ฮ่าๆ

                   “...ตกท่อ!”

                   “ไอ้!@#$%^&*(”

                   ผมกับมันคงลงรอยกันไม่ได้ง่าย ๆ แน่ ก็มันกวนประสาทแบบนี้ไง!          

                  

                   หลังจากกินหอยทอดเสร็จธันก็พาผมมาที่ร้านเบอร์เกอรี่  กลิ่นขนมปังกกรุ่นลอยคลุ้งออกมาชวนเอาน้ำลายผมซึมที่มุมปาก  ยิ่งเห็นสีสันของเค้กหลากหลายรสชาติกระเพราะผมก็เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ  เหลือบมองป้ายไวนิลหน้าร้านผมก็ยิ่งตาลุกวาว  ที่นี่ไม่ใช่ร้านเค้กธรรมดา แต่เป็นร้านแบบบุพเฟ่ต์

                   “กินไหม”

                   “ฉันไม่ชอบของหวาน”

                   “งั้นกลับเลยแล้วกัน”

                   เฮ้ย! เดี๋ยวดิเดินมาทั้งทีแล้วนะ!

                   “ก็..ก็ซื้อกลับไปบ้างสิไหนๆก็ไหนๆแล้ว”

                   มันเลิกคิ้วมองหน้าผม  ก่อนขอกล่องมาตักพวกขนม  ผมชะเง้อมองโดนัทเคลือบช็อกโกแลตอันโต  มันน่ากินมากเลยแต่ผมไม่บอกมันหรอกว่าจริงๆผมชอบขนมพวกนี้นะ  แต่ผู้ชายอย่างผมมากินของหวานแบบนี้มันไม่ได้ น่าอายจะตาย!

                   “อีกชิ้นมันใหญ่กว่าตั้งเยอะนะ”

                   ผมแย้งขณะที่มันคีบเค้กหน้านิ่มก้อนบาง ๆ ใส่กล่อง

                   “เหมือนกันแหละ”

                   “เหมือนกันตรงไหน อีกอันใหญ่กว่าตั้ง 2 มิลฯ”

                   “อืมๆ”

                   “เอาโดนัทด้วยสิ อันนั้นมันหน้าเละไม่ใช่หรอจะตักทำไม! เอาช็อกบอลด้วย! โอ้ย! คีบดีๆสิเละหมดแล้ว!”

                   “ทำเองไหม”

                   มันหันมาย่นคิ้วใส่ผมพลางยื่นที่คีบให้

                   “ของแกๆก็ตักเองสิ ฉันไปเอารถดีกว่า”

                   ผมตัดบทแล้วชิ่งไปเอารถที่จอดไว้แทน   ผมเดินเข้ามาในโรงจอดโรงแบบกันสาดเล็ก ๆ ซึ่งไม่ได้ช่วยกันแดดกันฝนเสียเท่าไหร่เลย  ลาออกจากกันสาดไปเป็นอย่างอื่นแทนเถอะ! ฝนตกทีไรลงรถผมทุกที!

                   …อ่ะ! ซองอะไร?...

                   ผมหยิบซองสีขาวออกมา มันถูกเสียบไว้ในซอกหน้ารถ  เห็นขาวๆแบบนี้ผมล่ะระแวงจริง ๆ ผ้าป่าหรือเปล่าวะเนี่ย อย่านะ! เพิ่งโดนไปสองสามวันก่อนเอง

                   “จดหมายเตือน”

                   ผมอ่านตัวอักษรสีแดงข้างหน้าซองแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก โธ่ แค่จดหมายเตือนเอง

                   ..เฮ้ย! เดี๋ยวเตือนไรวะ!..

                   ผมรีบแกะซองเปิดดู ผมค้างชำระอะไรหรอ รถก็ผ่อนหมดแล้ว ค่าอาหารที่ค้างไว้ก็จ่ายหมดแล้ว เอ๊ะ! หรือค่าขนมที่ผมติดไว้ที่ร้านหลังม.

                  

                   พรึ่บ!

 

                   ผมไล่สายตาอ่านข้อความในกระดาษ มันมีเนื้อความว่า / อย่ายุ่งกับธัน! เข้าใจไหม!/

                   “ว่าแล้วเชียว! ไอ้นิตินั่นมันต้องไม่ดี  นี่ถึงขนาดมีคนเขียนเตือนเลยนะเนี่ย!”

                   ผมพยักหน้าเก็บความข่มขื่นไว้ในใจ  ขอบคุณที่มาเตือนผมนะ ผมจะไม่ลืมบุญคุณเลย  แต่ตอนนี้ผมคงต้องตัวติดกับมันไปก่อนจนกว่าจะครบหนึ่งเดือนตาสัญญาล้างหนี้  เอาล่ะผมเอารถออกก่อนดีกว่า

 

                   ยูขี่รถมอไซค์เลี้ยวโค้งออกมา  พอมองเห็นร่างสูงโย่งของใครบางคนเขาก็เริ่มชะลอรถเพื่อหยุดรับ  ทว่าธันกลับเห็นว่ายูขับรถพุ่งเขาใส่เขาที่อยู่บนริมทางเท้า  เขาเอี้ยวตัวหลบรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งเข้าใส่เป็นผลให้รถของยูพุ่งเข้าใส่เสารั้วกั้นใกล้สระอย่างจัง  ด้วยความตกใจเขาละทิ้งของในมือวิ่งเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่าที่นอนอยู่ใต้รถ

                   “ยู!เป็นไรหรือเปล่า!”

                   เขาร้องถามอย่างตกใจสองไม้สองมือยกรถขึ้น  ดึงร่างนั้นออกมานั่งพักและสำรวจร่องรอยบาดแผลตามตัวของยู

                   “โอ้ย!”

                   ยูโอดครวญถลกขากางเกงขึ้น  ปรากฏรอยขีดข่วนจากลวดหนามเต็มขาจนเลือดซิบ

                   “ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวฉันจะรีบพาไปโรง’บาล!”

                   “ไม่เป็นเชี่ยไรล่ะ! มึงหลบทำไมวะ! อ้าว! แล้วเค้กอ่ะ!”

                   ไม่รู้ว่าธันควรจะรู้สึกผิดหรือขำก่อนดีที่เจ้าตัวดีเอ่ยปากถามหาเค้กซะนี่  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มปรายตามองกล่องกระดาษสีขาวที่แบะออก มีซากขนมปังลอยออกมาด้านนอกแล้วก็หันมาทำหน้าบึ้งตึงใส่ผู้ชายตรงหน้า

                   “มันหกหมดเลยเห็นไหม! ทำไมไม่วางให้ดีๆก่อนเล่า!”

                   “ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”

                   พูดจบธันก็รีบไปตามรถแท็กซี่มาพายูไปโรงพยาบาล  ขณะพยุงยูขึ้นรถแท็กซี่สายตายูก็มองไปอย่างรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาอย่างอาลัยอาวรณ์  ธันจึงลงไปจับมันตั้งให้ดีแล้วล็อคคอให้เรียบร้อย ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกต เขาเห็นว่าเบรกมือนั้นตัวบีบพับเข้าหากันเหมือนไร้สายเกลียวลวดยึดให้กางออก  เขาแงมซอกเบรกเช็คสายเบรกก็พบว่ามันขาดออกจากกัน  อาจเพราะผ่านการใช้งานมาบ่อยบวกกับเจ้าของเป็นคนไม่รอบคอบและไม่ค่อยพาไปเช็คเครื่องยนต์ธันจึงไม่ได้คิดอะไรเพียงแต่เขาคงต้องให้ยูระมัดระวังมากกว่านี้เท่านั้นเอง

 

                   “ไม่เย็บได้ไหมครับ”

                   ผมทำเสียงอ่อนต่อหน้าคุณพยาบาล ไม่รู้ไปล้มอีท่าไหนรั้วที่เป็นลวดมันขูดเข้าไปในเนื้อที่ขาผม ซึ่งมันลึกมาจนเลือดไหลซกออกมาจากแผล แถมรั้วก็สนิมเขอะหวังว่าผมจะไม่เป็นบาดทะยักนะ

                   “ต้องเย็บนะคะ”

                   พูดจบคุณพยาบาลก็หยิบสำลีจุ่มน้ำอะไรซักอย่างสีเหลืองน้ำตาลแล้ววาดลงบนขาผม

                   “อ๊ากกก!”

                   “แสบหรอคะ”

                   “ไม่รู้ผมร้องไว้ก่อน!”

                   ผมว้ากลั่นจับแขนไอ้ธันไว้แน่น  ห้ามไปไหนนะมึง! มึงทำให้กูเป็นแบบนี้เนี่ย! โอ้ย! ผมเกลียดโรงพยาบาลที่สุดเลย 

                   “เย็บกี่เข็มครับ” ธันถาม

                   “4 เข็มค่ะ”

                   “สี่! โอ้ยยย กูตายย!”

                   ผมซุกหน้ากับไหล่ไอ้ธัน ตายครับไม่เอาเข็มได้ไหมอ่ะ ผมเกลียดเข็ม

                   “ฉีดยาชาไหมคะ”

                   “ไม่ต้องฉีดครับ”

                   “ไอ้ธัน!”

                   ผมมองมันตาเขียวปั๊ด มันทำหน้ายียวนยิ้มมุมปาก  ผมเหลือบไปเห็นพยาบาลหัวเราะคิกคักก่อนสูบยาลงหลอดฉีดยา

                   “โอ้ยๆ”

                   “ยัง”

                   “ร้องไว้ก่อนได้ป่ะล่ะ!”

                   มายุ่งไรกับกูเนี่ย ผมเหลือมองปลายเข็มแหลมเฟี้ยวเสียวสะท้านทรวงจนต้องหันหาซุกซอกเต่าไอ้ธันอีกรอบ  ยิ่งผมรู้ว่าเข็มจะจิ้มผมร่างกายผมยิ่งสั่นรัวเป็นเจ้าเข้า  หัวใจเต้นรัว ลมหายใจก็แรงขึ้นจนมือใหญ่ต้องลูบหลังผมปลอบใจ คงกลัวผมจะช็อคตายเสียก่อนน่ะสิ

                   “กลัวเข็มหรอ” มันกระซิบถาม

                   “ปะ..เปล่า” ผมตอบเสียอู้อี้

                   “หายใจแรงเชียว ไม่กลัวก็เงยหน้า”

                   “ไม่เอา”

                   “ดูสิ ไม่กลัวไม่ใช่หรอ”

                   ผมเงยหน้ามองใบหน้าใสสะอาดที่ลอยอยู่ไม่ไกล  แววตามันดูอ่อนลง นี่กำลังห่วงผมอยู่หรอเนี่ย

                   “เสร็จแล้วค่ะ”

                   ผมถอนหายใจโล่งเมื่อคุณพยาบาลเก็บอุปกรณ์อันตรายนั่นลงไป แต่ยัง...ยังไม่ขนออกไปอีก  เธอบอกให้ผมลงจากเตียงได้เลย  แต่ผมไม่ลงผู้ชายข้างๆผมเลยเอ่ยปากถาม

                   “ทำไมไม่ลงซะที”

                   “มึงบอกให้เขาเข็นรถนี่ออกไปทีดิ”

                   ผมชี้ไปยังรถใส่เครื่องมือที่อยู่ขวางทางผม

                   “ก็ลงมาทางนี้สิ”

                   “ไม่เอาเดี๋ยวกูชนแล้วเข็มกระเด็นปักขาทำไงล่ะ!”

                   “มาเถอะ”

                   มันขยับรถเข็นใส่เครื่องมือออกไปห่าง ผมยันแขนเดินลงแต่ก็ต้องเจ็บแปล๊บ โอ้ย! ทำไมยามันหมดฤทธิ์ไวแบบนี้ 

                   “เจ็บอ่ะมึง”

                   “จะให้ทำไง”

                   “ไปเอารถเข็นมาดิ”

                   “เกินไป”

                   มันเดินทิ้งผม  ผมเลยต้องตะเกียดตะกายลงมา  พอรีบลงเท่านั้นแหละขาผมนี่ทรุดเลย  โรคสำออยกำเริบ

                   “เจ็บอ่า”

                   เจ็บจริงไม่ใช้สแตนอิน  พอมันเห็นสภาพน่าสมเพชของผมมันก็เดินกลับมาหาผม  มันขยับตัวมาใกล้จนเอวผมชนเข้ากับเตียง

                   “จะเดินไปดีๆหรือให้หอมแก้ม”

                   “เอารถเข็น”

                   “หนึ่ง...”

                   “ไปเอารถเข็นมาสิ!”

                   “สอง”

                   “ไอ้ธัน..!”

                   ปลายจมูกแหลมทิ่มลงมาบนแก้มผมแรง ๆ จนผมรู้สึกเจ็บนิด ๆ แต่ที่น่าปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าคือ ขาผมมันสามารถเดินได้คล่องปร๋อเดินลิ่ว ๆ หนีไอ้หล่อนน้อยไปได้เลยจนมันเองต้องตะโกนเรียกผมซะงั้น

                   “เดินช้า ๆ สิ”

                   ไม่รงไม่รอมันแล้วเว้ย! ผมจะกลับบ้าน  ผมหลับตาปี๋ไม่ยากจะนึกเรื่องที่มันทำเมื่อกี้  ให้ตายดิผมรู้สึกในอกมันปั่นป่วนยังไงไม่รู้แถมตัวก็ร้อนจี๋โดนเฉพาะที่หน้าหล่อๆของผม  สมองก็เบลอ ๆ เหมือนหลง ๆ ลืมๆอะไรบางอย่างไป

                   ..อ๋อ รู้แล้วลืมอะไร!..

                   ลืมเจ็บนี่เอง

                   “โอ้ยยย! ขากู!!”

                   ร่างสูงรีบวิ่งเข้ามาประคองผม  ผมได้แต่จ้องอาฆาตจะเอารองเท้าฟาดหัวมัน

                   “อยากเย็บแผลใหม่หรือไง”

                   “ไม่เอาเว้ย! กลัวเข็ม!”

                   “เข็มแค่นี้จิ๊บๆ”

                   มันยิ้มมุมบางหิ้วแขนผมขึ้นก่อนค่อย ๆ ก้มลงมาพูดใกล้ๆหูผม

                   “เข็มฉันใหญ่กว่าเยอะ ไม่เชื่อลองได้”

                   อะ....ไอ้..

                   มึงต้องการจะสื่ออะร๊ายยย!

                   “พรุ่งนี้ฉันจะดูแลยูเอง”

                   “ไม่ต้อง”

                   ผมบอกปฏิเสธ กลัวมันจะเอาเข็มมาให้ผมดู ไอ้บ้าโรคจิตนี่!

                   “ให้ฉันทำเถอะ”

                   ผมคิ้วกระตุกทันที  ทำนี่ทำอะไรดูแลหรือโชว์เข็ม  สักพักมืออุ่นก็แทรกปลายนิ้วเข้ามาคล้องกับช่องระหว่างนิ้วผมแล้วบีบมือผมไว้เบา ๆ

                   “มันเป็นหน้าที่ของแฟนนะ”

                   ผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตอนนี้ยังไงดี ถ้อยคำที่ได้ยินมันแฝงไปด้วยความจริงใจที่ไม่น่าจะมีจากคนพรรค์นี้ เจ้าหนี้ที่ขู่รีดเงินผม

                   “ถ้านายเป็นอะไรไปใครจะใช้หนีฉันล่ะ”

                   เออ! กูรู้อยู่แล้วล่ะ! คอยดูจะชดใช้ให้หมดเลย ไม่รีบตายไปไหนหรอกน่า! เกือบหลงกลมันไปแล้วเห็นไหมล่ะ เหลืออีก 28 เท่านั้น! สู้เว้ยไอ้ยู!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา