30 days for youสามสิบวันของผมกับนายเจ้าหนี้ตัวร้าย

10.0

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 17.42 น.

  16 บท
  3 วิจารณ์
  20.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 10.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บทที่ 5 ประกาศศึก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 5

ประกาศศึก

 

                   เข้าสู่อาทิตย์ที่สองของเดือน  ผมได้แต่ภาวนาให้เวลามันหมุนไปไว ๆ เฮ้อ ไม่ได้ดั่งใจวัยรุ่นเลย  และวันนี้ผมก็ได้รู้ว่านักศึกษาปีหนึ่งเรานี่ มีหน้าทีอะไรบ้าง

                   “ยกระวังๆด้วย”

                   “มันไม่ได้หนักขนาดนั้น! อย่าสำออย!”

                   หน้าที่หรอ? เบ๊กิตติมาศักดิ์ละมั้ง  ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตายกของไปหอประชุมโดยเดินตัดสนามหญ้าชื้นแฉะ  ไม่หนักหรอกครับแค่น้ำสองแพค อ่อ เดินขึ้นบันไดไปชั้น 5 นะเพราะไม่อนุญาตให้นักศึกษาใช้ลิฟต์ใช้ได้เฉพาะอาจารย์

                   ...ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนวะ?...

                   “นายน่ะ ถือนี่ขึ้นไปด้วย”

                   นี่ยังหนักไม่พอหรือไงวะ สั่งจัง! ผมกะจะหันไปแขวะซะหน่อยแต่ก็ต้องตะลึงกับใบหน้าสวยเฉียวลุคนางแบบ  หุ่นเธอก็สูงชะลูด ดูจะสูงกว่าผมด้วยซ้ำ

                   “มีอะไรหรอ”

                   เธอถามน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจพลางใช้หางตาจิกใส่ผมเล็กน้อย  ชาติที่แล้วคงเป็นไก่ล่ะมั้งจิกจังเลย

                   “เปล่าครับ”

                   “ฉันชื่อโรสนะ”

                   “ครับ?”

                   “นายชื่อยูสินะ”

                   “ครับ”

                   มุมปากเรียวสวยยกขึ้นเลยน้อยก่อนเธอจะเดินน้วยนาดไป  ไม่คิดเลยว่าผมจะเป็นที่รู้จักไปทั่วแบบนี้  ตายล่ะ! นี่ผมซ้อมเซ็นชื่อไว้เลยดีไหม เผื่อจะมี FC มาขอ ฮ่า ๆ

                   “ตาลอยเลย ร้ายนะมึงเนี่ย แอบหยอดสาวหรอ กิ๊วๆ”

                   ไอ้เมศที่เดินหอบถุงข้าวเดินมาแซะผม  ก็ได้แต่อมยิ้มไป ทำไงได้คนมันหน้าตาดี วะฮ่าๆ

                   “เฮ้ยๆ มึงช่วยกูถือนี่หน่อยดิ”

                   “มึงเบิกเนตรดูที่มือกูนี่”

                   กะว่าจะให้มันช่วยถือกล่องที่คนชื่อโรสวางแหมะไว้บนแพคน้ำเสียหน่อย  ไอ้เมศก็ถือของเต็มมือช่วยอะไรผมไม่ได้อีก  อย่างน้อยก็เลื่อนกล่องเข้ามาหน่อยก็ดีเล่นวางไว้หมิ่นเหม่แบบนี้แค่เดินก็หล่นแล้ว

                   “มึงดันกล่องเข้ามาตรงอกกูหน่อยดิ”

                   “เฮ้ย! จะดีหรอมาบอกให้กูจับนมมึง”

                   “โอ้ย! ไอ้พยาธิคิงคอง หูมึงเป็นอะไรวะ ให้กูเอาบั้งไฟตะบันให้ไหม!”

                   “มึงก็โหดจัง กูล้อเล่นน่า”

                   มันยกมือขึ้นมาดันกล่องเข้าหาตัวผม แต่มันคงลืมนึกไปว่าผมถือของหนัก มันก็ยังเอามือที่ถือของหนักมาวางพักบนของที่ผมถือ  แขนผมทนแรงไม่ไหวก็เทกระจาดเลยสิครับพี่น้อง!

                   “เฮ้ยๆ!”

                   ของในกล่องกระเด็นกระจัดกระจาย โชคดีที่ผมไม่ทิ้งแพ็คน้ำตามไปด้วย

                   “เพชรจริงเปล่าวะเนี่ย!”

                   ไอ้เมศร้องอย่างตกใจ หยิบแหวนที่ตกบนพื้นหญ้าขึ้นมาพิจารณา  ผมก็เริ่มขวัญกระเจิงหวังว่าต่างหูสิบกว่าคู่กับแหวนนั่นจะทำมาจากเพชรปลอมนะ

                   “กรี๊ด!”

                   ร่างสูงเพียวย่ำเท้าดิ่งตรงมายังจุดเกิดเหตุ  ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ เธอคนนั้นเป็นเจ้าของเครื่องประดับเหล่านี้ไง  เธอทิ้งตัวคุกเข่าก็อบของๆเธอขึ้นมาดูอย่างไม่ห่วงสวยแม้แต่น้อย

                   “ผมขอโทษนะครับ” ผมรับบอก วางของแล้วช่วยเธอเก็บ

                   “บ้าจริง!”

                   เธอดูโมโหมากกว่าที่คิด  ของๆใครของใครก็ห่วง ผมเข้าใจดี

                   “ครบไหมครับ” ผมเอ่ยปากถาม

                   “คู่นี้มันหายไปข้างนึง”

                   เธอบอกพร้อมแบมือให้ดู  มันเป็นต่างหูอันเล็กมีพลอยสีเขียวอ่อนเม็ดใสแปะก้านไว้เท่านั้นเอง 

                   “กรรม คู่เท่าไหร่ครับ” อันนี้ไอ้เมศถาม

                   “ข้างละห้าพัน”

                   ผมกับมันมองหน้ากัน เหงื่อไหลพลั่กๆ

                   “ผมจะหาไปคืนให้นะครับ” ผมบอก

                   “มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ”

                   เธอพูดเคืองๆ ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตามองหาของต่อ 

                   “เฮ้ย! สองคนนั้นขนข้าวขนน้ำขึ้นไปได้แล้ว”

                   รุ่นพี่ตะโกนสั่งพวกผม  ผมไม่ได้อู้นะ

                   “เดี๋ยวผมลงมาหาต่อให้นะครับ”

                   เธอไม่ว่าอะไรเพียงวางมาดไม่พอใจ  ผมกับเมศก็รีบขนของขึ้นไปทันที  ให้ตายสิมีแต่เรื่องจริง ๆ เลย  เงินเข้าอ่ะไม่ค่อยจะมีแต่เงินออกเนี่ยมีมาจ๊างงง  เกิดมาเพื่อเป็นหนี้แท้ ๆ ทำไมถึงซวยแบบนี้นะไอ้ยูเอ้ย!

 

                   หน้าที่ของดวงอาทิตย์หมดไป  ผู้มาใหม่คือดวงจันทร์สีทองรำไรบนฟากฟ้า  เวลาค่ำมืดแบบนี้ไฟสปอตไลท์ของสนามควรจะทำหน้าที่ แต่บังเอิญดันอยู่ในช่วงเปลี่ยนเป็นของใหม่ของเก่าเลยถูกถอดออกไปหมดเลย  สนามกว้าง ๆ ว่าวังเวงแล้ว ยิ่งมืดสลัวแบบนี้โคตรน่ากลัวเลย  อย่ามีอะไรโผล่มานะผมกรี๊ดจริงๆด้วย

                   “ไม่เจอหว่ะ แน่ใจนะว่าตรงนี้” ไอ้พุดเดิ้ลบ่น

                   “มึงลองใช้จมูกดมกลิ่นหาให้หน่อยดิ” ผมอ้อนวอน

                   “กลิ่นหญ้ากลิ่นดินมันกลบหมดแล้ว”

                   หมาของแท้เลยไอ้นี่  ทางไอ้เมศมันก็ยืนเท้าเอว  พวกเราสามคนหากันมาพักใหญ่แล้วแต่ไม่มีวี่แววเลย  เสียงแบตโทรศัทพ์ก็ร้องเตือนว่าไอ้พวกมนุษย์เอากูไปชาร์ตได้แล้วโว้ย!

                   “โธ่! อยู่ช่วยกันหน่อยก็ไม่ได้ไอ้มือถือเวร!”

                   มือถือผมขึ้นจอดำวูบดับไปแล้วหนึ่งเครื่อง  อยากจะปาทิ้งจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ามันแพงล่ะก็นะ

                   “กูว่าวันนี้กลับเหอะ ดึกแล้วนะเว้ย” ไอ้เมศแนะ

                   “เออ กูว่างั้นแหละ วังเวงชิบหาย เดี๋ยวผะ...อุ๊บ!”

                   ไอ้พุดเดิ้ลตะคุบปากตัวเองไว้  ผมนี่เสียวสันหลังวาบเลย  มหา’ลัยนี้ยิ่งของแรงอยู่ด้วย ทักไม่ได้เรียกไม่ได้เลยนะ เรียกปุ๊บมาปั๊บเลย

                   “ผีอ่ะหรอ!”

                   “ไอ้เชี่ยเมศ!/ไอ้เชี่ยเมศ!”

                   ผมกับไอ้เฟรมประสานเสียงคู่  โอ้ย! อยากจะดับเบิ้ลคิกแม่ม!

                   “โห้ย ไม่มีหรอกป่านนี้ไปผุดไปเกิดแล้ว ผีนักศึกษาชายที่ชอบนักอยู่บนแสตนใช่ป่ะ”

                   ยัง..ยัง ยังจะพูดอีก!

                   “เชี่ย! ไม่เรียกชื่อเขาเลยล่ะ! เล่าประวัติมาซะขนาดนี้!” ไอ้เฟรมประชด

                   “ชื่อไรวะ... อ่อ ธนกร!”

                   ไอ้เมศโพ่งเสียงดังลั่น  มันแยกไม่ออกใช่ไหมว่าอะไรคือการประชด ไอ้เพื่อนเวร!

                   “เฮ้ย! ใครยืนอยู่บนแสตนวะ!”

                   ไอ้เฟรมชี้นิ้วไปทางด้านหลังผม  ไอ้เมศก็เบิกตากว้าง ๆ เหมือเจอจิ้งโจ้เล่นสกีอยู่ เฮ้ย! อย่าดิกูกลัวนะเนี่ย  ผมทำใจหันไปข้างหลังเพื่อจะดูให้แน่นใจ สายตาผมก็ปะทะเข้ากับเสื้อสีขาว ๆ เท่านั้นแหละผมก็หันกลับมาบอกพวกมัน

                   “อ้าวเฮ้ย!”

                   พวกแม่มวิ่งนำผมไปแล้วครับ! ไอ้เพื่อนเลววว!

 

                   ตุ้บ!

 

                   เสียงอะไรตกลงอย่างหนักบนพื้นหญ้าด้านหลัง  ผมไม่วิค๊งวิเคาะห์อะไรแล้ว  ไม่หันด้วยตั้งหน้าตั้งตาโกยอย่างเดียวแล้วคร้าบบบ!

 

                   หมับ!

 

                   มือเย็นเฉียบจับเข้าที่ข้อแขนผม  อ๊าก! ยูจะกรี๊ดตายแล้วครับแต่กรี๊ดไม่เป็น  มันดึงผมไปด้านหลัง  ผมก็ได้แต่รั้งตัวไม่ให้ไปตามแรง

                   “ไอ้เมศ! ไอ้เฟรม! ช่วยกูด้วย!”

                   ผมได้แต่แหกปาก รีบสะบัดมือที่จับไว้ออกแต่มันเหนียวมาก  เฮ้ย! ติดกาวตราช้างไว้หรอวะ!

                   “จะร้องทำไม”

                   เสียงทุ้มคุ้นหูเรียกสติผมกลับมา 1 ส่วน 4  ผมค่อยๆ หันกลับมาดูอย่างหวาด ๆ บางทีผีมันอาจจะเลียนเสียงคนรู้จักผมหรือเปล่า  ซวยแล้ว!

                   “ยู”

                   ต้องเอาให้ชัวว์เว้ย  ลองเรียกชื่อแล้วกัน

                   “ธะ...ธันใช่ป่ะ”

                   ผมได้ยินมันแค่นหัวเราะ  มันเลื่อนมือมาจับหัวไหล่ผมแล้วหมุนตัวผมเข้าไปเผชิญหน้า  ผมกระพริบตาปรับแสงเล็กน้อย  มองดูทั่วใบหน้าของอีกฝ่ายให้แน่ใจ  คิ้วหน้าเค้ม จมูกโด่ง เออ ใช่น่ะแหละ  ผมถอนหายใจเบา ๆ

                   “ตกใจหมดเลย”

                   มันยิ้มบาง ๆ ผมก็ปั้นหน้าบึ้งใส่มัน

                   “มาทำอะไร”

                   มันไม่ตอบแต่ยังคงยิ้มเหมือนเดิม  เหมือนเดิมหรอ....ผมว่ารอยยิ้มมันดูเย็น ๆ ขึ้นนะ  มือที่จับไหล่ผมก็ตรึงแน่นจนผมเจ็บเลย

                   “ไอ้ธัน!”

                   “ก่อนหน้านี้นายถามฉันว่าอะไรนะ”

                   “มะ..มาทำอะไร”

                   “ก่อนหน้านั้นอีก”

                   ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อยๆนึกคำถามก่อนหน้านี้

                   “ธันใช่ไหม”

                   รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อหุบลง  ร่างสูงตรงหน้าเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ผม  โน้มคอลงจนใบหน้านั้นอยู่ระดับเดียวกับใบหน้าผมก่อนมันจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น

                   “ถ้าบอกว่าไม่ใช่ล่ะ”

                   ไม่ตลกนะเว้ย! ผมแงะมือมันออกแต่ไม่หลุดเลย ซ้ำมันยังยึดไหล่ผมไว้แน่นกว่าเดิมอีก

                   “แล้วนายเป็นใคร”

                   กูจะถามไปทำไมวะเนี่ย!!

                   “ฉันหรอ...”

                   มันหยุดไปชั่วครู่หนึ่งก่อนคลี่ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

                   “ธนกรไง!!!”

                   “ว้ากกกกก!!”

                   ผมร้องลั่นถีบคน(?)ตรงหน้าสุดแรงเกิด  มันก็ล็อคเอวผมเข้าไปแนบกับตัวมันพลางหายใจฮืดฮาดแบบซอมบี้ อ๊ากกก ปล่อยกู!

                   “ฮ่าๆ จี้ชะมัด”

                   ผมชะงักกึกเมื่อคุณผี(?)หัวเราะออกมาชุดใหญ่

                   “ไอ้เวร! มึงหลอกกูหรอ!” ผมด่ามัน

                   “ใครจะนึกว่ากลัวจริง” ยังจะมีน่ามาพูดแบบนี้อีก

                   “เล่นไรไม่รู้เรื่อง ปล่อยเลย!”

                   “ไม่ปล่อย”

                   “เดี๋ยวกูถีบอีกรอบ”

                   “ทำร้ายร่างกายปรับ 500 นะ”

                   “มึงๆๆๆ”

                   “มาทำอะไรที่นี่ โทรไปก็ไม่รับ”

                   “หาของน่ะสิ”

                   “ของอะไร”

                   “ไม่เจือกสักเรื่องจะตายไหม”

                   “เดี๋ยวก็ทิ้งไว้ให้ผีหลอกซะนี่!”

                   “อย่านะเว้ย!”

                   ผมจิกเสื้อมันไว้แน่น ถ้าทิ้งกูไว้นะกูจะ...กูจะ..

                   “ถ้ามึงทิ้งกูๆดึงเสื้อมึงขาดแน่ กูเอาจริงนะ กูไม่ซื้อคืนด้วย เอ่อ...ห้ามบวกกับหนี้เก่ากูนะ”

                   “บอกมาว่าหาอะไร”

                   “เมื่อกลางวันทำของคนอื่นหล่นอ่ะ มันเป็นต่างหูพลอยสีเขียวอันเล็กๆ”

                   “ค่อยมาหาพรุ่งนี้เถอะ มันดึกแล้ว”

                   “เออ รู้แล้วน่ากำลังจะกลับอยู่แล้วล่ะ แต่มีหมาที่ไหนไม่รู้โผล่มาก่อน”

                   “ยูเห็นหมาหรอ”

                   “กูเปรียบเฉยๆ”

                   “จริงๆที่นี่มีผีหมาโกลเด้นด้วยนะ”

                   “พอ อย่าเล่า มึงก็รู้ว่ากูกลัวก็แกล้งกูจัง! มีความสุขมากนักหรือไง!”

                   “มาก”

                   “ไอ้ปีศาจ!”

                   “ขอบคุณที่ชม”

                   ไอ้บ้านี่! ผมล่ะปวดหัวจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องต่างหูนะเรื่องไอ้บ้านี่ต่างหาก  เอาน่าทนอีกนิด ฮึบไว้นะยู!

 

 

                   วันต่อมาพวกผมมามหา’ลัยเช้าหน่อย  ก็หากันทั้งเช้าก่อนไปเรียนแต่ก็ไม่เจออยู่ดี  ไอ้เมศก็บอกว่างานนี้คงต้องทุบกระปุกกันแล้วล่ะ  สงสัยสวรรค์จะไม่เมตตาพวกผมแน่ หาไม่เจอซะที  ไม่ใช่โดนดูดลงไปใต้ดินแล้วนะ

                   “วันนี้ยูหน้าซีดจัง เมศด้วย เป็นอะไรกันหรือเปล่า”

                   แม่เทพธิดาอารีย์ของผมกล่าวด้วยความเป็นห่วง

                   “มีเรื่องเสียตังค์ไง ฮ่าๆ สมน้ำหน้า”

                   “ไอ้เฟรม! ไอ้เพื่อนทรยศ”

                   ผมกรนด่ามาลอดไรฟัน

                   “วันนี้พิมเลี้ยงข้าวเอาไหม” พิม

                   “ไม่ต้องหรอกพิม ”ผมรีบเบรกเธอ

                   “ไม่ต้องหรอก เจ้ามือมาโน่นแล้ว”

                   มองไปยังประตูก็พบร่างโปร่งบางในกระโปรงทรงเอวเข้ารูป  ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีเผ็ดร้อนเข้ากับกระเป๋าสีแดงเพลิงสวยหรูของเธอ

                   “โรส?” ผมขานชื่อเธอ

                   “เธอควรจะเรียกฉันว่า พี่โรสนะ” เธอบอก

                   “เอ่อ ขอโทษครับ”

                   “ยังหาไม่เจอสินะ”

                   “ครับ”

                   “เอาเถอะ วันนี้ไปทานข้าวกลางวันพลางคุยเรื่องนี้กันเถอะนะ”

                   เธอบอกส่งท้าย  ผมกับไอ้เมศมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะเดินตามเธอออกไป

 

                  

                   “ตอนแรกฉันว่าจะเรียกยูมาคนเดียว แต่ดันมีคนตามมาด้วยซะนี่”

                   เธอหันไปมองทางเมศ  เมศปั้นหน้าจริงจังก่อนตอบกลับเธอไปด้วยเหตุผล  อันที่จริงเรื่องนี้ผมรับเคราะห์พวกเราก็ผิดกันหมด  พี่โรสก็ผิดด้วยเช่นกันแต่เธอคงไม่โทษตัวเองหรอกว่าวางของไม่ดี

                   “ผมเป็นคนทำของคุณหล่น ผมก็ต้องมาเคลียร์ คุณจะเรียกเท่าไหร่ก็ว่ามาเลยครับผมยินดีรับผิดชอบ”

                   “หาไม่เจอจริงๆใช่ไหม”

                   “ครับ”

                   เธอพยักหน้าเข้าใจพลางยกแก้วกาแฟจรดมุมปากเรียวสวยนั่น

                   “หาไม่เจอก็ไม่เป็นไร”

                   “ครับ?/อ่ะ!”

                   เมศกับผมทำหน้างงงวย  หรือเธอจะใจดีไม่เอาเรื่องเรานะ

                   “ก็มันไม่ได้หาย ฉันก็แค่แกล้งเธอเล่นแค่นั้นเอง”

                   ตลก...ตลกจริงๆ เสียเวลากลับบ้าน เมื่อเช้าก็เข้าเรียนสาย  เพราะมาหาของที่มันไม่ได้หายไป  มิน่าล่ะ! หาเข้าไปดิไม่เห็นเจอซะที!

                   “กำลังโกรธฉันรู้หรอ” เธอยิ้มเล็กน้อย

                   “โกรธสิครับ พวกผมเสียเวลาหาตั้งนานแน่ะ!” ไอ้เมศบ่น

                   “แล้วยูล่ะ”

                   เธอหันมาถามความเห็นผม

                   “ก็...โกรธนิดหน่อยครับ” อันที่จริงมากเลยเว้ย

                   “แค่นั้นเองหรอ”

                   “ครับ แค่นั้นแหละ”

                   “แต่นายรู้ไหม ฉันโกรธนายยิ่งกว่าตอนที่นายโกรธฉันซะอีก”

                   “เอ่อ..ผมขอโทษที่ทำของรุ่นพี่หล่นนะครับ”

                   “ของพวกนั้นจะหล่นหรือหายก็ช่างมันเถอะ”

                   เธอพูดแบบไม่ใส่ใจ  ดวงตาใต้แพขนตาหน้าจ้องมองมายังผม  มันแฝงไปด้วยความกดดันบางอย่าง 

                   “แต่ของบางอย่างถึงฉันจะทำหล่น คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์เก็บเข้าใจไหม”

                   “ถ้าหมายถึงเครื่องประดับ..”

                   “ไม่ใช่ ฉันหมายถึง...ของเก่าของฉันต่างหาก”

                   ของเก่า ? อะไรวะงง บ้านเจ้แกขายของเก่าหรอ

                   “รบกวนเธอช่วยออกไปก่อนได้ไหม  ฉันอยากคุยกับยูแค่สองคน” เธอหันไปบอกเมศ

                   “คงไม่ได้ เพราะผมรู้สึกว่าคุณส่งสายตาไม่เป็นมิตรใส่เพื่อนผม”

                   “ฉันคงทำร้ายเพื่อนเธอไม่ได้หรอก ไม่ต้องห่วง”

                   “ฟังดูเหมือนมีเจตนาร้ายแฝงอยู่เลยนะครับ มีอะไรก็พูดกันตรงนี้ดีกว่าครับ”

                   อะไรกันวะ ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย  ไอ้เมศคงเห็นหน้าตาเหมือนหนอนตกตึกของผมมันเลยหันมากระซิบบอกอะไรบางอย่าง

                   “ผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนเก่าของแฟนมึง”

                   อ้าวหรอ! ไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย  แล้วที่เจ้แกบอกเมื่อครู่ก็หมายความว่า...

                   “รุ่นพี่อยากจะคุยเรื่องธันกับผมหรอ”

                   “ทำนองนั้น”

                   “ทำนองไหนอ่ะครับ เพลงชาติหรือจิงเกอเบล”

                   “ตลกหรอ”

                   “จริงจังไปได้ แล้วอยากคุยอะไรไม่ทราบครับ”

                   “ฉันอยากให้นายเลิกยุ่งกับธัน”

                   ป๊าดดด! นางร้ายหลังข่าวชัด ๆ มาขอกันซึ่งๆหน้าแบบนี้คิดว่านางเอกผู้ใจดีจะยอมยกให้หรือไง  ไว้เดือนหน้ามาเอาได้ไหมอ่ะเดือนนี้ขอผมใช้หนี้มันก่อนดิ

                   “ผมคงให้ไม่ได้ ขอโทษด้วยนะครับ ไว้โอกาสหน้ามาใหม่แล้วกัน”

                   “ก็คิดอยู่แล้วว่าต้องตอบแบบนี้”

                   “ก็ไม่น่าถามนี่ครับ”

                   “งั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจรับศึกหน่อยนะ”

                   ศึกเลยหรอ การแย่งผู้ชายมันดูยิ่งใหญ่จัง เฮ้อ อันที่จริงผมไม่ได้อยากแย่งด้วยหรอกนะ  แต่ขอใช้หนี้ให้หมดก่อนได้ไหมละ

                   “กำลังขู่เพื่อนผมหรอครับ” ไอ้เมศพูดบ้าง

                   “ไม่ได้ขู่ ฉันเอาจริง  ฉันจะแกล้งเพื่อนนายจนกว่าเพื่อนนายจะปล่อยมือจากธัน..หรือไม่ก็ลาออกไป”

                   “คิดว่าทำได้ก็ลองดู เพื่อนผมไม่มีทางเลิกกับแฟนมันหรอก!”

                   ถามกูหรือยัง....

                   “ทำให้ผมลาออกไม่โหดไปหน่อยหรอครับ คุณเป็นใครใหญ่มาจากไหนกันเนี่ย”ผมถาม

                   “พ่อฉันเป็นกรรมการบริหารมหา’ลัย ไม่รู้หรอกเหรอ”

                   “ไม่รู้หรอกครับ ผมไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”

                   “งั้นก็รู้ไว้ซะ ฉันให้โอกาสนายโทรไปบอกเลิกธันซะตอนนี้แล้วฉันจะไม่ทำอะไรนายเลย”

                   “ได้ เดี๋ยวผมโทรเลย”

                   ผมเลื่อนดูประวัติการโทรแล้วโทรออกไปยังปลายสาย  พอมันรับผมก็รีบกรอกเสียงลงไป

                   “ที่รัก มารับเค้าหน่อยสิ เค้าอยู่ที่ร้านXYZหลังมอ  รีบๆมาเลยนะ คิดถึงนะกุ๊กกิ๊กมุ้งมิ้ง~”

                   จบด้วยการจูบลงไปที่มือถือตัวเองก่อนวางสายด้วยใบหน้าสดชื่นรื่นรมย์  อยากจะอ้วกจริง ๆ แต่ผมหมั่นไส้ยัยเจ้นี่จัง  ใหญ่มาจากไหนก็แค่มีพอเป็นกรรมการแค่เนี้ย?

                   “เดี๋ยวที่รักของผมก็จะมาแล้ว รอก่อนนะครับ”

                   ผมเห็นใบหน้าของเธอแดงเถือก  โอ๊ะโอ่ องค์จะลงไหมเนี่ยผมจะได้วิ่งทัน

                   “ไอ้เด็กโง่!”

                   ฟังดูน่ารักจุง รักนะเด็กโง่อะไรอย่างนี้หรอ  เธอโมโหลมออกหูลุกขึ้นปัดจานฉามข้างหน้าเธอกระเด็นตกลงไปแตก  ทั้งร้านหันมามองที่โต๊ะพวกผมเป็นตาเดียวก่อนพนักงานจะวิ่งเข้ามาเก็บเศษจากที่แตก

                   “โอ้ย!”

                   “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

                   ผมถามน้องพนักงานในชุดม.ปลายที่โดนเศษจานบาดมือเลือดไหล  ผมเลยลงยั้งมือเป็นเชิงบอกว่าน้องไม่ต้องทำแล้วผมก็ลงมือเก็บแทนเอง

 

                   ตุ้บ!

 

                   เสียงทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งเรียกความสนใจผมไปทางรุ่นพี่โรส  เธอเบิกตากว้าง ๆ ก่อนเบือนหน้าหนีออกไปอีกทาง  สีหน้าเธอดูไม่ดีเลยนะ หรือเธอจะกลัวเลือด

                   “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ไอ้เมศถาม

                   “ไม่ต้องมายุ่ง” เธอตอบ

                   “เออ ไปนั่งข้างนอกร้านไหมครับ” ผมถามบ้าง

                   “บอกว่าไม่ต้องยุ่ง!”

                   เออ ไม่ยุ่งแล้วครับ  ซักพักร่างสูงก็วิ่งทั่กๆเข้ามาที่โต๊ะ  ผมมองชุดนักศึกษาชุ่มโชกไปด้วยหยาดน้ำ  ไม่รู้ว่าธันมันไปฝ่าฝนที่ไหนมา  แต่ไม่ทันที่ผมจะถามมันก็ปาดเข้าไปประคองพี่โรสแล้ว

                   “ไม่เป็นไรนะ ใจเย็นๆ”

                   “ธัน..”

                   เธอเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนลง  โผเข้ากอดเอวของธันไว้แน่น  มือใหญ่บรรจงลูบผมเธอเชิงปลอบโยน  ผมไม่ได้ยืนเงียบไม่รู้จะพูดอะไร ตอนนี้ผมลืมคำถามที่จะถามมันไปหมดแล้ว

                   “ธัน...”

                   “ไหวไหม เดี๋ยวผมพาไปส่งโรงพยาบาล”

                   “ธันไป..ส่ง”

                   ธันหันมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะบอก

                   “ฉันขอไปส่งโรสนะ”

                   ผมเม้มปากเล็กน้อย  ก็ไม่ใช่คนใจดำหรอกนะ นายเองก็ออกปากว่าอยากไปก็ไม่เห็นต้องหันมาถามความเห็นฉันเลยนี่

                   “ก็ไปซะสิ”

                   ร่างสูงช้อนตัวผู้หญิงโรยแรงขึ้นรีบพาตัวออกจากร้าน  โดยเธอคนนั้นก็ไม่ลืมที่จะทำหน้าที่นางร้ายต่อด้วยการส่งสายตาเย้ยมาให้ผม  เหอะ ประสาทผมไม่หึงไม่หวงมันหรอกจะเอาไปไหนก็เชิญเลย

                   “คุณคะ!”

                   น้องพนักงานร้องเสียงดังพลางชี้ไปที่มือผมซึ่งกำหมัดอยู่  พอนึกได้ว่าหยิบเศษจานไว้ในมือผมก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันทีเลย ให้ตายสิเลือดไหลซกเต็มมือเลย!

                   “ไปโรงพยาบาลไหมคะ”

                   “ไม่เป็นไรครับ”

                   แผลแค่นี้.....ไกลหัวใจ         

 

 

 +++++++++++++++++++++++++++++++++++

เม้นวันละนิดเพิ่มกำลังใจให้คนแต่งนะคะ

ขอบคุณทุกคนเม้นนะคะ แค่คอมเมนต์เดียวก็ดีใจแล้วT^T

 

              

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา