In the Mist. สายใยรักในม่านหมอก Yaoi , BL
6.7
เขียนโดย โรเครเซีย
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 09.05 น.
24 chapter
1 วิจารณ์
24.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 10.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
23) คำมั่น คำขอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “เห็นว่าเดินสืบเรื่องของเจ้าไปทั่วหมู่บ้านเลย” คิริเคียวคุหัวเราะเบาๆ ขณะปล่อยให้หวีสีดำลายดอกไม้แนวญี่ปุ่นประดับไข่มุกขาวไล่ไปตามเส้นผม มันเป็นของเก่าที่อยู่ติดคฤหาสน์มานาน น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง “จากที่ได้ยิน พวกเขาเกือบจะขึ้นเขามาสืบความจริงด้วยซ้ำ ยังดีที่ถูกรั้งไว้ก่อน เส้นทางขึ้นมาถึงตรงนี้มันอันตรายมากเลยนี่นา”
ไซยูกับมาจิ นานแล้วที่เขาไม่ได้พบทั้งสองคน
สมัยเด็กมาจิที่เป็นลูกโทนมักจะติ๊ต่างว่าเขาเป็นพี่ชายของตัวเองอยู่เสมอ แล้วยิ่งไปกว่านั้นยังติ๊ต่างว่ายูงาริคือลูกโทนที่แท้จริง มิสึเมะเป็นคนใจเย็นแล้วก็ใจดีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อถูกดึงพี่ชายไว้เล่นคนเดียวก็ไม่โกรธอะไร แต่เมื่อเริ่มโตขึ้น การละเล่นแบบเด็กๆ ก็เริ่มจางลง ตอนปีใหม่จึงส่งการ์ดอวยพรมาให้โดยไม่คิดอิจฉาเรื่องพี่ชาย ถึงลายของเขาจะสวยกว่านิดหนึ่งก็เถอะ
มิสึโตะฟุบหน้าลงกับเส้นผมสีดำยาว มันเรียงตัวเป็นระเบียบและนุ่มลื่น กลิ่นหอมของมันปะปนไปกับร่างกายแสนสวย นิ้วมือบรรจงสัมผัสขึ้นจุมพิตอย่างทะนุถนอม
“สวยจัง” มิสึโตะโอบกอดร่างเพรียวบางจากทางด้านหลัง “คุณสวยมากๆ แถมยังดูบริสุทธิ์บอบบาง อย่างกับเครื่องแก้วชิ้นเล็กๆ เลย”
คิริเคียวคุหันไปดีดหน้าผากคนรักพลางทำตาค้อน “ก็เจ้าไม่ใช่หรือที่ทำให้ข้ายังดู ‘บริสุทธิ์’ น่ะ แลกคำมั่นรักกับข้าแล้วแท้ๆ ไม่ยอมเข้าหอเสียที แบบนี้ตำราคู่ครองเขาว่าใช้ไม่ได้”
มิสึโตะหน้าแดง “หมะ...ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย แล้วเรื่องแบบนั้นมัน...ได้ยังไงกันล่ะ!”
“ทางพฤตินัยเขาเรียกว่าหนีตามข้ามาแล้วไม่ใช่รึ”
“ขะ...ขะ...คือ...ผมค่อนข้างหัวโบราณ เลยไม่อยากแตะต้องใครโดยที่ไม่ผ่านการ...เอ่อ...แต่งงาน ถ้า...ถ้าไม่จัดงานล่ะก็ อย่างน้อยก็จดทะเบียน...”
คิริเคียวคุเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แล้ว ‘จดทะเบียน’ มันคืออะไรกันล่ะ”
มิสึโตะหน้าซีด จะว่าไปแล้ว คิริเคียวคุคือเจ้าชายเมื่อสี่ร้อยปีก่อน เมื่อสี่ร้อยปีก่อนคงไม่มีอำเภอให้ขึ้นทะเบียนกรอกประวัติบุคคลหรอก แต่ถึงมี ผ่านมาตั้งสี่ร้อยปีคงมิวายถูกขึ้นใบมรณะบัตรทางกฎหมายไปนานแล้ว แบบนี้ความฝันที่ว่าจะแต่งงานกับใครสักคนอย่างเรียบง่าย เชิญเจ้าหน้าที่มาจดทะเบียนในงานวิวาห์คงเป็นอันล้มเหลวแล้วสินะ
“เอ่อ...งั้นจัดงานอย่างเดียวก็ได้ ถึงจะไม่มีชุด ใส่แค่ชุดญี่ปุ่นก็คงพอได้อยู่...”
คิริเคียวคุนึกรำลึกความหลัง “สมัยข้า แค่แลกเปลี่ยนคำมั่นตอนกลางวันก็กลายเป็นสามีภรรยาตอนกลางคืนกันได้แล้ว ถ้านับตามธรรมเนียมยุคข้า เจ้าเป็นคู่ครองข้าตั้งแต่อายุแปดขวบแล้ว ไม่รู้รึ หากไม่ติดว่าข้ารักเจ้าตอนที่โตขึ้นมาแล้ว คงได้เข้าหอกันตั้งแต่ตอนนั้นแหละ”
“แต่มันผ่านมาตั้งสี่ร้อยปีแล้วนี่นา ถ้านับตามยุคผม คุณก็พรากผู้เยาว์แล้วนะครับ ผิดกฎหมายนะ” มิสึโตะท้วงกลับ ความเชื่อเรื่องการแต่งก่อนอยู่ถูกฝังลงในสมองเขาอย่างมิอาจลบได้ ส่วนหนึ่งคงเพราะตระกูลโทคิคาว่าเป็นตระกูลเก่า ธรรมเนียมประเพณีนิยมจึงเคร่งครัด แม้ความจริงคุณนายมิสึมิจะสอนเพียงมิสึเมะคนเดียว แต่เวลาสอนสั่งอะไร สองพี่น้องก็มักจะอยู่ด้วยกันเสมอ ผลจึงกลายเป็นดังที่ปรากฏ
“ตอนนี้เจ้าก็โตแล้ว งั้นก็จัดงานวิวาห์ของเราเสียสิ ในคฤหาสน์พอจะมีผ้าสวยๆ เก็บไว้หลายผืน ข้าจะเอามาตัดให้ชุดให้ ตอนกลางคืนหมอกหนาลงจัด ถ้าพวกเราไปทำพิธีที่ศาลเจ้ากันเงียบๆ คงไม่มีปัญหาอะไร...”
คิริเคียวคุสังเกตถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาสัมผัสแก้มอุ่นอย่างแผ่วเบา
ตั้งแต่วันนั้น มิสึโตะเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในหมอกมาโดยตลอด จริงอยู่ที่จิตใจเขาดีขึ้นมาก แต่สองเท้ากลับไม่เคยคิดจะย่างกรายกลับไปยังหมู่บ้านเลยสักนิด เขาไม่เคยกลับไปที่คฤหาสน์ เวลาต้องการข้าวของอะไรก็ฝากคิริเคียวคุไป เพราะทุกเช้าก่อนมิสึโตะตื่น เขาจะต้องลงไปรับวัตถุดิบสำหรับทำอาหารสามมื้อเป็นกิจวัตร
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกจับอารมณ์ได้ มิสึโตะเลือกที่จะยิ้มและแตะมือที่สัมผัสแก้มของตน
“ต้องมีพยานด้วยนะ งานแต่งต้องมีพยานจึงจะสมบูรณ์”
คิริเคียวคุกังวล “ถ้า...”
“ไปจัดงานที่ศาลเจ้ากันเถอะ ขู่มิโกะสักคนมาเป็นพยาน เท่านี้ก็สมบูรณ์แล้ว” มิสึโตะยิ้มกว้าง “ช่วยเป็นคู่ครองของผมอย่างเป็นทางการได้ไหม คิริ”
คิริเคียวคุกลายเป็นฝ่ายประหม่าขึ้นมาบ้าง เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองเขินอะไรมากกว่าระหว่างการขอแต่งงานด้วยคำพูดที่ดูแปลกประหลาด กับการถูกเรียกชื่อแบบสั้นๆ ที่แสดงถึงความสนิทสนมกันที่เพิ่มขึ้นมาถึงขีดสุด
“ข้า...ข้าจะตัดชุดให้เจ้า ถือดาบไปขู่มิโกะแล้วมัดมือมัดปากพวกนาง ถ้า...ถ้าต้องการล่ะก็ ข้าจะทำอาหารฉลองด้วย” เจ้าชายแห่งสายหมอกฟุบหน้าลงกับไหล่ของคนขอแต่งงาน “เพราะฉะนั้น...เจ้าต้องแต่งงานกับข้าจริงๆ นะ”
“แต่งสิ” คนพูดกล่าวเสียงเบาด้วยความประหม่า ความเขินอายทำให้ลิ้นเขาแข็งแทบขยับไม่ได้ “ผมเอง...ก็อยากเข้าหอกับคุณเหมือนกันนั่นแหละ”
ไซยูกับมาจิ นานแล้วที่เขาไม่ได้พบทั้งสองคน
สมัยเด็กมาจิที่เป็นลูกโทนมักจะติ๊ต่างว่าเขาเป็นพี่ชายของตัวเองอยู่เสมอ แล้วยิ่งไปกว่านั้นยังติ๊ต่างว่ายูงาริคือลูกโทนที่แท้จริง มิสึเมะเป็นคนใจเย็นแล้วก็ใจดีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อถูกดึงพี่ชายไว้เล่นคนเดียวก็ไม่โกรธอะไร แต่เมื่อเริ่มโตขึ้น การละเล่นแบบเด็กๆ ก็เริ่มจางลง ตอนปีใหม่จึงส่งการ์ดอวยพรมาให้โดยไม่คิดอิจฉาเรื่องพี่ชาย ถึงลายของเขาจะสวยกว่านิดหนึ่งก็เถอะ
มิสึโตะฟุบหน้าลงกับเส้นผมสีดำยาว มันเรียงตัวเป็นระเบียบและนุ่มลื่น กลิ่นหอมของมันปะปนไปกับร่างกายแสนสวย นิ้วมือบรรจงสัมผัสขึ้นจุมพิตอย่างทะนุถนอม
“สวยจัง” มิสึโตะโอบกอดร่างเพรียวบางจากทางด้านหลัง “คุณสวยมากๆ แถมยังดูบริสุทธิ์บอบบาง อย่างกับเครื่องแก้วชิ้นเล็กๆ เลย”
คิริเคียวคุหันไปดีดหน้าผากคนรักพลางทำตาค้อน “ก็เจ้าไม่ใช่หรือที่ทำให้ข้ายังดู ‘บริสุทธิ์’ น่ะ แลกคำมั่นรักกับข้าแล้วแท้ๆ ไม่ยอมเข้าหอเสียที แบบนี้ตำราคู่ครองเขาว่าใช้ไม่ได้”
มิสึโตะหน้าแดง “หมะ...ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย แล้วเรื่องแบบนั้นมัน...ได้ยังไงกันล่ะ!”
“ทางพฤตินัยเขาเรียกว่าหนีตามข้ามาแล้วไม่ใช่รึ”
“ขะ...ขะ...คือ...ผมค่อนข้างหัวโบราณ เลยไม่อยากแตะต้องใครโดยที่ไม่ผ่านการ...เอ่อ...แต่งงาน ถ้า...ถ้าไม่จัดงานล่ะก็ อย่างน้อยก็จดทะเบียน...”
คิริเคียวคุเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แล้ว ‘จดทะเบียน’ มันคืออะไรกันล่ะ”
มิสึโตะหน้าซีด จะว่าไปแล้ว คิริเคียวคุคือเจ้าชายเมื่อสี่ร้อยปีก่อน เมื่อสี่ร้อยปีก่อนคงไม่มีอำเภอให้ขึ้นทะเบียนกรอกประวัติบุคคลหรอก แต่ถึงมี ผ่านมาตั้งสี่ร้อยปีคงมิวายถูกขึ้นใบมรณะบัตรทางกฎหมายไปนานแล้ว แบบนี้ความฝันที่ว่าจะแต่งงานกับใครสักคนอย่างเรียบง่าย เชิญเจ้าหน้าที่มาจดทะเบียนในงานวิวาห์คงเป็นอันล้มเหลวแล้วสินะ
“เอ่อ...งั้นจัดงานอย่างเดียวก็ได้ ถึงจะไม่มีชุด ใส่แค่ชุดญี่ปุ่นก็คงพอได้อยู่...”
คิริเคียวคุนึกรำลึกความหลัง “สมัยข้า แค่แลกเปลี่ยนคำมั่นตอนกลางวันก็กลายเป็นสามีภรรยาตอนกลางคืนกันได้แล้ว ถ้านับตามธรรมเนียมยุคข้า เจ้าเป็นคู่ครองข้าตั้งแต่อายุแปดขวบแล้ว ไม่รู้รึ หากไม่ติดว่าข้ารักเจ้าตอนที่โตขึ้นมาแล้ว คงได้เข้าหอกันตั้งแต่ตอนนั้นแหละ”
“แต่มันผ่านมาตั้งสี่ร้อยปีแล้วนี่นา ถ้านับตามยุคผม คุณก็พรากผู้เยาว์แล้วนะครับ ผิดกฎหมายนะ” มิสึโตะท้วงกลับ ความเชื่อเรื่องการแต่งก่อนอยู่ถูกฝังลงในสมองเขาอย่างมิอาจลบได้ ส่วนหนึ่งคงเพราะตระกูลโทคิคาว่าเป็นตระกูลเก่า ธรรมเนียมประเพณีนิยมจึงเคร่งครัด แม้ความจริงคุณนายมิสึมิจะสอนเพียงมิสึเมะคนเดียว แต่เวลาสอนสั่งอะไร สองพี่น้องก็มักจะอยู่ด้วยกันเสมอ ผลจึงกลายเป็นดังที่ปรากฏ
“ตอนนี้เจ้าก็โตแล้ว งั้นก็จัดงานวิวาห์ของเราเสียสิ ในคฤหาสน์พอจะมีผ้าสวยๆ เก็บไว้หลายผืน ข้าจะเอามาตัดให้ชุดให้ ตอนกลางคืนหมอกหนาลงจัด ถ้าพวกเราไปทำพิธีที่ศาลเจ้ากันเงียบๆ คงไม่มีปัญหาอะไร...”
คิริเคียวคุสังเกตถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาสัมผัสแก้มอุ่นอย่างแผ่วเบา
ตั้งแต่วันนั้น มิสึโตะเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในหมอกมาโดยตลอด จริงอยู่ที่จิตใจเขาดีขึ้นมาก แต่สองเท้ากลับไม่เคยคิดจะย่างกรายกลับไปยังหมู่บ้านเลยสักนิด เขาไม่เคยกลับไปที่คฤหาสน์ เวลาต้องการข้าวของอะไรก็ฝากคิริเคียวคุไป เพราะทุกเช้าก่อนมิสึโตะตื่น เขาจะต้องลงไปรับวัตถุดิบสำหรับทำอาหารสามมื้อเป็นกิจวัตร
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกจับอารมณ์ได้ มิสึโตะเลือกที่จะยิ้มและแตะมือที่สัมผัสแก้มของตน
“ต้องมีพยานด้วยนะ งานแต่งต้องมีพยานจึงจะสมบูรณ์”
คิริเคียวคุกังวล “ถ้า...”
“ไปจัดงานที่ศาลเจ้ากันเถอะ ขู่มิโกะสักคนมาเป็นพยาน เท่านี้ก็สมบูรณ์แล้ว” มิสึโตะยิ้มกว้าง “ช่วยเป็นคู่ครองของผมอย่างเป็นทางการได้ไหม คิริ”
คิริเคียวคุกลายเป็นฝ่ายประหม่าขึ้นมาบ้าง เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองเขินอะไรมากกว่าระหว่างการขอแต่งงานด้วยคำพูดที่ดูแปลกประหลาด กับการถูกเรียกชื่อแบบสั้นๆ ที่แสดงถึงความสนิทสนมกันที่เพิ่มขึ้นมาถึงขีดสุด
“ข้า...ข้าจะตัดชุดให้เจ้า ถือดาบไปขู่มิโกะแล้วมัดมือมัดปากพวกนาง ถ้า...ถ้าต้องการล่ะก็ ข้าจะทำอาหารฉลองด้วย” เจ้าชายแห่งสายหมอกฟุบหน้าลงกับไหล่ของคนขอแต่งงาน “เพราะฉะนั้น...เจ้าต้องแต่งงานกับข้าจริงๆ นะ”
“แต่งสิ” คนพูดกล่าวเสียงเบาด้วยความประหม่า ความเขินอายทำให้ลิ้นเขาแข็งแทบขยับไม่ได้ “ผมเอง...ก็อยากเข้าหอกับคุณเหมือนกันนั่นแหละ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ