The chess war มหาสงครามเกมหมากรุก
10.0
เขียนโดย liber
วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.46 น.
26 บท
1 วิจารณ์
26.23K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558 15.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) FIRST CHECK – STRANGE WORLD
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันที่ 16 เดือนเมษายน ค.ศ.xxxx
เสียงฝนพรำอันเป็นปกติของประเทศที่ได้รับฉายาว่าเป็นดินแดนของผู้ดีกางร่มดังขึ้นไม่ขาดสาย
หญิงสาวอายุราว21กำลังนั่งเท้าคางอยู่ข้างหน้าต่าง นัยน์ตาสีเขียวงดงามดุจมรกตกำลังจ้องมองเม็ดฝน
เย็นๆที่ตกกระทบหน้าต่างของบ้านหลังเล็กที่ดูเหมือนจะเป็นกระท่อมซะมากกว่าจนเกิดเสียงเปาะแปะ ฉับ
พลัน เธอก็ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าพร้อมกับยืนขึ้นทันที
“แอน ออกไปข้างนอกตอนนี้จะดีเหรอ เธอพึ่งหายป่วยเองนะ แถมฝนก็ยังตกจั๊กๆอยู่เลย”เสียง
ค้านดังขึ้นจากปากของชายหนุ่มผมแดง เขามีอายุใกล้เคียงกับหญิงสาว ดวงตาสีเขียวที่เหมือนกับเธอผู้
นั้นราวกับแกะจ้องมองผู้ร่วมสายเลือดด้วยความเป็นห่วง“รอให้ฝนหยุดก่อนเถอะน่า”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า อเล็กซ์ ฉันลาหยุดมาตั้งหลายวันแล้ว เดี๋ยวก็โดนไล่ออกกันพอดี อีกอย่าง ที่
นี่อังกฤษนะ ถ้าจะรออากาศดี คงไม่ได้ไปทำงานกันพอดี” หญิงสาวแย้งขึ้น เธอคือศัลยแพทย์อัจฉริยะ
แอนคอร่า โฮป นั่นเอง ส่วนชายหนุ่มก็คือ ร้อยตำรวจโทอนาคตไกล อเล็กซานเดอร์ โฮป หรือก็คือพี่ชาย
ฝาแฝดของแอนคอร่า
“ก็ฉันเป็นห่วงนี่นา”อเล็กซานเดอร์บ่นอุบอิบ หญิงสาวจึงส่ายหน้าอย่างระอาใจกับพฤติกรรมที่
ชักจะเหมือนพ่อคนที่สองขึ้นเรื่อยๆของคู่แฝด
ทั้งสองคนเสียบิดาไปตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ และพึ่งจะสูญเสียมารดาไปอีกเมื่อไม่นาน การให้กำลัง
ใจในตอนนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำชายหนุ่มย้ายกลับมาทำงานที่บ้านเกิดได้ซักพักแล้ว
“น่าๆ กว่าพี่จะลาหยุดซักที พักผ่อนเถอะ”เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ้อนๆที่ทำให้แฝดผู้พี่ต้องใจอ่อน
ทุกครั้ง อเล็กซานเดอร์ถอนหายใจ ทรุดตัวลงนั่นหน้าถ้วยกาแฟกับขนมปังปิ้ง โบกมือเป็นเชิงไล่และกล่าว
ในที่สุดว่า
“ก็ได้ๆ งั้นเดินดีๆ ระวังฝนสาดล่ะ”
“ค่ะ”แอนคอร่ารับ มือบางหยิบร่มสีเทาเข้มดุจสายฝน สีเดียวกับเรือนผมที่ทิ้งตัวลงมาถึงเอวบาง
ของเธอ แต่ก่อนที่ร่างบางจะเดินออกไป หญิงสาวก็หันกลับมาพูดกับพี่ชายด้วยคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายเผย
รอยยิ้มออกมา
“ถ้าวันไหนอากาศดี เราไปเที่ยวที่สโตนเฮนจ์*กันนะคะ พี่อเล็กซ์”
“อืม ได้สิ”เขาเอ่ย”ไว้วันนั้นพี่จะลางานแล้วกัน”
ร่างโปร่งเดินลัดเลาะทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างคล่องแคล่ว เสียงหยาดฝนดังต่อเนื่องและ
กึกก้องราวกับจังหวะบรรเลงของกลองในวงออเครสตร้า ทุกสรรพสิ่งรอบด้าน ทั้งผืนหญ้าและไม้พุ่มที่มีขึ้น
อยู่ประปรายต่างเขียวขจีเพราะได้รับนำฉ่ำ แอนคอร่าสูดกลิ่นดินและกลิ่นฝนเข้าไปเต็มปอดขณะมองดู
ทัศนียภาพอันงดงามเหล่านั้น ทว่า แม้สีเขียวของแมกไม้และผืนหญ้านุ่มจะงดงามปานใด แต่โทนสีเขียวที่
งดงามที่สุดกลับเป็นสีเขียวกระจ่างจากดวงตาอันงดงามของหญิงสาวนั่นเอง
เธอค่อยๆเดินเข้ามาในท้องทุ่งราวกับต้องมนต์สะกด รู้ตัวอีกที ร่างบางก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรง
หน้าหน้ากองหินที่ตระหง่านค้ำฟ้า สโตนเฮนจ์นั่นเอง
แอนคอร่าเดินผ่านซุ้มหินทรายวงนอกและหินทรายสีน้ำเงินวงในเข้าไป เธอเงยหน้ามองแท่งหิน
ไทรลิทอน ก่อนจะก้มลงมองแท่นหินบูชาที่วางราบอยู่บนพื้นข้างหน้า มือเรียวเล็กและขาวสะอาดราวกับมือ
ของสตรีผู้สูงศักดิ์นั้นลูบแท่นหินบูชาแผ่วเบา ฝุ่นที่ถูกจับตัวด้วยน้ำฝนก็หลุดลอกออกมาอย่างง่ายดาย
เผยอักขระแปลกประหลาดที่สร้างความประหลาดใจให้กับหญิงสาวเป็นอันมาก ปลายนิ้วเรียวสัมผัสอักษรที่
สลักไว้อย่างงดงาม ทันใดนั้น มันก็เรืองแสงสีขาวสะอาด ความตกใจทำให้แอนคอร่ารีบชักมือออก แต่อสนี
บาทก็ฟาดเข้าที่แท่นหินบูชาในฉับพลัน!
‘เปรี้ยง!’ เสียงฝ่าผ่าดังขึ้นทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นป้องกลางศีรษะและหลับตาลงโดยสัญชาติ
ญาณ แต่เมื่อไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ ดวงตาสีเขียวใสก็ลืมขึ้นช้าๆ
“นี่มันที่ไหนกันเนี่ย!”เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะถึงที่แห่งนี้จะยังมีกองหินสโตนเฮนจ์
อยู่ แต่ทิวทัศน์รอบข้างนั้นกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละโลก
จากท้องฟ้าสีเทาหม่นที่ยังคงมีฝนพรำอยู่ก่อนหน้านี้กลายเป็นท้องนภาสีครามสดใสราวกับวันที่
พระเจ้าสร้างโลก หมู่บ้านที่เธอคุ้นเคยมาตั้งแต่เยาว์วัยก็อันตรธานหายไป โดยมีผืนป่าโปร่งมาปกคลุมแทน
ที่ แอนคอร่าทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าอย่างอ่อนแรง เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วทุ่งว่า
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน~!”
“ให้ตายสิ ไม่นึกว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองเลยแฮะ”แอนคอร่าพูดกับตนเองขณะเก็บข้าวของ
ซึ่งประกอบด้วย ห่อที่เต็มไปด้วยยาหลากหลายชนิดรวมถึงเข็มฉีดยาด้วย มีดผ่าตัด เสื้อกาวน์** เสื้อกัน
หนาว ร่มคันใหญ่ ปากกาหมึกซึม ยางลบลบหมึก กระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือที่ทำยังไงก็เปิดไม่ติด ผ้าเช็ด
หน้า และหนังสือนิยาย 1 เล่ม เธอลุกขึ้นยืนพลางถอนหายใจ
“เป็นสภาพที่เลวร้ายสุดๆไปเลยแฮะ จะเอายังไงกับชีวิตของเราต่อดีล่ะเนี่ย?” หญิงสาวพึมพำกับ
ตนเองเบาๆ ทันใดนั้น เสียงแสกสากของพุ่มไม้ก็ดังขึ้น ทำให้เธอหันไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ใครน่ะ!”แอนคอร่าหันไปตวาดขึ้น“ออกมาที่นี่เดี๋ยวนี้นะ!”เธอเอ่ยด้วยเสียงเข้ม ร่างสูงของชาย
คนหนึ่งจึงเดินออกมาจากดงไม้ ลักษณะของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวชะงักทันที่
‘เขา’ มีเรือนผมสีบลอนด์และดวงตาสีน้ำเงินที่ชวนให้นึกถึงไพลินน้ำงามที่ผ่านการเจียระไนอย่าง
ดี ‘เขา’สวมชุดสีขาวที่ขลิบด้วยสีทองและผ้าคลุมสีน้ำเงินกำมะหยี่ ‘เขา’มีใบหน้าและเครื่องหน้าที่สมบูรณ์
แบบ ราวกับประติมากรรมชิ้นเอก แต่‘เขา’กลับมีท่าที่เฉยเมย ราวกับไร้ชีวิต สิ่งเหล่านั้นดังดูดความสนใจ
ของแอนคอร่าจนดวงตาสีเขียวมรกตเบิกค้างด้วยความงุนงงปนแปลกใจ เพราะเขาคนนั้นดูเหมือนหลุด
ออกมาจากสมัยยุโรปโบราณไม่มีผิดเพี้ยน
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นใครเหรอคะ? แล้วที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่?”หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียง
สุภาพ แต่ดวงตาของชายคนนั้นกลับมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด แล้วเสียงนุ่มทุ้มที่ก้องกังวานจะ
กล่าวขึ้นว่า
“ข้าต้องถามมากกว่านะ ว่าเจ้า...คือใคร?”
*สโตนเฮนจ์ (stone henge) กองหินลึกลันอายุกว่าสองพันปี อยู่ที่ที่ราบซอลต์เบอร์รี่ อังกฤษ
**เสื้อคลุมสีขาวของแพทย์
เสียงฝนพรำอันเป็นปกติของประเทศที่ได้รับฉายาว่าเป็นดินแดนของผู้ดีกางร่มดังขึ้นไม่ขาดสาย
หญิงสาวอายุราว21กำลังนั่งเท้าคางอยู่ข้างหน้าต่าง นัยน์ตาสีเขียวงดงามดุจมรกตกำลังจ้องมองเม็ดฝน
เย็นๆที่ตกกระทบหน้าต่างของบ้านหลังเล็กที่ดูเหมือนจะเป็นกระท่อมซะมากกว่าจนเกิดเสียงเปาะแปะ ฉับ
พลัน เธอก็ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าพร้อมกับยืนขึ้นทันที
“แอน ออกไปข้างนอกตอนนี้จะดีเหรอ เธอพึ่งหายป่วยเองนะ แถมฝนก็ยังตกจั๊กๆอยู่เลย”เสียง
ค้านดังขึ้นจากปากของชายหนุ่มผมแดง เขามีอายุใกล้เคียงกับหญิงสาว ดวงตาสีเขียวที่เหมือนกับเธอผู้
นั้นราวกับแกะจ้องมองผู้ร่วมสายเลือดด้วยความเป็นห่วง“รอให้ฝนหยุดก่อนเถอะน่า”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า อเล็กซ์ ฉันลาหยุดมาตั้งหลายวันแล้ว เดี๋ยวก็โดนไล่ออกกันพอดี อีกอย่าง ที่
นี่อังกฤษนะ ถ้าจะรออากาศดี คงไม่ได้ไปทำงานกันพอดี” หญิงสาวแย้งขึ้น เธอคือศัลยแพทย์อัจฉริยะ
แอนคอร่า โฮป นั่นเอง ส่วนชายหนุ่มก็คือ ร้อยตำรวจโทอนาคตไกล อเล็กซานเดอร์ โฮป หรือก็คือพี่ชาย
ฝาแฝดของแอนคอร่า
“ก็ฉันเป็นห่วงนี่นา”อเล็กซานเดอร์บ่นอุบอิบ หญิงสาวจึงส่ายหน้าอย่างระอาใจกับพฤติกรรมที่
ชักจะเหมือนพ่อคนที่สองขึ้นเรื่อยๆของคู่แฝด
ทั้งสองคนเสียบิดาไปตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ และพึ่งจะสูญเสียมารดาไปอีกเมื่อไม่นาน การให้กำลัง
ใจในตอนนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำชายหนุ่มย้ายกลับมาทำงานที่บ้านเกิดได้ซักพักแล้ว
“น่าๆ กว่าพี่จะลาหยุดซักที พักผ่อนเถอะ”เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ้อนๆที่ทำให้แฝดผู้พี่ต้องใจอ่อน
ทุกครั้ง อเล็กซานเดอร์ถอนหายใจ ทรุดตัวลงนั่นหน้าถ้วยกาแฟกับขนมปังปิ้ง โบกมือเป็นเชิงไล่และกล่าว
ในที่สุดว่า
“ก็ได้ๆ งั้นเดินดีๆ ระวังฝนสาดล่ะ”
“ค่ะ”แอนคอร่ารับ มือบางหยิบร่มสีเทาเข้มดุจสายฝน สีเดียวกับเรือนผมที่ทิ้งตัวลงมาถึงเอวบาง
ของเธอ แต่ก่อนที่ร่างบางจะเดินออกไป หญิงสาวก็หันกลับมาพูดกับพี่ชายด้วยคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายเผย
รอยยิ้มออกมา
“ถ้าวันไหนอากาศดี เราไปเที่ยวที่สโตนเฮนจ์*กันนะคะ พี่อเล็กซ์”
“อืม ได้สิ”เขาเอ่ย”ไว้วันนั้นพี่จะลางานแล้วกัน”
ร่างโปร่งเดินลัดเลาะทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างคล่องแคล่ว เสียงหยาดฝนดังต่อเนื่องและ
กึกก้องราวกับจังหวะบรรเลงของกลองในวงออเครสตร้า ทุกสรรพสิ่งรอบด้าน ทั้งผืนหญ้าและไม้พุ่มที่มีขึ้น
อยู่ประปรายต่างเขียวขจีเพราะได้รับนำฉ่ำ แอนคอร่าสูดกลิ่นดินและกลิ่นฝนเข้าไปเต็มปอดขณะมองดู
ทัศนียภาพอันงดงามเหล่านั้น ทว่า แม้สีเขียวของแมกไม้และผืนหญ้านุ่มจะงดงามปานใด แต่โทนสีเขียวที่
งดงามที่สุดกลับเป็นสีเขียวกระจ่างจากดวงตาอันงดงามของหญิงสาวนั่นเอง
เธอค่อยๆเดินเข้ามาในท้องทุ่งราวกับต้องมนต์สะกด รู้ตัวอีกที ร่างบางก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรง
หน้าหน้ากองหินที่ตระหง่านค้ำฟ้า สโตนเฮนจ์นั่นเอง
แอนคอร่าเดินผ่านซุ้มหินทรายวงนอกและหินทรายสีน้ำเงินวงในเข้าไป เธอเงยหน้ามองแท่งหิน
ไทรลิทอน ก่อนจะก้มลงมองแท่นหินบูชาที่วางราบอยู่บนพื้นข้างหน้า มือเรียวเล็กและขาวสะอาดราวกับมือ
ของสตรีผู้สูงศักดิ์นั้นลูบแท่นหินบูชาแผ่วเบา ฝุ่นที่ถูกจับตัวด้วยน้ำฝนก็หลุดลอกออกมาอย่างง่ายดาย
เผยอักขระแปลกประหลาดที่สร้างความประหลาดใจให้กับหญิงสาวเป็นอันมาก ปลายนิ้วเรียวสัมผัสอักษรที่
สลักไว้อย่างงดงาม ทันใดนั้น มันก็เรืองแสงสีขาวสะอาด ความตกใจทำให้แอนคอร่ารีบชักมือออก แต่อสนี
บาทก็ฟาดเข้าที่แท่นหินบูชาในฉับพลัน!
‘เปรี้ยง!’ เสียงฝ่าผ่าดังขึ้นทำให้หญิงสาวยกมือขึ้นป้องกลางศีรษะและหลับตาลงโดยสัญชาติ
ญาณ แต่เมื่อไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ ดวงตาสีเขียวใสก็ลืมขึ้นช้าๆ
“นี่มันที่ไหนกันเนี่ย!”เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะถึงที่แห่งนี้จะยังมีกองหินสโตนเฮนจ์
อยู่ แต่ทิวทัศน์รอบข้างนั้นกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละโลก
จากท้องฟ้าสีเทาหม่นที่ยังคงมีฝนพรำอยู่ก่อนหน้านี้กลายเป็นท้องนภาสีครามสดใสราวกับวันที่
พระเจ้าสร้างโลก หมู่บ้านที่เธอคุ้นเคยมาตั้งแต่เยาว์วัยก็อันตรธานหายไป โดยมีผืนป่าโปร่งมาปกคลุมแทน
ที่ แอนคอร่าทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าอย่างอ่อนแรง เสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วทุ่งว่า
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน~!”
“ให้ตายสิ ไม่นึกว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองเลยแฮะ”แอนคอร่าพูดกับตนเองขณะเก็บข้าวของ
ซึ่งประกอบด้วย ห่อที่เต็มไปด้วยยาหลากหลายชนิดรวมถึงเข็มฉีดยาด้วย มีดผ่าตัด เสื้อกาวน์** เสื้อกัน
หนาว ร่มคันใหญ่ ปากกาหมึกซึม ยางลบลบหมึก กระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือที่ทำยังไงก็เปิดไม่ติด ผ้าเช็ด
หน้า และหนังสือนิยาย 1 เล่ม เธอลุกขึ้นยืนพลางถอนหายใจ
“เป็นสภาพที่เลวร้ายสุดๆไปเลยแฮะ จะเอายังไงกับชีวิตของเราต่อดีล่ะเนี่ย?” หญิงสาวพึมพำกับ
ตนเองเบาๆ ทันใดนั้น เสียงแสกสากของพุ่มไม้ก็ดังขึ้น ทำให้เธอหันไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ใครน่ะ!”แอนคอร่าหันไปตวาดขึ้น“ออกมาที่นี่เดี๋ยวนี้นะ!”เธอเอ่ยด้วยเสียงเข้ม ร่างสูงของชาย
คนหนึ่งจึงเดินออกมาจากดงไม้ ลักษณะของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวชะงักทันที่
‘เขา’ มีเรือนผมสีบลอนด์และดวงตาสีน้ำเงินที่ชวนให้นึกถึงไพลินน้ำงามที่ผ่านการเจียระไนอย่าง
ดี ‘เขา’สวมชุดสีขาวที่ขลิบด้วยสีทองและผ้าคลุมสีน้ำเงินกำมะหยี่ ‘เขา’มีใบหน้าและเครื่องหน้าที่สมบูรณ์
แบบ ราวกับประติมากรรมชิ้นเอก แต่‘เขา’กลับมีท่าที่เฉยเมย ราวกับไร้ชีวิต สิ่งเหล่านั้นดังดูดความสนใจ
ของแอนคอร่าจนดวงตาสีเขียวมรกตเบิกค้างด้วยความงุนงงปนแปลกใจ เพราะเขาคนนั้นดูเหมือนหลุด
ออกมาจากสมัยยุโรปโบราณไม่มีผิดเพี้ยน
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นใครเหรอคะ? แล้วที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่?”หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียง
สุภาพ แต่ดวงตาของชายคนนั้นกลับมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด แล้วเสียงนุ่มทุ้มที่ก้องกังวานจะ
กล่าวขึ้นว่า
“ข้าต้องถามมากกว่านะ ว่าเจ้า...คือใคร?”
*สโตนเฮนจ์ (stone henge) กองหินลึกลันอายุกว่าสองพันปี อยู่ที่ที่ราบซอลต์เบอร์รี่ อังกฤษ
**เสื้อคลุมสีขาวของแพทย์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ