The chess war มหาสงครามเกมหมากรุก
10.0
เขียนโดย liber
วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.46 น.
26 บท
1 วิจารณ์
26.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558 15.43 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) SEVENTEENTH CHECK – OPEN MY MIND
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ แสงแดดที่ส่องผ่านผ้าม่านโปร่งแยงตาจนหญิงสาวที่นอนขดอยู่บนเตียง ดวงตาสีเขียวกระจ่าง
ปรือขึ้นก่อนจะกระพริบเบาๆ เพื่อปรับสภาพกับแสงแดด เมื่อรู้สึกคุ้นชินพอประมาณแล้ว ร่างโปร่งของนัก
เดินหมากก็ลุกขึ้นมาจากเตียง แอนคอร่าก้มลงมองแขนซ้ายของตนยเองอย่างนึกได้ แต่ไม่ปรากฏบาดแผล
เป็นรอยแม้แต่นิดเดียว มีเพียงความรู้สึกเย็นวาบเป็นระยะเท่านั้นที่บ่งบอกว่าบาดแผลเป็นเรื่องจริง
เธอคว้าเสี้อคลุมมาสวมใส่แล้วเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้หญิงสาวชะงัก
ทันที เพราะที่โต๊ะอาหารมีชายแก่ที่ท่าทางจะเป็นเจ้าของบ้านและหญิงสาวอีกคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ขอบคุณที่ให้ที่พักอาศัย แล้วก็ขอโทษที่ตื่นสายค่ะ”ผู้มีศักดิ์เป็นนักเดินหมาก
ขาวเอ่ยพร้อมกับนึกถึงท่าทำความเคารพที่เคยเห็นคนรับใช้ในปราสาทพึงกระทำกับเธออยู่เนื่องๆ เมื่อ
รำลึกถึงท่าทางได้ขึ้นใจแล้ว หญิงสาวจึงจับกระโปรงแล้วย่อลงอย่างสวยงามที่สุดเท่าทีเธอจะพึงกระทำได้
แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ชายชราค้อมศีรษะรับด้วยท่าทีนอบน้อม
“ข้าชื่อ เอดอฟ คาสเซิล เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ส่วนนี่คือ ไมร่า คาสเซิล เป็นหลานสาวของข้าเอง
แล้วก็ ไมร่า นี่คือนักเดินหมากฝ่ายขาว”เขาเอ่ยแนะนำทั้งสองฝ่าย
ไมร่า คาสเซิล จัดเป็นผู้หญิงที่สวยถึงสวยมาก เรือนผมที่หยักศกนิดๆยาวถึงกลางหลังนั้นเป็นสี
น้ำตาลอ่อนเหมือนน้ำตาลเคี่ยวไหม้ รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรเหมือนนางรำ และทั้งที่แอนคอร่าก็ไม่ได้เป็น
ผู้หญิงที่เตี้ยนัก หญิงสาวคนนี้กลับสูงกว่าเธอเสียอีก ดวงตาสีฟ้าหม่นของเธอกวาดมองแขกของเอดอฟ
ตั้งแต่หัวจรดเท้าจนนักเดินหมากรู้สึกประหม่าขึ้นมากะทันหัน
“เห็นทีฝ่ายขาวจะถึงคร่าล่มจมเสียแล้ว ถึงได้นำคนแบบนี้มาเป็นนักเดินหมากเสียได้”เธอเอ่ย
สายตาที่มองมาอย่างเหยียดหยามทำให้แอนคอร่าหน้าแดงขึ้นมา เรียวปากบางเม้มเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะได้
ตอบโต้อะไร มือหนาข้างหนึ่งก็วางลงบนไหล่บางทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง แกลเดียสนั่นเอง
“ไม่ทราบว่า นักเดินหมากมันเป็นอย่างนี้แล้วมันอย่างไหนมิทราบขอรับ? ท่านหลานสาวผู้สูง
ศักดิ์ของผู้ใหญ่บ้าน”ผู้มีศักดิ์เป็นราชาขาวกล่าวขึ้น ดวงตาสีไพลินสบกับดวงตาสีฟ้าหม่นของหลานสาว
ของผู้ใหญ่บ้านด้วยสายตาเย็นชายิ่งกว่า
“เป็นแค่สุนัขรับใช้ของราชวงศ์ อย่าริอาจมาแทรก”หญิงสาวแค่นเสียงอย่างจองหอง“พวกนาย
ทหารที่รู้จักแต่เล่นสนุกไปวันๆจะไปรู้ดีอะไรกับความลำบากในสงครามกันล่ะ”เธอพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก
แบบดูถูก
ร่างสูงของราชาขาวนิ่งไปอึดใจ แต่แล้วเขาก็กระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะราวกับจะระบายความหงุด
หงิดและคับแค้นใจทั้งหมดทั้งมวลลงไปก็มิปาน
‘โครม!’เสียงกระแทกโต๊ะทำให้ผู้มีศักดิ์เป็นนักเดินหมากถึงกับสะดุ้งโหยง เธอมองใบหน้าคมสันที่มีสี
หน้าโกรธเกรี้ยวอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“งั้นเหรอ..เอาแต่สนุกไปวันๆงั้นเหรอ...ข้าจะบอกอะไรนะ ถ้าเจ้าไม่รู้อะไร..ก็อย่าเสร่อมาทำเป็น
รู้ดีเด็ดขาด ไม่งั้นเจ้าจะไม่ได้มีศีรษะประดับอยู่บนบ่า ไมร่า คาสเซิล!”เขาพูดย้ำช้าๆ ที่ละคำ ซึ่งให้ความ
รู้สึกน่าเกรงขามและน่ากลัวยิ่งกว่าตะคอกใส่เสียอีก
“คุณแกลเดียส..หยุดเถอะค่ะ”แอนคอร่าร้องขอด้วยสายตาวิงวอน องค์ราชาสบดวงตาสีเขียวใส
ก่อนจะเดินผลุนผลันออกไปนอกบ้าน หญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นนักเดินหมากฝ่ายขาวลุกขึ้นยืน เธอก้มศีรษะ
ให้ชายชราและหลานสาวแบบลวกๆแล้วรีบวิ่งตามแกลเดียสออกไปอย่างร้อนใจ
ร่างราชาสีขาวอยู่ไม่ไกลนักจากตัวบ้าน เขายืนนิ่งอยู่ข้างต้นไม้ต้นใหญ่ ดวงตาสีน้ำเงินสดใสบัดนี้
ฉายแววดูเศร้าหมอง เป็นแววตาแบบที่หญิงสาวรู้จักดี แววตาของคนที่เศร้าจนไม่มีน้ำตาออกมาอีกต่อไป
“ความลำบากที่ผ่านมา..ข้ายังรับมันไม่พออีกเหรอ ข้ายังไม่รู้จักมันพออีกเหรอ เจ้าตอบข้าได้
ไหม?”ร่างสูงพึมพำออกมาคล้ายละเมอ แอนคอร่ามองเขาด้วยสายตาสงสารสุดหัวใจ ไวเท่าความคิด เธอ
โอบแผ่นหลังกว้างของเขาเอาไว้ในขณะที่มือบางเอื้อมไปกุมมือหนาอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรนะคะ คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวซักหน่อย อย่างน้อยๆ คุณก็มีฉันอยู่ข้างๆนะคะ”นักเดิน
หมากกระซิบ ชายหนุ่มผละจากอ้อมกอดของหญิงสาวแล้วหันมาพูดอะไรประโยคหนึ่ง แต่สายลมที่พัดมา
วูบหนึ่งทำให้แอนคอร่าไม่ได้ยินคำพูดนั้น แต่เธอก็ยิ้มและรับรู้มันได้จากการอ่านปากของเขา
ขอบใจเจ้ามาก
องค์ราชาทรุดตัวลงนั่งที่โคนต้นไม้ใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองแผ่นฟ้าสีครามสดใส ในดวงตาสี
ไพลินมีแววบางอย่างที่หญิงสาวไม่เห็นและไม่อาจจะเข้าใจก่อกำเนิดขึ้นมา ในขณะที่นักเดินหมากกำลัง
สับสนว่าจะทำยังไงต่อดีนั่นเอง มือที่หยาบกร้านเพราะจับดาบเป็นนิจก็เอื้อมขึ้นมาจับมือขาวสะอาดอย่าง
แผ่วเบา สัมผัสอันอบอุ่นที่ถ่ายทอดถึงกันทำให้แอนคอร่าหลับตาลงด้วยความสบายใจ
“ไม่เป็นไรแล้ว..สินะคะ”
“อืม”ชายหนุ่มครางรับในลำคอ แต่คำพูดต่อมาของเขาก็ทำให้หญิงสาวต้องเบิกดวง
ตากว้างอย่างไม่เชื่อหู ส่งผลให้ดวงตาสีเขียวกระจ่างสบกับดวงตาสีไพลินที่ไม่ส่อเค้าความล้อเล่นแม้แต่น้อย
“เจ้าอยากฟังเรื่องของข้าไหม..เรื่องอดีตของข้า"
ปรือขึ้นก่อนจะกระพริบเบาๆ เพื่อปรับสภาพกับแสงแดด เมื่อรู้สึกคุ้นชินพอประมาณแล้ว ร่างโปร่งของนัก
เดินหมากก็ลุกขึ้นมาจากเตียง แอนคอร่าก้มลงมองแขนซ้ายของตนยเองอย่างนึกได้ แต่ไม่ปรากฏบาดแผล
เป็นรอยแม้แต่นิดเดียว มีเพียงความรู้สึกเย็นวาบเป็นระยะเท่านั้นที่บ่งบอกว่าบาดแผลเป็นเรื่องจริง
เธอคว้าเสี้อคลุมมาสวมใส่แล้วเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้หญิงสาวชะงัก
ทันที เพราะที่โต๊ะอาหารมีชายแก่ที่ท่าทางจะเป็นเจ้าของบ้านและหญิงสาวอีกคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ขอบคุณที่ให้ที่พักอาศัย แล้วก็ขอโทษที่ตื่นสายค่ะ”ผู้มีศักดิ์เป็นนักเดินหมาก
ขาวเอ่ยพร้อมกับนึกถึงท่าทำความเคารพที่เคยเห็นคนรับใช้ในปราสาทพึงกระทำกับเธออยู่เนื่องๆ เมื่อ
รำลึกถึงท่าทางได้ขึ้นใจแล้ว หญิงสาวจึงจับกระโปรงแล้วย่อลงอย่างสวยงามที่สุดเท่าทีเธอจะพึงกระทำได้
แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ชายชราค้อมศีรษะรับด้วยท่าทีนอบน้อม
“ข้าชื่อ เอดอฟ คาสเซิล เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ส่วนนี่คือ ไมร่า คาสเซิล เป็นหลานสาวของข้าเอง
แล้วก็ ไมร่า นี่คือนักเดินหมากฝ่ายขาว”เขาเอ่ยแนะนำทั้งสองฝ่าย
ไมร่า คาสเซิล จัดเป็นผู้หญิงที่สวยถึงสวยมาก เรือนผมที่หยักศกนิดๆยาวถึงกลางหลังนั้นเป็นสี
น้ำตาลอ่อนเหมือนน้ำตาลเคี่ยวไหม้ รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรเหมือนนางรำ และทั้งที่แอนคอร่าก็ไม่ได้เป็น
ผู้หญิงที่เตี้ยนัก หญิงสาวคนนี้กลับสูงกว่าเธอเสียอีก ดวงตาสีฟ้าหม่นของเธอกวาดมองแขกของเอดอฟ
ตั้งแต่หัวจรดเท้าจนนักเดินหมากรู้สึกประหม่าขึ้นมากะทันหัน
“เห็นทีฝ่ายขาวจะถึงคร่าล่มจมเสียแล้ว ถึงได้นำคนแบบนี้มาเป็นนักเดินหมากเสียได้”เธอเอ่ย
สายตาที่มองมาอย่างเหยียดหยามทำให้แอนคอร่าหน้าแดงขึ้นมา เรียวปากบางเม้มเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะได้
ตอบโต้อะไร มือหนาข้างหนึ่งก็วางลงบนไหล่บางทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง แกลเดียสนั่นเอง
“ไม่ทราบว่า นักเดินหมากมันเป็นอย่างนี้แล้วมันอย่างไหนมิทราบขอรับ? ท่านหลานสาวผู้สูง
ศักดิ์ของผู้ใหญ่บ้าน”ผู้มีศักดิ์เป็นราชาขาวกล่าวขึ้น ดวงตาสีไพลินสบกับดวงตาสีฟ้าหม่นของหลานสาว
ของผู้ใหญ่บ้านด้วยสายตาเย็นชายิ่งกว่า
“เป็นแค่สุนัขรับใช้ของราชวงศ์ อย่าริอาจมาแทรก”หญิงสาวแค่นเสียงอย่างจองหอง“พวกนาย
ทหารที่รู้จักแต่เล่นสนุกไปวันๆจะไปรู้ดีอะไรกับความลำบากในสงครามกันล่ะ”เธอพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก
แบบดูถูก
ร่างสูงของราชาขาวนิ่งไปอึดใจ แต่แล้วเขาก็กระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะราวกับจะระบายความหงุด
หงิดและคับแค้นใจทั้งหมดทั้งมวลลงไปก็มิปาน
‘โครม!’เสียงกระแทกโต๊ะทำให้ผู้มีศักดิ์เป็นนักเดินหมากถึงกับสะดุ้งโหยง เธอมองใบหน้าคมสันที่มีสี
หน้าโกรธเกรี้ยวอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“งั้นเหรอ..เอาแต่สนุกไปวันๆงั้นเหรอ...ข้าจะบอกอะไรนะ ถ้าเจ้าไม่รู้อะไร..ก็อย่าเสร่อมาทำเป็น
รู้ดีเด็ดขาด ไม่งั้นเจ้าจะไม่ได้มีศีรษะประดับอยู่บนบ่า ไมร่า คาสเซิล!”เขาพูดย้ำช้าๆ ที่ละคำ ซึ่งให้ความ
รู้สึกน่าเกรงขามและน่ากลัวยิ่งกว่าตะคอกใส่เสียอีก
“คุณแกลเดียส..หยุดเถอะค่ะ”แอนคอร่าร้องขอด้วยสายตาวิงวอน องค์ราชาสบดวงตาสีเขียวใส
ก่อนจะเดินผลุนผลันออกไปนอกบ้าน หญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นนักเดินหมากฝ่ายขาวลุกขึ้นยืน เธอก้มศีรษะ
ให้ชายชราและหลานสาวแบบลวกๆแล้วรีบวิ่งตามแกลเดียสออกไปอย่างร้อนใจ
ร่างราชาสีขาวอยู่ไม่ไกลนักจากตัวบ้าน เขายืนนิ่งอยู่ข้างต้นไม้ต้นใหญ่ ดวงตาสีน้ำเงินสดใสบัดนี้
ฉายแววดูเศร้าหมอง เป็นแววตาแบบที่หญิงสาวรู้จักดี แววตาของคนที่เศร้าจนไม่มีน้ำตาออกมาอีกต่อไป
“ความลำบากที่ผ่านมา..ข้ายังรับมันไม่พออีกเหรอ ข้ายังไม่รู้จักมันพออีกเหรอ เจ้าตอบข้าได้
ไหม?”ร่างสูงพึมพำออกมาคล้ายละเมอ แอนคอร่ามองเขาด้วยสายตาสงสารสุดหัวใจ ไวเท่าความคิด เธอ
โอบแผ่นหลังกว้างของเขาเอาไว้ในขณะที่มือบางเอื้อมไปกุมมือหนาอย่างปลอบประโลม
“ไม่เป็นไรนะคะ คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวซักหน่อย อย่างน้อยๆ คุณก็มีฉันอยู่ข้างๆนะคะ”นักเดิน
หมากกระซิบ ชายหนุ่มผละจากอ้อมกอดของหญิงสาวแล้วหันมาพูดอะไรประโยคหนึ่ง แต่สายลมที่พัดมา
วูบหนึ่งทำให้แอนคอร่าไม่ได้ยินคำพูดนั้น แต่เธอก็ยิ้มและรับรู้มันได้จากการอ่านปากของเขา
ขอบใจเจ้ามาก
องค์ราชาทรุดตัวลงนั่งที่โคนต้นไม้ใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองแผ่นฟ้าสีครามสดใส ในดวงตาสี
ไพลินมีแววบางอย่างที่หญิงสาวไม่เห็นและไม่อาจจะเข้าใจก่อกำเนิดขึ้นมา ในขณะที่นักเดินหมากกำลัง
สับสนว่าจะทำยังไงต่อดีนั่นเอง มือที่หยาบกร้านเพราะจับดาบเป็นนิจก็เอื้อมขึ้นมาจับมือขาวสะอาดอย่าง
แผ่วเบา สัมผัสอันอบอุ่นที่ถ่ายทอดถึงกันทำให้แอนคอร่าหลับตาลงด้วยความสบายใจ
“ไม่เป็นไรแล้ว..สินะคะ”
“อืม”ชายหนุ่มครางรับในลำคอ แต่คำพูดต่อมาของเขาก็ทำให้หญิงสาวต้องเบิกดวง
ตากว้างอย่างไม่เชื่อหู ส่งผลให้ดวงตาสีเขียวกระจ่างสบกับดวงตาสีไพลินที่ไม่ส่อเค้าความล้อเล่นแม้แต่น้อย
“เจ้าอยากฟังเรื่องของข้าไหม..เรื่องอดีตของข้า"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ