The Sun and Satan..ดุจตะวันกับซาตาน
เขียนโดย kinkmj
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 09.50 น.
แก้ไขเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 10.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) The Sun and Satan ดุจตะวันกับซาตาน Ch.5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- Chapter 5 -
:: อาหารเช้ากับรถกริฟฟิน ::
"คุณซัน ตื่นเถิดเจ้าค่ะ" เสียงหวานแรกในยามเช้าดังขึ้น พร้อมเสียงครืดเบา ๆ ตามมาด้วยแสงสว่างจาง ๆ ส่องกระทบใบหน้า
เด็กสาวพยายามเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้ง พลางยกมือขึ้นขยี้ตา มองออกไปนอกหน้าต่างที่ผ้าม่านถูกเปิดออก
โลกปีศาจไม่มีดวงอาทิตย์ ช่วงเวลากลางวันของที่นี่จะสว่างแบบยามเย็นในโลกมนุษย์ ส่วนกลางคืนจะมืดสนิท เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ซันชอบโลกแห่งนี้ ไม่ต้องทนร้อนกับแดดแรง ๆ มีแต่อากาศเย็นสบายตลอดวัน
"กี่โมงแล้วหรือคะ โดโรธี" ถามไปก็หาวไปด้วย
"รุ่งหกเจ้าค่ะ" ผู้ถูกถามหันกลับมาตอบ
เพราะที่นี่ไม่มีกลางวันกลางคืน ยามกลางวันจึงแทนด้วยรุ่ง ยามกลางคืนจะแทนด้วยค่ำ ซึ่ง ยามหกก็คือ หกโมงเช้านั่นเอง
ปีศาจสาวลุกจากเตียง ยืดแขนออกเพื่อยืดเส้นยืดสายหลังตื่นนอน โดโรธีเดินเข้ามาใกล้เพื่อจะจัดการกับเตียงอันยับเยินจากการนอนดิ้นของซัน
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวซันทำเอง” จิ้งจอกรีบคว้าผ้านวมผืนหนาไปพับเองทันที
ไอ้สบายมันก็สบายอยู่หรอก แต่รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยแบบนี้ เธอมาอยู่บ้าน เอ๊ย ปราสาทของเขาฟรี ๆ แล้วยังต้องให้คนของเขามาคอยดูแลอีก
“คุณซันไปทำธุระส่วนตัวเถิดเจ้าค่ะ นี่เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้ว” สาวใช้ดึงผ้านวมกลับไปจากมือของซันอย่างนุ่มนวล “ท่านจ้าวสั่งให้ดิฉันคอยดูแลคุณซัน ถ้าหากยังไม่รีบไปอาบน้ำแต่งตัว อาจสายได้นะเจ้าคะ ดิฉันเองก็จะโดนท่านจ้าวลงโทษเช่นกันที่ดูแลคุณไม่ดีเท่าที่ควร” เสียงหวานเริ่มเข้มขึ้นแบบบังคับกลาย ๆ
“อ่า...งั้นซันจะรีบไปอาบน้ำนะคะ” เด็กสาวผู้แพ้พ่ายในการแย่งกันเก็บที่นอนรับคำด้วยจนในเหตุผล เธอลอบเหลือบมองหญิงสาวในชุดเมดเร็ว ๆ ก่อนลุกขึ้นจากเตียงนอน
โดโรธีมีเส้นผมยาวสีทองสวยยาวจนถึงสะโพก ซึ่งรวบเป็นแกละสองข้างแบบที่เรียกว่าทรง‘ทวินเทล’แต่น่าแปลกมากที่ในสายตาของซัน หญิงสาวผู้นี้กลับดูสวยแบบลึกลับ ไม่ได้ดูคิขุน่ารักเหมือนสาว ๆ ชาวมนุษย์ที่ทำทรงนี้เพื่อแสดงความแบ๊ว
"รุ่งเจ็ด กรุณาลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารนะเจ้าคะ ท่านจ้าวสั่งไว้” เมดสาวแจ้งเวลาก่อนที่ซันจะหายลับเข้าไปในห้องอาบน้ำภายในห้องพัก
"รับทราบค่ะ"
ห้องอาบน้ำในโลกปีศาจไม่ต่างจากโลกมนุษย์ ทุกอย่างเหมือนกัน จะต่างตรงก๊อกหมุนเปิดฝักบัวจะมีให้เลือกเยอะมาก แต่ละอันก็ต่างกันไป มีทั้งแบบธรรมดา เช่น น้ำร้อน น้ำอุ่น น้ำเย็น น้ำเย็นจัด สบู่ ซึ่งด้านล่างของก๊อกที่เขียนว่าสบู่จะมีสลักให้ดึงเลือกกลิ่นได้เอง ยาสระผม ครีมบำรุงผมหลากหลายสูตร
ทั้งยังมีก๊อกแปลก ๆ เช่น 'สบู่เลือด' 'น้ำเค็ม' 'น้ำยาล้างเมือก' 'สบู่สำหรับเคลือบเกล็ด' ที่น่าจะมีไว้สำหรับปีศาจบางจำพวก ซึ่งซันไม่คิดจะลองใช้ จึงปล่อยไว้แบบนั้น เธอเปิดน้ำอุ่น เพ่งมองตัวเลือกสบู่แต่ละกลิ่น แล้วจู่ ๆ ก็นึกถึงกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ลอยอยู่รอบตัวของราชาปีศาจ …กลิ่นหอมชวนผ่อนคลายที่ทำให้อดรู้สึกติดใจไม่ได้
หลังจากเลือกอยู่สักพัก สุดท้ายจิ้งจอกสาวก็เลือกดึงสลักกลิ่นดอกโมกแล้วหมุนก๊อกสบู่เปิด
ใช่จริง ๆ ด้วย กลิ่นโมก…
ซันทำธุระส่วนตัวอีกเกือบสิบนาที ก่อนจะเดินออกมาหยิบชุดเครื่องแบบของเทลไฟร์ในตู้เสื้อผ้า ทั้งชุดนั้นไม่มีรอยยับแม้แต่น้อย ซึ่งเธอคิดว่าคงเป็นคุณสมบัติพิเศษอีกอย่างของผ้าในโลกปีศาจเครื่องแบบของเธอปักตราสีทองซึ่งดูคล้ายกับต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาอย่าสง่างาม ซันมองตราสัญลักษณ์นั้นอย่างสนใจเพราะตอนลองชุดที่ห้องเสื้อทุกสิ่ง เธอไม่ได้สังเกตมันมากนัก แค่เพียงมองผ่าน ๆ เท่านั้น
ด้วยเหตุบางอย่าง จิ้งจอกสาวรู้ได้ทันทีว่าต้นไม้สีทองต้นนั้นกับต้นแอปเปิ้ลที่ซาตานปกป้องไว้คือต้นเดียวกัน
สงสัยว่าต้นแอปเปิ้ลนั้นจะสำคัญกับเขามากแน่ ๆ ...
ซันหันมองนาฬิกาติดผนังเมื่อนึกได้ว่าต้องลงไปกินอาหารเช้าตามคำสั่งของซาตาน จากตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงจึงไม่ได้รีบมากนัก ปีศาจสาวสวมเครื่องแบบเรียบร้อย ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง
ไหน ๆ ก็ไปเรียนวันแรก แต่งนิดหน่อยไม่เป็นไรมั้ง
เด็กสาวตบแป้งฝุ่นด้วยพัฟนุ่ม ๆ ทั่วใบหน้าเนียน เขียนคิ้วบาง ๆ ให้ได้รูป มืออีกข้างก็ควานหาอายไลเนอร์สีน้ำตาลเขียนขอบตาอย่างชำนาญ ปัดแก้มสีพีช สุดท้ายคือใช้ลิปสติกสีส้มอ่อน ๆ ทาทั่วริมฝีปาก คว้าผ้ารัดผมสีส้มรวบเอาเส้นผมสีเพลิงผูกเป็นหางม้าแบบง่าย ๆ เสร็จแล้วโยนอุปกรณ์ทั้งหมดกลับลงไปในลิ้นชัก ส่องกระจกอีกครั้งเช็คความเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าทุกอย่างดูดีแล้ว เหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง พบว่ามีเวลาเหลืออีกสิบนาที ซึ่งเหลือเฟือพอที่จะเดินไปถึงห้องอาหารได้โดยไม่เลยเวลา
ซันสวมเสื้อคลุมสีเทาของเทลไฟร์แล้วก้าวไปที่ประตูห้อง พร้อมกับผลักบานประตูเปิดออก
“โอ๊ย !” เสียงอุทานแหลมสูงดังขึ้นจากหลังประตูที่ถูกเปิด
"อ๊ะ ! ขอโทษค่ะ" คำขอโทษถูกส่งออกไปทันทีเมื่อพบว่าตนเองเปิดประตูไปกระแทกเข้ากับคนอื่นนอกห้องโดยไม่ตั้งใจ
"ฉันเจ็บนะ ! ไร้มารยาทนัก ทำไมเปิดประตูออกมาโดยไร้ความระมัดระวังอย่างนี้" เสียงขุ่นเคืองต่อว่ากลับมาอย่างหงุดหงิด “ท่านจ้าวให้มาตามไปกินอาหารเช้า ชักช้าจริง ไร้คนสอนหรือไงกัน”
ซันขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจในคำต่อว่านั้น พยายามไม่คิดตอบโต้ด้วยเกรงใจเจ้าของบ้าน แต่ก็ต้องชะงักกึก หยุดความคิดไปกะทันหันเมื่อเห็นสตรีตรงหน้าชัด ๆ
เด็กสาวไม่เคยเจอใครที่สวยแบบหญิงสาวคนนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าซันจะเคยเห็นฮิคารุอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ผู้หญิงตรงหน้านี้กลับสะกดสายตายิ่งกว่า เธอมีความสวยจัดอย่างน่าทึ่ง ดวงตาคมสีดำสนิทล้อมกรอบด้วยขนตาเป็นแพยาว จมูกโด่งเรียวรับกับใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากเอิบอิ่มสีแดงสดจากลิปสติกขับผิวให้ดูขาวสว่าง เส้นผมสีดำถูกรวบเก็บเป็นมวยไว้ที่ท้ายทอยเรียบเนี๊ยบไม่มีเส้นผมแม้สักเส้นที่หลุดออกมา
ผู้หญิงคนนี้สวยเนี๊ยบสุด ๆ
" ตามมาสิ ! ชักช้าจริง ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย มาอาศัยอยู่แล้วยังให้ผู้อื่นต้องรอ ! "
สวยแต่คำพูดคำจาไม่ค่อยไหวเลยแฮะ
ซันรีบเดินตามสาวสวยไปทันที แต่ก็แอบบ่นในใจเพราะเธอยังไม่ได้สายเสียหน่อย…เมื่อถึงห้องอาหาร ก็พบว่าซาตานนั้นนั่งรออยู่ที่หัวโต๊ะแล้ว โดยมีโดโรธียืนสงบนิ่งอยู่เบื้องหลังฝั่งซ้ายของซาตาน ส่วนฝั่งขวานั้นมีชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำแบบยุคเก่าคล้ายพ่อบ้านในการ์ตูน ปีศาจสาวกวาดตามองบนโต๊ะ อาหารถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว สาวสวยปากร้ายเดินนำหน้าเข้าไปนั่งตรงมุมโต๊ะฝั่งขวาของซาตานในทันที
"ขอโทษที่มาช้านะคะ" ซันพูดเสียงเบาอย่างรู้สึกผิดในขณะที่เดินเข้าไปใกล้โต๊ะ เธอลังเลอย่างมากว่าควรนั่งตรงไหน ถ้าหากนั่งตรงข้ามกับสาวอีกคนจะดูน่าเกลียดหรือเปล่า
"ยังไม่รุ่งเจ็ด ฉันมาก่อนเวลา" ซาตานพูดเสียงเรียบ “นั่ง” เสียงดุดังขึ้นเมื่อเห็นเธอลังเลในการเลือกที่นั่ง สุดท้ายซันก็ตัดสินใจนั่งในฝั่งซ้ายตรงข้ามกับสตรีแสนสวยเพราะถ้าเว้นว่างระหว่างที่นั่งไว้ก็จะดูไม่ดีอีก
แต่แบบนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไรเช่นกันเพราะสาวงามดูเหมือนจะมีสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที
"นี่คือลิลิธ เธอเป็นน้องสาวของฉัน" ซาตานแนะนำหญิงสาวอีกฝั่ง ซึ่งดูจะหน้าบึ้งขึ้นอีกทันทีที่ได้ยินคำแนะนำตัวเองว่า 'น้องสาว'
"คนละพ่อ คนละแม่" ลิลิธพูดต่อด้วยเสียงเย็น ๆ ที่แสดงอารมณ์อันคุกรุ่นเต็มที่
“เอ่อ...ซันค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ซันแนะนำตัวกลับอย่างมีมารยาท พยายามส่งยิ้มผูกมิตรให้อีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากได้เธอเป็นมิตรเลยสักนิด
ลิลิธส่งเสียง ฮึ แล้วเริ่มต้นจัดการอาหารตรงหน้าโดยไม่ใส่ใจเธออีก
ซันไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมหญิงสาวผู้นี้ดูไม่ชอบเธอทันทีที่พบหน้า ถ้าเป็นเพราะบังเอิญเปิดประตูไปชนก็ไม่น่าใช่
สุดท้ายมื้อเช้าก็ผ่านไปอย่างเงียบเชียบและน่าอึดอัดแต่ไม่แย่นักเพราะอาหารอร่อยมาก
อาหารทั้งหมดไม่ต่างจากในโลกมนุษย์ ยกเว้นก็แต่ผลไม้หน้าตาเหมือนแอปเปิ้ลแต่เนื้อเป็นสีม่วง จิ้งจอกลังเลสักพักจึงลองชิมดู ปรากฏว่ามันอร่อยมาก รสชาติคล้ายกับสับปะรด แต่นุ่มหนึบเหมือนขนมปังชั้นดี ซึ่งเธอตั้งใจว่าจะต้องไปถามโดโรธีภายหลังว่าเจ้าผลไม้นี่เรียกว่าอะไร เผื่อเธอจะได้ซื้อไปฝากพ่อกับแม่บ้าง
แต่ท่าทางว่าเธอจะแสดงออกชัดเจนเกินไปว่ามันอร่อยมาก
"นั่นคือลูกพลัมเพิ้ล ในห้องครัวมีอีกมาก" เป็นเสียงทุ้มที่พูดขึ้นมา ซันเกือบสะดุ้ง หันขวับไปมองใบหน้าคมคายอย่างแปลกใจ สีหน้าของคนบอกเรียบเฉย ราวกับเป็นเรื่องปกติ
นี่เธอกินตะกละจนมองออกเลยรึเปล่าเนี่ย ความคิดซื่อ ๆ ดังในใจของซัน
นอกจากซันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว ทุกคนในที่นั้นออกอาการประหลาดใจอย่างมาก เนื่องมาจากท่านจ้าวของพวกเขาแทบไม่เอ่ยปากพูดกับผู้ใดมากนัก แต่วันนี้กลับเริ่มคุยกับเด็กสาวผมแดงก่อนเป็นครั้งที่สองในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
"อิ่มแล้ว" ลิลิธกระแทกเสียงห้วน วางช้อนส้อมลงบนจานอาหาร ยกผ้าเช็ดปากขึ้นซับริมฝีปาก แล้วลุกจากโต๊ะอาหารเดินลับไปโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น
ส่วนคนต้นเรื่องนั้นไม่ได้สนใจแม้แต่จะชายตามอง เขาจัดการอาหารตรงหน้าต่ออย่างสงบ ซันเองก็พยายามเลียนแบบ ทำเป็นไม่รับรู้ในความวุ่นวายเล็ก ๆ ที่เธอก็ไม่เข้าใจสักเท่าไรนักแล้วตักอาหารใส่จานเงียบ ๆ
เมื่อมื้ออาหารจบลง พ่อบ้านเข้ามาแนะนำตัวกับเธอสั้น ๆ
‘กระผม เซบาสเตียน เป็นพ่อบ้านประจำพระราชวังเทลไฟร์ หากคุณหนูประสงค์สิ่งใดเพิ่มเติมสามารถเรียกกระผมได้ตลอดครับ’
จากนั้นปัญหาก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอมายืนเก้ ๆ กังอยู่หน้าประตูวัง แล้วจ้องมองเส้นทางข้างหน้าอย่างครุ่นคิดว่าจะไปที่ส่วนสถาบันได้อย่างไร เพราะถึงแม้จะบอกว่ามันติดกัน แต่ส่วนพระราชวังก็ไกลจากเขตสถาบันมากกว่าจะเดินเท้าไปได้
ยังไม่นับเรื่องเส้นทางทั้งหมดนั้นเป็นทางคล้ายป่าทึบ ซึ่งไม่มีรถวิ่งผ่านมาให้เธอโบกได้แน่นอน ระหว่างที่กำลังคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากโดโรธี ดูเหมือนว่าคำตอบของเธอจะมาถึงพอดี
รถม้าที่เปลี่ยนจากม้าเป็นกริฟฟิน[1]เข้ามาจอดลงตรงหน้าจุดที่เธอยืนอยู่พอดิบพอดี เด็กสาวอดนึกพิศวงในความสง่างามของมันไม่ได้ กริฟฟินตัวเขื่องดูฉลาดเฉลียวพยักพเยิดให้ขึ้นไปในส่วนของเคบินที่นั่ง ซึ่งเธอก็ทำตามอย่างว่าง่าย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองสำรวจรถกริฟฟินอย่างสนอกสนใจ
บริเวณภายนอกของตัวถังเป็นสีดำสนิทไร้การประดับประดามีเพียงม่านกำมะหยี่สีแดงเข้มปิดส่วนของหน้าต่างและทางเข้าเอาไว้ ซันเอื้อมมือไปเปิดผ้าที่ทำหน้าที่ต่างม่านออกช้า ๆ ก่อนจะช็อกค้างเมื่อพบว่าด้านในนั้นมีใครบางคนอยู่ก่อน
ซาตาน...
ชายหนุ่มในเครื่องทรงสีดำดูสง่างามและน่าพิศวงทุกครั้งที่ได้เห็น จอมมารอยู่ในท่านั่งไขว่ห้าง แขนข้างหนึ่งวางอยู่บนขอบหน้าต่าง มืออีกข้างหนึ่งถือสมุดปกหนังสีดำในลักษณะเปิดค้างไว้ ใบหน้าคมดุเหลียวมาทางเธอช้า ๆ
“เอ่อ อ่า...ซาตาน”
เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากปีศาจที่ท่านเรียก
“คือว่า ซันไปโรงเรียน เอ้อ สถาบันไม่ถูกค่ะ ขอไปด้วย... ได้ไหมคะ” เสียงใสเจื้อยแจ้วค่อย ๆ เบาลงในทุก ๆ คำพูด ยิ่งถูกดวงตาสีทองคำจ้องมองก็ยิ่งใจแป้ว
“ขึ้นมา”
“ขอบคุณค่ะ” ซันตอบรับทันที กระโดดขึ้นรถกริฟฟินด้วยความดีใจว่ารอดตายแล้ว ร่างเล็กนั่งลงบนม้านั่งฝั่งตรงข้ามกับราชาปีศาจ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยดีแล้ว พาหนะก็เริ่มเคลื่อนตัวในทันทีด้วยการวิ่งบนพื้นดิน และเมื่อพ้นประตูใหญ่ของเขตพระราชวัง พวกมันก็สยายปีกบินขึ้นบนท้องฟ้า
จิ้งจอกสาวที่อดแง้มผ้าม่านกำมะหยี่บริเวณหน้าต่างเพื่อแอบดูด้านนอกไม่ได้ถึงกับร้องว้าวออกมาอย่างเผลอตัว แล้วก็ต้องตะครุบปากตัวเองในทันที ลอบชำเลืองมองเจ้าของรถเทียมกริฟฟินอย่างเกรงใจที่ส่งเสียงดัง แต่ดูท่าทางชายหนุ่มจะไม่ว่าอะไร คราวนี้แม่สาวผมแดงเลยเลื่อนผ้าม่านกว้างขึ้นอีกหน่อยแล้วยื่นหน้าออกไปแบบเต็มที่
“ที่นี่สวยจังค่ะ ร่มรื่นมาก ๆ เลย ต้นไม้เต็มไปหมด โอ๊ะ มองเห็นฟาร์มด้วย วัวนั่นหน้าตาประหลาดจัง” เด็กสาวพูดอย่างเริงร่า ลืมสนิทว่ากำลังชวนใครคุยอยู่ ส่วนหนึ่งคงเพราะความที่เธอมีสายเลือดจากปีศาจจิ้งจอก จึงชอบทั้งสายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านใบหน้า บรรยากาศร่มรื่นของป่าไม้ รวมไปถึงความตื่นเต้นที่ได้เห็นโลกปีศาจจากบนฟ้า
ซาตานไม่ได้ตอบอะไร แต่ในขณะเดียวกันกับที่ซันยื่นใบหน้าออกไปนอกหน้าต่างมองวิวของโลกปีศาจอย่างมีความสุข ดวงตาสีทองทั้งคู่ก็ทอดมองเธอด้วยดวงตาอ่อนแสงจนแลดูอ่อนโยน และเมื่อซันหันกลับมา สายลมหอบหนึ่งก็พัดผ่านหน้าต่างเข้ามาเช่นกัน มันรูดเอาผ้ารัดผมสีส้มที่รวบผมของเธออยู่ปลิวหลุดออกไป
แต่ในชั่วขณะเดียวกันนั้น ภาพเด็กสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังเหลียวกลับมายิ้มให้ กับเส้นผมสีแดงเพลิงที่ปลิวไปตามแรงลม งดงามสดใสราวภาพวาดฝีมือจิตรกรชั้นสูง…ได้ติดตรึงฝังแน่นเข้าไปในใจของจอมมารในทันที
“อ้าว ที่รัดผมหลุดไปไหนซะแล้ว ว้า...เส้นนั้นชอบเสียด้วย” เสียงใสบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อพบว่าเส้นผมถูกปล่อยสยายและถูกลมพัดปลิวว่อนจนน่ารำคาญ สาวน้อยหน้ามุ่ย มือข้างหนึ่งเอื้อมดึงผ้าม่านปิดหน้าต่างกันลม อีกข้างใช้สางผมแบบผ่าน ๆ แล้วเกี่ยวผมขึ้นทัดใบหู
“แต่ว่าที่นี่สวยมาก ๆ เลยนะคะ น่าทึ่งจนไม่เหมือนโลกปีศาจอย่างที่คิดไว้เลย” จิ้งจอกสาวเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว หันมาพูดพลางยิ้มกว้างให้จ้าวปีศาจที่นั่งนิ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
เงียบ…ซาตานไม่ตอบอะไร แต่หันกลับไปมองนอกหน้าต่างและเลิกสนใจในตัวเธอไปเสียอย่างนั้น แต่สาวน้อยยังคงไม่ยอมแพ้
“จะว่าไป คุณเป็นเจ้าของของสถาบันนี้สินะคะ”
คำถามนี้ทำให้สายตาเย็นชาปรายตามามองด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“คุณคงเหนื่อยแย่เลย ต้องดูแลทั้งโลกปีศาจ ทั้งสถาบัน ไหนจะต้องคอยรับมือกับพวกเทพด้วย ถ้ามีอะไรจะให้ซันช่วยก็บอกได้เลยนะคะ ถือเป็นการตอบแทนที่ให้พักด้วยและยังให้ติดรถมาอีกต่างหาก” เด็กสาวพูดอย่างร่าเริง ส่งยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายหนึ่ง
จ้าวปีศาจไม่ได้ตอบสิ่งใด แต่แววตานั้นผ่อนคลาย เขารู้ดีว่าจิ้งจอกคนนี้แม้คำพูดมีแววออดอ้อนตามวัยแต่ก็ไร้ซึ่งมารยา หากอยากรู้หรืออยากได้อะไรเธอจะพูดขอออกมาตรง ๆ แบบไม่มีจริต ซึ่งนั่นเป็นข้อดีของเด็กสาวตรงหน้า
รถเทียมกริฟฟินร่อนลงสู่พื้นดินอย่างนุ่มนวล ความเร็วที่ลดลงทำให้ซันรู้ว่าน่าจะใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง ปีศาจสาวชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งสายตาของเธอมองเห็นประตูโค้งสีทองที่มีสัญลักษณ์รูปต้นไม้ใหญ่แบบเดียวกับตราบนเครื่องแบบของเธอ
ในที่สุดก็มาถึงสถาบันเทลไฟร์ โรงเรียนแห่งใหม่ที่คงแตกต่างจากโรงเรียนเดิมของเธอโดยสิ้นเชิงอย่างแน่นอนที่สุด
“ซันขอลงตรงนี้นะคะ” ซันพูดเสียงใส พร้อมกับหันหน้ากลับเข้ามาในเคบิน คำพูดนั้นทำให้ซาตานเลิกคิ้วเล็กน้อย “อีกไม่ไกลก็ถึงสถาบันแล้ว คุณเป็นถึงเจ้าของที่นี่ มันคงดูไม่ดีต่อคุณใช่ไหมคะ ถ้าคนอื่นเห็นว่ามากับเด็กผู้หญิงที่เป็นนักเรียน” ซันเอียงคอน้อย ๆ พลางอธิบายไปด้วย
ในจังหวะนั้นกริฟฟินก็หยุดวิ่งโดยไม่ต้องออกคำสั่ง ซันรู้หน้าที่ในทันที เธอเปิดผ้ากำมะหยี่สีแดงในส่วนของทางออก ทำท่าจะก้าวลงจากที่นั่ง แต่ก่อนที่ร่างเล็กจะผลุบหายลงไป ฝ่ามือแข็งแกร่งก็ยื่นบางสิ่งมาให้เสียก่อน
ซันหยุดมองสิ่งนั้นนิดหนึ่งอย่างประหลาดใจ …มันเป็นที่รัดผมแบบผ้าหุ้มยางยืดสีดำเรียบ ๆ
“ขอบคุณมากนะคะ นึกว่าจะต้องปล่อยผมซะแล้ว วันนี้อากาศร้อนนิด ๆ ด้วย” เธอรับมันมาอย่างง่ายดาย แล้วยิ้มตอบผู้มอบให้ด้วยความขอบคุณ จากนั้นจึงพาร่างบางของตนเองออกมาจากเคบินสีดำ
"ขอบคุณเธอด้วยนะที่อุตส่าห์พาฉันมาส่งถึงนี่" ซันหันไปบอกสัตว์พาหนะยิ้ม ๆ ยื่นมือไปลูบสะบักปีกของมันเบา ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จากนั้นจึงถอยออกห่าง
เมื่อปีศาจสาวถอยออกไป รถกริฟฟินก็ออกตัวอีกครั้ง
"ขอบคุณนะคะ ที่ให้ติดรถมาด้วย!"
ซันส่งคำขอบคุณอันเป็นเหมือนคำติดปากดังไล่หลังไป...และเป็นอีกครั้งที่เธอไม่ได้เห็นรอยยิ้มบางเบาที่มุมปากของจ้าวปีศาจ
ซันยักไหล่เมื่อเห็นรถกริฟฟินวิ่งนำหน้าเข้าประตูของสถาบันไปแล้ว เด็กสาวก้มลงมองที่รัดผมสีดำในมือพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็ใช้มันรวบผมขึ้นเป็นหางม้าอีกรอบอย่างคล่องแคล่ว
เอาล่ะนะ พร้อมแล้ว
จิ้งจอกให้กำลังใจกับตนเอง ดวงตามองไปยังทางเข้าของสถาบันปีศาจ ร่างเล็กสูดลมหายใจยาวก่อนจะก้าวเท้าเดินตรงไปข้างหน้า
----------------------------------------------------
[1] สัตว์ประหลาดที่เป็นลูกผสมของสิงโตและนกอินทรี มีส่วนหัวเป็นนกอินทรี มีปีกขนาดใหญ่ ส่วนท้ายของลำตัวเป็นสิงโต
--------------------------------------------------
คอมเม้นท์ทักทายกันได้น้า ^^
ตอนนี้หนังสือออกจบแล้วนะคะ 4 เล่มจบจ้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ www.kinkmjwriter.com ค่ะ
ตามข่าวทางเพจได้นะคะ ;D
http://www.facebook.com/kinkmjwriter
ขอบคุณมากค่า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ