The Sun and Satan..ดุจตะวันกับซาตาน

9.2

เขียนโดย kinkmj

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 09.50 น.

  10 chapter
  1 วิจารณ์
  16.40K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 10.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) The Sun and Satan ดุจตะวันกับซาตาน Ch.4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
- Chapter 4 -
:: บ้านหลังใหม่ ::
 
     ที่นี่ที่ไหน ?
 
     คำถามที่ซันเริ่มรู้สึกว่าชักจะได้ถามตัวเองบ่อยเกินไปเสียแล้ว
 
     จิ้งจอกสาวลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าเธอกำลังอยู่บนเตียงขนาดควีนไซส์สีแดงเข้มในห้องที่ตกแต่งสไตล์โกธิค โทนสีดำแดง พอทำท่าจะขยับตัวลงจากเตียง เสียงหวานแต่แฝงความเจ้าระเบียบก็ดังขึ้น
 
     "ได้สติแล้วหรือเจ้าคะ" หญิงสาวในชุดสาวใช้ดั้งเดิมสีขาวดำก้าวเข้ามาใกล้ ในมือมีถาดที่วางชุดน้ำชาพร้อมเมอแรงก์สไตล์ฝรั่งเศส[1] เธอวางถาดลงบนโต๊ะข้างเตียง ยกการินน้ำชาใส่แก้วใบเล็กแสนสวยด้วยท่วงท่าสง่างาม ก่อนจะส่งให้ซันโดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือจับที่ปลายจานรองเอาไว้
 
     "ชาเฮอร์บี้นี้ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายหลังเสียพลังเจ้าค่ะ อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลธาตุภายในได้ด้วย"
 
 
     "ขอบคุณค่ะ" ซันรับมาอย่างไม่อิดออด ยกถ้วยชาขึ้นจิบตามมารยาท เมื่อน้ำชาอุ่นร้อนไหลผ่านลำคอ ก็เกิดความรู้สึกคล้ายมีกระแสพลังวิ่งไปทั่วร่างกาย แขนขาอันหนักอึ้งเบาขึ้นอย่างน่าทึ่ง จิ้งจอกสาวยกดื่มอีกครั้งจนหมด ก่อนจะเอ่ยคำถาม
 
     "ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนหรือคะ"
 
     "เทลไฟร์ ในส่วนของพระราชวังเจ้าค่ะ"
 
     เมื่อได้ยินคำตอบ ทำเอาแก้วชาใบสวยเกือบจะหลุดจากมือเล็กเลยทีเดียว
 
     "พระราชวัง! แล้วทำไมซันมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะเนี่ย"
 
     "ท่านจ้าวเป็นผู้พาคุณมา และท่านสั่งไว้ว่าหากคุณฟื้นแล้วกรุณารอจนกว่าท่านจะกลับมาเจ้าค่ะ"
 
     พอได้ยินคำตอบ ซันรีบเค้นความทรงจำก่อนหมดสติออกมาทันที ถึงแม้ว่ายังปวดหัวจี๊ด ๆ แต่ก็พอจะค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ว่า…
 
     ตอนแรกเธอเดินออกจากห้องพักในโรงแรม…ได้ยินเสียงประหลาด จากนั้นรู้ตัวอีกทีก็หายไปโผล่ยังสถานที่ประหลาด แถมยังเจอเรื่องประหลาด...แบบว่าเทพกับปีศาจสู้กันอยู่ แล้วดันมีเด็กผู้หญิงงี่เง่ากระโดดไปขวางทางปืนก่อนจะเป็นลมไปอย่างน่าอายที่สุด
 
     เมื่อนึกขึ้นได้ ซันรีบพาดเส้นผมสีเพลิงมาด้านหน้า ใช้มือสางผมยาวที่ค่อนข้างยุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่นนอน เกี่ยวเอาปลายเส้นผมขึ้นมาดู ซึ่งนั่นทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น
 
     ดูเหมือนว่าสีเงินที่ปลายผมจะลดลงไปจริง ๆ ...กำแพงไฟนั่นคงใช้พลังธาตุร้อนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ต้องพยายามอย่าเผลอใช้อีก
 
     จะว่าไปแล้วเมื่อกี๊เพิ่งได้ยินคำว่าท่านจ้าวจากปากคุณเมดสาวหน้าหวานคนนี้...อืม...ท่านจ้าว? น่าจะหมายถึงจ้าวปีศาจหรือเปล่า เอ...คนเดียวกับเจ้าแห่งปีศาจล่ะสิถ้าอย่างนั้น เจ้าแห่งปีศาจก็คือราชาปีศาจ
 
     ราชาปีศาจ เดี๋ยวนะ…งั้นก็…ซาตาน[2]น่ะสิ!!
 
     "เอ่อ…ขอโทษนะคะ ท่านจ้าวที่ว่านี่คือ 'ซาตาน' รึเปล่าคะ" ซันถามออกไปอย่างมึนงง รู้สึกเหมือนกำลังเอาขาข้างหนึ่งเหยียบเข้าไปในอีกโลกที่เธอไม่รู้จัก แถมยังเป็นโลกที่ไม่น่าจะเดินปลูกผักทำสวนอย่างเรียบง่ายไปวัน ๆ แน่นอน
 
     "ถ้าใช่ แล้วจะทำไมรึ" เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นจากทิศทางหนึ่งแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาคนถูกย้อนถามสะดุ้งโหยง หันขวับตามต้นเสียง พบร่างสูงสง่าในชุดทรงสีดำกำลังเดินเข้ามาจากบริเวณหน้าห้อง ทั้งที่เธอมั่นใจเต็มร้อยว่าไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเลยสักแอะ
 
     ตายแน่ฉัน จิ้งจอกเครียดในใจ กังวลจนเผลอกัดริมฝีปากล่าง ก้มหน้างุดแต่สายตาก็อดเหลือบขึ้นมองใบหน้าของผู้มาใหม่ไม่ได้
 
     เมื่อผู้เป็นนายปรากฏตัว สาวใช้ผู้นำชามาให้ก็ค้อมตัวทำความเคารพแล้วถอยฉากออกไปยืนห่าง ๆ อย่างรู้หน้าที่ เห็นอย่างนั้นซันก็แทบจะกระโดดไปดึงกระโปรงสีดำนั่นเอาไว้ ด้วยไม่อยากจะต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มตรง ๆ เพียงลำพัง
 
     จ้าวปีศาจก้าวเดินมาใกล้ เขานั่งลงบนเก้าอี้บุนวมสีดำสนิทที่มาตั้งอยู่ข้างเตียงของจิ้งจอกสาวเมื่อไรก็ไม่รู้
 
     "โดโรธี ออกไปก่อน" เป็นคำสั่งที่ทำให้ซันรู้ว่าสาวใช้หน้าตาน่ารักนั้นมีชื่อว่าโดโรธี
 
     "เจ้าค่ะ" เมดสาวรับคำ ค้อมศรีษะลงต่ำแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองซันที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือแบบโจ่งแจ้ง
 
     พออยู่กันตามลำพัง ปีศาจสาวก็ได้แต่นั่งนิ่งบนเตียง เพราะท่านจ้าวปีศาจดูไม่เห็นมีอะไรต้องคุยกับเธอ เขาเอาแต่เงียบจนเธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี เลยได้แต่ก้มหน้างุด พลางใช้นิ้วเรียวม้วนปลายผมเล่นแก้เก้อ
 
     และสุดท้ายดูเหมือนจะเป็นเด็กสาวที่ต้องยอมแพ้กับสงครามเย็นรอบนี้
 
     "เอ่อ...คุณมีอะไรรึเปล่าคะ" ซันถามออกไป และลืมตัวเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายด้วยนิสัยที่เคยชิน
 
     อ๊าย พ่อกับแม่ไม่น่าสอนไว้ว่าเวลาคุยกับใครให้สบตาเลย บ้าจริง ๆ
 
     ดวงตาสีทองสว่าง เส้นผมยาวสีดำสนิทถูกรวบหลวม ๆ ไว้ด้านหลัง จมูกโด่งเรียว คางมนสวยได้รูป ใบหน้านั้นงดงามไร้ที่ติราวสวรรค์ปั้นแต่งมาอย่างปราณีต ดูสวยงามมากกว่าแข็งกร้าว แต่เจ้าตัวนั้นดูเหมือนจะชอบสร้างบรรยากาศให้น่าเกรงกลัวเข้าไว้ ด้วยอาภรณ์สีดำสนิททั้งตัว และสีหน้าที่ดูเย็นชาอยู่ตลอดเวลา แต่ทั้งหมดนั่นช่างรวมกันออกมาเป็นความสมบูรณ์แบบอันลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ
 
     แถมเจ้าของความสมบูรณ์แบบที่ว่านั่นกำลังเอาแต่จ้องหน้าเธอตาไม่กะพริบอีกต่างหาก
 
     "ถ้าฉันคือซาตาน แล้วจะทำไมงั้นรึ" เสียงเย็นเอ่ยสวนขึ้นมาทันที
 
     นั่นไง เธอไม่น่าเปิดปากถามเลย ยายบ้าซันเอ๊ย
 
     "ก็...ก็ไม่ได้ทำไมค่ะ แค่..." ซันกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไปเมื่อเห็นสายตาดุ ๆ จ้องมา
     
     "แค่อะไร ฉันไม่ชอบคนที่อ้ำอึ้ง จะพูดก็จงพูดออกมา"
 
     "ก็แค่ คุณดูใจดีจนไม่น่าจะเป็นซาตานนี่คะ" ซันโพล่งออกไป
 
     คำตอบที่ได้รับ ทำเอาคนเค้นเอาคำตอบเงียบไป คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่เดิมอ่อนลงโดยที่คู่สนทนาไม่รู้ตัวเพราะไม่กล้ามองตรง ๆ
 
     "ก็...คุณเสี่ยงชีวิตไปช่วยต้นแอปเปิ้ล แล้วยังมาช่วยขวางฉันจากพวกเทวดานั่นด้วย"
 
     แถมยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้บางอย่างชวนให้ผ่อนคลายแบบนี้อีก ซันละไว้ในใจ เพราะตั้งแต่ที่ชายหนุ่มปรากฏตัว ก็มาพร้อมกลิ่นหอมจางเช่นนี้แล้ว
 
     ใบหน้าของคนเสี่ยงชีวิตคลายลง มุมปากยกยิ้มบางขึ้นชั่ววูบหนึ่ง และเป็นวูบเดียวที่หายากนัก…สำหรับคนอื่น
 
     "เธอไม่ใช่หรือที่เป็นฝ่ายเข้ามาขวางโดยไม่เกี่ยวข้องสักนิด"
 
     "อ่า...ขอโทษจริง ๆ นะคะที่เข้าไปยุ่งเรื่องของคุณ …ตอนนั้นก็โดดเข้าไปโดยไม่รู้ตัวเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง"
 
     “ที่จริงฉันคงต้องขอบคุณเธอเสียมากกว่า”เสียงทุ้มเจือความอ่อนโยนเบาบางตอบ
 
     ซันเลิกคิ้ว ยิ้มกว้างแบบไม่ได้ติดใจอะไร
 
     “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เอง” คำตอบรับง่าย ๆ หลุดออกจากริมฝีปาก ทำให้คนฟังเลิกคิ้วขึ้นสูงอีกครั้ง
 
     เพราะการเข้าขวางกระสุนของเทพสงคราม มันคือการเสี่ยงชีวิตที่น้อยคนนักจะรอดมาได้ แต่เด็กสาวตรงหน้ากับพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ด้วยคำว่า แค่นี้เอง
 
     เด็กสาวที่ว่านั้นกำลังมุ่นหัวคิ้วราวครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เธอช้อนสายตาขึ้นมองปีศาจหนุ่มแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเขาเองก็กำลังมองมาเหมือนรอให้เธอเอ่ยคำถาม
 
     “ซันอยากรู้ว่า ทำไมซันถึงไปโผล่ที่นั่นได้คะ” เด็กสาวตัดสินใจถามออกไปด้วยความคาใจ
 
     “ฉันก็อยากถามเธอเช่นกัน”
 
     คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้ซันนิ่งเงียบ...ก็นั่นสินะ ตอนที่เธอโผล่ไปก็ดูเขาจะแปลกใจอยู่เหมือนกัน แปลว่าเขาก็คงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
 
     ความเงียบงันกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นซาตานที่ทำลายมันลงก่อน
 
      "ชื่อเต็มของเธอคืออะไร...และเธอพักที่ไหน"
 
     ซันแปลกใจเล็กน้อยกับคำถามเรียบง่ายตรงไปตรงมาจากอีกฝ่าย และคงจะต้องแปลกใจยิ่งกว่านี้ถ้าได้รู้ว่าตนเองเป็นคนแรกในรอบหลายสิบปีที่ราชาปีศาจเอ่ยคำถามนี้ด้วย
 
     "ซันค่ะ ดุจตะวัน มณีรัตน์…ถ้ายังไงคงต้องขออนุญาตกลับไปเก็บของที่โรงแรมเลยนะคะ พรุ่งนี้ก็ต้องย้ายมาเข้าอยู่ในหอพักที่นี่แล้ว"
 
     “เธอเข้าเรียนเทลไฟร์ใช่ไหม”
 
     “ใช่ค่ะ ทำไมหรือคะ”
 
     "ดุจตะวัน เธอไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น"
 
     "คะ?"
 
     "นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอต้องพักอยู่ที่นี่…เพื่อความปลอดภัยเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดโรธีจะคอยดูแลเธอเอง"
 
     "หา ! จะดีหรือคะ" เด็กสาวร้องถามอย่างตกใจ สำหรับเธอมันต้องดีอยู่แล้ว แต่ไอ้การเข้ามาอยู่ในปราสาทนี่…มันจะง่ายดายขนาดนั้นเลยรึไง
 
     "มีปัญหาอะไรรึ" เสียงทุ้มห้วนเล็กน้อยแต่ซันก็จับกระแสเสียงได้ว่าเขาไม่ค่อยพอใจนักกับคำตอบของเธอ
 
     "คือว่ามันจะไม่เป็นการรบกวนหรือคะ แล้วค่าใช้จ่าย ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟอีก…ซันคงต้องปรึกษาพ่อกับแม่ก่อนนะคะ"
 
     ถึงกับเงียบกริบ...ถ้ามองไม่ผิด เหมือนเธอจะเห็นคิ้วของราชาปีศาจยกขึ้นสูงอย่างประหลาดใจ
 
     อะไรกัน มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องคิดเลยไม่ใช่หรือ ทำไมถึงดูแปลกใจขนาดนั้น นี่คือความคิดของจิ้งจอกสาวผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวสักนิด
 
     "เธอไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรทั้งนั้น ถือว่าตอบแทนกับการเข้ามารับปืนแทนฉัน” เขาตอบกลับเรียบ ๆ เมื่อเห็นคนฟังขมวดคิ้วจึงระบายลมหายใจแล้วเอ่ยต่อ “ถ้าหากต้องการช่วย เวลาว่างก็ไปช่วยงานของโดโรธีเสีย"
 
     คราวนี้แม่สาวจิ้งจอกกลับมีสีหน้าสดใสขึ้นมาเสียอย่างนั้น
 
     "ได้เลยค่ะ ซันจะตั้งใจทำงานนะคะ" ตอบรับหนักแน่น ส่งยิ้มกว้างให้กับราชาปีศาจที่ในสายตาของเธอตอนนี้ดูไม่น่ากลัวเลยสักนิด ถึงจะเย็นชาไปหน่อยก็เถอะ
 
     "ฉันหมดธุระเท่านี้" ประโยคสั้น ๆ ที่ใช้แทนการบอกลา เพราะจบคำ ร่างสูงสง่าของจอมปีศาจก็จางหายไป
 
     "ขอบคุณนะคะ" ซันเอ่ยเสียงแผ่วด้วยคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ยิน แต่เป็นเธอเองที่ไม่ได้ยินคำตอบรับแผ่วเบาในอากาศ
 
     "ฉันก็เช่นกัน ดุจตะวัน"
 
     ค่ำวันนั้นข้าวของของเธอก็มาตั้งอยู่ในห้อง พร้อมกับการปรากฏตัวอีกครั้งของโดโรธีผู้ซึ่งกลายเป็นพี่เลี้ยงของเธอไปโดยปริยาย แต่นั่นก็เป็นข้อดี เพราะมีคนให้ซันได้ถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในโลกปีศาจ โดยเฉพาะเรื่องของสถาบันเทลไฟร์ที่เธอกำลังจะไปเข้าเรียน แต่ดันฟลุคข้ามขั้นเข้ามาอยู่ในเขตพระราชวังก่อนเขตโรงเรียนเสียได้
 
     โดโรธีอยู่คุยเป็นเพื่อนจนลืมเวลา รู้อีกทีก็ดึกมากแล้ว ซันจึงเอ่ยลาเพื่อให้หญิงสาวได้ไปพักผ่อน เมื่อเธอออกจากห้องไปแล้ว ซันก็นอนเล่นบนเตียงพลางทบทวนความรู้ต่าง ๆ ที่ได้รับในวันนี้อีกครั้ง
 
     จากที่โดโรธีเล่านั้นซันได้รู้ว่า หลายร้อยปีก่อนโลกปีศาจไม่ได้เจริญอย่างตอนนี้ มีศึกสงครามระหว่างเทพและปีศาจแทบไม่เว้นวัน
 
     ปีศาจมากมายอยู่อย่างหวาดกลัวเหล่าเทพที่บุกโจมตีมาเสมอ หรือปีศาจด้วยกันฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงอำนาจ เหตุการณ์นองเลือดมากมายเกิดขึ้นจนเป็นเหมือนเรื่องปกติ จนเมื่อซาตานขึ้นเป็นราชาแห่งเหล่าปีศาจ ดินแดนที่มีแต่การฆ่าฟันก็เริ่มเปลี่ยนไป
 
     เขาล้างบางกฎเดิม ๆ เสียสิ้น เมินการประท้วงของพวกหัวรุนแรงที่ต้องการทำศึกกับพวกเทพ เปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง หันไปพัฒนาเมืองและออกกฎห้ามปีศาจฆ่ากันเองเว้นแต่มีผู้กระทำผิด และทุกครั้งที่พวกเทพบ้าสงครามบุกเข้ามา จ้าวแห่งปีศาจหรือเหล่าเจ็ดบาป ปีศาจชั้นสูงที่ขึ้นตรงต่อเขาจะออกมาจัดการด้วยตนเอง
 
     ซาตานเป็นจ้าวปีศาจที่รักสันโดษมากนัก เขาไม่ต้องการใครคุ้มกัน ไม่ต้องการองครักษ์มากมายติดตามไปทุกหนแห่ง ทำทุกอย่างด้วยตนเอง พูดน้อยคำ และมีใบหน้าเย็นชาอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่ปีศาจทุกคนรู้ เว้นเพียงแต่ปีศาจคนหนึ่งที่ปรากฎตัวขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน ผู้เดียวที่เขาปล่อยให้ติดตามใกล้ชิด...แอสทารอธ
 
     ต่อมาซาตานเริ่มสร้างสถาบันเทลไฟร์ จ้าวปีศาจต้องการให้ปีศาจทั้งหลายสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องกลัวเหล่าเทพเทวดา มีความรู้มากกว่าการตีรันฟันแทงหรือกัดกันแย่งอำนาจไปวัน ๆ ที่เทลไฟร์แห่งนี้มีการเรียนการสอนวิธีการต่อสู้ การป้องกันตัว การปรุงยา การใช้เวท การควบคุมพลังเวทแต่ละธาตุ การแปลงร่าง การจำศีล การพัฒนาความสามารถเฉพาะคนของปีศาจแต่ละเผ่า
 
     รวมไปถึงศาสตร์การใช้ชีวิตแบบมนุษย์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ที่ควรรู้ สำหรับพวกปีศาจที่อยากไปอยู่ในโลกมนุษย์ ซึ่งสำหรับปีศาจนั้นเปิดกว้างมาก สามารถเข้าออกระหว่างสองโลกได้ตามสบาย หรือแม้แต่พามนุษย์เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยก็ทำได้ แค่ขอเดวิลวีซ่าที่ทางเข้า หากมนุษย์คนนั้นผ่านการทดสอบก็สามารถเข้าออกทั้งสองโลกได้ทันที
 
     แต่มีเงื่อนไขคือปีศาจหนึ่งคนสามารถพามนุษย์เข้ามาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และมนุษย์คนนั้นจะต้องดื่มเลือดของอีกฝ่ายเพื่อปรับสภาพร่างกายให้สามารถอยู่ในโลกปีศาจได้โดยไม่โดนไอปีศาจกัดกร่อนวิญญาณจนตาย
 
     ส่วนถ้าหากว่าปีศาจคนไหนต้องการออกไปอยู่ที่โลกมนุษย์นั้นก็ทำได้เช่นกัน แต่ต้องคอยระวังพวกเทพที่จ้องจะฆ่าปีศาจเพื่อสร้างผลงานเอาเอง
 
     ส่วนมากปีศาจจะไม่ค่อยออกไปที่โลกมนุษย์มากนัก จะออกไปก็เพราะมีพวกมนุษย์ที่พยายามใช้ศาสตร์มืดเรียกหาให้ช่วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
 
     ปีศาจในสมัยก่อนส่วนมากจะออกล่ามนุษย์เพื่อเป็นอาหาร แต่ในช่วงหลังนี้ ซาตานได้สั่งให้มีการทำปศุสัตว์ ทำฟาร์ม เพราะจริง ๆ แล้วปีศาจนั้นก็สามารถกินเนื้อสัตว์ได้มาตั้งแต่อดีต แต่การล่ามนุษย์ที่มีจำนวนมากนั้นง่ายกว่า แต่เมื่อมีการสร้างฟาร์ม ก็ไม่จำเป็นต้องออกล่ามนุษย์ให้เสียแรงเปล่าอีกต่อไป เพราะรสชาติของเนื้อก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมายนัก จริง ๆ แล้วเนื้อวัวเวลาปรุงดี ๆ อร่อยกว่าเนื้อมนุษย์เสียด้วยซ้ำไป
 
     แต่ก็ยังมีบ้างในพวกที่จำเป็นต้องออกล่า เช่น พวกแวมไพร์[3] เพราะเผ่าพันธุ์นี้อ้างว่า ดื่มเลือดสัตว์แล้วทำให้ท้องเสีย แต่โดยมากแล้วแวมไพร์ที่ออกไปล่ามักจะได้คู่ชีวิตที่พร้อมจะให้ดื่มเลือดไปตลอดกลับมาจากโลกมนุษย์ ซาตานก็เลยไม่ได้สั่งห้ามเผ่าพันธุ์นี้ออกล่าแต่อย่างใด
 
     ถึงอย่างไรก็ตาม ปีศาจก็คือปีศาจ ยังมีพวกดุร้ายและหัวรุนแรงอยู่อีกมาก ปีศาจบางพวกนั้นควบคุมได้ยาก หัวโบราณ และยังชอบออกล่ามนุษย์เพื่อความสะใจ หรือเพื่อกัดกินดวงวิญญาณเพื่อเสริมพลังชีวิตของตนเอง ซึ่งปีศาจพวกนั้นจะถูกเรียกว่า ‘กบฎ หรือ อีวิล’
 
     กบฎในโลกปีศาจ มีความอันตรายมาก ถ้าหากโชคร้ายไปเจอเข้านั้นโอกาสรอดจะมีน้อยมาก พวกนั้นฆ่าทั้งมนุษย์และปีศาจ ทำทุกอย่างอย่างไร้เหตุผล และมีความเชื่อว่าซาตานนั้นทำให้โลกปีศาจอ่อนแอลง
 
     เพราะเหตุนี้ซาตานจึงได้ส่งเหล่าบาปเจ็ดประการออกไปดูแลยังจุดต่าง ๆ ในแดนปีศาจโดยครอบคลุมบริเวณเดียวกันในฝั่งโลกมนุษย์ด้วยเพื่อคอยจัดการกับพวกอีวิล
 
     ซันบันทึกข้อมูลทุกอย่างไว้ในสมองอย่างแน่นหนา มือล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อ ลูบลูกแก้วจิตทิพย์ในนั้นอย่างเผลอตัว แล้วต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อสัมผัสความรู้สึกบางเบาบางอย่างจากของวิเศษนี้ได้
 
     เป็นความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับตอนที่เธออยู่ใกล้กับจ้าวแห่งปีศาจ
 
     “หรือที่ฉันโผล่ไปที่นั่นได้จะเป็นเพราะนายกันนะ...ลูกแก้วจิตทิพย์”
 
--------------------------------------------
 
[1] เมอแร็งก์ (ฝรั่งเศส: meringue) เป็นขนมของสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส ทำจากไข่ขาวที่ตีกับน้ำตาลป่นจนขึ้นฟู และเติมตัวช่วยขึ้นรูป เมอแรงก์ของฝรั่งเศสจะมีความแห้งและเบามากกว่า
[2] เทพผู้ทรยศต่อพระเจ้า จึงถูกขับไล่จากสวรรค์และกลายเป็นราชาปีศาจ ในคัมภีร์ฮิบรูไบเบิลและคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ซาตานเป็นผู้ต่อต้านอำนาจจากพระเจ้า เป็นความชั่วร้ายซึ่งมีคุณสมบัติที่เรียกว่าปีศาจ ในบางตำนานกล่าวว่าลูซิเฟอร์กับซาตานเป็นคนเดียวกัน และเป็น1ในบาป7ประการ แต่ในที่นี้จะเป็นคนละคน และซาตานไม่ได้อยู่ในบาป7ประการ
[3] ตามความเชื่อของชาวยุโรปในยุคกลาง คือผีดิบที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหาร เป็นอมตะ แพ้แสงแดดและไม้กางเขน และคนที่ถูกแวมไพร์กัดจะกลายเป็นแวมไพร์เช่นกัน แวมไพร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ เคาท์แดร็กคูล่า
-----------------------------------------------------
คอมเม้นท์ทักทายกันได้น้า ^^
 
ตอนนี้หนังสือออกจบแล้วนะคะ 4 เล่มจบจ้า
สนใจสั่งซื้อได้ที่ www.kinkmjwriter.com ค่ะ
 
ตามข่าวทางเพจได้นะคะ ;D
http://www.facebook.com/kinkmjwriter
 
ขอบคุณมากค่า 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา