The Sun and Satan..ดุจตะวันกับซาตาน

9.2

เขียนโดย kinkmj

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 09.50 น.

  10 chapter
  1 วิจารณ์
  16.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 10.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) The Sun and Satan ดุจตะวันกับซาตาน Ch.3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter3

 

                วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนที่ซันจะต้องเข้าไปอยู่ที่เทลไฟร์ ซึ่งเป็นสถาบันแบบกินนอนที่นั่น เหมือนโรงเรียนประจำของมนุษย์ เด็กสาวใช้เวลากว่าครึ่งวันนอนอ่านหนังสือที่ซื้อมาจากร้านความรู้อยู่ที่นี่แก้เบื่อ และเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับโลกปีศาจให้มากที่สุดก่อนเข้าเรียน ทำให้ได้รู้ตำนานปีศาจต่าง ๆ มากมาย บางส่วนก็แตกต่างกับตำนานในโลกมนุษย์บ้าง บางตำนานก็ต่างกันคนละเรื่องไปเลย

 

                พออ่านหนังสือเพลิน ๆ ซันก็เผลอนึกย้อนไปถึงเมื่อวาน…เด็กสาวมายังโลกปีศาจพร้อมพ่อและแม่ รวมทั้งข้าวของส่วนตัวต่าง ๆ เพื่อเช็คอินที่โรงแรมแห่งเดียวในย่านการค้าของโลกปีศาจ เพราะอีกไม่กี่วันจะต้องไปอาศัยในหอพักของสถาบันปีศาจเทลไฟร์ เลยต้องมาปรับตัวให้คุ้นกับโลกปีศาจอีกสักนิด

 

                ก่อนจะแยกกัน พิรุณเข้ามากอดลูกสาวอย่างเป็นห่วง “ดูแลตัวเองนะลูก” ส่วนฮิคารุส่งถุงผ้าใบเล็กมาให้ ซันเปิดมันออกดู ภายในเป็นเหรียญหน้าตาประหลาดที่เห็นแม่ของเธอใช้เพื่อซื้อของต่าง ๆ ในโลกปีศาจ

               

               “เป็นเงินของโลกปีศาจ แม่แลกไว้ให้ เหรียญสีเงินคือซิลลี่ ส่วนสีทองคือโกลดี้  100 ซิลลี่เท่ากับ 1 โกลดี้  ถ้าเทียบเป็นเงินบาท 15 บาทเท่ากับ 1 ซิลลี่นะจ๊ะ เก็บไว้ใช้นะซัน” พูดจบก็ดึงลูกสาวเข้าไปกอดบ้าง “ขอให้สนุกกับโรงเรียนใหม่นะเรา” กระซิบบอกทิ้งท้าย

 

                จากนั้นเธอก็อยู่คนเดียว ตอนแรกมันก็ตื่นเต้นดีอยู่หรอก ได้ไปเดินเที่ยวดูนู่นดูนี่ แต่พอเดินดูจนหมดก็ไม่มีอะไรให้ทำเลยกลับมาอยู่ในห้องพัก พอเบื่อ ๆ ก็เลยเอาหนังสือมาอ่าน พอหิวก็ลงไปกินข้าว เสร็จแล้วก็กลับมาอ่านหนังสือต่ออีก วนไปเวียนมาจนถึงตอนนี้

 

                ซันปิดหนังสือเล่มหนาดังปับ คลึงขมับเบา ๆ แก้ปวดตา ลุกขึ้นจากเตียงนอน หยิบเอาเสื้อคลุมแขนยาวใส่ทับเสื้อกล้ามที่สวมอยู่แล้วเดินออกจากห้องพัก ตั้งใจจะลงไปสั่งอะไรกินจากห้องอาหารชั้นล็อบบี้ แต่ทว่าระหว่างก้าวขาเหยียบลงบนบันไดขั้นแรก

 

               เปรี๊ยะ !

 

                เสียงปริศนาฟังคล้ายไฟฟ้าช็อตดังขึ้น ปีศาจสาวชะงักกึกด้วยความตกใจ หันซ้ายขวามองหาที่มาของเสียงอย่างงุนงง วินาทีต่อมาก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกจากที่สูง แล้วหยุดลงอย่างรวดเร็ว

 

                “โอ๊ย ! ” เด็กสาวร้องเมื่อหล่นกระแทกพื้นดังตุ้บ เธอมองไปรอบ ๆ พลางคลำบั้นท้ายที่เจ็บระบม ดวงตากลมโตกระพริบตาซ้ำหลายครั้ง เมื่อพบว่าตนเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย

 

               นี่มันที่ไหนกันล่ะเนี่ย !

 

                ทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ดอกไม้ขึ้นล้อมรอบตัวเธอเต็มพื้นที่หลากหลายสีสัน ท่ามกลางทุ่งหญ้านั้นมีต้นไม้สูงใหญ่เพียงต้นเดียว มีผลแอปเปิ้ลสีเขียวกับสีแดงขึ้นสลับกันอยู่เต็มต้น ให้ความรู้สึกเหมือนสวนสวรรค์ไม่มีผิด

 

               อย่าบอกนะว่า ที่นี่คือ...

 

                บึ้ม !

 

                ยังไม่ทันคิดจบ เสียงระเบิดดังสนั่นติด ๆ กันจนสะเทือนไปทั่ว กลุ่มควันลอยมาจากทิศทางหนึ่ง ซันกุมขมับเครียด ๆ มือข้างหนึ่งล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุม โล่งใจขึ้นนิดหนึ่งเมื่อพบว่าลูกแก้วของเธอยังอยู่ดี

 

               เอาไงดีเนี่ย

 

                เสียงตรงนั้นอาจจะทำให้รู้ก็ได้ว่าเธอมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร และจะกลับไปยังไง แต่ไม่ต้องคิดเลยว่าจะไม่มีอันตราย เพราะคงไม่มีใครมาจุดดอกไม้ไฟเล่นกันแถวนี้แหงแซะ

 

                ตูม !

 

                คราวนี้เหมือนเธอจะเห็นเส้นพลังสีขาวกับสีทองสลับกันไปมาบนอากาศอย่างไม่ตั้งใจ ถึงจะกลัวและสับสน แต่ดูเหมือนความอยากรู้นั้นมีมากกว่า สุดท้ายก็ตัดสินใจวิ่งไปทิศทางของต้นเสียง

 

                พอไปถึงจิ้งจอกสาวก็ต้องตะลึงกับกลุ่มคน เอ๊ย! กลุ่มเทวดาปีกขาวนับสิบในชุดเกราะเงาวับลอยกลางอากาศ ในมือของแต่ละองค์มีทั้งคทา ดาบ ปืน เป็นภาพที่สวยงามเหมือนภาพวาดในโบสถ์ แต่น่าสะพรึงสำหรับปีศาจแบบเธออย่างแรง

 

                ซันกวาดสายตามองเทพบนฟ้า ไปสะดุดกับเทพองค์หนึ่งที่มีเส้นผมสีน้ำตาลทอง ในขณะที่คนอื่นเป็นสีทองสว่าง เทพองค์นั้นไม่ใส่เกราะ ถือดาบยาว และเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ในพาหนะคล้ายรถเลื่อนออกรบสมัยโบราณ

 

                ขณะที่เธอยังยืนมึนอยู่ การต่อสู้ก็เปิดฉากอีกครั้ง

 

                ฝ่ายเทพที่ถือคทาเริ่มโจมตีก่อน ริมฝีปากของทุกองค์ขมุบขมิบร่ายเวทย์ ชี้ปลายคทาไปยังฝ่ายตรงข้าม ประกายไฟสีขาวพุ่งวาบ ลำแสงทั้งหมดมุ่งตรงไปยังจุดเดียวกัน คราวนี้ซันรีบหันไปมองอีกฝ่ายหนึ่ง ปีศาจผู้ยืนโดดเดี่ยวบนพื้นทุ่งหญ้าสีเขียว รัศมีสีแดงเรืองรองรอบกาย คนถูกมองดูจะรู้ตัว แต่ไม่ใส่ใจ

 

               เฮ้ย! นี่มันรุมนี่หว่า เทพรุมปีศาจ โหย ไม่ปลื้มเลย

 

                แต่ดูท่าผู้ถูกรุมก็แข็งแกร่งมาก เมื่อเขาสะบัดมือเล็กน้อย ลำแสงสีขาวก็หายไป ซันเพ่งสายตามองชายผู้มีเส้นผมสีดำในเครื่องแต่งกายแบบชนชั้นสูง มือถือเคียวใบมีดสีทองเรียวโค้งราวพระจันทร์เสี้ยว สวยงามจนแลดูบอบบาง แต่ผู้ใช้กลับไม่น่าจะคิดเช่นนั้น

 

                เหล่าเทพทะยานใส่บุรุษสีดำ ลำแสงสีขาวปะทะกับคลื่นแสงสีทองสว่างทรงพลังดังเปรี้ยง การต่อสู้ชุลมุนวุ่นวายจนซันเห็นแต่เส้นแสงทั้งสองสีชนกันเท่านั้น อึดใจต่อมาเทวดาในชุดเกราะก็ร่วงมาทีละคนสองคนกระแทกพื้นเหมือนนกปีกหัก

 

                เว้นก็แต่เทวดาผมสีน้ำตาลทองที่น่าจะเป็นผู้นำในการต่อสู้ครั้งนี้ ร่างใหญ่พุ่งออกมา ใช้ดาบยาวแทงใส่ปีศาจ เคียวสีทองตวัดรับ อาวุธทั้งสองปะทะกันรุนแรง จนคลื่นพลังที่ชนกันแตกกระจายออกในวงกว้าง

 

                “ยิง!!!”

 

                คำสั่งก้องกังวานดังขึ้นจากเทพหนุ่มอย่างกะทันหัน

 

                ปัง !!

 

                เทวดาถือปืนทั้งหมดเหนี่ยวไก ห่ากระสุนถูกปล่อยออกจากปลายกระบอก พุ่งไปยังต้นแอปเปิ้ลที่ตั้งตระหง่านอยู่ทันที ปีศาจชุดดำกัดฟันกรอด ละทิ้งเทวดาคู่ต่อสู้ทันที หันหลังตรงไปยังต้นไม้ใหญ่

 

                ในวินาทีนั้นดาบยาวสีเงินในมือเทวดากลายเป็นปืนเอชเคมาร์ค23 แถมยังยกขึ้นเล็งตามหลังศัตรูทันทีโดยไม่ต้องใส่กระสุน

 

                ซันเบิกตากว้าง ไม่สนใจอีกแล้วว่าสิ่งที่เห็นนั้นใครถูกหรือผิด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป แต่เมื่อเห็นปลายกระบอกปืนเล็งไปที่ชายแปลกหน้า ร่างกายของเธอก็ทำงานได้เร็วยิ่งกว่าความคิด

 

                ปัง!

 

                ฟู่...

 

                เอ๊ะ? เสียงเหมือนอะไรไหม้ ความคิดที่แวบเข้ามาในสมองของจิ้งจอกสาว

 

                ซันลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่หลับตาแน่นอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็ต้องตกใจว่าทำอะไรลงไป ตรงหน้าเธอมีกำแพงไฟกำลังลุกไหม้อย่างร้อนแรงแถมยังมีแสงสีเงินดวงเล็กๆติดคาอยู่ มันคือกระสุนจากเอชเคมาร์คของเทพนั่นเอง เมื่อหันไปมองด้านหลัง ก็พบว่าปีศาจสีดำกำลังยืนนิ่งอยู่หน้าต้นแอปเปิ้ล เห็นอย่างนั้นจิ้งจอกสาวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

                ดูเหมือนจะปลอดภัยทั้งคนและต้นไม้

 

                ซันหันกลับมามองทางศัตรูปีกขาว ไม่ทันสังเกตเห็นแม้แต่น้อยว่าดวงตาสีทองคู่นั้นมองมาที่เธอด้วยประกายประหลาดบางอย่าง

 

                จะเอายังไงดีละทีนี้ จิ้งจอกคิดอย่างหนักใจ

 

                เทพทั้งหมดดูจะชะงักงันจากการเข้าแทรกแซงของเด็กผู้หญิงแบบเธอ ทำให้ยังไม่ลงมืออะไรต่อ แต่เชื่อขนมกินได้ เมื่อกำแพงไฟหายไป เธอจะกลายเป็นเป้าร่วมในทันที และกำแพงที่ว่าก็กำลังจางลงไปเรื่อย ๆ จนหายไปในที่สุด

 

                เป็นไปตามคาด ปลายกระบอกปืนของเทพทั้งกลุ่มหันมาทางร่างเล็กโดยมิได้นัดหมาย พร้อมยิงในทันทีที่ได้รับคำสั่ง

 

                "โฮ่ ดูเหมือนจะพาของดีมาด้วยสินะ" เทวดาผมสีน้ำตาลทองพูดพลางเหลือบสายตาไปมองบุรุษสีดำอย่างเย้ยหยัน 

 

                "เดี๋ยวนี้ถึงขั้นใช้เด็กผู้หญิงมาเป็นเกราะกำบังแล้วหรือไง ไอ้ปีศาจ” เขาว่าต่อ “อ้อ..ที่จริงคงใช้มานานแล้ว” เสียดสีด้วยน้ำเสียงเรียกโทสะ

 

                ซันกำลังหันหลังไปมองคนถูกพูดกระทบ แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเบา ๆ เมื่อหันมาเจอร่างสูงยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างกะทันหัน ดวงตาคมสีทองปรายมองมาทางเธอเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนไปทางกลุ่มเทวดาแทน

 

                "พวกเทพนักรบก็คงกลัวของดีของฉันจนตัวสั่น ถึงต้องหันปืนเข้าใส่เด็กผู้หญิงเพียงคนเดียว ใช่ไหม ? เทพสงคราม"

 

                ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งไร้อารมณ์ แต่ซันจับกระแสความเฉือดเชือนได้อย่างชัดเจน รังสีฟาดฟันระหว่างเทพและปีศาจทำให้บรรยากาศกดดันจนรู้สึกเหมือนเริ่มขาดอากาศหายใจ

 

                "เอาล่ะค่ะ เริ่มอึดอัดแล้ว ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณบาดหมางอะไรกันและไม่ได้อยากเข้ามายุ่ง ถึงจะอยากให้คุยกันดี ๆ ก็ตาม" เด็กสาวโพล่งออกมาอย่างใจคิด มุ่นหัวคิ้วอย่างหนักใจกับกระแสความเครียดรอบตัว “ที่มายุ่งเพราะว่า..เอ่อ..เผลอไปน่ะค่ะ .. แค่ไม่ชอบเห็นการรุมทำร้ายหรือใช้แผนสกปรก ไม่ได้ตั้งใจจะแทรกแซงจริง ๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” คำขอโทษหน้าซื่อพร้อมด้วยคำชื่นชมทำเอาเหล่าเทพหน้าม้าน ส่วนปีศาจรูปงามข้าง ๆ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

               ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย นั่นเทวดาเป็นฝูงเลยนะ ตายแน่งานนี้ ความคิดในใจของจิ้งจอกตัวเล็กที่พยายามทำหน้าเหมือนไม่กลัวสักนิด

 

            “ฮ่า ฮ่า ฮ่า !”เสียงหัวเราะดังก้องจากเทพสงคราม เขามองมาที่เธออย่างขำขันเหมือนเห็นตัวประหลาด ดวงตาสีฟ้าเข้มดูก้าวร้าว

 

            "ของดีของแกนี่น่าสนใจ ฉันชักจะสนใจแล้วสิ ขอได้ไหม"

 

             เงียบกริบ…

 

             ซันเบิกตาโตด้วยความอึ้ง ส่วนจ้าวปีศาจผู้ถูกขอแผ่รังสีอำมหิตออกมาทันที

 

             "เด็กนี่อยู่ใต้อาณัติของฉัน"

 

             เทพแห่งสงครามจ้องใบหน้าของบุรุษสีดำอย่างเอาเรื่อง เสร็จแล้วหันมามองหน้าซัน ครั้งนี้ซันมองเห็นดวงตาสีทะเลลึกคู่นั้นจ้องเธอเหมือนเห็นของน่าสนใจ และดวงตาคู่นั้นบอกอีกว่า

 

             ฉันต้องได้เธอ !

 

             "หึ ครั้งนี้พอแค่นี้แล้วกัน เห็นแก่ว่ามีของน่าสนใจมาให้ฉันแก้เบื่อ แต่บอกไว้ก่อน คนอย่างฉันอยากได้อะไรก็ต้องได้" เทพสงครามพูดอย่างหมายมั่น แล้วกางปีกสีขาวบินออกไป เหล่าเทวดาทั้งหลายทำตามทันที ไม่กี่วินาทีต่อมา เทพทั้งหมดก็หายไปในอากาศ

 

              ในที่สุดเมื่อดูเหมือนว่าจะไม่มีอันตรายแล้ว จิ้งจอกสาวก็ทรุดลงไปนั่งกองที่พื้นอย่างหมดแรง สิ่งสุดท้ายที่ลอยเข้ามาในประสาทสัมผัสคือกลิ่นหอมจางของดอกไม้ชนิดหนึ่ง แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา