ลุ้นรัก...นางร้ายเจ้าเสน่ห์
-
เขียนโดย ploynin
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.55 น.
18 ตอน
1 วิจารณ์
21.05K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 20.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) 3 ชั่วโมง 49 นาที
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เดย์ว่าเราเลือกเส้นทางเดียวกันกับไปที่พักที่แหลมสนอ่อนดีกว่านะค่ะ สงขลากว้างอย่างนี้เอาไว้เที่ยววันที่คุณกิตติภพจะพาทัวร์ดีกว่าเพราะน่าจะทัวร์ได้ทั่วมากกว่า” ร่างบางเสนออย่างตื่นเต้นกับการท่องเที่ยวครั้งนี้ เพราะเป็นการท่องเที่ยวในแบบที่เธอชอบ และอาจเป็นเพราะว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในเมืองที่ไม่รู้จักก็เป็นได้จึงทำให้เธอไม่กลัวที่จะหลง
“ครับ ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเราก็จะได้ไม่ถึงมี่พักดึกนัก พรุ่งนี้เรามีงานที่ต้องทำต่อจริงมั้ยครับ” พอชายหนุ่มพูดเรื่องงานทำให้ร่างบางกลับมามีกังวลอีกครั้ง เพราะเธอเองก็กลัวจะมีผลกับงานพรุ่งนี้อยู่ในที
“งั้นเรากลับกันเลยดีกว่าค่ะ เอาไว้เที่ยววันเที่ยวดีกว่ายังไงก็มีโปรแกรมอยู่แล้ว”
“แต่เราเตรียมแผนที่กันแล้วนะครับ” ร่างสูงท้วง
เหมือนใบหน้าสวยจะหมองลงด้วยคิดหนักว่าจะเที่ยวดีหรือจะกลับดี ใจหนึ่งอยากเที่ยวและตื่นเต้นกับการจะได้เที่ยว แต่อีกใจก็เกรงใจอีกคนที่ต้องไปด้วย นึกเกรงใจเพราะพรุ่งนี้เขาก็มีงาน กลัวจะกระทบกับการทำงานพรุ่งนี้ ส่วนตัวเธอนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะถึงแม้จะผิดพลาดก็ถือเป็นความผิดพลาดของเธอเองและยอมถูกตำหนิได้เสมอ แต่การที่จะลากคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันให้มาถูกตำหนิด้วยนั้น มันเหลือวิสัยที่เธอจะรับได้จริงๆ และเหมือนชายหนุ่มตรงหน้าจะรู้เธอเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องอะไรอยู่เลยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมโอเคครับ งานพรุ่งนี้ผมเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ไม่เป็นปัญหาแน่นอน”
“งั้น เลือกเที่ยวโซนที่เราต้องกลับที่พักก็ได้ค่ะ” ร่างบางตอบยิ้มดีใจกับการจะได้เที่ยวถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม
“ครับ งั้นเอาตรงโซนแหลมสมิหลาละกันนะครับ เพราะถ้าวันเที่ยวเราจะได้เที่ยวที่หาดใหญ่ได้เลยไม่ต้องกลับมาตรงโซนนี้อีก อีกอย่างถึงบอกว่าเที่ยวแต่ก็แค่หาร้านอาหารทานข้าวเย็นแล้วก็เดินย่อยในที่ที่อากาศดีๆ กินบรรยากาศก่อนกลับที่พักเท่านั้นเอง เรายังไม่ได้ผจญภัยอะไรเลยนะครับ” ร่างสูงพูดชวนเย้ายวนให้ร่างบางคล้อยตาม ซึ่งก็ได้ผล เพราะจากรอยยิ้มและแววตาสดใสนั้นเอง
“ก็ดีค่ะ”
หลังจากสองคนตกลงกันได้ จากนั้นก็หารถเพื่อเดินทางไปที่หมายซึ่งตอนนี้ก็เวลาทุ่มกว่าๆ ได้แล้ว กว่าจะถึงที่หมายนั่นคือแหลมสมิหลาก็เกือบสองทุ่มได้ ตลอดเส้นทางการเดินทาง ทั้งสองต่างมองสองข้างทางอย่างสนใจ แต่เหมือนจะมีเพียงร่างบางเท่านั้นที่มองไปข้างนอกรถตลอดเส้นทางเพราะตื่นเต้นกับสิ่งปลูกสร้างที่ได้พบเห็น ส่วนชายหนุ่มนั้นส่วนใหญ่จะมองคนข้างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้นั่งจ้องจนน่าเกลียดหรือทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัด และถ้าเธอเห็นสถานที่หรือส่วนตรงไหนที่น่าสนใจจะสะกิดให้คนที่นั่งมาข้างๆ ให้ได้ดูด้วย ซึ่งชายหนุ่มเองก็พูดคุยเป็นกันเองมาตลอดทาง พอรถแล่นเข้ามาในโซนของเส้นทางเข้าแหลมสมิหลาตามที่โชว์เฟอร์บอก พอลงจากรถแท็กซี่ได้ทั้งสองก็เริ่มมองหาร้านที่ต้องการจะฝากท้องมื้อค่ำกันทันที
“เดย์ครับผมว่าเราทานในโรงแรมดีกว่านะครับ แล้วก็ไปเดินย่อยแถวริมหาดเอา”
“แต่เดย์อยากทานข้างทางหรือไม่ก็ร้านที่อยู่ติดริมๆ หาดมากกว่านะค่ะคุณเอส อาหารในโรงแรมจะทานเมื่อไหร่ก็ทานได้ แต่มาเที่ยวแบบเดินเที่ยวไปเรื่อยๆ ทั้งทีทานร้านข้างทางดีกว่าค่ะ”
“ก็ดีครับ ผมกลัวว่าเดย์จะไม่สะดวกเลยคิดว่าเลือกเป็นร้านอาหารในโรงแรมจะดีกว่า”
“เดย์ทานง่ายๆ ค่ะ อีกอย่างไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้บ่อยๆ นะค่ะ”
“ครับ”
หลังจากได้คำตอบรับ ร่างบางก็เดินยิ้มตรงไปยังร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กับริมหาด ช่วงนี้เป็นช่วงหัวค่ำ ทำให้มีผู้คนมากมายทั้งเจ้าถิ่นและนักท่องเที่ยวออกมาหาที่นั่งทานอาหาร เดินจับจ่ายซื้อของกันเยอะมาก ร้านที่ทั้งสองเลือกก็มีลูกค้าเกือบเต็มร้าน แต่ดีที่ยังพอหาที่นั่งที่วิวดีๆ ได้ ทะเลยามค่ำคืนมืดสนิท แต่ที่ยังพอมีแสงไฟอยู่บ้างคงเป็นไฟจากเรือประมงที่ออกทะเลกัน และบริเวณริมหาดที่แสงไฟส่องสว่างตามแนวของมันไปจนสุดสายตา ลมเย็นๆ พัดจากทะเลปะทะร่างทำให้รู้สึกเย็นสดชื่น บรรยากาศผ่อนคลาย สองหนุ่มสาวเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ใกล้กับริมหาดมากที่สุดเพื่อที่จะได้ซึมซับบรรยากาศที่แสนหายากเหลือเกินในจังหวะของชีวิต
ชายหนุ่มร่างสูงเองที่เผลอปล่อยความคิดของตัวเองให้ผ่อนคลายตามบรรยากาศ นึกย้อนถึงชีวิตที่ผ่านมาเขาสนุกกับการใช้ชีวิตและการทำงานเต็มที่ แต่ไม่ค่อยมีโอกาสสักเท่าไหร่นักในการหย่อนจังหวะชีวิตไปกับเรื่องที่เป็นธรรมชาติเบื้องหน้า ในทุกวันคงเลือกหาความสุขฉาบฉวยที่หาได้ตามเมืองใหญ่ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกถึงความสุขสงบอย่างที่ไม่เคยเป็น หรืออาจจะเป็นเพราะเธอคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นได้ที่ทำให้เขาได้หวนคิดถึงมัน
หญิงสาวร่างบางหันหน้าออกสู่ท้องทะเล และถึงแม้เธอจะไม่ยอมถอดแว่นกันแดดสีดำออกแต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าเธอนั้นหลับตาอยู่ ร่างบางนั่งสูดอาการสดชื่นและสายลมเย็นจากชายทะเลอย่างเต็มที่โดยลืมไปแล้วว่านอกจากตัวเองแล้วยังมีใครอีกคนที่แอบเฝ้ามองเป็นระยะ ในขณะที่ตัวเขาเองก็ดีใจที่เธอนั้นทำตัวเป็นกันเองกับเขามากขึ้น ร่างบางของนางร้ายสาวสวยไม่มีความคิดใดๆ อยู่ในสมอง ปล่อยร่างกายผ่อนคลายสบายๆ อยู่สักพักก่อนลืมตาขึ้นมองไปยังความมืดมิดสุดสายตาของท้องทะเล
“คิดอะไรอยู่รึเปล่าครับ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นเธอนั่งเหม่อมองออกไปไกล
“เปล่าค่ะ เพียงแต่รับลมเย็นๆ ที่เข้ามาเท่านั้น” หันกลับมายิ้มตอบน้ำเสียงสดใส
“เดย์มาทะเลบ่อยมั้ยครับ ผมรู้สึกว่าคุณจะชอบทะเลนะ” เขาชวนคุยต่อ
“ก็ไม่บ่อยหรอกค่ะ ตามแต่โอกาสมากกว่า ส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานที่ออกต่างจังหวัดแบบนี้ละค่ะ” ตอบยิ้มละไมออกเขินนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าเขาจะดูถูกมั้ยที่เธอไม่ค่อยจะได้เที่ยวตามที่ใจอยาก แต่เที่ยวตามโอกาสมากกว่า
“แล้วส่วนใหญ่มาเที่ยวกับใครครับ” ชายหนุ่มถามต่ออย่างอยากรู้ ซึ่งหญิงสาวเองก็ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องที่ต้องปกปิดจึงตอบออกไปตรงๆ
“ส่วนใหญ่ไม่ได้มาเที่ยวหรอกค่ะ มาทำงานมากกว่า แต่ถ้าจะมีคนมาด้วยก็คงเป็นพี่แหววละค่ะ รายนั้นชอบทานอาหารทะเลสุดๆ มากันแบบนี้ก็นึกถึงพี่แหววเลย ถ้าพี่แหววมาด้วยตอนนี้อาหารคงเต็มโต๊ะแล้วละค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ พร้อมกับนึกถึงพี่สาวคนสนิทก็นึกขำ
“หรอครับ แล้วเดย์อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย” เขาก็ขันตามเพราะไม่คิดว่าพี่แหววช่างแต่งหน้าคนเก่งจะเป็นคนที่ทานเก่งด้วย เพราะเห็นหุ่นของเธอนั้นออกจะผอมเพรียวเสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่นั่งกันได้สักพัก พนักงานก็เอาเมนูมาให้เลือก และเนื่องจากวันนี้มีลูกค้ามากทำให้การบริการค่อยข้างล่าช้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้สองหนุ่มสาวหงุดหงิดสักเท่าไรเพราะถึงแม้จะหิวแต่ก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร สองคนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ รออาหารมาเสิร์ฟ และพออาหารที่สั่งไปมาส่งก็นั่งทานกันไปเรื่อยๆ โดยที่ชายหนุ่มก็คอยบริการตักอาหารให้บ้างแต่ไม่ออกนอกหน้าจนน่าเกลียดอะไร ซึ่งตรงนี้ทำให้ร่างบางไม่เกิดการเคอะเขินหรือเกรงใจมากเกินไป บรรยากาศระหว่างการทานอาหารเป็นไปด้วยดี แต่มีความสุขมากสำหรับชายหนุ่มที่พยายามหาโอกาสทำคะแนนกับเธอเป็นการส่วนตัว และวันนี้เขาก็ถือว่าเขาทำสำเร็จที่ทำให้ร่างบางตรงหน้าสะลัดความเป็นทางการกับเขาไปได้ส่วนหนึ่ง
แต่สิ่งที่อยากได้ยินจากปากของเธอนั้นคือการเอื้อนเอ่ยคำนำหน้าชื่อของเขาว่า พี่ เหมือนกับที่เรียกไอ้เพื่อนสุดที่รักทั้งสองที่เปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดเธอ แต่เชื่อว่าคงต้องใช้เวลา เพราะเขาก็ยังถือว่าเป็นคนอื่นที่ห่างไกลกับเธออยู่ ไม่เหมือนเอ็มที่มีศักดิ์เป็นพี่ชาย และทีซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ นึกแล้วก็ขำเพื่อนทั้งสองคนเหมือนกัน แต่เพราะดูแล้วเพื่อนทั้งสองคนมีความสุข เขาก็โอเคเสมอ และเพราะชายหนุ่มกำลังนึกถึงเพื่อนทั้งสองจึงเผลอยิ้มออกมาทำให้ร่างบางตรงหน้าถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ
“คุณเอสขำอะไรค่ะ”
“ผมขำเพื่อนผมนะครับ” ตอบตรงๆ ไม่ได้ปิดบัง ซึ่งเรียกใบหน้าฉงนอย่างน่ารักจากเธอ “คือ ผมนึกถึงไอ้ทีกับไอ้เอ็มนะครับ เป็นเพื่อนกันมาก็ตั้งนาน ไอ้ไอเพื่อนผมอีกคนตอนเรียนอยู่ก็พยายามสร้างสถานการณ์ให้มันสองคนได้มีโอกาสรักกัน จริงๆ คือจะแกล้งมันเล่นๆ นะครับไม่ได้จริงจังอะไร แต่ไม่เห็นจะสำเร็จ ไปๆ มาๆ พอไอ้ไอไม่อยู่ มันสองคนกลับรักกันชนิดทิ้งกันไม่ลงซะงั้น”
“คุณไอนี่ ใช้คุณไอรินธรรึเปล่าค่ะ” ชายหนุ่มสงสัยทำไมเธอถึงรู้จักกับไอ้เพื่อนคนนี้ของเขาได้ หรือว่า
“ใช่ครับ เดย์รู้จักหรอครับ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ไม่เคยเจอกันจริงๆ สักครั้ง พอดีไม่รู้ยังไง ช่วงก่อนหน้านี้พี่เอ็มเป็นอะไรไม่รู้พูดเรื่องเพื่อนคนนี้ให้เดย์ฟังบ่อยๆ”
เธอตอบสบายๆ เหมือนเล่าให้กันฟังเสียมากกว่า แต่ชายหนุ่มนี่สิ ใบหน้านั้นยิ้มให้เธอที่อยู่ตรงหน้าก่อนแต่ในใจนั้นยิ้มไม่ออกเพราะงานนี้ถ้าชายหนุ่มเดาไม่ผิดและถ้ามันเป็นอย่างที่เขาเดานะ เพื่อนเอ็มตัวดีมีเรื่องต้องเคลียร์กันแน่
“หรอครับ ทำนองไหนหรอครับ”
“คือเหมือนมาเล่าให้ฟังมากกว่าว่าเขาเป็นคนยังไงแล้วก็ถามเดย์ว่าเดย์คิดยังไง ประมาณนั้นละค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ สบายๆ
“แล้วเดย์คิดยังไงครับ” ด้วยปากไวและเสียงออกจริงจัง แต่เพราะชายหนุ่มก็อยากรู้จริงๆ และจากคำถามนี้ทำให้หญิงสาวตรงหน้ามองเขาก่อนยิ้มขำนิดๆ แล้วตอบออกมาอย่างเกรงใจ
“เดย์ไม่คิดยังไงค่ะ เพราะเดย์ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวนิค่ะ ขอโนคอมเมนท์ดีกว่า” เธอตอบซื่อๆ แววตาปกติมองตรงมาที่ชายหนุ่ม ซึ่งนั่นทำให้เขาเบาใจ แต่งานนี้มีได้กลับไปโวยเพื่อนรักสุดแสบที่มันแอบลุ้นเพื่อนอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเขาให้กับคนสวยตรงหน้านี้
ทั้งสองทานอาหารเสร็จ ชายหนุ่มสั่งของหวานปิดท้ายให้หญิงสาวเป็นไอศกรีมกะทิธรรมดาของร้านมาให้ และเธอก็ทานอย่างเต็มใจ จากนั้นจึงสั่งเคลียร์ค่าอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นการแชร์กันจ่ายเพราะหญิงสาวไม่ยอมให้เขาออกค่าอาหารเครื่องดื่มทั้งหมด ซึ่งตอนแรกชายหนุ่มเสนอจะจ่ายเอง และด้วยกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนไปเนื่องด้วยการพูดคุยกันมาสักระยะนั้นทำให้รู้ว่าเธอตรงหน้านี้ไม่ชอบเอาเปรียบใคร ดังนั้นอาหารมื้อนี้จึงแชร์กันออกนั่นเอง จากนั้นทั้งสองจึงได้ไปเดินเที่ยวทอดน่องกันริมหาดสักเล็กน้อยก่อนกลับที่พักกัน
ช่วงที่เดินตรงถนนริมหาดทั้งสองเดินคุยกันไปเรื่อยๆ เรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องทั่วไปที่คนเป็นเพื่อนเขาคุยกัน ชายหนุ่มยังไม่อยากแสดงออกชัดเจนจนหญิงสาวเป็นฝ่ายประหม่าและถอยห่างไป อยากให้ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงคนที่ผ่านๆ มา ชายหนุ่มจะทำความรู้จักกันไม่ถึงวันก็นอนด้วยกันแล้ว และจากนั้นความสัมพันธ์ก็จะจบลงโดยให้สิ่งตอบแทนที่เขานั้นให้เป็นสิ่งที่เธอเหล่านั้นพอใจแต่ต้องไม่ผูกมัดเขาไว้ด้วย
“เดย์ว่าเรากลับกันดีกว่านะค่ะ นี่กว่าจะถึงที่พักคงดึกแล้ว คุณเอสก็คงอยากพักผ่อนด้วย” เธอพูดขึ้นหลังจากที่เดินกันมาได้สักพักแล้วเราก็มานั่งพักกันตรงบริเวณศาลาไทยของหาดสมิหลามองออกไปทางทะเลจะเห็นรูปปั้นนางเงือกซึ่งเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวแวะถ่ายรูปกันมากมาย
“ครับ” ชายหนุ่มตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ใช่ว่าไม่เสียดายเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันกับเธอเพียงสองคน แต่ว่า ทุกสิ่งต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะเธอคือตัวจริงที่ร่างสูงตั้งใจแล้วว่าจะต้องได้เธอมาทั้งตัว หัวใจ และเธอเองก็พร้อมที่จะมอบให้เขาอย่างเต็มใจด้วย เขาตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ
“แต่ก่อนกลับเราไปถ่ายรูปตรงรูปปั้นนางเงือกหน่อยดีมั้ยครับ” ชายหนุ่มเสนอ
“คุณเอสอยากถ่ายหรอค่ะ งั้นเดย์เป็นตากล้องให้นะ” เธอพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนเดินนำร่างสูงไปตรงบริเวณรูปปั้นนางเงือก จากนั้นก็ให้ร่างสูงเดินไปที่รูปปั้น ร่างบางพยายามหามุมที่จะถ่ายรูปให้ในที่ที่เธอพอใจจากนั้นก็ถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน
“ผมอยากให้เราสองคนมีรูปที่ระลึกที่มาเที่ยวด้วยกันนะครับ”
“เอ่อ ไม่ดีมั้งค่ะ” เธอพูดเหมือนคิดอะไรในใจก่อนตอบปฏิเสธออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ “ไม่ดีกว่าค่ะ เดย์ถ่ายให้คุณเอสก็พอแล้ว” เธอยิ้มน่ารักก่อนกดถ่ายรูปให้ร่างสูงที่เป็นนายแบบยิ้มเท่ห์ให้กับเธอ แต่เธอคงคิดว่าเขานั้นยิ้มให้กล้องเสียมากกว่า และเธอก็ดูจะตั้งใจถ่ายรูปให้เขามากเสียด้วยทำให้เขามองเธออย่างเอ็นดู
“นะครับ ให้เกียริต์ผมหน่อยถือเป็นที่ระลึกที่มาเที่ยวกันนะครับ” เขาพูดอ้อนๆ ทำให้เธอนึกเขินขึ้นมากับน้ำเสียงอ้อนๆ ของเขา และไม่ทันที่จะได้ปฏิเสธร่างสูงก็ไหว้วานคนที่กำลังจะเดินผ่านไปให้มาช่วยถ่ายรูปให้ ซึ่งร่างบางก็ขัดไม่ทันจึงต้องยอมเดินเขาไปเคียงข้างแล้วปล่อยให้คนที่ถูกร่างสูงไหว้วานถ่ายรูปให้
“ไม่ถอดแว่นหน่อยครับคุณ”
“เอ่อ”
“คงไม่เป็นไรมั้งครับ แค่รูปเดียวเอง”
และเพราะความใจอ่อน ร่างบางจึงยอมถอดออกทำให้ผู้คนที่อยู่แถวๆ นั้นได้เห็นใบหน้าจริงๆ ของเธอเลยทำให้เกิดเรื่องขึ้น จากการที่ตั้งใจว่าถ่ายรูปเสร็จจะกลับกันเลยกลับต้องมายืนแจกลายเซ็นให้กับบรรดาแฟนคลับที่มาขอลายเซ็นกันขโหยงหนึ่งได้ และด้วยความที่แต่ละคนก็อยากใกล้ชิดดาราเลยทำให้ร่างบางต้องถอยตลอดเพราะการเบียด และมีจังหวะหนึ่งที่เธอถอยแล้วเหยียบโขดหินเล็กๆ แล้วเกือบล้ม ดีที่ร่างสูงที่อยู่ข้างหลังเธอตลอดช่วยประคองไว้ได้ ตอนแรกที่หน้าเสียกลัวจะล้มลงไปกระแทกเพราะข้างหลังเธอนั้นมีแต่โขดหินเต็มไปหมด
“ขอบคุณนะค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณเขาจากนั้นจึงขออนุญาตบรรดาแฟนคลับค่อยๆ ถอยออกจากสถานที่อย่างสุภาพและรวดเร็วที่สุด และเป็นจังหวะที่ร่างสูงมองเห็นแท็กซี่ขับผ่านพอดีจึงเรียกให้หยุด และพอรถหยุดเขาก็ขับร่างบางเข้าไปนั่งในรถทันทีก่อนวิ่งไปอีกด้านขึ้นไปนั่งแล้วปิดประตูสั่งให้คนขับออกรถทันที
“ไปไหนครับ”
“แหลมสนอ่อนครับ เดย์เป็นยังไงบ้างครับ” หันกลับมาถามร่างบางข้างๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ” ตอบแล้วยิ้มให้ร่างสูงข้างๆ แต่ดูเหมือนเธอยังใจเสียอยู่ “ขอโทษด้วยนะค่ะ ทำให้หมดสนุกเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”
“เดี๋ยวถึงที่พักแล้วผมไปส่งนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดย์เกรงใจ”
“ไม่เป็นไรครับ อย่าลืมสิว่าวันนี้เราเที่ยวด้วยกันนะ”
“ค่ะ”
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก แต่ร่างสูงนั้นสังเกตว่าใบหน้าสวยไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรจนกระทั่งรถแล่นเข้ามาในส่วนของบังกะโลที่พัก จ่ายค่าโดยสารแล้วทั้งสองก็ลงจากรถ แต่ในจังหวะที่เดินลงมานั้นร่างบางกลับรู้สึกก้าวขาไม่ออก แต่ก็ฝืนลงมาจนได้
“ไปครับ” ร่างสูงชวนเพื่อจะเดินไปส่ง แต่ดูเหมือนร่างบางจะอ้อยอิ่งอยู่ แต่ก็ตอบรับ
“ค่ะ”
แต่พอก้าวขาออกไปเท่านั้นทำให้เธอรู้ว่าเจ็บจริงๆ และพอมองลงไปข้างล่างจึงเป็นว่ามีรอยเลือดไหลออกมาจากข้อเท้าเล็กน้อย ซึ่งแผลนั้นเป็นเหมือนรอยบาดเป็นทางยาวพอสมควรทำให้เธอรู้แน่ชัดแล้วว่าตัวเองถึงแม้จะไม่ล้ม แต่โดนโขดหินแหลมบาดเข้าให้
“เดย์” ร่างสูงของชายหนุ่มก้มลงไปมองที่ขอเท้าและเห็นเลือดจึงตกใจมากเข้ามาประคองร่างบางทันที
“ขอโทษค่ะ เดย์ไม่คิดว่าเลือดมันจะออกเยอะขนาดนี้ แค่รู้สึกแสบๆ นิดเดียวเท่านั้น” เธอแก้ตัวหลังจากเห็นสายตาตำหนิจากร่างสูงข้างๆ
“คราวหลังเป็นอะไรต้องบอกนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ แล้วเดินไหวมั้ยครับ”
“ไหวค่ะ” ร่างบางตอบ
ร่างสูงประคองพาเธอเดินต่อเพื่อจะตรงไปที่พัก ระหว่างทางเจอกับเพื่อนทั้งสองที่เพิ่งกลับมาเหมือนกันทำให้เข้ามาช่วยกันดูอีกที ชายหนุ่มทั้งสามพาร่างบางตรงมาที่ห้องพักของสองหนุ่มก่อนเพราะทีบอกว่าต้องทำแผลก่อน และเขาก็ทำแผลเป็นรวมถึงมีอุปกรณ์มาพร้อมด้วย
“ไหวมั้ยเดย์” เอ็มถามอย่างเป็นห่วง
“สบายค่ะพี่เอ็ม แผลแค่นี้เอง ตอบขอบคุณคุณเอสนะค่ะที่คอยดูแล”
“ไม่เป็นไรครับ ก็เราเที่ยวด้วยกันนิ อีกอย่างที่เดย์เป็นแบบนี้เพราะผมดูแลคุณไม่ดีต่างหาก”
“ไม่ใช่ความผิดใครหรอกค่ะ แค่อุบัติเหตุน่ะ มันเกิดขึ้นได้เสมอ” ร่างบางบอกยิ้มๆ ก่อนหันกลับไปมองแผลของตัวเองที่ตอนนี้ทีกำลังล้างแผลให้
“กินยากันไว้ด้วยนะเดย์” เอ็มเตือน
“ค่ะ”
“ยาอะไร” เอสถามอย่างแปลกใจ
“ก็ยาแก้แพ้อากาศทั่วไปนั่นแหละ เดย์เขาเป็นพวกแปลกที่แล้วจะป่วยง่ายน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวทานเลยแล้วกันนะครับ ของผมมี” เอสเสนอ
“ขอบคุณค่ะ” แล้วร่างบางก็ตอบรับอย่างเต็มใจเขาจึงเดินไปที่กระเป๋าตัวเองที่แม่บ้านได้เตรียมยาฉุกเฉินทั่วไปไว้ให้เรียบร้อยมาให้ร่างบ้างที่นั่งอยู่ปลายเตียงของเขา
พอทำแผลเสร็จแล้วเอสเป็นคนเดินไปส่งร่างบางที่บังกะโลหลังที่ร่างบางพักกับแหวว และพอถึงที่พักแล้วแหววเห็นสภาพน้องสาวก็ตกใจซักไซ้ไล่เรียงกันสักพักแล้วจึงปล่อยให้ชายหนุ่มกลับที่พักของตัวเองไป แล้วแหววก็เป็นคนดูแลเดย์ต่อ
“พรุ่งนี้บวมแน่ๆ” แหววว่าหลังจากที่ร่างบางนั่งลงที่ปลายเตียงแล้ว
“ใช่ แต่ไม่เป็นไร เดย์จะพยายามไม่ให้กระทบกับงานค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ ก่อนขอตัวเข้าอาบน้ำล้างตัวและไม่ลืมที่จะกันแผลไม่ให้โดนน้ำโดยการหุ้มข้อเท้าข้างที่เจ็บด้วยถุงพลาสติกก่อน
หลังจากจัดการตัวเองเสร็จแล้วร่างบางเดินตรงมาที่เตียงของตัวเองทันทีแล้วล้มตัวลงนอน โดยมีแหววมองอยู่ตลอด ก่อนเอ่ยให้ร่างบางรีบพักผ่อน
“พักผ่อนเยอะๆ นะค่ะ ส่วนเรื่องเที่ยววันนี้เดี๋ยวพี่ซักอีกทีวันหลัง” เธอว่ายิ้มๆ ก่อนเดินไปปิดไฟโดยไม่ลืมที่จะเปิดไฟหัวเตียงไว้ก่อน
ทางด้านเอส พอกลับถึงที่พักก็เดินไปลากเพื่อนตัวแสบมาซักเพราะเขาคาใจมากว่าทำไมถึงลุ้นเพื่อนสนิทอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ให้หญิงสาวที่เขาหมายปอง
“มานี่เลยไอ้เอ็ม แกกับฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
“อะไร” ถามกลับไม่พอใจนักเพราะเอสดันเข้ามาตอนที่เขากำลังเล่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับคนรักอยู่
“แกลุ้นไอ้ไอให้เดย์เขาหรอ” ถามตรงๆ
“ใช่!” ตอบตรงๆ
“ทำไม”
“ก็เพราะฉันคิดว่าไอ้ไอเหมาะสม”
“แล้วฉันไม่เหมาะสมตรงไหน”
“ก็หลายอย่าง” ตอบตรงหน้าซื่อ
“อะไรว่าไป”
“อย่าให้จาระไนเลยเอส จี๊ดใจเปล่าๆ” แทนที่จะเป็นเอ็มตอบกลับเป็นทีที่ตอบกลับมาอย่างกลั้นขำ
“ไอ้ที นี่แกเข้าข้างผัวใช่มั้ย”
“ใช่! ก็มันเป็นผัว” ไม่ว่าเปล่า ทีเข้ามากอดคนรักจากทางด้านหลังโดยโอบคล้องไหล่กว้างของคนรักแล้วส่งยิ้มยั่วโมโหมาให้เพื่อน
“เอ่อ กูยอมแพ้ก็ได้วะ” เขาย้อมแพ้เพราะเถียงสู้เพื่อนสองคนนี้ไม่ได้แน่ลองมันได้เห็นพ้องต้องกันแล้ว
“เอ่อ! ดี กูจะได้สบายใจที่เสืออย่างมึงจะไม่เข้าใกล้น้องกู”
“มึงเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าวะเอ็ม”
“ก็มึงบอกยอมแพ้”
“กูยอมแพ้ไม่เถียงพวกมึง เพราะถึงกูเถียงยังไงก็สู้มึงสองคนไม่ได้ไง กูมีปากเดียว แต่พวกมึงรวมกันก็มีสองปาก”
“ถึงกูคนใดคนหนึ่งเถียงกับมึง ก็ยังชนะอยู่ดี ถ้าจะให้เถียงเรื่องความเหมาะสมกับมึง” เอ็มบอกอย่างลองดี
“เอ่อ แต่เรื่องเดย์ กูไม่ยอมแพ้แน่ ถึงแม้ว่ามึงจะไม่ช่วยกู”
“หรอ” เป็นทีที่ถามขึ้นมาอย่างล้อเลียน
“เอ่อ”
“แล้วมึงจะทำยังไง”
“กูมีวิธีของกูก็แล้วกัน”
“งั้นกูก็ไม่จำเป็นต้องสร้างโอกาสให้มึงแล้วใช่มั้ย” เอ็มถามอย่างขำๆ กับท่าทีของเพื่อนที่ดูอึกอัก
“ลองมึงไม่ช่วยสิ กูฉุด!”
“กล้าหรอ” เอ็มถามอย่างเหนือกว่าเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนเขาคนนี้ได้หลงรักน้องสาวเขาเข้าไปจนเต็มหัวใจแล้ว และคงไม่กล้าทำอะไรที่จะทำส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์ในอนาคตอย่างแน่นอน
“ไม่กล้าอ่ะ” เอสทำทีฮึดฮัดในตอนแรก แต่ก็ตอบเสียงอ่อยแผ่วตรงปลาย เพราะเขากลัวร่างบางเกลียดนั่นเอง
คำตอบนั้นทำให้คู่รักทั้งสองหัวเราะขำขัน เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนรักคนนี้สิ้นลายเลยสักครั้ง ตั้งแต่คบกันมา และนึกดีใจไปกับเพื่อนเหมือนกันที่ได้เจอกับคนที่รักจริงๆ เสียที
“แล้ววันนี้เป็นไง” ทีถามขึ้น
“ก็ดี ได้รู้จักเขามากขึ้น”
“ดีมากเลยสิท่า ยิ้มไม่หุบเลยนิ” ถามอย่างรู้ทัน
“เอ่อ ดีมากถึงมากที่สุด 3 ชั่วโมง 49 นาที ที่เราได้เที่ยวด้วยกัน แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าเราได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”
“เน่าละ” ทีแซว
“อย่าแซว เป็นมึงถ้ากูถามว่าอยากอยู่กับไอ้เอ็มนานแค่ไหน คำตอบมึงก็คงเน่าพอๆ กับกูนั่นแหละ อย่ามาแถ”
“ลองคำตอบไม่เน่าสิ คืนนี้เจอดีแน่” เอ็มมองคนรักแบบคาดโทษ
“อะไรอ่ะ อยู่ข้างเดียวกันนะ” ทีว่างอนๆ กับคำขู่ของคนรัก
“เฮ่ย! เกรงใจกันบ้าง กูยังอยู่”
“แล้วมึงไม่ไปสักทีละ” เอ็มถามตรงๆ
“โว๊ะ ไอ้นี่ก็นี่ที่กู”
“วันนี้ที่นี่ไม่ใช่ที่ของมึง” เอ็มตอบชัดเจนพร้อมมองอย่างคาดคั้น
“เอ่อ! ไปก็ได้” สุดท้ายเป็นเอสที่ต้องออกไปหาที่พักใหม่ แต่ก็อยู่ในโซนของที่พักเดิมนั่นเอง โชคดีที่มีลูกค้าเช็คเอาท์ออกไป ไม่งั้นเขาคงได้ไปเช่าโรงแรมข้างๆ อยู่เป็นแน่ เขาไปแต่ตัวส่วนข้าวของไม่ได้เอาไปด้วยเพราะขี้เกียจขน อีกอย่างก็แค่ไปนอนเท่านั้นเอง
つづく.
“ครับ ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเราก็จะได้ไม่ถึงมี่พักดึกนัก พรุ่งนี้เรามีงานที่ต้องทำต่อจริงมั้ยครับ” พอชายหนุ่มพูดเรื่องงานทำให้ร่างบางกลับมามีกังวลอีกครั้ง เพราะเธอเองก็กลัวจะมีผลกับงานพรุ่งนี้อยู่ในที
“งั้นเรากลับกันเลยดีกว่าค่ะ เอาไว้เที่ยววันเที่ยวดีกว่ายังไงก็มีโปรแกรมอยู่แล้ว”
“แต่เราเตรียมแผนที่กันแล้วนะครับ” ร่างสูงท้วง
เหมือนใบหน้าสวยจะหมองลงด้วยคิดหนักว่าจะเที่ยวดีหรือจะกลับดี ใจหนึ่งอยากเที่ยวและตื่นเต้นกับการจะได้เที่ยว แต่อีกใจก็เกรงใจอีกคนที่ต้องไปด้วย นึกเกรงใจเพราะพรุ่งนี้เขาก็มีงาน กลัวจะกระทบกับการทำงานพรุ่งนี้ ส่วนตัวเธอนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะถึงแม้จะผิดพลาดก็ถือเป็นความผิดพลาดของเธอเองและยอมถูกตำหนิได้เสมอ แต่การที่จะลากคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันให้มาถูกตำหนิด้วยนั้น มันเหลือวิสัยที่เธอจะรับได้จริงๆ และเหมือนชายหนุ่มตรงหน้าจะรู้เธอเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องอะไรอยู่เลยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมโอเคครับ งานพรุ่งนี้ผมเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ไม่เป็นปัญหาแน่นอน”
“งั้น เลือกเที่ยวโซนที่เราต้องกลับที่พักก็ได้ค่ะ” ร่างบางตอบยิ้มดีใจกับการจะได้เที่ยวถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม
“ครับ งั้นเอาตรงโซนแหลมสมิหลาละกันนะครับ เพราะถ้าวันเที่ยวเราจะได้เที่ยวที่หาดใหญ่ได้เลยไม่ต้องกลับมาตรงโซนนี้อีก อีกอย่างถึงบอกว่าเที่ยวแต่ก็แค่หาร้านอาหารทานข้าวเย็นแล้วก็เดินย่อยในที่ที่อากาศดีๆ กินบรรยากาศก่อนกลับที่พักเท่านั้นเอง เรายังไม่ได้ผจญภัยอะไรเลยนะครับ” ร่างสูงพูดชวนเย้ายวนให้ร่างบางคล้อยตาม ซึ่งก็ได้ผล เพราะจากรอยยิ้มและแววตาสดใสนั้นเอง
“ก็ดีค่ะ”
หลังจากสองคนตกลงกันได้ จากนั้นก็หารถเพื่อเดินทางไปที่หมายซึ่งตอนนี้ก็เวลาทุ่มกว่าๆ ได้แล้ว กว่าจะถึงที่หมายนั่นคือแหลมสมิหลาก็เกือบสองทุ่มได้ ตลอดเส้นทางการเดินทาง ทั้งสองต่างมองสองข้างทางอย่างสนใจ แต่เหมือนจะมีเพียงร่างบางเท่านั้นที่มองไปข้างนอกรถตลอดเส้นทางเพราะตื่นเต้นกับสิ่งปลูกสร้างที่ได้พบเห็น ส่วนชายหนุ่มนั้นส่วนใหญ่จะมองคนข้างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้นั่งจ้องจนน่าเกลียดหรือทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัด และถ้าเธอเห็นสถานที่หรือส่วนตรงไหนที่น่าสนใจจะสะกิดให้คนที่นั่งมาข้างๆ ให้ได้ดูด้วย ซึ่งชายหนุ่มเองก็พูดคุยเป็นกันเองมาตลอดทาง พอรถแล่นเข้ามาในโซนของเส้นทางเข้าแหลมสมิหลาตามที่โชว์เฟอร์บอก พอลงจากรถแท็กซี่ได้ทั้งสองก็เริ่มมองหาร้านที่ต้องการจะฝากท้องมื้อค่ำกันทันที
“เดย์ครับผมว่าเราทานในโรงแรมดีกว่านะครับ แล้วก็ไปเดินย่อยแถวริมหาดเอา”
“แต่เดย์อยากทานข้างทางหรือไม่ก็ร้านที่อยู่ติดริมๆ หาดมากกว่านะค่ะคุณเอส อาหารในโรงแรมจะทานเมื่อไหร่ก็ทานได้ แต่มาเที่ยวแบบเดินเที่ยวไปเรื่อยๆ ทั้งทีทานร้านข้างทางดีกว่าค่ะ”
“ก็ดีครับ ผมกลัวว่าเดย์จะไม่สะดวกเลยคิดว่าเลือกเป็นร้านอาหารในโรงแรมจะดีกว่า”
“เดย์ทานง่ายๆ ค่ะ อีกอย่างไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้บ่อยๆ นะค่ะ”
“ครับ”
หลังจากได้คำตอบรับ ร่างบางก็เดินยิ้มตรงไปยังร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กับริมหาด ช่วงนี้เป็นช่วงหัวค่ำ ทำให้มีผู้คนมากมายทั้งเจ้าถิ่นและนักท่องเที่ยวออกมาหาที่นั่งทานอาหาร เดินจับจ่ายซื้อของกันเยอะมาก ร้านที่ทั้งสองเลือกก็มีลูกค้าเกือบเต็มร้าน แต่ดีที่ยังพอหาที่นั่งที่วิวดีๆ ได้ ทะเลยามค่ำคืนมืดสนิท แต่ที่ยังพอมีแสงไฟอยู่บ้างคงเป็นไฟจากเรือประมงที่ออกทะเลกัน และบริเวณริมหาดที่แสงไฟส่องสว่างตามแนวของมันไปจนสุดสายตา ลมเย็นๆ พัดจากทะเลปะทะร่างทำให้รู้สึกเย็นสดชื่น บรรยากาศผ่อนคลาย สองหนุ่มสาวเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ใกล้กับริมหาดมากที่สุดเพื่อที่จะได้ซึมซับบรรยากาศที่แสนหายากเหลือเกินในจังหวะของชีวิต
ชายหนุ่มร่างสูงเองที่เผลอปล่อยความคิดของตัวเองให้ผ่อนคลายตามบรรยากาศ นึกย้อนถึงชีวิตที่ผ่านมาเขาสนุกกับการใช้ชีวิตและการทำงานเต็มที่ แต่ไม่ค่อยมีโอกาสสักเท่าไหร่นักในการหย่อนจังหวะชีวิตไปกับเรื่องที่เป็นธรรมชาติเบื้องหน้า ในทุกวันคงเลือกหาความสุขฉาบฉวยที่หาได้ตามเมืองใหญ่ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกถึงความสุขสงบอย่างที่ไม่เคยเป็น หรืออาจจะเป็นเพราะเธอคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นได้ที่ทำให้เขาได้หวนคิดถึงมัน
หญิงสาวร่างบางหันหน้าออกสู่ท้องทะเล และถึงแม้เธอจะไม่ยอมถอดแว่นกันแดดสีดำออกแต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าเธอนั้นหลับตาอยู่ ร่างบางนั่งสูดอาการสดชื่นและสายลมเย็นจากชายทะเลอย่างเต็มที่โดยลืมไปแล้วว่านอกจากตัวเองแล้วยังมีใครอีกคนที่แอบเฝ้ามองเป็นระยะ ในขณะที่ตัวเขาเองก็ดีใจที่เธอนั้นทำตัวเป็นกันเองกับเขามากขึ้น ร่างบางของนางร้ายสาวสวยไม่มีความคิดใดๆ อยู่ในสมอง ปล่อยร่างกายผ่อนคลายสบายๆ อยู่สักพักก่อนลืมตาขึ้นมองไปยังความมืดมิดสุดสายตาของท้องทะเล
“คิดอะไรอยู่รึเปล่าครับ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นเธอนั่งเหม่อมองออกไปไกล
“เปล่าค่ะ เพียงแต่รับลมเย็นๆ ที่เข้ามาเท่านั้น” หันกลับมายิ้มตอบน้ำเสียงสดใส
“เดย์มาทะเลบ่อยมั้ยครับ ผมรู้สึกว่าคุณจะชอบทะเลนะ” เขาชวนคุยต่อ
“ก็ไม่บ่อยหรอกค่ะ ตามแต่โอกาสมากกว่า ส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานที่ออกต่างจังหวัดแบบนี้ละค่ะ” ตอบยิ้มละไมออกเขินนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าเขาจะดูถูกมั้ยที่เธอไม่ค่อยจะได้เที่ยวตามที่ใจอยาก แต่เที่ยวตามโอกาสมากกว่า
“แล้วส่วนใหญ่มาเที่ยวกับใครครับ” ชายหนุ่มถามต่ออย่างอยากรู้ ซึ่งหญิงสาวเองก็ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องที่ต้องปกปิดจึงตอบออกไปตรงๆ
“ส่วนใหญ่ไม่ได้มาเที่ยวหรอกค่ะ มาทำงานมากกว่า แต่ถ้าจะมีคนมาด้วยก็คงเป็นพี่แหววละค่ะ รายนั้นชอบทานอาหารทะเลสุดๆ มากันแบบนี้ก็นึกถึงพี่แหววเลย ถ้าพี่แหววมาด้วยตอนนี้อาหารคงเต็มโต๊ะแล้วละค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ พร้อมกับนึกถึงพี่สาวคนสนิทก็นึกขำ
“หรอครับ แล้วเดย์อยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย” เขาก็ขันตามเพราะไม่คิดว่าพี่แหววช่างแต่งหน้าคนเก่งจะเป็นคนที่ทานเก่งด้วย เพราะเห็นหุ่นของเธอนั้นออกจะผอมเพรียวเสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่นั่งกันได้สักพัก พนักงานก็เอาเมนูมาให้เลือก และเนื่องจากวันนี้มีลูกค้ามากทำให้การบริการค่อยข้างล่าช้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้สองหนุ่มสาวหงุดหงิดสักเท่าไรเพราะถึงแม้จะหิวแต่ก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร สองคนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ รออาหารมาเสิร์ฟ และพออาหารที่สั่งไปมาส่งก็นั่งทานกันไปเรื่อยๆ โดยที่ชายหนุ่มก็คอยบริการตักอาหารให้บ้างแต่ไม่ออกนอกหน้าจนน่าเกลียดอะไร ซึ่งตรงนี้ทำให้ร่างบางไม่เกิดการเคอะเขินหรือเกรงใจมากเกินไป บรรยากาศระหว่างการทานอาหารเป็นไปด้วยดี แต่มีความสุขมากสำหรับชายหนุ่มที่พยายามหาโอกาสทำคะแนนกับเธอเป็นการส่วนตัว และวันนี้เขาก็ถือว่าเขาทำสำเร็จที่ทำให้ร่างบางตรงหน้าสะลัดความเป็นทางการกับเขาไปได้ส่วนหนึ่ง
แต่สิ่งที่อยากได้ยินจากปากของเธอนั้นคือการเอื้อนเอ่ยคำนำหน้าชื่อของเขาว่า พี่ เหมือนกับที่เรียกไอ้เพื่อนสุดที่รักทั้งสองที่เปิดโอกาสให้เขาได้ใกล้ชิดเธอ แต่เชื่อว่าคงต้องใช้เวลา เพราะเขาก็ยังถือว่าเป็นคนอื่นที่ห่างไกลกับเธออยู่ ไม่เหมือนเอ็มที่มีศักดิ์เป็นพี่ชาย และทีซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ นึกแล้วก็ขำเพื่อนทั้งสองคนเหมือนกัน แต่เพราะดูแล้วเพื่อนทั้งสองคนมีความสุข เขาก็โอเคเสมอ และเพราะชายหนุ่มกำลังนึกถึงเพื่อนทั้งสองจึงเผลอยิ้มออกมาทำให้ร่างบางตรงหน้าถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ
“คุณเอสขำอะไรค่ะ”
“ผมขำเพื่อนผมนะครับ” ตอบตรงๆ ไม่ได้ปิดบัง ซึ่งเรียกใบหน้าฉงนอย่างน่ารักจากเธอ “คือ ผมนึกถึงไอ้ทีกับไอ้เอ็มนะครับ เป็นเพื่อนกันมาก็ตั้งนาน ไอ้ไอเพื่อนผมอีกคนตอนเรียนอยู่ก็พยายามสร้างสถานการณ์ให้มันสองคนได้มีโอกาสรักกัน จริงๆ คือจะแกล้งมันเล่นๆ นะครับไม่ได้จริงจังอะไร แต่ไม่เห็นจะสำเร็จ ไปๆ มาๆ พอไอ้ไอไม่อยู่ มันสองคนกลับรักกันชนิดทิ้งกันไม่ลงซะงั้น”
“คุณไอนี่ ใช้คุณไอรินธรรึเปล่าค่ะ” ชายหนุ่มสงสัยทำไมเธอถึงรู้จักกับไอ้เพื่อนคนนี้ของเขาได้ หรือว่า
“ใช่ครับ เดย์รู้จักหรอครับ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ไม่เคยเจอกันจริงๆ สักครั้ง พอดีไม่รู้ยังไง ช่วงก่อนหน้านี้พี่เอ็มเป็นอะไรไม่รู้พูดเรื่องเพื่อนคนนี้ให้เดย์ฟังบ่อยๆ”
เธอตอบสบายๆ เหมือนเล่าให้กันฟังเสียมากกว่า แต่ชายหนุ่มนี่สิ ใบหน้านั้นยิ้มให้เธอที่อยู่ตรงหน้าก่อนแต่ในใจนั้นยิ้มไม่ออกเพราะงานนี้ถ้าชายหนุ่มเดาไม่ผิดและถ้ามันเป็นอย่างที่เขาเดานะ เพื่อนเอ็มตัวดีมีเรื่องต้องเคลียร์กันแน่
“หรอครับ ทำนองไหนหรอครับ”
“คือเหมือนมาเล่าให้ฟังมากกว่าว่าเขาเป็นคนยังไงแล้วก็ถามเดย์ว่าเดย์คิดยังไง ประมาณนั้นละค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ สบายๆ
“แล้วเดย์คิดยังไงครับ” ด้วยปากไวและเสียงออกจริงจัง แต่เพราะชายหนุ่มก็อยากรู้จริงๆ และจากคำถามนี้ทำให้หญิงสาวตรงหน้ามองเขาก่อนยิ้มขำนิดๆ แล้วตอบออกมาอย่างเกรงใจ
“เดย์ไม่คิดยังไงค่ะ เพราะเดย์ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวนิค่ะ ขอโนคอมเมนท์ดีกว่า” เธอตอบซื่อๆ แววตาปกติมองตรงมาที่ชายหนุ่ม ซึ่งนั่นทำให้เขาเบาใจ แต่งานนี้มีได้กลับไปโวยเพื่อนรักสุดแสบที่มันแอบลุ้นเพื่อนอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเขาให้กับคนสวยตรงหน้านี้
ทั้งสองทานอาหารเสร็จ ชายหนุ่มสั่งของหวานปิดท้ายให้หญิงสาวเป็นไอศกรีมกะทิธรรมดาของร้านมาให้ และเธอก็ทานอย่างเต็มใจ จากนั้นจึงสั่งเคลียร์ค่าอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นการแชร์กันจ่ายเพราะหญิงสาวไม่ยอมให้เขาออกค่าอาหารเครื่องดื่มทั้งหมด ซึ่งตอนแรกชายหนุ่มเสนอจะจ่ายเอง และด้วยกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนไปเนื่องด้วยการพูดคุยกันมาสักระยะนั้นทำให้รู้ว่าเธอตรงหน้านี้ไม่ชอบเอาเปรียบใคร ดังนั้นอาหารมื้อนี้จึงแชร์กันออกนั่นเอง จากนั้นทั้งสองจึงได้ไปเดินเที่ยวทอดน่องกันริมหาดสักเล็กน้อยก่อนกลับที่พักกัน
ช่วงที่เดินตรงถนนริมหาดทั้งสองเดินคุยกันไปเรื่อยๆ เรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องทั่วไปที่คนเป็นเพื่อนเขาคุยกัน ชายหนุ่มยังไม่อยากแสดงออกชัดเจนจนหญิงสาวเป็นฝ่ายประหม่าและถอยห่างไป อยากให้ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงคนที่ผ่านๆ มา ชายหนุ่มจะทำความรู้จักกันไม่ถึงวันก็นอนด้วยกันแล้ว และจากนั้นความสัมพันธ์ก็จะจบลงโดยให้สิ่งตอบแทนที่เขานั้นให้เป็นสิ่งที่เธอเหล่านั้นพอใจแต่ต้องไม่ผูกมัดเขาไว้ด้วย
“เดย์ว่าเรากลับกันดีกว่านะค่ะ นี่กว่าจะถึงที่พักคงดึกแล้ว คุณเอสก็คงอยากพักผ่อนด้วย” เธอพูดขึ้นหลังจากที่เดินกันมาได้สักพักแล้วเราก็มานั่งพักกันตรงบริเวณศาลาไทยของหาดสมิหลามองออกไปทางทะเลจะเห็นรูปปั้นนางเงือกซึ่งเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวแวะถ่ายรูปกันมากมาย
“ครับ” ชายหนุ่มตอบตกลงอย่างง่ายดาย ไม่ใช่ว่าไม่เสียดายเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันกับเธอเพียงสองคน แต่ว่า ทุกสิ่งต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะเธอคือตัวจริงที่ร่างสูงตั้งใจแล้วว่าจะต้องได้เธอมาทั้งตัว หัวใจ และเธอเองก็พร้อมที่จะมอบให้เขาอย่างเต็มใจด้วย เขาตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ
“แต่ก่อนกลับเราไปถ่ายรูปตรงรูปปั้นนางเงือกหน่อยดีมั้ยครับ” ชายหนุ่มเสนอ
“คุณเอสอยากถ่ายหรอค่ะ งั้นเดย์เป็นตากล้องให้นะ” เธอพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนเดินนำร่างสูงไปตรงบริเวณรูปปั้นนางเงือก จากนั้นก็ให้ร่างสูงเดินไปที่รูปปั้น ร่างบางพยายามหามุมที่จะถ่ายรูปให้ในที่ที่เธอพอใจจากนั้นก็ถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน
“ผมอยากให้เราสองคนมีรูปที่ระลึกที่มาเที่ยวด้วยกันนะครับ”
“เอ่อ ไม่ดีมั้งค่ะ” เธอพูดเหมือนคิดอะไรในใจก่อนตอบปฏิเสธออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ “ไม่ดีกว่าค่ะ เดย์ถ่ายให้คุณเอสก็พอแล้ว” เธอยิ้มน่ารักก่อนกดถ่ายรูปให้ร่างสูงที่เป็นนายแบบยิ้มเท่ห์ให้กับเธอ แต่เธอคงคิดว่าเขานั้นยิ้มให้กล้องเสียมากกว่า และเธอก็ดูจะตั้งใจถ่ายรูปให้เขามากเสียด้วยทำให้เขามองเธออย่างเอ็นดู
“นะครับ ให้เกียริต์ผมหน่อยถือเป็นที่ระลึกที่มาเที่ยวกันนะครับ” เขาพูดอ้อนๆ ทำให้เธอนึกเขินขึ้นมากับน้ำเสียงอ้อนๆ ของเขา และไม่ทันที่จะได้ปฏิเสธร่างสูงก็ไหว้วานคนที่กำลังจะเดินผ่านไปให้มาช่วยถ่ายรูปให้ ซึ่งร่างบางก็ขัดไม่ทันจึงต้องยอมเดินเขาไปเคียงข้างแล้วปล่อยให้คนที่ถูกร่างสูงไหว้วานถ่ายรูปให้
“ไม่ถอดแว่นหน่อยครับคุณ”
“เอ่อ”
“คงไม่เป็นไรมั้งครับ แค่รูปเดียวเอง”
และเพราะความใจอ่อน ร่างบางจึงยอมถอดออกทำให้ผู้คนที่อยู่แถวๆ นั้นได้เห็นใบหน้าจริงๆ ของเธอเลยทำให้เกิดเรื่องขึ้น จากการที่ตั้งใจว่าถ่ายรูปเสร็จจะกลับกันเลยกลับต้องมายืนแจกลายเซ็นให้กับบรรดาแฟนคลับที่มาขอลายเซ็นกันขโหยงหนึ่งได้ และด้วยความที่แต่ละคนก็อยากใกล้ชิดดาราเลยทำให้ร่างบางต้องถอยตลอดเพราะการเบียด และมีจังหวะหนึ่งที่เธอถอยแล้วเหยียบโขดหินเล็กๆ แล้วเกือบล้ม ดีที่ร่างสูงที่อยู่ข้างหลังเธอตลอดช่วยประคองไว้ได้ ตอนแรกที่หน้าเสียกลัวจะล้มลงไปกระแทกเพราะข้างหลังเธอนั้นมีแต่โขดหินเต็มไปหมด
“ขอบคุณนะค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณเขาจากนั้นจึงขออนุญาตบรรดาแฟนคลับค่อยๆ ถอยออกจากสถานที่อย่างสุภาพและรวดเร็วที่สุด และเป็นจังหวะที่ร่างสูงมองเห็นแท็กซี่ขับผ่านพอดีจึงเรียกให้หยุด และพอรถหยุดเขาก็ขับร่างบางเข้าไปนั่งในรถทันทีก่อนวิ่งไปอีกด้านขึ้นไปนั่งแล้วปิดประตูสั่งให้คนขับออกรถทันที
“ไปไหนครับ”
“แหลมสนอ่อนครับ เดย์เป็นยังไงบ้างครับ” หันกลับมาถามร่างบางข้างๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ” ตอบแล้วยิ้มให้ร่างสูงข้างๆ แต่ดูเหมือนเธอยังใจเสียอยู่ “ขอโทษด้วยนะค่ะ ทำให้หมดสนุกเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”
“เดี๋ยวถึงที่พักแล้วผมไปส่งนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดย์เกรงใจ”
“ไม่เป็นไรครับ อย่าลืมสิว่าวันนี้เราเที่ยวด้วยกันนะ”
“ค่ะ”
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก แต่ร่างสูงนั้นสังเกตว่าใบหน้าสวยไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรจนกระทั่งรถแล่นเข้ามาในส่วนของบังกะโลที่พัก จ่ายค่าโดยสารแล้วทั้งสองก็ลงจากรถ แต่ในจังหวะที่เดินลงมานั้นร่างบางกลับรู้สึกก้าวขาไม่ออก แต่ก็ฝืนลงมาจนได้
“ไปครับ” ร่างสูงชวนเพื่อจะเดินไปส่ง แต่ดูเหมือนร่างบางจะอ้อยอิ่งอยู่ แต่ก็ตอบรับ
“ค่ะ”
แต่พอก้าวขาออกไปเท่านั้นทำให้เธอรู้ว่าเจ็บจริงๆ และพอมองลงไปข้างล่างจึงเป็นว่ามีรอยเลือดไหลออกมาจากข้อเท้าเล็กน้อย ซึ่งแผลนั้นเป็นเหมือนรอยบาดเป็นทางยาวพอสมควรทำให้เธอรู้แน่ชัดแล้วว่าตัวเองถึงแม้จะไม่ล้ม แต่โดนโขดหินแหลมบาดเข้าให้
“เดย์” ร่างสูงของชายหนุ่มก้มลงไปมองที่ขอเท้าและเห็นเลือดจึงตกใจมากเข้ามาประคองร่างบางทันที
“ขอโทษค่ะ เดย์ไม่คิดว่าเลือดมันจะออกเยอะขนาดนี้ แค่รู้สึกแสบๆ นิดเดียวเท่านั้น” เธอแก้ตัวหลังจากเห็นสายตาตำหนิจากร่างสูงข้างๆ
“คราวหลังเป็นอะไรต้องบอกนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ แล้วเดินไหวมั้ยครับ”
“ไหวค่ะ” ร่างบางตอบ
ร่างสูงประคองพาเธอเดินต่อเพื่อจะตรงไปที่พัก ระหว่างทางเจอกับเพื่อนทั้งสองที่เพิ่งกลับมาเหมือนกันทำให้เข้ามาช่วยกันดูอีกที ชายหนุ่มทั้งสามพาร่างบางตรงมาที่ห้องพักของสองหนุ่มก่อนเพราะทีบอกว่าต้องทำแผลก่อน และเขาก็ทำแผลเป็นรวมถึงมีอุปกรณ์มาพร้อมด้วย
“ไหวมั้ยเดย์” เอ็มถามอย่างเป็นห่วง
“สบายค่ะพี่เอ็ม แผลแค่นี้เอง ตอบขอบคุณคุณเอสนะค่ะที่คอยดูแล”
“ไม่เป็นไรครับ ก็เราเที่ยวด้วยกันนิ อีกอย่างที่เดย์เป็นแบบนี้เพราะผมดูแลคุณไม่ดีต่างหาก”
“ไม่ใช่ความผิดใครหรอกค่ะ แค่อุบัติเหตุน่ะ มันเกิดขึ้นได้เสมอ” ร่างบางบอกยิ้มๆ ก่อนหันกลับไปมองแผลของตัวเองที่ตอนนี้ทีกำลังล้างแผลให้
“กินยากันไว้ด้วยนะเดย์” เอ็มเตือน
“ค่ะ”
“ยาอะไร” เอสถามอย่างแปลกใจ
“ก็ยาแก้แพ้อากาศทั่วไปนั่นแหละ เดย์เขาเป็นพวกแปลกที่แล้วจะป่วยง่ายน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวทานเลยแล้วกันนะครับ ของผมมี” เอสเสนอ
“ขอบคุณค่ะ” แล้วร่างบางก็ตอบรับอย่างเต็มใจเขาจึงเดินไปที่กระเป๋าตัวเองที่แม่บ้านได้เตรียมยาฉุกเฉินทั่วไปไว้ให้เรียบร้อยมาให้ร่างบ้างที่นั่งอยู่ปลายเตียงของเขา
พอทำแผลเสร็จแล้วเอสเป็นคนเดินไปส่งร่างบางที่บังกะโลหลังที่ร่างบางพักกับแหวว และพอถึงที่พักแล้วแหววเห็นสภาพน้องสาวก็ตกใจซักไซ้ไล่เรียงกันสักพักแล้วจึงปล่อยให้ชายหนุ่มกลับที่พักของตัวเองไป แล้วแหววก็เป็นคนดูแลเดย์ต่อ
“พรุ่งนี้บวมแน่ๆ” แหววว่าหลังจากที่ร่างบางนั่งลงที่ปลายเตียงแล้ว
“ใช่ แต่ไม่เป็นไร เดย์จะพยายามไม่ให้กระทบกับงานค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ ก่อนขอตัวเข้าอาบน้ำล้างตัวและไม่ลืมที่จะกันแผลไม่ให้โดนน้ำโดยการหุ้มข้อเท้าข้างที่เจ็บด้วยถุงพลาสติกก่อน
หลังจากจัดการตัวเองเสร็จแล้วร่างบางเดินตรงมาที่เตียงของตัวเองทันทีแล้วล้มตัวลงนอน โดยมีแหววมองอยู่ตลอด ก่อนเอ่ยให้ร่างบางรีบพักผ่อน
“พักผ่อนเยอะๆ นะค่ะ ส่วนเรื่องเที่ยววันนี้เดี๋ยวพี่ซักอีกทีวันหลัง” เธอว่ายิ้มๆ ก่อนเดินไปปิดไฟโดยไม่ลืมที่จะเปิดไฟหัวเตียงไว้ก่อน
ทางด้านเอส พอกลับถึงที่พักก็เดินไปลากเพื่อนตัวแสบมาซักเพราะเขาคาใจมากว่าทำไมถึงลุ้นเพื่อนสนิทอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ให้หญิงสาวที่เขาหมายปอง
“มานี่เลยไอ้เอ็ม แกกับฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
“อะไร” ถามกลับไม่พอใจนักเพราะเอสดันเข้ามาตอนที่เขากำลังเล่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับคนรักอยู่
“แกลุ้นไอ้ไอให้เดย์เขาหรอ” ถามตรงๆ
“ใช่!” ตอบตรงๆ
“ทำไม”
“ก็เพราะฉันคิดว่าไอ้ไอเหมาะสม”
“แล้วฉันไม่เหมาะสมตรงไหน”
“ก็หลายอย่าง” ตอบตรงหน้าซื่อ
“อะไรว่าไป”
“อย่าให้จาระไนเลยเอส จี๊ดใจเปล่าๆ” แทนที่จะเป็นเอ็มตอบกลับเป็นทีที่ตอบกลับมาอย่างกลั้นขำ
“ไอ้ที นี่แกเข้าข้างผัวใช่มั้ย”
“ใช่! ก็มันเป็นผัว” ไม่ว่าเปล่า ทีเข้ามากอดคนรักจากทางด้านหลังโดยโอบคล้องไหล่กว้างของคนรักแล้วส่งยิ้มยั่วโมโหมาให้เพื่อน
“เอ่อ กูยอมแพ้ก็ได้วะ” เขาย้อมแพ้เพราะเถียงสู้เพื่อนสองคนนี้ไม่ได้แน่ลองมันได้เห็นพ้องต้องกันแล้ว
“เอ่อ! ดี กูจะได้สบายใจที่เสืออย่างมึงจะไม่เข้าใกล้น้องกู”
“มึงเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าวะเอ็ม”
“ก็มึงบอกยอมแพ้”
“กูยอมแพ้ไม่เถียงพวกมึง เพราะถึงกูเถียงยังไงก็สู้มึงสองคนไม่ได้ไง กูมีปากเดียว แต่พวกมึงรวมกันก็มีสองปาก”
“ถึงกูคนใดคนหนึ่งเถียงกับมึง ก็ยังชนะอยู่ดี ถ้าจะให้เถียงเรื่องความเหมาะสมกับมึง” เอ็มบอกอย่างลองดี
“เอ่อ แต่เรื่องเดย์ กูไม่ยอมแพ้แน่ ถึงแม้ว่ามึงจะไม่ช่วยกู”
“หรอ” เป็นทีที่ถามขึ้นมาอย่างล้อเลียน
“เอ่อ”
“แล้วมึงจะทำยังไง”
“กูมีวิธีของกูก็แล้วกัน”
“งั้นกูก็ไม่จำเป็นต้องสร้างโอกาสให้มึงแล้วใช่มั้ย” เอ็มถามอย่างขำๆ กับท่าทีของเพื่อนที่ดูอึกอัก
“ลองมึงไม่ช่วยสิ กูฉุด!”
“กล้าหรอ” เอ็มถามอย่างเหนือกว่าเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนเขาคนนี้ได้หลงรักน้องสาวเขาเข้าไปจนเต็มหัวใจแล้ว และคงไม่กล้าทำอะไรที่จะทำส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์ในอนาคตอย่างแน่นอน
“ไม่กล้าอ่ะ” เอสทำทีฮึดฮัดในตอนแรก แต่ก็ตอบเสียงอ่อยแผ่วตรงปลาย เพราะเขากลัวร่างบางเกลียดนั่นเอง
คำตอบนั้นทำให้คู่รักทั้งสองหัวเราะขำขัน เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนรักคนนี้สิ้นลายเลยสักครั้ง ตั้งแต่คบกันมา และนึกดีใจไปกับเพื่อนเหมือนกันที่ได้เจอกับคนที่รักจริงๆ เสียที
“แล้ววันนี้เป็นไง” ทีถามขึ้น
“ก็ดี ได้รู้จักเขามากขึ้น”
“ดีมากเลยสิท่า ยิ้มไม่หุบเลยนิ” ถามอย่างรู้ทัน
“เอ่อ ดีมากถึงมากที่สุด 3 ชั่วโมง 49 นาที ที่เราได้เที่ยวด้วยกัน แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าเราได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”
“เน่าละ” ทีแซว
“อย่าแซว เป็นมึงถ้ากูถามว่าอยากอยู่กับไอ้เอ็มนานแค่ไหน คำตอบมึงก็คงเน่าพอๆ กับกูนั่นแหละ อย่ามาแถ”
“ลองคำตอบไม่เน่าสิ คืนนี้เจอดีแน่” เอ็มมองคนรักแบบคาดโทษ
“อะไรอ่ะ อยู่ข้างเดียวกันนะ” ทีว่างอนๆ กับคำขู่ของคนรัก
“เฮ่ย! เกรงใจกันบ้าง กูยังอยู่”
“แล้วมึงไม่ไปสักทีละ” เอ็มถามตรงๆ
“โว๊ะ ไอ้นี่ก็นี่ที่กู”
“วันนี้ที่นี่ไม่ใช่ที่ของมึง” เอ็มตอบชัดเจนพร้อมมองอย่างคาดคั้น
“เอ่อ! ไปก็ได้” สุดท้ายเป็นเอสที่ต้องออกไปหาที่พักใหม่ แต่ก็อยู่ในโซนของที่พักเดิมนั่นเอง โชคดีที่มีลูกค้าเช็คเอาท์ออกไป ไม่งั้นเขาคงได้ไปเช่าโรงแรมข้างๆ อยู่เป็นแน่ เขาไปแต่ตัวส่วนข้าวของไม่ได้เอาไปด้วยเพราะขี้เกียจขน อีกอย่างก็แค่ไปนอนเท่านั้นเอง
つづく.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ