ลุ้นรัก...นางร้ายเจ้าเสน่ห์
-
เขียนโดย ploynin
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.55 น.
18 ตอน
1 วิจารณ์
21.00K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 20.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) เรื่องลำบากใจ(จบตอน)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเราออกเดินทางกันมาได้เกือบ 4 ชั่วโมงแล้ว หลังจากที่แวะพักหนึ่งครั้งแถวราชบุรีเพื่อทานอาหารเช้ากัน และตอนนี้ก็ขอพักอีกครั้งที่ปั้มน้ำมันข้างทางเพื่อเข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อยก่อนที่เราจะยิงยาวไปจนถึงชุมพร แล้วแวะทานข้าวเที่ยงประมาณบ่ายโมง แล้วจะต่อไปให้ถึงที่พักที่สงขลาเลย นี่เป็นโปรแกรมการเดินทาง ซึ่งคนที่นั่งมาด้วยกันในรถก็เตรียมอุปกรณ์กันมาพร้อม นั่นคือผ้าปิดตา เพราะกะจะนอนกันยาวเลยเนื่องจากว่า ถ้าถึงที่หมายแล้วฝ่ายฉากต้องเริ่มทำงานกันทันที
ฉันมองทุกคนแล้วทำให้รู้สึกคึกคักขึ้นมา เพราะนอกจากไปทำงานกันแล้ว แต่ละคนก็เตรียมพร็อพกันมาพร้อมเพื่อการท่องเที่ยวในวันสุดท้ายที่จะปล่อยผีให้เที่ยวกันตามใจก่อนที่รถกองถ่ายจะกลับในอีกสองวันให้หลังจากถ่ายทำเสร็จ ส่วนผู้กำกับของเรื่องเขาจะบินตรงกลับไปทำงานต่อที่บริษัทเลย
ฉันเองก็เหมือนกัน กะจะพักผ่อนให้สบายสักสองวันที่เขาปล่อยให้เที่ยว เพราะเหนื่อยกับการทำงานมาตลอด ถือว่าพักผ่อนตุนไว้สำหรับรับงานแบบมารธอนครั้งต่อไป
Trr… เสียงเรียกเข้าในขณะที่ฉันเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปที่รถตู้เพื่อเดินทางต่อ
ฉันกดรับทันทีเพราะหลังจากเปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้วมีไม่กี่คนที่รู้ และคนที่รู้ส่วนใหญ่มักไม่โทรหาหากไม่จำเป็น แต่คงยกเว้นหนึ่งคนก็คนนี้แหละ
“จ้า ว่าไง”
“พี่เดย์ อย่าลืมของฝากไนท์นะ ไนท์อยากได้ข้าวเกรียบกุ้งกับข้าวเกรียบปลา แล้วก็มะม่วงเบาแช่อิ่มด้วยนะครับ ขอบคุณ”
“ดักทางกันไว้เลยนะ ไม่ให้ปฏิเสธได้เลย”
“แน่ละ ก็ไนท์อยากกินนิ”
“จ้า ถ้ายังไงไนท์โทรมาเตือนพี่วันก่อนกลับแล้วกันนะ รู้ใช่มั้ย”
“คร๊าบ เห็นในปฏิทินงานของพี่เดย์แล้วหละ งั้นไนท์ไม่กวนแล้วครับ บายนะครับพี่สาวสุดสวย”
“จ้า” รับคำก่อนกดวางสาย นึกแล้วก็ให้นึกขำ ไนท์ดูจะตื่นเต้นกว่าฉันเสียอีกกับการออกต่างจังหวัดครั้งนี้ สงสัยของฝากคงลืมไม่ได้แน่ๆ ไม่งั้นคงได้งอนกันยาว พอวางสายจากน้องรักเสร็จก็ก้าวขึ้นรถกลับไปประจำตำแหน่งนั่นคือที่นั่งด้านหลัง ซึ่งฉันนั่งกันอยู่สองคนกับพี่แหววและอุปกรณ์แต่งหน้าทั้งหมดที่ต้องใช้
“ใครกันจ๊ะ วางสายแล้วยิ้มๆ แบบนี้อาจมีเฮนะนี่” พี่แหววแซวขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่ใครหรอกค่ะ ก็ขาประจำแหละ”
“น้องไนท์หรอ”
“ค่ะ”
“พูดถึงน้องไนท์ เมื่อไหร่จะมาช่วยงานพี่ล่ะ นี่รออยู่นะเนี๊ยะ ถ้าได้ลูกชายเจ้าสัวชัยบดินทร์เกียรติมาร่วมงานสักงานนะ พี่ว่าแจ่มเลยหละ”
“เห็นว่าอีกสักพักนะค่ะ ช่วงนี้เตรียมสอบอยู่”
“หรอ อืม โอเค รอได้เสมอจ้า” พี่เขาขานเสียงผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็ยังเห็นแววตามีความหวังกับการรอคอยอยู่
พี่แหววรู้จักไนท์ในฐานะน้องชายโดยสายเลือดของฉัน เพราะฉันไม่ได้ปิดบังอะไรกับพี่แหวว แต่อาจจะมีอีกคนหนึ่งที่รู้คือพี่เอ็ม แต่รายนั้นเราจะไม่ใกล้กันมากเพราะกลัวเป็นข่าว อีกอย่างพี่เอ็มเขารักแฟนเขามากเห็นว่าเป็นคนขี้หึงสุดๆ หากมีข่าวในเชิงชู้สาวกับฉันขึ้นมาอาจทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีปัญหาได้ ดังนั้นฉันจึงตัดปัญหาโดยการไม่เข้าไปก้าวก่ายหากไม่จำเป็น แต่เราก็พูดคุยกันแบบเพื่อนร่วมงานทั่วไป ไม่ได้มึนตึงหรือเคร่งครัดกับการรักษาระยะห่างกันเท่าไร
ความจริงฉันก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าใครกันที่เป็นคนมัดใจพี่ชายคนนี้ของฉันได้ เขาจะเป็นคนแบบไหนกันนะ คงเพอร์เฟกมากแน่ๆ เพราะพี่เอ็มเขาเป็นคนค่อนข้างออกจู้จี้หน่อยๆ หากเห็นว่าสิ่งนั้นมันยังดีไม่พอกับศักยภาพ
Trr… เบอร์ไม่คุ้นเลย Trr… Trr… ฉันปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอีกสองครั้งอย่างชั่งใจเพราะตอนนี้ก็เริ่มมีคนอื่นๆ ขึ้นมาบนรถแล้วก็กลัวว่าเสียงเรียกเข้าจะไปรบกวนเขา จึงตัดสินใจกดรับสาย
“สวัสดีครับคุณเดย์ใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ” ปลายสายเสียงคุ้นๆ นะ
“ผมกิตติภพนะครับ”
“อ๋อ ค่ะ เดย์นึกว่าใคร”
“พอดีผมโทรไปหาพี่ฑริกา พี่เขาให้เบอร์คุณเดย์กับผมมา เห็นบอกว่าจะมาทำงานที่สงขลาพี่เขาเลยฝากให้ผมช่วยเทคแคร์คุณเดย์น่ะครับ”
“อ๋อ ค่ะ พอดีฉันโทรไปแจ้งเรื่องวันส่งต้นฉบับแปลกับพี่บุญฑริกนะค่ะ”
“ครับพี่เขาเลยบอกผมว่า ต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีพาคุณเดย์เที่ยวเมืองใต้ให้ได้”
“ค่ะ ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าเลยนะค่ะ แล้วคงต้องขอรบกวนด้วยจริงๆ”
“ยินดีครับ นี่ยัยกุ๊กไก่ก็เตรียมเคลียร์การบ้านของตัวเองเป็นการใหญ่ ปกติไม่เคยนะครับของบอก” ประโยคหลังนี้แอบกระซิบ สงสัยเพื่อนตัวน้อยต่างวัยจะอยู่แถวๆ นั้นแน่ๆ เลย “บอกว่าเสาร์-อาทิตย์นี้จะพาเพื่อนเที่ยวให้ฉ่ำปอดเลย”
“หรอค่ะ ดีใจจัง”
“ครับงั้นเจอกันนะครับ คุณเดย์มาถึงแล้วโทรหาผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
“ขอบคุณนะค่ะ”
“แล้วเจอกันครับ”
ฉันกดวางสายเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียคุณกิตติภพคงไม่ยอมกดวางก่อนอย่างแน่นอน เพราะเคยโทรคุยกันครั้งหนึ่งแล้วตอนนั้นพาน้องกุ๊กไก่มาที่กองถ่ายครั้งก่อน
“อั้น! แน่! แล้วคนนี้ละ” พี่แหววก็แซวตามเคย
“เพื่อนค่ะ คุณกิตติภพ โทรมาบอกว่าจะเป็นไกด์นำเที่ยวเมืองใต้ให้ ดีใจมั้ยค่ะพี่แหวว เราสองคนจะไม่ได้เป็นยัยเด๋อกับยัยเอ๋อกันอยู่กลางตลาดแล้วนะ” ฉันแซวพี่สาวคนนี้เพราะรู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เราตั้งใจจะเที่ยวเมืองที่ไม่คุ้นเคยกันเราต้องซื้อแผนที่แล้วก็ไปตามแผนที่นั้น แล้วก็รู้อยู่ว่าบางทีแผนที่กับที่ที่จะไปมันสัมพันธ์กันก็จริง แต่วิธีที่จะไปละ ส่วนใหญ่เราก็จะเป็นยัยเด๋อ กับยัยเอ๋อสองพี่น้องเสียมากกว่า แล้วก็กว่าจะถึงที่หมายก็กลายเป็นว่าไม่ได้เที่ยวกัน แล้วต้องถือเสียว่าระหว่างทางสองข้างที่ผ่านมานั่นแหละคือวิวที่ได้ยลโฉมกันและถือเป็นการเที่ยวแล้ว นึกแล้วก็ขำได้ตลอด
“จริงหรอ ดีจริงๆ เลย มีสารถีนำเที่ยวแบบนี้พี่จะเที่ยวให้ฉ่ำปอดเลยคอยดู”
“นั่นสิค่ะ พอถึงที่พักเราเอาแผนที่มากางกันเลยนะพี่แหววว่าเราจะไปไหนกันบ้าง” ฉันตื่นเต้นกับการจะได้ออกเที่ยวครั้งนี้มาก ซึ่งพี่แหววเองก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน ตกลงเอ่อออกันเสร็จสรรพก่อนจะยกผ้าปิดตาเตรียมเข้านอนกันหลังจากที่เห็นว่าคนขึ้นรถมาเกือบครบแล้ว แต่ก่อนที่จะได้ปิดตานอนกันนั้นก็ได้ยินเสียงโชว์เฟอร์สำรองโวยขึ้นมาหลังจากที่เห็นของที่แต่ละคนที่แวะเซเว่นในปั้มขนกันมา
“คุณลูกช้าง นี่คุณจะเปลี่ยนจากลูกช้างเป็นพ่อแม่ช้างแล้วหรือไงครับนี่ซื้อของกินมาเยอะขนาดนี้”
“นี่ลุงพัน นี่ของกินขนมพวกนี้ลูกช้างซื้อมาให้ทุกคนนะค่ะ”
“ครับผมเข้าใจ แล้วจะเอาไปยังไงหมดละนี่”
“เอ่อ พอดีลูกช้างเห็นอะไรมันก็น่าอร่อยไปหมด ก็เลยซื้อมาอย่างละนิดละหน่อยน่ะค่ะ” พูดอายๆ แต่ไม่คิดที่จะปล่อยวางอะไรไว้สักอัน
“แล้วอย่างนี้จะใส่ยังไงละครับคุณ มันเท่ากับที่นั่งของคนๆ หนึ่งเลยนะ”
“โถ่! ลุงก็ ขนมแค่นี้เอง นั่งเบียดๆ กินๆ กันไปเรื่อยๆ แปล๊บเดียวเดี๋ยวก็หมดแล้วค่ะ”
“งั้นคุณลูกช้างก็อยู่กินไอ้ของพวกนี้ที่นี่ก่อนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมออกรถกันไปก่อน”
“ได้ไง แล้วลูกชายจะไปถูกหรอ ไม่ใช่บ้านช่องห้องหอที่คุ้นเคยนะค่ะ”
“แล้วอย่างนี้จะเอายังไงละ ของเยอะขนาดนี้น่ะ”
ทุกคนมองสองคนพูดคุยรวมถึงมองข้าวของที่คุณลูกช้างเธอซื้อมาแล้วก็ลงความเห็นว่าไปต่อไม่ได้แน่ๆ ถ้าจะเอาของพวกนี้ไปด้วย สองคนเถียงกันอย่างหาทางออกไม่เจอ ก่อนจะมีสปอร์ตคาร์สีดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดข้างๆ พร้อมบีบแตรทักทายก่อนลงจากรถมาทักทาย
“สวัสดีครับทุกคน ดีใจจังที่เจอพอดีเห็นแว๊บๆ แต่ไกลเลยเสี่ยงเข้ามา โชคดีจังที่ใช่”
“คุณเอส!” ทุกคนที่อยู่ในรถต่างขานชื่อผู้มาใหม่ยกเว้นเดย์กับแหววที่ตอนนี้ตัดขาดการติดต่อกับโลกภายนอกแล้วเพราะต้องการจะเข้าเฝ้าพระอินทร์ แต่พอได้ยินทุกคนในรถขานชื่อทำให้แหววเปิดผ้าปิดตาออกมามองก็เห็นเป็นชายหนุ่มเจ้าของชื่อจริงๆ
“อ้าว! คุณเอสไปไงมาไงค่ะ ถึงได้มาเจอกันตรงนี้ได้” แหววทักเสียงใสในขณะที่ทีมงานอื่นๆ ไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยสนิทกันเนื่องจากตอนอยู่ในกองถ่ายชายหนุ่มไม่ค่อยจะคุยกับใครนัก
“มารถยนต์ส่วนตัวครับ”
“กับใครเอ่ย.. น้องเกรทหรือเปล่า” ถามล้อๆ
“เปล่าครับ มาคนเดียว”
“หือ!” เป็นเสียงแสดงความไม่อยากจะเชื่อของทุกคน แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม ก็คงมีแต่แหววเพียงคนเดียวเท่านั้น
“หรอค่ะ ก็ไหนน้องเกรทเธอไปคุยกับคนทั้งกองว่าเธอจะไปพร้อมคุณนะค่ะ”
“หรอครับ ผมไม่เห็นทราบเลย” ตอบหน้าตายเหมือนไม่รู้เรื่องจริงๆ
“อุ๊ย! พี่ไม่ยุ่งดีกว่า ว่าแต่แวะปั้มนี่ซื้อของหรือเข้าห้องน้ำค่ะ”
“แวะมาหาเพื่อไปด้วยสักคนนะครับ ขับรถคนเดียวระยะไกลขนาดนี้กลัวหลับในครับ” ตอบติดตลก
“อุ๊ย! ดีเลยค่ะ คุณเอสเชื่อมั้ยค่ะว่าคุณช่วยชีวิตลูกช้างเลย” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองเดินเข้ามาเกาะแขนประจบ
“คุณลูกช้างจะไปกับผมหรอครับ”
“ได้หรอค่ะ โอโห! รถสปอร์ตโก้ขนาดนี้”
“นี่! คุณลูกช้าง ถ้าหล่อนนั่งรถคุณเอสไปนี่เขาต้องแวะเติมน้ำมันกี่รอบยะ แล้วดูพร็อพหล่อนสิ จะขนไปยังไง แล้วหล่อนยอมห่างขนมพวกนี้ของหล่อนหรอ ถึงคุณเอสจะเอาหล่อนไปด้วยแต่ของกินพวกนี้คงขนไปด้วยไม่ได้หรอกนะยะ” เพื่อช่างแต่งหน้าแขวะให้หลังจากเห็นหน้าระรื่นของเพื่อน
“เอ่อ! จริงด้วย รถคุณเอสลูกช้างพอนั่งได้ แต่ของกินคงขนไปไม่หมด ทำไงดีละพี่แหวว” หันไปขอความคิดเห็นจากรุ่นพี่
“ดูจากของแล้วก็เยอะจริงๆ เธอนี่นะไม่รู้จักบรรยะบรรยังเลยนะแม่คุณ คงต้องให้ใครไปกับคุณเอสสักคนหละ ไม่งั้นเอาของๆ ขึ้นรถไปไม่ได้หรอก”
“นั่นสิ แล้วใครจะขึ้นไปกับคุณเอสดีละเนี๊ยะ” ลูกช้างเปรยอย่างมองหา ซึ่งสาวๆ ทั้งแท้และเทียมในรถต่างวีดว๊ายอยากขึ้นรถไปกับชายหนุ่มกันทั้งนั้น คงขาดอยู่คนหนึ่งละที่ตอนนี้เห็นนิ่งไปแถมมีผ้าปิดตาตัดขาดโลกภายนอกไปแล้ว
“น้องเดย์ไงพี่แหวว” ลูกช้างเสนอเพราะถ้าจะปล่อยพวกที่วีดว๊ายขึ้นรถไปกับชายหนุ่มด้วยก็กลัวเขาจะรำคาญ อีกอย่างแต่ละคนก็ไม่ได้สนิทกับชายหนุ่มสุดเท่คนนี้เลยสักคน ลูกช้างเห็นก็มีแต่หญิงสาวนั่นแล้วที่น่าจะไปด้วยแล้วเหมาะสมที่สุด
“อ้าว! นังช้างพังทำไมไม่ให้ฉันขึ้นไปกับคุณเอสเขาละย่ะ”
“หล่อนเหรอนังเปรี้ยว อย่าแรด!”
“ต๊าย! แรง!” เพื่อนทำท่าสะบัดบ๊อบใส่เข้าให้ แต่ลูกช้างหาสนใจไม่
“แล้วฉันล่ะจ๊ะ ลูกช้าง”
“หล่อนหรอยัยหวาน” ลูกช้างยิ้มเยาะๆ เข้าใกล้ๆ ก่อนแถลงไข “ถ้าผัวหล่อนอนุญาตก่อนแล้วกันนะ” พูดแล้วสะบัดใส่เพื่อนทันที
“พิม เธอไปกับคุณเอสนะ” แหววตัดปัญหา
“เอ่อ! พี่แหววพิมกับหว่านเรากำลังแข่งเกมกันอยู่พี่”
“เธอสองคนนี่นะ”
“เหมือนผมจะถูกรังเกียจนะเนี๊ยะ” ชายหนุ่มแกล้งกระเซ้าไม่จริงจังนัก แต่ก็ทำให้ลูกช้างต้องรีบแก้ต่างทันที
“โธ! คุณเอสค่ะ พวกเราไม่ได้รังเกียจคุณเลยนะคะ แต่นังพวกนี้มันไม่เหมาะสมแล้วก็ไม่น่าไว้ใจจริงๆ ค่ะ” ไม่ว่าเปล่าชี้กราดเข้ามาในรถแจงก่อนชายหนุ่มจะน้อยใจ แต่นิ้วที่ชี้กราดนั้นมาหยุดอยู่ที่แหววที่ส่งสายตาดุๆ มาให้ “อุย! ยกเว้นเจ้ไว้คนละกัน” นางยิ้มเจี๋ยมเจี้ยม
“งั้นนาง น้องไปกับคุณเอสนะ” แหววพูดกับรุ่นน้องช่างแต่งหน้าอีกคน
“แล้วทำไมเป็นน้องเดย์ไม่ได้ละพี่แหวว” ลูกช้างถามกลับ
“หลับไปแล้ว” แหววบอกไป
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้ เดี๋ยวลูกช้างปลุกเอง” ยังไม่ทันที่แหววจะห้าม ลูกช้างก็เบียดตัวเองมาที่ด้านหลังของรถตู้เพื่อปลุกร่างบางให้ตื่นอย่างถือสิทธิ์
ลูกช้างปลุกร่างบางที่นอนแน่นิ่งไม่นานก็ตื่น ก่อนจะบอกแกมขอร้องเพราะเหมือนทุกคนที่อยู่บนรถตู้คันนี้จะไม่มีใครเหมาะสมที่จะไปกับชายหนุ่มได้ ยกเว้นก็แต่นางร้ายคนสวยเท่านั้น
“น้องเดย์ นั่งรถไปเป็นเพื่อนคุณเอสให้หน่อยนะค่ะ พอดีพี่ลูกช้างซื้อเสบียงมาเยอะไปหน่อย ที่มันก็เลยไม่พอนั่งน่ะค่ะ” ปลุกพร้อมแจ้งเหตุผล
เดย์มองหน้าทุกคนในรถแบบงงประมาณว่าทำไมต้องเป็นเธอ แต่ก็ได้คำตอบอะไร ส่วนแหววเองนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก มองตรงหน้าก็เห็นใบหน้าใหญ่ๆ ของลูกช้างที่มีสายตาอ้อนวอนเหมือนลูกแมว ทำให้เดย์เผลอพยักหน้ารับคำอย่างไปไม่ถูก
เมื่อได้คำตอบแล้วลูกช้างก็ยิ้มร่าพร้อมกับหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กของร่างบางลงมาด้วย จากนั้นก็เดินเอาไปไว้ที่ชองเก็บของรถของโดยมีชายหนุ่มเจ้าของรถเดินมาเปิดให้อย่างเต็มใจ
ร่างบางขุดตัวเองออกจากรถตู้ที่นั่งมาเนื่องจากเธอนั่งอยู่ตอนในสุด เพราะคิดว่าจะได้ไม่เกะกะคนอื่นเขาที่จะเข้าออก อีกอย่างก็ได้นั่งกับพี่สาวที่สนิทกันเลยสบายใจที่สุด ของออกจากรถตู้มาได้ก็ต้องมาชะงักกับรถที่จะนั่งต่อไป เพราะเห็นว่ามันเป็นเหมือนรถแข่งจึงลำบากใจอยู่เนืองๆ เพราะเธอไม่ชอบความเร็ว แล้วดูรถแล้วมันน่าจะเร็วมากด้วย แทบอยากจะหันหลังกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้วปล่อยให้ลูกช้างทิ้งเสบียงที่สำคัญของตัวเองเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อลูกช้างเดินกลับมาดุนหลังร่างบางให้ไปที่นั่งข้างคนขับแล้วจับร่างบางยัดเข้าไปในรถแบบไม่ปราณีปราศรัยใดๆ พร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ แล้วโบกมือลาหวอยๆ อยู่ด้านนอกรถก่อนหันคุยกับชายหนุ่มเจ้าของรถ
“ขับรถดีๆ นะค่ะ” โบกมือพร้อมรอยยิ้มลาอย่างสบายใจ
“ครับ” ร่างสูงตอบรับแค่นั้นก่อนจะพาตัวเองเข้าไปประจำหน้าที่คนขับแล้วขับออกไปเลยเพราะกลัวคนในรถจะออกฤทธิ์ของลงไปก่อน
หลังจากสปอร์ตคาร์ขับออกไปแล้ว ลูกช้างก็เดินกลับไปรถพร้อมไล่เพื่อนสนิทตัวเองไปนั่งข้างแหววแล้วก็กลับไปที่เสบียงของตัวเองพร้อมขนขึ้นรถอารมณ์ดี ซึ่งแหววเองแค่สังเกตดูเท่านั้น จริงๆ เธออยากให้น้องสาวได้นั่งไปกับรถสบายๆ ที่ไม่โหวกเหวกเพราะเสียงแม่พวกนี้เหมือนกัน เพราะเห็นใจว่าหญิงสาวไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน ถึงไม่บอกเธอก็รู้เพราะตาหมีแพนด้าที่มันโผล่ออกมาอย่างปิดไม่มิดนั่นเอง
ลัมโบกินี่สีดำขลับแล่นอย่างเร็วออกมาได้สักพักคนขับเห็นว่าคนที่นั่งเคียงมาด้วยกันเงียบผิดปกติจึงหันไปมองก็เห็นเธอเบิกตากว้างกำมือแน่นเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง เขาจึงชะลอความเร็วลงเพื่อจะพูดคุยกันบ้าง พอรถชะลอความเร็วลงก็เหมือนร่างบางข้างๆ จะผ่อนคลายลงบ้าง
“คุณเดย์เป็นอะไรรึเปล่าครับ ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ฉัน... กลัวความเร็วน่ะ” ตอบไปตรงๆ
และพอได้ยินคำตอบ ร่างสูงจึงชะลอรถลงและจอดข้างทาง เนื่องจากสังเกตว่าร่างบางข้างๆ ไม่ได้ขาดเข็มขัดนิรภัย พอรถจอดแล้ว เขาจึงเอื้อมมือไปด้านข้างคนขับเพื่อดึงสายรัดมาคาดให้ร่างบาง
เดย์เองพึ่งรู้สึกตัวผ่อนคลายลงตอนที่รถจอดแล้ว และกำลังจะบอกเขาเผื่ออย่างน้อยวกรถกลับไปตอนนี้เพื่อให้คนใหม่มานั่งเป็นเพื่อนไปกับเขาด้วยยังทัน แต่พอหันไปก็เจอกับใบหน้าคมที่ขยับเข้ามาใกล้ทำให้เธอตกใจชะงักค้างพูดไม่ออก
ร่างสูงเองก็ชะงักค้างไม่แพ้กัน ทั้งๆ ที่รู้ใจตัวเองดีอยู่แล้ว แต่ยิ่งพออยู่ใกล้ยิ่งทำให้ใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย และก่อนที่จะทำอะไรที่ทำตัวเองดูไม่ดีในสายตาของร่างบาง เขารีบดึงสายรัดแล้วนำมันมาล็อคเข้าตำแหน่งก่อนออกรถช้าๆ เพราะรู้แล้วว่าร่างบางข้างๆ หน้ากลัวความเร็ว
พอคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว เดย์รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น มือที่เคยกำกันแน่นคลายออก แต่ความรู้สึกอึดอัดใจกลับเข้ามาแทน เธอรู้ว่าเกรทนางเอกสาวเป็นคนอย่างไร เธอไม่ปลื้มแน่หากเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ามากับเธอ แต่ก็แปลกใจอยู่ว่าเธอไปไหนทำไมให้เขาขับรถมาคนเดียวได้
ร่างสูงขับรถช้ากว่าปกติมาก แต่แปลกใจตรงที่ถึงจะช้า แต่ไม่รู้สึกรำคาญเหมือนๆ กับที่เคยเป็นมา ปกติเขาเป็นคนที่ขับรถเร็ว และเร็วมากเสียด้วยไม่งั้นคงไม่ถอยเจ้านี่มาหรอก เขาลงความเห็นเลยว่าเป็นเพราะผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เขาตอนนี้ที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป
ความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวจากความเงียบระหว่างสองคนทำให้เธอต้องมานั่งคิดว่าจะต้องพูดคุยกับเขาบ้างเพราะอย่างน้อยเขาก็ให้เธอได้อาศัยรถเขาเดินทางมา
“เอ่อ” ยังไม่ทันได้คิดว่าจะพูดเรื่องอะไร
“ครับ” ร่างสูงตอบกลับทันควัน
“คือ ปกติคุณขับรถเร็วรึเปล่าค่ะ”
“ก็นิดหน่อยครับ”
“เอ่อ จะเร่งอีกหน่อยก็ได้นะค่ะ” ร่างบางเสนอเพราะไม่อยากเป็นภาระของเขา
“ไม่เป็นไรครับ ขับแบบนี้ก็ดี ถ้าเป็นช่วงเช้าๆ ถึงสายหน่อยๆ แล้วก็ช่วงเย็นๆ เปิดประทุนขับไปเรื่อยๆ ก็ดีนะครับ ลมจะเย็นดีด้วย แต่ตอนนี้ให้เปิดประทุนคงไม่ไหว เราสองคนได้แห้งกันบนรถนี่แน่ๆ” เขาพูดติดตลกเพื่อไม่ให้เครียด เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสได้อยู่ตามลำพังแล้วพูดคุยกัน เพราะปกติแล้วถึงเขาจะได้อยู่ลำพังกับเธอแต่ก็จะมีงานที่เธอทำบังอยู่ข้างหน้าเสมอจนไม่ได้พูดคุยกันเลย
“ต้องขอโทษจริงๆ นะค่ะ ฉันกลัวเรื่องพวกนี้จริงๆ” พูดอย่างสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ แต่ว่านานๆ ทีคุณเดย์น่าจะหัดเล่นกับมันบ้างนะครับเพื่อที่จะได้ชนะความกลัวได้ไง”
“ไม่ดีกว่าค่ะ คือฉันไม่มีรถ อีกอย่างฉันชอบแบบช้าๆ แต่ปลอดภัยมากกว่า”
“ครับ ผมก็เห็นด้วย แต่บางทีช่วงรีบเร่งมันไม่รอท่านะครับ”
“ค่ะ อันนั้นฉันเข้าใจ แต่ฉันเลือกที่จะออกเร็วหน่อยเพื่อที่จะได้ทันเวลานะค่ะ”
“เสร็จงานแล้ว คุณเดย์มีโปรแกรมเที่ยวต่อที่ไหนรึเปล่าครับ”
“เดย์นัดเที่ยวต่อกับพี่แหววนะค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมขับรถให้นะครับ ผมเองก็อยากเที่ยวเหมือนกัน” ขันอาสา
“ถ้าคุณว่างก็ไปด้วยกันสิค่ะ พอดีเพื่อนเขาจะนำเที่ยวนะค่ะ” ชวนตามมารยาท
“ได้หรอครับ ไม่รบกวนแน่นะ”
“ไม่รบกวนค่ะ เพียงแต่คุณจะไปได้รึเปล่าเท่านั้นเอง”
“ได้แน่นอนสิครับ ผมไม่เคยเที่ยวสงขลาเลย อยากเที่ยวดูสักครั้ง”
“เดย์ก็เพิ่งเคยมาครั้งแรกเหมือนกัน ตื่นเต้นมากเลย”
สองคนคุยกันมาได้สักพัก จากความอึดอัดที่เคยมีก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง ร่างบางบอกโปรแกรมการเดินทางของรถตู้แล้วความง่วงก็ครอบงำ จากนั้นจึงปล่อยให้เจ้าของรถทำหน้าที่ขับต่อไป ความจริงรถที่นั่งนี้สามารถขับฮ้อไปถึงได้ภายใน 3 ชั่วโมงหลังจากออกจากกรุงเทพฯ ได้ แต่ด้วยความที่คนที่นั่งร่วมทางเธอกลัวความเร็ว เขาจึงต้องขับช้ามามาก จึงกลายเป็นขับนำรถตู้มาตลอดทาง ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะทำตามตารางของรถตู้กอง พอรถตู้แวะสปอร์ตคาร์ก็จะจอดแวะด้วยเช่นเดียวกัน โดยดูจากการให้สัญญาณของคนขับนั่นเอง
つづく.
ฉันมองทุกคนแล้วทำให้รู้สึกคึกคักขึ้นมา เพราะนอกจากไปทำงานกันแล้ว แต่ละคนก็เตรียมพร็อพกันมาพร้อมเพื่อการท่องเที่ยวในวันสุดท้ายที่จะปล่อยผีให้เที่ยวกันตามใจก่อนที่รถกองถ่ายจะกลับในอีกสองวันให้หลังจากถ่ายทำเสร็จ ส่วนผู้กำกับของเรื่องเขาจะบินตรงกลับไปทำงานต่อที่บริษัทเลย
ฉันเองก็เหมือนกัน กะจะพักผ่อนให้สบายสักสองวันที่เขาปล่อยให้เที่ยว เพราะเหนื่อยกับการทำงานมาตลอด ถือว่าพักผ่อนตุนไว้สำหรับรับงานแบบมารธอนครั้งต่อไป
Trr… เสียงเรียกเข้าในขณะที่ฉันเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปที่รถตู้เพื่อเดินทางต่อ
ฉันกดรับทันทีเพราะหลังจากเปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้วมีไม่กี่คนที่รู้ และคนที่รู้ส่วนใหญ่มักไม่โทรหาหากไม่จำเป็น แต่คงยกเว้นหนึ่งคนก็คนนี้แหละ
“จ้า ว่าไง”
“พี่เดย์ อย่าลืมของฝากไนท์นะ ไนท์อยากได้ข้าวเกรียบกุ้งกับข้าวเกรียบปลา แล้วก็มะม่วงเบาแช่อิ่มด้วยนะครับ ขอบคุณ”
“ดักทางกันไว้เลยนะ ไม่ให้ปฏิเสธได้เลย”
“แน่ละ ก็ไนท์อยากกินนิ”
“จ้า ถ้ายังไงไนท์โทรมาเตือนพี่วันก่อนกลับแล้วกันนะ รู้ใช่มั้ย”
“คร๊าบ เห็นในปฏิทินงานของพี่เดย์แล้วหละ งั้นไนท์ไม่กวนแล้วครับ บายนะครับพี่สาวสุดสวย”
“จ้า” รับคำก่อนกดวางสาย นึกแล้วก็ให้นึกขำ ไนท์ดูจะตื่นเต้นกว่าฉันเสียอีกกับการออกต่างจังหวัดครั้งนี้ สงสัยของฝากคงลืมไม่ได้แน่ๆ ไม่งั้นคงได้งอนกันยาว พอวางสายจากน้องรักเสร็จก็ก้าวขึ้นรถกลับไปประจำตำแหน่งนั่นคือที่นั่งด้านหลัง ซึ่งฉันนั่งกันอยู่สองคนกับพี่แหววและอุปกรณ์แต่งหน้าทั้งหมดที่ต้องใช้
“ใครกันจ๊ะ วางสายแล้วยิ้มๆ แบบนี้อาจมีเฮนะนี่” พี่แหววแซวขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่ใครหรอกค่ะ ก็ขาประจำแหละ”
“น้องไนท์หรอ”
“ค่ะ”
“พูดถึงน้องไนท์ เมื่อไหร่จะมาช่วยงานพี่ล่ะ นี่รออยู่นะเนี๊ยะ ถ้าได้ลูกชายเจ้าสัวชัยบดินทร์เกียรติมาร่วมงานสักงานนะ พี่ว่าแจ่มเลยหละ”
“เห็นว่าอีกสักพักนะค่ะ ช่วงนี้เตรียมสอบอยู่”
“หรอ อืม โอเค รอได้เสมอจ้า” พี่เขาขานเสียงผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็ยังเห็นแววตามีความหวังกับการรอคอยอยู่
พี่แหววรู้จักไนท์ในฐานะน้องชายโดยสายเลือดของฉัน เพราะฉันไม่ได้ปิดบังอะไรกับพี่แหวว แต่อาจจะมีอีกคนหนึ่งที่รู้คือพี่เอ็ม แต่รายนั้นเราจะไม่ใกล้กันมากเพราะกลัวเป็นข่าว อีกอย่างพี่เอ็มเขารักแฟนเขามากเห็นว่าเป็นคนขี้หึงสุดๆ หากมีข่าวในเชิงชู้สาวกับฉันขึ้นมาอาจทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีปัญหาได้ ดังนั้นฉันจึงตัดปัญหาโดยการไม่เข้าไปก้าวก่ายหากไม่จำเป็น แต่เราก็พูดคุยกันแบบเพื่อนร่วมงานทั่วไป ไม่ได้มึนตึงหรือเคร่งครัดกับการรักษาระยะห่างกันเท่าไร
ความจริงฉันก็อยากรู้เหมือนกันนะว่าใครกันที่เป็นคนมัดใจพี่ชายคนนี้ของฉันได้ เขาจะเป็นคนแบบไหนกันนะ คงเพอร์เฟกมากแน่ๆ เพราะพี่เอ็มเขาเป็นคนค่อนข้างออกจู้จี้หน่อยๆ หากเห็นว่าสิ่งนั้นมันยังดีไม่พอกับศักยภาพ
Trr… เบอร์ไม่คุ้นเลย Trr… Trr… ฉันปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอีกสองครั้งอย่างชั่งใจเพราะตอนนี้ก็เริ่มมีคนอื่นๆ ขึ้นมาบนรถแล้วก็กลัวว่าเสียงเรียกเข้าจะไปรบกวนเขา จึงตัดสินใจกดรับสาย
“สวัสดีครับคุณเดย์ใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ” ปลายสายเสียงคุ้นๆ นะ
“ผมกิตติภพนะครับ”
“อ๋อ ค่ะ เดย์นึกว่าใคร”
“พอดีผมโทรไปหาพี่ฑริกา พี่เขาให้เบอร์คุณเดย์กับผมมา เห็นบอกว่าจะมาทำงานที่สงขลาพี่เขาเลยฝากให้ผมช่วยเทคแคร์คุณเดย์น่ะครับ”
“อ๋อ ค่ะ พอดีฉันโทรไปแจ้งเรื่องวันส่งต้นฉบับแปลกับพี่บุญฑริกนะค่ะ”
“ครับพี่เขาเลยบอกผมว่า ต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีพาคุณเดย์เที่ยวเมืองใต้ให้ได้”
“ค่ะ ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าเลยนะค่ะ แล้วคงต้องขอรบกวนด้วยจริงๆ”
“ยินดีครับ นี่ยัยกุ๊กไก่ก็เตรียมเคลียร์การบ้านของตัวเองเป็นการใหญ่ ปกติไม่เคยนะครับของบอก” ประโยคหลังนี้แอบกระซิบ สงสัยเพื่อนตัวน้อยต่างวัยจะอยู่แถวๆ นั้นแน่ๆ เลย “บอกว่าเสาร์-อาทิตย์นี้จะพาเพื่อนเที่ยวให้ฉ่ำปอดเลย”
“หรอค่ะ ดีใจจัง”
“ครับงั้นเจอกันนะครับ คุณเดย์มาถึงแล้วโทรหาผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
“ขอบคุณนะค่ะ”
“แล้วเจอกันครับ”
ฉันกดวางสายเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียคุณกิตติภพคงไม่ยอมกดวางก่อนอย่างแน่นอน เพราะเคยโทรคุยกันครั้งหนึ่งแล้วตอนนั้นพาน้องกุ๊กไก่มาที่กองถ่ายครั้งก่อน
“อั้น! แน่! แล้วคนนี้ละ” พี่แหววก็แซวตามเคย
“เพื่อนค่ะ คุณกิตติภพ โทรมาบอกว่าจะเป็นไกด์นำเที่ยวเมืองใต้ให้ ดีใจมั้ยค่ะพี่แหวว เราสองคนจะไม่ได้เป็นยัยเด๋อกับยัยเอ๋อกันอยู่กลางตลาดแล้วนะ” ฉันแซวพี่สาวคนนี้เพราะรู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เราตั้งใจจะเที่ยวเมืองที่ไม่คุ้นเคยกันเราต้องซื้อแผนที่แล้วก็ไปตามแผนที่นั้น แล้วก็รู้อยู่ว่าบางทีแผนที่กับที่ที่จะไปมันสัมพันธ์กันก็จริง แต่วิธีที่จะไปละ ส่วนใหญ่เราก็จะเป็นยัยเด๋อ กับยัยเอ๋อสองพี่น้องเสียมากกว่า แล้วก็กว่าจะถึงที่หมายก็กลายเป็นว่าไม่ได้เที่ยวกัน แล้วต้องถือเสียว่าระหว่างทางสองข้างที่ผ่านมานั่นแหละคือวิวที่ได้ยลโฉมกันและถือเป็นการเที่ยวแล้ว นึกแล้วก็ขำได้ตลอด
“จริงหรอ ดีจริงๆ เลย มีสารถีนำเที่ยวแบบนี้พี่จะเที่ยวให้ฉ่ำปอดเลยคอยดู”
“นั่นสิค่ะ พอถึงที่พักเราเอาแผนที่มากางกันเลยนะพี่แหววว่าเราจะไปไหนกันบ้าง” ฉันตื่นเต้นกับการจะได้ออกเที่ยวครั้งนี้มาก ซึ่งพี่แหววเองก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน ตกลงเอ่อออกันเสร็จสรรพก่อนจะยกผ้าปิดตาเตรียมเข้านอนกันหลังจากที่เห็นว่าคนขึ้นรถมาเกือบครบแล้ว แต่ก่อนที่จะได้ปิดตานอนกันนั้นก็ได้ยินเสียงโชว์เฟอร์สำรองโวยขึ้นมาหลังจากที่เห็นของที่แต่ละคนที่แวะเซเว่นในปั้มขนกันมา
“คุณลูกช้าง นี่คุณจะเปลี่ยนจากลูกช้างเป็นพ่อแม่ช้างแล้วหรือไงครับนี่ซื้อของกินมาเยอะขนาดนี้”
“นี่ลุงพัน นี่ของกินขนมพวกนี้ลูกช้างซื้อมาให้ทุกคนนะค่ะ”
“ครับผมเข้าใจ แล้วจะเอาไปยังไงหมดละนี่”
“เอ่อ พอดีลูกช้างเห็นอะไรมันก็น่าอร่อยไปหมด ก็เลยซื้อมาอย่างละนิดละหน่อยน่ะค่ะ” พูดอายๆ แต่ไม่คิดที่จะปล่อยวางอะไรไว้สักอัน
“แล้วอย่างนี้จะใส่ยังไงละครับคุณ มันเท่ากับที่นั่งของคนๆ หนึ่งเลยนะ”
“โถ่! ลุงก็ ขนมแค่นี้เอง นั่งเบียดๆ กินๆ กันไปเรื่อยๆ แปล๊บเดียวเดี๋ยวก็หมดแล้วค่ะ”
“งั้นคุณลูกช้างก็อยู่กินไอ้ของพวกนี้ที่นี่ก่อนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมออกรถกันไปก่อน”
“ได้ไง แล้วลูกชายจะไปถูกหรอ ไม่ใช่บ้านช่องห้องหอที่คุ้นเคยนะค่ะ”
“แล้วอย่างนี้จะเอายังไงละ ของเยอะขนาดนี้น่ะ”
ทุกคนมองสองคนพูดคุยรวมถึงมองข้าวของที่คุณลูกช้างเธอซื้อมาแล้วก็ลงความเห็นว่าไปต่อไม่ได้แน่ๆ ถ้าจะเอาของพวกนี้ไปด้วย สองคนเถียงกันอย่างหาทางออกไม่เจอ ก่อนจะมีสปอร์ตคาร์สีดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดข้างๆ พร้อมบีบแตรทักทายก่อนลงจากรถมาทักทาย
“สวัสดีครับทุกคน ดีใจจังที่เจอพอดีเห็นแว๊บๆ แต่ไกลเลยเสี่ยงเข้ามา โชคดีจังที่ใช่”
“คุณเอส!” ทุกคนที่อยู่ในรถต่างขานชื่อผู้มาใหม่ยกเว้นเดย์กับแหววที่ตอนนี้ตัดขาดการติดต่อกับโลกภายนอกแล้วเพราะต้องการจะเข้าเฝ้าพระอินทร์ แต่พอได้ยินทุกคนในรถขานชื่อทำให้แหววเปิดผ้าปิดตาออกมามองก็เห็นเป็นชายหนุ่มเจ้าของชื่อจริงๆ
“อ้าว! คุณเอสไปไงมาไงค่ะ ถึงได้มาเจอกันตรงนี้ได้” แหววทักเสียงใสในขณะที่ทีมงานอื่นๆ ไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยสนิทกันเนื่องจากตอนอยู่ในกองถ่ายชายหนุ่มไม่ค่อยจะคุยกับใครนัก
“มารถยนต์ส่วนตัวครับ”
“กับใครเอ่ย.. น้องเกรทหรือเปล่า” ถามล้อๆ
“เปล่าครับ มาคนเดียว”
“หือ!” เป็นเสียงแสดงความไม่อยากจะเชื่อของทุกคน แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม ก็คงมีแต่แหววเพียงคนเดียวเท่านั้น
“หรอค่ะ ก็ไหนน้องเกรทเธอไปคุยกับคนทั้งกองว่าเธอจะไปพร้อมคุณนะค่ะ”
“หรอครับ ผมไม่เห็นทราบเลย” ตอบหน้าตายเหมือนไม่รู้เรื่องจริงๆ
“อุ๊ย! พี่ไม่ยุ่งดีกว่า ว่าแต่แวะปั้มนี่ซื้อของหรือเข้าห้องน้ำค่ะ”
“แวะมาหาเพื่อไปด้วยสักคนนะครับ ขับรถคนเดียวระยะไกลขนาดนี้กลัวหลับในครับ” ตอบติดตลก
“อุ๊ย! ดีเลยค่ะ คุณเอสเชื่อมั้ยค่ะว่าคุณช่วยชีวิตลูกช้างเลย” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองเดินเข้ามาเกาะแขนประจบ
“คุณลูกช้างจะไปกับผมหรอครับ”
“ได้หรอค่ะ โอโห! รถสปอร์ตโก้ขนาดนี้”
“นี่! คุณลูกช้าง ถ้าหล่อนนั่งรถคุณเอสไปนี่เขาต้องแวะเติมน้ำมันกี่รอบยะ แล้วดูพร็อพหล่อนสิ จะขนไปยังไง แล้วหล่อนยอมห่างขนมพวกนี้ของหล่อนหรอ ถึงคุณเอสจะเอาหล่อนไปด้วยแต่ของกินพวกนี้คงขนไปด้วยไม่ได้หรอกนะยะ” เพื่อช่างแต่งหน้าแขวะให้หลังจากเห็นหน้าระรื่นของเพื่อน
“เอ่อ! จริงด้วย รถคุณเอสลูกช้างพอนั่งได้ แต่ของกินคงขนไปไม่หมด ทำไงดีละพี่แหวว” หันไปขอความคิดเห็นจากรุ่นพี่
“ดูจากของแล้วก็เยอะจริงๆ เธอนี่นะไม่รู้จักบรรยะบรรยังเลยนะแม่คุณ คงต้องให้ใครไปกับคุณเอสสักคนหละ ไม่งั้นเอาของๆ ขึ้นรถไปไม่ได้หรอก”
“นั่นสิ แล้วใครจะขึ้นไปกับคุณเอสดีละเนี๊ยะ” ลูกช้างเปรยอย่างมองหา ซึ่งสาวๆ ทั้งแท้และเทียมในรถต่างวีดว๊ายอยากขึ้นรถไปกับชายหนุ่มกันทั้งนั้น คงขาดอยู่คนหนึ่งละที่ตอนนี้เห็นนิ่งไปแถมมีผ้าปิดตาตัดขาดโลกภายนอกไปแล้ว
“น้องเดย์ไงพี่แหวว” ลูกช้างเสนอเพราะถ้าจะปล่อยพวกที่วีดว๊ายขึ้นรถไปกับชายหนุ่มด้วยก็กลัวเขาจะรำคาญ อีกอย่างแต่ละคนก็ไม่ได้สนิทกับชายหนุ่มสุดเท่คนนี้เลยสักคน ลูกช้างเห็นก็มีแต่หญิงสาวนั่นแล้วที่น่าจะไปด้วยแล้วเหมาะสมที่สุด
“อ้าว! นังช้างพังทำไมไม่ให้ฉันขึ้นไปกับคุณเอสเขาละย่ะ”
“หล่อนเหรอนังเปรี้ยว อย่าแรด!”
“ต๊าย! แรง!” เพื่อนทำท่าสะบัดบ๊อบใส่เข้าให้ แต่ลูกช้างหาสนใจไม่
“แล้วฉันล่ะจ๊ะ ลูกช้าง”
“หล่อนหรอยัยหวาน” ลูกช้างยิ้มเยาะๆ เข้าใกล้ๆ ก่อนแถลงไข “ถ้าผัวหล่อนอนุญาตก่อนแล้วกันนะ” พูดแล้วสะบัดใส่เพื่อนทันที
“พิม เธอไปกับคุณเอสนะ” แหววตัดปัญหา
“เอ่อ! พี่แหววพิมกับหว่านเรากำลังแข่งเกมกันอยู่พี่”
“เธอสองคนนี่นะ”
“เหมือนผมจะถูกรังเกียจนะเนี๊ยะ” ชายหนุ่มแกล้งกระเซ้าไม่จริงจังนัก แต่ก็ทำให้ลูกช้างต้องรีบแก้ต่างทันที
“โธ! คุณเอสค่ะ พวกเราไม่ได้รังเกียจคุณเลยนะคะ แต่นังพวกนี้มันไม่เหมาะสมแล้วก็ไม่น่าไว้ใจจริงๆ ค่ะ” ไม่ว่าเปล่าชี้กราดเข้ามาในรถแจงก่อนชายหนุ่มจะน้อยใจ แต่นิ้วที่ชี้กราดนั้นมาหยุดอยู่ที่แหววที่ส่งสายตาดุๆ มาให้ “อุย! ยกเว้นเจ้ไว้คนละกัน” นางยิ้มเจี๋ยมเจี้ยม
“งั้นนาง น้องไปกับคุณเอสนะ” แหววพูดกับรุ่นน้องช่างแต่งหน้าอีกคน
“แล้วทำไมเป็นน้องเดย์ไม่ได้ละพี่แหวว” ลูกช้างถามกลับ
“หลับไปแล้ว” แหววบอกไป
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้ เดี๋ยวลูกช้างปลุกเอง” ยังไม่ทันที่แหววจะห้าม ลูกช้างก็เบียดตัวเองมาที่ด้านหลังของรถตู้เพื่อปลุกร่างบางให้ตื่นอย่างถือสิทธิ์
ลูกช้างปลุกร่างบางที่นอนแน่นิ่งไม่นานก็ตื่น ก่อนจะบอกแกมขอร้องเพราะเหมือนทุกคนที่อยู่บนรถตู้คันนี้จะไม่มีใครเหมาะสมที่จะไปกับชายหนุ่มได้ ยกเว้นก็แต่นางร้ายคนสวยเท่านั้น
“น้องเดย์ นั่งรถไปเป็นเพื่อนคุณเอสให้หน่อยนะค่ะ พอดีพี่ลูกช้างซื้อเสบียงมาเยอะไปหน่อย ที่มันก็เลยไม่พอนั่งน่ะค่ะ” ปลุกพร้อมแจ้งเหตุผล
เดย์มองหน้าทุกคนในรถแบบงงประมาณว่าทำไมต้องเป็นเธอ แต่ก็ได้คำตอบอะไร ส่วนแหววเองนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก มองตรงหน้าก็เห็นใบหน้าใหญ่ๆ ของลูกช้างที่มีสายตาอ้อนวอนเหมือนลูกแมว ทำให้เดย์เผลอพยักหน้ารับคำอย่างไปไม่ถูก
เมื่อได้คำตอบแล้วลูกช้างก็ยิ้มร่าพร้อมกับหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กของร่างบางลงมาด้วย จากนั้นก็เดินเอาไปไว้ที่ชองเก็บของรถของโดยมีชายหนุ่มเจ้าของรถเดินมาเปิดให้อย่างเต็มใจ
ร่างบางขุดตัวเองออกจากรถตู้ที่นั่งมาเนื่องจากเธอนั่งอยู่ตอนในสุด เพราะคิดว่าจะได้ไม่เกะกะคนอื่นเขาที่จะเข้าออก อีกอย่างก็ได้นั่งกับพี่สาวที่สนิทกันเลยสบายใจที่สุด ของออกจากรถตู้มาได้ก็ต้องมาชะงักกับรถที่จะนั่งต่อไป เพราะเห็นว่ามันเป็นเหมือนรถแข่งจึงลำบากใจอยู่เนืองๆ เพราะเธอไม่ชอบความเร็ว แล้วดูรถแล้วมันน่าจะเร็วมากด้วย แทบอยากจะหันหลังกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้วปล่อยให้ลูกช้างทิ้งเสบียงที่สำคัญของตัวเองเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อลูกช้างเดินกลับมาดุนหลังร่างบางให้ไปที่นั่งข้างคนขับแล้วจับร่างบางยัดเข้าไปในรถแบบไม่ปราณีปราศรัยใดๆ พร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ แล้วโบกมือลาหวอยๆ อยู่ด้านนอกรถก่อนหันคุยกับชายหนุ่มเจ้าของรถ
“ขับรถดีๆ นะค่ะ” โบกมือพร้อมรอยยิ้มลาอย่างสบายใจ
“ครับ” ร่างสูงตอบรับแค่นั้นก่อนจะพาตัวเองเข้าไปประจำหน้าที่คนขับแล้วขับออกไปเลยเพราะกลัวคนในรถจะออกฤทธิ์ของลงไปก่อน
หลังจากสปอร์ตคาร์ขับออกไปแล้ว ลูกช้างก็เดินกลับไปรถพร้อมไล่เพื่อนสนิทตัวเองไปนั่งข้างแหววแล้วก็กลับไปที่เสบียงของตัวเองพร้อมขนขึ้นรถอารมณ์ดี ซึ่งแหววเองแค่สังเกตดูเท่านั้น จริงๆ เธออยากให้น้องสาวได้นั่งไปกับรถสบายๆ ที่ไม่โหวกเหวกเพราะเสียงแม่พวกนี้เหมือนกัน เพราะเห็นใจว่าหญิงสาวไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน ถึงไม่บอกเธอก็รู้เพราะตาหมีแพนด้าที่มันโผล่ออกมาอย่างปิดไม่มิดนั่นเอง
ลัมโบกินี่สีดำขลับแล่นอย่างเร็วออกมาได้สักพักคนขับเห็นว่าคนที่นั่งเคียงมาด้วยกันเงียบผิดปกติจึงหันไปมองก็เห็นเธอเบิกตากว้างกำมือแน่นเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง เขาจึงชะลอความเร็วลงเพื่อจะพูดคุยกันบ้าง พอรถชะลอความเร็วลงก็เหมือนร่างบางข้างๆ จะผ่อนคลายลงบ้าง
“คุณเดย์เป็นอะไรรึเปล่าครับ ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ฉัน... กลัวความเร็วน่ะ” ตอบไปตรงๆ
และพอได้ยินคำตอบ ร่างสูงจึงชะลอรถลงและจอดข้างทาง เนื่องจากสังเกตว่าร่างบางข้างๆ ไม่ได้ขาดเข็มขัดนิรภัย พอรถจอดแล้ว เขาจึงเอื้อมมือไปด้านข้างคนขับเพื่อดึงสายรัดมาคาดให้ร่างบาง
เดย์เองพึ่งรู้สึกตัวผ่อนคลายลงตอนที่รถจอดแล้ว และกำลังจะบอกเขาเผื่ออย่างน้อยวกรถกลับไปตอนนี้เพื่อให้คนใหม่มานั่งเป็นเพื่อนไปกับเขาด้วยยังทัน แต่พอหันไปก็เจอกับใบหน้าคมที่ขยับเข้ามาใกล้ทำให้เธอตกใจชะงักค้างพูดไม่ออก
ร่างสูงเองก็ชะงักค้างไม่แพ้กัน ทั้งๆ ที่รู้ใจตัวเองดีอยู่แล้ว แต่ยิ่งพออยู่ใกล้ยิ่งทำให้ใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย และก่อนที่จะทำอะไรที่ทำตัวเองดูไม่ดีในสายตาของร่างบาง เขารีบดึงสายรัดแล้วนำมันมาล็อคเข้าตำแหน่งก่อนออกรถช้าๆ เพราะรู้แล้วว่าร่างบางข้างๆ หน้ากลัวความเร็ว
พอคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว เดย์รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น มือที่เคยกำกันแน่นคลายออก แต่ความรู้สึกอึดอัดใจกลับเข้ามาแทน เธอรู้ว่าเกรทนางเอกสาวเป็นคนอย่างไร เธอไม่ปลื้มแน่หากเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ามากับเธอ แต่ก็แปลกใจอยู่ว่าเธอไปไหนทำไมให้เขาขับรถมาคนเดียวได้
ร่างสูงขับรถช้ากว่าปกติมาก แต่แปลกใจตรงที่ถึงจะช้า แต่ไม่รู้สึกรำคาญเหมือนๆ กับที่เคยเป็นมา ปกติเขาเป็นคนที่ขับรถเร็ว และเร็วมากเสียด้วยไม่งั้นคงไม่ถอยเจ้านี่มาหรอก เขาลงความเห็นเลยว่าเป็นเพราะผู้หญิงที่นั่งข้างๆ เขาตอนนี้ที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป
ความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวจากความเงียบระหว่างสองคนทำให้เธอต้องมานั่งคิดว่าจะต้องพูดคุยกับเขาบ้างเพราะอย่างน้อยเขาก็ให้เธอได้อาศัยรถเขาเดินทางมา
“เอ่อ” ยังไม่ทันได้คิดว่าจะพูดเรื่องอะไร
“ครับ” ร่างสูงตอบกลับทันควัน
“คือ ปกติคุณขับรถเร็วรึเปล่าค่ะ”
“ก็นิดหน่อยครับ”
“เอ่อ จะเร่งอีกหน่อยก็ได้นะค่ะ” ร่างบางเสนอเพราะไม่อยากเป็นภาระของเขา
“ไม่เป็นไรครับ ขับแบบนี้ก็ดี ถ้าเป็นช่วงเช้าๆ ถึงสายหน่อยๆ แล้วก็ช่วงเย็นๆ เปิดประทุนขับไปเรื่อยๆ ก็ดีนะครับ ลมจะเย็นดีด้วย แต่ตอนนี้ให้เปิดประทุนคงไม่ไหว เราสองคนได้แห้งกันบนรถนี่แน่ๆ” เขาพูดติดตลกเพื่อไม่ให้เครียด เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสได้อยู่ตามลำพังแล้วพูดคุยกัน เพราะปกติแล้วถึงเขาจะได้อยู่ลำพังกับเธอแต่ก็จะมีงานที่เธอทำบังอยู่ข้างหน้าเสมอจนไม่ได้พูดคุยกันเลย
“ต้องขอโทษจริงๆ นะค่ะ ฉันกลัวเรื่องพวกนี้จริงๆ” พูดอย่างสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ แต่ว่านานๆ ทีคุณเดย์น่าจะหัดเล่นกับมันบ้างนะครับเพื่อที่จะได้ชนะความกลัวได้ไง”
“ไม่ดีกว่าค่ะ คือฉันไม่มีรถ อีกอย่างฉันชอบแบบช้าๆ แต่ปลอดภัยมากกว่า”
“ครับ ผมก็เห็นด้วย แต่บางทีช่วงรีบเร่งมันไม่รอท่านะครับ”
“ค่ะ อันนั้นฉันเข้าใจ แต่ฉันเลือกที่จะออกเร็วหน่อยเพื่อที่จะได้ทันเวลานะค่ะ”
“เสร็จงานแล้ว คุณเดย์มีโปรแกรมเที่ยวต่อที่ไหนรึเปล่าครับ”
“เดย์นัดเที่ยวต่อกับพี่แหววนะค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมขับรถให้นะครับ ผมเองก็อยากเที่ยวเหมือนกัน” ขันอาสา
“ถ้าคุณว่างก็ไปด้วยกันสิค่ะ พอดีเพื่อนเขาจะนำเที่ยวนะค่ะ” ชวนตามมารยาท
“ได้หรอครับ ไม่รบกวนแน่นะ”
“ไม่รบกวนค่ะ เพียงแต่คุณจะไปได้รึเปล่าเท่านั้นเอง”
“ได้แน่นอนสิครับ ผมไม่เคยเที่ยวสงขลาเลย อยากเที่ยวดูสักครั้ง”
“เดย์ก็เพิ่งเคยมาครั้งแรกเหมือนกัน ตื่นเต้นมากเลย”
สองคนคุยกันมาได้สักพัก จากความอึดอัดที่เคยมีก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง ร่างบางบอกโปรแกรมการเดินทางของรถตู้แล้วความง่วงก็ครอบงำ จากนั้นจึงปล่อยให้เจ้าของรถทำหน้าที่ขับต่อไป ความจริงรถที่นั่งนี้สามารถขับฮ้อไปถึงได้ภายใน 3 ชั่วโมงหลังจากออกจากกรุงเทพฯ ได้ แต่ด้วยความที่คนที่นั่งร่วมทางเธอกลัวความเร็ว เขาจึงต้องขับช้ามามาก จึงกลายเป็นขับนำรถตู้มาตลอดทาง ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะทำตามตารางของรถตู้กอง พอรถตู้แวะสปอร์ตคาร์ก็จะจอดแวะด้วยเช่นเดียวกัน โดยดูจากการให้สัญญาณของคนขับนั่นเอง
つづく.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ