ลุ้นรัก...นางร้ายเจ้าเสน่ห์

-

เขียนโดย ploynin

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.55 น.

  18 ตอน
  1 วิจารณ์
  21.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 20.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) เป็นปลื้ม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ร่างบางหลับสนิทอยู่ข้างกายร่างสูงใหญ่ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารถีชั้นเยี่ยมไปกับสปอร์ตคาร์คันหรูหลังจากที่พูดคุยเป็นเพื่อนสารถีได้เพียงไม่นาน จากเหตุผลของสารถีที่บอกว่าต้องการคนนั่งไปด้วยเป็นเพื่อนคุยระหว่างทางจะได้ไม่ง่วงแล้วหลับใน จริงๆ เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เขาอยากได้เธอคนนี้ไปพร้อมการเดินทาง ซึ่งตอนแรกนั้นคิดว่าจะทำอย่างไรดี ไม่มีแผน คิดเพียงแต่ตามสถานการณ์ แต่โชคก็เป็นของเขาและขอเข้าข้างตัวเองว่าพรมลิขิตนั้นอำนวยชัยให้ด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่พบเหตุบังเอิญขนาดนี้

          ร่างบางหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงนิทราใบหน้านวลใสหัวคิ้วคลายเหมือนไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไรให้ต้องกังวล เพียงแค่อยู่ใกล้ ได้นั่งมองใบหน้าหวานอยู่แค่ตรงนี้ก็สุขใจแล้ว แต่หากได้ครอบครองล่ะ ความสุขจะมากเพียงไหน ร่างสูงยิ้มละไมมองทางขับรถไปพราง เหลียวมองใบหน้าสวยของร่างบางไปเรื่อยๆ ตลอดทางที่เธอหลับใหล เหมือนเป็นกำลังใจให้มีแรงขับรถต่อไป เขาคิดว่าหากเส้นทางนี้ยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุดมันจะดีแค่ไหนกันนะ

          รถแล่นจนมาถึงที่หมายสำหรับการแวะพักเติมพลังกันทั้งคนทั้งรถที่เขตจังหวัดสุราษฏร์ธานี สปอร์ตคาร์เข้าจอดตรงที่จอดรถของจุดพักรถ ตามด้วยรถตู้ที่ตามมาห่างๆ พอรถจอดสนิททุกคนต่างออกมายืดเส้นยืดสายหลังจากที่เดินทางกันมาหลายชั่วโมง

สปอร์ตคาร์จอดสนิทร่างสูงมองใบหน้าใสนิ่งก่อนถือโอกาสปัดปอยผมน้อยๆ ที่ปกลงมาอย่างถนอมอมยิ้มสุขใจ พอเหลือบไปเห็นแหววเดินตรงมาที่รถของตัวเองจึงปลุกร่างบางให้ตื่นขึ้น ร่างสูงสะกิดเบาๆ ที่มือนุ่มนิ่มซึ่งวางอยู่ข้างกายสาวแล้วเรียกเบาๆ ให้ร่างบางคลายจากนิทรา

          “เดย์ เดย์ครับ”

          ร่างบางบรือเปลือกตาอย่างง่วงงุน พร้อมกับหันมาตามเสียงเรียกทุ้มนุ่มขอคำตอบ “ถึงแล้วหรอค่ะ”

          “ยังครับ เราแวะเบรกทานข้าวแถวสุราษฏร์ก่อน แล้วจะยิงยาวกันอีกรอบจนถึงที่พักเลยไงครับตามที่เดย์บอกผม”

          “อ๋อ ค่ะใช่” ร่างบางมองไปรอบๆ พบว่าตัวเองอยู่บริเวณที่จอดรถของจุดพักรถ “ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ ที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนคุย” บอกอย่างเกรงใจเพราะรู้ตัวดีว่าหลับมาตลอดทาง

          “ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยมีคนนั่งมาด้วยก็ให้คิดถึงอีกคนที่มาด้วยจะได้ขับอย่างระมัดระวังมากขึ้น”

          “แต่ยังไงต้องขอโทษจริงๆ นะค่ะ”

          “ไม่เป็นไรครับ ผมว่าเราลงไปหาอะไรทานกันดีกว่า พี่แหววรอนานแล้ว” ร่างสูงบอกพร้อมมองไปทางที่มีช่างแต่งหน้าคนสวยยืนกอดอกใบหน้าไม่ได้บอกถึงความยินดียินร้ายรออยู่

          พอทั้งคู่ออกมาจากรถ แหววเดินตรงหน้ายิ้มเข้ามาหาเพื่อพากันไปหาอะไรรองท้องเติมพลังพร้อมกับการเดินทางช่วงสุดท้ายก่อนถึงปลายทาง

          “คุณเอสพี่เห็นขับรถช้ากว่าที่เคยนะค่ะ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า”

          “เปล่าครับ พอดีเดย์เขากลัวความเร็วนะครับ”

          “น้องเดย์ยังไม่หายกลัวอีกหรอค่ะ เมื่อก่อนเราออกต่างจังหวัดรถตู้วิ่งเร็วก็ไม่เห็นกลัว”

          “ก็รถตู้ไปกันหลายคนนิค่ะ คนนั้นบังคนนี้บังก็ไม่เห็นวิวข้างทาง อีกอย่างเดย์ก็หลับตลอดด้วย”

          “เอ่อ ใช่”

          “เดย์มีอะไรกับความเร็วหรือเปล่าครับ”

          “เอ่อ...” ร่างบางมีอาการแปลกๆ หลังจากที่ถูกถาม ทำให้ชายหนุ่มคิดในใจว่าต้องมีอะไรแน่ๆ

          “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่คิดถึงมันแล้ว ไปหาอะไรทานกันดีกว่า เวลาจำกัด ต้องรีบยัดค่ะ” แหววตัดบทแล้วเดินไปข้างหน้าพร้อมกับคว้าแขนบางตามไปด้วย

          ทีมงานต่างแยกย้ายจับจองที่นั่งพร้อมสั่งอาหารกันเต็มที่ ทั้งสามนั่งโต๊ะเดียวกันซึ่งแหววสังเกตว่าชายหนุ่มพยายามเอาใจร่างบางน้องสาวเธอเต็มที่ บริการตักอาหาร เติมน้ำ สั่งของหวาน ซึ่งการกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของแหววตลอดเวลา เธอเห็นชายหนุ่มแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ แต่น้องสาวของเธอแค่ตอบรับตามมารยาทและขอบคุณเท่านั้น ไม่ได้มีท่าทีเอนเอียงมีใจให้ชายหนุ่มเลย

          คงจริงอย่างที่ผู้จัดเพื่อนของชายหนุ่มบอก ที่ว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเธอนี้เก่งเรื่องการเอาใจผู้หญิง และไม่ยากเลยที่จะทำให้ผู้หญิงหลายๆ คนหลงใหลได้ปลื้มกับการบริการ ดูแลเอาใจใส่ของเขา แถมบอกอีกว่าเพื่อนของคนนี้เป็นคนดี เสียแต่นิสัยเสือผู้หญิง ฝากให้เธอช่วยดูแลน้องสาว แต่หากน้องสาวเขามีใจให้ เขาจะจัดการกับเพื่อนรักอีกทีเพื่อไม่ให้น้องสาวเขาเสียใจ

          “คุณเอสทานเถอะค่ะ เดย์อิ่มแล้ว” ร่างบางปฏิเสธอย่างสุภาพเพราะชายหนุ่มมัวแต่บริการเธอจนทานของตัวเองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

          “ครับ” ตอบรับสั้นๆ แล้วทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยด้วยสายตายิ้มแย้มมีความสุข

          ทุกการกระทำของชายหนุ่มอยู่ในสายตาของทุกคนทำให้เกิดซุบซิบนินทาขึ้นมาถึงการแสดงออกของทั้งคู่ มากบ้างน้อยบ้างจริงบางไม่จริงบ้าง นินทาไปถึงนางเอกสาวที่ก่อนหน้านั้นทุกคนเห็นกันว่าเธอสนิทสนมกับตัวร้ายสุดเพอร์เฟกคนนี้และทำมีท่าทีตีวงเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน พอทุกคนอิ่มหนำพร้อมเดินทางกันแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปขึ้นรถที่ตัวเองอาศัยมา

          เดย์ไม่กล้ากลับไปขึ้นรถตู้เนื่องจากเห็นสายตาหลายๆ คู่ที่มองมาอย่างอยากรู้รวมถึงชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ คอยประกอบไม่ห่างชวนคุยทำให้เธอปลีกตัวออกมาจากเขาไม่ได้เพราะกลัวเสียมารยาทและทำให้เขาเสียน้ำใจ จึงเดินกลับไปที่รถของเขาพร้อมกันจากนั้นทุกคนก็ออกเดินทาง

          “เดย์จะนอนต่อก็ได้นะครับ เห็นพี่แหววบอกว่าเมื่อคืนคุณไม่ได้นอน”

          “ค่ะ พอดีงานที่ทำอยู่ต้องตรวจละเอียดเลยนั่งทำเพลินจนลืมเวลานะค่ะ” จริงๆ ไม่ใช่เรื่องงาน แต่เป็นเรื่องที่บิดาของเธอที่อยากให้ไปเยี่ยมคุณปู่ ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เข้าไปก้าวก่ายกับพวกท่านทั้งหลายเหล่านั้นอีก ยกเว้นก็แต่น้องรักที่ตัดกันไม่ขาด รวมถึงบิดาบ้างบางครั้งที่ขัดท่านไม่ได้จริงๆ ยังไงซะท่านก็เป็นผู้ให้กำเนิด

          “ขอบคุณนะค่ะ ฉันจะอยู่คุยเป็นเพื่อนจนกว่าจะทนง่วงไม่ไหวก็แล้วกันนะค่ะ แต่ถ้าหลับไปก่อนก็ขอโทษด้วย” ร่างบางขอโทษอย่างจริงใจ

          “ครับ” ตอบรับพร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่ขับรถช้าๆ ต่อไป เขาจะขับเร็วได้ก็ต่อเมื่อร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ นี้หลับแล้วเท่านั้น ซึ่งก็จะกวดทันรถตู้ที่ออกตัวไปก่อนไกลแล้ว

          “เดย์เล่นละคร เอ... สงสัยครับ”

          “สงสัยอะไรค่ะ”

          “สงสัยว่าทำไมเล่นแต่บทร้ายๆ”

          “ก็มีมาให้เล่นนิค่ะ”

          “แต่บทอื่นไม่รับเลยนะครับ”

          “ก็ไม่มีบทมาให้นิค่ะ”

          “พูดแบบนี้แสดงว่าเล่นบทอะไรก็ได้สิครับ”

          “ก็ต้องอ่านบท ทำความเข้าใจ เข้าอารมณ์จินตนาการถึงคนๆ นั้น เพื่อที่จะถ่ายทอดออกมาค่ะ”

          “เก่งครับ”

          “ค่ะ?”

          “ผมหมายถึง ที่คุณเล่นได้ทุกบท”

          “ก็ยังไม่แน่ค่ะ ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่เอาเข้าจริงจะทำได้รึเปล่าก็ไม่รู้ อีกอย่างเพราะบทอื่นนอกจากตัวร้ายก็ยังไม่เคยได้เล่นเลยสักครั้ง”

          “ผมทึ่งนะ ถ้าผมไม่รู้จักคุณผมคงคิดว่าคุณต้องเป็นเหมือนตอนที่แสดงละครแน่เลย เพราะมันเป๊ะมาก”

          “คุณเอสชอบดูละครหรอค่ะ”

          “ไม่เท่าไหร่ครับ จริงๆ คุณแม่ผมท่านติดละครแล้วชอบบ่นชอบสปอยล์ให้ผมฟังบ่อยๆ”

          “หรอค่ะ”

          “ครับ ติดขนาดไม่ไปงานโน่นนี่นั่นกับคุณพ่อทั้งที่ทุกทีไปไหนจะหนีบกันไปเป็นปลาท่องโก๋ตลอด ยิ่งมีป้านิ่มแม่บ้านเป็นลูกคู่แล้ว ดูละครถึงไหนถึงกันเลยทีเดียว”

          “แล้วคุณละค่ะ”

          “ผมดูบ้างครับ ถ้าไม่มีอะไรทำแล้ว”

          “อืม... คุณคงไม่ค่อยว่างเท่าไร”

          “รู้ได้ยังไงครับ”

          “ก็ดูจากที่คุณบอกว่า...ถ้าไม่มีอะไรทำแล้ว”

          “คือ...?”

          “นั่นหมายความว่าคุณมีอะไรให้ทำอยู่ตลอด ไม่ได้มีเวลานั่งดูอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ยิ่งละครแต่ละเรื่องออนแอร์ต่ำๆ ก็หนึ่งเดือน คุณคงไม่นั่งรอดูแน่ๆ”

          “ครับ ส่วนใหญ่ผมไม่นั่งรอดู แต่รอจนจบก่อนแล้วค่อยกลับมานั่งดูย้อนหลังอีกที”

          “เหมือนกันเลยค่ะ เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเวลา แล้วก็ดูเฉพาะเรื่องที่สนใจเท่านั้นเอง”

          “ไม่ใช่ดูทุกเรื่องที่ตัวเองเล่นหรอครับ”

          “ก็ดูบ้างค่ะ เพื่อจะได้รู้ว่าเราทำได้ดีแล้วรึยังหรือว่ายังจะดีได้กว่านี้อีก”

          “ผมว่าคุณเล่นได้ดีแล้วนะ”

          “ดูจากอะไรค่ะ”

          “จากที่ผมเห็นคุณตัวเป็นๆ กับคุณตอนเล่นละคร มันต่างกันมาก ไม่ทราบว่ามีเคล็ดลับอะไรรึเปล่าครับ” ร่างสูงถามยิ้มๆ อารมณ์ดี นึกดีใจสุดๆ ที่คนข้างกายยอมพูดด้วย แต่จริงๆ เธอก็พูดกับทุกคนนะ เพียงแต่ความเป็นกันเองแบบนี้เป็นครั้งแรกที่เธอเป็นต่อหน้าเขา

          “ก็... จะว่าเป็นเคล็ดลับรึเปล่าไม่รู้นะค่ะ เพียงแค่นึกถึงตัวเองตอนเป็นบ้า ควบคุมตัวเองไม่ได้อะไรประมาณนั้น หรือไม่ก็ตอนที่เรากดดันเครียดสุดๆ เราอยากทำอะไรไม่ต้องดูความเหมาะสม ไม่ต้องอดกลั้นปลดปล่อยเต็มที่ ไม่ต้องทนเก็บไว้ให้มันค่อยๆ หายไป ระเบิดมันออกมาตอนนั้นเลย เดย์คิดว่ามันเหมือนเป็นการปลดปล่อยความเครียดให้ตัวเองวิธีหนึ่ง แต่ก็แอบกลัวเหมือนกันนะค่ะว่าคนที่เล่นด้วยจะรับไหวรึเปล่า” พูดไปก็แอบขำไป เพราะจำได้ว่าตอนเล่นละครใหม่ๆ เธอเครียดมากเพราะทำยังไงก็ไม่ดีสักที ผู้กำกับก็บอกว่าใช้ไม่ได้อยู่นั่น จนเธอเก็บกดเอาไว้แล้วจนทนไม่ไหว แล้วระเบิดอารมณ์ใส่เพื่อนนักแสดงวันนั้นจนเขาสั่นเป็นเจ้าเขาเพราะกลัว แต่แทนที่ผู้กับกับจะเห็นใจกลับรันงานต่อจนจบฉาก แล้วนั่นเองทำให้เธอรู้ว่าผู้กำกับต้องการสอนให้เธอได้เข้าถึงอารมณ์ของตัวร้ายที่เปิดเผยว่าไม่ต้องเกรงกลัว เกรงใจ เอาแต่ใจให้ถึงที่สุด อะไรประมาณนั้น

          “ขำอะไรครับ” หลังจากที่คู่สนทนาเงียบไปเขาก็แอบมองจึงเห็นว่าเธอแอบขำ จึงนึกสงสัย

          “เปล่าค่ะ แค่นึกถึงเมื่อก่อน ตอนที่ยังระเบิดอารมณ์ไม่เป็นนะค่ะ”

          “ยังไงครับ”

          “ก็โดนกดดันจนระเบิด สุดท้ายก็ทำให้เพื่อนนักแสดงที่เข้าฉากด้วยกลัวจริงๆ แล้วก็ร้องไห้ไม่หยุดเลย ปลอบตั้งนานกว่าจะหาย”

          “ขนาดนั้นเชียว แล้วเดย์อยากเล่นบทอะไรอีกมั้ยครับ”

          “ก็มีนะค่ะ อย่างบทร้ายเงียบประเภทเฉือนอารมณ์ เดย์คิดว่ามันท้าทายกว่าบทตัวร้ายโวยวายนะ คือ เดย์คิดว่ามันดูมีท่ามากกว่านะค่ะ แล้วก็น่าจะเล่นยากด้วย”

          “แล้วบทนางเอกละครับ ไม่อยากเล่นบ้างหรอ”

          “ไม่ไหวหรอกค่ะ ปล่อยให้คนมีฝีมือเขาเล่นดีกว่า”

          “ผมว่าคุณก็เก่งนะ”

          “เห็นพี่แหววเขาว่าตอนคัดเลือกตัวละคร เขาดูที่อิมเมจค่ะ แล้วก็แบลคกราวด์ที่เคยเล่นมา เดย์ได้บทตัวร้ายมา ภาพที่จะให้ไปเล่นเป็นนางเอก คนดูคงไม่ชิน”

          “นั่นสินะครับ ทำละคร คัดเลือกนักแสดงเขาดูอิมเมจแล้วที่สำคัญ ภาพติดตาของผู้ชม ผมเริ่มที่ตัวร้ายเหมือนเดย์ สงสัยชาตินี้คงไม่ได้เป็นพระเอกแล้วหล่ะ” พูดไปอย่างนั้นเอง ความจริงตั้งใจแค่เรื่องนี้แหละ และสิ่งที่หมายก็คนข้างๆ นี้นี่เอง

          “คุณก็แสดงออกได้ดีนะค่ะ”

          “หรอครับ เพื่อนตัวแสบของผมมันบอกว่าแค่แสดงเป็นตัวเอง”

          “งั้นหมายความว่าคุณเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ นั่นคือ ไม่ได้แสดงอะไรเลย งั้นเดย์คงต้องระวังการคบหากับคุณแล้วล่ะ”

          “อ้าว กลายเป็นผมริบเครดิตตัวเองเสียอย่างนั้น”

          สองคนหัวเราะรวนสนุกการสนทนา และได้คุยกันอีกหลายๆ เรื่องก่อนที่ร่างบางจะตาปิดลงอย่างช่วยไม่ได้เพราะจากการที่บอกว่าคุณได้ทั้งๆ ที่ตาปิด แต่สุดท้ายก็หลับไปจนได้

          ร่างสูงแอบมองดวงหน้าหวานมาตลอดทาง นึกอยากทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น เพราะจากการพูดคุยกันแค่ช่วงการเดินทางนี้ ทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่น่าเบื่อและอยากคุยกับเธอเรื่อยๆ ร่างบางข้างๆ สมกับเป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับหนังสือ เพราะในสมองของเธอเขาเชื่อว่านอกจากคำพูดที่รู้จักใช้แล้ว ยังแฝงด้วยสาระอีกมากมายเหลือเกิน

          แต่ก็มีอยู่อย่างที่ไม่เข้าใจ ก็ความสัมพันธ์ต่างๆ ที่นักข่าวชั่งเขียนชั่งขุดคุ้ยต่างเอามาเขียนจนเป็นเรื่องเป็นราวโด่งดังกันขนาดนี้ แต่ดูเหมือนคนที่ตกเป็นข่าวจะไม่ได้เป็นทุกข์ร้อนอะไรเลย เหมือนกับเรื่องเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ร่างสูงเห็นเพียงเธออ่านๆ แล้วก็วางข่าวนั้นลงที่เดิม จากนั้นก็ใช้ชีวิตปกติ

          รถของทีมงานและรถสปอร์ตส่วนตัวของตัวร้ายหนุ่มหล่อแล่นจนมาถึงที่พัก ทุกคนต่างบิดขี้เกียจลงจากรถตู้ที่ทั้งนั่งทั้งนอนคุดคู้กันมาตลอดทั้งวัน บางส่วนก็เดินไปขนของเพื่อที่จะเข้าที่พัก

          “เดย์พักกับใครครับ” ร่างสูงถามหลังจากที่หญิงสาวตื่นเพราะรู้สึกว่ารถหยุดเคลื่อนตัวแล้ว เธอยอมรับว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นคนที่ขับรถได้นิ่มมาก เพราะทำให้เธอหลับได้สนิทจริงๆ

          “พักกับพี่แหววค่ะ” ตอบพร้อมกับเดินตรงไปที่ท้ายรถเพื่อเอาของของตัวเอง ร่างสูงเดินตามเพื่อไปช่วยยกของ

          “ขอบคุณค่ะ” ขอบคุณด้วยรอยยิ้มจริงใจ

          “ยินดีครับ”

          ทั้งสองแยกทางกันโดยที่ร่างบางเดินตามหญิงวัยกลางคนไปยังที่พักที่ถูกจัดไว้ให้ ในขณะที่ชายหนุ่มนั้นมองตามไปจนสุดสายตาก่อนจะก้มลงไปหยิบของๆ ตัวเองแล้วเดินตรงไปยังที่พักของตัวเอง

สายตาหลายๆ คู่ที่มองเห็นภาพนั้นไม่ได้จบลงแค่คนสองคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จึงเกิดเป็นเสียงซุบซิบนินทากันในวงสนทนาของช่างแต่งงาน ลามไปจนถึงทีมงาน

“คุณเอสเป็นยังไงบ้างค่ะน้องเดย์” คำถามเปิดประเด็นหลังจากที่สองสาวเดินเข้ามายังที่พักและวางของของตัวเองพร้อมกับจัดของกันไปด้วย

“เป็นยังไงค่ะ” ถามพาซื่อเพราะไม่ค่อยเข้าใจคำถาม

“พี่หมายถึง เขาเป็นสุภาพบุรุษดีมั้ย”

“ยังไง”

“อ้าว! น้องเดย์”

“คือ เดย์ไม่ได้ถามกวนพี่แหววนะค่ะ เดย์ถามว่ายังไงสำหรับสุภาพบุรุษ สภาพต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันหรือมากกว่านั้น”

“แหม ยอมแพ้เลยกับการแยกแยะนี้ เอาทั้งสองด้านค่ะ”

“ในด้านของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บอกได้เลยว่ามากเกินไป”

“ยังไงค่ะ”

“คือ แค่การนั่งรถมาด้วย พูดคุยกันถือเป็นเพื่อนปกติ แต่การบริการตักอาหาร น้ำดื่มอย่างออกหน้าออกตาเหมือนเมื่อตอนกลางวัน อันนั้นมันเหมาะที่จะแสดงกับคนที่มีอะไรที่เป็นพิเศษต่อกันค่ะ ไม่เหมาะที่จะทำกับเพื่อนธรรมดา”

“อืม...กระจ่าง งั้น...น้องเดย์จะรับไมตรีมั้ยค่ะ”

“รับแต่เฉพาะความเป็นเพื่อนธรรมดาค่ะ แต่ถ้ามากกว่านั้นคงไม่เพราะเดย์บอกแล้วว่าเดย์ไม่ว่า พี่แหววก็รู้ว่าในหัวเดย์ตอนนี้ไม่ค่อยมีพื้นที่ว่างสักเท่าไร เดย์คงไม่เอาเรื่องเขาเข้ามาเติมส่วนที่เหลือน้อยของตัวเองหรอกค่ะ”

“แจ่ม! หมายความว่าพ่อแบดบอยตัวร้ายกินแห้วเข่งใหญ่เลย”

“ทำไมพี่แหววถึงคิดว่าเขาจะกินแห้วจากเดย์ละค่ะ จริงๆ แล้วคุณเอสเขาคบอยู่กับคุณเกรทไม่ใช่หรอ ถ้าจะกินแห้วคงไม่ได้กินจากเดย์แน่ค่ะ” พูดแล้วยิ้มหวานก่อนผละออกเดินเข้าห้องน้ำเพราะต้องการอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นกว่านี้หน่อยหลังจากที่ทนเมื่อยขบกับการนอนในรถมาทั้งวัน

“โธ่! น้องรัก เขาจะกินแห้วจากแม่นางเอกตัวร้ายได้ยังไง เพราะเป้าหมายน่ะคือน้องสาวคนดีของพี่นิค่ะ” แหววบ่นกับตัวเองเบาๆ หลังจากที่เห็นว่าคนที่เธอเปรียบดั่งน้องสาวเดินหายลับไปหลังประตูห้องน้ำ

 

รู้สึกดีครับวันนี้ เพราะเธอคนนั้นอยู่ใกล้ ได้พูดคุยก็สุขใจมีความสุขจริงๆ สิ่งที่ผมเคยได้ยินเพื่อนรักบอกถึงการมองอนาคตของคนสองคนที่มีตัวเรา มีเธอคนนั้น แล้วมองเลยไกลไปอีกหน่อยก็จะเห็นภาพของดวงใจของเรา ตอนนี้ผมเป็นอย่างที่เพื่อนรักอัยรินธรเคยบอกเอาไว้ แต่มันหาคือตอนนี้ผมจะทำอย่างไรให้วันเวลาที่นึกถึงนั้นมันเขยิบเข้ามาใกล้อีกนิดกันละ หวังจะพึ่งไอ้เพื่อนรักเอ็มตัวแสบก็คงหมดหวังเพราะมันนั้นทำตัวเป็นไม้ตะเคียนขวางคลองไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ผมสังเกตมาสักพักว่ามันไม่ให้ความร่วมมือกับผมเลย ไม่รู้มันหวงอะไรนักหนา จะว่ามันมีใจให้ว่าที่ภรรยาของผมก็ไม่น่าใช่เพราะเมียมันไม่อยู่เฉย อีกอย่างมันเองก็คงไม่อยากมีปัญหากับเมียมันแน่นอน แต่ที่ยิ่งแปลกใจคือเมียมันไม่มีทีท่าอะไรเลย สงสัยผมคงต้องหาแผนวางเพลิงบ้านมันสักหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรดีๆ มาบ้าง ตอนนี้ไม่มีเพื่อนคู่คิดครับ เพราะรอบตัวมีแต่ไม้ตะเคียนขวางเรือ ว่าแล้วก็กดหาอีกคนดีกว่า รอสายไม่นานก็ได้ยินเสียงตอบกลับจากปลายสาย

“ว่าไงเอส”

“ฉันมีเรื่องมาปรึกษา” แต่เอ... เหมือนได้ยินเสียงกระจองอแงอยู่อยู่ใกล้ๆ

“เอ่อ ว่าไป” ‘โอ้เอ้ คนดีของปะป๋า อย่าร้องนะครับน้องกัลป์คนดี คนเก่งนะ’

“เป็นพ่อลูกอ่อนเลยเพื่อนกู” แซวขำๆ เพราะไม่คิดว่าคนอย่างอัยรินธรจะเป็นได้ถึงขนาดนี้

“อย่าแซว มีอะไรว่าไป ถ้าไม่มีก็วางไปจะกล่อมลูกนอนแล้ว”

“คร๊าบๆ คุณพ่อมือใหม่” ไม่วายขอแซวอีกหน่อย “ตอนนี้ฉันเข้าใกล้เธอได้อีกก้าวแล้วนะโว้ย”

“ยังไง”

“ก็วันนี้เรานั่งรถมาด้วยกัน ได้คุยกันหลายอย่างทำให้ฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เขามีดีให้ฉันได้ไขว่คว้าจริงๆ เธอฉลาดแล้วก็มองคนออก”

“นั่นดูจะเป็นปัญหาสำหรับแกนะ”

“ยังไง”

“ฉลาดแล้วก็มองคนออก นั่นหมายความว่าเขารู้สันดารแกไงไอ้เพื่อนโง่ พอจะโง่ก็ไม่มีใครฉุดอยู่เลยนะ” ‘โอ๋ๆ ปะป๋าไม่ได้ว่าลูกนะครับน้องกัลป์ ปะป๋าขอโทษที่พูดไม่เพราะนะ’ ประโยคหลังนี้หันไปปลอบทารกน้อย

“อ้าว! แล้วฉันทำไงวะ”

“ถ้าเขารู้ว่าแกเป็นคนยังไงรับรองเลยแกถูกตีวงออกห่างชัวร์”

“เฮ่ย! งั้นฉันก็ชวดสิ ไม่ได้นะโว้ยคนนี้ฉันจริงจัง จะจับมาทำเมียเป็นแม่ของลูกโว้ย”

“ใจเย็นไว้เพื่อน”

‘เอาน้องกัลป์มาให้เพชรเลย แล้วคุณมีธุระอะไรก็ไปเคลียร์ให้เรียบร้อย’ เสียงเขียวปลายสายทำให้ผมนึกแปลกใจ แต่ก็รู้นั่นแหละว่าเป็นเสียงของหวานใจไอ้เพื่อนรักมัน

‘ครับ เดี๋ยวผมมานะเพชร ขอไปคุยกับเพื่อนก่อน มันมีเรื่องปรึกษา’

‘นั่นมันเรื่องของคุณ’

“เฮ่ย!” เสียงถอนหายใจปลายสายทำให้ผู้รู้ว่าเพื่อนเองก็มีปัญหาเหมือนกัน

“เป็นไรว่ะ”

“ก็เพชรเขาเข้าใจฉันผิดอยู่”

“เรื่องอะไร”

“เมื่อวานแจสโทรเข้ามา ซวยตรงที่ฉันออกไปข้างนอกแล้วไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป เพชรเขารับสายเห็นบอกว่าจะให้บอกให้โทรหาฉันทีหลัง เพราะแจสเขาโทรแบบกระหน่ำสุดๆ เสียงเรียกเข้าดังจนคนทั้งบ้านรำคาญเธอเลยมารับสายให้ แต่แจสดังโวยใส่เพชรเขาไปยกใหญ่หาว่าแย้งฉันไปจากหล่อนอะไรประมาณนั้น”

“แล้ว”

“แล้วเพชรก็บอกว่าฉันอยู่ที่ไหนแล้วให้แจสเขามาตามได้ตลอดเวลาเพราะเพชรบอกไปว่าไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน อันนี้นี่แหละที่ฉันเครียด ฉันกลับมาเพชรเขาก็เสียงเขียวใส่อย่างที่ได้ยินนี่แหละ ส่วนแจสเห็นบอกพรุ่งนี้จะมาหาถึงที่เลย”

“งานเข้าแล้วแก”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็จะบอกกับแจสเขาไปตรงๆ นั่นแหละว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอ เรื่องเมื่อก่อนมันก็เป็นอดีตที่จบไปแล้ว”

“แน่ใจมั้ยว่าคุมสถานการณ์อยู่ ไม่ไหวบอกได้นะโว้ย เดี๋ยวฉันช่วย”

“ขอบใจเพื่อนรัก ว่าแต่แกเถอะ กับว่าที่เมียแก เอาฉันเป็นบทเรียนนะโว้ย เคลียร์ให้หมดก่อนจะไปหาเขา ไม่งั้นเรื่องยุ่งแน่ เพราะเท่าที่แกเล่าให้ฉันฟังว่าเธอเป็นยังไงฉันก็พอจะนึกภาพออกว่าเป็นผู้หญิงที่ไปกะลิ่มกะเหรี่ยยิ้มย่องกับเขาไม่ได้”

“ยังไง”

“เพราะถึงแม้ว่าเขาจะรักแก แต่ถ้าแกเคลียร์ไม่หมดปล่อยคาราคาซัง รับรองได้เลยถึงแม้จะนอนด้วยกันรักกันแค่ไหน เชื่อว่าเขาถีบหัวแกส่งให้คนเก่าแน่ เพราะถือลำดับและความถูกต้อง เตือน เคลียร์ให้จบ แล้วเข้าหาเขา”

“เอ่อ ฉันจะเคลียร์จนหมดนั่นแหละ แต่แกก็รู้ว่ามันเยอะ”

“ใช่! เยอะ เพราะงี้ไง ไอ้เอ็มมันถึงไม่ช่วยแกเพราะรู้ว่าแกยังเคลียร์ไม่หมด”

“มันจะรู้ได้ไง”

“มันรู้ก็แล้วกัน จากที่ฉันโทรไปคุยกับมันมา คุยเพื่อให้มันช่วยลุ้นแกหน่อย แต่มันตอบกลับมาว่าแกยังเคลียร์ไม่จบกับคนเก่าๆ มันไม่อยากช่วยเพราะมันเองก็ถูกชะตากับน้องเขาอยากให้เขาเจอคนดีๆ สิ่งดีๆ”

“แล้วตกลงมันเห็นฉันเป็นคนไม่ดีหรอวะ”

“เพราะมันเห็นไส้แกไง มันเลยกลัวว่าแกจะทำให้น้องเขาเสียใจ”

“เอ่อ ขอบใจวะ เดี๋ยวฉันจะรีบเคลียร์กับคนเก่าๆ เลย จะไม่ให้มาเป็นปัญหาเหมือนแกแน่นอน ส่วนแก เรื่องแจสถ้ารับมือไม่ไหวโทรหาฉันได้ทุกเมื่อนะโว้ย”

“เอ่อ ขอบใจว่ะ” ปลายสายกดวางสาย ในขณะที่ต้นทางมองวิวเบื้องหน้าอย่างใช้ความคิด อย่างน้อยเขาก็เพื่อนที่คอยช่วยกันคิด ถึงแม้จะอยู่ไกลไปหน่อยก็ตาม ส่วนไอ้คนอยู่ใกล้ คงต้องเคลียร์กันเป็นเรื่องเป็นราวสักหน่อยแล้วคราวนี้

つづく.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา