ลุ้นรัก...นางร้ายเจ้าเสน่ห์
เขียนโดย ploynin
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.55 น.
แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 20.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) เรื่องลำบากใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ- เรื่องลำบากใจ
ฉันไม่เข้าใจกับชีวิตความเป็นไปของฉันในช่วงนี้สักเท่าไร เหมือนจะวุ่นวายขึ้นทุกที เหมือนจะมีคนต้องการลุกล้ำชีวิตส่วนตัวฉันมากขึ้น ทั้งๆ ที่ฉันก็อยู่ของฉันดีๆ ใช้ชีวิตทำงานและดูแลแม่ผู้เป็นที่รักและน่าสงสารของฉัน ฉันต้องการความสงบ และดำเนินชีวิตอย่างราบเรียบต่อไป มีความสุขกับงานที่ทำ หารายได้ด้วยกำลังความสามารถ มีความสุขกับการได้ดูแลตอบแทนพระคุณของผู้ให้กำเนิด แค่นี้จริงๆ ที่ชีวิตฉันต้องการ แต่ทำไมช่วงนี้ถึงได้วุ่นวายนัก
ฉันเข้าใจว่าการเป็นดารานักแสดงมันจะตามมาด้วยชื่อเสียง เงินทอง และใบเบิกทางทางสังคม แต่ต้องแลกกับชีวิตความเป็นอยู่ที่จะถูกล่วงล้ำ แต่ฉันก็มีเส้นที่ขีดไว้ชัดเจนว่าจะให้ก้าวเข้ามาได้แค่ไหน เพราะฉันนั้นแสนหวงแหนชีวิตความเป็นส่วนตัวของฉันเสียเหลือเกิน
เกิดเป็นผู้หญิงไม่จำเป็นต้องฝักใฝ่แค่เรื่องผู้ชาย หรือคู่ครอง เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกมากมายให้ได้คิด ได้ลองทำอีกมาก หากเจอสิ่งที่น่าสนใจทำแล้วมีความสุข เรื่องคู่ครองจะเป็นเรื่องรองในระดับล่างๆ ที่ใครๆ จะเอามาคิดแสวงหา
จากข่าวคราว และข่าวคาวๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ฉันไม่สามารถหยุดปากใครๆ หยุดความคิดของผู้คนได้ อยู่ที่ใครจะคิดอ่านกันไป แต่หากเป็นคนที่รู้จักฉันจริงๆ แล้ว เขาจะรู้ได้ทันทีว่าข่าวที่เป็นกระแสอยู่ทุกวันนี้ก็แค่ข่าวโคมลอยเท่านั้น ฉันยังพยายามใช้ชีวิตให้เป็นปกติ แต่บางทีก็มีบ้างที่ต้องปลอมตัวออกจากที่พักอาศัย คุณพ่อเองพยายามที่จะใช้โอกาสนี้ที่ฉันกำลังลำบากกับการหลบลี้สื่อเพื่อให้เปลี่ยนไปอยู่เพนท์เฮาส์ของท่าน ซึ่งท่านจัดไว้ให้ฉันได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่ด้วยคำหมิ่นจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นย่าแท้ๆ ฉันถึงพยายามเลี่ยงมาตลอด แต่คราวนี้คงไม่ได้ เพราะถึงขึ้นมีคนเข้ามาในห้องพักในคอนโดของฉันได้ ดูจากการงัดแงะแล้วเป็นมืออาชีพอย่างแน่นอน เพราะมีการพรางกล้องวงจรปิดภายใน และรู้ว่ายามจะเปลี่ยนเวรกันช่วงไหนเป็นอย่างดี
ห้องพักของฉันถูกลื้อค้นกระจัดกระจาย ขโมยที่เข้ามาต้องรู้แน่นอนว่าห้องนี้เป็นห้องของฉันซึ่งเป็นนักแสดงที่พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ดูจากร่องรอยนอกจากทรัพย์สินมีค่าแล้วที่มันต้องการยังมีข้อมูลเกี่ยวกับฉันบ้างบางเรื่องที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวขโมย ตู้เซฟในห้องถูกยกออกมาจากตำแหน่งเดิมที่มันตั้งอยู่ มีรอยเลื่อยโซ่ที่ใช้ล่ามตู้เซฟเอาไว้ แต่เลื่อยได้ไม่หมดทุกเส้นทำให้ตู้เซฟไม่หลุดออกจากผนัง มีการพยายามเปิดโดยการป้อนรหัสมั่วๆ แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ เพราะหลังจากที่ฉันเปิดเซฟแล้วพบว่าของมีค่าประเภทเครื่องประดับและเงินสดบางส่วนที่เก็บไว้ในนั้นยังอยู่ครบ
จากการตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปมีเพียงเงินเล็กน้อยที่อยู่ในลิ้นชักหัวเตียงซึ่งเป็นเงินสดที่ฉันเก็บเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน นาฬิกาข้อมือหนึ่งเรือนที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดจากคุณพ่อเมื่อปีที่แล้วเท่านั้น
“น้องเดย์ เชื่อพ่อนะ ไปอยู่ในที่ของเรา อย่าอยู่อย่างนี้ แค่คิดหากลูกเป็นอะไรไปใจพ่อสลายแน่”
“เดย์ปลอดภัยค่ะคุณพ่อ” ฉันตอบน้ำเสียงแกนๆ เพราะฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ
“แล้วถ้าคราวหน้าหนูไม่กลับมาตอนที่มันไปแล้ว แต่กลับมาตอนที่มันยังอยู่ แล้วมันมีอาวุธละ แล้วมันทำร้ายลูกละลูก เดย์” ท่านบีบไหล่สองข้างของฉันหนักๆ เพื่อให้รู้ว่าท่านทรมานใจแค่ไหนหากเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับฉัน และก่อนที่ฉันจะได้อ้าปากอธิบายอะไรต่อไป ท่านก็สั่งให้ลูกน้องของท่านขนของที่ยังพอใช้ได้ของฉันไปไว้ที่อยู่แห่งใหม่
และด้วยเหตุนี้ที่ท่านใช้เป็นข้ออ้างว่าคอนโดที่ฉันอยู่ไม่ปลอดภัย พร้อมยื่นคำขาดจะเอาเรื่องผู้ดูแลทุกคนให้ได้เดือดร้อน แต่หากฉันยอมย้ายไปอยู่เพนท์เฮาส์ของท่าน ท่านจะทำเป็นหลับตาลงสักข้างหนึ่งไม่เอาเรื่องราว ฉันจำใจต้องย้ายเพราะไม่อยากเห็นคนที่คอยดูแลสถานที่ต้องได้รับความเดือดร้อนเพียงเพราะฉันแค่คนเดียว แต่ฉันก็ได้ยื่นขอเสนอกลับไปว่าขอแค่เป็นห้องในคอนโดห้องใดห้องหนึ่งเท่านั้นก็พอ ซึ่งตอนแรกท่านก็ทำท่าไม่ยอม ฉันจึงยื่นข้อเสนออีกแบบคือ ถ้าไม่ตกลง ฉันจะหาที่อยู่ใหม่เอง จนท่านตกลงฉันจึงยอมให้คนของท่านขึ้นมาขนของทุกอย่างไปที่อยู่ที่ใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือเสียเท่านั้น
โชคดีที่ช่วงนั้นปิดละครไปเรื่องหนึ่งเลยทำให้มีเวลาว่างนิดหน่อยพอให้ได้จัดของเข้าที่เข้าทาง คุณพ่อท่านมาฉันหาบ่อยขึ้นเพราะใกล้ที่ทำงาน ส่วนไนท์นี่มาบ่อยสุดๆ เพราะไม่อยากอยู่บ้านใหญ่ น้องมีปัญหากับคุณพิมภกาเพราะเข้ากันไม่ได้หลายอย่าง หน้าฉากต้องยิ้มรับเพื่อความสบายใจของผู้ใหญ่ ลับหลังน้องต้องร้องไห้โฮออกมาตลอดเพราะคุณพิมภกาเธอเป็นพวกต่อหน้ามะพลับหลับหลังตะโก ทำให้น้องลำบากใจทุกครั้งจนไม่อยากอยู่ หลบได้เป็นหลบ ยิ่งช่วงเตรียมสอบไนท์มักมาขลุกอยู่ที่ห้องฉันเสมอ เพราะชอบที่ฉันมักติวข้อสอบให้ ส่วนคุณพ่อถึงท่านมาหาบ่อยแต่ไม่ค่อยมีเรื่องคุยกัน ส่วนใหญ่จะเอางานที่บริษัทมาคุยมาปรึกษาด้วยเท่านั้น
ในระหว่างนี้ฉันยังไปถ่ายละครอยู่ ซึ่งเหลืออยู่แค่ 2 เรื่อง ตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าปิดกล้องแล้วจะไม่รับงานแสดงอีก จะทำแต่งานหนังสืออย่างเดียว จะได้ไม่มีข่าวให้คุณพิมภกาเธอต้องส่งข้อความมาถากถางได้ ฉันเข้าใจไนท์ดี เพราะเธอเป็นผู้หญิงแบบนี้ทำให้น้องลำบากใจ ขนาดฉันอยู่ไกลๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวหรือเข้าใกล้วงโคจรของเธอเลยยังโดนหางเลขด้วยบ่อยๆ ไนท์เคยบอกเรื่องที่เธอส่งข้อความทั้งเมจเสจและวอยซ์เมลล์มาหาฉันในทำนองว่าร้าย แต่ส่วนใหญ่คุณพ่อท่านก็เข้าข้างคุณพิมภกาอยู่ดี คิดว่าไนท์อคติกับคุณพิมภกา จนบางทีไนท์เองมาขอหลังฐานจากฉัน ซึ่งส่วนใหญ่ฉันไม่เก็บไว้ให้เปลืองเมมโมรี่ของเครื่องหรอก หรือบางทีบางครั้งแค่เห็นหมายเลขขึ้นมาก็ลบข้อความเหล่านั้นทิ้งเลยทันที ไม่ได้สนใจว่ามันจะมีความสำคัญอย่างไร
ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับบ้านใหญ่ จริงๆ ฉันไม่อยากรับรู้ด้วยซ้ำว่าฉันยังมีพวกเขาเป็นครอบครัว ไม่สิ ไม่ใช่ครอบครัว ระหว่างพวกเราคือฉัน คนที่ให้ฉันเรียกท่านว่าคุณปู่คุณย่า และคุณพิมภกา เราไม่ได้อยู่สถานภาพที่ใกล้เคียงกับคำว่าครอบครัวได้เลย
ฉันพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะเลี่ยงไม่เผชิญหน้ากับคุณพิมภกา แต่วันนี้มันวันอะไร เธอมาหาฉันถึงที่กองถ่ายมองสีหน้าและท่าทางก็รู้ว่าตั้งใจมาไม่ดีแน่ และแล้วมันก็ไม่ดีจริงๆ เพราะการมาของเธอคือการมาตอกย้ำให้ฉันรู้ถึงสถานภาพของตัวเองที่เธอบอกว่าฉันเป็นคนอื่นสำหรับครอบครัวของเธอ ทำนองอย่าให้ฉันก้าวก่ายเพราะเป็นคนนอก
“คุณเดย์ ดิฉันมาเพราะอยากพูดกับคุณให้รู้เรื่อง”
“เชิญค่ะ” ผู้หญิงคนนี้แค่อ้าปากก็เห็นถึงลิ้นไก่ กับผู้หญิงอย่างนี้สนใจไปก็จะได้ใจ ฉันจึงเลือกที่จะรับฟังเฉยๆ เท่านั้น
“คุณเดย์ก็ทราบว่าเจ้าสั่วท่านมีงานมากมายอยู่แล้ว เป็นผู้บริหารระดับสูง มามีข่าวๆ คราวแบบคาวๆ แบบนี้ บอร์ดบริหารเขาจะคิดยังไง เขาจะมองท่านยังไงกัน ดิฉันขอร้องจริงๆ นะคะ เลิกเถอะค่ะ อย่าเข้าไปวุ่นวายกับท่านอีกเลย แค่นี้คุณปู่คุณย่าท่านก็กลุ้มใจจะแย่แล้วนะค่ะ ถือว่าเห็นแก่คนแก่เถอะ”
“ค่ะ” ฉันรับคำรับรู้สิ่งที่เธอบอก แต่สมองไม่ได้คิดตามเพราะมันหาสาระให้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าคนแก่สองคนนั้นจะคิดอย่างไร ก็คงเหมือนๆ เดิมเหมือนที่เคยเป็นมา
“ส่วนเรื่องคุณกับน้องไนท์ ถึงคุณสองคนจะเป็นพี่น้องคลานตามกันมา แต่สังคมเขาไม่ได้รับรู้ด้วยนิ อย่าทำให้น้องไนท์เสื่อมเสียนะค่ะ คุณก็รู้ว่าน้องไนท์เป็นทายาทเพียงคนเดียวของครอบครัวเรา ถ้าทำให้เขาเสียชื่อ ต่อไปใครจะไว้ใจให้เขาทำงานใหญ่ ใช่มั้ยค่ะ”
“ค่ะ”
“ดิฉันว่าคุณเดย์น่าจะคบใครสักคนเพื่อจบข่าวความสัมพันธ์เน่าๆ ที่ข่าวเขียนนะค่ะ เป็นทางออกที่ดี แล้วดิฉันจะหาใครสักคนที่เหมาะสมกับคุณให้ มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ข่าวคาวๆ ทั้งหลายจะได้หยุดลงด้วย รวมถึงออกจากคอนโดของเจ้าสัวท่านด้วย เพราะดิฉันได้ยินคุณย่าของคุณเปรยๆ กับคุณปู่ของคุณว่า สุดท้ายคุณก็ไปไม่รอด อย่างที่ท่านเคยคาดเอาไว้”
สรุปคือต้องการให้ไปไกลๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ไม่เข้าใจว่า ผู้ได้รับชัยชนะจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องเยียบย่ำคนแพ้ให้จมดินไป หรืออยู่ด้วยกันอีกไม่ได้ ฉันยืนฟังคำบ่นเชิงขับไล่ของผู้หญิงที่ชื่อพิมภกาสักพักก็เห็นว่าสาระคงไม่มีมากกว่านี้ จึงของตัวเพราะฉันมีงานอื่นที่เร่งรีบต้องทำ
“ค่ะ เอาเป็นว่าที่คุณพูดมา ฉันรับทราบแล้วจะพยายามถอนตัวออกมาจากที่ของพวกคุณให้เร็วที่สุด”
“เมื่อไหร่กันละค่ะ เมื่อไหร่คุณจะย้ายออกจากคอนโด”
“ไม่นาน”
“ไม่นานน่ะมันเมื่อไหร่”
“น้ำเสียงนี้คาดคั้นและเหมือนเป็นความต้องการของคุณเองรึเปล่า” ฉันถามออกไปตรงๆ
“เปล่านะค่ะ น้าไม่อยากให้คุณท่านทั้งสองไม่สบายใจ”
“เอาเป็นว่า ฉันเป็นลูกเกาะพ่อกินมันน่าเกลียด ส่วนคุณเป็น อืม... ภรรยาแต่ในนาม มีสิทธิ์ที่จะดูดเลือดดูดเนื้อครอบครัวนี้อย่างไรก็ได้อย่างถูกต้อง ก็เอาเป็นไปว่า น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง คุณอยากทำอะไรก็ทำไม่เกี่ยวกับฉัน ส่วนชั้นก็จะออกจากวงโคจรของคุณให้เร็วที่สุด เวลาฉันตอบได้แค่อีกไม่นาน แต่ถ้าคาดคั้นมากนักฉันจะให้คุณพ่อเซนต์ยกคอนโดนั้นให้ฉันมันซะเลย อย่าลืมว่าคนอย่างฉันทำได้ ขอแค่เอ่ยปากว่าอยากได้เท่านั้น” ด้วยอารมณ์ในตอนนี้บอกได้เลยว่าหงุดหงิดใจที่สุดกับความวุ่นวายที่เกิดจากผู้หญิงคนนี้ พอพูดแล้วก็เดินออกมาเลยเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอีกต่อไป
ที่พูดไปไม่ได้จะทำจริงๆ หรอก แค่ไม่ชอบใจเท่านั้นที่ถูกผู้หญิงคนนั้นถากถางอยู่เรื่อยๆ ฉันไม่ใช่นางเอกที่จะมีนิสัยน่อมแน้มต้องยอมรับทุกข้อกล่าวหาทั้งที่ไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้อยากเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนั้น ฉันมีครอบครัวของฉัน แล้วฉันก็อยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้ใครมาดูแล และที่ฉันฉุนขาดเลย คือ เธอมีสิทธิ์อะไรจะมาวุ่นวายเจ้ากี้เจ้าการหาคนมาคบกับฉันให้ ฉันไม่ได้ลำบากขาดแคลนถึงขนาดต้องไปขอให้เธอช่วย ผู้หญิงคนนี้วุ่นวายของแท้น่าปวดหัวจริงๆ แล้วการกระทำกับคำพูดของฉันเมื่อสักครู่ต้องทำให้เธอไม่พอใจแน่นอน ทั้งที่อุตส่าห์ตั้งใจมาตอกย้ำให้ฉันสำนึกตัวได้แท้ๆ
ความจริงไม่ต้องมาตอกย้ำกันก็ได้ เพราะฉันรู้ว่าตัวเองควรจะวางตัวอยู่ตรงไหน ขอแค่เขาอยู่ส่วนของเขา เราก็จะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันแล้ว แต่นี้เขาพยายามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับฉันโดยการอ้างว่าต้องการให้ฉันรู้ตัวไม่คิดเข้าไปวุ่นวายกับครอบครัวของเขา มันจึงการเป็นความยุ่งเกี่ยวที่ไม่พึงประสงค์ของฉันไปในตัวแต่กลับอ้างว่าเพราะฉันล้ำแดนจึงต้องมาเตือนกันบ้างให้รู้ถึงสถานะ
เรื่องครอบครัววางไว้ก่อน รอแค่งานนี้ที่ฉันกำอยู่ในมือตอนนี้หมดลงฉันก็จะเป็นอิสระสักพักเพื่อที่ตัวเองจะได้เริ่มต้นคิดหาหนทางที่เดินไปต่อ และแน่นอนว่าฉันเลือกที่จะเดินออกไปข้างหน้า สู่อนาคตที่ไม่มีครอบครัวนี้อยู่ใกล้ๆ อย่างแน่นอน
วันพรุ่งนี้ฉันมีคิวที่ต้องเดินทางไปถ่ายละครต่างจังหวัด ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเหลือแต่เวลาออกเดินทางเท่านั้น ซึ่งพี่แหววและทุกคนนัดกันที่หน้าบริษัทตอนตี 4 เราจะออกเดินทางกันด้วยรถตู้ของบริษัทเพื่อที่จะได้ถึงที่หมายก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เนื่องจากข้าวของที่ต้องใช้นั้นมีมากจึงต้องขนไปด้วยทางรถตู้ ส่วนนักแสดงบางคนที่มีงานก็จะเคลียร์งานทางนี้ก่อนแล้วจะนั่งเครื่องตามไปทีหลัง เพราะจะเริ่มถ่ายทำกันมะรืนตอนเช้าตามที่ผู้กำกับเขาสั่งมา
“ไนท์ กินข้าวรึยัง” ฉันเดินเข้าไปถามน้องชายหลังจากที่เปิดประตู้ห้องเข้ามาแล้วสังเกตว่าห้องไม่ได้ล็อคพอเข้ามาก็เห็นพ่อตัวดีนอนฟุบหน้ากับโซฟาโดยมีหนังสือกางเอาไว้ตรงหน้า
“ยังครับ ไนท์รอพี่เดย์อ่ะ ไนท์สั่งข้าวขึ้นมาแล้วพี่เดย์จะได้ไม่ลำบากทำ”
“รู้ดี”
“ก็ไนท์เห็นตารางพี่เดย์อาทิตย์นี้แล้วรู้ว่า ณ ตอนนี้พี่เดย์ต้องถึงบ้านแล้วไง”
“จ้า แล้ววันนี้มีอะไร” ถามเพราะรู้ว่ามานี่ต้องมีอะไรมาฟ้องแน่ๆ
“พี่เดย์เก่งจัง”
“ก็มาทีไรก็บ่นๆ แล้วก็ฟ้องอะไรต่อมิอะไรให้ฟังเรื่อยๆ นินา”
“ก็วันนี้อ่ะ ยัยคุณน้ามหาภัยไปพูดกับคุณปู่คุณย่าว่าไนท์ดื้อ ไม่ยอมเชื่อฟังเธอ นัดไปทานข้าวด้วยก็ไม่ยอมไปนะสิครับ เรื่องมากจริงๆ เลย”
ฉันส่งสายตาดุปรามน้องรัก เพราะถึงฉันจะไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น แต่ฉันก็ไม่อยากให้น้องชายที่รักเป็นคนก้าวร้าว ไม่มีมารยาทกับผู้ใหญ่ ก่อนเปลี่ยนเป็นคำถาม
“แล้วมีใครไปบ้างละ”
“ก็มีคุณพ่อ น้าพิม แล้วก็ไนท์ ถ้ามีแค่นั้นไนท์จะยังพอพะอืดพะอมทนร่วมโต๊ะได้ อย่างน้อยก็มีคุณพ่อที่ยังพอคุยกันได้ แต่นี่อะไร น้าพิมกลับเรียกครอบครัวคุณอากรงจักรมาด้วย ไนท์รู้ว่าน้าพิมต้องการให้ไนท์ใกล้ชิดกับยัยน้องอิงฟ้า แต่ไนท์บอกเลยว่ายัยนี่ไม่ผ่านตั้งแต่ประวัติแล้ว”
“ทำไมละ อิงฟ้าเขาไม่ดียังไง”
“ก็ยัยอิงฟ้าอะไรนี่ เพื่อนไนท์บอกว่าอยู่ที่โรงเรียนหล่อนมั่วซะ นี่ขนาดอยู่แค่ ม.5 นะ เป็นผู้หญิงสาธารณะขนาดนั้น ไนท์ชอบผู้หญิงประเภทไพรเวทครับ ไม่ใช่พลับพลิค”
“ครับพี่รู้ แต่ไม่คิดแวะข้างทางกินของฟรีบ้างหรอ” ถามลองใจ
“เอ... พี่เดย์นี่ยังไง สองให้ไนท์เป็นผู้ชายโหลยโท่ยฟันไม่เลือกซะงั้น”
“เปล่านะ แค่ถามดูเฉยๆ พี่ไม่ได้อยากให้ไนท์เป็นผู้ชายแบบนั้นสักหน่อย น้องพี่ขอให้เติบโตเป็นผู้ชายที่ดีมีความรับผิดชอบ มีความรู้ผิดชอบชั่วดีเป็นที่ตั้ง แค่นี้พี่ก็สบายใจแล้ว”
“ครับ ไนท์สัญญาว่าโตขึ้นจะเป็นผู้ชายที่ดีให้ได้เลย”
“จ้า งั้นไปทานข้าวกันนะ”
เย็นนี้ฉันนั่งทานข้าวกับน้องรัก ถึงมันจะเป็นแค่ข้าวผัดไข่ธรรมดา แต่มันก็อร่อยระดับภัตรคารเพราะการได้ทานกับน้องชายซึ่งฉันถือว่าเขาเป็นครอบครัวอีกคนหนึ่งของฉัน ไนท์อาจจะอยู่ในครอบนั้น แต่ด้วยสายเลือดแล้วเราเป็นครอบครัวที่ไม่สามารถแยกกันได้ แถมน้องก็เป็นคนน่ารัก น่าปกป้องและควรนำทางให้ไปในเส้นทางที่ถูกที่ควร ถึงจะบอกว่าไม่ยุ่งกับครอบครัวนั้นก็ตาม แต่ถ้าน้องลำบากหรือต้องการใครสักคนเพื่อให้เป็นที่ปรึกษาฉันก็พร้อมเสมอที่จะถูกผู้หญิงคนนั้นต่อว่า
“พี่เดย์ งานอาทิตย์หน้านี้พี่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ หรอครับ ผมเห็นเขียนในปฏิทินน่ะ”
“จ๊ะ พอดีละครที่พี่แสดงมีคิวต้องไปถ่ายต่างจังหวัดน่ะ”
“ที่ไหนอะไรอ่ะครับ”
“แหลมสนอ่อน สงขลาจ๊ะ”
“ไนท์อยากไปบ้างจัง แต่ต้องเตรียมสอบอ่ะ”
“ก็เอาไว้สอบเสร็จสิ เดี๋ยวพี่จะพาไป แต่ไม่ไปทะเลหรอกนะ”
“แล้วพี่เดย์จะพาไนท์ไปไหนอ่ะครับ”
“ความลับ แต่ว่าถึงตอนนั้นคงต้องขอให้น้องรักของพี่ฟิตกล้ามกันบ้างละ”
“ยินดีครับ เพื่อพี่เดย์ ไนท์ทำได้”
“จ้า อย่าคุยโม้อย่างเดียวแล้วกัน”
ว่าหยอกๆ เพราะหมั่นไส้น้องรักที่ทำเป็นเบ่งกล้ามโชว์ทั้งที่ไม่มีกล้ามตรงไหนผุดขึ้นมาให้เห็นเลย ความจริงฉันตั้งใจจะไปดูที่ที่คุณพ่อท่านซื้อให้ เห็นบอกว่าเป็นไร่องุ่นและไม้ผลอีกสองสามชนิด ก็ว่าจะลองไปดูบรรยากาศเสียหน่อย หากอากาศดีก็คิดว่าอาจจะย้ายตัวเองและแม่ไปอยู่ที่นั่นเสียเลย
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จก็ช่วยติวข้อสอบสำหรับเข้ามหาวิทยาลัยให้ไนท์จนถึงสองทุ่ม ฉันเช็คงานแปลที่ต้องส่งอาทิตย์หน้าอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง จากนั้นก็เตรียมตัวเข้านอน ส่วนไนท์นั้นต้องกลับบ้านเพราะคุณนายใหญ่ของบ้านโทรตามให้กลับ ไม่อย่างนั้นก็คงนอนที่โซฟาที่ประจำของเขานั่นและ วันนี้ตั้งใจเข้านอนเร็วหน่อยเพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้ามืด
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น คนที่มาเวลานี้คงไม่ใช่ใคร ต้องเป็นคุณพ่อแน่ๆ ฉันชั่งใจอยู่สักครู่ตัดสินใจว่าจะเปิดหรือไม่เปิดดีก็ได้ยินเสียงเคาะครั้งที่สอง คงเป็นเรื่องสำคัญจริง เพราะปกติแล้วหากฉันไม่เปิดประตูในจังหวะแรกท่านจะจากไปเอง แต่หากเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนท่านถึงจะทวนซ้ำอีกครั้งเพื่อให้ฉันเปิดประตูให้
“ค่ะ คุณพ่อ”
“น้องเดย์ พ่อขอโทษที่รบกวน พ่อมีเรื่องอยากปรึกษานิดหน่อยน่ะลูก”
“เชิญค่ะ”
ฉันเชิญบิดาเข้ามานั่งที่ชุดรับรองแล้วหาน้ำมาให้ ดูท่าทางท่านเครียดๆ ดูแล้วเรื่องที่ต้องการปรึกษาคงเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“คุณพ่อมีอะไรรึเปล่าค่ะ”
“น้องเดย์ พ่ออยากให้ลูกไปเยี่ยมคุณปู่ท่านหน่อย ท่านบ่นคิดถึงน่ะ”
“เดย์ไม่ว่างค่ะ”
“โธ่! ลูก คุณปู่ไม่สบาย ไปเยี่ยมท่านให้ท่านชื่นใจหน่อยเถอะลูก”
“กลัวแต่เดย์ไปใจท่านจะห่อเหี่ยวซะมากกว่า เดย์ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ท่านอาการแย่ลงค่ะ”
“แต่คุณปู่ท่านเป็นคนบอกเองว่าต้องการพบลูก”
ฉันนิ่งเงียบมองหน้าผู้เป็นบิดาอย่างหาทางออก ฉันไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยเลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมใครๆ ถึงอยากจะมายุ่งกับชีวิตของฉันนัก
“นะลูก คุณปู่ท่านก็แก่มากแล้ว แถมตอนนี้ไม่สบายอีก เรื่องเก่าๆ ที่เคยผ่านมาลูกลืมๆ มันไปบ้างได้มั้ย พ่อขอร้อง”
“ลืมๆ ไปบ้างนี่เรื่องอะไรค่ะ ความทรงจำของเดย์กับคนในบ้านนั้น ไม่มีอะไรดีเลยให้เดย์นึกถึง แต่ถ้าจะให้ลืม คงต้องลืมตั้งแต่รู้จักและพบเจอกันนั่นแหละ นั่นก็หมายความว่า เดย์ไม่จำเป็นต้องไปเยี่ยมคนที่ไม่เคยรู้จักกันใช่มั้ยค่ะคุณพ่อ”
“ลูก” สายตาของท่านอ่อนวอนหรือเกิน แต่ฉันต้องตัดใจทำเป็นใจร้ายเพราะไม่อยากไปให้วุ่นวายกลับมากอีก
“คุณพ่อมีเรื่องที่จะพูดกับเดย์แค่นี้ใช่มั้ยค่ะ งั้นเดย์ขอตัวค่ะ พรุ่งนี้เดย์มีงานไปต่างจังหวัดต้องออกแต่เช้ามืด” ฉันตัดพบเพราะไม่อยากได้ยินคำหว่านล้อมใดๆ อีก แล้วกลับเข้าห้องนอนทันที
つづく.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ