The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]
9.0
เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.
24 ตอน
0 วิจารณ์
25.67K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน
ในห้องที่มีเพียงผ้าม่านกั้น สองพี่น้องฮิโระนอนกันอยู่คนละเตียงในห้องทำสปา โดยมีช่างผู้ชำนาญการกำลังนวดผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการทำงานที่ผ่านมาตลอดหกวัน กลิ่นของเครื่องหอม น้ำมันหอมระเหย และเทียนหอมฟุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ
ฮิโรมิถอนหายใจเบาๆ ด้วยความสุขใจยิ่งนัก ไม่มีสิ่งไหนจะดีไปกว่าการได้นวดกดจุดเพื่อผ่อนคลายและเสริมความสวยให้แก่ผิวพรรณหรอก
ฉับพลัน มีเสียงดังมาจากอีกฟากของผ้าม่าน "เธอคิดยังไงกับทริสทรี่"
ฮิโรมิลืมตาขึ้นข้างหนึ่งอย่างหน่ายๆ "คิดว่าเขาอยู่คนละโลกกับเราน่ะสิคะ แวมไพร์อยู่กลางแสงแดดไม่ได้หรอกนะ แต่เรายังต้องเดินทาง ทำงาน ทำธุรกิจ ไม่มีเวลาไปเดตกับเจ้าสาวค่ำคืนที่ไหนหรอกค่ะ"
เธอพูดดักคอพี่ชายไว้ ราวกับรู้ใจเขาดี
ฮิโรชิหัวเราะเบาๆ "งั้นเธอก็ไม่เห็นด้วยน่ะสิ ถ้าฉันจะพาเขามาอยู่ด้วยกัน"
ฮิโรมิตอบรับพี่ชายโดยเร็ว ทั้งยังสำทับว่าหากเขาทำเช่นนั้นจริงๆ เธอจะเป็นคนพากองกำลังยกตัวทริสทรี่กลับคืนบ้านเอง เขาจะแวะไปหาแวมไพร์ตนนั้นก็เรื่องของเขา แต่การเอามาอยู่ด้วยก็เหมือนเอาเสือมาเลี้ยงไว้ในบ้าน แถมยังมีเสืออีกตัวตามกลิ่นมาล่าอีกต่างหาก วาเลนเซียไม่ใช่พวกกระจอก แถมด้วยพลังแวมไพร์ เธออาจฆ่าคนนับร้อยได้ภายในพริบตาด้วยซ้ำ
เธอคิดว่าบทสนทนาครั้งนั้นจะทำให้พี่ชายเข้าใจว่าการดูแลสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์เป็นเรื่องยาก และเธอพร้อมจะค้านมันสุดชีวิต
เครื่องบินแลนดิ้งลงตามกำหนดเวลาที่ควรจะเป็น
เธอลืมตาขึ้นมาพลางถอนหายใจด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ในมือมีรูปคฤหาสน์จากสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งกำลังดังจากคดีฆาตกรรมสังหารหมู่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
วาเลนเซียคงกำลังตามหาเจ้านายอันเป็นที่รักพร้อมๆ กับฆ่ามนุษย์ที่เธอเกลียดชังไปพร้อมกัน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พี่ชายของเธออาจโดนหางเลขไปด้วย เธอไม่มีวันยอมเสียพี่ชายเพียงหนึ่งเดียวและชื่อเสียงของตระกูลที่ไม่เคยแปดเปื้อนมลทินได้หรอก
เหนืออื่นใด เธอต้องช่วยชีวิตไม่ให้คนที่เหลือกลายเป็นซากศพรายต่อไป ฆาตกรรมหมู่รายวันที่จับตัวฆาตกรไม่ได้นี้จะต้องยุติลงเสียที!
หัวใจของฮิโรมิเต้นตุบๆ ราวกับจะหลุดออกมาจากอก เธอเคยได้ยินคำบรรยายทำนองนี้จากหนังสือรักประโลมโลกมากมาย สัมผัสของมันราวกับจะเด้งออกมาจากอกของเธอจริงๆ แต่สิ่งที่กระตุ้นมันคือความกลัวที่ลดอุณหภูมิของเธอให้ร่างกายเย็นเฉียบราวกับอยู่ในห้องแช่แข็ง
วาเลนเซีย...
ดูจากข่าว ตอนนี้เธอคงกำลังคลั่งได้ที เธอจึงเลือกที่จะมาในตอนกลางวันแบบนี้ อย่างน้อย จุดอ่อนเดียวที่แวมไพร์มีคือแสงแดด แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าระหว่างคมเขี้ยวของปิศาจสาวกับขาเล็กๆ ของเธอ อะไรจะไวกว่ากัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสียงหัวเราะหยันๆ ก็บังเกิดขึ้นในใจ มันก็ต้องเป็นคมเขี้ยวของเจ้าหล่อนแน่อยู่แล้วน่ะซี...
แต่เธอไม่อาจปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ต้องมาตายเพราะความรักบ้าคลั่งไร้สติของพี่ชายได้อีกต่อไปแล้ว ที่อยู่ของทริสทรี่คือคฤหาสน์หลังนี้เท่านั้น ถ้าเขากลับมา วาเลนเซียจะสงบลง ความสงบสุขจะกลับคืนสู่หมู่บ้านอีกครั้ง
แต่ถ้าความสงบสุขมาเยือน หมู่บ้านยังจะเป็นหมู่บ้านอยู่หรือไม่ เธอก็ยังสงสัยอยู่ เพราะสิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้มีแค่ข้าวของเท่านั้น มนุษย์ที่เคยอาศัยอยู่ต่างหลบลี้หนีหายกันไปหมด ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกลุ่มคนที่บุกเข้ามาด้วยความโกรธแค้นเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ถูกพบกลายเป็นศพอยู่ที่เชิงเขาในวันต่อมา อนุมานได้ว่าเธอคงเอาร่างพวกนั้นไปทิ้ง เพราะไม่อยากให้กลิ่นสาบมนุษย์อยู่ติดทั่วคฤหาสน์มากเกินไป
ในกระเป๋าเธอมีเพชรฆาตสีเงินพร้อมคำรามกระสุนยามคับขัน เธอรู้ว่ามันคงฆ่าวาเลนเซียไม่ได้ เพราะเธอต่อสู้กับนักล่าแวมไพร์มาหลายต่อหลายครั้ง แต่สิ่งที่เธอต้องการคือการถ่วงเวลาสำหรับหนีไปยังสถานที่ที่แสงแดดส่องถึง
และในตอนนี้ อาวุธล่าสังหารนั่นกลายเป็นเครื่องรางปลอบใจให้เธอคลายกังวลเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่
เสียงฝีเท้า...เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับทางเดินหินของคฤหาสน์ ฮิโรมิสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างเตรียมพร้อม
'...มาแล้ว!'
"เด็กชาวมนุษย์ ออกไปจากคฤหาสน์นี้เสียก่อนที่เจ้าจะไม่มีโอกาส"
วาเลนเซียนัยน์ตาแดงก่ำด้วยความไม่พอใจ เบาะแสที่ได้มีน้อยเกินกว่าจะตามหาทริสทรี่ แต่เธอวางแผนสำหรับคืนนี้แล้ว หากคนในหมู่บ้านไม่มีคำอธิบายใดๆ ให้ เธอก็พร้อมจะถามหาจากคนที่อยู่ในวงกว้างออกไป ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินตามล่าก็ตามที!
ฮิโรมิเปิดฮู้ดสีชมพูของเธอออก ดูเหมือนความเป็นชาวเอเชียของเธอจะกระตุ้นความแค้นของหญิงสาวขึ้นมาอีกระลอก เพราะเธอแยกเขี้ยวเผยฟันขาวแหลมคมน่าหวาดผวาออกมาให้อาคันตุกะไม่ได้รับเชิญได้เห็น
หากถามว่ามันข่มขวัญศัตรูได้ดีหรือไม่ ฮิโรมิตอบได้ว่ามันข่มขวัญเธอได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอนอยู่แล้ว เธอรู้สึกถึงขาของตัวเองที่กำลังสั่นระริกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาจับสั่น แต่สิ่งเดียวที่พยุงให้เธอยังยืนอยู่คือพี่ชายและผู้คน
เธอไม่อยากให้วาเลนเซียฆ่าใครอีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งที่เธอไม่อยากยิ่งกว่าคือใบหน้าของพี่ชายที่สิ้นใจ!
"ฉัน...ฉันรู้ว่าทริสทรี่อยู่ที่ไหน"
นัยน์ตาสีเลือดคู่นั้นเบิกกว้าง แทบจะพริบตาเดียวที่วาเลนเซียเลื่อนกายมายืนอยู่ต่อหน้าเด็กสาว เธอดึงแขนอีกฝ่ายจนตัวลอยขึ้นมาเหนือพื้น "เจ้ารู้จักนายท่าน!"
'จะ...เจ็บ'
ฮิโรมิน้ำตาเล็ด เธอพยายามกลั้นความเจ็บปวดพลางกล่าวลอดไรฟัน "ใช่ และฉันยังรู้ด้วยว่าทริสทรี่อยู่ที่ไหน เธอจะฆ่าฉัน หรือจะให้ฉันรอดเพื่อบอกที่อยู่ของเขากันล่ะ"
วาเลนเซียหรี่ตาลง เธอโยนร่างเล็กของเด็กสาวลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ไยดี "งั้นก็พูดมาซิ"
"ฉันจะบอก...แต่มีข้อแม้!"
"การที่ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้ก็เป็นข้อแม้ที่ดีแค่ไหนแล้ว!"
"ไม่ใช่แค่ชีวิตของฉัน!" ฮิโรมิวางมือทาบลงบนอกด้วยสีหน้าจริงจัง "แต่ฉันต้องการห้ามไม่ให้เธอฆ่าพี่ชายหรือผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป"
วาเลนเซียเสมองไปทางอื่น "แวมไพร์ต้องฆ่าคนเพื่อดำรงอยู่"
"ฉันไม่ได้ห้ามไม่ให้เธอฆ่าเพื่อเป็นอาหาร แต่ฉันห้ามไม่ให้เธอฆ่าเพื่อถามข้อมูลเรื่องทริสทรี่ อีก อ้อ! แต่ไม่ว่าจะหิวแค่ไหน...หรือเขาจะทำอะไร ฉันก็ห้ามไม่ให้เธอฆ่าพี่ชายฉันเด็ดขาด!"
"ก็ได้" วาเลนเซียไม่ใส่ใจต่อข้อแม้อันเล็กน้อยนั่นเท่าใดนัก ปกติเธอก็ไม่ได้ล่าสังหารเพื่อการอื่นอยู่แล้ว ถ้ายังนำเลือดมาดื่มได้ หรือละเว้นมนุษย์แค่คนสองคนไว้ นับว่าเล็กน้อยมากหากเทียบกับการได้ตัวเจ้านายอันเป็นที่รักกลับคืนมา "แล้วสรุปว่านายท่านอยู่ที่ไหน"
"อยู่ที่บ้านเกิดในประเทศของฉัน..." ประโยคต่อไปทำให้ฮิโรมิก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว "...กับพี่ชายฉันเอง"
พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ถึงเวลาของเธอเสียที
เมอยาสก้าซ่อนร่างของอาหารมื้อแรกไว้อย่างมิดชิด ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมหาผ้าแถวๆ นั้นมาคลุมหน้าตาและลำตัวไว้ โชคดีที่เธอเหลือบไปเห็นผ้าปิดจมูกพอดี สิ่งนี้คงพอปิดบังอะไรๆ ได้ ในห้องเสื้อผ้าก็มีชุดสำหรับผู้ป่วยอยู่ เธอเปลี่ยนเสื้อเปื้อนเลือดของตัวเองออก โดยไม่ลืมหิ้วไปทำลายหลักฐาน
เธอหวังว่าทางโรงพยาบาลจะตีคดีของเธอว่าเป็นการขโมยศพหรือทำลายหลักฐานเพื่ออะไรสักอย่าง เพราะเธอเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอย่างสูง หากไม่กรอภาพให้ช้ากว่าปกติมากๆ ไม่มีทางเห็นเธอได้ถนัดชัดเจนแน่ แถมยังมีผ้าคลุมตัวไว้อีก
เธอแกะถุงดำแถวๆ นั้นและยัดเสื้อผ้าของตัวเองลงไปก่อนจะมัดมันใหม่อีกครั้ง ให้หลักฐานทุกอย่างถูกเผาไปให้หมด เธอมองมันด้วยความพึงพอใจ ราวกับสิ่งที่ถูกทิ้งไปคือความเป็นมนุษย์ของตัวเอง
เธอยกมือขึ้นโบกรถแท็กซี่ที่บังเอิญผ่านมาพอดี โชเฟอร์มองลูกค้าในชุดโรงพยาบาลด้วยความประหลาดใจ เขาทักทายเสียงเป็นมิตร "คุณหมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วหรือครับ"
เมอยาสก้ามองด้านนอกอย่างเบื่อๆ "เปล่า ฉันออกมาเอง"
เขาหัวเราะ "งั้นคงใกล้หายแล้วสินะครับ คุณดูแข็งแรงมากเลย"
ความมืดทำให้เขามองไม่ถนัดว่าผิวของเธอซีดกว่าปกติ วาเลนเซียถูกแพร่พิษแวมไพร์ไว้ด้วยการดูดเลือดเพียงเล็กน้อย สีผิวของเธอจึงไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป ผิดกับเธอที่เลือดเกือบหมดตัว แต่บังเอิญรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
"ไม่หรอก ฉันหายเป็นปกติแล้วล่ะ แข็งแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ" เธอโคลงศีรษะไปมา ก่อนจะสบตาเขาผ่านกระจกมองหลังด้วยความเจ้าเล่ห์ "คุณรู้ไหมว่าฉันไม่มีค่าโดยสารเลยสักเหรียญเดียว"
เสียงหัวเราะของเขาเจื่อนลง "งั้นผมถือเป็นน้ำใจแล้วกัน"
จะให้ปล่อยผู้หญิงลงกลางทางเปลี่ยวก็ทำไม่ได้เสียด้วย โชเฟอร์ผู้จำเป็นต้องอารีลอบถอนหายใจอยู่ในที
"ไม่หรอก" เธอพุ่งตัวเข้ามาข้างเขา เรียกความสนใจจนเขาต้องหันมามองด้วยสัญชาตญาณ แต่ยังไม่ทันที่เสียงอุทานจะจบลง นัยน์ตาของเขาและเธอก็สบกันโดยพลัน "นายต่างหากที่ต้องถือว่าการได้รับใช้คือน้ำใจจากฉัน"
นัยน์ตาของโชเฟอร์พลันเหม่อลอยราวกับสติของเขาได้ลอยล่องไป ในรถบังเกิดเสียงระเบิดหัวเราะของเด็กสาวผมสีดำยาวสองแฉก เธอกุมท้องราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าตลกที่สุดเท่าที่ตัวเองเคยประสบมา
ในวินาทีต่อมา นัยน์ตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหายต่อสิ่งที่ตนปรารถนา
จุดหมายคือคฤหาสน์ของแวมไพร์!
To be continue.
ในห้องที่มีเพียงผ้าม่านกั้น สองพี่น้องฮิโระนอนกันอยู่คนละเตียงในห้องทำสปา โดยมีช่างผู้ชำนาญการกำลังนวดผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการทำงานที่ผ่านมาตลอดหกวัน กลิ่นของเครื่องหอม น้ำมันหอมระเหย และเทียนหอมฟุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ
ฮิโรมิถอนหายใจเบาๆ ด้วยความสุขใจยิ่งนัก ไม่มีสิ่งไหนจะดีไปกว่าการได้นวดกดจุดเพื่อผ่อนคลายและเสริมความสวยให้แก่ผิวพรรณหรอก
ฉับพลัน มีเสียงดังมาจากอีกฟากของผ้าม่าน "เธอคิดยังไงกับทริสทรี่"
ฮิโรมิลืมตาขึ้นข้างหนึ่งอย่างหน่ายๆ "คิดว่าเขาอยู่คนละโลกกับเราน่ะสิคะ แวมไพร์อยู่กลางแสงแดดไม่ได้หรอกนะ แต่เรายังต้องเดินทาง ทำงาน ทำธุรกิจ ไม่มีเวลาไปเดตกับเจ้าสาวค่ำคืนที่ไหนหรอกค่ะ"
เธอพูดดักคอพี่ชายไว้ ราวกับรู้ใจเขาดี
ฮิโรชิหัวเราะเบาๆ "งั้นเธอก็ไม่เห็นด้วยน่ะสิ ถ้าฉันจะพาเขามาอยู่ด้วยกัน"
ฮิโรมิตอบรับพี่ชายโดยเร็ว ทั้งยังสำทับว่าหากเขาทำเช่นนั้นจริงๆ เธอจะเป็นคนพากองกำลังยกตัวทริสทรี่กลับคืนบ้านเอง เขาจะแวะไปหาแวมไพร์ตนนั้นก็เรื่องของเขา แต่การเอามาอยู่ด้วยก็เหมือนเอาเสือมาเลี้ยงไว้ในบ้าน แถมยังมีเสืออีกตัวตามกลิ่นมาล่าอีกต่างหาก วาเลนเซียไม่ใช่พวกกระจอก แถมด้วยพลังแวมไพร์ เธออาจฆ่าคนนับร้อยได้ภายในพริบตาด้วยซ้ำ
เธอคิดว่าบทสนทนาครั้งนั้นจะทำให้พี่ชายเข้าใจว่าการดูแลสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์เป็นเรื่องยาก และเธอพร้อมจะค้านมันสุดชีวิต
เครื่องบินแลนดิ้งลงตามกำหนดเวลาที่ควรจะเป็น
เธอลืมตาขึ้นมาพลางถอนหายใจด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ในมือมีรูปคฤหาสน์จากสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งกำลังดังจากคดีฆาตกรรมสังหารหมู่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
วาเลนเซียคงกำลังตามหาเจ้านายอันเป็นที่รักพร้อมๆ กับฆ่ามนุษย์ที่เธอเกลียดชังไปพร้อมกัน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป พี่ชายของเธออาจโดนหางเลขไปด้วย เธอไม่มีวันยอมเสียพี่ชายเพียงหนึ่งเดียวและชื่อเสียงของตระกูลที่ไม่เคยแปดเปื้อนมลทินได้หรอก
เหนืออื่นใด เธอต้องช่วยชีวิตไม่ให้คนที่เหลือกลายเป็นซากศพรายต่อไป ฆาตกรรมหมู่รายวันที่จับตัวฆาตกรไม่ได้นี้จะต้องยุติลงเสียที!
หัวใจของฮิโรมิเต้นตุบๆ ราวกับจะหลุดออกมาจากอก เธอเคยได้ยินคำบรรยายทำนองนี้จากหนังสือรักประโลมโลกมากมาย สัมผัสของมันราวกับจะเด้งออกมาจากอกของเธอจริงๆ แต่สิ่งที่กระตุ้นมันคือความกลัวที่ลดอุณหภูมิของเธอให้ร่างกายเย็นเฉียบราวกับอยู่ในห้องแช่แข็ง
วาเลนเซีย...
ดูจากข่าว ตอนนี้เธอคงกำลังคลั่งได้ที เธอจึงเลือกที่จะมาในตอนกลางวันแบบนี้ อย่างน้อย จุดอ่อนเดียวที่แวมไพร์มีคือแสงแดด แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าระหว่างคมเขี้ยวของปิศาจสาวกับขาเล็กๆ ของเธอ อะไรจะไวกว่ากัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสียงหัวเราะหยันๆ ก็บังเกิดขึ้นในใจ มันก็ต้องเป็นคมเขี้ยวของเจ้าหล่อนแน่อยู่แล้วน่ะซี...
แต่เธอไม่อาจปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ต้องมาตายเพราะความรักบ้าคลั่งไร้สติของพี่ชายได้อีกต่อไปแล้ว ที่อยู่ของทริสทรี่คือคฤหาสน์หลังนี้เท่านั้น ถ้าเขากลับมา วาเลนเซียจะสงบลง ความสงบสุขจะกลับคืนสู่หมู่บ้านอีกครั้ง
แต่ถ้าความสงบสุขมาเยือน หมู่บ้านยังจะเป็นหมู่บ้านอยู่หรือไม่ เธอก็ยังสงสัยอยู่ เพราะสิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้มีแค่ข้าวของเท่านั้น มนุษย์ที่เคยอาศัยอยู่ต่างหลบลี้หนีหายกันไปหมด ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกลุ่มคนที่บุกเข้ามาด้วยความโกรธแค้นเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ถูกพบกลายเป็นศพอยู่ที่เชิงเขาในวันต่อมา อนุมานได้ว่าเธอคงเอาร่างพวกนั้นไปทิ้ง เพราะไม่อยากให้กลิ่นสาบมนุษย์อยู่ติดทั่วคฤหาสน์มากเกินไป
ในกระเป๋าเธอมีเพชรฆาตสีเงินพร้อมคำรามกระสุนยามคับขัน เธอรู้ว่ามันคงฆ่าวาเลนเซียไม่ได้ เพราะเธอต่อสู้กับนักล่าแวมไพร์มาหลายต่อหลายครั้ง แต่สิ่งที่เธอต้องการคือการถ่วงเวลาสำหรับหนีไปยังสถานที่ที่แสงแดดส่องถึง
และในตอนนี้ อาวุธล่าสังหารนั่นกลายเป็นเครื่องรางปลอบใจให้เธอคลายกังวลเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่
เสียงฝีเท้า...เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับทางเดินหินของคฤหาสน์ ฮิโรมิสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างเตรียมพร้อม
'...มาแล้ว!'
"เด็กชาวมนุษย์ ออกไปจากคฤหาสน์นี้เสียก่อนที่เจ้าจะไม่มีโอกาส"
วาเลนเซียนัยน์ตาแดงก่ำด้วยความไม่พอใจ เบาะแสที่ได้มีน้อยเกินกว่าจะตามหาทริสทรี่ แต่เธอวางแผนสำหรับคืนนี้แล้ว หากคนในหมู่บ้านไม่มีคำอธิบายใดๆ ให้ เธอก็พร้อมจะถามหาจากคนที่อยู่ในวงกว้างออกไป ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินตามล่าก็ตามที!
ฮิโรมิเปิดฮู้ดสีชมพูของเธอออก ดูเหมือนความเป็นชาวเอเชียของเธอจะกระตุ้นความแค้นของหญิงสาวขึ้นมาอีกระลอก เพราะเธอแยกเขี้ยวเผยฟันขาวแหลมคมน่าหวาดผวาออกมาให้อาคันตุกะไม่ได้รับเชิญได้เห็น
หากถามว่ามันข่มขวัญศัตรูได้ดีหรือไม่ ฮิโรมิตอบได้ว่ามันข่มขวัญเธอได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอนอยู่แล้ว เธอรู้สึกถึงขาของตัวเองที่กำลังสั่นระริกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาจับสั่น แต่สิ่งเดียวที่พยุงให้เธอยังยืนอยู่คือพี่ชายและผู้คน
เธอไม่อยากให้วาเลนเซียฆ่าใครอีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งที่เธอไม่อยากยิ่งกว่าคือใบหน้าของพี่ชายที่สิ้นใจ!
"ฉัน...ฉันรู้ว่าทริสทรี่อยู่ที่ไหน"
นัยน์ตาสีเลือดคู่นั้นเบิกกว้าง แทบจะพริบตาเดียวที่วาเลนเซียเลื่อนกายมายืนอยู่ต่อหน้าเด็กสาว เธอดึงแขนอีกฝ่ายจนตัวลอยขึ้นมาเหนือพื้น "เจ้ารู้จักนายท่าน!"
'จะ...เจ็บ'
ฮิโรมิน้ำตาเล็ด เธอพยายามกลั้นความเจ็บปวดพลางกล่าวลอดไรฟัน "ใช่ และฉันยังรู้ด้วยว่าทริสทรี่อยู่ที่ไหน เธอจะฆ่าฉัน หรือจะให้ฉันรอดเพื่อบอกที่อยู่ของเขากันล่ะ"
วาเลนเซียหรี่ตาลง เธอโยนร่างเล็กของเด็กสาวลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ไยดี "งั้นก็พูดมาซิ"
"ฉันจะบอก...แต่มีข้อแม้!"
"การที่ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้ก็เป็นข้อแม้ที่ดีแค่ไหนแล้ว!"
"ไม่ใช่แค่ชีวิตของฉัน!" ฮิโรมิวางมือทาบลงบนอกด้วยสีหน้าจริงจัง "แต่ฉันต้องการห้ามไม่ให้เธอฆ่าพี่ชายหรือผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป"
วาเลนเซียเสมองไปทางอื่น "แวมไพร์ต้องฆ่าคนเพื่อดำรงอยู่"
"ฉันไม่ได้ห้ามไม่ให้เธอฆ่าเพื่อเป็นอาหาร แต่ฉันห้ามไม่ให้เธอฆ่าเพื่อถามข้อมูลเรื่องทริสทรี่ อีก อ้อ! แต่ไม่ว่าจะหิวแค่ไหน...หรือเขาจะทำอะไร ฉันก็ห้ามไม่ให้เธอฆ่าพี่ชายฉันเด็ดขาด!"
"ก็ได้" วาเลนเซียไม่ใส่ใจต่อข้อแม้อันเล็กน้อยนั่นเท่าใดนัก ปกติเธอก็ไม่ได้ล่าสังหารเพื่อการอื่นอยู่แล้ว ถ้ายังนำเลือดมาดื่มได้ หรือละเว้นมนุษย์แค่คนสองคนไว้ นับว่าเล็กน้อยมากหากเทียบกับการได้ตัวเจ้านายอันเป็นที่รักกลับคืนมา "แล้วสรุปว่านายท่านอยู่ที่ไหน"
"อยู่ที่บ้านเกิดในประเทศของฉัน..." ประโยคต่อไปทำให้ฮิโรมิก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว "...กับพี่ชายฉันเอง"
พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ถึงเวลาของเธอเสียที
เมอยาสก้าซ่อนร่างของอาหารมื้อแรกไว้อย่างมิดชิด ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมหาผ้าแถวๆ นั้นมาคลุมหน้าตาและลำตัวไว้ โชคดีที่เธอเหลือบไปเห็นผ้าปิดจมูกพอดี สิ่งนี้คงพอปิดบังอะไรๆ ได้ ในห้องเสื้อผ้าก็มีชุดสำหรับผู้ป่วยอยู่ เธอเปลี่ยนเสื้อเปื้อนเลือดของตัวเองออก โดยไม่ลืมหิ้วไปทำลายหลักฐาน
เธอหวังว่าทางโรงพยาบาลจะตีคดีของเธอว่าเป็นการขโมยศพหรือทำลายหลักฐานเพื่ออะไรสักอย่าง เพราะเธอเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอย่างสูง หากไม่กรอภาพให้ช้ากว่าปกติมากๆ ไม่มีทางเห็นเธอได้ถนัดชัดเจนแน่ แถมยังมีผ้าคลุมตัวไว้อีก
เธอแกะถุงดำแถวๆ นั้นและยัดเสื้อผ้าของตัวเองลงไปก่อนจะมัดมันใหม่อีกครั้ง ให้หลักฐานทุกอย่างถูกเผาไปให้หมด เธอมองมันด้วยความพึงพอใจ ราวกับสิ่งที่ถูกทิ้งไปคือความเป็นมนุษย์ของตัวเอง
เธอยกมือขึ้นโบกรถแท็กซี่ที่บังเอิญผ่านมาพอดี โชเฟอร์มองลูกค้าในชุดโรงพยาบาลด้วยความประหลาดใจ เขาทักทายเสียงเป็นมิตร "คุณหมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วหรือครับ"
เมอยาสก้ามองด้านนอกอย่างเบื่อๆ "เปล่า ฉันออกมาเอง"
เขาหัวเราะ "งั้นคงใกล้หายแล้วสินะครับ คุณดูแข็งแรงมากเลย"
ความมืดทำให้เขามองไม่ถนัดว่าผิวของเธอซีดกว่าปกติ วาเลนเซียถูกแพร่พิษแวมไพร์ไว้ด้วยการดูดเลือดเพียงเล็กน้อย สีผิวของเธอจึงไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป ผิดกับเธอที่เลือดเกือบหมดตัว แต่บังเอิญรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
"ไม่หรอก ฉันหายเป็นปกติแล้วล่ะ แข็งแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ" เธอโคลงศีรษะไปมา ก่อนจะสบตาเขาผ่านกระจกมองหลังด้วยความเจ้าเล่ห์ "คุณรู้ไหมว่าฉันไม่มีค่าโดยสารเลยสักเหรียญเดียว"
เสียงหัวเราะของเขาเจื่อนลง "งั้นผมถือเป็นน้ำใจแล้วกัน"
จะให้ปล่อยผู้หญิงลงกลางทางเปลี่ยวก็ทำไม่ได้เสียด้วย โชเฟอร์ผู้จำเป็นต้องอารีลอบถอนหายใจอยู่ในที
"ไม่หรอก" เธอพุ่งตัวเข้ามาข้างเขา เรียกความสนใจจนเขาต้องหันมามองด้วยสัญชาตญาณ แต่ยังไม่ทันที่เสียงอุทานจะจบลง นัยน์ตาของเขาและเธอก็สบกันโดยพลัน "นายต่างหากที่ต้องถือว่าการได้รับใช้คือน้ำใจจากฉัน"
นัยน์ตาของโชเฟอร์พลันเหม่อลอยราวกับสติของเขาได้ลอยล่องไป ในรถบังเกิดเสียงระเบิดหัวเราะของเด็กสาวผมสีดำยาวสองแฉก เธอกุมท้องราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าตลกที่สุดเท่าที่ตัวเองเคยประสบมา
ในวินาทีต่อมา นัยน์ตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหายต่อสิ่งที่ตนปรารถนา
จุดหมายคือคฤหาสน์ของแวมไพร์!
To be continue.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ