The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]

9.0

เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.

  24 ตอน
  0 วิจารณ์
  26.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ทริสทรี่สังเกตได้ว่าอีกฝ่ายมักลุกขึ้นมาทำอะไรตอนกลางวันเหมือนไม่อยากให้เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยว

 

     ตอนนี้เขาทั้งคู่อยู่ในเมืองบ้านเกิดของฮิโรชิ สถานที่ที่มีคนผมสีดำตาสีดำเป็นประชากรมากที่สุด ต่างจากบ้านเกิดเมืองนอนที่เขาจากมา ที่นั่นเส้นผมของผู้คนมีสีสันมากกว่านี้ ดวงตาเองก็เช่นกัน ทั้งสีฟ้า สีเขียว สีน้ำตาล สีน้ำเงิน คละกันมากกว่าจะเด่นชัดเหมือนตาสีดำของชาวเอเชีย

 

     เขาลุกขึ้นนั่ง มองหน้าต่างที่มีผ้าม่านกำมะหยี่ทึบแสงปิดมิดชิดไม่ให้รังสีของพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาได้

 

     ฮิโรชิอยู่กับเขาทั้งคืนและทั้งวัน ซึ่งนั่นสร้างความประหลาดใจแก่ทริสทรี่เหลือเกิน เขารู้สึกเหมือนฮิโรชิไม่ใช่คนธรรมดา ถึงคฤหาสน์นี้จะไม่ใช่ของเขาเพียงผู้เดียว (ฮิโรชิอธิบายว่าแต่ละคนจะซื้อห้องเป็นของตัวเอง แม้จะอยู่ในตึกเดียวกัน) แต่กิริยาของบริกรทุกคนต่างมอบความนบน้อมแก่เขาทั้งสิ้น นั่นทำให้ทริสทรี่ตั้งข้อสังเกตว่าอีกฝ่ายคงไม่ใช่ชายหนุ่มวัยยี่สิบปีเศษทั่วๆ ไป

 

     ฮิโรชิปิดแลปท็อปของตัวเองลง พลางกลับขึ้นเตียงไปจูบที่แก้มคนรักแรงๆ ครั้งหนึ่ง “นอนเถอะ ฉันง่วงแล้วล่ะ”

 

     เพราะต้องตื่นตลอดคืนเพื่อพาเขาไปเปิดหูเปิดตาตามสถานที่ต่างๆ เวลากลางวันสำหรับฮิโรชิจึงกลายเป็นเวลานอนไปโดยอัตโนมัติ เขาไม่เคยสัมผัสความง่วง แต่ก็รู้จักมันเพราะวาเลนเซียเองก็ง่วงเป็น

 

     ทว่า...คำพูดเมื่อครู่นั้น ทริสทรี่รู้สึกว่ามันเป็นแค่คำพูดเพื่อดึงความสนใจของเขาให้ออกจากอุปกรณ์ชนิดนั้น

 

    

 

     สวนบริเวณคฤหาสน์

 

     “เรื่องราวจบลงแค่นั้น แวมไพร์สาวสังหารชายหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ ส่วนทริสทรี่ก็ได้กลับคืนบ้าน...เป็นเรื่องราวตอนจบที่สมบูรณ์แบบดีจริงๆ” ฮิโรชิเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้าง โดยมีน้องสาวนอนหนุนตักอยู่ เธอสวมชุดคลุมสีชมพูติดฮู้ดเหมือนของคู่กาย พลางปล่อยให้สายลมพัดผ่านทั้งคู่ไปอย่างสงบสุข

 

     ฮิโรมิลืมตากลมโตของตนขึ้นมา “พี่ชายชอบเรื่องนี้มากเลยเหรอ”

 

     จะเรียกว่าเธอเกิดและเติบโตขึ้นมาพร้อมเรื่องเล่านี้เลยก็ว่าได้ ทุกครั้ง เธอจะเห็นแววตาแสดงความหลงใหลอย่างที่ไม่เคยเห็นพี่ชายแสดงต่อใครมาก่อน เธอพยายามปลอบว่าตนคิดมากไป แต่ใจจริงข้างในกลับร่ำร้องว่าพี่ชายของเธอกำลังเสพมันเหมือนสิ่งเสพติดอันยากจะถอนตัว เหมือนทริสทรี่คนนั้นส่งกระแสความเย้ายวนออกมาให้หลงใหลผ่านเรื่องเล่า

 

     เธอไม่อยากยอมรับ แต่มันทำให้เธอกลัวจากใจจริง...กลัวว่าพี่ชายจะหลงเสน่ห์แวมไพร์ในเรื่องเล่านั้น

 

     ทั้งที่มัน...เป็นแค่เรื่องเล่าจากความฝันและความทรงจำจากอดีตชาติ ความรู้สึกของอายาซาชิ มันต่างจากความรู้สึกในชาตินี้โดยสิ้นเชิง ทุกสิ่งที่เขาทำลงไปก็เพื่อล่อหลอกแวมไพร์ตนนั้นก็เท่านั้น แต่ในชาตินี้ เห็นได้ชัดว่าคำหลอกลวงร้ายกาจพวกนั้นไม่ส่งผลใดๆ เลย หรือถ้าจะมี คงจะเป็นเพียงความหลงใหลได้ปลื้มที่พี่ชายเธอมีต่อแวมไพร์ตนนั้น

 

     แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ เด็กหญิงไม่เคยบอกออกไปเลยสักนิด พี่ชายของเธอไม่มีวันรู้

 

     ฮิโรชิลูบเส้นผมอ่อนนุ่มของน้องสาวเบาๆ "แล้วฮิโรมิคิดยังไง ถ้าวันหนึ่ง พี่ชายพาทริสทรี่มาอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวที่มีความสุข มีเธอ มีพี่ชาย มีทริสทรี่"

 

     "และมีวาเลนเซีย" ฮิโรมิต่อให้

 

     ฮิโรชิชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ "อ้อ...ใช่ 'อาจ' จะมีวาเลนเซียด้วย"

 

     ฮิโรมิแอบกลอกตาไปมา 'พี่ชายเจ้าเล่ห์'

 

     เห็นได้ชัดว่าแผนการครอบครัวสุขสันต์ที่พี่ชายวางแผนไว้ไม่มีผู้หญิงที่ชื่อวาเลนเซียเลยสักนิด คงเพราะวีรกรรมกับนิสัยของเจ้าหล่อนไม่เป็นมิตรต่อทุกคน ยกเว้นทริสทรี่ผู้เป็นเจ้านาย

 

     แต่ในขณะเดียวกัน ฮิโรมิมองภาพที่ใช้สองแรงดั้นด้นไปค้นข้อมูลมาอย่างครุ่นคิด ปราสาทแวมไพร์ ถึงภาพถ่ายนี้จะถ่ายตอนกลางวันที่ยังมีแสงอยู่ชัดเจน แต่บรรยากาศโดยรอบกลับไม่ให้ความรู้สึกดีเท่าที่ควร พี่ชายของเธอคิดยังไงถึงได้มองรูปซ้ำไปซ้ำมากันนะ

 

     แต่ไยต้องสงสัย นั่นก็เพราะเจ้าของสถานที่อาศัยอยู่ภายในนั้นน่ะสิ ต่อให้ต้องฝ่าป่าช้าที่น่ากลัวที่สุด ป่าดำมืดที่มีแต่เสียงครวญครางกรีดร้องของภูติร้าย ถ้าสุดปลายทางคือร่างของทริสทรี่ พี่ชายเธอก็พร้อมจะฝ่าดงขวากหนามไปได้ทั้งนั้น

 

     "แต่โรมิว่า...ถ้าพี่ชายฆ่าวาเลนเซียล่ะก็ ทริสทรี่ไม่มองหน้าพี่ชายอีกเลยแน่" เธอออกความคิดเห็น "แล้วถ้าลักพาตัวมา ทริสทรี่ก็ไม่มองหน้าพี่ชายอีกเหมือนกัน ขนาดก่อนอายาซาชิตาย เขายังยอมอภัยให้วาเลนเซียเลยไม่ใช่เหรอ"

 

     นัยน์ตาสีนิลของพี่ชายเธอแผ่รังสีอำมหิตขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ "อา...นั่นสินะ"

 

    

 

     ความฝันจบลงแค่นั่น เมื่อฮิโรมิลืมตาขึ้นมาในห้องนอนของตนเอง เบื้องหน้าคือภาพบรรยากาศของหมู่บ้านที่ยังคงมีคดีสังหารหมู่ต่อเนื่องในแลปท็อปยี่ห้องเดียวกันกับที่อยู่ในห้องของฮิโรชิ

 

     หัวหน้าคนรับใช้วัยชราในชุดสูทเปิดประตูเข้ามาหลังเสียงเคาะประตูยุติลง "คุณหนูครับ ตั๋วเครื่องบินตามที่คุณหนูต้องการถูกจองอย่างด่วนที่สุดเรียบร้อยแล้วครับ อีกสามชั่วโมงคือเวลาออกเดินทางครับ"

 

     "เข้าใจแล้ว" เธอตอบรับ "ไม่ต้องบอกพี่ชายนะ งานนี้ฉันจะเดินทางคนเดียว...อย่างส่วนตัวที่สุด"

 

     เสียงตอบรับของหัวหน้าคนรับใช้ดังขึ้นอย่างรู้หน้าที่

 

    

 

     ทริสทรี่ลืมตาขึ้นอีกครั้งช่วงหัวค่ำ เขาเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของฮิโรชิอีกแล้ว เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาไม่ชอบใจสภาวะแบบนี้เอาเสียเลย อายาซาชิทั้งอ่อนโยนและใจดี ทำไมร่างเกิดใหม่ของเขาถึงดูลุกลี้ลุกลนพิกล?

 

     เหมือน...กำลังหนีอะไรบางอย่างอยู่อย่างนั้นแหละ

 

     แต่อย่างน้อย ยังดีที่แววตาแห่งความจริงจังนั่นไม่เคยฉายมาที่เขาสักครั้ง เฉกเช่นในยามนี้ ที่ฮิโรชิหันมาหาเขาด้วยรอยยิ้มอันแสนรื่นเริง พร้อมทั้งยื่นมือออกมา "ไปกันเถอะ"

 

     ทริสทรี่งุนงง "ไปร้านซาลาเปา?"

 

     ช่วงนี้เขากำลังอยู่ในเวลาของการผจญภัย ของกินแปลกใหม่ ของใช้ที่ไม่เคยเห็น ของเล่นแบบต่างๆ ทุกอย่างดูใหม่และน่าสนุกในเมืองที่ตื่นอยู่ตลอดทั้งคืนในทวีปตะวันออกแห่งนี้ ผิดกับคฤหาสน์เดิมของเขา ซึ่งจะเงียบเหงาว่างเปล่า เพราะไม่มีกิจกรรมใดๆ ให้ผู้คนทำเหมือนอย่างในเมืองนี้

 

     และแน่นอน หนึ่งในการผจญภัยของเขาคือการตระเวนหาของกินแบบมนุษย์ที่แสนอร่อย เมื่อคืนเขาเดินผ่านร้านซาลาเปาหน้าตาน่ากิน ถ้าไม่ติดว่าในกระเพาะเขามีเลือดหนึ่งลิตรกับทาโกะยากิอีกหลายชุด เขาคงเดินเลี้ยวเข้าไปข้างในแล้ว

 

     ฮิโรชิจึงเสนอว่าเขาน่าจะมาในคืนนี้แทน

 

     แต่เรื่องราวก็มิใช่เช่นนั้น เมื่อฮิโรชิจับมือเขาวิ่งไปด้วยกัน ถึงจะยิ้มอยู่เสมอ แต่เขาสัมผัสได้ถึงความรีบของอีกฝ่ายที่เร่งร้อนแทบลุกไหม้เลยทีเดียว "มีร้านอร่อยๆ อยู่ แต่ฉันนึกได้ว่าเราต้องเดินทางกันไปอีกไกลน่ะ อดใจรอไว้ก่อนแล้วกัน ฉันจะพาเธอไปร้านที่อร่อยกว่าเมื่อคืนนี้เป็นสิบเท่าเลยล่ะ"

 

     ทริสทรี่กล่าวอย่างบริสุทธิ์ใจ "ข้าไม่อยากรบกวนเจ้าขนาดนั้น ทำไมเราไม่กลับไปที่ร้านนั้นล่ะ"

 

     "เพราะฉันรักเธอ" ฮิโรชิเอ่ย "เธอถึงต้องได้ของที่ดีที่สุดยังไงล่ะ คนรักแสนสวยของฉัน"

 

     นานมาแล้ว วาเลนเซียเคยพูดถึงมื้ออาหารค่ำของค่ำด้วยความภาคภูมิใจ เจ้านายของเธอต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เลือดที่สะอาดที่สุด ในภาชนะที่ราคาแพงที่สุด ทุกสิ่งล้วนผ่านการคัดสรรมาอย่างเลิศหรูเพื่อให้เจ้านายได้ของที่ดีที่สุด

 

     ทั้งที่คำพูดเหล่านั้นล้วนเหมือนกัน แต่ทริสทรี่กลับสัมผัสได้ว่าความรู้สึกของผู้พูดไม่เหมือนกันเลยสักนิด

 

     คนหนึ่งเชิดชูเขาไว้เสมือนเจ้าชีวิต

 

     แต่อีกคนหนึ่ง กลับใช้ชีวิตของตนเองล่ามเขาไว้เป็นโซ่ตรวนที่ตัวเขาเองไม่อาจทำลายมันลงได้

 

     อายาซาชิ...เขารักอายาซาชิ

 

    

 

     เมอยาสก้าลืมตาขึ้นมาในห้องที่หนาวจนเรียกได้ว่าเยือกแข็ง วินาทีหนึ่งที่เธอรู้สึกเหมือนลมหายใจของตัวเองขาดหายไป แต่เจ้าปิศาจร้ายนั่นรีบร้อนมากนัก มันจึงไม่รู้ว่าเธอยังไม่สิ้นชีวิตสนิทดี

 

     และสำหรับแวมไพร์ การละชีวิตเหยื่อไว้ก็เหมือนการยินยอมให้คนผู้นั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ตนเอง

 

     เธอสัมผัสรอยที่คอ มันยังเป็นหลุมเขี้ยวลงไป แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับกลับเบาบาง เบาบางมากเสียจนน่าประหลาดใจ ผิดกับความเจ็บปวดชวนให้ดิ้นทุรนทุรายเมื่อครั้งที่ได้รับบาดแผลนี้มา

 

     เสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้ตัว ปรากฏร่างของบุคคลในชุดบุคลากรทางการแพทย์ เขามองเธอที่ลุกขึ้นนั่งด้วยความประหลาดใจ "เธอยังไม่ตายหรือ"

 

     กระหาย...

 

     "อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าฉันตายแล้วหรือคะ"

 

     นัยน์ตาสีฟ้าของแพทย์ชันสูตรคนนั้นสบเข้ากับนัยน์ตาสีชาดของเด็กสาววัยสิบสี่ เพียงครู่เดียว มันฉายแววเหม่อลอยคล้ายสติสัมปชัญญะที่มีถูกดึงดูดหายไปในบ่อเลือดคู่นั้น เขาอธิบายว่ามีศพอื่นๆ ถูกส่งมาพร้อมกันกับเธอ แต่พวกนั้นมีร่องรอยว่าถูกของมีคมทำร้าย ผิดกับเธอที่ถูกส่งมาด้วยบาดแผลที่คอ ซึ่งดูเข้ากับตำนานในพื้นที่เสียยิ่งกว่าอะไร

 

     เมอยาสก้านึกย้อนกลับไป เมื่อคิดดูดีๆ ชุดของวาเลนเซียมีรอยกระสุนเจาะอยู่ แวมไพร์ไม่ตาย ถ้าไม่ถูกฆ่าตรงจุดสำคัญ แต่ใช่ว่าพวกนั้นจะเจ็บไม่เป็น และดูท่าว่าแผลที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายแก่แวมไพร์สาวผู้นั้นน่าดูชมเลยทีเดียว

 

     เธอเองก็เหมือนกัน

 

     "คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันเองก็ตายเหมือนกัน" เธอกระดิกนิ้วให้แพทย์ชันสูตรโน้มกายลงมา เสมือนอาหารเช้าเสิร์ฟถึงเตียง "เพียงแต่...ฟื้นแล้ว...ก็เท่านั้นเอง"

 

     ฉับพลัน รสเลือดอันหวานอร่อยเสมือนอาหารโอชะที่เธอไม่เคยลิ้มลองก็กระจายไปทั่วทั้งปาก เสมือนช็อกโกแลตเหลวราคาแพงระยับอันน่าหลงใหล ซึ่งจะมีเพียงเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเท่านั้นที่ได้ลิ้มลอง

 

     หรือไม่...ก็เป็นเผ่าพันธุ์แห่งนิทรากาลอันสูงศักดิ์ ซึ่งเธอได้รับเกียรติให้เข้าร่วมตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป

 

    

 

To be continue.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา