The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]
เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอายาซาชิ...
ทริสทรี่นั่งอยู่ในภัตตาคารอาหารจีนแห่งหนึ่ง ณ ย่านการค้ากลางคืนแห่งหนึ่งในฮ่องกง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มังกรไม่เคยหลับ มันพลุ่กพล่านไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวที่พร้อมจะเสพความเพลิดเพลิน บริการ และสินค้าซื้อขายที่เรียงรายกันอยู่ตลอดถนนทั้งสาย
'น่าเบื่อจัง...'
ชายหนุ่มผิวซีดนั่งกินซาลาเปาอย่างเงียบๆ อยู่ตรงมุมส่วนตัวของร้าน กระนั้น ความเป็นส่วนตัวที่พึงจะมี กลับถูกทำลายลงด้วยสาวน้อยหน้าจีนผู้สวมชุดกี่เพ้าสีแดงสดเว้าสูง สีเดียวกับยาทาเล็บและเครื่องประดับประทินโฉมอื่นๆ เรียกได้ว่าหล่อนตกแต่งร่างกายด้วยโทนสีไฟเลยก็ว่าได้ เรียวนิ้วประดับเล็บแหลมสีแดงไล้ไปตามกายของลูกค้ากระเป๋าหนักที่สั่งของขึ้นชื่อในร้านทุกอย่างโดยไม่เสียเวลามองราคา
ลี่อินใช้สายตายั่วเย้าระหว่างไต่เรียวนิ้วของตนเองบนอกอีกฝ่าย "ไง ฮิโรชิจัง ไม่ได้มาเยี่ยมตั้งนาน ลี่อินคิดถึงจริงๆ ลมอะไรหอบมาถึงภัตตาคารลี่หลี่แห่งนี้กันล่ะ หืม...?"
"ที่บอกว่าจองโต๊ะมาเดตน่ะ ไม่ได้โกหกหรอกนะ" เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มรื่นเริง "ขอแนะนำให้รู้จัก นั่นทริสทรี่...คนรักของฉัน ส่วนทางนี้คือลี่อิน เธอเป็นลูกเจ้าของภัตตาคารที่เรานั่งกันอยู่เนี่ยแหละ เรารู้จักกันสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เธอช่วยฉันไว้ได้เยอะเลยล่ะ"
"แหม ก็แค่ขุดซากขึ้นจากที่นอน ฉันเลยได้ฝึกกังฟูตอนเช้าไปในตัวไงล่ะ เห็นไหม หุ่นดีออกอย่างนี้เพราะเธอแท้ๆ เลยนะ ฮิโรชิจัง" เจ้าหล่อนใช้พัดแดงปิดริมฝีปากพลางหัวเราะคิกคัก ซึ่งคำพูดนั้นก็ดูจะไม่ผิดจากความเป็นจริงเท่าไหร่นัก เพราะรูปร่างที่ถูกขับเน้นด้วยชุดพอดีตัวนั่นชวนให้ผู้สบมองใจเต้นรัวเลยทีเดียว เธอเอนซบเพื่อนสมัยเรียนอย่างไม่สนใจว่าฝั่งตรงข้ามจะรู้สึกเช่นไร
แต่ก็เหมือนเรื่องโกหก เพราะสีหน้าของทริสทรี่ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด อันที่จริง แวมไพร์มักจะหน้าแดงไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดา และแน่นอนว่าสีหน้านั่นเป็นเพียงคำเปรียบเปรยต่อบุคคลที่ไม่แสดงปฏิกิริยาอันใดออกมาเลยสักนิดทั้งทางกาย วาจา หรืออาจรวมหัวใจที่กำลังเบื่อและเซ็งอยู่ ณ ตอนนี้
ลี่อินแลดูได้ใจ เธอเคลื่อนกายไปนั่งบนตักของฮิโรชิอย่างถึงเนื้อถึงตัว พลางใช้ตะเกียบคีบอาหารป้อนเขาอย่างเอาอกเอาใจ มองเผินๆ เหมือนเธอกับเขาคือคู่เดตแท้จริงในค่ำคืนนี้ ส่วนทริสทรี่เป็นเพียงส่วนเกินที่บังเอิญร่วมโต๊ะโดยไม่ตั้งใจ เมื่อนัยน์ตาสีเลือดเผลอสบเข้ากับนัยน์ตาธรรมชาติของชาวเอเชีย มันเปล่งประกายด้วยความเหนือกว่า ราวกับเกมนี้เธอคือผู้ชนะ น่าเสียดายที่คนถูกมองไม่เข้าใจเลยสักนิด เพียงแต่อึดอัดเล็กน้อยเหมือนโดนมองในฐานะคู่ปรับก็เท่านั้น
ฮิโรชิโอบเอวเธอไว้ "อา...นั่นสินะ นึกถึงสมัยที่เรายังเป็นรูมเมทแชร์ห้องแชรห์ผ้าห่มกันเลย เพราะคุณอาหลี่ฝากเธอไว้ ฉันเลยมีทั้งคนแชร์ห้องทั้งคนดูแลไปในตัว โชคดีจริงๆ"
"ฉันยังรอวันกลับไปแชร์อะไรๆ กับเธอเหมือนเดิมนะ ฮิโรชิจัง" ลี่อินส่งสายตาวิบวับไปให้ราวกับใส่ความนัยลงในคำพูด
ระหว่างเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุย ทริสทรี่ยังคงนั่งรับประทานอาหารส่วนของตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น คลื่นความเบื่อวูบเข้ามาเป็นพักๆ สลับกับการนึกถึงวาเลนเซีย เขานึกห่วงผู้คนในหมู่บ้านขึ้นมาเป็นครั้งแรก ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ความบ้าคลั่งของหล่อน เธอแสดงให้เห็นมาครั้งหนึ่งเมื่อร้อยปีก่อน และนั่นหมายถึงการต่อสู้กับคนที่มีอาวุธครบมือ แต่กับหมู่บ้านที่แสนสงบสุขแห่งนั้น มันคงเป็นภาพอันแสนสลด
ความคิดเขาไม่ได้ใส่ใจต่อภาพเบื้องหน้าเลยแม้แต่น้อยนิด
"ไม่มี...ไม่มี!"
ฮิโรมิขาสั่นจนหมดแรงยืนลงไปกองกับพื้นหลังประตูห้องด้านใน ข้างตัวเธอคือแวมไพร์สาวผู้มีมีดยาวลายสวยพกติดตัวอยู่ สีหน้าของเด็กหญิงซีดเผือดราวกับเลือดทั้งหมดไหลลงไปกองกับปลายเท้า ร่างเธอสั่นระริก เพราะเข้าใจว่าวาเลนเซียจะรู้สึกอย่างไรที่คิดว่าเธอหลอกพามาที่นี่ และที่เลวร้ายที่สุด ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินสนิทแล้ว ไม่มีแสงแดดอะไรมาขู่ให้เธอกลัวได้อีก หรือถ้าจะมี ผ้าม่านกำมะหยี่ทึบแสงที่ปิดหน้าต่างทุกบานในห้องนี้ก็อยู่ไกลเกินกว่าเธอจะเอื้อมถึง
เธอพาวาเลนเซียมาเพื่อช่วยหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ คนที่จะกำลังจะกลายเป็นศพคงเป็นเธอเสียเอง!
ฮิโรมิกรี๊ดลั่นเมื่อโดนดึงแขนขึ้นมา น้ำตาเธอไหลพรากด้วยความกลัว "ไม่นะ! ไม่! ฉัน...ฉันไม่ได้โกหก สายข่าวบอกว่าพี่ชายกับทริสทรี่อยู่ในนี้จริงๆ แต่พวกเขาคงไหวตัวทันเลยหนีไปแล้ว!"
"ข้ารู้" เสียงของวาเลนเซียนิ่งสงบมากกว่าที่ใครจะคาดคิด กระนั้น ผู้ฟังยังคงจับสัญญาณความคุกรุ่นกลายๆ ได้ในน้ำเสียงนั้น "แก้วในห้องครัวมีกลิ่นเลือดติดอยู่ จมูกของแวมไพร์มีประสาทสัมผัสที่ไวกว่ามนุษย์หลายเท่า และดูท่าว่ามันคงถูกใช้มามากกว่าหนึ่งครั้ง กลิ่นของมันถึงยังติดทนอยู่อย่างนี้"
ฮิโรมิเหลือบตามองอย่างหวาดๆ "เธอรู้ว่าฉันไม่ได้โกหกใช่ไหม"
"สภาพห้องนี้ ต่อให้เป็นตอนกลางวัน ข้าว่าตัวเองยังอาศัยอยู่ได้เลยด้วยซ้ำ ผ้าม่านทึบทั้งหมด ไม่มีทางให้แสงลอดเข้า หากนายท่านจะเคยอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ" วาเลนเซียหรี่ตาลง เธอกล่าวลอดไรฟัน "แต่ถ้าเจ้ายังทำให้ข้าเสียเวลาอีก ข้าจะทำให้เจ้าเป็นมื้อค่ำเสีย!"
ฮิโรมิพยายามสะกัดกลั้นความกลัว ด้วยความที่รู้ว่านั่นเป็นเพียงแค่คำขู่ระบายความโกรธของแวมไพร์สาวตรงหน้า เธอใจเย็นพอที่จะไม่ตอบโต้ว่านั่นเป็นคำขู่ที่น่าเชื่อถือน้อยที่สุดในโลก
วาเลนเซียรู้แน่ชัดว่าทริสทรี่เคยอยู่ที่นี่ นั่นแปลว่าที่อยู่แห่งต่อไปของเขาก็ต้องอยู่ในกำมือเธอด้วยเช่นกัน โลกนี้กว้างใหญ่เกินกว่าคนใจร้อนอย่างวาเลนเซียจะอดทนได้ หากเธอฆ่าคนระหว่างตามหาเจ้านายไปเรื่อยๆ ร่องรอยการฆาตกรรมจะสาวมาถึงตัวเธอในที่สุด แสงแดดและจำนวนคน ชัยภูมิที่ไม่คุ้นเคย มีหลายอย่างที่เธอตกเป็นรองมากเกินไป ทางออกที่ง่ายและเป็นไปได้ที่สุดคือการไว้ชีวิตกุญแจนำทางดอกนี้เท่านั้น
"ข่าวของฉันสิ้นสุดลงตรงนี้ มีเพียงทางเดียวคือเธอต้องไว้ชีวิตฉัน และให้เวลาลูกน้องของฉันได้สืบข้อมูลสักหน่อย พี่ชายฉันไม่ใช่คนโง่ แต่ไม่มีใครที่ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้หรอก"
"ข้าให้เวลาเจ้าเท่าใดก็ได้ที่เพียงพอจะพาข้าไปพบนายท่านภายในคืนนี้"
ฮิโรมินิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ "ถ้าเรื่องที่พักล่ะก็ ห้องนี้ยังว่างนะ แวมไพร์อยู่ได้สบายไม่ใช่หรือ ยังไงเธอก็กลับคฤหาสน์ไม่ทันรุ่งสางแน่ๆ"
วาเลนเซียพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ คำพูดของอีกฝ่ายดูมีเหตุผลดี
"ส่วนเรื่องอาหาร ฉันจะจัดมาให้เธอเอง อย่าออกไปล่าใครเข้าล่ะ เมืองใหญ่อย่างนี้มีกล้องวงจรปิดเต็มไปหมด ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าให้ที่พักฆาตกรโรคจิตหรอกนะ" ฮิโรมิออกข้อห้ามอีกฝ่ายโดยเร็ว "แล้วถ้าพวกนั้นลากเธอออกไปกลางแสงอาทิตย์ เธอเสร็จแน่"
วาเลนเซียเชิดหน้า "ข้าไม่เคยอิ่มด้วยอาหารแบบมนุษย์หรอกนะ"
"ฉันรู้ พี่ชายฉันเป็นพวกบ้า ทั้งบ้าทั้งหลงใหลเจ้านายเธอเลยล่ะ ฉันคิดว่าเขาคงไปลากตัวกรีดเลือดคนที่เจ้านายเธออยากจัดเป็นมื้ออาหารค่ำเลย ถ้าทำได้ และด้วยอิทธิพลของตระกูล ฉันว่าเขาคงทำได้จริงๆ นั่นแหละ วางใจเถอะ เรามีโรงพยาบาลเอกชนอยู่ในเครือ แค่เลือดลิตรสองลิตรพอจะจัดมาได้อยู่แล้ว อืม จริงสิ ใช้โรงพยาบาลที่เดียวกับพี่ชายเลยแล้วกัน เธออยากดื่มเลือดกรุ๊ปเอ เอบี บี หรือโอกันล่ะ?"
วาเลนเซียไม่รู้จักสิ่งที่เด็กหญิงว่ามาสักนิด สิ่งที่เธอกระทำมีเพียงรอยยิ้มแสยะแยกเขี้ยว "ตามใจเธอแล้วกัน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเลือดมนุษย์ก็หวานหอมอร่อยทั้งนั้น ยิ่งมีเหยื่อที่ดิ้นทุรนทุรายจนถึงวินาทีสุดท้ายยิ่งอร่อยขึ้นชนิดที่ลืมไม่ลง"
เสียงประตูปิดแทนคำตอบทั้งหมด
มื้ออาหารนั้น คนที่แตะต้องมันทั้งหมดเกือบจะเป็นทริสทรี่ เพราะคนสั่งและเจ้านายคนเสิร์ฟกำลังพูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างออกรส จะมีเรื่องขัดใจอยู่บ้างก็ตรงคำถามของบริกรและคำถามเรื่องรสชาติกับความประทับใจของผู้จัดการ ซึ่งลี่อินไล่ไปด้วยความโมโห และสายตาที่ดูจิกกัดต่อพนักงานเสิร์ฟชุดกี่เพ้าที่ทยอยเดินมาไม่หยุดไม่หย่อนเสียที อาหารควรจะเสิร์ฟเสร็จไปตั้งนานแล้วในความรู้สึกของเธอ แต่ดูเหมือนว่ารายการที่สั่งนั้นจะไม่อำนวยเท่าใดนัก อาจเพราะฮิโรชิอยากให้คู่เดตตัวจริงได้ลองชิมหลายๆ อย่าง
แต่การกระทำของคู่เดตตัวจริง (ภาคปฏิบัติ) ก็ทำให้เขาอดแนะนำอาหารและรสชาติก่อนรับประทานแก่ทริสทรี่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนิสัยลองชิมได้โดยไม่กังวลเรื่องรสชาติ หรือเพราะการหัวเราะต่อกระซิกของเพื่อนสมัยเรียนที่พูดจาตรงไปตรงมาว่าเคยนอนร่วมห้องกันใกล้ชิดกันมาก่อน ทำให้ทริสทรี่ไม่รู้ว่าจะถามขัดขึ้นมาตรงไหนดี
ในที่สุด คนที่ละออกจากวงสนทนาเสียเองจึงเป็นฮิโรชิ ซึ่งยังมีคนนั่งซบอกเขาอยู่ราวกับจับจองเป็นเจ้าของ "เป็นไงบ้าง ทริสทรี่ของฉัน"
เขาตอบกลับมาเบาๆ "อิ่มดี"
อันที่จริง เป็นดังคำพูดของวาเลนเซีย อาหารของมนุษย์ไม่อาจทำให้เขาอิ่มหรือหิวได้ สิ่งที่ทำให้เขาอิ่มคือเลือดที่ดื่มมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ การลิ้มลองอาหารประเภทต่างๆ คือการลิ้มลองถูกต้องตามความหมายทุกตัวอักษร มันเป็นเพียงการสัมผัสรสชาติ แต่ไม่ได้รับประทานเพื่ออิ่ม
ลี่อินกล่าวเสียงหวานราวกับสาวสวยแสนมีน้ำจิตน้ำใจ
"จริงเหรอ อิ่มแน่นะ ถ้าไม่อิ่มก็บอกได้เลย เพื่อนของฮิโรชิจังทั้งที อุ๊ย! ไม่ใช่สิ ต้องคู่เดตสินะ คู่เดตของฮิโรชิจัง" เธอหัวเราะคิกคัก "แหม ฉันเนี่ยแย่จริงๆ ดันจองตัวฮิโรชิจังไว้คนเดียวเสียได้ เธอคงไม่โกรธกันนะ?"
ทริสทรี่เอ่ยเสียงเบาดังเดิม "ข้าไม่รู้ว่าต้องโกรธอะไร"
"ใจดีจัง" ลี่อินลูบไล้แผ่นอกของเพื่อนสมัยเรียนอีกครั้ง "เป็นคนอื่นเขาคงโมโหแทบแย่ แต่มีน้ำใจแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน วันหลังพาฮิโรชิจังมาเดตอีกกี่ครั้งก็ได้นะ ค่าอาหารฟรีเสมอเลย"
ทริสทรี่เริ่มรู้สึกถึงการประกาศสงครามขึ้นมาทุกขณะจิต ดูเหมือนบุคคลตรงหน้าเขานี้ต้องการจะบอกเขาว่าฮิโรชิเป็นคนรักและคู่เดตของเธอ ไม่ใช่เขาอย่างที่อีกฝ่ายอวดอ้างแต่ประการใด รวมทั้งการกระทำของตัวฮิโรชิเองก็ไร้ซึ่งการปัดป้องใดๆ
เขาหวนนึกถึงใบหน้าของอายาซาชิขึ้นมาอีกครั้ง แต่ใบหน้านั้นกับใบหน้านี้ช่างแตกต่างกัน นิสัยก็เหมือนคนละคน นั่นอาจทำให้เขาไม่มีความรู้สึกหึงหวงอย่างที่ควรจะเป็น
ความแตกต่างของชาตินี้และชาติก่อน ถึงจะเป็นคนที่กลับมาเกิด มันก็ยังต่างอยู่ดีในความรู้สึกของเขา
"งั้นถ้าไม่ว่าอะไร ฉันขอยืมเวลาของเธอกับ 'คู่เดต' หน่อยนะจ๊ะ บางที อาจจะ...ทั้งคืนนี้เลยก็ได้"
To be continue.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ