The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]
9.0
เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.
24 ตอน
0 วิจารณ์
25.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
22)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“โชคดีที่มีรถวิ่งผ่านมาพอดี ไว้พรุ่งนี้ฉันจะมาเช่ารถให้เร็วขึ้นแล้วกันนะ”
หากเป็นของกินหรือของใช้บางอย่างคงไม่เป็นปัญหาในประเทศที่มีย่านกลางคืนกับร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมงกระจายอยู่ทั่วไป แต่สำหรับของชิ้นใหญ่ๆ อย่างรถเช่า ฮิโรชิยังไม่เจอร้านที่เปิดบริการหลังสองทุ่มเลยแม้แต่แห่งเดียว ขากลับของการเดินทางจึงใช้วิธีเดียวกันกับตอนขามา นั่นคืออาศัยโบกรถทุกคนที่เจอ ตอนนี้จึงกำลังนั่งอยู่ด้านหลังของรถกระบะคันหนึ่ง
ฮิโรชิโอบร่างบางไว้แนบกาย “หนาวไหม”
“น้องสาวของเจ้า นางอาการเป็นเช่นไร”
คำตอบช่างไม่ตรงกับคำถามเอาเสียเลย แต่คนถามก็ไม่ได้โกรธ เขานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะยักไหล่เล็กน้อย
“ไม่รู้สิ” เขาไม่ได้แสดงอาการใส่ใจออกมาเลยสักนิด “เราอย่าไปสนเรื่องนั้นเลย สิ่งสำคัญคือตอนนี้ฉันและเธอได้อยู่ด้วยกัน เท่านี้ก็พอแล้ว”
ฮิโรชิหลับตาลง ภาพของเด็กหญิงตัวน้อยที่งอตัวลงไปกุมใบหน้าด้วยความเจ็บปวดยังคงติดตรึง สำหรับเขา เธอคือน้องสาวคนพิเศษ เธอคือน้องสาวที่เป็นประตูเชื่อมระหว่างเขาและทริสทรี่ด้วยนิทานมหัศจรรย์จากความฝัน ในขณะเดียวกัน...คำพูดพล่อยๆ ของเธอเกือบทำลายมัน
เขาเคยเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้าง ทั้งการใช้ร่างกายและอาวุธ การยิงในระยะใกล้แค่นั้น เปอร์เซ็นต์ความพลาดน้อยเสียยิ่งกว่าอะไร บางที...อาจเพราะความเป็นพี่ชาย เขาถึงฆ่าเธอไม่ลงจริงๆ
เขาเลือกที่จะหนีมาตลอด แม้แต่ตอนนี้ก็ยังหนี ทั้งที่การกำจัดตัวขุนอย่างเด็กหญิงคนนั้นคือการจบเกมวิ่งไล่จับครั้งนี้โดยสมบูรณ์ วาเลนเซียไม่มีทางหาเขาพบได้ง่ายๆ ส่วนเมอยาสก้า เขาไม่รู้ว่าตกลงเด็กสาวคนนั้นเป็นใคร แล้วทำไมถึงเอาตัวเข้าขวางวาเลนเซียในตอนนั้น แต่ท่าทางของเธอเป็นคนยุคใหม่เต็มตัว การที่เธอใช้พลังของตัวเองตามมาได้ถึงขนาดนี้นับว่าแน่ไม่เบา เธออาจช่วยวาเลนเซียหาตัวเขาเจอก็ได้ ติดอยู่เพียงจุดเดียวคือเธอขี้ขลาดเกินไป หากฮิโรมิตาย เธอคงไม่เอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงอีกคน
เพราะอย่างนั้น...ท่ามกลางดาวพรางฟ้านับหมื่นล้านดวงนี้ หากจะมีดวงใดกำลังล่องลอยลงมา เขาอยากจะขอให้ดาวดวงนั้นบันดาลความปรารถนาสักประการ ถ้าเป็นไปได้ อย่าได้ให้น้องสาวที่น่ารักคนนั้นตามหาตัวเขาเจอเลย...
“หยุดแล้ว”
ฮิโรชิตื่นขึ้นจากภวังค์ความคิดด้วยคำพูดสั้นๆ ของคนข้างกาย แต่ดูอย่างไร มันก็ไม่น่าจะเป็นทางขึ้นสู่ยอดเขาที่ตั้งของบ้านพักตากอากาศหลังนั้นเลย เขาแตะปืนที่เหน็บเอวไว้ทันที หลังจากโดนตามเจอรอบหนึ่ง เขาไม่คิดประมาทฮิโรมิอีกต่อไป เธอมีชุดคุ้มกันอยู่ ขณะที่เขาตัดข่าวจากชุดคุ้มกันตัวเองจนสิ้น เพื่อไม่ให้นัยเนตรสะกดใจของวาเลนเซียได้ข้อมูลอะไรไป แต่ดูจากสถานการณ์เบื้องหน้า ปืนกระบอกนี้อาจมีไว้สำหรับการณ์อื่นเสียแล้ว
หนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนรถเดินเข้ามาด้วยอาการมุ่งร้าย ในมือของชายหน้าเข้มมีปืนกระบอกหนึ่งเช่นเดียวกัน
“เฮ้ย! ทิ้งของมีค่าเอาไว้แล้วไสหัวไปลงจากรถ ไม่งั้น ไส้พวกแกได้มีรูพรุนแน่ๆ”
ถ้าเขาคนเดียวน่าจะพอทำอะไรได้อยู่ ฮิโรชิดันร่างบางไปหลบด้านหลัง ถึงจะเป็นแวมไพร์ แต่ถ้าโดนกระสุนเจาะทะลุหัวใจก็จบกัน
ทริสทรี่ถอนหายใจ “เจ้าประมาทอีกแล้ว อย่าสอดมือเข้ามายุ่งเชียว ไม่งั้น...ข้าจะโกรธเจ้าแน่ๆ”
ร่างบางสั่งให้คนที่เกือบจะส่งเสียงท้วงมุดตัวอยู่เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะกระโดดลงจากท้ายกระบะด้วยอาการนิ่งสงบ เขามองมนุษย์ที่หรี่ตามองการเคลื่อนไหวด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ “นักล่าสินะ”
“หา?”
พริบตาเดียว ลำคอของคนที่ถือปืนขู่คนอยู่พลันถูกหักลงด้วยน้ำมือของทริสทรี่ ผู้ซึ่งไม่มีใครจับความเคลื่อนไหวได้ทัน เขามองมือข้างที่หักคอมนุษย์ด้วยความแปลกใจ ทั้งที่เวลาผ่านไป ระบบต่างๆ ก็น่าจะดีขึ้นแท้ๆ แต่นักล่าคนนี้ดูไม่มีประสบการณ์รับมือแวมไพร์เอาเสียเลย บทจะถูกฆ่าก็ถูกฆ่าเอาง่ายๆ
‘หรือจะเป็นนกต่อ?’
ทริสทรี่ระแวดระวังขึ้นทันใด รอบกายเขาเต็มไปด้วยกลิ่นมนุษย์หนาแน่นมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“ทริสทรี่!”
ร่างบางหันหลังกลับไปเตะคนที่พุ่งเข้ามาเต็มแรง ตามด้วยคนที่สองและสาม ฮิโรชิมองเรียวมือที่คร่าชีวิตมนุษย์คนแล้วคนเล่าด้วยดวงตาอันเปี่ยมล้นด้วยความตกตะลึง แต่สิ่งที่เรียกสติเขาคืนกลับมาได้ มันคือเสียงแบบเดียวกับอาวุธของเขาที่ลั่นมาจากทางหน้ารถหลายต่อหลายนัด
แม้จะเป็นอสูรกายที่มีกำลังมากกว่าคนธรรมดา แวมไพร์ยังมีความรู้สึกเหลืออยู่ ทริสทรี่ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยอาการเจ็บจนขยับตัวแทบไม่ได้ คราวนี้คงแย่เสียแล้ว คนที่ประมาทคงไม่ได้มีแต่ฮิโรชิ ค่าที่นักล่าแวมไพร์กลุ่มนี้ฝีมืออ่อนด้อยกว่าปกติ แต่นักล่ายังคงเป็นนักล่า หากไม่ได้ดื่มเลือดตอนนี้ กว่าแรงของเขาจะกลับมาคงถูกฆ่าเสียก่อน
เสียงลั่นไกดังขึ้นปิดท้าย โดยมีร่างหนึ่งร่วงลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
ฮิโรชิวิ่งเข้าไปประคองคนรักด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำด้วยความหวาดกลัวยิ่งกว่าครั้งใดในชีวิต หากแต่นัยเนตรสีเลือดคู่นั้นกลับทวีความตื่นตระหนกขึ้นมา ร่างบางใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดพยายามผลักไสเขาออกไป หากแต่แรงน้อยนิดของผู้บาดเจ็บกลับไม่เท่าแรงของคนที่กำลังร้อนรนระคนโทษตัวเอง ความว่องไวและพละกำลังนั่นทำให้เขาลืมระแวดระวังไปชั่วขณะ จนลืมว่าคนร้ายกลุ่มนี้ยังเหลือสมาชิกขับรถอยู่อีกหนึ่งคน
เขารวบร่างผู้บาดเจ็บวื่งขึ้นรถกระบะเก่าคันนั้นเพื่อเตรียมพาส่งโรงพยาบาล เขาไม่รู้ว่าแวมไพร์จะรักษาได้ด้วยวิธีเหมือนมนุษย์หรือไม่ แต่ที่นั่นมีเลือด สิ่งที่เป็นทั้งยาและอาหารอันล้ำค่าสำหรับทริสทรี่
“อย่า...ปล่อยข้าลง...แล้วหนีไปเสีย”
ฮิโรชิไม่สนใจคำทัดท้านนั้นด้วยซ้ำ เมื่อครู่เขาถามตามคำพูดนั้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าคราวนี้เขาต้องเสียอีกฝ่ายไปเพียงเพราะการทำตามคำพูดเหล่านี้แล้วล่ะก็ สู้ให้เขาโดนโกรธภายหลังยังดีเสียกว่า!
เขาหันรถกระบะกลับไปตามทิศทางเดิมที่จากมา พลางเปิดเครื่องนำทางหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ขณะที่ทริสทรี่นั่งพิงเบาะอยู่ข้างคนขับ ริมฝีปากเม้มแน่นจนน่ากลัว นัยน์ตาแดงก่ำลุกโพลง เขาพยายามสกัดกลั้นสัญชาตญาณกระหายเลือดของตัวเองอย่างสุดความสามารถ เลือดที่ใช้รักษามีระดับต่างกันออกไป ยิ่งบาดแผลรุนแรงมากเท่าไหร่ยิ่งต้องใช้มากเท่านั้น ที่สำคัญ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีสัญชาตญาณในการรักษาบาดแผล ไม่เว้นแม้กระทั่งอสูรกาย สำหรับแวมไพร์แล้ว หากบาดแผลนั้นกลืนกินสติมากเข้า ความกระหายจะพุ่งขึ้นถึงขีดสุดและกระโจนใส่เหยื่อที่อยู่ใกล้ที่สุด
ทริสทรี่รู้สึกได้ถึงร่างกายที่ทะยานไปยังที่นั่งฝั่งคนขับ หากเขาไม่ยั้งตัวเองด้วยการเบี่ยงทิศไปจับพวงมาลัยเอาไว้เสียก่อน รถเซถลาจากการเสียการควบคุมโดยคนขับอยู่หลายวินาทีจนร่างของเขากระแทกเข้ากับเบาะ ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นอีกครั้งอย่างน่าพิศวงท่ามกลางความชาปวดหนึบ
ฮิโรชิพยายามกล่าวโดยไม่ละสายตาจากถนน “อดทนไว้ อีกนิดเดียวจะถึงโรงพยาบาลแล้ว ที่นั่นมีเลือดเยอะแยะเลย”
ไม่มีแวมไพร์ตนไหนตายจากการถูกยิง แต่สิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งนี้ยากจะเกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ พวกเขาจึงมีสัญชาตญาณอัตโนมัติในการรักษาตัวให้ไว้ที่สุดเพื่อรับมือกับศัตรู
สิ่งสุดท้ายที่ฮิโรชิจดจำได้...คือภาพของแวมไพร์ที่กระโจนเข้าใส่ราวกับมุ่งหมายจะคร่าชีวิตเขา
ภาพฝัน ณ ห้วงเวลาหนึ่งในอดีต
“…พี่ชาย คราวนี้หนูฝันอีกแล้วล่ะ”
ฮิโรมิตื่นขึ้นมาในเช้าที่สดใส แต่สภาวะอารมณ์ของเธอกลับขุ่นมัวมากกว่าที่ควร เด็กน้อยวางช้อนลงทั้งที่เพิ่งยกขึ้นได้ไม่กี่วินาที
ฮิโรชิยกถ้วยใส่นมลายตัวการ์ตูนของน้องสาวมาวางตรงหน้า พลางยกโหลน้ำผึ้งมาผสมเตรียมปรุง น้ำผึ้งสามช้อน คนห้าครั้ง รสชาติและอุณหภูมิที่พอเหมาะ เขาส่งกลับไปให้น้องสาวดื่มเพิ่มพลังงาน ถึงเครื่องดื่มจะไม่ดีในแง่ของอาหารเช้า แต่ฮิโรมิบทจะดื้อก็ดื้อเหลือทน เธอไม่ยอมรับประทานอะไรตอนกำลังเสียใจแน่ๆ แต่ความหวานปลอบใจเด็กได้เสมอ
เขายกกาแฟขึ้นจิบโดยมิยอมแตะต้องอาหารเช้า เพื่อที่จะได้เริ่มต้นรับประทานพร้อมกับน้องสาว “งั้นเหรอ คราวนี้สองคนนั้นทะเลาะกันหรือไง”
หากเปรียบความรักระหว่างทริสทรี่และอายาซาชิเป็นซีรี่ส์เรื่องยาว ฮิโรชิคือคนที่ตามดูทุกตอนเหมือนแฟนคลับอันดับหนึ่ง เขารับฟังความรักอันแสนหวานชื่นของทริสทรี่มาอย่างยาวนาน บางครั้งเขาก็อดสงสัยในทะเลแห่งความสัมพันธ์อันแสนราบรื่นนี้มิได้ ความรักของคนทุกคนมักมีอุปสรรคแฝงอยู่ แล้วความรักของแวมไพร์แสนงามตนนั้นจะไม่มีคลื่นลมโหมแรงบ้างหรือไรกันหนอ หากเขาเข้าใจความหม่นหมองของน้องสาวไม่ผิด คลื่นลมที่ว่าคงมาถึงแล้ว
ฮิโรมิช่างใจอยู่นานในการยกแก้วนมของตัวเองขึ้นดื่ม ทั้งที่ปกติแล้ว ถึงจะรับประทานอาหารไม่ลงหรือรู้สึกอิ่มเพียงใด เธอไม่เคยรอช้าในการยกน้ำนมที่ปรุงรสด้วยฝีมือพี่ชายสักที
“อายาซาชิ...ตายแล้ว”
ฮิโรชิเริ่มเข้าใจความรู้สึกหม่นหมองของน้องสาวขึ้นมาทันใด “เขาป่วยหรือ”
ฮิโรมิสั่นศีรษะเบาๆ
“เขาทรยศทริสทรี่ แลกกับเรือ...กับเงิน เพื่อที่จะได้เดินทางกลับบ้าน” เธอเว้นวรรค “เขาถูกวาเลนเซียฆ่าตาย เขาตาย...โดยที่ทริสทรี่ยังโอบกอดเขาไว้จนถึงวินาทีสุดท้าย ส่งยิ้มจากลา เป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุด...”
เรื่องราวที่มา ต้นสายปลายเหตุซึ่งถูกเล่าขานด้วยน้ำเสียงของน้องสาว กลายเป็นเพียงบางอย่างที่อื้ออึงอยู่ในโสตประสาท ไร้ความหมาย ไร้ความใส่ใจ เสมือนเสียงของฟองอากาศที่ผุดขึ้นไม่หยุดในผืนน้ำมืดมิด เขารู้สึกเหมือนตกลงไปใต้ท้องทะเลอันลึกสุดหยั่ง หัวใจบีบคั้นด้วยความอึดอัดทรมานราวกับลมหายใจถูกช่วงชิง
‘เงิน... เรือ... ของแค่นั้นน่ะเหรอ...’
โดยไม่ทันสังเกต เด็กหญิงยังคงเอ่ยต่อไป
“...หนูรู้สึกว่าหลังจากนี้ หนูคงไม่ได้ฝันถึงเรื่องของทริสทรี่แล้วล่ะ” ดวงตาของฮิโรมิที่เศร้าสร้อยมาตั้งแต่เมื่อครู่เริ่มส่องประกายขึ้นมาอีกครั้ง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกสติและความสดชื่นให้กลับคืนมา “มันอาจจะแปลว่าหนูเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ได้นะ! ในหนังเมื่อวานก็บอกนี่นา คนเราจะโตขึ้นเมื่อผ่านเหตุการณ์อะไรสักอย่าง ดีล่ะ งั้นหนู...ไม่สิ! ฉัน...ฉันโตแล้ว ฉันจะเรียกตัวเองแบบนี้แหละ เพราะผู้ใหญ่เรียกตัวเองแบบนี้กันใช่ไหมล่ะ พี่ชายห้ามทำเหมือนฉันเป็นเด็กแล้วด้วย!”
“งั้นเหรอ” ฮิโรชิลูบศีรษะน้องสาวเบาๆ ผิดกับดวงตาที่เหม่อมองออกไปแสนไกล “ดีแล้วล่ะ โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีแล้วกันนะ ฮิโรมิ”
“ค่ะ!”
ริมฝีปากของเขาวาดวงยิ้มให้แก่น้องสาว ผู้ซึ่งเปลี่ยนคำแทนตัวเสียใหม่
‘...ส่วนเรื่องของทริสทรี่ ฉันจะแก้ไขแทนเธอเอง...’
To be continue.
หากเป็นของกินหรือของใช้บางอย่างคงไม่เป็นปัญหาในประเทศที่มีย่านกลางคืนกับร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมงกระจายอยู่ทั่วไป แต่สำหรับของชิ้นใหญ่ๆ อย่างรถเช่า ฮิโรชิยังไม่เจอร้านที่เปิดบริการหลังสองทุ่มเลยแม้แต่แห่งเดียว ขากลับของการเดินทางจึงใช้วิธีเดียวกันกับตอนขามา นั่นคืออาศัยโบกรถทุกคนที่เจอ ตอนนี้จึงกำลังนั่งอยู่ด้านหลังของรถกระบะคันหนึ่ง
ฮิโรชิโอบร่างบางไว้แนบกาย “หนาวไหม”
“น้องสาวของเจ้า นางอาการเป็นเช่นไร”
คำตอบช่างไม่ตรงกับคำถามเอาเสียเลย แต่คนถามก็ไม่ได้โกรธ เขานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะยักไหล่เล็กน้อย
“ไม่รู้สิ” เขาไม่ได้แสดงอาการใส่ใจออกมาเลยสักนิด “เราอย่าไปสนเรื่องนั้นเลย สิ่งสำคัญคือตอนนี้ฉันและเธอได้อยู่ด้วยกัน เท่านี้ก็พอแล้ว”
ฮิโรชิหลับตาลง ภาพของเด็กหญิงตัวน้อยที่งอตัวลงไปกุมใบหน้าด้วยความเจ็บปวดยังคงติดตรึง สำหรับเขา เธอคือน้องสาวคนพิเศษ เธอคือน้องสาวที่เป็นประตูเชื่อมระหว่างเขาและทริสทรี่ด้วยนิทานมหัศจรรย์จากความฝัน ในขณะเดียวกัน...คำพูดพล่อยๆ ของเธอเกือบทำลายมัน
เขาเคยเรียนวิชาป้องกันตัวมาบ้าง ทั้งการใช้ร่างกายและอาวุธ การยิงในระยะใกล้แค่นั้น เปอร์เซ็นต์ความพลาดน้อยเสียยิ่งกว่าอะไร บางที...อาจเพราะความเป็นพี่ชาย เขาถึงฆ่าเธอไม่ลงจริงๆ
เขาเลือกที่จะหนีมาตลอด แม้แต่ตอนนี้ก็ยังหนี ทั้งที่การกำจัดตัวขุนอย่างเด็กหญิงคนนั้นคือการจบเกมวิ่งไล่จับครั้งนี้โดยสมบูรณ์ วาเลนเซียไม่มีทางหาเขาพบได้ง่ายๆ ส่วนเมอยาสก้า เขาไม่รู้ว่าตกลงเด็กสาวคนนั้นเป็นใคร แล้วทำไมถึงเอาตัวเข้าขวางวาเลนเซียในตอนนั้น แต่ท่าทางของเธอเป็นคนยุคใหม่เต็มตัว การที่เธอใช้พลังของตัวเองตามมาได้ถึงขนาดนี้นับว่าแน่ไม่เบา เธออาจช่วยวาเลนเซียหาตัวเขาเจอก็ได้ ติดอยู่เพียงจุดเดียวคือเธอขี้ขลาดเกินไป หากฮิโรมิตาย เธอคงไม่เอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงอีกคน
เพราะอย่างนั้น...ท่ามกลางดาวพรางฟ้านับหมื่นล้านดวงนี้ หากจะมีดวงใดกำลังล่องลอยลงมา เขาอยากจะขอให้ดาวดวงนั้นบันดาลความปรารถนาสักประการ ถ้าเป็นไปได้ อย่าได้ให้น้องสาวที่น่ารักคนนั้นตามหาตัวเขาเจอเลย...
“หยุดแล้ว”
ฮิโรชิตื่นขึ้นจากภวังค์ความคิดด้วยคำพูดสั้นๆ ของคนข้างกาย แต่ดูอย่างไร มันก็ไม่น่าจะเป็นทางขึ้นสู่ยอดเขาที่ตั้งของบ้านพักตากอากาศหลังนั้นเลย เขาแตะปืนที่เหน็บเอวไว้ทันที หลังจากโดนตามเจอรอบหนึ่ง เขาไม่คิดประมาทฮิโรมิอีกต่อไป เธอมีชุดคุ้มกันอยู่ ขณะที่เขาตัดข่าวจากชุดคุ้มกันตัวเองจนสิ้น เพื่อไม่ให้นัยเนตรสะกดใจของวาเลนเซียได้ข้อมูลอะไรไป แต่ดูจากสถานการณ์เบื้องหน้า ปืนกระบอกนี้อาจมีไว้สำหรับการณ์อื่นเสียแล้ว
หนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนรถเดินเข้ามาด้วยอาการมุ่งร้าย ในมือของชายหน้าเข้มมีปืนกระบอกหนึ่งเช่นเดียวกัน
“เฮ้ย! ทิ้งของมีค่าเอาไว้แล้วไสหัวไปลงจากรถ ไม่งั้น ไส้พวกแกได้มีรูพรุนแน่ๆ”
ถ้าเขาคนเดียวน่าจะพอทำอะไรได้อยู่ ฮิโรชิดันร่างบางไปหลบด้านหลัง ถึงจะเป็นแวมไพร์ แต่ถ้าโดนกระสุนเจาะทะลุหัวใจก็จบกัน
ทริสทรี่ถอนหายใจ “เจ้าประมาทอีกแล้ว อย่าสอดมือเข้ามายุ่งเชียว ไม่งั้น...ข้าจะโกรธเจ้าแน่ๆ”
ร่างบางสั่งให้คนที่เกือบจะส่งเสียงท้วงมุดตัวอยู่เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะกระโดดลงจากท้ายกระบะด้วยอาการนิ่งสงบ เขามองมนุษย์ที่หรี่ตามองการเคลื่อนไหวด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ “นักล่าสินะ”
“หา?”
พริบตาเดียว ลำคอของคนที่ถือปืนขู่คนอยู่พลันถูกหักลงด้วยน้ำมือของทริสทรี่ ผู้ซึ่งไม่มีใครจับความเคลื่อนไหวได้ทัน เขามองมือข้างที่หักคอมนุษย์ด้วยความแปลกใจ ทั้งที่เวลาผ่านไป ระบบต่างๆ ก็น่าจะดีขึ้นแท้ๆ แต่นักล่าคนนี้ดูไม่มีประสบการณ์รับมือแวมไพร์เอาเสียเลย บทจะถูกฆ่าก็ถูกฆ่าเอาง่ายๆ
‘หรือจะเป็นนกต่อ?’
ทริสทรี่ระแวดระวังขึ้นทันใด รอบกายเขาเต็มไปด้วยกลิ่นมนุษย์หนาแน่นมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“ทริสทรี่!”
ร่างบางหันหลังกลับไปเตะคนที่พุ่งเข้ามาเต็มแรง ตามด้วยคนที่สองและสาม ฮิโรชิมองเรียวมือที่คร่าชีวิตมนุษย์คนแล้วคนเล่าด้วยดวงตาอันเปี่ยมล้นด้วยความตกตะลึง แต่สิ่งที่เรียกสติเขาคืนกลับมาได้ มันคือเสียงแบบเดียวกับอาวุธของเขาที่ลั่นมาจากทางหน้ารถหลายต่อหลายนัด
แม้จะเป็นอสูรกายที่มีกำลังมากกว่าคนธรรมดา แวมไพร์ยังมีความรู้สึกเหลืออยู่ ทริสทรี่ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยอาการเจ็บจนขยับตัวแทบไม่ได้ คราวนี้คงแย่เสียแล้ว คนที่ประมาทคงไม่ได้มีแต่ฮิโรชิ ค่าที่นักล่าแวมไพร์กลุ่มนี้ฝีมืออ่อนด้อยกว่าปกติ แต่นักล่ายังคงเป็นนักล่า หากไม่ได้ดื่มเลือดตอนนี้ กว่าแรงของเขาจะกลับมาคงถูกฆ่าเสียก่อน
เสียงลั่นไกดังขึ้นปิดท้าย โดยมีร่างหนึ่งร่วงลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
ฮิโรชิวิ่งเข้าไปประคองคนรักด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำด้วยความหวาดกลัวยิ่งกว่าครั้งใดในชีวิต หากแต่นัยเนตรสีเลือดคู่นั้นกลับทวีความตื่นตระหนกขึ้นมา ร่างบางใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดพยายามผลักไสเขาออกไป หากแต่แรงน้อยนิดของผู้บาดเจ็บกลับไม่เท่าแรงของคนที่กำลังร้อนรนระคนโทษตัวเอง ความว่องไวและพละกำลังนั่นทำให้เขาลืมระแวดระวังไปชั่วขณะ จนลืมว่าคนร้ายกลุ่มนี้ยังเหลือสมาชิกขับรถอยู่อีกหนึ่งคน
เขารวบร่างผู้บาดเจ็บวื่งขึ้นรถกระบะเก่าคันนั้นเพื่อเตรียมพาส่งโรงพยาบาล เขาไม่รู้ว่าแวมไพร์จะรักษาได้ด้วยวิธีเหมือนมนุษย์หรือไม่ แต่ที่นั่นมีเลือด สิ่งที่เป็นทั้งยาและอาหารอันล้ำค่าสำหรับทริสทรี่
“อย่า...ปล่อยข้าลง...แล้วหนีไปเสีย”
ฮิโรชิไม่สนใจคำทัดท้านนั้นด้วยซ้ำ เมื่อครู่เขาถามตามคำพูดนั้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าคราวนี้เขาต้องเสียอีกฝ่ายไปเพียงเพราะการทำตามคำพูดเหล่านี้แล้วล่ะก็ สู้ให้เขาโดนโกรธภายหลังยังดีเสียกว่า!
เขาหันรถกระบะกลับไปตามทิศทางเดิมที่จากมา พลางเปิดเครื่องนำทางหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ขณะที่ทริสทรี่นั่งพิงเบาะอยู่ข้างคนขับ ริมฝีปากเม้มแน่นจนน่ากลัว นัยน์ตาแดงก่ำลุกโพลง เขาพยายามสกัดกลั้นสัญชาตญาณกระหายเลือดของตัวเองอย่างสุดความสามารถ เลือดที่ใช้รักษามีระดับต่างกันออกไป ยิ่งบาดแผลรุนแรงมากเท่าไหร่ยิ่งต้องใช้มากเท่านั้น ที่สำคัญ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีสัญชาตญาณในการรักษาบาดแผล ไม่เว้นแม้กระทั่งอสูรกาย สำหรับแวมไพร์แล้ว หากบาดแผลนั้นกลืนกินสติมากเข้า ความกระหายจะพุ่งขึ้นถึงขีดสุดและกระโจนใส่เหยื่อที่อยู่ใกล้ที่สุด
ทริสทรี่รู้สึกได้ถึงร่างกายที่ทะยานไปยังที่นั่งฝั่งคนขับ หากเขาไม่ยั้งตัวเองด้วยการเบี่ยงทิศไปจับพวงมาลัยเอาไว้เสียก่อน รถเซถลาจากการเสียการควบคุมโดยคนขับอยู่หลายวินาทีจนร่างของเขากระแทกเข้ากับเบาะ ความเจ็บแล่นริ้วขึ้นอีกครั้งอย่างน่าพิศวงท่ามกลางความชาปวดหนึบ
ฮิโรชิพยายามกล่าวโดยไม่ละสายตาจากถนน “อดทนไว้ อีกนิดเดียวจะถึงโรงพยาบาลแล้ว ที่นั่นมีเลือดเยอะแยะเลย”
ไม่มีแวมไพร์ตนไหนตายจากการถูกยิง แต่สิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งนี้ยากจะเกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ พวกเขาจึงมีสัญชาตญาณอัตโนมัติในการรักษาตัวให้ไว้ที่สุดเพื่อรับมือกับศัตรู
สิ่งสุดท้ายที่ฮิโรชิจดจำได้...คือภาพของแวมไพร์ที่กระโจนเข้าใส่ราวกับมุ่งหมายจะคร่าชีวิตเขา
ภาพฝัน ณ ห้วงเวลาหนึ่งในอดีต
“…พี่ชาย คราวนี้หนูฝันอีกแล้วล่ะ”
ฮิโรมิตื่นขึ้นมาในเช้าที่สดใส แต่สภาวะอารมณ์ของเธอกลับขุ่นมัวมากกว่าที่ควร เด็กน้อยวางช้อนลงทั้งที่เพิ่งยกขึ้นได้ไม่กี่วินาที
ฮิโรชิยกถ้วยใส่นมลายตัวการ์ตูนของน้องสาวมาวางตรงหน้า พลางยกโหลน้ำผึ้งมาผสมเตรียมปรุง น้ำผึ้งสามช้อน คนห้าครั้ง รสชาติและอุณหภูมิที่พอเหมาะ เขาส่งกลับไปให้น้องสาวดื่มเพิ่มพลังงาน ถึงเครื่องดื่มจะไม่ดีในแง่ของอาหารเช้า แต่ฮิโรมิบทจะดื้อก็ดื้อเหลือทน เธอไม่ยอมรับประทานอะไรตอนกำลังเสียใจแน่ๆ แต่ความหวานปลอบใจเด็กได้เสมอ
เขายกกาแฟขึ้นจิบโดยมิยอมแตะต้องอาหารเช้า เพื่อที่จะได้เริ่มต้นรับประทานพร้อมกับน้องสาว “งั้นเหรอ คราวนี้สองคนนั้นทะเลาะกันหรือไง”
หากเปรียบความรักระหว่างทริสทรี่และอายาซาชิเป็นซีรี่ส์เรื่องยาว ฮิโรชิคือคนที่ตามดูทุกตอนเหมือนแฟนคลับอันดับหนึ่ง เขารับฟังความรักอันแสนหวานชื่นของทริสทรี่มาอย่างยาวนาน บางครั้งเขาก็อดสงสัยในทะเลแห่งความสัมพันธ์อันแสนราบรื่นนี้มิได้ ความรักของคนทุกคนมักมีอุปสรรคแฝงอยู่ แล้วความรักของแวมไพร์แสนงามตนนั้นจะไม่มีคลื่นลมโหมแรงบ้างหรือไรกันหนอ หากเขาเข้าใจความหม่นหมองของน้องสาวไม่ผิด คลื่นลมที่ว่าคงมาถึงแล้ว
ฮิโรมิช่างใจอยู่นานในการยกแก้วนมของตัวเองขึ้นดื่ม ทั้งที่ปกติแล้ว ถึงจะรับประทานอาหารไม่ลงหรือรู้สึกอิ่มเพียงใด เธอไม่เคยรอช้าในการยกน้ำนมที่ปรุงรสด้วยฝีมือพี่ชายสักที
“อายาซาชิ...ตายแล้ว”
ฮิโรชิเริ่มเข้าใจความรู้สึกหม่นหมองของน้องสาวขึ้นมาทันใด “เขาป่วยหรือ”
ฮิโรมิสั่นศีรษะเบาๆ
“เขาทรยศทริสทรี่ แลกกับเรือ...กับเงิน เพื่อที่จะได้เดินทางกลับบ้าน” เธอเว้นวรรค “เขาถูกวาเลนเซียฆ่าตาย เขาตาย...โดยที่ทริสทรี่ยังโอบกอดเขาไว้จนถึงวินาทีสุดท้าย ส่งยิ้มจากลา เป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุด...”
เรื่องราวที่มา ต้นสายปลายเหตุซึ่งถูกเล่าขานด้วยน้ำเสียงของน้องสาว กลายเป็นเพียงบางอย่างที่อื้ออึงอยู่ในโสตประสาท ไร้ความหมาย ไร้ความใส่ใจ เสมือนเสียงของฟองอากาศที่ผุดขึ้นไม่หยุดในผืนน้ำมืดมิด เขารู้สึกเหมือนตกลงไปใต้ท้องทะเลอันลึกสุดหยั่ง หัวใจบีบคั้นด้วยความอึดอัดทรมานราวกับลมหายใจถูกช่วงชิง
‘เงิน... เรือ... ของแค่นั้นน่ะเหรอ...’
โดยไม่ทันสังเกต เด็กหญิงยังคงเอ่ยต่อไป
“...หนูรู้สึกว่าหลังจากนี้ หนูคงไม่ได้ฝันถึงเรื่องของทริสทรี่แล้วล่ะ” ดวงตาของฮิโรมิที่เศร้าสร้อยมาตั้งแต่เมื่อครู่เริ่มส่องประกายขึ้นมาอีกครั้ง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกสติและความสดชื่นให้กลับคืนมา “มันอาจจะแปลว่าหนูเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ได้นะ! ในหนังเมื่อวานก็บอกนี่นา คนเราจะโตขึ้นเมื่อผ่านเหตุการณ์อะไรสักอย่าง ดีล่ะ งั้นหนู...ไม่สิ! ฉัน...ฉันโตแล้ว ฉันจะเรียกตัวเองแบบนี้แหละ เพราะผู้ใหญ่เรียกตัวเองแบบนี้กันใช่ไหมล่ะ พี่ชายห้ามทำเหมือนฉันเป็นเด็กแล้วด้วย!”
“งั้นเหรอ” ฮิโรชิลูบศีรษะน้องสาวเบาๆ ผิดกับดวงตาที่เหม่อมองออกไปแสนไกล “ดีแล้วล่ะ โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีแล้วกันนะ ฮิโรมิ”
“ค่ะ!”
ริมฝีปากของเขาวาดวงยิ้มให้แก่น้องสาว ผู้ซึ่งเปลี่ยนคำแทนตัวเสียใหม่
‘...ส่วนเรื่องของทริสทรี่ ฉันจะแก้ไขแทนเธอเอง...’
To be continue.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ