The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]

9.0

เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.

  24 ตอน
  0 วิจารณ์
  25.64K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

21)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากได้ยาลดไข้ อาการของฮิโรชิก็ดีขึ้นผิดหูผิดตา เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้แก่ทริสทรี่ว่ายาเม็ดเล็กๆ สามารถรักษาอาการป่วยของมนุษย์ได้ง่ายขนาดนี้

 

     อย่างไรก็ดี มันเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับฮิโรชิว่าหนึ่งในสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการเตรียมยารักษาโรคติดตู้ยาประจำบ้านเอาไว้ ซึ่งเขาจัดการทันทีที่หายป่วย โดยไม่ลืมสวมแว่นกับหมวกเพื่อพรางหน้าตาเล็กน้อย การมองอะไรผ่านกระจกที่ไม่ใช่เลนส์สายตาเป็นอะไรที่น่ารำคาญเล็กน้อย ทว่า...ผ่านไปสักพัก ดูเหมือนเขาจะเริ่มปรับตัวเข้ากับแว่นปลอมได้

 

     ทริสทรี่อยากมองเงาตัวเองในกระจกว่าหน้าตาของคนที่ฮิโรชิเห็นแล้วอมยิ้มน้อยๆ นั่นเป็นเช่นไร แต่ตำนานมักกล่าวขานถึงหลักความจริงของหนึ่งของแวมไพร์ นั่นคือพวกเขาไม่มีเงาสะท้อน ต่อให้อยู่หน้ากระจกเงา สิ่งที่ฉายอยู่มีเพียงบรรยากาศโดยรอยที่ว่างเปล่าเท่านั้น

 

     ฮิโรชิตาโตทันทีที่รู้ข้อเท็จจริงนี้ ถึงเขาจะศึกษาตำนานแวมไพร์มาบ้าง แต่ก็มีข้อกังขาเรื่องการแปลงร่างหรือเรื่องเงาสะท้อนอยู่เหมือนกัน ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ ร่างสสารของแวมไพร์ไม่น่าจะลบเงาสะท้อนออกไปได้

 

     “ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นหน้าตัวเองหรอกนะ”

 

     ทริสทรี่พยักหน้ารับ เขานึกสงสัยมาตลอดว่าวาเลนเซียประทินโฉมของตนไปทำไม ในเมื่อความสวยงามนั้น ผู้สร้างสรรค์ตกแต่งก็ไม่อาจรับรู้มันได้ แต่ก็เข้าใจว่าเพราะนางเคยเห็นใบหน้าสวยงามของตัวเองมาก่อน จึงอยากเก็บรักษารูปลักษณ์นั้นเอาไว้ ผ่านทางเครื่องสำอางและจินตนาการ อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาเคยชมรูปโฉมนางมาก่อน นางเคยพูดไว้เหมือนกันว่าสตรีมีความงามเป็นความภูมิใจ

 

     ส่วนรูปโฉมของเขาเป็นเช่นไร เขารู้จากนางกับอายาซาชิเพียงคำว่า ‘สวยงาม’ และ ‘น่าหลงใหล’ เท่านั้น แต่รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ แม้จะอธิบายเท่าไหร่ก็ไม่อาจเข้าใจได้ ท้ายที่สุด เขาก็จำต้องล้มเลิกความสนใจหน้าตาตนเองไป

 

     ฮิโรชิหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “งั้นมาถ่ายรูปกันเถอะ รับรองได้เลยว่าฉันจะทำในสิ่งที่อายาซาชิไม่สามารถให้เธอได้อย่างครบถ้วนเลยล่ะ!”

 

     ทริสทรี่สั่นศีรษะเบาๆ “เจ้าเข้าใจผิด”

 

     นิ้วกำลังกดโหมดถ่ายรูปในโทรศัพท์พลันชะงันชั่วขณะ

 

     “ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าชดเชยหรือแทนที่เขาเสียหน่อย ข้าต้องการให้เจ้าทำในสิ่งที่เป็นตัวของตัวเองต่างหาก” เรียวมือเย็นเฉียบสัมผัสแก้มซ้ายของฮิโรชิ “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรอกรึ?”

 

     “อา...นั่นสินะ”

 

     ฮิโรชิแตะเรียวมือนั้น ก่อนจะชักนำมาผสานกัน เขาอดหัวเราะตัวเองอยู่ในใจไม่ได้ ดูเหมือนความคิดเก่าๆ บางอย่างมันจะกลายเป็นนิสัยประจำตัวไปเสียแล้ว

 

     “จริงสิ ไม่นานมานี้ฉันเจอรีวิวเมืองของนักท่องเที่ยวคนหนึ่งด้วยล่ะ” เขาดีดนิ้วดังเป๊าะ “ไปกันเถอะ ทริสทรี่ที่รัก ฉันจะทำให้เธอเห็นใบหน้าแสนงามของเธอเอง”

 

     ร่างบางขมวดคิ้ว “ข้าบอกแล้วว่า...”

 

     “มันมาจากใจฉัน” ฮิโรชิขยิบตา “อันนี้เป็นเรื่องของเราแล้ว”

 

    

 

     เมื่อใช้อุปกรณ์เก็บงานตกแต่งภาพขั้นตอนสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ศิลปินภาพเหมือนส่งผลงานให้ลูกค้าพิจารณาความพอใจ สีหน้าพอใจนั้นบ่งบอกว่าเขาคงไม่ต้องปรับแก้แต่ประการใด

 

     ปกติอองตองมักจะเจอลูกค้าที่ต้องการให้ความสวยของภาพมีมากกว่าตัวจริงหนึ่งเท่าขึ้นไป แม้จะไม่เอ่ยปากกันตรงๆ แต่ก็ส่งงานกลับมาแก้ให้สวยขึ้นจนพอใจ ทว่า...สำหรับลูกค้าคู่นี้ เธอกลับได้รับคำเน้นย้ำว่าจะต้องวาดให้เหมือนที่สุดทุกรายละเอียด ยิ่งกับคนที่มากับเขายิ่งแล้วใหญ่ ซึ่งพอเห็นใบหน้างามนั่นแล้ว เธอก็เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่จำเป็นต้องปรับอะไรแล้ว

 

     เนื่องจากเป็นนักศึกษา อายุของเธอจึงน้อยกว่าเขาสองสามปีได้ เธอออกมาหาลำไพ่พิเศษโดยการช่วงงานรุ่นพี่ในร้านภาพเหมือนแห่งนี้ เช่นเดียวกับนักศึกษาอีกหลายๆ คน

 

     ทริสทรี่มองภาพวาดในมือด้วยความตื่นเต้น “ใบหน้าของข้า...เป็นเช่นนี้เอง”

 

     ฮิโรชิไม่ลังเลในการยื่นแบงค์ใหญ่ที่สุดของสกุลเงินประจำประเทศให้เธอสองใบ ก่อนจะหันไปโอบไหล่ทริสทรี่เตรียมเดินออกนอกร้าน ถ้าไม่ติดที่เสียงเรียกของอองตอง

 

     เธอยื่นหนึ่งในสองแบงค์ที่ได้รับคืนกลับเขาไป พร้อมด้วยเงินจำนวนหนึ่ง “เกินค่ะ คุณลูกค้า แล้วอันนี้ก็เงินทอนค่ะ”

 

     เธอแจ้งราคาไปตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าภาพเหมือนคู่ราคาเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าสับสนค่าเงินหรือฟังราคาผิดไป แต่เธอไม่คิดจะอุบอิบเงินส่วนนี้ไว้เป็นของตัวแน่นอน เธอจะโกงนักท่องเที่ยวที่อุตส่าห์เดินทางมาได้อย่างไร ถ้าเขารู้ทีหลังคงเสียความรู้สึกเอามากๆ เลยทีเดียว ในฐานะคนท้องถิ่น เธอไม่ยอมให้เมืองเสียชื่อด้วยเงินเพียงเท่านี้แน่นอน!

 

     ฮิโรชิยกมือปฏิเสธ “ไม่หรอก ให้เธอไว้แล้วกัน อ้อ! แต่ถ้าเป็นไปได้ ถ้าอย่าบอกใครเด็ดขาดว่าเคยเห็นพวกเรา ทำได้ไหม?”

 

     อองตองพยักหน้า ถึงจะงงอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เธอมองลูกค้าที่สวมหมวกกับแว่นตาดำกันละใบไล่หลังด้วยความสงสัยตงิดๆ “ดาราแหง โอ๊ย...! ลืมขอลายเซ็น ว่าแต่ดาราประเทศอะไรล่ะนั่น”

 

    

 

     คู่รักแต่ละคู่มักมีอัตตาเล็กๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะ...อัตตาของผู้ชาย การได้ทำอะไรให้อีกฝ่ายรู้สึกปลาบปลื้มปิติยินดี ความดีใจเทียบเท่าได้กับการแข่งขันชนะรางวัลใหญ่ของเกมกีฬาระดับโลกเลยทีเดียว ภาพของทริสทรี่ที่เดินมองภาพเขียนในมือตัวเองจึงกลายเป็นความภูมิใจของฮิโรชิ จนเขาแทบหุบยิ้มไม่ลง

 

     คงกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าสมเป็นเมืองท่องเที่ยว ถัดจากร้านภาพเหมือน รายการต่อไปคือตลาดโต้รุ่งที่มีความคึกคักจากบรรดานักเที่ยวจากทั่วสารทิศ บางร้านขายสินค้าพื้นเมือง มีทั้งเป็นของใช้ชาวพื้นเมืองจริงๆ และดัดแปลงเป็นลายประดับอยู่บนของใช้เครื่องประดับ อาหารประจำภาคบางรายการนับได้ว่าเยี่ยมยอด เพียงแต่มันดูจะจัดจ้านเกินไปสำหรับคนที่ดื่มเลือดมาตลอดชีวิตอย่างทริสทรี่

 

     แต่มาถึงถิ่นไม่รับประทานอาหารถิ่น มันก็เหมือนมาไม่ถึง ฮิโรชิจับคนที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธอาหารรสจัดไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะสอบถามว่ามีเมนูไร้พริกบ้างหรือไม่

 

     เจ้าของร้านทำหน้าปั้นยากขึ้นมาทันทีที่ได้ยินภาษาต่างประเทศ ถ้าอู้กำเมืองหรือภาษากลางยังพอว่า แต่เอบีไม่กระดิกหูเธอเลยจริงๆ เธอยกรายการอาหารประกอบภาพเคลือบพลาสติกขึ้นมาส่งท่าทางให้เขามองเอาเอง

 

     เขาเหลือบมองไปทางทริสทรี่เล็กน้อย โชคดีที่อีกฝ่ายกำลังสนใจเด็กขายดอกไม้ เขาจิ้มอาหารสีเหลืองในรายการ แล้วเริ่มต้นพัดลิ้นตัวเองด้วยสีหน้าเป็นทุกข์เป็นร้อนที่สุด สิ่งเดียวในชีวิตที่เขาวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ณ ขณะนี้ นั่นคืออย่าให้ร่างบางหันมาเห็นเขาทำท่าตลกอย่างนี้เลย!

 

     หลังจากสื่อสารภาษามือกันมาพักใหญ่ เจ้าของร้านก็ถึงบางอ้อจนได้ “อ้อ! ข้าวซอยนั่นน่ะเหรอ...”

 

     เธอทำท่าสื่อกลับไปว่าอาหารที่เขาเลือกไม่มีรสเผ็ด สร้างความโล่งใจแก่คนอ่านท่าเป็นอย่างสูง เพราะเขาไม่อยากเผชิญสถานการณ์จิ้มเมนูไป พัดท่าเผ็ดไปอีกแล้ว

 

     ไม่ต้องรอนาน อาหารพื้นเมืองที่มีสีสันหลักเป็นสีเหลืองขมิ้นก็ถูกยกมาเสิร์ฟ

 

     ทริสทรี่มองอาหารเบื้องหน้าด้วยความไม่ไว้ใจ เมื่อครู่เขาลองชิมไส้อั่วมาแล้วชิ้นหนึ่ง แต่รสชาติของมันเผ็ดแทบขาดใจเลยทีเดียว

 

     “ลองดูเถอะ รับรองว่าคราวนี้ไม่เผ็ดแน่ๆ” ฮิโรชิรับประกันด้วยท่าทางตลกๆ ของเขาเลย...

 

     ร่างบางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตักชิ้นไก่เข้าปาก ตามด้วยบะหมี่สีเหลืองทั้งแบบนุ่มและกรอบ รสสัมผัสของเครื่องปรุงในปากเข้มข้นกลมกล่อมพอดิบพอดี ไม่น่าแปลกใจที่จะมีลูกค้านั่งอยู่เกือบทุกโต๊ะอย่างนี้

 

     เห็นแบบนี้ฮิโรชิก็ดีใจ

 

     ทริสทรี่จัดการอาหารอย่างเงียบๆ พลางมองเด็กขายดอกไม้ที่เจอคนใจดียอมเหมาทุกดอกเพื่อให้เธอได้กลับบ้านเร็ว ถ้าไม่ใช่ตอนกลางวันคงไม่มีสวนดอกไม้สวยๆ ที่ไหนให้ชม เพราะดอกไม้ส่วนใหญ่มักจะหุบลงในตอนกลางคืน มันเป็นของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้าสำหรับชาวมนุษย์ใต้แสงแดดเท่านั้น ตัวเขาเองจะเห็นบ้างหลังพระอาทิตย์ตกดินไม่นาน แต่ก็ไม่ใช่ดอกไม้ที่บานเต็มที่เสียทีเดียว

 

     “ดอกไม้สวยดีเหมือนกัน เธออยากได้อยากได้บ้างไหม”

 

     ทริสทรี่สบตาคนที่นั่งตรงข้ามกันด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “อย่าเลย ไม่มีดอกไม้ดอกไหนบานตอนกลางคืน มันคงเต็มใจจะอยู่กับเจ้าของที่พร้อมจะตื่นขึ้นมามุ่งมองมันในเวลาเช้าพร้อมกับแสงแดดส่องสว่าง”

 

     “งั้นฉันจะสั่งทำดอกไม้ปลอมสำหรับเธอโดยเฉพาะ เอาให้มีกลิ่นเหมือนดอกไม้จริงเลย...ดีไหม? มันจะได้เป็นดอกไม้ที่บานอย่างงดงามสำหรับเธอเสมอไป”

 

     “แต่มันเป็นของปลอม ทั้งยังฝืนธรรมชาติ”

 

     ทริสทรี่ไม่เข้าใจว่าอะไรคือดอกไม้ปลอม แต่การที่ดอกไม้แย้มบานในยามวิกาลย่อมเป็นสิ่งที่ขืนต่อสิ่งที่สวรรค์สร้าง การใช้ชีวิตของฮิโรชิเองก็เช่นกัน มนุษย์ไม่สมควรจะอาศัยในแสงแห่งจันทรา มากกว่าทิวาใต้สุริยัน

 

     ฮิโรชิอมยิ้มพลางโคลงศีรษะไปมา

 

     “ถ้าธรรมชาติไม่ได้สร้างรอยยิ้มแก่เธอ ฉันจะฝืนมัน”

 

    

 

To be continue.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา