The last Blood.สายเลือด นิทรา [BL , Yaoi]
เขียนโดย เฟรล่าฟลอเร
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.47 น.
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557 19.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
23)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“พี่ชาย...”
“ว่าไง” ฮิโรชิวางมือลงบนศีรษะของน้องสาว ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง “ฝันซ้อนฝันสินะ รอฉันตื่นจริงๆ ก่อนแล้วกัน... อุ๊ก!”
คนนอนป่วยถึงกับงอตัวกุมจุดที่โดนมือน้อยๆ นั่นทุบเข้าให้ คราวนี้สติที่กำลังงัวเงียอยู่ของเขาเริ่มลดเมฆหมอกลง แสดงให้เห็นภาพความจริงของสิ่งรอบกาย ทั้งกลิ่นอันเป็นเอกลักษ์ สีขาวบริสุทธิ์ดูสะอาดตาตามแบบฉบับโรงพยาบาล
เขาลืมตาขึ้นมองน้องสาวผู้กำลังทำหน้าโหด “ฮิโรมิ?”
“ฉันยังไม่ได้ฆ่าทริสทรี่หรอกค่ะ” เธอบ่นงึมงำ “แล้วก็ไม่ใช่ฝันด้วย ดีใจนะคะ ที่รู้ว่าพี่ชายฝันถึง ถึงจะตื่นมาแล้วยังมองว่าฉันเป็นความฝันอยู่ดีก็เถอะ”
ฮิโรชิเงียบไปชั่วอึดใจ “ฉันไม่คิดว่าเธออยากจะเจอฉันอีก แล้วก็...ดีใจเหมือนกัน...ที่เธอยังไม่ได้ฆ่าเขา เขาปลอดภัยดีสินะ”
“ฉันไม่ใช่อายาซาชิเสียทีเดียวหรอกนะคะ แล้วก็ไม่อยากเสี่ยงกับวาเลนเซียด้วย แน่นอนค่ะ เธอต้องตามมาอยู่แล้ว และดูเหมือนว่าเธอจะเกลียดขี้หน้าพี่ชายยิ่งกว่าอายาซาชิไปแล้วตอนนี้ โชคดีจังที่หนูไม่ใช่เป้าหมายอันดับหนึ่งแล้ว ตอนกลางคืนจะได้หลับลงสนิทใจเสียที” ฮิโรมิโคลงศีรษะเบาๆ “แล้วพี่ชายล่ะคะ ไม่คิดจะเล่าอะไรหน่อยเหรอ เรื่องวุ่นๆ ของพี่ชายมันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะคะ ถึงจะเป็นคดีที่ปิดลงยากอยู่สักหน่อย แต่โชคดีที่คนของเราเคลียร์ได้ ก็นะ คิดยังไงไปโบกรถของพวกมีคดีปล้นทรัพย์ติดตัวล่ะคะ”
ฮิโรชินึกย้อนไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพของคนร้ายที่ถูกจัดการภายในเวลาไม่ถึงนาทีฉายย้อนราวกับวิดีโอเทปที่กำลังกรอซ้ำ ก่อนจะหมดม้วนลงในฉากสุดท้ายที่เงามืดนั้นกระโจนเข้าใส่
แวมไพร์...
ช่างเป็นปิศาจร้ายที่สวยงามและน่ากลัวเหลือเกิน
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หนอ เขารู้แต่ว่าก่อนหน้านั้นทริสทรี่พยายามบอกให้เขารีบหนีไป เป็นไปได้ว่าเจ้าตัวรู้ดีว่ากำลังจะคลุ้มคลั่งบ้าเลือดอยู่กระนั้นหรือ ความรู้เรื่องแวมไพร์ที่เขามีไม่ได้ระบุอะไรเกี่ยวกับมันไว้เลย แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ฮิโรชินึกสังหรณ์ขึ้นมา เขารีบลูบลำคอตัวเองเพื่อคลำหาจุดกัด แต่ลำคอของเขาว่างเปล่า ไม่มีรอยบาดแผลเช่นเดียวกับใบหน้าของน้องสาว
เมื่อนึกถึงบาดแผล ฮิโรชิมองว่าสีหน้าของเธอสงบเสียมากกว่าจะซ่อนคลื่นน้ำลูกใหญ่เอาไว้ นั่นไม่สำคัญ แค่เธอยังไม่เผาคนรักของเขาด้วยแสงแดดธรรมชาติย่อมเพียงพอแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”
ฮิโรมิค่อนข้างประหลาดใจที่พี่ชายเป็นฝ่ายถามคำถามนี้กับเธอ วูบหนึ่งที่เด็กหญิงเข้าใจว่าเขาโดนสะกดจิตจนจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เสียอีก แต่ในเมื่อเขาไม่ได้มีทีท่าร้อนใจ เธอก็ไม่คิดจะร้อนใจไปกับการคาดเดาอะไรไร้หลักการเหตุผล
สายของเธอรายงานมาว่ามีคนพบคนลักษณะคล้ายพี่ชายเธอถูกส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อเดินทางมาถึง เธอพบทริสทรี่กำลังนั่งเฝ้าไข้พี่ชาย พวกพยาบาลเล่าให้ฟังว่าเขามีกิริยาประหลาดๆ อย่างกับแวมไพร์ แถมเนื้อตัวที่เปื้อนเลือดยังไม่มีบาดแผลอะไร หลังจากขโมยไปจากผู้ป่วยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนั่นทำเอาวุ่นกันไปพักใหญ่เลยทีเดียว
“...พอวาเลนเซียรู้ว่าเขาบาดเจ็บ เธอดูไม่แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย ออกจะกระฟัดกระเฟียดนิดหน่อยที่นายท่านของเธอไม่ดูดเลือดคนไข้หรือบุคลากรโรงพยาบาลไปสักคน” ฮิโรมิขำน้อยๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าจะโกรธก็โกรธไม่ได้ของแวมไพร์สาว “เรื่องนี้แม้แต่เมอยาสก้าก็เพิ่งรู้ วาเลนเซียอธิบายว่าเวลาแวมไพร์บาดเจ็บหนัก เขาจะต้องมองหาเลือดของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้มือที่สุดเพื่อรักษาร่างกาย เหมือนกับว่าความลึกของบาดแผลจะเกี่ยวข้องกับความกระหายเลือด ยิ่งลึกเท่าไหร่ยิ่งกระหายได้มากเท่านั้น”
คำบอกเล่าของเธอครบถ้วน ตอบได้ทุกข้อสงสัยในคราวเดียว สมกับเป็นนักเล่ามาตั้งแต่เด็ก
‘อย่างนี้นี่เอง...’
ฮิโรชิมองเพดานสีขาวราวกับต้องการพักความคิดสักครู่หนึ่ง น่าเสียดายที่ฮิโรมิไม่เห็นด้วยกับการกระทำนั้นสักเท่าไหร่นัก
“แล้วพี่ชายล่ะคะ” ฮิโรมิเข้าใจได้ว่ารถที่ชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางคงมาจากสาเหตุนี้ “พี่ชายจะเอายังไงต่อไปดีคะ ฉันน่ะเล่นไล่จับเพราะต้องการให้มันชัดเจนกันไปเสียที”
เขาหันกลับมามองเธอพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย แบบคนที่สงสัยว่าเธอกำลังต้องการอะไร
ฮิโรมิส่งยิ้มอันแสนสดใสให้แก่เขา
“ทำไมพี่ชายต้องยิงฉันเหรอคะ”
“...ไม่ลองหน่อยเหรอ กลิ่นนี้ล่าสุดเลยนะ”
เมอยาสก้าฉีดน้ำหอมเสียงดังฟุดๆ กลางอากาศให้วาเลนเซียพิสูจน์ความยอดเยี่ยมราคาหมื่นกว่าๆ ตามสกุลเงินของประเทศนี้ หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความอดทนที่ขาดผึงของหญิงสาว เจ้าหล่อนโบกมือไปมายังจุดที่ถูกฉีดน้ำหอมโดยหวังให้กลิ่นเจือจาง เล่นเอาเจ้าของน้ำหอมอดเซ็งขึ้นมาใม่ได้ ถึงกระนั้น เธอยังคงชูขวดแก้วขึ้นมาอีกขวดหนึ่ง “ถ้าไม่ชอบก็เป็นกลิ่นนี้...”
วาเลนเซียพยายามอดกลั้นความโมโหที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า “เจ้ารู้ใช่ไหมว่าแวมไพร์มีประสาทรับกลิ่นที่ดีกว่ามนุษย์น่ะ”
เมอยาสก้าพยักหน้าหงึกหงัก เรื่องแบบนั้นเธอต้องรู้อยู่แล้ว เธอเป็นแวมไพร์มานานพอจะรู้ความแตกต่างระหว่างคนธรรมดาๆ อันน่าเบื่อหน่ายในอดีต กับเผ่าพันธุ์ใหม่แสนวิเศษในปัจจุบันนี้แน่นอน
“งั้นทำไมเจ้ายังไปหาซื้อเครื่องหอมกลิ่นแรงแบบนี้อีกเล่า ไม่คิดหรือว่ามันจะทำให้เจ้าดูไม่น่าเข้าใกล้เอาเสียเลย”
คำพูดอันแสนจะตรงไปตรงมาช่างหักหาญน้ำใจกันแบบไม่เหลือซากเลยทีเดียว
เมอยาสก้าตบโต๊ะดังปัง “แต่มันรุ่นล่าสุดเชียวนะ!”
“ข้าไม่สนใจความนิยมไร้รสนิยมของคนในยุคนี้หรอก แค่การแต่งกายก็ไม่หรูหราสวยงามแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความงามให้เสียเวลาหรอก”
วาเลนเซียไม่สนใจเสียงประตูที่ปิดลงดังปังด้วยซ้ำ เธอหันไปทางประตูห้องนอนที่กั้นเป็นสัดส่วนไว้ในห้องพักชั้นบนสุดแห่งนี้ด้วยความหนักใจ นั่นต่างหาก งานที่เธอต้องสะสางให้เสร็จ เธอเคาะประตูตามมารยาท ก่อนจะเปิดเข้าไปหาเจ้านายอันเป็นที่เคารพรัก ซึ่งกำลังมองจันทร์เสี้ยวทางหน้าต่างกระจกใส มันช่างเป็นท่าทางอันคุ้นเคยราวกับเธอเปิดประตูเข้าไปเสิร์ฟเลือดในถ้วยทองคำแก่เขาไม่มีผิด
หญิงสาวมองแล้วนึกกลัดกลุ้ม เมื่อใดกันหนอที่เด็กน้อยที่เธอคอยดูแลเลี้ยงดูได้หายไป เขาถูกแทนที่ด้วยเจ้านายผู้สูงศักดิ์ หากแต่เต็มไปด้วยความวุ่นวายด้วยน้ำมือของมนุษย์ที่เกี่ยวพันกันข้ามชาติข้ามภพ
“นายท่านคงทราบดี อายุขัยของมนุษย์มิได้ยืนยาวเช่นชาวเรา แต่นั่น...ท่านคงเตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งอายาซาชิ”
เธอเว้นวรรคเล็กน้อยด้วยความไม่ชอบใจในการเอ่ยนามโจทก์เก่า
“เขาไม่ใช่บุรุษผู้มิอาจหาทางกลับบ้านได้ หากเป็นอายาซาชิ นายท่านสามารถชักชวนให้เขาอยู่ที่คฤหาสน์ของเรา แต่เขาสามารถเดินทางไปยังดินแดนโพ้นทะเลได้ภายในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ข้าเดินทางกับฮิโรมิมานานมากพอจะเห็นโลกใหม่ สิ่งใหม่ ความบันเทิง การขับร้องเต้นรำ โลกที่มิได้หลับไปพร้อมกับแสงอาทิตย์ดังเดิม นายท่าน โลกใหม่นี้เต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ แล้วนายท่านเข้าใจว่าเขาต้องการจะกลับไปที่คฤหาสน์ของเราหรือ”
วาเลนเซียลดสายตาลงมองพื้น
“หรือบางที ท่านอาจต้องการจะอยู่ในโลกใหม่เช่นเดียวกับเขา แต่นั่นดีแล้วหรือ ท่านอาจจะบาดเจ็บได้อีกนับครั้งไม่ถ้วน หากเกิดเรื่องอย่างในครั้งนี้อีกเล่า ท่านแน่ใจหรือว่าจะไม่คร่าชีวิตเขาไปเสียก่อน”
เธอวางมือทาบอกด้วยน้ำเสียงที่เข้มข้นขึ้น
“ข้าเองก็เป็นแวมไพร์ ข้าเคยต่อสู้ เคยบาดเจ็บ ความกระหายในโลหิตยามบาดเจ็บมันมีมากเสียยิ่งกว่าความหิวโหย มันกลืนกินสติของเรา ทำให้เรากลายเป็นปิศาจคลั่ง แล้วการจะรักษาเราที่เป็นแบบนั้นได้ มันต้องใช้เลือดของคนทั้งคน ถ้าฮิโรชิเป็นคนผู้นั้น ท่านไม่เพียงโอบกอดเขาไว้ให้ถึงวินาทีสุดท้าย แต่ท่านจะกลายเป็นผู้ที่ฆ่าเขาเสียเอง!”
วาเลนเซียพยายามลดอารมณ์ลงมา
“เพราะอย่างนั้น กลับบ้านกันเถิด นายท่าน เก็บความรักไว้ในภาพฝัน ให้ท่านเหลือเพียงความทรงจำอันแสนสุขให้คะนึงหา ดีกว่าจดจำภาพที่เขาต้องตาย!”
‘...ทุกสิ่งก็เพื่อตัวท่านเอง’
สำหรับวาเลนเซีย คนที่ช่วยฉุดดึงเธอขึ้นมาจากบ่อแห่งความสิ้นหวังคือผู้เดียวที่มอบแสงสว่างในค่ำคืนอันมืดมิดแก่เธอ แวมไพร์ตนนั้นใกล้จะบาดเจ็บเต็มที เขาคงกระหายเลือดของมนุษย์เช่นเธอเหลือเกิน หากแต่เหตุผลเดียวที่แวมไพร์ผู้นั้นยอมมอบชีวิตใหม่แก่เธอ นั่นก็เพื่อส่งต่อทารกน้อยสู่การคุ้มครองใหม่ พวกนักล่าคงสืบเสาะเบาะแสทุกประการเกี่ยวกับเป้าหมายในการลงมือแต่ละครั้ง พวกนั้นคงไม่ทันคิดว่าในวินาทีสุดท้าย จะมีแวมไพร์ตนใหม่ปรากฎกายขึ้นมา
ทริสทรี่คือเหตุผลในการได้รับชีวิตใหม่ของเธอ เธอจึงต้องดูแลเขาให้สมกับสิ่งที่ได้รับมา
คำถามของน้องสาวกับใบหน้าของเธอชวนให้ฉงนใจว่าเหตุใดมันจึงปรากฏขึ้นพร้อมกัน
รอยยิ้มของเธอสดใสเหลือเกิน ราวกับสิ่งที่เอ่ยเป็นเพียงคำถามเรื่องดินฟ้าอากาศ ฮิโรชิมองรอยยิ้มของน้องสาวด้วยความไม่เข้าใจ หากแต่มันทำให้บรรยากาศไม่กดดันมากเกินไปนัก
เขาไม่ใช่พี่ชายที่ดีในการทำเรื่องแบบนั้นลงไป แต่ถ้ามันเป็นข้อสงสัยของน้องสาวผู้น่ารัก เขาคิดว่าการตอบคำถามไม่ใช่เรื่องยากเย็นเกินไป เขาส่งยิ้มกลับไปอย่างบริสุทธิ์ใจ เหมือนครั้งที่เธอยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ผู้สงสัยทุกสิ่งในโลก “เพราะฉันอยากหยุดเธอ ถ้าเธอบอกความจริงไป ทริสทรี่ไม่ยอมยกโทษให้ฉันแน่”
ฮิโรมิถอนหายใจ “อา...นั่นสินะ เรื่องลำบากของคนโกหก นั่นคือไม่มีทางรู้ว่าความจริงจะเปิดเผยออกมาเมื่อไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ในเวลาสำคัญหรือไม่ งั้นที่เหลือก็ตามใจแล้วกัน ฉันก็อยากเลิกเล่นเกมนี้แล้วเหมือนกัน รู้ไหม พี่ชายทำฉันลำบากมากเลยนะ ตลอดการเดินทางที่ผ่านมานี้น่ะ ฉันกลัววาเลนเซียจะกระโดดงับคอตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ภาพของเธอที่แทงดาบเข้ามาในตัวอายาซาชิยังติดตาฉันอยู่เลย พี่ชายคงจะเห็นตอนทริสทรี่ลงมือเหมือนกันสินะคะ”
ฮิโรชิพยักหน้ารับ
“ดีแล้วล่ะค่ะ เพราะหลังจากนี้คือความลำบากของพี่ชายล่ะ” เธอยังคงรอยยิ้มสดใสเอาไว้ “พี่ชายจะอยู่กับปิศาจร้ายที่พร้อมจะเขมือบเป็นยาฉุกเฉินหรือไม่ก็แล้วแต่ ฉันน่ะพร้อมยืนข้างพี่ชายเสมอนั่นแหละ แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ฉันไม่อยากให้พี่ชายนึกเสียใจภายหลังนะ”
คนฟังถึงกับอึ้งในสิ่งที่เธอเอ่ย ทั้งน้ำเสียงและแววตาคู่นั้นไม่มีแม้แต่ความเคืองโกรธใดๆ...
“ก็หนูน่ะ...เป็นน้องสาวที่น่ารักที่สุดของพี่ชายนี่นา!”
...นั่นเพราะเธอมิอาจโทษใครได้ นิทานแสนหวานในวันวานที่เคยเล่าขานออกไป มันคือบันไดร้อยขั้นแห่งการเริ่มต้น เป็นการเท้าความอันยาวนานสู่การพบพานนี้
To be continue.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ