[YAOI] Lessons Of Loves รักเร้นลับ ฉบับคุณครู

9.8

เขียนโดย ดลณกร

วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 13.39 น.

  16 Lesson
  28 วิจารณ์
  21.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557 18.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) 009th ผมโคตรคิดถึงพี่เลย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

 
Lesson 009th ผมโคตรคิดถึงพี่เลย             เผลอแป๊บเดียว นี่ก็เป็นวันสุดท้ายของการสอบปลายภาคแล้ว นั่นหมายความว่า ผมทำหน้าที่คุณครูมาเป็นเวลาเกือบ 5 เดือนแล้ว ชีวิตของผมช่วงนี้ก็สงบสุขดีครับ เจ้าโด่งก็มาเรียนจนได้สอบในวันนี้ และทำท่าว่าจะได้คะแนนดีเสียด้วย ครูเหน่งก็ยังคงความน่ารักเหมือนเดิม ครูเปรี้ยวก็ยังเป็นเพื่อนครูที่น่ารักแสนดีสำหรับผมเสมอ ส่วนพี่อิส หึหึหึ ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ไม่เห็นท่าทีแปลกๆ จากพี่เค้าอีก ทำให้ผมสนิทใจกับเค้ามากขึ้นและก็คุยกันโดยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
           
            ส่วนคู่กรณีของผม 2 คน ที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมาจากวันนั้นก็เกือบ 3 อาทิตย์แล้ว เริ่มจากนิ่มก่อนเลยละกัน ขานั้นหลังจากที่ผมหนีกลับบ้านไม่บอกกล่าว ก็ไม่มีท่าทีโกรธผมเลยซักนิด ตรงกันข้าม ยังโทรหาผมเกือบทุกวันจนผมละงงในระบบประมวลผลของเธอจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วก็เป็นผมเอง ที่อดรู้สึกผิดไม่ได้จนต้องรับโทรศัพท์เธอ จนเพื่อนๆ นิ่มต่างแซวผมกับนิ่มประจำ
 
            และไอ้หน้าขาวตัวแสบ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้รับโทรศัพท์มันอีกเช่นเลย จนผมรู้สึกว่าชีวิตของผมสงบสุขอย่างบอกไม่ถูก
 
            “นักเรียนทำความเคารพ”
 
เสียงหัวหน้าห้องที่บอกทำความเคารพเป็นครั้งสุดท้ายของภาคเรียนที่ 1 ในเย็นวันสุดท้ายของการสอบ หลังจากผมชี้แจงเรื่องการฟังผลการเรียน การเปิดเรียน และแจกเอกสารแจ้งผู้ปกครองให้กับนักเรียนแล้ว จะว่าไป ปิดเทอมแรกในชีวิตคุณครูของผมมันก็ทำผมใจหายเหมือนกันนะครับ เพราะตลอด 5 เดือนที่นี่ ผมตื่นเช้ามาพบเจ้าตัวแสบทั้งหลาย ใช้ชีวิตกับเพื่อนครูและนักเรียน มีกิจกรรมให้ทำร่วมกันมากมาย แต่เอาเถอะ ผมว่าพรุ่งนี้จะกลับบ้านต่างจังหวัดแล้ว เดี๋ยวคงหายคิดถึงเอง เพราะตอนนี้ผมคิดถึงพ่อแม่และน้องสาวมากกว่า ^______^
 
 
----------------------------------
 
ผมเหลือบมองนาฬิกาหลังจากเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางกลับบ้านก็พบว่านี่มันห้าทุ่มกว่าแล้วแต่ยังเก็บได้ไม่ถึงครึ่งกระเป๋า เสียงไอ้ป๋อมกับไอ้แป๋ม หมาที่ผมเลี้ยงไว้ก็ยังเห่าไม่หยุด ผมแอบกลัวนิดๆ เพราะพี่อิสเองก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปตั้งแต่เย็น ผมเลยได้แต่แอบมองลงมาจากบ้านพักครูชั้น 2 เพื่อสอดส่องหาสาเหตุของเสียง
ไม่เห็นว่ะ! เงาต้นไม้บวกกับความมืดบังสายตาผมสนิท หมาก็ยังเห่าไม่เลิก จนทำให้ผมต้องเดินลงมาชั้นล่างเพื่อแง้มม่านส่องตรงหน้าบานประตูแต่ก็ยังไม่เห็นอะไร จนสุดท้ายผมเริ่มโมโห คว้าไม้เหมาะมือติดมาแล้วเปิดประตูเดินออกไปหน้าบ้าน แต่ก็ไม่พบใคร ผมเดินดุ่มๆ ไปถึงโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก แล้วผมก็พบเงาตะคุ่มของใครซักคนนั่งหันหลังอยู่หลังพุ่มไม้ ชั่วเสี้ยววินาทีมันหันหน้ามาแล้วยืนขึ้นประจันหน้าผมอย่างรวดเร็วจนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน
 
“เฮ้ย มาไงวะ!” ผมตกใจจนเกือบจะขว้างไม้ในมือใส่มัน
 
“มาเดินเล่นครับพี่” เดินเล่นบ้านอาม่ามึงดิ แล้วกลิ่นเบียร์มาหึ่งเลยมึง
 
“เอาดีๆ มายังไง” ผมถามมันพร้อมเหลือบมองรถยนต์ของมันว่าจอดไว้ตรงไหน
 
“นี่ไง” มันว่าพลางชี้ไปที่จักรยานที่พิงไว้ข้างต้นไม้พร้อมยิ้มกว้าง ^__________^
 
“ตลกละมึง ขี่จักรยานมาตอนนี้อ่ะนะ” มันพยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบว่าไม่ได้ล้อเล่น ผมว่าถ้าไม่เมานี่ ทำไม่ได้เลยนะเนี่ย
 
“เออ งั้นเข้าบ้านมาก่อน เดี๋ยวยุงก็หามไปแดก” ไอ้ปากทรยศของผมเอาอีกแล้วครับ แต่ผมเองก็คงไม่ใจร้ายให้มันยืนตากยุงตรงนั้นหรอก เพราะถึงยังไง ถ้าคุยธุระเสร็จค่อยไล่มันขี่จักรยานกลับบ้านไปก็ไม่สาย (><”) ผมเปิดประตูบ้านแล้วพบว่ามันรีบแทรกตัวลอดแขนของผมเข้ามาในบ้าน ตัดหน้าผมแล้วมายืนยิ้มรอในบ้าน
 
         “เชิญคร๊าบบบ” มันยืดตัวแล้วผายมือออกเชื้อเชิญเจ้าของบ้านเข้าบ้าน (งงแท้)            “ทำอะไรของมึงเนี่ย” ผมถามมันงงๆ
 
“เดี๋ยวพี่ไม่ให้ผมเข้าบ้าน” ผมเอียงคอมองความกวนตีนของมันแล้วไล่สายตามาตามแขนขาของมัน ทำให้เห็นรอยแดงเป็นจุดๆ ยุงคงรุมกัดมันช่วงนั่งให้หมาเห่า สมน้ำหน้า
 
“เอ้า ว่ามา มีอะไรมาดึกๆ ดื่นๆ”
 
“ผมอยากถามพี่ว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ผม”
 
“มึงขี่จักรยานมาเพื่อถามกูแค่เนี๊ย” ผมเลิกคิ้วทำเสียงกวนตีนใส่มัน
 
“ผมแค่อยากอธิบาย”
 
“...................................”
 
“ผมกับก้อย”
 
“มึงจะแต่งงานกันหรอ?” ผมแค่นหัวเราะและยังคงทำเสียงกวนตีนมันทั้งที่ผมเองรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
 
“เปล่าครับ ที่ผมจะบอกพี่วันนั้นคือ....”
 
“กูไม่อยากฟังว่ะ มันไม่เกี่ยวกะ......” ผมรู้ตัวอีกทีเมื่อมือของมันได้สัมผัสแก้มผมทั้งสองข้างพร้อมกับดึงหน้าผมเข้ามา แล้วมันก็ตรงเข้าบดขยี้ริมฝีปากของมันเพื่อปิดปากผม ริมฝีปากของมันแนบแน่นจนผมสัมผัสได้ถึงความหวานนั้นและกลิ่นเบียร์ที่หอมละมุน ผมเอามือยันหน้าอกของมันเพื่อจะดันมันออก แต่สองมือของผมกลับมีแรงไม่พอที่จะสู้แขนแกร่งคู่นั้นที่ตอนนี้โอบกอดผมจนแนบแน่น ผมรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในห้วงบรรยากาศที่ไร้แรงโน้มถ่วง แล้วจูบอันเนิ่นนานของมันก็หยุดลงพร้อมกับที่มันใช้มือคู่เดิมจับไหล่ของผมเพื่อดันร่างอ่อนเปลี้ยของผมออกแล้วสบตากับมัน
 
“พี่พร้อมจะฟังผมบ้างหรือยังครับ”
 
“.........” กูอ่อนระทวยขนาดนี้ มึงยังจะถามอีกหรอวะไอ้สาดดดด
 
สิ้นเสียงมันจูงมือผมขึ้นไปบนห้องนอนของผม (ตกลงห้องใครวะ) ผมเองก็เดินตามมันขึ้นไปเหมือนลูกแมวเซื่องๆ แล้วก็นั่งแหมะข้างๆ กันบนเตียงนอนของผม (นี่มันห้องกูนะเว๊ย)
 
“วันนั้นผมพาก้อยไปกินข้าว แบบที่พี่เห็น” ถึงช่วงนี้มันหันหน้ามามองผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะมานั่งฟังมันทำห่าอะไร
 
“แต่ที่ผมกำลังจะทำคือ...” มันหยุดตรงนี้ เมื่อผมหันหน้าไปมองมัน มันจึงบอกออกมาด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "ผมจะบอกเลิกก้อย" 
 
“บอกเลิกบ้านอาป๊ามึงดิ หัวเราะกันดังไป 8 คูหา กูดูแล้วโคตรมีความสุข”
 
“ก็ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง เพราะก้อยคงคิดว่าผมแค่ชวนเค้าไปเดท” แล้วมันก็หันกลับไปมองจอทีวีที่ปิดสนิทตรงหน้า ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มันมองทำไม
 
“จนพี่เจอผม แล้วพี่ก็เดินหายไป ผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องวิ่งตามพี่ ทำไมผมต้องพยายามอธิบายให้พี่เข้าใจ ทำไมผมถึงตอบพี่ไม่ได้ในสิ่งที่พี่ถามผม จนพี่เดินหายไปเป็นครั้งที่ 2” มันร่ายยาวเหมือนระบายความอัดอั้น
 
“พอครั้งที่ 2 มันทำให้ผมรู้ว่า ผมไม่ควรปล่อยให้พี่เดินจากผมไป...เป็นครั้งที่ 3" ผมนิ่งเงียบมองหน้ามันที่ตอนนี้เหมือนร่ายมนต์สะกดให้ผมตกอยู่ในภวังค์ กับคำพูดที่ว่า ไม่ควรปล่อยให้ผมเดินจากไปเป็นครั้งที่ 3 นี่ถ้าความตื่นเต้นจากความดีใจลึกๆ มันฆ่าผมได้ วันนี้มันคงกระหน่ำซ้ำผมจนตายไปหลายรอบแล้ว          "มันทำให้ผมคิดว่า ผมไม่ควรทำให้ก้อยเสียเวลากับผม อย่างน้อยก็เพื่อตัวก้อยเอง” เสียงของมันเริ่มเครือ อย่ามาร้องไห้ตรงนี้นะ กูปลอบคนไม่เป็น
 
“ผมเลวไหมพี่?... ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร? ผมคุยกับพี่แล้วโคตรมีความสุข ช่วงเวลาที่ผมไม่ได้เจอหรือคุยกับพี่ ผมยิ่งไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร? ยิ่งห้ามใจ ยิ่งทรมาน ผมไม่รู้ว่าที่ผมทำตอนนี้ผมทำอะไรอยู่? พี่ว่าผมทำผิดไหม? ผมไม่รู้ว่า ระหว่างผมคบกับก้อยต่อไป กับผมห่างกันออกมา แล้วเดินไปกับพี่ อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง?.....” นี่คือคำถาม...หรือคำสารภาพรักวะมึง แต่ที่เชี่ยกว่านั้น น้ำตามันไหลลงมาช้าๆ ไม่น้อยไปกว่าคำพูดมากมายที่มันพรั่งพรูออกมา
ไอ้อ้นที่ผมคุ้นเคยไม่ใช่คนที่ผมเห็นตรงนี้ อ้นหน้าหล่อปานเทพบุตรที่ดูมั่นใจในทุกการกระทำ อ้นที่ดูเป็นจุดศูนย์กลางของโลก อ้นที่มีรอยยิ้มสดใสสว่างไสวของมัน ผมไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรมาทำให้มันเปลี่ยนไปได้ แววตาสุกสกาวที่เคยวาวระยิบ บัดนี้ถูกเคลือบด้วยน้ำตาที่เอ่อไหลมาเหมือนคนอัดอั้นในใจมานาน  
หรือเป็นผมเองที่ผิด ผิดที่ทิ้งอ้นมาในวันที่มันต้องการใครซักคน
 
 
 
“ไม่หรอกมึง” ผมตอบอ้นได้แค่นี้ แล้วก็เอื้อมมือไปโอบไหล่มันแล้วแตะเบาๆ เพราะเอาเข้าจริงๆ เรื่องแบบนี้ผมก็ไม่สามารถตรัสรู้ได้หรอกว่าใครผิดใครถูก มันเป็นการตัดสินใจของอ้น ผมต้องเคารพการตัดสินใจของมัน และที่ทำได้ก็คงเป็นเพียงแค่แตะไหล่มันเบาๆ (แบบนี้ละมั้ง) เพราะ
 
ใจของมัน มันเองที่เข้าใจ
 
“ความรู้สึกของคนเรานะเว๊ย สุดท้ายคนที่เข้าใจที่สุดก็คือตัวเราไม่ใช่หรอวะ กูไม่รู้หรอก ว่าทำไมมึงตัดสินใจแบบนั้น แต่ถ้ามึงตัดสินใจแล้วว่ามึงจะทำอะไร มึงไม่ควรจะมาเสียใจแบบนี้... ” ผมจับไหล่ของมันให้หันหน้ามามองหน้าผมเพื่อดูดซึมเอากำลังใจจากผมที่ส่งผ่านแววตาไปบ้าง เพราะผมเชื่อครับ เชื่อและให้เกียรติในการตัดสินใจของมัน       "เอาเป็นว่าตอนนี้ กูอยู่กับมึง เคียงข้างมึงละกัน"        ผมเอามือลูบหัวมันเบาๆ จนรอยยิ้มบางๆ ของมันปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นแม้จะไม่กว้างแบบที่คุ้นตา แต่มันก็กลับทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจไม่น้อยที่เห็นมันอีกครั้งบนใบหน้าของอ้น  แต่แล้วผมกลับถูกดูดกลืนเข้าไปในแววตาคู่นั้นอีกครั้ง ผมจับใบหน้าคมคายของอ้นให้เข้ามาใกล้ แล้วค่อยๆ ยื่นหน้าตัวเองไปเพื่อมอบจูบแห่งความรู้สึกทั้งหมดให้แก่อ้น โดยที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นผมเองที่เริ่มมันก่อน  ริมฝีปากของเราสลับหมุนไปตามอารมณ์ที่เคลื่อนไหวอย่างร้อนแรง ผมสัมผัสถึงความหวานจากปลายความรู้สึกที่เราแลกให้กันเนิ่นนาน        "อา....." อ้นเผลอครางออกมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข ร่างกายของอ้นแผ่ไอร้อนออกมาจนผมสัมผัสได้ ผมเองก็รู้สึกร้อนวูบวาบในกายแบบที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนเช่นกัน ร่างกายของผมกำลังตื่นเต้นกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่กำลังเกิดนี้ แต่นอกจากไอร้อนจากร่างกายอ้นที่แผ่รังสีออกมา ผมก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของอวัยวะในตัวอ้นที่ส่งสัญญาณว่าเจ้าของร่างนั้นพร้อมพุ่งรบกับผมในสมรภูมิแห่งนี้ มันคือความเปลี่ยนแปลงที่บ่งบอกผมเป็นนัยๆ ว่า...คืนนี้ของผมและอ้น จะกลายเป็นอีกคืนที่เราจะจดจำไปตลอดชีวิต อ้นถอนจูบของผมออกไปอย่างนุ่มนวลแล้วจูบหน้าผากของผมแทนคำขอบคุณ ในขณะที่ผมหลับตา
 
 
“ผมโคตรคิดถึงพี่เลย....”            เสียงแหบพร่าของอ้นกระซิบข้างหูผมเบาๆ ผมทำได้เพียงพยักหน้าแล้วเงยหน้าเหลือบมองมัน ทำให้เห็นใบหน้าหล่อใสของมัน ผิวขาวๆ ของมันตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีชมพู ส่วนใบหูของมันแดงจนผมคิดวามันอาจกำลังโกรธใครอยู่ แล้วร่างของผมก็เป็นฝ่ายถูกกดทับให้นอนแน่นิ่งบนเตียงนุ่มๆ ที่ผมคุ้นเคย แต่ตอนนี้ ผมกลับรู้สึกถึงความประหม่าและแปลกประหลาดจากการที่อ้นได้ปลดปล่อยสัมผัสแห่งความคิดถึงไปทั่วร่างกายของผม มันแผ่วเบาแต่ร้อนแรง มันเงียบงันแต่ระทึกกึกก้องอยู่ในประสาทสัมผัสทั้งหมดของผม จนมือทั้งสองข้างของผมต้องจิกแผ่นหลังของอ้นเพื่อหาที่ยึดเกาะจากความอุ่นของลมหายใจที่อ้นไล่สำรวจร่างกายผมจากซอกหู แผงอกที่ตอนนี้ปุ่มปมเม็ดกลมนั้นกลับแข็งเป็นไต จนถึงส่วนนั้น ส่วนที่ผมเองไม่คิดว่าจะได้รับการสัมผัสจากชายอื่น แม้กระทังจากอ้น            และจากวินาทีนี้ ....
ผมก็ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อไปตามแรงปรารถนาของร่างกายเราทั้งสองคน
 
-----------------------------------------
 
ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ไม่คุ้นหูแผดเสียงเป็นครั้งที่ที่เท่าไรก็ไร้สติที่จะนับ ผมงัวเงียขยับตัวควานหาโทรศัพท์เครื่องนั้น แต่กลับโดนแขนล่ำกดหลังให้ซุกหน้าแนบไปที่แผงอกอุ่นๆ เหมือนเดิม
“รับดิวะ ใครโทรมาแต่เช้า” ผมดุมันเสียงอู้อี้เพราะจมูกของผมตอนนี้บี้ตามแรงกดกับหน้าอกขาวล่ำของมัน ที่มันยังนอนกอดผมอยู่ แล้วยกตัวควานหาโทรศัพท์เพื่อกดปิดเสียง...แล้วโยนไปไว้ที่ปลายที่นอน
 
“เห้ย ใครโทรมาวะ” ผมชักโมโหที่มันขว้างโทรศัพท์ไปที่ปลายเตียง เผื่อเค้ามีธุระด่วนนะมึง
 
“ครูที่โรงเรียนน่ะ เค้าจะให้ผมเข้าไปแก้งานให้ แต่เดี๋ยวสายๆ ค่อยเข้าไป”
 
“ได้ข่าวว่านี่มัน 10 โมงแล้วเหอะ มึงจะนอนยันเย็นเลยไม๊ ไอ้คุณอ้นนนนนน” ผมได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ เพราะตอนนี้มันเอาแขนมาก่ายผมแน่นกว่าเดิมจนหน้าผมชิดแผงอกมันแน่นขึ้น
 
“ได้ป่ะล่ะครับคุณนัททททท” มันพูดพร้อมล้วงมือมาควานหาเอวผมใต้ผ้าห่ม ....กวนตีนละมึง
 
“อู๊ย!” ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บขณะขยับตัวเพื่อหลบมือปลาหมึกของมัน
 
“เจ็บหรอพี่ เจ็บมากไหม” มันลืมตาโงหัวมาจากหมอนแล้วถามผมด้วยความตกใจ...ถามแมวๆ ละมึง
 
“เจ็บดิวะ มึงลองบ้างไหมล่ะ ทำอย่างกับคนอดอยาก ยั้งไม่อยู่เลยนะมึง” มันหัวเราะแทนคำตอบ แล้วหอมหน้าผากผม 1 ครั้ง พร้อมกับกอดผมแน่นกว่าเดิม
 
“ขอโทษนะครับ ผมห้ามใจไม่ไหวจริงๆ” ผมเงยหน้ามองมัน มันยิ้มให้ผมอีกครั้ง            "ตัวพี่หอมยั่วยวนผมจนผมแทบคลั่ง ยั่วยวนแม้กระทั่งตอนนี้...." แต่ยิ้มครั้งนี้ผมสัมผัสได้เลยว่า มันเป็นยิ้มที่ “ยิ้ม” จากใจอ้นจริงๆ
 
“กูไปอาบน้ำก่อนละ ร้อนจะตายอยู่แล้ว” 
 "นอนต่ออีกนิดนะ อยากกอดพี่นานๆ" มันดึงผมลงมากอดบนที่นอนอีกครั้ง ไอ้ห่านี่...กูเจ็บอยู่มั้งเหอะ เอะอะกอด เอะอะกอด ผมสู้แรงมันไม่ไหว ได้แต่อยูในอ้อมกอดของมันอีกครั้ง ผมเหลือบตามองไอ้คนบ้าที่กำลังกอดผมแน่น เห็นมันแอบอมยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากเมื่อผมกลายเป็นเป็นหนุ่มน้อยไร้แรงสู้อีกครั้ง ที่ทำได้ตอนนี้คือยอมนอนทาบแผงอกของมันในอ้อมกอดที่ผมไม่คุ้นแต่.....  
มันก็อุ่นดีเหมือนกันแฮะ
 
แต่ถึงแม้อ้อมกอดนั้นมันจะอุ่นขนาดไหน ตอนนี้ผมกลับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ความเจ็บแปลบบริเวณนั้น ก็ยังไม่มีทีท่าจะเบาลง ผมเลยตัดสินใจลุกไปอาบน้ำโดยค่อยๆ แกะมือปลาหมึกของมันเบาๆ 
       "ทำไมอาบน้ำเสร็จไม่สบายตัวขึ้นเลยสักนิดเลยวะ” ผมอาบน้ำเสร็จเดินขึ้นมาก็พบว่าอ้นนั่งอมยิ้มอยู่ที่ปลายเตียง (มีความสุขมากไหมครับไอ้คุณอ้น) ผมพยักหน้าแล้วโยนผ้าเช็ดตัวให้มันเป็นสัญญาณว่า ไปอาบน้ำได้แล้วมึง! มันลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้ จากนั้นมันก็แอบจุ๊บเข้าที่ปากผมเบาๆ         "มอร์นิ่งคิสครับพี่"          "มอร์นิ่งตอนนี้มึงดูเวลามั่งป่ะ ไปอาบน้ำเลย ปายยยย" ผมรู้สึกว่าตอนนี้หน้าผมถ้ามีเสียงเอฟเฟ็กซ์ได้ มันคงเป็นเสียงดัง ฉ่าาาาา.... ผมยกนิ้วกลางให้มัน มันขำชอบใจเดินจากไป ทิ้งคนที่ถูกจูบให้ยืนอมยิ้มอยู่ภายในห้องคนเดียว
                  ระหว่างที่ผมรอคุณชายอ้นลงไปอาบน้ำด้วยเวลาโคตรนาน นานจนผมแต่งตัวเสร็จ แล้วนอนรอมันบนเตียงมันก็ยังไม่มา ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของผมมันร้อนผ่าวๆ แปลกๆ ความเจ็บของเมื่อช่วงสายๆ ก็ยังรู้สึกอยู่ จนสุดท้ายผมก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
 
 
 
 
 
To be continue  
ในที่สวด อ้นกับนัทก็......... เอาเป็นว่าจริงๆ แล้ว นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นนะครับ เพราะหลังจากนี้ ความแซ่บจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ เพราะจะเข้าสู่ช่วงของจริงอย่างแท้จริง ตัวละครใหม่ๆ จะเริ่มออกมา และตัวละครเก่าๆ จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ขอบคุณที่ติดตามนะครับ  
ยังไงฝากเป็นกำลังใจให้เรื่องด้วยนะครับ ^_^ https://www.facebook.com/LessonsOfLoves
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา