P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
8.1
เขียนโดย Spy442299
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.
46 chapter
28 วิจารณ์
49.43K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
23) เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 9 [ประจัญหน้า]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความP.P. Rising: The Bullet Time
เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
Ch.19 เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 9 [ประจัญหน้า]
Rewrite V.3
◊◊◊
[17:40] [02/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, บนรถไฟฟ้า สาย A ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอินเทล]
“ยิงมัน!”
พวกไอริสคนหน้าสุดสั่งพวกของเขาทุกคนให้ใช้ปืนสงครามกราดยิงใส่สามสาวการ์เดี้ยนกับพีที่มัวแต่ตะลึงตรงหน้า
ปังๆๆๆ! ฟู๊ดๆๆๆ
เสียงปืนสงครามหลายกระบอกกราดยิงใส่มา แต่แล้วดงกระสุนเหล่านั้นกลับหายกลายเป็นไอน้ำไปในพริบตาตรงหน้านิฟที่ขยับตัวมาตรงกลางข้างหน้าเจนนิก้ากับเอชและพี เหมือนกับว่าตรงหน้าเธอมีบางสิ่งขวางกระสุนไว้อยู่
“ไม่มีอะไรผ่านกำแพงฮีทของเพื่อนดิฉันได้หรอกค่ะ” เจนนิก้าอธิบายให้พวกไอริสที่พยายามสาดกระสุนใส่อยู่แต่ไม่เป็นผล “เพราะเพื่อนรักของดิฉัน สามารถควบคุมอุณหภูมิรอบตัวได้อย่าง---”
“เจนนิก้า!” นิฟพูดขัดขึ้นมา “รีบๆ จัดการพวกที่ทำร้ายรุ่นน้องเถอะค่ะ!!”
“อ่า ค่ะ” เจนนิก้าทำเสียงกึ่งเล่นกึ่งจริง ก่อนที่จะหันไปเจรจากับพวกไอริสด้วยการยกนิ้วชี้ขวาที่มีลูกบอลแดงๆ ลอยติดปลายนิ้วขึ้นมา “เอาล่ะ ฉันจะให้โอกาสพวกแก...ยอมทิ้งอาวุธซะโดยดี หรือจะโดนเลเซอร์ของฉันตัดขาดสองท่อนก็ตามใจนะคะ”
เจนนิก้าพูดเสร็จ มีลำแสงสีแดงขนาดกว้างเท่าฝาขวดน้ำขนาดเล็กพุ่งออกมาจากลูกบอลแดงปลายนิ้ว พุ่งเข้ากลางวงไอริสเฉียดไม่โดนใคร แต่ตัวบอดี้รถไฟฟ้าข้างหลังเป็นรูจนเห็นข้างนอกที่เกิดจากการลำแสงสีแดงนั่นพุ่งทะลุผ่านไป
‘น่ากลัว...’
พีสะกดความคิดนั่นไว้ในใจ ก่อนที่จะก้มดูเอชที่นอนไม่ได้สติ เธอถูกยิงเข้าที่ท้องเหมือนจะอาการสาหัสเอาการ แต่แล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเอช...กระสุนที่ถูกฝังเข้าไปคอยๆ คายหลุดออกมาพร้อมเลือดจำนวนหนึ่ง ก่อนที่จะปากแผลของเธอจะค่อยๆ สมานกันจนหายเป็นปกติ เหลือแต่รอยเลือดแดงที่เปอะเสื้อข้างนอกไว้
‘โห้ยๆ นี่มันอะไรเนี่ย!?’
“อยากเจ็บตัวกันมากนักหรือไงคะ!” เหมือนเจนนิก้าเลือกที่จะประนีประนอมมากที่สุด “วางอาวุธลงเถอะค่ะ ยังไงก็สู้พวกฉันสองคนไม่ได้หรอก”
“จะเป็นอย่างงั้นแน่หรือ?”
เสียงทุ้มอย่างมั่นใจของผู้ชายคนหน้าสุดที่ใส่โม่งคุมหัวไว้ให้เห็นแต่ลูกตากับปาก แล้วเขาก็ยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย พีที่มองดูรอยยิ้มนั่นแล้วรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงเดินเบาๆ จากด้านหลัง พอหันไปมองก็เป็นพวกไอริสอีกสองคนที่เดินไปดูหัวขบวนรถไฟฟ้าก่อนหน้านี้ กำลังใช้ปืนสงครามยกขึ้นเล็งใส่สาวพลังจิตการ์เดี้ยนทั้งสอง พอพีเห็นแบบนี้ เขารีบใช้บูลเลตไทม์ทันที
“โฟกัส!”
มีเสียงนาฬิกาเดินหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณว่าพลังของเรสเทียร์ที่มอบให้เขามาทำงานแล้ว ทุกอย่างรอบตัวช้าลงไปถนัดตา พีค่อยๆ บรรจงวางศีรษะของเอชที่ประคองไว้อยู่ลงกับพื้น ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นมาอยู่ข้างๆ ไอริสทั้งสองคน แล้วยกมือทั้งสองขึ้นมารวบรวมสายลมที่เป็นพลังจิตของเขาเอง
‘จงมารวมกันที่มือทั้งสองข้าง คราวนี้ฉันจะไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว!’
“ย๊าก!”
พีตะโกนลั่นก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างต่อยกดลงที่หน้าอกพวกไอริสทั้งสองคนที่ย่องเบาจะมาแอบยิงข้างหลังสองสาวการ์เดี้ยน ทันใดนั้นเวลารอบข้างกลับมาเป็นปกติและร่างพวกไอริสทั้งสองถูกอัดอย่างแรงสลบไปบนพื้นทันที ทั้งเจนนิก้า นิฟ และพวกไอริสที่เหลือที่ได้ยินเสียงกระทบพื้นดังลั่น หันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณไอ!?” เจนนิก้าทักขึ้นมาอย่างงงๆ เพราะยังไม่รู้ว่าพวกไอริสสองคนที่ย่องมาข้างหลังร่วงไปนอนกับพื้นตอนไหน
“เกือบไปแล้ว” พีบ่นออกมาก่อนที่จะใช้เท้าเขี่ยปืนสงครามที่ตกใกล้ตัวออกไป “ที่นายพูดหมายถึงสองคนนี้สินะ...เสียใจด้วยที่ไม่สำเร็จ”
“เชอะ...” คนที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มนี้สบถ “พวกมีพลังจิต”
‘สถานการณ์แบบนี้...ถ้าเรามัวแต่ลังเลปิดบังตัวตนของเราอยู่ล่ะก็ โอกาสรอดก็จะน้อยลงแน่ๆ’
พีคิดแบบนั้นแล้วก็ตัดสินใจเดินกลับมาอยู่ข้างๆ เจนนิก้า ก่อนที่จะยกมือข้างขวาขึ้นมาแล้วเรียกอาวุธประจำตัวขึ้นมา ถึงแม้ในใจเขาตอนนี้จะรู้สึกหวั่นกลัวก็ตาม
“เอ๊กซ์แทรคกัน!” มีแสงสีฟ้าออกมาจากแผ่นกระจกมือขวาของเขา แล้วมันก็ค่อยๆ กลายเป็นปืนกระบอกสีฟ้าขาวที่เป็นกระบอกเดียวกันกับตอนที่ใช้ในสนามบิน เขาจับมันเล็งใส่พวกไอริสไว้ “เอาล่ะ พวกแก...ยอมแพ้ซะดีๆ”
“ปืนนั่นมัน...” พวกไอริสคนหน้าสุดพูด “อ๋อ...นี่แกเป็นคนของไฮเทคอัพเปอร์ ถึงได้มีปืนนั่น...”
“หา!?” พีได้ยินถึงกับงง
“หึ...งั้นลองกินไอ้นี่หน่อยเป็นไง!”
และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อไอริสคนเมื่อครู่ปาวัตถุครึ่งวงกลมสีเขียวลงมาทางข้างหน้านิฟ ซึ่งพอวัตถุนั่นลงถึงพื้นมันเกาะแน่นไม่กระเด้ง ก่อนที่จะมีแสงสีแดงกระพริบบนวัตถุนั้น นิฟที่อยู่ใกล้ของสิ่งนั้นมากที่สุด เมื่อเห็นว่ามันกำลังทำงาน เธอรีบตะโกนบอกทันที
“ระเบิดฮาล์ฟ! หมอบลง!”
พีพอได้ยินแล้วรีบหมอบลงเอาตัวบังเอชที่สลบอยู่ไว้ ส่วนเจนนิก้ากระโดดพุ่งถอยหลังไปและนิฟย่อตัวลงใช้มือตั้งการ์ดขึ้นมาเหมือนว่ากำลังใช้พลังจิตของตัวเธอในการป้องกันแรงระเบิด
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นมา อันตรายจากระเบิดฮาล์ฟนั้นถูกพลังจิตของนิฟเบนเปลี่ยนทิศไปยังข้างบนจนทำให้รถไฟฟ้าถูกแยกเป็นสองส่วน แต่ไม่สามารถต้านแรงกระแทกได้ ร่างกายของทั้งสี่คนกระเด็นไปข้างหลัง แขนขวาเจนนิก้ากระแทกเข้ากับราวจับเหล็ก แผ่นหลังนิฟชนกับผนังรถไฟฟ้าด้านข้าง ส่วนพีโยนปืนทิ้งคว้าตัวเอชทันและอยู่สภาพหมอบก่อนหน้านี้ จึงได้รับผลแค่กลิ้งตัวไปข้างหลังไม่มากนัก แต่ทำให้ตัวเขาจุกไปหมดทั้งตัวจนไม่มีเสียงพูด
‘ระเบิดอะไรว่ะเนี่ย!’
ความคิดพีที่แวบเข้ามาหลังจากที่พอตั้งสติได้แล้ว แต่ก็นอนกอดเอชอยู่กับพื้น เขาพยายามมองไปข้างหน้าที่มีควันเกิดขึ้นเต็มไปหมด ก่อนที่ควันมันจะค่อยๆ จางลงจนเห็นพวกไอริสที่สบายดีอยู่ไร้รอยขีดข่วนในท้ายขบวนรถไฟฟ้าที่ถูกแยกโดยระเบิด ราวกับว่าระเบิดลูกนั้น มันกระจายสะเก็ตระเบิดเพียงทิศทางเดียวเท่านั้น พวกนั้นยืนอยู่กันครบและกำลังเล็งปืนมาทางเขา
‘แย่แล้ว!’
ปังๆๆๆ!
เสียงปืนสงครามกระหน่ำยิงเข้ามา พีหลับตาลงตามสัญชาติญาณ
ปึ่กๆๆๆๆๆ
และมีเสียงโลหะปะทะกับของอะไรสักอย่าง เขาลืมตาขึ้นพบกับร่างผู้หญิงผมสีแดงมัดรวบยาวคนหนึ่ง ที่มีโล่สีดำออกจากชุดแขนซ้ายของเธอตั้งขึ้นมากันกระสุนให้เขากับเอชอยู่ ตัวเธอใส่ชุดเกราะสีดำเทาและแผ่นหลังมีคำภาษาอังกฤษสามตัวเขียนอยู่ว่า MLA
‘เจ้าหน้าที่พิทักษ์กฎหมาย เอ็มแอลเอ!’
“พวกเธอหลบอยู่หลังฉันไว้ อย่าเพิ่งขยับ!” เสียงห้าวของผู้หญิงผมยาวมัดรวบแดงบอกให้อยู่นิ่งๆ
“อ่า...ครับ”
พีพูดออกไปเบาๆ เพราะเพิ่งหายจากอาการจุก แต่คนตรงหน้าไม่ได้ยิน และเขาก็สังเกตว่าตอนนี้ขบวนรถไฟฟ้าได้มาถึงที่สถานีอินเทลพอดี ด้านขวามือมีคนสวมชุดเกราะกันกระสุนสีดำถือโล่เต็มไปหมดและถือปืนบางส่วน แถมมีโดรนของเอ็มแอลเอลอยอยู่เหนือพวกเขาประมาณสี่ห้าตัว
“เฮ้ยๆๆๆ!” เสียงดังจากพวกไอริสอีกฝั่งหนึ่ง น่าจะเป็นเดียวกันกับที่ปาระเบิดใส่ “รีบใช้ระเบิดเสียงนั่นเร็วเข้า!!”
“ระเบิดเสียง!” ผู้หญิงผมแดงตรงหน้าตะโกน “ทุกคนรีบปิดหู!!”
เปรี้ยง! วิ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงคล้ายประทัดดังลั่นก่อนที่จะมีเสียงคล้ายคลื่นความถี่สูงดังก้องไปทั่ว ทุกๆ คนพากันทั้งนอนทั้งนั่งลงปิดหูอย่างทรมานไม่เว้นแม้แต่พีเอง ยกเว้นพวกไอริสที่ไม่เป็นอะไรเลยเพราะใส่อะไรบางอย่างที่หูไว้ พวกนั้นแห่กันออกจากรถไฟฟ้าวิ่งไปทางซ้ายลงบันไดไปและถือลังแร่คริสตัสชายน์ไปด้วย กว่าเสียงที่แสนปวดหูจะหายไปกินเวลาไปครึ่งนาที ผู้หญิงผมแดงตรงหน้ารีบสั่งลูกน้องทันที
“หน่วยเอกับบี ตามสกัดพวกไอริสไป! ระวังพลเรือนข้างล่างด้วย! หน่วยซีรีบอพยพคนในรถไฟให้หมด!!”
“เยสเซอร์!”
กลุ่มคนเอ็มแอลเอถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มทันที หนึ่งกลุ่มตามล่าไอริส อีกกลุ่มเข้าช่วยเหลือพลเรือนที่อยู่ด้านหลังพีจำนวนมาก ผู้หญิงผมแดงยาวมัดรวบตรงหน้า เธอลุกขึ้นก่อนที่จะใช้มือขวากดปุ่มหลังแขนซ้ายเรียกโล่พับเก็บลงไปบนแขน แล้วหันมาเห็นหน้าตาเธอที่ดูแหลมคม ใบหน้าสีขาวแต่สภาพผิวเหมือนผ่านร้อนผ่านหนาวมากเยอะ ดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่อายุสามสิบขึ้นไป นัยน์ตาสีแดงที่ดูคุ้นๆ ปากเล็ก เธอยื่นมือมาทางพี
“ลุกขึ้นสิ แม่สาวน้อยคนเก่ง”
‘แม่สาวน้อยคนเก่ง!?
จริงสิ สภาพเราตอนนี้ดูเป็นผู้หญิงอยู่นี่หว่า’
พีทวนประโยคนั้นในใจ แล้วเขายื่นมือจับและประคองตัวเอชขึ้นมาด้วย แล้วเขาก็ถามเรื่องชื่อที่ถูกเรียก
“ทำไมเรียกแบบนั้นล่ะครับ?”
“หือ!?” ผู้หญิงผมแดงเหมือนจะแปลกใจกับคำพูดลงท้ายนิดหน่อย “...อ๋อ เพราะเจ้านี่นะ”
เธอยื่นมาขวาขึ้นชูเหนือศีรษะ ก่อนที่จะมีโดรนใบพัดของเอ็มแอลเอตัวหนึ่งที่ค่อยๆ ปรากฎตัวจากสภาพล่องหน
“เราเห็นทุกๆ อย่างผ่านกล้องตัวนี้”
‘อ๋อ...ที่เห็นคงจะเป็นตอนที่ฉันอัดไอริสสองคนที่แอบมาข้างหลังแน่ๆ
เฮ้ย! แล้วสองคนนั้นล่ะ!?’
พีหันหลังไปเห็นนิฟที่ประคองไหล่เจนนิก้ามา ซึ่งนิฟไม่น่าจะเป็นอะไรมากนัก แต่แขนขวาของเจนนิก้าห้อยลงมา
“เธอสองคนเป็นอะไรไหม!?” พีเข้าไปถาม
“ฉันไม่หรอก” นิฟพูด “แต่เจนนิก้าสิ...เหมือนแขนขวาเธอจะหัก”
“เจ็บมากเลยค่ะ ยกแขนไม่ขึ้น แต่ก็ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” เจนนิก้าพูดด้วยเสียงสั่น “แต่รุ่นน้องเอชถูกยิง รีบพาเธอส่งโรงพยาบาลเถอะค่ะ”
“ไม่...จำ...เป็น...ฮะ”
เสียงเบาๆ ของเอชที่พีประคองตัวอยู่ดังขึ้น เจนนิก้าและนิฟรีบเดินเข้ามาหา ก่อนที่จะบ่นยกใหญ่
“จะบ้าเหรอคะ!? โดนยิงเข้าเต็มๆ แบบนั้น รีบพาไปให้หมอรักษา---”
“บอก...แล้ว...ไงฮ่ะ ว่าไม่...จำเป็น” เอชค่อยๆ ใช้มือขวาถกเสื้อขึ้นมาเปิดตรงหน้าท้องให้ดู ที่ไม่มีบาดแผล มีแต่รอยเลือด “ของแค่นั้น...ทำอะไร...เอชไม่ได้หรอกฮะ”
“รุ่นน้อง!? นี่เธอ...” เจนนิก้าทำหน้าเหมือนจะเข้าใจ
“อย่างที่...คิดล่ะฮะ รุ่นพี่...ผมมี...พลังจิตที่รักษา...ตัวเองได้” เอชพยายามพูด “แต่เจ็บชะมัดยากเลยฮะ”
‘พลังจิตรักษาตัวเอง!?’
พอพีได้ยินสิ่งที่เอชพูด ก็ทำให้เขาโล่งใจขึ้นมา
‘ถ้าเป็นแบบที่เธอว่ามาจริงๆ ก็ดีแล้ว ที่ไม่เป็นอะไร’
“พีทูสินะ” ผู้หญิงผมแดงที่เป็นเอ็มแอลเอเอ่ย “คนของเราก็มีแบบนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ความเจ็บปวดมันไม่ได้หายไป แถมเสียเลือดจริงๆ ไปอีก...รีบไปโรงพยาบาลตรวจให้ละเอียดจะดีที่สุด”
“ขอบคุณที่แนะนำฮะ” เอชมองไปทางผู้หญิงผมแดงคนนั้น “เอเจนท์เฟลิกซ์”
ชื่อของผู้หญิงผมแดงยาวมัดรวบไว้ข้างหลัง ทำให้คนที่ถูกเรียกยิ้มออกมา
“ยังจำได้อีกเหรอนิ? เอาเถอะ รักษาเนื้อรักษาตัวกันด้วยนะทุกๆ คน ฉันไปทำหน้าที่ต่อ”
เฟลิกซ์พูดเสร็จก็วิ่งลงบันไดทางซ้ายไปทางเดียวกันกับพวกไอริสที่หนีไป เจนนิก้าที่สงสัยประโยคคุยกันก่อนหน้านี่เอ่ยถาม
“รุ่นน้องเอช...รู้จักกับเอ็มแอลเอคนนั้นด้วยเหรอค่ะ?”
“ก็...นิดๆ หน่อยๆ ฮะ” เอชยิ้มออกมาทั้งๆ ที่สภาพตนเองไม่ค่อยเอื้ออำนวย “แต่รุ่นพี่ทั้งสองคนเจ็บหนักกว่าผมนะฮ่ะ เดี๋ยวผมช่วย”
เอชผละตัวออกจากพี ค่อยๆ เดินไปหาเจนนิก้าแล้วจับแขนขวาของเธอเพื่อที่จะช่วยนิฟประคองตัว แต่เจนนิก้าร้องลั่น
“โอ๊ย! แขนฉัน! อย่าไปแตะมันนะ เอช! แขนฉัน...หักจริงๆ ด้วย ฮื้อๆๆๆๆ”
“ขอโทษฮะ ขอโทษฮะ” เอชก้มหัวขอโทษ
“พาฉันไปโรงพยาบาลที” เจนนิก้าพูดอย่างหมดแรง
“จ้าๆ”
นิฟตอบรับแล้วค่อยๆ พาเจนนิก้าเดินออกไป ส่วนเอชหันมาคุยลับๆ กับพี
“ขอบคุณมากนะฮะ ที่ช่วยพวกผมไว้บนรถไฟ”
“หา!? นี่เธอรู้ด้วยเหรอ?”
“ตอนนั้นผมยังไม่หลับไปฮ่ะ แค่มันเบลอๆ เจ็บไปทั้งตัวเท่านั้นเองฮะ” เอชอธิบาย “แต่ก็เห็นนะฮะ ตอนที่คุณพีเข้าไปอัดคนมาข้างหลัง”
‘มองเห็น...เดี๋ยวก่อนสิ ตอนนั้นที่ฉันใช้พลังบูลเลตไทม์...แตะตัวเอชอยู่ งั้นก็หมายความว่า...ตอนนั้นเธอเห็นทุกอย่างรอบๆ ตัวช้าลงเหมือนกัน...’
พีคิดเสร็จมองหน้าเอชที่กำลังยิ้มแย้มในสภาพมอมแมมให้เขาอยู่และเขาก็หันไปดูรถไฟฟ้าที่ถูกหยุดอยู่ในสถานีอินเทลที่มีพลเรือนกำลังถูกคนของเอ็มแอลเอช่วยเหลืออยู่
‘เหมือนจะไม่มีใครเป็นอะไรมากจริงๆ แฮะ’
พีรู้สึกโล่งใจอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เอชจะทัก
“ไปโรงพยาบาลด้วยกันไหมฮะ?”
“โรงพยาบาล...”
พีทวนแล้วมองไปทางนิฟที่กำลังพาเจนนิก้าไปทางขวา ก่อนที่จะหันกลับมามองบันไดทางซ้าย
“ไม่ล่ะ ฉันมีธุระต้องทำ...” พีพูดแล้วเอามือลูบหัวเอช “เธอนะ...ตามไปช่วยรุ่นพี่ของเธอเถอะ”
“ฮะ” เอชยิ้มกว้าง ก่อนที่จะทำท่าประจำตัวยกแขนขึ้นมาโชว์ตราการ์เดี้ยน “ถ้ามีโอกาสได้เจอกัน อย่าลืมทักกันนะฮะ...การ์เดี้ยนต้องขอตัวไปช่วยเหลือชาวเมืองก่อน บายฮะ”
“บาย”
พีโบกมือลาเอชที่วิ่งตามรุ่นพี่การ์เดี้ยนของเธอไป...ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาวมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วถอดหัวสีฟ้าที่มีตราไฮเทคอัพเปอร์ออกมา
‘ทำไมเจ้าพวกนั่นถึงพูดว่าฉันเป็นพวกของไฮเทคอัพเปอร์นะ? ต้องตามไปถามดูสักหน่อย’
◊◊◊
[มุมมองของเรสเทียร์]
‘อยู่ในสภาวะหลับไหลจนได้’
เรสเทียร์บ่นในใจในขณะที่เธอลอยอยู่ในที่ๆ มีแต่สีขาวโพลนรอบตัว
‘เผลอใช้พลังช่วยน้องชายของเฟียน่ามากไปหน่อย แถมยังใช้บีมแคนนอนช่วยพี่หญิงอีก...
ไม่รู้ว่าจะยอมยกโทษที่เรสเทียร์ล้างความทรงจำของพี่หญิงไหมน่า?
แล้วเรสเทียร์จะต้องโกหกพี่หญิงไปนานอีกแค่ไหนกัน?’
◊◊◊
[19:01] [02/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, ทางเดินใกล้ๆ อู่เรือซันเด ริมแม่น้ำเจ้าพระยา]
‘สรุปไม่ได้ถาม’
พีบ่นในใจแล้วเดินแตะก้อนหินไปมาอยู่ทางเดินริมแม่น้ำ
ก่อนหน้านี้เขาแอบตามเอ็มแอลเอที่ไล่บี้พวกไอริสจนถึงอู่เรือซันเด แล้วเห็นพวกมันกำลังลงเรือเร็วที่เหมือนเตรียมไว้หลบหลีก เขาที่ตามมาอยู่ฝั่งตรงข้าม รีบใช้ปืนยิงลูกกระสุนลมใส่เรือพวกมันไป ผลก็คือทั้งเรือและพวกไอริสกระเด็นขึ้นฝั่งอู่เรือแล้วเอ็มแอลเอรีบเข้ามาจับกุมทันที ไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้เข้าไปถาม
‘อันที่จริง...ฉันน่าจะเดาแต่แรกได้นะ การที่พวกมันบอกว่าฉันเป็นพวกไฮเทคอัพเปอร์เพราะว่าตอนที่สนามบินก็อยู่กับคนของไฮเทคอัพเปอร์ แล้วตอนที่อยู่บนรถไฟฟ้าก็ดันใส่หมวกของไฮเทคอัพเปอร์อยู่
ตามพวกมันมาเสียเวลาชัดๆ เพราะว่าพวกมันไม่ได้สนใจฉันมากเท่าแร่คริสตัลชายน์ที่กำลังแอบขนไป
แร่นั่นมันสำคัญมากขนาดนั่นเลยเหรอ?
แล้วพวกไอริสที่ว่าโดนขับไล่ออก Area TH ที่เจ็ดไปหลายวันแล้ว ป่านนี้ยังมีคงเหลืออีก?’
พีเดินแตะก้อนหินไปเรื่อยๆ จนก้อนหินมันกลิ้งไปข้างหน้าอยู่ใกล้เท้าของใครบางคนที่มายืนดักรอเพราะเห็นกระสุนลมปริศนาก่อนหน้านี้ พีเงยหน้าไปมองก็ร้องอ้อ
‘คนตรงหน้าน่าจะมีคำตอบให้นะ แต่ประเด็นคือเขาจะยอมบอกหรือเปล่า?
เอเจนท์เฟลิกซ์ เอ็มแอลเอ’
“เธอ...” เฟลิกซ์ทัก “ทำไมถึงตามมา?”
‘เวรล่ะ เหตุผลที่มันจะถูๆ ไถๆ ไปได้ มันแทบไม่มีเลย’
พีกำลังใช้ความคิดหาทางหนี แต่เฟลิกซ์พูดเรื่องหนึ่งขึ้นมาที่ชวนให้เขาใจหายวาป
“ไม่สิ...ฉันน่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี้...ใช่ไหม พี วีรบุรุษที่สนามบินนั่น”
‘เฮ้ย!’
พีผละถอยหลังเล็กน้อยกับความลับของเขาที่แตกอย่างรวดเร็ว
“พะพะพูดเรื่องอะไรครับ?”
“ก็เธอไม่ใช่หรือ? ที่เป็นคนช่วยเฟียน่าไว้”
“อ๋อ...เฟียน่า...” พีเผลอพูดออกมา ก่อนที่จะรู้ตัว “เอ่อ...”
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” เฟลิกซ์เท้าเอว
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมคือพี?”
“ฉันโทรถามเฟียน่านะ” คำตอบของเฟลิกซ์ที่ชวนให้พีอึ่ง “เห็นตาเธอสีน้ำตาลข้างสีแดงข้างเหมือนในคลิปนั่นเลยสงสัย”
‘โห้ยๆ...เพราะเหตุผลแค่นั้นเหรอ? เขาถึงรู้ความลับของฉัน!?
เดี๋ยวก่อนสิ เขาบอกว่าโทรหาเฟียน่า....’
“นี่คุณรู้จักกับเฟียน่าเหรอครับ?”
“ก็...” เฟลิกซ์ทำปากเม้ม “รู้จักดีอยู่...จะว่ายังไงดี ฉันเป็นแม่ของยัยนั่นเอง แต่พูดก็แบบนั้นได้ไม่เต็มปาก เพราะหลายๆ เรื่อง”
“แม่!”
พีอ้าปากตะลึงกับความสัมพันธ์ของเฟลิกซ์กับเฟียน่า ก่อนที่จะพิจารณาหน้าตาของเธอ
‘ทั้งหน้าทั้งตาสีแดงทั้งผมสีแดง...ก็คล้ายๆ อยู่’
“แต่ถ้าให้เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด...คงไม่ยอมบอกใช่ไหม?” เฟลิกซ์ถาม
“ประมาณนั้นล่ะครับ อยู่ดีๆ มาเล่าเรื่องความลับของตัวเองให้คนอื่นฟังมันยังไงยังไงอยู่นะครับ” พีตอบ
“เอาแบบนี้ไหม?” เฟลิกซ์สลัดแขนซ้ายลงแล้วมีแผ่นสีดำยื่นออกมาจากชุดเกราะที่แขนออกมาเป็นโล่ติดแนบแขน “มาสู้กันสักยก ถ้าเธอแพ้ต้องยอมเล่าทุกๆ อย่างให้ฉันฟัง แต่ถ้าเธอชนะ...จะทำยังไงก็ได้เรื่องของเธอ”
“เฮๆ แล้วมันจะเป็นไปตามนั้นแน่เหรอ?”
“เอาไว้ชนะฉันให้ได้ซะก่อน”
“ก็ได้ครับ ก็ได้...เอ๊กซ์แทรคกัน!””
พีเรียกอาวุธตัวเองขึ้นมาอยู่บนมือขวา เฟลิกซ์มองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะก้มเก็บหินหนึ่งก้อนมา
“ถ้าหินนี้ถึงพื้นเมื่อไหร่ เริ่มทันทีนะ”
เฟลิกซ์พูดด้วยสีหน้าที่จริงจังราวกับคนละคนก่อนหน้านี้...เธอแบมือขวาที่ถือหินให้ดู
‘เอาล่ะ เอาล่ะ...สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือ แค่ยิงกระสุนลมลูกเล็กๆ ใส่เขาก็พอ’
พีวางแผนไว้ในใจ ก่อนที่จะจ้องมองหินก้อนนั้นที่อยู่บนมือของเฟลิกซ์ เธอกำมือแล้วทำท่าจะโยนขึ้นฟ้า
“เอาล่ะ!”
เฟลิกซ์เหวี่ยงมือขวาขึ้นไป พีมองตามทิศทางที่หินก้อนนั้นควรจะลอยขึ้นไป แต่มองไม่เห็น
‘หายไปไหนว่ะ!’
กว่าพีจะรู้สึกตัว ก้อนหินก้อนนั้นถึงพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยการโดนหลอกว่าเหมือนจะโยนขึ้นฟ้า แต่ที่จริงแล้วเฟลิกซ์แค่เหวี่ยงแขนขึ้นไปก่อนที่จะปาหินลงพื้นทันทีและแน่นอนว่าเฟลิกซ์วิ่งพุ่งตัวเข้ามาจะใช้โล่เข้ามาประชิดตัวพี
‘เวรแล้ว!’
พีรีบยกปืนขึ้นมายิงใส่เฟลิกซ์ แต่เธอเอี่ยวตัวหลบใช้โล่บนแขนซ้ายของเธอรับลูกกระสุนลมด้วยการทำองศาเฉียงเล็กน้อย ทำให้ลูกระสุนลมขนาดเล็กถูกเบี่ยงทิศทางไป พีตะลึงกับทักษะของเธอ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้บูลเลตไทม์
“โฟ---โอ๊ย!!!”
เฟลิกซ์เข้าประชิดตัวได้ก่อน เธอใช้โล่กระแทกปัดปืนในมือขวาของเขากระเด็นออกไป ก่อนที่จะใช้เท้าขัดขาพีให้ล้มคว่ำหน้าลง แล้วใช้ปลายโล่กดเข้าที่หลังคอเขาและดึงแขนขวาของพีไปทางของหลังพร้อมๆ กับใช้เท้ายันแผ่นหลังไว้ ทำให้ความเจ็บปวดลั่นเข้าที่ไหล่ขวาเต็มๆ
“โอ้ยๆๆๆๆๆ!”
“ยอมแพ้เถอะ เธอไม่มีวันสู้ได้หรอก ถ้ายังอ่อนหัดขนาดนี้”
“ดะดะดะเดี๋ยวสิ!!” พีพูด “ตะกี้คุณขี้โกงนี่หน่า”
“โกงอะไร? ทำตามที่บอกก่อนหน้านี้ทุกอย่างแล้ว ว่าถ้าก้อนหินลงพื้นเมื่อไร เริ่มสู้ทันที”
‘ก็จริงแฮะ...ให้ตายสิ ฉันพลาดเองที่ไม่ใช้บูลเลตไทม์ตั้งแต่แรก!’
พีเถียงไม่ออก
“เอาล่ะ ยอมได้หรือยัง?” ผู้ได้ชัยชนะถาม
“ไม่...”
พียังคงดื้อแม้อยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้แล้วก็ตาม เฟลิกซ์เห็นคนที่ยังไม่ยอมแพ้แบบนี้แล้ว เลยดึงแขนขวาพร้อมเท้ายันหลังไว้สุดแรงเกิด จนพีต้องเปลี่ยนใจ
“โอ้ย!! พอแล้ว พอแล้ว ยอมๆๆๆๆๆ!!! อย่าดึงแขนสิ! บอกว่ายอมแล้วไง!!”
◊◊◊
มาคุยกับคนเขียนนะจ๊ะ
จบลงไปอีกตอนแล้วสำหรับการปะทะกันของทั้งสามฝ่าย
แล้วพีที่ถูกเฟลิกซ์ แม่ของเฟียน่ารู้ความลับและโดนจับกดจะทำอย่างไรต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 10 [ชักชวน]
ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ ฮ่าๆ
By Spy442299 & Nattanan Srising
เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
Ch.19 เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 9 [ประจัญหน้า]
Rewrite V.3
◊◊◊
[17:40] [02/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, บนรถไฟฟ้า สาย A ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอินเทล]
“ยิงมัน!”
พวกไอริสคนหน้าสุดสั่งพวกของเขาทุกคนให้ใช้ปืนสงครามกราดยิงใส่สามสาวการ์เดี้ยนกับพีที่มัวแต่ตะลึงตรงหน้า
ปังๆๆๆ! ฟู๊ดๆๆๆ
เสียงปืนสงครามหลายกระบอกกราดยิงใส่มา แต่แล้วดงกระสุนเหล่านั้นกลับหายกลายเป็นไอน้ำไปในพริบตาตรงหน้านิฟที่ขยับตัวมาตรงกลางข้างหน้าเจนนิก้ากับเอชและพี เหมือนกับว่าตรงหน้าเธอมีบางสิ่งขวางกระสุนไว้อยู่
“ไม่มีอะไรผ่านกำแพงฮีทของเพื่อนดิฉันได้หรอกค่ะ” เจนนิก้าอธิบายให้พวกไอริสที่พยายามสาดกระสุนใส่อยู่แต่ไม่เป็นผล “เพราะเพื่อนรักของดิฉัน สามารถควบคุมอุณหภูมิรอบตัวได้อย่าง---”
“เจนนิก้า!” นิฟพูดขัดขึ้นมา “รีบๆ จัดการพวกที่ทำร้ายรุ่นน้องเถอะค่ะ!!”
“อ่า ค่ะ” เจนนิก้าทำเสียงกึ่งเล่นกึ่งจริง ก่อนที่จะหันไปเจรจากับพวกไอริสด้วยการยกนิ้วชี้ขวาที่มีลูกบอลแดงๆ ลอยติดปลายนิ้วขึ้นมา “เอาล่ะ ฉันจะให้โอกาสพวกแก...ยอมทิ้งอาวุธซะโดยดี หรือจะโดนเลเซอร์ของฉันตัดขาดสองท่อนก็ตามใจนะคะ”
เจนนิก้าพูดเสร็จ มีลำแสงสีแดงขนาดกว้างเท่าฝาขวดน้ำขนาดเล็กพุ่งออกมาจากลูกบอลแดงปลายนิ้ว พุ่งเข้ากลางวงไอริสเฉียดไม่โดนใคร แต่ตัวบอดี้รถไฟฟ้าข้างหลังเป็นรูจนเห็นข้างนอกที่เกิดจากการลำแสงสีแดงนั่นพุ่งทะลุผ่านไป
‘น่ากลัว...’
พีสะกดความคิดนั่นไว้ในใจ ก่อนที่จะก้มดูเอชที่นอนไม่ได้สติ เธอถูกยิงเข้าที่ท้องเหมือนจะอาการสาหัสเอาการ แต่แล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเอช...กระสุนที่ถูกฝังเข้าไปคอยๆ คายหลุดออกมาพร้อมเลือดจำนวนหนึ่ง ก่อนที่จะปากแผลของเธอจะค่อยๆ สมานกันจนหายเป็นปกติ เหลือแต่รอยเลือดแดงที่เปอะเสื้อข้างนอกไว้
‘โห้ยๆ นี่มันอะไรเนี่ย!?’
“อยากเจ็บตัวกันมากนักหรือไงคะ!” เหมือนเจนนิก้าเลือกที่จะประนีประนอมมากที่สุด “วางอาวุธลงเถอะค่ะ ยังไงก็สู้พวกฉันสองคนไม่ได้หรอก”
“จะเป็นอย่างงั้นแน่หรือ?”
เสียงทุ้มอย่างมั่นใจของผู้ชายคนหน้าสุดที่ใส่โม่งคุมหัวไว้ให้เห็นแต่ลูกตากับปาก แล้วเขาก็ยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย พีที่มองดูรอยยิ้มนั่นแล้วรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงเดินเบาๆ จากด้านหลัง พอหันไปมองก็เป็นพวกไอริสอีกสองคนที่เดินไปดูหัวขบวนรถไฟฟ้าก่อนหน้านี้ กำลังใช้ปืนสงครามยกขึ้นเล็งใส่สาวพลังจิตการ์เดี้ยนทั้งสอง พอพีเห็นแบบนี้ เขารีบใช้บูลเลตไทม์ทันที
“โฟกัส!”
มีเสียงนาฬิกาเดินหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณว่าพลังของเรสเทียร์ที่มอบให้เขามาทำงานแล้ว ทุกอย่างรอบตัวช้าลงไปถนัดตา พีค่อยๆ บรรจงวางศีรษะของเอชที่ประคองไว้อยู่ลงกับพื้น ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นมาอยู่ข้างๆ ไอริสทั้งสองคน แล้วยกมือทั้งสองขึ้นมารวบรวมสายลมที่เป็นพลังจิตของเขาเอง
‘จงมารวมกันที่มือทั้งสองข้าง คราวนี้ฉันจะไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว!’
“ย๊าก!”
พีตะโกนลั่นก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างต่อยกดลงที่หน้าอกพวกไอริสทั้งสองคนที่ย่องเบาจะมาแอบยิงข้างหลังสองสาวการ์เดี้ยน ทันใดนั้นเวลารอบข้างกลับมาเป็นปกติและร่างพวกไอริสทั้งสองถูกอัดอย่างแรงสลบไปบนพื้นทันที ทั้งเจนนิก้า นิฟ และพวกไอริสที่เหลือที่ได้ยินเสียงกระทบพื้นดังลั่น หันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณไอ!?” เจนนิก้าทักขึ้นมาอย่างงงๆ เพราะยังไม่รู้ว่าพวกไอริสสองคนที่ย่องมาข้างหลังร่วงไปนอนกับพื้นตอนไหน
“เกือบไปแล้ว” พีบ่นออกมาก่อนที่จะใช้เท้าเขี่ยปืนสงครามที่ตกใกล้ตัวออกไป “ที่นายพูดหมายถึงสองคนนี้สินะ...เสียใจด้วยที่ไม่สำเร็จ”
“เชอะ...” คนที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มนี้สบถ “พวกมีพลังจิต”
‘สถานการณ์แบบนี้...ถ้าเรามัวแต่ลังเลปิดบังตัวตนของเราอยู่ล่ะก็ โอกาสรอดก็จะน้อยลงแน่ๆ’
พีคิดแบบนั้นแล้วก็ตัดสินใจเดินกลับมาอยู่ข้างๆ เจนนิก้า ก่อนที่จะยกมือข้างขวาขึ้นมาแล้วเรียกอาวุธประจำตัวขึ้นมา ถึงแม้ในใจเขาตอนนี้จะรู้สึกหวั่นกลัวก็ตาม
“เอ๊กซ์แทรคกัน!” มีแสงสีฟ้าออกมาจากแผ่นกระจกมือขวาของเขา แล้วมันก็ค่อยๆ กลายเป็นปืนกระบอกสีฟ้าขาวที่เป็นกระบอกเดียวกันกับตอนที่ใช้ในสนามบิน เขาจับมันเล็งใส่พวกไอริสไว้ “เอาล่ะ พวกแก...ยอมแพ้ซะดีๆ”
“ปืนนั่นมัน...” พวกไอริสคนหน้าสุดพูด “อ๋อ...นี่แกเป็นคนของไฮเทคอัพเปอร์ ถึงได้มีปืนนั่น...”
“หา!?” พีได้ยินถึงกับงง
“หึ...งั้นลองกินไอ้นี่หน่อยเป็นไง!”
และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อไอริสคนเมื่อครู่ปาวัตถุครึ่งวงกลมสีเขียวลงมาทางข้างหน้านิฟ ซึ่งพอวัตถุนั่นลงถึงพื้นมันเกาะแน่นไม่กระเด้ง ก่อนที่จะมีแสงสีแดงกระพริบบนวัตถุนั้น นิฟที่อยู่ใกล้ของสิ่งนั้นมากที่สุด เมื่อเห็นว่ามันกำลังทำงาน เธอรีบตะโกนบอกทันที
“ระเบิดฮาล์ฟ! หมอบลง!”
พีพอได้ยินแล้วรีบหมอบลงเอาตัวบังเอชที่สลบอยู่ไว้ ส่วนเจนนิก้ากระโดดพุ่งถอยหลังไปและนิฟย่อตัวลงใช้มือตั้งการ์ดขึ้นมาเหมือนว่ากำลังใช้พลังจิตของตัวเธอในการป้องกันแรงระเบิด
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นมา อันตรายจากระเบิดฮาล์ฟนั้นถูกพลังจิตของนิฟเบนเปลี่ยนทิศไปยังข้างบนจนทำให้รถไฟฟ้าถูกแยกเป็นสองส่วน แต่ไม่สามารถต้านแรงกระแทกได้ ร่างกายของทั้งสี่คนกระเด็นไปข้างหลัง แขนขวาเจนนิก้ากระแทกเข้ากับราวจับเหล็ก แผ่นหลังนิฟชนกับผนังรถไฟฟ้าด้านข้าง ส่วนพีโยนปืนทิ้งคว้าตัวเอชทันและอยู่สภาพหมอบก่อนหน้านี้ จึงได้รับผลแค่กลิ้งตัวไปข้างหลังไม่มากนัก แต่ทำให้ตัวเขาจุกไปหมดทั้งตัวจนไม่มีเสียงพูด
‘ระเบิดอะไรว่ะเนี่ย!’
ความคิดพีที่แวบเข้ามาหลังจากที่พอตั้งสติได้แล้ว แต่ก็นอนกอดเอชอยู่กับพื้น เขาพยายามมองไปข้างหน้าที่มีควันเกิดขึ้นเต็มไปหมด ก่อนที่ควันมันจะค่อยๆ จางลงจนเห็นพวกไอริสที่สบายดีอยู่ไร้รอยขีดข่วนในท้ายขบวนรถไฟฟ้าที่ถูกแยกโดยระเบิด ราวกับว่าระเบิดลูกนั้น มันกระจายสะเก็ตระเบิดเพียงทิศทางเดียวเท่านั้น พวกนั้นยืนอยู่กันครบและกำลังเล็งปืนมาทางเขา
‘แย่แล้ว!’
ปังๆๆๆ!
เสียงปืนสงครามกระหน่ำยิงเข้ามา พีหลับตาลงตามสัญชาติญาณ
ปึ่กๆๆๆๆๆ
และมีเสียงโลหะปะทะกับของอะไรสักอย่าง เขาลืมตาขึ้นพบกับร่างผู้หญิงผมสีแดงมัดรวบยาวคนหนึ่ง ที่มีโล่สีดำออกจากชุดแขนซ้ายของเธอตั้งขึ้นมากันกระสุนให้เขากับเอชอยู่ ตัวเธอใส่ชุดเกราะสีดำเทาและแผ่นหลังมีคำภาษาอังกฤษสามตัวเขียนอยู่ว่า MLA
‘เจ้าหน้าที่พิทักษ์กฎหมาย เอ็มแอลเอ!’
“พวกเธอหลบอยู่หลังฉันไว้ อย่าเพิ่งขยับ!” เสียงห้าวของผู้หญิงผมยาวมัดรวบแดงบอกให้อยู่นิ่งๆ
“อ่า...ครับ”
พีพูดออกไปเบาๆ เพราะเพิ่งหายจากอาการจุก แต่คนตรงหน้าไม่ได้ยิน และเขาก็สังเกตว่าตอนนี้ขบวนรถไฟฟ้าได้มาถึงที่สถานีอินเทลพอดี ด้านขวามือมีคนสวมชุดเกราะกันกระสุนสีดำถือโล่เต็มไปหมดและถือปืนบางส่วน แถมมีโดรนของเอ็มแอลเอลอยอยู่เหนือพวกเขาประมาณสี่ห้าตัว
“เฮ้ยๆๆๆ!” เสียงดังจากพวกไอริสอีกฝั่งหนึ่ง น่าจะเป็นเดียวกันกับที่ปาระเบิดใส่ “รีบใช้ระเบิดเสียงนั่นเร็วเข้า!!”
“ระเบิดเสียง!” ผู้หญิงผมแดงตรงหน้าตะโกน “ทุกคนรีบปิดหู!!”
เปรี้ยง! วิ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงคล้ายประทัดดังลั่นก่อนที่จะมีเสียงคล้ายคลื่นความถี่สูงดังก้องไปทั่ว ทุกๆ คนพากันทั้งนอนทั้งนั่งลงปิดหูอย่างทรมานไม่เว้นแม้แต่พีเอง ยกเว้นพวกไอริสที่ไม่เป็นอะไรเลยเพราะใส่อะไรบางอย่างที่หูไว้ พวกนั้นแห่กันออกจากรถไฟฟ้าวิ่งไปทางซ้ายลงบันไดไปและถือลังแร่คริสตัสชายน์ไปด้วย กว่าเสียงที่แสนปวดหูจะหายไปกินเวลาไปครึ่งนาที ผู้หญิงผมแดงตรงหน้ารีบสั่งลูกน้องทันที
“หน่วยเอกับบี ตามสกัดพวกไอริสไป! ระวังพลเรือนข้างล่างด้วย! หน่วยซีรีบอพยพคนในรถไฟให้หมด!!”
“เยสเซอร์!”
กลุ่มคนเอ็มแอลเอถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มทันที หนึ่งกลุ่มตามล่าไอริส อีกกลุ่มเข้าช่วยเหลือพลเรือนที่อยู่ด้านหลังพีจำนวนมาก ผู้หญิงผมแดงยาวมัดรวบตรงหน้า เธอลุกขึ้นก่อนที่จะใช้มือขวากดปุ่มหลังแขนซ้ายเรียกโล่พับเก็บลงไปบนแขน แล้วหันมาเห็นหน้าตาเธอที่ดูแหลมคม ใบหน้าสีขาวแต่สภาพผิวเหมือนผ่านร้อนผ่านหนาวมากเยอะ ดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่อายุสามสิบขึ้นไป นัยน์ตาสีแดงที่ดูคุ้นๆ ปากเล็ก เธอยื่นมือมาทางพี
“ลุกขึ้นสิ แม่สาวน้อยคนเก่ง”
‘แม่สาวน้อยคนเก่ง!?
จริงสิ สภาพเราตอนนี้ดูเป็นผู้หญิงอยู่นี่หว่า’
พีทวนประโยคนั้นในใจ แล้วเขายื่นมือจับและประคองตัวเอชขึ้นมาด้วย แล้วเขาก็ถามเรื่องชื่อที่ถูกเรียก
“ทำไมเรียกแบบนั้นล่ะครับ?”
“หือ!?” ผู้หญิงผมแดงเหมือนจะแปลกใจกับคำพูดลงท้ายนิดหน่อย “...อ๋อ เพราะเจ้านี่นะ”
เธอยื่นมาขวาขึ้นชูเหนือศีรษะ ก่อนที่จะมีโดรนใบพัดของเอ็มแอลเอตัวหนึ่งที่ค่อยๆ ปรากฎตัวจากสภาพล่องหน
“เราเห็นทุกๆ อย่างผ่านกล้องตัวนี้”
‘อ๋อ...ที่เห็นคงจะเป็นตอนที่ฉันอัดไอริสสองคนที่แอบมาข้างหลังแน่ๆ
เฮ้ย! แล้วสองคนนั้นล่ะ!?’
พีหันหลังไปเห็นนิฟที่ประคองไหล่เจนนิก้ามา ซึ่งนิฟไม่น่าจะเป็นอะไรมากนัก แต่แขนขวาของเจนนิก้าห้อยลงมา
“เธอสองคนเป็นอะไรไหม!?” พีเข้าไปถาม
“ฉันไม่หรอก” นิฟพูด “แต่เจนนิก้าสิ...เหมือนแขนขวาเธอจะหัก”
“เจ็บมากเลยค่ะ ยกแขนไม่ขึ้น แต่ก็ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” เจนนิก้าพูดด้วยเสียงสั่น “แต่รุ่นน้องเอชถูกยิง รีบพาเธอส่งโรงพยาบาลเถอะค่ะ”
“ไม่...จำ...เป็น...ฮะ”
เสียงเบาๆ ของเอชที่พีประคองตัวอยู่ดังขึ้น เจนนิก้าและนิฟรีบเดินเข้ามาหา ก่อนที่จะบ่นยกใหญ่
“จะบ้าเหรอคะ!? โดนยิงเข้าเต็มๆ แบบนั้น รีบพาไปให้หมอรักษา---”
“บอก...แล้ว...ไงฮ่ะ ว่าไม่...จำเป็น” เอชค่อยๆ ใช้มือขวาถกเสื้อขึ้นมาเปิดตรงหน้าท้องให้ดู ที่ไม่มีบาดแผล มีแต่รอยเลือด “ของแค่นั้น...ทำอะไร...เอชไม่ได้หรอกฮะ”
“รุ่นน้อง!? นี่เธอ...” เจนนิก้าทำหน้าเหมือนจะเข้าใจ
“อย่างที่...คิดล่ะฮะ รุ่นพี่...ผมมี...พลังจิตที่รักษา...ตัวเองได้” เอชพยายามพูด “แต่เจ็บชะมัดยากเลยฮะ”
‘พลังจิตรักษาตัวเอง!?’
พอพีได้ยินสิ่งที่เอชพูด ก็ทำให้เขาโล่งใจขึ้นมา
‘ถ้าเป็นแบบที่เธอว่ามาจริงๆ ก็ดีแล้ว ที่ไม่เป็นอะไร’
“พีทูสินะ” ผู้หญิงผมแดงที่เป็นเอ็มแอลเอเอ่ย “คนของเราก็มีแบบนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ความเจ็บปวดมันไม่ได้หายไป แถมเสียเลือดจริงๆ ไปอีก...รีบไปโรงพยาบาลตรวจให้ละเอียดจะดีที่สุด”
“ขอบคุณที่แนะนำฮะ” เอชมองไปทางผู้หญิงผมแดงคนนั้น “เอเจนท์เฟลิกซ์”
ชื่อของผู้หญิงผมแดงยาวมัดรวบไว้ข้างหลัง ทำให้คนที่ถูกเรียกยิ้มออกมา
“ยังจำได้อีกเหรอนิ? เอาเถอะ รักษาเนื้อรักษาตัวกันด้วยนะทุกๆ คน ฉันไปทำหน้าที่ต่อ”
เฟลิกซ์พูดเสร็จก็วิ่งลงบันไดทางซ้ายไปทางเดียวกันกับพวกไอริสที่หนีไป เจนนิก้าที่สงสัยประโยคคุยกันก่อนหน้านี่เอ่ยถาม
“รุ่นน้องเอช...รู้จักกับเอ็มแอลเอคนนั้นด้วยเหรอค่ะ?”
“ก็...นิดๆ หน่อยๆ ฮะ” เอชยิ้มออกมาทั้งๆ ที่สภาพตนเองไม่ค่อยเอื้ออำนวย “แต่รุ่นพี่ทั้งสองคนเจ็บหนักกว่าผมนะฮ่ะ เดี๋ยวผมช่วย”
เอชผละตัวออกจากพี ค่อยๆ เดินไปหาเจนนิก้าแล้วจับแขนขวาของเธอเพื่อที่จะช่วยนิฟประคองตัว แต่เจนนิก้าร้องลั่น
“โอ๊ย! แขนฉัน! อย่าไปแตะมันนะ เอช! แขนฉัน...หักจริงๆ ด้วย ฮื้อๆๆๆๆ”
“ขอโทษฮะ ขอโทษฮะ” เอชก้มหัวขอโทษ
“พาฉันไปโรงพยาบาลที” เจนนิก้าพูดอย่างหมดแรง
“จ้าๆ”
นิฟตอบรับแล้วค่อยๆ พาเจนนิก้าเดินออกไป ส่วนเอชหันมาคุยลับๆ กับพี
“ขอบคุณมากนะฮะ ที่ช่วยพวกผมไว้บนรถไฟ”
“หา!? นี่เธอรู้ด้วยเหรอ?”
“ตอนนั้นผมยังไม่หลับไปฮ่ะ แค่มันเบลอๆ เจ็บไปทั้งตัวเท่านั้นเองฮะ” เอชอธิบาย “แต่ก็เห็นนะฮะ ตอนที่คุณพีเข้าไปอัดคนมาข้างหลัง”
‘มองเห็น...เดี๋ยวก่อนสิ ตอนนั้นที่ฉันใช้พลังบูลเลตไทม์...แตะตัวเอชอยู่ งั้นก็หมายความว่า...ตอนนั้นเธอเห็นทุกอย่างรอบๆ ตัวช้าลงเหมือนกัน...’
พีคิดเสร็จมองหน้าเอชที่กำลังยิ้มแย้มในสภาพมอมแมมให้เขาอยู่และเขาก็หันไปดูรถไฟฟ้าที่ถูกหยุดอยู่ในสถานีอินเทลที่มีพลเรือนกำลังถูกคนของเอ็มแอลเอช่วยเหลืออยู่
‘เหมือนจะไม่มีใครเป็นอะไรมากจริงๆ แฮะ’
พีรู้สึกโล่งใจอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เอชจะทัก
“ไปโรงพยาบาลด้วยกันไหมฮะ?”
“โรงพยาบาล...”
พีทวนแล้วมองไปทางนิฟที่กำลังพาเจนนิก้าไปทางขวา ก่อนที่จะหันกลับมามองบันไดทางซ้าย
“ไม่ล่ะ ฉันมีธุระต้องทำ...” พีพูดแล้วเอามือลูบหัวเอช “เธอนะ...ตามไปช่วยรุ่นพี่ของเธอเถอะ”
“ฮะ” เอชยิ้มกว้าง ก่อนที่จะทำท่าประจำตัวยกแขนขึ้นมาโชว์ตราการ์เดี้ยน “ถ้ามีโอกาสได้เจอกัน อย่าลืมทักกันนะฮะ...การ์เดี้ยนต้องขอตัวไปช่วยเหลือชาวเมืองก่อน บายฮะ”
“บาย”
พีโบกมือลาเอชที่วิ่งตามรุ่นพี่การ์เดี้ยนของเธอไป...ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาวมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วถอดหัวสีฟ้าที่มีตราไฮเทคอัพเปอร์ออกมา
‘ทำไมเจ้าพวกนั่นถึงพูดว่าฉันเป็นพวกของไฮเทคอัพเปอร์นะ? ต้องตามไปถามดูสักหน่อย’
◊◊◊
[มุมมองของเรสเทียร์]
‘อยู่ในสภาวะหลับไหลจนได้’
เรสเทียร์บ่นในใจในขณะที่เธอลอยอยู่ในที่ๆ มีแต่สีขาวโพลนรอบตัว
‘เผลอใช้พลังช่วยน้องชายของเฟียน่ามากไปหน่อย แถมยังใช้บีมแคนนอนช่วยพี่หญิงอีก...
ไม่รู้ว่าจะยอมยกโทษที่เรสเทียร์ล้างความทรงจำของพี่หญิงไหมน่า?
แล้วเรสเทียร์จะต้องโกหกพี่หญิงไปนานอีกแค่ไหนกัน?’
◊◊◊
[19:01] [02/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, ทางเดินใกล้ๆ อู่เรือซันเด ริมแม่น้ำเจ้าพระยา]
‘สรุปไม่ได้ถาม’
พีบ่นในใจแล้วเดินแตะก้อนหินไปมาอยู่ทางเดินริมแม่น้ำ
ก่อนหน้านี้เขาแอบตามเอ็มแอลเอที่ไล่บี้พวกไอริสจนถึงอู่เรือซันเด แล้วเห็นพวกมันกำลังลงเรือเร็วที่เหมือนเตรียมไว้หลบหลีก เขาที่ตามมาอยู่ฝั่งตรงข้าม รีบใช้ปืนยิงลูกกระสุนลมใส่เรือพวกมันไป ผลก็คือทั้งเรือและพวกไอริสกระเด็นขึ้นฝั่งอู่เรือแล้วเอ็มแอลเอรีบเข้ามาจับกุมทันที ไม่ปล่อยโอกาสให้เขาได้เข้าไปถาม
‘อันที่จริง...ฉันน่าจะเดาแต่แรกได้นะ การที่พวกมันบอกว่าฉันเป็นพวกไฮเทคอัพเปอร์เพราะว่าตอนที่สนามบินก็อยู่กับคนของไฮเทคอัพเปอร์ แล้วตอนที่อยู่บนรถไฟฟ้าก็ดันใส่หมวกของไฮเทคอัพเปอร์อยู่
ตามพวกมันมาเสียเวลาชัดๆ เพราะว่าพวกมันไม่ได้สนใจฉันมากเท่าแร่คริสตัลชายน์ที่กำลังแอบขนไป
แร่นั่นมันสำคัญมากขนาดนั่นเลยเหรอ?
แล้วพวกไอริสที่ว่าโดนขับไล่ออก Area TH ที่เจ็ดไปหลายวันแล้ว ป่านนี้ยังมีคงเหลืออีก?’
พีเดินแตะก้อนหินไปเรื่อยๆ จนก้อนหินมันกลิ้งไปข้างหน้าอยู่ใกล้เท้าของใครบางคนที่มายืนดักรอเพราะเห็นกระสุนลมปริศนาก่อนหน้านี้ พีเงยหน้าไปมองก็ร้องอ้อ
‘คนตรงหน้าน่าจะมีคำตอบให้นะ แต่ประเด็นคือเขาจะยอมบอกหรือเปล่า?
เอเจนท์เฟลิกซ์ เอ็มแอลเอ’
“เธอ...” เฟลิกซ์ทัก “ทำไมถึงตามมา?”
‘เวรล่ะ เหตุผลที่มันจะถูๆ ไถๆ ไปได้ มันแทบไม่มีเลย’
พีกำลังใช้ความคิดหาทางหนี แต่เฟลิกซ์พูดเรื่องหนึ่งขึ้นมาที่ชวนให้เขาใจหายวาป
“ไม่สิ...ฉันน่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี้...ใช่ไหม พี วีรบุรุษที่สนามบินนั่น”
‘เฮ้ย!’
พีผละถอยหลังเล็กน้อยกับความลับของเขาที่แตกอย่างรวดเร็ว
“พะพะพูดเรื่องอะไรครับ?”
“ก็เธอไม่ใช่หรือ? ที่เป็นคนช่วยเฟียน่าไว้”
“อ๋อ...เฟียน่า...” พีเผลอพูดออกมา ก่อนที่จะรู้ตัว “เอ่อ...”
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” เฟลิกซ์เท้าเอว
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมคือพี?”
“ฉันโทรถามเฟียน่านะ” คำตอบของเฟลิกซ์ที่ชวนให้พีอึ่ง “เห็นตาเธอสีน้ำตาลข้างสีแดงข้างเหมือนในคลิปนั่นเลยสงสัย”
‘โห้ยๆ...เพราะเหตุผลแค่นั้นเหรอ? เขาถึงรู้ความลับของฉัน!?
เดี๋ยวก่อนสิ เขาบอกว่าโทรหาเฟียน่า....’
“นี่คุณรู้จักกับเฟียน่าเหรอครับ?”
“ก็...” เฟลิกซ์ทำปากเม้ม “รู้จักดีอยู่...จะว่ายังไงดี ฉันเป็นแม่ของยัยนั่นเอง แต่พูดก็แบบนั้นได้ไม่เต็มปาก เพราะหลายๆ เรื่อง”
“แม่!”
พีอ้าปากตะลึงกับความสัมพันธ์ของเฟลิกซ์กับเฟียน่า ก่อนที่จะพิจารณาหน้าตาของเธอ
‘ทั้งหน้าทั้งตาสีแดงทั้งผมสีแดง...ก็คล้ายๆ อยู่’
“แต่ถ้าให้เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด...คงไม่ยอมบอกใช่ไหม?” เฟลิกซ์ถาม
“ประมาณนั้นล่ะครับ อยู่ดีๆ มาเล่าเรื่องความลับของตัวเองให้คนอื่นฟังมันยังไงยังไงอยู่นะครับ” พีตอบ
“เอาแบบนี้ไหม?” เฟลิกซ์สลัดแขนซ้ายลงแล้วมีแผ่นสีดำยื่นออกมาจากชุดเกราะที่แขนออกมาเป็นโล่ติดแนบแขน “มาสู้กันสักยก ถ้าเธอแพ้ต้องยอมเล่าทุกๆ อย่างให้ฉันฟัง แต่ถ้าเธอชนะ...จะทำยังไงก็ได้เรื่องของเธอ”
“เฮๆ แล้วมันจะเป็นไปตามนั้นแน่เหรอ?”
“เอาไว้ชนะฉันให้ได้ซะก่อน”
“ก็ได้ครับ ก็ได้...เอ๊กซ์แทรคกัน!””
พีเรียกอาวุธตัวเองขึ้นมาอยู่บนมือขวา เฟลิกซ์มองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะก้มเก็บหินหนึ่งก้อนมา
“ถ้าหินนี้ถึงพื้นเมื่อไหร่ เริ่มทันทีนะ”
เฟลิกซ์พูดด้วยสีหน้าที่จริงจังราวกับคนละคนก่อนหน้านี้...เธอแบมือขวาที่ถือหินให้ดู
‘เอาล่ะ เอาล่ะ...สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือ แค่ยิงกระสุนลมลูกเล็กๆ ใส่เขาก็พอ’
พีวางแผนไว้ในใจ ก่อนที่จะจ้องมองหินก้อนนั้นที่อยู่บนมือของเฟลิกซ์ เธอกำมือแล้วทำท่าจะโยนขึ้นฟ้า
“เอาล่ะ!”
เฟลิกซ์เหวี่ยงมือขวาขึ้นไป พีมองตามทิศทางที่หินก้อนนั้นควรจะลอยขึ้นไป แต่มองไม่เห็น
‘หายไปไหนว่ะ!’
กว่าพีจะรู้สึกตัว ก้อนหินก้อนนั้นถึงพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยการโดนหลอกว่าเหมือนจะโยนขึ้นฟ้า แต่ที่จริงแล้วเฟลิกซ์แค่เหวี่ยงแขนขึ้นไปก่อนที่จะปาหินลงพื้นทันทีและแน่นอนว่าเฟลิกซ์วิ่งพุ่งตัวเข้ามาจะใช้โล่เข้ามาประชิดตัวพี
‘เวรแล้ว!’
พีรีบยกปืนขึ้นมายิงใส่เฟลิกซ์ แต่เธอเอี่ยวตัวหลบใช้โล่บนแขนซ้ายของเธอรับลูกกระสุนลมด้วยการทำองศาเฉียงเล็กน้อย ทำให้ลูกระสุนลมขนาดเล็กถูกเบี่ยงทิศทางไป พีตะลึงกับทักษะของเธอ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้บูลเลตไทม์
“โฟ---โอ๊ย!!!”
เฟลิกซ์เข้าประชิดตัวได้ก่อน เธอใช้โล่กระแทกปัดปืนในมือขวาของเขากระเด็นออกไป ก่อนที่จะใช้เท้าขัดขาพีให้ล้มคว่ำหน้าลง แล้วใช้ปลายโล่กดเข้าที่หลังคอเขาและดึงแขนขวาของพีไปทางของหลังพร้อมๆ กับใช้เท้ายันแผ่นหลังไว้ ทำให้ความเจ็บปวดลั่นเข้าที่ไหล่ขวาเต็มๆ
“โอ้ยๆๆๆๆๆ!”
“ยอมแพ้เถอะ เธอไม่มีวันสู้ได้หรอก ถ้ายังอ่อนหัดขนาดนี้”
“ดะดะดะเดี๋ยวสิ!!” พีพูด “ตะกี้คุณขี้โกงนี่หน่า”
“โกงอะไร? ทำตามที่บอกก่อนหน้านี้ทุกอย่างแล้ว ว่าถ้าก้อนหินลงพื้นเมื่อไร เริ่มสู้ทันที”
‘ก็จริงแฮะ...ให้ตายสิ ฉันพลาดเองที่ไม่ใช้บูลเลตไทม์ตั้งแต่แรก!’
พีเถียงไม่ออก
“เอาล่ะ ยอมได้หรือยัง?” ผู้ได้ชัยชนะถาม
“ไม่...”
พียังคงดื้อแม้อยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้แล้วก็ตาม เฟลิกซ์เห็นคนที่ยังไม่ยอมแพ้แบบนี้แล้ว เลยดึงแขนขวาพร้อมเท้ายันหลังไว้สุดแรงเกิด จนพีต้องเปลี่ยนใจ
“โอ้ย!! พอแล้ว พอแล้ว ยอมๆๆๆๆๆ!!! อย่าดึงแขนสิ! บอกว่ายอมแล้วไง!!”
◊◊◊
มาคุยกับคนเขียนนะจ๊ะ
จบลงไปอีกตอนแล้วสำหรับการปะทะกันของทั้งสามฝ่าย
แล้วพีที่ถูกเฟลิกซ์ แม่ของเฟียน่ารู้ความลับและโดนจับกดจะทำอย่างไรต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 10 [ชักชวน]
ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ ฮ่าๆ
By Spy442299 & Nattanan Srising
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ