P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
เขียนโดย Spy442299
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 10 [ชักชวน]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความP.P. Rising: The Bullet Time
เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
- Ch.20 เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 10 [ชักชวน]
Rewrite V.3
◊◊◊
[19:30] [02/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, บนรถเก๋งเอ็มแอลเอ]
‘ยังปวดไหล่ขวาไม่หายเลยแฮะ’
พีนั่งอยู่ด้านหลังคนขับบ่นในใจ ตอนนี้เขาอยู่กับเฟลิกซ์ที่อาสาขับรถเก๋งของเอ็มแอลเอไปส่งที่อยู่ของทอมมี่ ตอนนี้อยู่กำลังผ่านในเขตเมืองหนึ่ง...ก่อนหน้านี้ เฟลิกซ์ เธอบอกว่าเป็นแม่ของเฟียน่า แน่นอนว่าระหว่างทางที่อยู่บนรถเขาได้เล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ยกเว้นเรื่องของเรสเทียร์และลำแสงประหลาดที่สนามบิน
“เธอไม่ต้องห่วงเรื่องตัวเธอหรอก” อยู่ดีๆ เฟลิกซ์พูดขึ้นมา “ฉันไม่จับเธอส่งให้เวิลด์เจเรนัล”
“หือ!? ทำไมล่ะครับ?” พีแปลกใจ
“มันค่อนข้างที่จะเป็นเหตุผลส่วนตัวอยู่...ก็เธอช่วยเฟียน่ากับพี่ชายไว้ อีกอย่าง...มันคงไม่ปลอดภัยนัก ที่จะส่งตัวเธอไป”
“ไม่ปลอดภัย?”
“ก็พวกใต้ดินขึ้นค่าหัวเธอไว้เพียบ” เฟลิกซ์โยกหัวซ้ายขวา “ระหว่างส่งตัวเธอไปพวกมันต้องแห่กันมาเอาตัวแน่...หรือเธออยากเป็นตัวล่อ!? เดี๋ยวฉันจะเอาปืนกลหนักติดตัวไปด้วย จะได้สาด---”
“อ่า...เดี๋ยวก่อนสิครับ” พีขัดขึ้นมาเพราะสงสัย “แล้วทำไมผมต้องโดนขึ้นค่าหัวไว้ด้วยล่ะครับ? พอได้ยินมาอยู่บ้าง แต่ไม่เข้าใจเหตุผลสักนิด”
“เรื่องนั้นไม่รู้เหมือนกัน” คำตอบไม่คาดคิดจากเฟลิกซ์ “สายของฉันรายงานมาแบบนี้มานะ เอาเป็นว่าเธอนะ...ระวังตัวไว้ให้มากล่ะกัน แต่คงไม่ต้องห่วงมากล่ะมั้ง ปลอมตัวเก่งซะขนาดนี้”
เฟลิกซ์พูดแล้วมองผ่านกระจกมองหลังมาที่พี...แน่นอนว่าเธอหมายถึงสภาพภายนอกที่ดูเหมือนผู้หญิงตอนนี้
‘ฉันบอกแม่ของเฟียน่าไปว่า ใช้วิกผม แต่งหน้านิดๆ หน่อยๆ ไป
ขืนพูดเรื่องเรสเทียร์กับลำแสงสีแดงนั่น...ต้องไม่เชื่อแน่ๆ
หรือเฟียน่าเล่าเรื่องทั้งหมดให้แม่ของฟังไปแล้ว!?’
“งั้นคงไม่มีใครจับได้สินะครับ...”
พีพูดออกมาอย่างสบายใจ แต่เฟลิกซ์กลับรู้สึกกังวลจนบอกไม่ถูก ถึงถามพีเรื่องหนึ่ง
“พี...เธอเคยไป Area ที่มี Tech อันดับหนึ่งไหม?”
‘Area ที่มี Tech อันดับหนึ่ง...หมายถึงพื้นที่ที่มีระดับการพัฒนาเทคโนโลยีสูงที่สุดงั้นเหรอ? จำไม่ได้แฮะว่า Area ไหนบ้างที่เป็นมี Tech อันดับหนึ่ง แต่ Area TH นี่อันดับสาม หรือบ๋วยที่สุด’
พีพยายามคิดอยู่สักพักก่อนที่จะตอบตามความเป็นจริง
“ไม่เคยครับ”
“หึ ว่าแล้วเชียว” เฟลิกซ์ส่งเสียงในคอ “ในโลกนี้ยังมีอะไรให้เธอทึ่งได้อยู่เสมอนะ นอกจาก Area TH เส็งเคร็งนี่”
พีที่รับคำแนะนำทำหน้ารับฟังก่อนที่เฟลิกซ์จะพูดต่อ
“แต่ถ้าเธอเดือดร้อนเมื่อไหร่...” เฟลิกซ์พูดแล้วใช้มือซ้ายหยิบปืนพกขึ้นมาโชว์ “เรียกฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ”
“อ่า...ครับ”
พีเอ่ยรับความช่วยเหลือจากเฟลิกซ์ไว้อย่างมึนงง
‘โหดทั้งแม่ทั้งลูก...
เออ...ป่านนี้เฟียน่าจะเป็นยังไงบ้างหน่า?
ไม่เห็นเธออยู่กับแม่เลยแฮะ ไม่ใช่สิ...ตั้งแต่มอปลายไม่เคยเห็นแม่ของเฟียน่าเลยต่างหาก นี่เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำไป’
“อ่า...คุณเฟลิกซ์ครับ” พีเอ่ยถามเรื่องหนึ่งที่คาใจ “ไม่ได้อยู่กับเฟียน่าเหรอครับ?”
“เราสองคนแยกกันอยู่” เฟลิกซ์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “สถานะของเฟียน่าคนนั้นกับฉัน...ทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสเจอด้วยกันหรอก”
“อ๋อ งั้นเหรอครับ งืม...”
‘สถานะอะไรหว่า?
อยากจะถามต่อ แต่คุณเฟลิกซ์เล่นบอกแบบนี้มา แสดงว่าคงไม่อยากจะพูดถึงสินะ
แล้วฉันทำไมต้องสนใจเรื่องของเฟียน่าอีกล่ะเนี่ย!? ยัยนั่นกับพวกนั้นไล่ฉันมานี่หว่า...’
พีรีบสลัดเรื่องเกี่ยวกับเฟียน่าออกจากหัวให้หมด ก่อนที่จะถูกถามกลับเรื่องหนึ่ง
“เธอพอรู้...เรื่องเอสพีเจเนซิสไลท์ไหม? (SP-Genesis Light)”
‘อะไรซิสๆ ไลท์ๆ นะ?’
พีที่ฟังไม่ค่อยทัน แต่ก็พอรู้ว่าเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนแน่ๆ เลยพูดไป
“ไม่ล่ะครับ”
“งั้นเหรอ...นึกว่าจะรู้ซะอีก” เฟลิกซ์เอ่ยเสียงหลบ
“แล้วมันคืออะไรครับ?”
“ช่างมันเถอะ...ไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นล่ะ” เฟลิกซ์ตัดบท “ว่าแต่เธอนะ...อยู่กับทอมมี่งั้นหรือ?”
“ใช่ครับ...” พีพยักหน้าก่อนที่จะร้อง “เฮ่ะ!? คุณรู้ได้ไงว่าฉันจะไปอยู่กับทอมมี่?”
“ก็ที่อยู่ที่เธอจะให้ไปส่ง...อพาร์ทเม้นท์ของเจ้านั่น ฉันจำได้” เฟลิกซ์เฉลย “เป็นคนใกล้ตัว ค่อยวางใจได้หน่อย”
“รู้จักกับทอมมี่เหรอครับ?”
“เป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้จักกัน” เฟลิกซ์พูด “การ์เดี้ยนอยู่ในการดูแลของเอ็มแอลเอ”
‘อ๋อ...’
พีถึงกับบางอ้อ รถที่ขับโดยเฟลิกซ์ค่อยๆ ชะลอตัวช้าลงก่อนที่จะจอดหน้าตึกสูงแห่งหนึ่งและมีคนหนึ่งยืนค่อยอยู่ข้างนอกรถซ้ายมือ ก้มตัวลงมาโบกไม้โบกมือยิ้มหน้าทะเล้นให้พี
‘ทอมมี่...ฉันโทรบอกมันว่าใกล้จะถึงแล้ว ถึงมารออยู่สินะ’
ก๊อกๆๆ
ทอมมี่เคาะกระจกรถ เฟลิกซ์กดปุ่มให้กระจกเลื่อนลงไป ก่อนที่ทอมมี่จะทักทายเฟลิกซ์
“หวัดดีครับ คุณเฟลิกซ์ ขอบคุณมากนะครับที่มาส่งแฟนผม”
“ไอ้ทอมมี่!” พีตะโกนลั่นรถ
“ฮ่าๆๆ ที่แท้สองคนมีความสัมพันธ์แบบนี้เองเหรอเนี่ย” เฟลิกซ์หัวเราะ
“ไม่ใช่นะครับ! มันพูดเองเอ่ยเอง!” พีเลือดขึ้นหน้าแล้วขยับตัวเปิดประตูรถและก่อนลงเขาหันไปพูดกับเฟลิกซ์ “ขอบคุณมากๆ นะครับ”
“อือๆ ไม่เป็นไรหรอก” เฟลิกซ์ยิ้มและหันไปคุยอีกคน “ทอมมี่...พรุ่งนี้อย่าลืมที่บอกไว้นะ”
“รับทราบครับ ยังไงการ์เดี้ยนต้องส่งคนไปอยู่แล้ว ของใหญ่ขนาดนั้น แต่อาจจะใช้เวลานิดหน่อยนะครับ”
“หือ?” เฟลิกซ์เอียงคอ “ทำไม...อ๋อ...จริงสิ พรุ่งนี้เธอมีประชุมกับการ์เดี้ยนที่ถูกส่งมาจาก Area TH ที่หกสินะ”
“ใช่ครับผม ต้องชี้แจ้งงานก่อนถึงจะล่ะไปช่วยคุณเฟลิกซ์ได้ครับ”
“ใกล้มาถึงก็แจ้งมาล่ะกัน ขอตัวไปเคลียร์กับพวกไอริสที่จับได้ตอนกลางวันก่อน มันแสบมากที่ระเบิดรถไฟกับปล่อยเจ้าหุ่นแมงมุมอาละวาดในห้างนั่น”
แล้วเฟลิกซ์ก็ขับรถออกไป ทอมมี่ยื่นบอกมือลาให้ท้าย ส่วนพีที่ยืนเกาหัวฟังการสนทนาของทั้งคู่ที่ได้ยินไม่ถนัดเลยถาม
“คุยอะไรเหรอ?”
“เศษซากพวกไอริสทำไว้นะครับ” ทอมมี่ทำหน้าเหนื่อยใจ “ป่ะ เข้าห้องผมเลยดีกว่า”
หลังจากที่ฟังทอมมี่พูดเสร็จ พีก็หันมองตามนิ้วที่ทอมมี่ชี้ไปข้างหลังเป็นอพาร์ทเม้นท์สีเทาขนาดใหญ่สูงยี่สิบชั้น ที่มีชั้นล่ะสามห้องใหญ่ๆ เขามองเงยขึ้นไปก่อนที่จะถาม
“แกอยู่ชั้นไหนเนี่ย?”
“ยี่สิบ”
“หา! ไปอยู่ชั้นสูงๆ ทำบ้าอะไร?”
“อ้าว จำไม่ได้เหรอครับ ผมนะชอบวิวสูงๆ หน่า”
“ถ้าเกิดลิฟท์เสียขึ้นมา แกจะทำยังไงล่ะ!?”
“ก็เดินขึ้นไง” ทอมมี่พูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ก่อนที่จะเอื้อมมาจับมือพีแล้วลากเข้าอพาร์ทเม้นท์ “รีบขึ้นห้องของเรากันดีกว่านะ พีจัง”
“ห้องเราบ้านแกสิ!”
พีต่อว่ามุขที่ทอมมี่เล่น เขาอยากจะเดินเองอยู่ แต่ผลกระทบจากการทำร้ายร่างกายที่เฟลิกซ์ทำไว้มันไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้เดินเองสักเท่าไหร่
‘วันนี้ฝากไว้ก่อนเถอะ’
ทอมมี่พาเดินมาจนประตูเลื่อนเปิดอัตโนมัตให้เอง แล้วมีพนักงานประจำที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์เป็นป้าคนหนึ่งทักทาย
“อ้าว ไงจ๊ะทอมมี่ วันนี้พาแฟนมาด้วยเหรอเนี่ย!?”
“โอ้ ป้านี้รู้ใจผม” ทอมมี่พูด “เดี๋ยววันหลังผมซื้อน้ำหอมมาฝากนะครับ”
“ไม่ใช่อย่างที่คิดนะครับ!” พีพยายามแก้ตัว “ไอ้ทอมมี่! พูดอะไรสักอย่างสิ!”
“แหมๆ” ป้าเอามือขวาเกยแก้ม “วัยรุ่นสมัยนี้ร้อนแรงเหมือนสมัยป้าเดี๊ยะ ขอให้โชคดีนะจ๊ะ”
“ขอบคุณที่อวยพรนะครับ” ทอมมี่พูดเสร็จก็ลากพีไปทางที่มีลิฟท์อยู่
“ป้าเข้าใจผิดแล้วนะครับ ไม่ใช่อย่างงั้น!”
พีพยายามตะโกนบอก แต่ก็โดนทอมมี่ลากออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วทอมมี่ก็มากดปุ่มเรียกลิฟท์ ส่วนพีก็ยังโวยวายอยู่
“นี่แก! ทำแบบนี้คนอื่นเข้าใจผิดกันหมดแล้วนะโว้ย!”
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” ทอมมี่หันมาพูด “หรือจะให้บอกว่าเป็นวีรบุรุษพีผู้โด่งดัง?”
“ไอ้...”
พีที่ฟังเหตุผลของเพื่อนรักถึงกับด่าไม่ออก
‘ไอ้หมอนี่...ไอ้หมอนี่...ไม่น่ามากับมันเลย!’
เขาคิดแล้วอยากจะต่อยคนตรงหน้ามาก ถ้าไม่ติดที่ว่าเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากร่าเริงเป็นเคร่งเครียดคิ้วขมวดหลังมองไปทางลิฟท์ ซึ่งพีไม่ค่อยเห็นหน้าแบบนี้
“ทำหน้าแบบนั้นมีอะไรเหรอ...หรือเพิ่งคิดว่าต้องขอโทษฉัน!?”
พอทอมมี่ได้ยินแล้วก็หันมายิ้มเหมือนเดิมและบอกเรื่องหนึ่ง
“ขอโทษครับ...ดูเหมือนว่าลิฟท์เก่านี่จะเสียนะครับ”
◊◊◊
[20:05] [02/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, อพาร์ทเม้นท์ชั้นที่ยี่สิบ ห้องของทอมมี่]
“โอ้ยๆ ขาฉัน...”
พีนอนหน้าคว่ำบ่นโอดครวญอยู่บนโซฟาสีน้ำตาลในห้องของทอมมี่ หลังจากที่เขาเดินขึ้นบันไดกว่ายี่สิบชั้นมาหมาดๆ ก่อนที่จะจะพลิกหน้าดูสภาพห้องโดยรอบ ซึ่งเรียกได้ว่าหรูพอสมควร เพราะสไตล์การตกแต่งในห้องนี้เป็นแบบวินเทจสีน้ำตาลอ่อนๆ ผสมผสานสมัยใหม่ ขนาดห้องเรียกได้ว่ากว้างมากๆ
‘นี่มันคอนโดชัดๆ มันเอาเงินมาจากไหนซื้อเนี่ย?’
“น้ำชาครับ พีจัง”
ทอมมี่เดินมาเสริฟน้ำชาหนึ่งถ้วยบนโต๊ะไม้ข้างๆ เขา ก่อนที่จะยิ้มหน้าสลอน
“ยิ้มอะไร?” พีถาม
“เปล่าครับ ผมแค่คิดถึงเวลาเก่าๆ ขึ้นมาเท่านั้นเอง”
ทอมมี่พูดเสร็จก็นั่งโซฟาอีกตัวที่อยู่ข้างๆ เพียงเท่านั้นพีก็เห็นภาพรางๆ ของเพื่อนอีกสี่คนที่กำลังเล่นคุยอย่างสนุกสนานอยู่โดยรอบ หนึ่งในนั้นก็มีเฟียน่าอยู่ด้วย
‘คิดถึงเจ้าพวกนั้นจริงๆ แฮะ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ?’
“ตอนนั้นพวกเราชอบไปทำรายการที่บ้านมิลานบ่อยๆ นะครับ” ทอมมี่ว่าอย่างงั้น
“ใช่ๆ แต่ฉันขอเรียกว่าไปเล่นมากกว่าทำรายงานนะ” พีพูดแล้วขยับตัวขึ้นมานั่งก่อนที่จะถือถ้วยน้ำชามาจิบ “เอาเถอะ พวกนั้นก็ย้ายกลับกันไป Area USA กันหมดแล้วนิ”
“งืมๆ...แล้วเรสเทียร์ไปไหนแล้วล่ะครับ?”
ทอมมี่ถาม ทำให้พีเพิ่งนึกขึ้นมาได้
‘เฮ้ย! ลืมไปซะสนิท...
เรสเทียร์! ได้ยินไหม ช่วยออกมาหน่อย’
ไม่ว่าเขาจะพยายามเรียกผ่านในใจสักเท่าไหร่ ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากเรสเทียร์ พีถอนหายใจทิ้ง
“ยัยนั่นไปไหนนะ?”
“อ้าว ไม่มาด้วยกันเหรอครับ?” ทอมมี่ถาม
‘งืม...เอาไงดี...คงไม่มีเหตุผลต้องปิดบังเรื่องเรสเทียร์อีกต่อไปแล้วล่ะมั้ง’
“เอ่อ...คือ จะพูดยังไงดีล่ะ” พีกระดิกนิ้วคิดสักพัก ชูมือขวาที่มีแผ่นคล้ายกระจกฝังติดแหงกอยู่ในฝ่ามือเขา “เรสเทียร์อยู่ข้างในนี้”
“หือ!?” ทอมมี่จ้องที่ฝ่ามือขวา “อะไรเนี่ย!? นาฬิกาเหรอ?”
“นาฬิกา!?”
พีพูดทวนก่อนที่จะพลิกฝ่ามือขวาหันมาดูก็พบกับแผ่นกระจกที่ติดอยู่บนฝ่ามือเขาตั้งนานแล้ว แต่บนแผ่นกระจกนั้นมีหน้าปัดนาฬิกาเลขโรมันที่กำลังเดินอยู่ ซึ่งเข็มสั้นอยู่ใกล้ๆ เลข XII ส่วนเข็มยาวก็เช่นกัน อีกไม่กี่วินาทีต่อมาเข็มทั้งสองเดินเข้าสู่ XII ตรงพอดี มีแสงสีฟ้าปรากฎขึ้นแทนที ก่อนที่จะมีอะไรบ้างอย่างพุ่งออกมาจากแผ่นกระจก เป็นเรสเทียร์ร่างนางฟ้าน้อยลอยขึ้นเหนือหัว เธอทำท่าบิดขี้เกียจเหมือนเพิ่งตื่นตอน
“ในที่สุดออกมาได้สักที! ฮ้าว”
พีที่เห็นเรสเทียร์ดูสบายดี เลยเดือดเลือดขึ้นหน้า
“ทำไมเธอถึงเพิ่งออกมาเนี่ย!” พีพูด “รู้ไหมกลางวันเกิดอะไรขึ้นบ้าง!”
“หือ!? เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” เรสเทียร์ทำหน้าไม่รู้เรื่อง “อ๋อ...ขอโทษทีค่ะ พี่หญิง ก่อนหน้านี้อยู่ดีๆ หายไป เพราะพลังงานหมดค่ะ เลยอยู่ในสภาวะหลับไหลชาร์จพลังงานอยู่”
“หา!? พลังงานหมด?”
“ใช่ค่ะ ก็เรสเทียร์ยิงบีมแคนนอนไปซะขนาดนั้นนี่หน่า”
‘เอ่อ...มันก็...’
“ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะ?” เรสเทียร์ถาม
“ช่างมันเหอะ ไม่มีอะไรสำคัญหรอก” พีปัดเปลี่ยนเรื่อง “แต่ไงว่าความจำเสื่อม แล้วใช้ของแบบนั้นได้ไง?”
“อ่า...สองคนคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอครับ?”
ทอมมี่ถามแทรกขึ้นมาด้วยความสงสัย ก่อนที่จะมีเสียงกระดิ่งหน้าประตูดังแทรกขึ้นอีกที
กริ๊งๆๆๆ
พีหันไปมองทีประตูทางเข้า ส่วนทอมมี่ตะโกนบอกคนที่กดกริ้งข้างนอก
“เอชใช่ไหม? เข้ามาได้เลย”
“ฮะ” เสียงตอบรับจากข้างนอกดังเข้ามา
“เอช!?”
พีร้องตกใจกับชื่อของคนที่อยู่ข้างนอกที่เปิดประตูเข้ามา เป็นคนๆ เดียวที่เขาคิดไว้ เอช การ์เดี้ยน เธอเดินถือกล่องโดนัทสีแดงเข้ามา ก่อนที่จะทักทาย
“เย้ฮู้! รุ่นพี่...วันนี้เอชเอาโดนัทแอปเปิ้ลมาฝากฮ่ะ...เอ๋! นั่นคุณพีนี่!”
◊◊◊
[20:34] [02/01/2058]
‘ทำไมฉันไม่เอะใจเลยล่ะเนี่ย?’
พีนั่งมองไปตรงหน้าที่มีเอชนั่งกินโดนัทอยู่กับเรสเทียร์ที่แปลงร่างกลับเป็นร่างมนุษย์ปกติแล้วคุยกันอย่างสนุกสนาน
‘เอช การ์เดี้ยนประจำ Area-TH ที่เจ็ด’
แล้วพีก็หันไปมองทอมมี่ที่นั่งโซฟาซ้ายมือที่กำลังกินโดนัทอยู่เหมือนกัน
‘ทอมมี่ การ์เดี้ยนประจำ Area-TH ที่เจ็ด...
เพราะฉะนั้น ทั้งสองคนจะรู้จักกันก็เป็นเรื่องปกติสินะ
งั้นตอนแรกที่ฉันตกใจไปหลังจากรู้ว่าอยู่การ์เดี้ยนในหน่วยเดียวกัน หน้าแตกยับ
กลายเป็นว่าฉันต้องมานั่งเล่าเรื่องของฉันเองทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้สองคนนี้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นบนรถไฟฟ้าในวันนี้อีกด้วย
เพราะสองคนนี้มันรู้มากจนเลยจุดที่เรียกว่า ‘เก็บความลับ’ ไว้ไม่อยู่แล้ว
แถมเรสเทียร์ทะลึ่งแปลงร่างอีก
ให้ตายสิ ความลับของฉันมันแตกไวซะขนาดนี้ ไม่แน่ไม่ถึงเดือนคนอื่นต้องรู้แน่ๆ ว่าฉันคือ พี คนเดียวกับในคลิปนั่น
ใช่ๆ ฉันเพิ่งได้ดูตัวเองที่อยู่ในคลิปนั่นชัดๆ เอชเอาให้ฉันดู...ไม่อยากจะเชื่อกับการเคลื่อนไหวของตัวเองเหมือนกัน ตอนที่ใช้บลูเลตไทม์รู้สึกปกตินะ แต่คนอื่นที่เห็นฉัน...วิ่งไวเหนือมนุษย์มาก
แล้วสิ่งที่ฉันทำไปทั้งหมดที่สนามบินนั่น...ก็ยังไม่อยากเชื่อกับตัวเองว่า กล้าหาญขนาดนั้นไปได้ยังไง?
พีทบทวนเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด ก่อนที่จะจ้องมองเรสเทียร์ ตัวต้นต่อปัญหาทั้งหมด
‘แต่ยังไงซะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็ไม่รอด...
เอาอีกล่ะ ไอ้ความรู้สึกติดหนี้ชีวิตแบบนี้
เฮ้อ...เป็นไงเป็นกัน ต่อไปนี้ชีวิตฉันคงวุ่นวายได้กว่านี้แน่ๆ เพราะยัยนี้เคยบอกไว้ว่าชีวิตฉันเป็นของเธอแล้ว’
พีพอนึกถึงเรื่องเก่า
‘-ขอโทษเรื่องนั่นอีกครั้งด้วยค่ะ พี่หญิง-’
เสียงเรสเทียร์ดังขึ้นก้องหัว พีเห็นเรสเทียร์ยิ้มให้เขา
‘อ้าว...ที่ฉันคิดทั้งหมด เธอได้ยินด้วยเหรอ?’
‘-ได้ยินสิค่ะ ก็อย่างที่รู้ ชีวิตพี่หญิงอยู่กับเรสเทียร์แล้ว...เรสเทียร์เองก็ไม่รู้ว่าทำไมรู้สึกแบบนี้ รู้สึกว่าอยู่กับพี่หญิงแล้วมีความสุขมากเลยค่ะ...ต่อไปนี้ขอสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายพี่หญิงอีกต่อไปแล้ว และจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายพี่หญิงได้ด้วย-’
‘หึหึ อะไรที่ทำให้เธอคิดแบบนั้นล่ะ? เรสเทียร์?’
‘-คิดแบบนี้เหรอค่ะ? คงเป็นเพราะ...ได้ยินใครบางคนตอนนั้นที่ว่า ยอมสละทุกๆ อย่างเพื่อคนอื่นมั้งค่ะ-’
‘เหอะๆ...ตอนนั้นงั้นเหรอ...โซตะ...’
‘-แล้วพี่หญิงจะทำยังไงต่อไปดีค่ะ?-’
‘ต่อไป? คงลุยให้เต็มที เพราะทั้งฉันและโลกใบนี้ก็ไม่เดิมแล้วนิ...’
แล้วพีก็นึกถึงคำพูดหนึ่งของเฟลิกซ์
“...ในโลกนี้ยังมีอะไรให้เธอทึ่งได้อยู่เสมอนะ...”
“คุณพีฮะ!”
เอชตะโกนเรียกเขาที่มัวคุยกับเรสเทียร์ทางจิตจนได้สติ
“ห๊ะ? หือ? มีอะไรเหรอ?” พีถาม
“คือว่าอย่างงี้นะฮ่ะ” เอชตบมือหนึ่งครั้ง “อยากชวนคุณพีมาช่วยงานการ์เดี้ยนสักพักหนึ่งฮะ”
“หา!? ช่วยงาน?”
“เฮ้ย! จริงสิครับ” ทอมมี่โดดขึ้นมา “ช่วงนี้การ์เดี้ยนขาดคนอยู่พอดี ถึงได้คนจาก Area TH ที่หกมาช่วย ก็ยังไม่พอ...ถ้าเป็นพีจังต้องทำได้แน่ๆ ครับ”
“การ์เดี้ยนเหรอค่ะ...น่าสนน่ะค่ะ พี่หญิง!!” เรสเทียร์สนับสนุน
“ดะดะดะเดี๋ยวสิ!” พียกมือขึ้นค้าน “พวกเธอก็น่าจะรู้นิ สถานะของฉันตอนนี้มันเป็นยังไง...แถมการ์เดี้ยน...ได้ยินมาว่ามันต้องผ่านหลายขั้นตอนกว่าจะเป็นได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่เป็นไรฮ่ะ คุณพี” เอชพูด “เพราะช่วงวิกฤติตอนนี้ทำให้การ์เดี้ยนต้องใช้มาตรการพิเศษรับคนนอกมาช่วยงานชั่วคราวฮ่ะ”
“ส่วนเรื่องตัวจริงของพีจังไม่ต้องห่วงไปนะครับ” ทอมมี่เสริม “ตอนนี้ไม่มีใครดูออกหรอกว่าเป็นพีจัง...ใครๆ ก็เห็นพีจังเป็นผู้หญิงทั้งนั้น...แค่เปลี่ยนชื่ออื่นก็ไม่มีใครเอะใจแล้วครับ ส่วนเรื่องปลอม ID การ์ดเดี๋ยวผมจัดการให้เอง รู้จักคนเก่งๆ อยู่ด้วยล่ะ”
“ID การ์ดคนของเฟียน่าจัดการให้แล้ว” พีหยิบการ์ดที่เหม่ยซิงมอบให้ขึ้นมาให้อีกสองคนดู
“อ๋อ!” เอชพูดพรวดขึ้นมา “ตอนอยู่บนรถไฟ คุณพีบอกอยู่ว่าชื่อไอร่าอยู่ฮ่ะ”
“บ๊ะ!” ทอมมี่ก็พูดพรวดขึ้นมาเช่นกัน ทำหน้าทะเล้น “คิดชื่อไว้ก่อนแล้วเหรอครับเนี่ย...เดี๋ยวนะ...ไอร่า...ไอร่า...มันแปลว่าสายลมนี่ครับ เหมาะกับพลังจิตของพีจังมากเลย...นี่ๆ พีจัง ได้ตั้งฉายาตัวเองหรือยังครับ?”
“ฉายา? ฉายาอะไร?” พีถาม
“อ้าว นี่ไม่รู้เหรอครับ? ตั้งแต่หลายวันก่อนที่ทุกคนเริ่มใช้พลังจิตได้ ก็มีการตั้งชื่อเรียกพลังจิตของตัวเองด้วยนะครับ”
ทอมมี่อธิบายเสร็จ พีก็เริ่มจินตนาการพลังจิตของตัวเอง
‘พลังของฉันก็มี...ทำให้เวลาช้าลงได้ เห็นอันตรายล่วงหน้าได้...ควบคุมลมได้...’
“บูลเลตไทม์!” เรสเทียร์เสนอขึ้นมาได้น่าใจหายเพราะดันตรงกับชื่อจริงพลังของเขา “พี่หญิงใช้ชื่อนี่ตามชื่อพลังนั่นเลยสิค่ะ”
“เรสเทียร์...ขืนใช้ชื่อนั่นคนอื่นก็ได้รู้ตัวจริงของฉันกันหมด” พีตอบดุๆ ส่งไป “ถ้าจะให้ตั้งจริงๆ งั้นเหรอ...ลม...ต่อยด้วยแรงลม...คงเป็นวินด์พันเชอร์ล่ะมั้ง (WindPuncher)”
“เยี่ยมเลยฮ่ะ!” เอชพูดโอเวอร์เกินปกติ “เข้ากันมากๆ เลยฮะ”
“สมแล้วที่พีจังเคยเข้ารอบประกวดส่งนิยายแฟนตาซี...แต่ก็ตกรอบนะครับ”
ป๊าง!
เสียงกระทบดังเข้าที่ท้องของทอมมี่ พีใช้ศอกกระถุงเข้าไปในฐานพูดเรื่องที่ไม่น่าพูดออกมา
“เลิกพูดถึงเรื่องของฉันดีกว่า” พีทำเสียงกัดฟัน ทำให้คนอื่นไม่กล้าขัด “แล้วเอชล่ะ ได้ตั้งชื่อหรือยัง?”
“อ๋อ...ของผมก็ง่ายๆ ฮ่ะ บอดี้รีเจเนอเรชั่น (Body Regeneration) ขี้เกียจสรรษาหาคำขึ้นมาใหม่ฮะ”
“หึ? ของเอช...ร่างกายรักษาแผลได้เองเหรอครับ?” ทอมมี่ถาม
“ใช่ฮ่ะ ตอนกลางวันถึงได้รอดตายมาได้ฮ่ะ” เอชเกาหัวยิ้ม
“แล้วของแกล่ะ ทอมมี่...” พีเป็นฝ่ายถาม “เออ...จริงสิ ฉันยังไม่รู้เลยว่าแกมีพลังจิตอะไร?”
“อ่า...คือ...”
ทอมมี่อำอึ่ง ก่อนที่จะสารภาพออกมา
“ป่านนี้ยังไม่รู้เลยครับ ว่าตัวเองมีพลังจิตอะไร...ไม่แน่ผมคงไม่มีครับ”
“อย่าเพิ่งคิดแบบนั้นสิฮะ”
เอชพูดแล้วเดินเข้าไปตบไหล่ ส่วนพีเห็นสีหน้าของทอมมี่ที่แสดงความเครียดออกมาชัดเจนก็ทำให้เขาคิดบางเรื่องขึ้นมา
‘ไอ้หมอนี่ไม่เคยทำหน้าแบบนี้บ่อยๆ นะ...แสดงว่าคงจะจริงอย่างที่มันว่า...
แล้วมันทำไมต้องเครียดด้วยล่ะ?
เอาเหอะ ยังไงก็พามันออกจากเรื่องนี้ให้ได้ก่อน
เรื่องการ์เดี้ยนงั้นเหรอ...ถ้าจะหนีจากเรื่องโดนตามล่าล่ะก็ คงต้องเข้าไปอยู่ในรังถึงจะปลอดภัยแถมอาจจะหาข่าวเมงุมิจากข้างในได้อีก’
“นี่เอช” พีตัดสินใจได้ “เรื่องช่วยงานการ์เดี้ยน...ฉันทำก็ได้นะ”
“จริงเหรอฮะ!” เอชเข้ามาจับมือทั้งสองข้าง “เอชดีใจมากๆ เลยฮ่ะ อยากร่วมงานกับคุณพีวีรบุรุษแห่ง Area TH ใจจะขาดแล้วฮะ!!”
“เด็กคนนี้มันบ้าฮีโร่ครับ พีจัง” ทอมมี่ช่วยบอกหลังเห็นสีหน้าพีแปลกๆ “ตั้งแต่กองกำลังพิเศษเวิลด์เจเรนัล WGT แล้วครับ...พูดได้อยู่ทุกวัน”
“ก็มันจริงนี่ฮ่ะ!” เอชทำหน้างอน “หลายปีก่อนนะ ผมเคยได้ไปพิพิธภัณฑ์สงครามที่ AreaRU ด้วย แล้วมีคนร้ายบุกเข้ามาจะทำร้ายทุกๆ คน แต่แล้วรันเนอร์(Runner)แห่ง WGT ก็ปรากฎตัวออกมาแล้วบอกว่า เฮ! เด็กๆ ไม่ต้องกลัว พี่มาแล้ว! แล้วเธอก็ใช้ปืนพกคู่ยิงเข้าที่คนร้าย และใช้รองเท้าติดเจ็ทพุ่งไปมา มันเจ๋งมากๆ เลยฮ่ะ!”
“วันนี้รอบที่ห้าแล้วนะครับ...เอช” ทอมมี่บอก
“ก็เอชยังไม่เคยเล่าให้คุณพีกับคุณเรสเทียร์นิฮะ!” เอชเถียงสุดใจขาด
‘รันเนอร์แห่ง WGT งั้นเหรอ? คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินอยู่หน่า...’
พีที่ได้ยินเรื่องเล่าของเอชแล้วคุ้นหู พยายามนึกความทรงจำเก่าๆ แต่แล้วก็นึกไม่ออก และสายตาเขาก็เห็นของต่างๆ ในอพาร์ทเม้นท์ของทอมมี่แล้วอดสงสัยเรื่องหนึ่งขึ้นมาไม่ได้
“เฮ...ทอมมี่” พีเรียก
“ครับ?” ทอมมี่ที่กำลังเล่นต่อสู้กับเอชหยุดชะงัก
“ห้องเนี่ย แกเอาเงินที่ไหนซื้อเนี่ย มันน่าจะแพงน่าดูอยู่นะ”
“ก็...รายได้พิเศษช่วงมอปลายไง”
“รายได้พิเศษ!?”
เมื่อทอมมี่เห็นพีทำหน้าสงสัย เขาเลยลุกขึ้นเดินไปเปิดลิ้นชักมุมห้อง แล้วหยิบกล่องสีชมพูขนาดสิบสี่นิ้วออกมาวางไว้บนโต๊ะ ทำให้เอชและเรสเทียร์ที่ฟังเงียบๆ อยู่ตั้งนานหันมาสนใจ
“นี่อะไรเหรอฮ่ะนิ รุ่นพี่” เอชถาม
“กล่องน่ารักจัง” เรสเทียร์ว่าไปอีกเรื่อง
“ก็เป็นรายได้พิเศษที่ได้จากของในกล่องนี่ล่ะครับ ที่ใช้ซื้อห้องนี้ได้ตั้งครึ่งหนึ่ง”
ทอมมี่พูดแล้วหันมายิ้มอย่างสุดมั่นใจ แต่พีเห็นมันแล้วคิดคนละเรื่อง
‘ในกล่องนั่นมันต้องมีอะไรแน่ๆ...แต่ทำไมรู้สึกกังวลขึ้นมาแปลกๆ ตอนที่เห็นกล่องสีชมพูลายดอกไม้นี่นะ...
กล่องสีชมพูลายดอกไม้...
เดี๋ยวก่อนนะ กล่องนี้ฉันจำได้...ทอมมี่เคยพกติดตัวไว้ตลอดช่วงมอปลาย และในนั่นมันมี...
เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า---’
ความคิดพีถึง ณ จุดนี้ เขาจะตะโกนห้ามไม่ให้ทอมมี่เปิดกล่อง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ฝากล่องถูกเปิดออกมา ในนั้นมีรูปของพีจำนวนมากกว่ายี่สิบรูปในสภาพคล้ายหญิงสาวแสนเรียบร้อยในชุดนักเรียนสีขาวคลุมด้วยเสื้อสีเขียวอีกชั้น หลายมุมหลายช๊อคตั้งแต่กำลังเดินเข้าโรงเรียน เรียนคาบเช้า พักกลางวันนั่งทานข้าว เลิกเรียน มีทุกกิริยาบท
“ว้าววววววววววว!” สองสาวร้องพร้อมกัน
“ที่นี่รูปสต็อคของสาวดุ้นอันดับหนึ่งแห่งโรงเรียนมอปลายซิสเซลแห่ง Area TH ที่เจ็ด! พีจัง ธีระ หงฆ์สกุลครับ! ขายรูปล่ะพันชิฟ ทุกรูปล้วนเป็นลิมิเต็ดอีดีชั่น มั่นใจได้เลยว่าทุกรูปที่ท่านซื้อไปมีเพียงหนึ่งเดียวไม่ซ้ำใครทั้งนั้น!!”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะฮะ” เอชพูดแล้วหยิบดูทีละรูป “นี่เหรอ คุณพีสมัยก่อน...สวยขนาดนี้เชียว”
“พี่หญิงค่ะ...เกิดมาเป็นผู้ชายทำไมค่ะเนี่ย?” เรสเทียร์น้ำลายไหลไปเรียบร้อย
พีที่นั่งเงียบดูปฏิกิริยาทุกคนในห้อง...ตอนนี้ร่างกายเขาแดงฉ่านไปทั้งตัว
‘มันยังเก็บรูปพวกนี้ไว้อีกเหรอเนี่ย...อดีตของฉัน...’
พีนั่งอึ่งอยู่สักพัก ก่อนที่จะหันหน้าไปคนต้นเรื่องที่ยิ้มโชว์เคี้ยวและเขาก็ตัดสินใจกระโดดเข้าบีบคอทอมมี่ ศึกเพื่อนทะเลาะกันที่ไม่ได้มีเรื่องมานานหลายปีจึงบังเกิดขึ้น
◊◊◊
มาคุยกับคนเขียนนะจ๊ะ
จบลงไปอีกตอนแล้วจ้าทุกคน หุหุ
และแล้วพีก็ได้รับความช่วยเหลือจากแม่ของเฟียน่า
และเขาก็ได้มาอาศัยกับเพื่อนรักของเขาสักที
อีกทั้งเอชชวนเขาทำงานกับการ์เดี้ยน
แล้วชะตากรรมพีเมื่ออยู่ในการ์เดี้ยนจะเป็นยังไงต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 11 [การ์เดี้ยน]
ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ ฮ่าๆ
By Spy442299 & Nattanan Srising
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ