P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  50.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 8 [เอชและพ้องเพื่อน]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

P.P. Rising: The Bullet Time

เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

  1. Ch.18 เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 8 [เอชและพ้องเพื่อน]

Rewrite V.3

 

◊◊◊

 

[17:10] [02/01/2058]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, บนสถานีรถไฟฟ้าบีส สาย A]

 

‘ได้อ้อมไกลโคตรๆ’

 

พีบ่นในใจในขณะที่เขาเพิ่งเดินเข้ามานั่งในท้ายขบวนรถไฟฟ้าสาย A ที่เป็นทางตรงข้ามกับทางไปบ้านของทอมมี่ที่เคยส่งมาให้ดูแผนที่ในมือถือ ถ้าตามหลักแล้วเขาต้องขึ้นสาย B แต่ที่มาขึ้นอีกสายก็เพราะว่าเส้นทางสาย B ปิดซ่อมแซมเส้นทางอยู่ ลงเอ๋ยด้วยการนั่งสาย A ที่ต้องใช้เวลาเป็นสองชั่วโมง จากเดิมใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ส่วนผู้คนในรถไฟฟ้ามีอยู่พอสมควร

 

‘ไม่เป็นไร นั่งชิวๆ ในรถไฟฟ้านี้ไปเรื่อยๆ ล่ะกัน’

 

“สถานีถัดไป สถานีไชน่าทาวน์”

 

เสียงตามสายประกาศแจ้งเตือนที่ดังขึ้นทั่วสถานี ก่อนที่ขบวนรถไฟฟ้าจะวิ่งออกชานชาลาไป

 

‘แต่เหมือนมีอะไรบางอย่าง...ลืมอะไรไปน่า?’

 

พีคิด นิ้วชี้ข้างขวาเคาะเก้าอี้นั่งย้ำอยู่เรื่อยๆ

 

‘อะไรสักอย่าง ที่ชวนหงุดหงิดมาก ตั้งแต่เรสเทียร์หลับไปในกระเป๋าเสื้อฉัน...

ไอ้ความร้อนใจ สับสน หวาดกลัว สงสัย ที่แห่เข้ามาตอนนี้นี่มันอะไรกัน?

นี่ฉันเป็นอะไรขึ้นมาเนี่ย? มันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างสิ ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้’

 

ติ๊งๆๆๆ

 

ระหว่างที่เขากระวนกระวาย มือถือของพีดังขึ้นมา เขาใช้มือซ้ายที่มีเหงื่อท่วมถุงมือหยิบขึ้นมาดูว่าใครโทรมา

 

‘เอช การ์เดี้ยน...ใคร? คุ้นๆ แฮะ’

 

แล้วพีก็กดรับสายยกขึ้นหู เสียงปลายสายที่ค่อนข้างดังทักทายมา

 

“สวัสดีฮ่ะ คุณพี นี่เอชเองนะฮะ”

“อ๋อ มีอะไรครับ”

 

‘เอช...อ๋อ นึกออกล่ะ เด็กผู้หญิงมอปลายที่ห้าวๆ หน่อยที่สำนักงานการ์เดี้ยนนี่หว่า...

เอ๊ะ? เดี๋ยวก่อนนะ แล้วฉันรับสายทำไมเนี่ย!! เธอรู้เบอร์ฉัน แล้วฉันก็เป็นคนที่โดนตามหาตัวอยู่ จะวางสายก็ไม่ทันล่ะแล้วด้วย’

 

“คือจะเรียนให้ทราบถึงคดีเกิดเพลิงไหม้ของคุณฮะ” เอชพูด “ทางเรากับเอ็มแอลเอได้พบสาเหตุแล้วว่า เพลิงไหม้นั้นเกิดจากระเบิดแสวงเครื่องฮะ”

“ระเบิดแสวงเครื่อง!? ของแบบนั้นมันไปอยู่ในตึกนั้นได้ไง?”

“นั่นแหละฮะ ทางเรากำลังก็สืบสวนจากพยานหลายๆ คนอยู่และคุณพีก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันฮะ ผมโทรไปหลายวันแล้วก็ติดต่อไม่ได้”

“ติดต่อไม่ได้?” พีกำลังนึกอยู่ว่าทำไมถึงติดต่อไม่ได้ “ขอโทษด้วยฮ่ะ สงสัยยุ่งๆ อยู่เลยไม่ได้รับสาย”

“ที่ยุ่งๆ นี่ เพราะกำลังเก็บตัวอยู่สิน่ะฮ่ะ”

 

‘เก็บตัว!?’

 

“ธะเธอพูดถึงเรื่องอะไร!?”

“ก็คุณไม่ใช่เหรอฮะ? ที่อยู่ในคลิปช่วยตัวประกันไว้”

 

พีที่ฟังเอชพูดผ่านมือถือถึงกับตกใจ

 

‘เฮ้ย! รู้นี่หว่า!’

 

“เธอต้องการอะไร?” พีถามตรงๆ

“แหม๋ๆ ไม่ต้องการอะไรหรอกฮะ” เอชพูดด้วยเสียงสูง “แค่ดีใจมากฮะ ที่ได้คุยกับฮีโร่อย่างคุณพี ผมไม่บอกคนอื่นหรอกฮะ ว่าติดต่อคุณได้”

“เหรอ?”

“ใช่ฮะ ไว้ใจการ์เดี้ยนได้เลย หน้าที่ของการ์เดี้ยนคือสร้างความสงบสุขให้แก่ผู้คนฮะ!”

 

ประโยคแนะนำตัวของเอช ทำให้พีรู้สึกตะหงิดขึ้นมาแปลกๆ ก่อนที่เอชจะพูดอะไรบ้างอย่างให้เขาทำตาม

 

“คุณพีลองหันมาทางขวาสิฮะ”

 

แล้วเขาก็ว่าตามง่าย พอหันไปก็เจอกับปลอกข้อมือการ์เดี้ยนของใครสักคนที่ชูขึ้นมาเด่นให้เห็น และอีกมือหนึ่งของคนนั้น มีมือถือที่ตั้งชูขึ้นมาทางพี และมีเสียงถ่ายรูปดังขึ้นมาหนึ่งครั้ง ก่อนที่เขาเพิ่งจะสังเกตว่าคนข้างๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกันเป็นใคร ผู้หญิงผมสั้นสีดำ นัยน์ตาสีดำ ใบหน้าที่ดูคมคาย

 

‘ยัยเด็กห้าว เอช นี่หว่า! มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่’

 

ระหว่างที่พีมัวแต่ตกใจอยู่ เอชที่ดูหน้าจอมือถือของตัวเองยิ้มขึ้นมาเหมือนเจอแจ็ตพ็อต ก่อนที่จะหันหน้าจอให้พีดู ในภาพบนจอปรากฎรูปของเขาที่เหมือนผู้หญิงอยู่ตอนนี้ แต่มีข้อความขึ้นว่า ‘สแกนม่านตา : พี ธีระ หงฆ์สกุล’

 

‘เวรล่ะ เวรล่ะ เวรล่ะ’

 

“ปลอมตัวเก่งจังเลยนะฮะ ดูไม่ออกเลยฮ่ะ ว่าเป็นผู้ชาย---”

 

เอชพูดขึ้นมาเสียงดัง จนพีต้องรีบเอามาอุดปากไม่ให้คนอื่นบนรถไฟฟ้าได้ยิน แล้วเอชทำมือขอโทษ

 

“โทษทีฮะ เผลอไปหน่อย ฮ่าๆ” เอชเอามือเกาหัว

“นี่เธอรู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่!?” พีถาม

“พอดีลองโทรหาคุณ แล้วเห็นคุณพีนั่งคุยมือถือเสียงเดียวกัน เลยรู้ฮะ”

 

คำตอบของเอช ทำให้พีรู้สึกช็อคไปชั่วขณะ

 

‘หา!? ว่าไงนะ? หมายความว่า...ที่ถูกเจอ เพราะบังเอิญเนี่ยนะ!!

เวรเอ๋ย...อะไรจะซวยขนาดนี้ว่ะ’

 

“แต่ก็ไม่มั่นใจ” เอชพูด “เลยใช้เครื่องมือของการ์เดี้ยนตรวจม่านตาดูฮ่ะ แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย”

“เอ่อ...นี่เธอ...เฮ้อ” พีถอนหายใจ

“เป็นอะไรเหรอฮะ?”

“เปล่าๆ ฉันแค่เหนื่อยๆ น่ะ” พีเอามือกุบหัว

 

‘ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องเหลือเชื่อติดๆ กันด้วยล่ะเนี่ย ไหนจะเรื่องครอบครัว เรื่องเมงุมิ เรื่องสนามบิน เรื่องพลังจิต เรื่องเรสเทียร์ เรื่องบังเอิญ...ชีวิตอันแสนสงบของฉันมันไปหมดแล้ว!’

 

พีเงยหน้าเอาศีรษะพิงกระจกรถไฟฟ้าหน้าหลังไว้อย่างหมดแรง เอชที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นท่าทางเขาแล้วก็พูดอะไรบางอย่าง

 

“เป็นฮีโร่มันเหนื่อยสินะฮะ นึกว่าจะเหมือนในการ์ตูนในหนัง...ถูกตามล่าแบบนี้”

“หือ? นี่เธอรู้ด้วยเหรอ?”

“ก็มีข่าวมาบ้างฮ่ะ ว่าทางเวิลด์เจเรนัลสั่งเอ็มแอลเอมาว่าให้จับตัวคุณไว้ แล้วเอ็มแอลเอก็ประสานผ่านการ์เดี้ยนมาอีกที แต่เรื่องนี้การ์เดี้ยนเองยังไม่ตัดสินใจอะไรลงมา เพราะวุ่นวายกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการก่อการร้ายของพวกไอริสอยู่ฮะ แล้วไหนจะเรื่องคนใช้พีทูสร้างความวุ่นวายอีก”

 

เอชอธิบายแล้วนั่งกดมือถือเล่นไป ก่อนที่จะมีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาทักเธอที่มีปลอกข้อมือการ์เดี้ยนทั้งคู่

 

“อ้าว รุ่นน้องเอช” สาวผมทองยาว นัยน์ตาสีเขียวทัก “มาอยู่นี่ได้ไงคะนิ?”

“โดนเรียกตัวไปที่ไชน่าทาวน์เหมือนกันใช่ไหมจ๊ะ?” สาวผมสั้นน้ำตาล นัยน์ตาสีดำพูด

“ใช่ฮะ พวกพี่ๆ ก็โดนเรียกตัวไปเหมือนกันเหรอฮ่ะ?” เอชถาม

“อือๆ ใช่ๆ”

 

สองสาวตอบ ส่วนพีที่นั่งข้างๆ มองหน้าสาวการ์เดี้ยนทั้งสองก่อนที่นึกออก

 

‘เด็กสองคนนี้เป็นการ์เดี้ยนเคยเจอที่กลางย่านขายของตอนนั้นนิ จำได้ว่าเดินชนคนผมน้ำตาลจนล้มไปนี่หว่า’

 

“เอช นี่ใครเหรอ?” สาวผมสั้นน้ำตาลทัก

“เอ่อ...คือ---” เอชพูดไม่ออก

“ไอร่าครับ” พีแถสดในสำเนียงทอมสาว “เรียกว่าไอเฉยๆ ก็ได้นะครับ”

“โอ้ว เอช นี่แฟนสาวของเธอเป็นทอมเหรอเนี่ย” สาวผมทองพูดแบบนั้น “ฉัน...เจนนิก้าค่ะ ส่วนข้างๆ นี่คือนิฟ การ์เดี้ยนมือใหม่และก็เป็นเพื่อนดิฉันเองค่ะ”

 

‘เหอะๆ เห็นฉันเป็นทอมแล้ว งั้นก็เนียนๆ ไปเลยล่ะกัน’

 

“รุ่นพี่!” เอชหน้าแดง “เคยบอกแล้วไงฮะ ว่าเอชไม่ได้เป็นทอม ส่วน...ไอก็ไม่ได้เป็นเหมือนกันฮ่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” พีใช้สำเนียงต่างจากเดิม “แต่ไม่ได้เป็นแฟนกันนะ”

 “แม้ๆ หยอกเล่นค่ะ” เจนนิก้าพูดกึ่งเล่นกึ่งขำ “แต่ว่าคุณไอมีสีตาที่แปลกดีนะคะ ข้างซ้ายสีดำ ข้างขวาสีแดง”

“หือ!? อ๋อ...ครับ”

 

พีสะดุ้งโหยงกับการสังเกตของเจนนิก้า

 

‘นี่ฉันจะตกใจทำไมเนี่ย ที่จริงตาข้างขวาฉันสีน้ำตาล แต่หลังจากเรื่องสนามบินมันเปลี่ยนสีแดงเองเฉย’

 

“รุ่นพี่เจนนิก้าฮะ” เอชเอ่ยขึ้นมา “รู้หรือเปล่าว่า พี่หัวหน้าไลพ์เรียกไปที่ไชน่าทาวน์ทำไม?”

“เห็นว่าไฟจราจรสี่แยกทั้งสามจุดแถวๆ นั้นมีปัญหาขึ้นมานะคะ” เจนนิก้าบอก “คนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ดันไม่ว่าง เลยจะให้พวกเราไปทำหน้าที่ไฟจราจรชั่วคราวจนกว่าทางช่างจะซ่อมเสร็จ”

“อ๋อ...เดี๋ยวนี้เสียบ่อยนะฮะ ไฟจราจรเนี่ย” เอชบ่นอย่างเหนื่อยหน่าย

“ช่วยไม่ได้” เจนนิก้าถอนหายใจ “ไอริสทำไว้แสบมากนี่ค่ะ ปล่อยไวรัสตั้งเวลาทิ้งไว้ที่เมนคอมพิวเตอร์ที่ใช้ดูแลไฟจราจรแถวนี้ไว้หมดเลย นี่ไล่ๆ แก้มาเป็นสัปดาห์แล้วยังไม่หมดสักที”

 

‘เหมือนพวกไอริสก่อปัญหาไว้เยอะมากแฮะ’

 

พีที่นั่งฟังการสนทนาของเหล่าการ์เดี้ยนคิดอย่างเหนื่อยใจแทน แล้วมีเสียงโอเปอเรเตอร์ตามสายของรถไฟฟ้าประกาศแจ้ง

 

“ใกล้ถึงสถานีไชน่าทาวน์...ทุกท่านโปรดตรวจสอบสัมภาระของท่านก่อนลงจากขบวนผู้โดยสารค่ะ”

 

สิ้นเสียงประกาศ ความเร็วของรถไฟฟ้าก็เริ่มชะลอช้าลง เอชที่นั่งอยู่ข้างๆ กระโดดลุกขึ้นยืนอย่างกระฉับกระเฉง ก่อนที่จะกล่าวคำประจำของเธอ

 

“ได้เวลาการ์เดี้ยนออกปฏิบัติการณ์แล้วฮ่ะ!”

“รุ่นน้องเบาๆ หน่อยก็ได้ค่ะ” เจนนิก้าเตือน ส่วนนิฟแอบหัวเราะ

“พยายามเข้านะครับ” พีส่งคำทิ้งท้ายพร้อมโบกมือลา

“ขอบคุณฮ่ะ พี่ไอ”

 

เอชเอ่ยเชิงล้อเลียนแล้วแลบลิ้นใส่เขา ก่อนที่พวกเธอทั้งสามจะเดินไปรอหน้าประตูรอที่จะออกจากขบวนรถไฟฟ้า

 

‘ยัยเด็กนี่ เดี๋ยวเถอะ...หวังว่าจะเก็บความลับของฉันไว้ดีๆ นะ...’

 

พีคิดแล้วมองไปที่เด็กผมดำสั้น พอประตูรถไฟฟ้าเปิดออก มีเสียงเอะอะโวยวายข้างนอกและมีเสียงปืน ก่อนที่จะมีฝูงคนเสื้อดำแดงแห่เข้ามาเกินสิบคนได้พร้อมอาวุธสงครามครบมือ ผู้คนในรถไฟฟ้าต่างกรีดร้องตกใจและสาวการ์เดี้ยนทั้งสามคนเดินถอยหนีมาทางพี เขามองไปที่พวกชุดดำแดง มีสัญลักษณ์หมายกางเขนปลายแหลมสีแดงอยู่

 

‘โห้ยๆ พวกไอริสนี่หว่า!!! มาได้ไงเนี่ย!!’

 

ปัง!

 

เสียงปืนสงครามของหนึ่งในพวกไอริสยิงขึ้นเพดาน ก่อนที่จะตะโกนสั่งทุกคนบนรถไฟฟ้า

 

“หมอบลงไปกับพื้นให้หมด!”

 

แน่นอนว่าทุกๆ คนในรถไฟฟ้าพากันนอนหมอบลงกับพื้น ทั้งพีและสาวการ์เดี้ยนทั้งสามหมอบอยู่ใกล้ๆ กันแล้วพวกเธอก็เริ่มประชุมกัน

 

“เอามือไว้บนหัวด้วย!” เสียงพวกไอริสสักคนสั่ง

“ไอริส” เจนนิก้ากระซิบ

“ไงเจ้าพวกนี้มันโดนไล่ไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอฮ่ะ?” เอชเอ่ย

“ทำยังไงดี?” นิฟกระซิบถาม

“อย่าเพิ่งทำอะไรค่ะ” เจนนิก้ากระซิบบอกแล้วพยายามเอี่ยวสาวตามองเหมือนพิจารณาสถานการณ์รอบๆ ตัว “เดี๋ยวคนอื่นได้รับอันตรายได้ไปด้วย”

“ดิว จีน่า ไปคุมหัวขบวนรถไฟ แล่นไปสถานีทางใต้” เสียงพวกไอริสคนเดิม “รัส เช็คของ!”

 

พีที่นอนหมอบในทิศทางที่สามารถเห็นพวกไอริสได้ เขาพยายามกรอกตาขึ้นดูว่ามีทั้งหมดกี่คน

 

‘ให้ตายสิ ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้ว...พวกมันมากัน...เก้าคน ถ้านับอีกสองคนที่เพิ่งวิ่งที่หัวขบวนก็เป็นสิบเอ็ด...แล้ว---’

 

เขาหยุดความคิดลง เพราะเห็นพวกไอริสคนหนึ่งกำลังเปิดลังสีเทาที่มีตราเวิลด์เจเรนัลที่พวกนั้นขนมาด้วย แล้วมีแสงสีน้ำเงินส่องประกายออกมาเล็กน้อยจากลังนั้น คนที่เป็นคนเปิดฝาลัง หยิบของในนั้นขึ้นมาชูให้พีเห็น เป็นแท่งแก้วเหลี่ยมสีฟ้าใส

 

นั่นมันแร่คริสตัลชายน์นี่หว่า!

 

“เหลือแค่ครึ่งหนึ่งเองครับ” คนที่เช็ดของพูดขึ้นมา

“โธ่โว้ย!” คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าใช้เท้าแตะเข้าทีลัง “ท่านนาธานไม่พอใจแน่ๆ”

 

‘นาธาน...’

 

พีสะกดชื่อนั่นอีกรอบในใจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ยินผิด

 

‘หมายความว่า---‘

 

“...แน่ใจหร๊าฮ่ะ? ว่าจะได้ผล” เสียงของเอชที่พีเพิ่งได้ยินกลางคัน

“ได้ผลสิค่ะ” เจนนิก้ากระซิบ “แต่ปัญหาก็คือ ผู้โดยสารคนอื่นที่อยู่ด้านหน้า---”

“พวกแกสิบคน!” พวกไอริสคนหนึ่งตะโกนมาทางพี “ย้ายก้นไปทางนู้นให้หมด!”

 

พีหันไปมองข้างหลังก็เห็นผู้โดยสารคนอื่นที่อยู่ท้ายขบวนอีกหกคน ถ้ารวมเขาและสาวการ์เดี้ยนทั้งสามก็เป็นสิบพอดีและพวกเขาก็เริ่มทำตามที่พวกไอริสสั่ง

 

“ลุกทีละคน ก้มหัวต่ำๆ”

“อย่าตุกติก!”

 

พวกไอริสสองคนเดินเอาปืนขึ้นมาจ่อทีละคนสองคนบังคับให้ลุกไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งพีกับสาวการ์เดี้ยนทั้งสามและผู้โดยสารทั้งห้าคนที่เหลือทำตามโดยดียกเว้นผู้หญิงผมดำคนหนึ่งที่เป็นผู้โดยสารหกนั่งกอดเข่ากลัวอยู่ท้ายขบวนสุดไม่ยอมไปไหน

 

‘งานเข้าแล้วไงล่ะ’

 

พีที่เพิ่งย้ายมาอีกฝั่งหนึ่งเห็นแล้วเครียด

 

“เฮ้ยๆๆ แกนะ รีบย้ายมาสักทีสิ” ไอริสคนหนึ่งพูด “หรืออยากกินลูกตะกั่ว”

“มะมะมะมะไม่ค่ะ!” เสียงสั่นกลัวของผู้หญิงผมดำคนนั้น

“ก็รีบมานี่สิ!!”

“คะคะคะค่ะ!”

 

สาวผมดำค่อยๆ ลุกขึ้นก้มตัวต่ำๆ เอามือพาดไว้ที่หลังคอ แล้วเธอค่อยๆ เดินมาจนจะผ่านกลุ่มไอริสที่ยืนอยู่แล้ว และมีเสียงตามสายในขบวนรถไฟฟ้าดังขึ้น

 

“ใกล้ถึงสถานีอินเทล...ทุกท่านโปรดตรวจสอบสัมภาระของท่านก่อนลงจากขบวนผู้โดยสารค่ะ”

 

และก็มีเสียงดังจากภายนอกรถไฟฟ้าเข้ามา

 

“ยอมจำนนและมอบตัวซะดีๆ พวกไอริส!!”

 

เสียงผู้ชายที่ดังมาจากโดรนของเอ็มแอลเอเกินสิบตัวที่บินใกล้กระจกตามอยู่ข้างนอกรถไฟฟ้า พวกไอริสเห็นแล้วก็ผงะตกใจ แล้วพวกไอริสคนหนึ่งคว้าตัวสาวผมดำที่กำลังจะเดินผ่านไปมาประชิดตัวแล้วเอาปืนจ่อเป็นตัวประกัน

 

“ไสหัวไปซะ!! ไม่งั้นนางนี่ตาย!!”

“กรี๊ด!!!”

 

พอโดรนของเอ็มแอลเอเห็นแล้วก็พากันชะลอความเร็วการบินจนละสายตาไป เสียงกรีดร้องแสบหูของตัวประกันที่กรีดไม่ยอมหยุดจนคนของไอริสที่จับตัวประกันไว้อยู่ตะโกนสั่ง

 

“นางนี่!! หุบปากสักทีสิโว้ย!!”

“กรี๊ด!”

 

เปรี๊ยะ!

 

ตัวประกันสาวผมดำโดนพานท้ายปืนสงครามกระแทกเข้าที่ใบหน้าจนปลิ้วลอยมานอนเจ็บอยู่หน้าพีและสามสาวการ์เดี้ยน เจนนิก้าและนิฟนั่งลองดูอาการของสาวผู้โชคร้าย ส่วนเอชที่เห็นคนโดนทำร้ายต่อหน้าทำเรื่องที่ไม่คาดคิด เธอเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนที่จะพูดกับพวกไอริสจนพีที่อยู่ข้างหลังใจหายใจคว่ำแทน

 

“พวกนาย! ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน...ทำร้ายคนอื่นแบบนี้ อภัยให้ไม่ได้ฮะ!”

“เฮ เด็กน้อย...พูดอะไรของแก” คนที่เพิ่งเอาพานท้ายตบหน้าผู้หญิงพูด

“ในนามการ์เดี้ยน” เอชเริ่มทำท่าเดิม ยกข้อมือขวาขึ้นชูตราการ์เดี้ยน “ผมจะไม่ยอมให้ชาวเมือง AreaTH ที่เจ็ดถูกทำร้ายไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วฮะ!”

“งั้นแกก็รับลูกปืนไปแทนล่ะกัน!”

 

สิ้นเสียงคนของไอริสคนเดิม ปืนสงครามที่อยู่ในมือถูกยกขึ้นมาตั้งลำเล็งยิงอย่างรวดเร็วจนพีที่จะใช้บูลเลตไทม์ตั้งตัวไม่ทัน

 

“โฟ---“

 

ปัง!

 

เสียงปืนดังขึ้นมาหนึ่งนัด ร่างของเอชค่อยๆ เซถอยหลังล้มลงจนพีต้องย่อตัวคุกเข่าประคองตัวเธอไม่ให้กระแทกกับพื้น ท้องด้านซ้ายของเธอมีเลือดไหลออกมา และนั่นทำให้พีเริ่มคิดมาก

 

‘นี่ฉัน...ช่วยไม่ได้อีกแล้วงั้นเหรอ?

ทำไมฉันถึงไม่คิดให้เร็วกว่านี้

ทำไมไม่รีบช่วยให้ไวกว่านี้’

 

“เอช...”

 

คำกล่าวสั้นๆ ของเจนนิก้าที่ยืนดูเอชที่บาดเจ็บด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด ส่วนนีฟก็เช่นกัน

 

“กรี๊ดด!” สาวผมดำคนเดิมร้องกรี๊ดอีกครั้ง

 

ปัง!

 

เสียงปืนอีกนัดดังขึ้น แต่คราวนี้เป็นการยิงลงพื้นใกล้ๆ ผู้หญิงผมดำแทน

 

“หุบปากแกให้สนิท! อยากเป็นเหมือนเด็กคนนั้นหรือไง!” คนที่ยิงเอชสั่ง

“ม่ะมะม่ะมะไม่---“

“เอามืออุดปากไว้!”

 

ผู้หญิงผมดำทำตามโดยดี ส่วนสติพีก็ยังกู้ไม่กลับ

 

‘ขนาดฉันมีพลังแล้ว ก็ยังช่วยคนอื่นไว้ไม่ได้...

ฉัน...ฉัน...นี่มัน...อ่อนแอจริงๆ’

 

“แกนะแก...”

 

เสียงของเจนนิก้าที่เรียกสติพี่กลับคืนมา เขามองขึ้นไปเห็นเธอและนีฟกำลังจ้องพวกไอริสราวกับจะฆ่าจะแกงให้ตายไปข้างหนึ่ง

 

“ทำกับรุ่นน้องของฉันแบบนี้...” เจนนิก้าพูด “อย่าหวังเลยว่าจะตายดีเลยค่ะ!”

“เตรียมตัวใจไว้หรือยัง” น้ำเสียงนีฟเปลี่ยนไป

 

พีที่เห็นว่าสองคนนี้กำลังจะหาเรื่องเสี่ยงตาย ก็จะพูดขึ้นมาห้ามไว้ แต่กลับเห็นแสงลูกกลมๆ สีแดงที่ปลายนิ้วข้างขวาของเจนนิก้าและคลื่นพลังงานใสๆ คล้ายไอร้อนเป็นกำแพงอยู่หน้านีฟก่อน ทำให้เขาคิดถึงเรื่องพีทู

 

‘ทั้งสองคน...หรือว่า’

 

“นีฟ งานนี้ฉันเอาจริงนะคะ”

 

เจนนิก้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจิง ก่อนที่นิฟจะพูดปิดท้าย

 

“รับทราบ...ได้เวลาลงนรกของพวกนายแล้ว ไอริส!”

 

◊◊◊

 

คุยกับคนเขียนนะจ๊ะ

จบลงไปแล้ว สำหรับตอนใหม่ล่าสุดกับการเปิดตัวสามสาวแห่งการ์เดี้ยน Area TH-7 อย่างเป็นทางการ

(ก่อนหน้านี้ปรากฎตัวบ้างแล้วที่ปฐมบทและบทที่สอง)

แล้วชะตากรรมของพวกไอริสที่ทำกับเอชจะเป็นเช่นไร?

พลังจิตหรือพีทูของเจนนิก้าและนีฟคืออะไร?

แล้วพีจะเจอเรื่องซวยต่อไปอีกหรือไม่?

โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า เมื่อพลังจิตผงาด บทที่ 9 [ประจัญหน้า]

ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ ฮ่าๆ

By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา