ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  129.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ...ตอนที่ ๓...บททดสอบ...(๒)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
================================================
 
 
 
 
        ' แปลก...เพลงดาบที่ไกรใช้ออกมา...แทบจะถอดแบบมาจากแนวทางดาบของยุคันตวาต...อย่างน้อยก็เกือบ ๗ ส่วนทีเดียว...เป็นไปไ้ด้อย่างไรกัน? '  ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยราวกับใส่หน้ากากโนะ ศกุนตลาอดประหลาดใจในสิ่งที่เธอเห็นไม่ได้...ทั้งๆที่แต่แรกเธอคาดการณ์เอาไว้ว่าไกรคงจะดับดิ้นภายใต้คมดาบของท่านผู้เฒ่าภายในไม่เกินชั่วธูปไหม้หมดดอกแท้ๆ แต่เวลานี้เธอรู้แล้วที่เธอคาดการณ์ไว้มันผิดหมดโดยสิ้นเชิง...
 
      ...หลังจากที่ดาบของท่านผู้เฒ่าเรียกเลือดจากไกรไปเพียงเล็กน้อย บัดนี้ไกรกลับใช้ดาบในมือต่อกรกับท่านผู้เฒ่าที่เธอยอมรับว่าเป็นเอตทัคคะในเชิงดาบได้อย่างสูสีโดยไม่ตกเป็นรองเลยแม้แต่นิดเดียว...แถมถ้าเธอมองไม่ผิด...ซึ่งก็ไม่เคยมองผิด...ชายหนุ่มนามว่าไกรคนนี้กำลังใช้เพลงดาบของหมู่บ้านยุคันตวาตซะด้วยสิ...
 
        " ...เป็นไปได้อย่างไรกัน?... "  ในที่สุดความประหลาดใจก็ทำให้หน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วพร้อมกับรำพึงออกมาเบาๆ ก่อนที่บางอย่างจะมาทำให้เธอละสายตาจากการต่อสู้ชั่วขณะ
 
 
          พรึ่บ !
 
 
        " ท่านอนาสตาเซีย? "   
 
          หญิงสาวเอ่ยทักอนาสตาเซียที่โผล่ออกมาจากมุมเลี้ยวของบันไดวนเบาๆ แต่นาทีนี้ใบหน้าของอนาสตาเซียไม่มีอารมณ์เล่นด้วยเลยแม้แต่น้อย...ใบหน้าที่ซึมชื้นไปด้วยเหงื่ออันเกิดจากการวิ่งมาเต็มกำลังของเธอดูยุ่งเหยิงอย่างขัดใจในขณะที่ดวงตาสีฟ้าจร้สของเธอมองไปที่การต่อสู้บนลานหินโดยแทบจะไม่สนใจศกุนตลาที่ทักมาด้วยซ้ำ  แต่พอเธอจะก้าวเข้าไปหยุดการประลองนั้นไว้ ศกุนตลากลับก้าวเข้ามาขวางไว้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่หน้าขัดใจในความคิดของเธออย่างที่สุด
 
        " ถอยไป...ศกุนตลา... "
 
        " ... "
 
        " ข้าบอกให้ถอย...ไป "
 
        " ...... "
 
        " ประเดี๋ยวนี้เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้างั้นรึ! "
 
        " นีเป็นคำสั่งเด็ดขาดของท่านผู้เฒ่า...ต่อให้เป็นท่านเอง หากหมายใจจะเข้าไปขัดขวางการทดสอบ ข้าก็คงต้องขัดขวางท่านเช่นกันค่ะ "  น้ำเสียงที่เรื่อยๆมาเรียงๆของศกุนตลาทำเอาอนาสตาเซียถึงกับปรี๊ดแตก ตาลุกวาวทันที
 
        " แปลว่าเจ้าคิดจะหักกับข้าตรงนี้จริงๆใช่ไหม?! "
 
        " ช้าไว้...ท่านอนาสตาเซีย  ประเดี๋ยวก่อนนะ ท่านแปลความหมายของคำว่า ขัดขวาง เป็น หักกันตรงนี้  ไปได้อย่างไรกันเนี่ย? "
 
        " ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย...ถอย...ไป... "
 
          คราวนี้ศกุนตลาหันกลับมามองหน้าเธอตรงๆ ดวงตาด้านซ้ายที่ไม่ได้ถูกปิดบังไว้ด้วยหน้ากากยักษ์ครึ่งซีกของหญิงสาวเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ ซึ่งมีน้อยครั้งที่เธอจะทำหน้าแบบนี้
 
        " ...ขออภัยที่คำถามต่อไปนี้อาจจะหยาบคายไปบ้าง แต่เหตุใดท่านถึงได้ดูเป็นห่วงเป็นใยเจ้าหนุ่มคนนั้นนัก? "
 
        " ฮ่ะ?! เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ?!! "  ดวงตาสีฟ้าจรัสของอนาสตาเซียลุกวาวโรจน์พร้อมกับแผ่รังสีอำมหิตเข้มข้นชนิดแทบเห็นเป็นสายออกมาใส่ศกุนตลาจนหญิงสาวตรงหน้าต้องยกมือยอมแพ้อย่างไม่อยากมีเรื่องพร้อมกับยักไหล่เบาๆ
 
        " ท่านน่าจะใช้สายตาแบบนี้กับเป้าหมายบ้างนะ...บางทีพวกมันอาจจะหัวใจหยุดเต้นตายโดยที่ท่านไม่ต้องลงมือเองเลยด้วยซ้ำก็ได้...ส่วนเรื่องของไกร ข้าเองก็รู้สึกได้ว่าเขามีพลังดึงดูดบางอย่างที่ทำให้คนอื่นถูกชะตากับเขา ข้าก็ไม่ได้โทษท่านหรอกที่ท่านทำท่าทางแบบนั้น...แต่ข้าว่าท่านคงจะเป็นห่วงเกินไปแล้วล่ะ...เอาเถอะ ท่านลองชมการประลองเองก็แล้วกัน... "  หญิงสาวพูดอ่างประนีประนอมพร้อมกับหลีกทางให้ช้าๆ ในขณะที่อนาสตาเซียตอนแรกขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่พอเธอได้เห็นการดวลดาบของไกรกับท่านพ่อของเธอชัดๆ ดวงตาของเธอก็ต้องเบิกกว้างจนแทบถลน
 
        " ...ป...เป็นไปไม่ได้ "  หญิงสาวครางออกมาเบาๆ ในขณะที่ศกุนตลาได้แต่พยักหน้ารับ
 
        " น่าประหลาดจริงๆ...ครานี้ท่านคิดได้เหมือนกับข้าไม่มีผิดเพี้ยนเลย "
 
       ...หลังจากที่ศกุนตลาหลีกทางให้เธอมองเห็นชัดๆ ภาพที่เธอวาดไว้ว่าคงจะได้เห็นชายหนุ่มนามว่าไกรโดนท่านพ่อของเธอไล่ถลุงจนเละ หรือถ้าคิดในแง่ร้ายสุด ไกรคงจะเสียอวัยวะใดไปซักอย่างสองอย่างแล้ว...แต่ภาพที่เธอได้เห็นกลับเป็นเหมือนการประลองดาบกันระหว่างสองปรมาจารย์ดาบผู้เท่าเทียมกันในสัญชาตญาณและเชิงดาบไม่มีผิดเพี้ยน!...และที่สำคัญที่สุด เพลงดาบที่ไกรกำลังใช้อยู่  ถึงแม้ว่ามันจะดูแตกต่างไปบ้างในรายละเอียด...แต่ในสายตาของเธอและศกุนตลา...ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็เป็นเพลงดาบของหมู่บ้านยุคันตวาตของพวกเธอชัดๆ!!...
 
        " ...ไม่...ไม่ใช่เพลงดาบหมู่บ้านยุคันตวาตของแท้...อาจจะคล้ายกันเกิน ๗ ส่วน แต่เพลงดาบของไกรก็ไม่ใช่เพลงดาบของเรา...ไม่สิ...เหมือนกับว่าเพลงดาบของเขาพัฒนามาจากเพลงดาบของเราเลยไม่ใช่รึไงกัน?! "
 
        " ท่านรู้ตัวไหมเนี่ยว่าท่านกำลังพูดในสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้อยู่ "  ศกุนตลาเอ่ยด้วยแววตาปลาตายอีกครั้ง จนทำให้อนาสตาเซียอดหันไปมองอย่างขวางๆไม่ได้
 
        " แล้วเจ้าจะพูดถึงสิ่งที่เจ้ากำลังเห็นตำตานี่ว่าอย่างไรกันฮะ?! "
 
        " ข้าก็จะเงียบไว้อย่างไรล่ะ...ท่านผู้เฒ่าก็สอนไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? ผู้ฉลาดจะนิ่งเฉยในสิ่งที่ตนไม่รู้ "
 
        " ถ้าหากข้าพลั้งเผลอตบเจ้าเข้า ข้าก็ขออโหสิล่วงหน้าเลยนะ "
 
        " ตบข้าน่ะไม่สนุกหรอก ท่านอนาสตาเซีย...ดูการประลองดีกว่า...สนุกกว่ากันเยอะ "
 
        
       ...จะได้ยินคำสนทนาของหญิงสาวทั้งสองหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ไกรก็กำลังรู้สึกสนุกจริงๆ เพราะตั้งแต่ที่เขาเคยจัดดาบมา ไม่มีครั้งไหนเลยหรือคู่ประลองคนไหนเลยที่จะทำให้เขาเอาจริงได้ถึงขนาดนี้ ไม่เว้นเม้แต่พ่อของเขาผู้เป็นอาจารย์สอนวิชาดาบแก่เขาเองก็ตามที  ดาบจริงอันคมกริบดาบต่อดาบที่ฟาดกระทบกันทำให้เลือดในกายเขาพลุ่งพล่านจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้...ความนึกคิดของเขาค่อยๆหายไปทีละเรื่องๆ จนกระทั่งในที่สุด มันเหลือเพียงเรื่องเดียวที่มีอิทธิพลต่อเขาเหนือทุกสิ่ง...
 
       ...ความต้องการเอาชนะชายตรงหน้านี้ให้ได้!!...
 
          หลังจากเสียงดาบกระทบกันผ่านพ้นดาบที่ห้าสิบเศษๆ ในที่สุดเขาก็จับจังหวะของอีกฝ่ายได้จนหมด...อันที่เขาเองก็ประหลาดใจอยู่ที่ทางดาบของเขาและอีกฝ่ายคล้ายกันขนาดนี้ แต่เสี้ยววินาทีนั้นชายหนุ่มไม่มีเวลาให้คิดอะไร เขาใช้มือทั้งสองกระชับดาบมั่น ก่อนจะวาดปัดเข้าที่โกร่งดาบของอีกฝ่ายอย่างแรง...ด้วยพละกำลัง จังหวะ และตำแหน่งที่เหมาะที่สุดในการลงดาบ ทำให้ดาบในมือของท่านผู้เฒ่าหลุดออกจากมือทันที!
 
        " ย...แย่--- "  อนาสตาเซียยังอุทานว่า แย่แล้ว! ไม่ทันจบ เธอก็รู้สึกถึงลมพัดวูบจากข้างตัว เมื่อเธอหันมา หญิงสาวผู้เป็นสหายของเธอก็ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้เสียแล้ว
 
          พริบตาเดียวก่อนที่ดาบในมือของไกรจะได้ลิ้มรสเลือดของท่านผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้า ศกุนตลาก็โผล่พรวดมาที่ด้านหลังอันเป็นจุดอับสายตาของเขา พริบตาต่อมาเขาก็ถูกรวบด้วยพละกำลังที่มากเกินกว่าที่หญิงสาวธรรมดาจะมีได้ให้ลงไปกองอยู่กับพื้น แม้แต่ดาบที่เขายังคงกำอยู่ก็ถูกฝ่าเท้าเรียวงามของอีกฝ่ายกดไว้จนพูดได้เลยว่าภายใต้การคร่ากุมของศกุนตลา เขาไม่อาจกระดิกได้แม้แต่ปลายนิ้วเลยทีเดียว!
 
        " ย...ยัย!!--- "  ไกรยังไม่ทันได้สบถออกมาจบประโยคเขาก็ต้องรีบหุบปากลงทันทีเพราะมีดสั้นสีเงินยวงที่ดูก็รู้ว่าคมกริบราวกับมีดโกนในมือของศกุนตลาวาดจ่อพรึ่บเข้ามาที่คอหอยของเขา เป็นสัญญาณสากลในทุกยุคทุกสมัยที่แทบไม่ต้องแปลเลยว่า ...ถ้าหากพูดออกมาอีกแม้แต่คำเดียว ลูกกระเดือกเขาได้โดดออกมาเต้นระบำนอกลำคอแน่ !...
 
        " โทษของการทำร้ายท่านผู้เฒ่าคือตาย! "  หญิงสาวกระซิบเรียบๆพร้อมออกแรงกดมีดสะกิดหนังกำพร้าของเขาจนเลือดซึมออกมาเป็นยางบอน และคงจะกดลงมามากกว่านี้อีกถ้าไม่ใช่ท่านผู้เฒ่าตวาดออกมาเสียก่อน
 
        " หยุดมือ ศกุนตลา! "
 
           คำสั่งของท่านผู้เฒ่าเป็นเหมือนสวิตซ์หยุดการทำงานของศกุนตลาไม่มีผิด เพราะเธอหยุดมือทันที แถมยังช่วยประคองเขาให้ลุกขึ้นราวกับไอ้ที่จะเชือดคอเขาตะกี๊เป็นเรื่องล้อเล่น แล้วยังมีหน้ามาทำหน้าตายถามชายหนุ่มอีกว่า
 
        " เป็นอะไรไหม? ข้าทำเจ้าเจ็บรึเปล่า? "
 
          ไกรหันไปพร้อมกับขยับปาก แต่ก็จนใจจนเขาต้องถอนหายใจเฮือก...เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบด่าผู้หญิง แถมเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าผูหญิงประเภทศกุนตลาต่อให้ด่าอะไรไปก็ไม่เจ็บไม่ปวดหรอก  เขาจึงเบนเป้าหมายไปที่ท่านผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าแทน
 
        " โอเค...ก่อนจะเริ่มบรรเลงกันต่อ ช่วยบอกเหตุผลดีๆซักข้อได้ไหมว่าทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้ด้วย เริ่มแรกก็ฆ่าคนตาย ต่อมาก็โดนจับขังคุก แถมยังเกือบโดนฆ่าตายอีก...ทั้งจากท่านผู้เฒ่าของเธอและจากเธอด้วยศกุนตลา...ถามจริงพวกเธอเกลียดฉันมากนักรึไงฟะ! "
 
        " ให้ข้าจัดการเขาเวลานี้เลยไหม...ท่านผู้เฒ่า? "  คำถามที่ไม่แน่ใจว่าล้อเล่นหรือจริงจังของศกุนตลาทำเอาเขาต้องหันควั่บไปมอง แต่ชายที่ถูกเรียกว่าท่านผู้เฒ่ากลับหัวเราะเบาๆราวกับว่ารู้เส้นอารมณ์ขันแบบหน้าตายของอีกฝ่ายดี
 
        " เจ้าทำให้ข้าหัวเราะได้เสมอ...ศกุนตลา...เอาเถอะ...การทดสอบจบลงแค่นี้ เจ้า...ไกรสินะ? ข้าต้องขออภัยดวยที่ทำเรื่องเสียมารยาทกับเจ้า เจ้ามากับข้าสิ... "
 
        " ...คราวนี้ลูกไม้อะไรอีกล่ะขอรับ...ท่านผู้เฒ่า? "  คำประชดของไกรทำเอาท่านผู้เฒ่าถึงกับถอนหายใจเฮือก
 
        " เจ้าน่าจะหัดเรียนรู้ที่จะไว้เนื้อเชื่อใจคนอื่นบ้างนะ "
 
        ' ตูมีไอ้ความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจที่ว่าอยู่เต็มที่เฟ้ย...แต่พวกนายต่างหากที่ไม่เชื่อใจตูเลยแม้แต่นิดเดียว '  ไกรบ่นในใจอย่างหงุดหงิด แต่เขาก็เลือกที่จะเดินตามออกไปอย่างว่าง่ายโดยไม่ลืมที่จะก้มหัวทักทายอนาสตาเซียที่ยืนกอดอกอยู่พร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อยเมื่อเขาเดินผ่าน
 
        " ผมปลอดภัยดี...ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ "
 
        " หา?! ใคร๊?! ใครเป็นห่วงเป็นใยเจ้ากัน?! เจ้าสำคัญตัวเองผิดเพี้ยนจนเกินไปแล้ว! "  เสียงแหลมสูงจนน่าปวดหูของอนาสตาเซียทำเอาไกรต้องเกาหัวแกรกๆ
 
        ' ไรฟะ? นี่ตกลงซึนเดเระมันมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเลยเหรอฟะเนี่ย? '
 
        " อย่ามัวแต่คิดอะไรแปลกๆ ไกร...เรื่องที่เราจะพูดกันค่อนข้างยาว และข้าก็ไม่ต้องการจะกินอาหารเย็นสายนะ "  ท่านผู้เฒ่าหันมาเลิกคิ้วพูดขึ้นเบาๆ ทำเอาเขาต้องเกาหัวแกรกๆอีกครั้ง
 
        ' ตาหงอกนี่ก็อีกคน...อย่าบอกนะว่าเป็นเอสเปอร์อ่านใจคนได้ '
 
        " ข้าไม่ได้เป็นภูติผีที่อ่านใจคนได้หรอก...แต่ใบหน้าเจ้ามันอ่านออกง่ายเกินไป...มันทำให้ข้าคาดเดาได้เลยว่าเจ้าคงจะโกหกใครไม่เป็นแน่ "  คำตอบของท่านผู้เฒ่าทำให้เขาต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
 
          ไกรเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างช้าๆลงมาที่ลานกว้างที่อยู่ภายในป้อมปราการ ผ่านผู้คนที่เริ่มหลากหลายมากขึ้น...แม้ทุกคนจะโค้งหัวทำความเคารพท่านผู้เฒ่า แต่ก็ไม่อาจจะปิดบังแววตาอยากรู้อยากเห็นที่มีต่อไกรได้ เพราะดูเหมือนว่าไกรจะเป็นบุคคลภายนอกคนแรกในที่แห่งนี้ที่ยังคงเป็นๆอยู่ ไม่ได้มีสภาพมาแบบร่างไร้วิญญาณอย่างที่เคยเป็นมา  แต่นั่นทำให้ไกรได้รู้อย่างหนึ่งว่า ในป้อมปราการแห่งนี้มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหลากหลายจนน่าตกใจ...มันไม่ได้มีแค่คนที่เรียกตัวเองว่ามือสังหารอย่างสิงห์หรือศกุนตลา แต่ที่นี่มีทั้งคนชราไปจนถึงลูกเล็กเด็กแดงชนิดที่เรียกว่าที่นี่มีประชากรเทียบเท่ากับเมืองเล็กๆเมืองนึงเลยทีเดียว!
 
        " ทุกคนในที่นี้ต่างก็เป็นผู้ที่ทุกข์ทรมานจากสงครามทั้งสิ้น...ถ้าหากเจ้าสงสัยล่ะนะ "  ท่านผู้เฒ่าอธิบายเบาๆ แต่คำอธิบายของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องส่ายหน้าช้าๆ
 
        " ไม่ๆ หลังจากศึกที่พระนเรศวรยกไปตีหงสาวดี อยุธ--...อโยธยาไม่มีสงครามไปตั้งร่วมสองร้อยปีเลยไม่ใช่รึไง "
 
          ท่านผู้เฒ่าหันกับมาเลิกคิ้วพ้อมกับหัวเราะเบาๆด้วยน้ำเสียงสมเพช
 
        " เจ้าอยู่แต่บนหอคอยงาช้างรึอย่างไรกัน?  คิดว่าอโยธยาทำสงครามกับพม่าเป็นอยู่เมืองเดียวรึอย่างไร...ต่อให้ไม่นับรวมสงครามใหญ่กับล้านช้างร่มขาว ล้านนา  ศึกชิงราชสมบัติในสมัยก่อนทีพ่ออยู่หัวในพระบรมโกศขึ้นครองราชย์ก็สร้างความทุรยศไปทุกหย่อมหญ้า...(๑)  พวกเขาต่างก็สูญเสียบ้าน มิตรสหาย และครอบครัวกันทั้งสิ้นไม่ทางตรงก็ทางอ้อม...หมู่บ้านของเรานี่แหละที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเขา "
 
        " ...ถึงปากจะพูดว่าเป็นหมู่บ้านแต่มองยังไงๆที่นี่มันก็ป้อมปราการชัดๆ แถมเป็นป้อมปราการแบบตะวันตกที่ไม่ควรจะมีในอาณาจักรนี้ด้วย  เอาจริงๆเลยนะ ตกลงผมอยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย? "
 
        " เจ้านี่มันพูดเหมือนกับเป็นอุปนิกขิตไม่มีผิดเลยนะ...แต่เอาเถอะ อย่างน้อยข้าก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้าไม่ใช่ แถมป้อมปราการนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องปิดบังเป็นความลับอะไรนักอยู่แล้ว... "  ชายหนุ่มผู้มีฉายาว่าท่านผู้เฒ่าสูดหายใจลึกก่อนจะเริ่มต้นเล่าช้าๆ
 
        " ...ที่จริงแล้วข้าไม่ควรจะต้องเท้าความหลังไปยาวขนาดนี้ แต่ข้าเดาเอาว่าเจ้ามันไม่รู้ประวัติศาสตร์อโยธยาเลยแม้แต่ซักกระผีกริ้น ซึ่งข้าก็คิดว่าข้าเดาไม่ผิด...เอาเถอะ...ย้อนกลับไปในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ซึ่งเป็นยุคที่การติดต่อเจริญสัมพันธไมตรีกับชาติตะวันตกเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด  สมเด็จพระนารายณ์ทรงสนพระทัยแบบป้อมปราการของชาวตะวันตกเป็นอันมาก ถึงกับว่าจ้างนายช่างชาวฝรั่งเศสให้สร้างป้อมปราการแบบตะวันตกไว้ถึงสองที่... "
 
        " ใช่...ป้อมวิไชยเยนทร์ที่ธนบุรี กับพระนารายณ์ราชนิเวศน์ที่ลพบุรี... "
 
        " หือ? พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ?? (๒) "  ท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้วพร้อมกับทวนคำอย่างสงสัยใคร่รู้ แต่เขาก็ยักไหล่เป็นเชิงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร   
 
        " ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าพูดถึงเรื่องอะไร แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงจะรู้เรื่องนี้...ใช่ สมเด็จพระนารายณ์ทรงดำริให้สร้างป้อมตะวันตกขึ้น ๒ แห่ง... "  ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะแสยะยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับพูดต่อ....    " นั่นเป็นสิ่งที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้...แต่ปราการที่เจ้ากำลังเหยียบอยู่นี่คือป้อมปราการที่ ๓ ที่พระองค์ดำริให้สร้างขึ้น...ป้อมปราการลับอันเป็นเขี้ยวเล็บและฐานบัญชาการสุดท้ายในกรณีที่สงครามเข้าขั้นเลวร้ายที่สุด...ป้อมปราการลับในเงามืดแห่งประวัติศาสตร์อย่างไรล่ะ!! "
 
        " เป็นไปไม่ได้! "  ไกรตะโกนกลับไปทันทีโดยไม่สามารถห้ามปากตัวเองได้ ทำให้ท่านผู้เฒ่าหันกลับมาเลิกคิ้วบางๆอีกครั้ง ดวงตาที่สงบและทรงภูมิปัญญาของเขาไหววูบเล็กน้อยราวกับคิดอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเบาๆ
 
        " ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าที่ถูกความจริงอันไม่น่าพิศมัยถาโถมเข้าใส่...แต่เจ้าควรจะพึงระลึกไว้นะ...ว่าเจ้ากำลังยืนเหยียบป้อมปราการที่เจ้าพึ่งจะสบถสาบานออกมาว่า เป็นไปไม่ได้ อยู่นะ "
 
        " อ...อึ่ก! "
 
          ก่อนที่ไกรจะได้ทันเถียงอะไรออกไป ที่กระท่อมเล็กๆที่อยู่เยื้องๆทางด้านขวาของพวกเขาก็เกิดเสียงระเบิดตูมใหญ่ราวกับมีใครเอาปืนใหญ่มายิงใกล้ จนชาวบ้านคนอื่นๆที่อยู่ไกลออกไปต้องทรุดลงหมอบกับพื้นทันทีด้วยสัญชาตญาณ ในขณะที่ไกรและท่านผู้เฒ่าที่ดันบังเอิญยืนอยู่ใกล้กระท่อมที่สุดถึงกับต้องทรุดลงแยกเขี้ยววับ แก้วหูถึงกับลั่นวิ้งกันเลยทีเดียว
 
        " ศ...ศัตรู? "  ไกรเบิกตากว้างตะโกนออกมาดังๆ  แต่ท่านผู้เฒ่ากลับขมวดคิ้วพร้อมกับหน้าเสียไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะครางออกมาเบาๆ
 
        " ข้า...ข้าว่าไม่น่าจะใช่... "  ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นป้ดเศษหญ้าตามตัวออก และเอามือไขว้หลังพร้อมกับสูดหายใจลึกจนท้องกิ่ว เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ไกรจะได้ทันถามอะไรต่อ ท่านผู้เฒ่าก็ตะโกนออกไปดังลั่น
 
        " โคลัมบัส!!!!  ออเรลลาน่า!!!!  "
 
          ที่กระท่อมปรากฏเสียงโครมเล็กๆอีกครั้งราวกับมีอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็ก้นของใครบางคนกระทบกับพื้นไม้พ่อมกัยเสียงใครบางคนสบถออกมาดังลั่น
 
        " น...นรกแล้วออลลี่!  ท...ท่านผู้เฒ่ามา! ซ...ซวยริยำ! ร้อยวันพันปีไม่โผล่มา ไหงมาโผล่มาเอาวันนี้ได้ล่ะเนี่ย! "  หลังเสียงของชายที่น่าจะเป็นเด็กหนุ่มคนแรกพูดจบ เสียงของชายหุ่มอีกคนที่มีน้ำเสียงคล้ายกับคนแรกราวกับแกะก็ตะโกนตอบกลับไปดังลั่นไม่แพ้กัน
 
        " ช...ชู่วววว! อย่าได้เอ็ดอึงไปสิฟะโคลบี้! หากพวกเราโชคดีท่านผู้เฒ่าอาจจะคิดว่าเราบาดเจ็บจากการทดลองผิดพลาดอยู่ อารมณ์เดือดดาลของท่านอาจจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์เป็นห่วงก็ได้ "
 
        " ส...สมเป็นออลลี่ ความคิดเจ้านี่มันเหนือเมฆจริงๆ ถึงแม้จะดูเหมือนแช่งตัวเองก็เถอะ ...ง...งั้นพวกเรากบดานให้เงียบราวกับตะเข้ดำน้ำเลยนะ "
 
          ตลอดเวลาที่ได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มสองคนในกระท่อมพูดกัน ไกรอดใจไม่ให้หันไปมองหน้าของชายหนุ่มฉายาท่านผู้เฒ่าตรงๆไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ถึงเขาจะรู้ดีว่ามันเป็นการเสียมารยาทอย่างแรงสำหรับคนที่พึ่งรู้จักกันแบบผิวเผินแบบนี้ แต่การได้เห็นเส้นเลือดแห่งโทสะที่เต้นตุบๆบนขมับของคนสุขุมนุ่มลึกอย่างที่ผู้เฒ่าผู้กำลังข่มสตินับหนึ่งถึงร้อยในใจอยู่แบบนี้ช่างเป็นความบันเทิงที่แปลกใหม่สำหรับเขาจริงๆ
 
          ท่านผู้เฒ่าปรายสายตาดุๆมาปรามเขาเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเฮือก...เขาฉุนสุดๆเสียจนกระทั่งกลายเป็นความขบขันไปแล้ว จึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกและโคลงหัวพร้อมกับหัวเราะถอนฉิวออกมาเบาๆ
 
        " ออกมาเถอะน่า...เจ้าทั้งสองคน...รับรองข้าไม่ดุด่าหรือลงโทษพวกเจ้าหรอก "
 
          ทันทีที่ท่านผู้เฒ่าพูดจบ ที่กระท่อมต้นเหตุก็ปรากฏเสียงกระซิบแบบได้ยินไปทั่วของเด็กหนุ่มสองคนอีกครั้ง
 
        " อ...เอาอย่างไรดี ออลลี่? "
 
        " ช...ชู่ววว อย่าได้หลงกลติดบ่วงแร้วโง่ๆง่ายๆนี่เป็นอันขาดนะโคลบี้ เชื่อข้า มันเป็นการหลอกให้เราตายใจแน่ๆ "
 
        " ส...สมเป็นออลลี่อีกแล้ว เกือบไปแล้วไหมล่ะตู...ท่านผู้เฒ่านี่ร้ายจริงๆ "
 
        " พรืดดด! "  คราวนี้ไกรถึงกับหัวเราะพรื่ดออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ก่อนจะรีบเอามืออุดปากตัวเองทันทีเมื่อเห็นสายตาฆาตกรของท่านผู้เฒ่า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องกัดริมฝีปากกลั้นหัวเราะจนแทบห้อเลือดเลยทีเดียว
 
          ท่านผู้เฒ่าสบถพึมพำเบาๆ พอดีกับที่เหลือบไปเห็นศกุนตลากับอนาสตาเซียที่คงจะได้ยินเสียงระเบิดและเดินมาถึง เขาจึงแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยราวกับนึกอะไรได้ทันที
 
        " ศกุนตลา อนาสตาเซีย...เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าว่าโคลัมบัสกับออลเรลลาน่าคงไม่รอดจากเสียงระเบิดเมื่อครู่แล้วล่ะ เพราะเรียกอย่างไรก็ไม่มีใครออกมาเสียที เอ้า! เจ้าสองคนมาช่วยกับข้าจุดไฟเผากระท่อมเพื่อส่งสองคนนั้นให้ไปสู่สุคติกันเถอะ "
 
          สองสาวที่พึ่งมาถึงเลิกคิ้วกว้างพร้อมกับหันไปมองหนากันอย่างงงๆ ก่อนที่อนาสตาเซียที่พอจะรู้เส้นอารมณ์ขันของท่านพ่อของเธอดีที่สุดจะร้อง อ๋อ! พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ  แต่ศกุนตลาดันเหมือนจะไม่เก็ตมุกของอีกฝ่ายเพราะเธอล้วงไปหยิบตะบันไฟออกมาจากด้านหลังพร้อมกับทำท่าจะเข้าไปจุดไฟเผากระท่อมตามคำสั่งจริงๆจนลำบากหญิงสาวอีกคนต้องพุ่งไปรวบไว้ทันที
 
          โครมมม !!
 
          โดยไม่ต้องให้พูดซ้ำสอง ประตูไม้ของกระท่อมเปิดผางออกมาพร้อมกับที่เด็กหนุ่มคู่แฝดชาวตะวันตกสองคนจะวิ่งจู๊ดหนีตายออกมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ขาโย่งๆของพวกเขาจะเอื้ออำนวยทันที  แต่พอทั้งสองคนเห็นว่ากระท่อมยังไม่ได้ไหม้ไฟและตัวเองถูกหลอก หน้าตกกระที่ซีดเผือดของทั้งคู่นั้นก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกจนแทบจะขาวเหมือนกระดาษไม่มีผิดเพี้ยน
 
        " ด...โดนหลอกแล้ว! "  ก่อนที่ทั้งคู่จะตั้งท่าหันหลังกลับเพื่อวิ่งหนีอีกครั้ง แต่พอหันกลับไปเห็นอนาสตาเซียที่พุ่งไปดักหลังอยู่ในระยะประชิด ทั้งคู่ก็ถึงกับร้องกรี๊ด! สะดุ้งตัวโยนทันที
 
        " เด็ก...ดื้อ...ต้อง...ถูก...ทำ...โทษ... "  
 
        " คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะเนี่ย? "  ไกรได้แต่ครางออกมาเบาๆ ถึงจะไม่อยากจะพูดอะไรเป็นการเสียมารยาท แต่ถ้าหากจะพูดตรงๆ ที่นี่มันช่างวุ่นวายจริงๆ
 
 
 
 
 
................................................
 
 
 
 
 
 
       (๑) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  หรือสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 ชื่อเดิมชื่อ เจ้าฟ้าพร เป็นพระบัณฑูรน้อยในสมัยสมเด็จพระศรีสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือ หรือขุนหลวงสรศักดิ์ ผู้เป็นพระราชบิดา และเป็นน้องของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระสวรรคต เจ้าฟ้าอภัย โอรสของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระได้เสวยราชสมบัติ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไม่ยินยอม จึงเกิดการสู้รบแก่งแย่งราชสมบัติกันและประหารชีวิตเจ้าฟ้าอภัย ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ลำดับที่ 4 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง
 
 
       (๒) "พระนารายณ์ราชนิเวศน์"  เป็นพระที่นั่งที่ถูกสร้างขึ้นมาทีหลังในสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินตร์ ในระหว่างที่พระองค์โปรดให้บูรณะเมืองลพบุรีที่ทรุดโทรมใหม่ทั้งหมด  ...ทำให้ท่านผู้เฒ่าไม่เคยได้ยินชื่อพระที่นั่งนี้มาก่อน
 
                                                                                          LanzaDeLuz
 
 
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา