ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  129.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

41) ...ตอนที่ ๑๐...ราชโองการแต่งตั้ง...(๔)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
 
================================================
 
 
 
         
         พลั่ก!!
 
        " อั่ค! "  มือสังหารสาวที่ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ ๑ แห่งหมู่บ้านยุคันตวาต นามว่าอนาสตาเซีย บัดนี้ปลิวละล่องเป็นว่าวป่านขาด พุ่งไปเอาหลังกระแทกกับกระท่อมอย่างรุนแรงจนกระท่อมตีศาสตรที่แม้จะดูเก่าๆแต่ก็แข็งแรงขึงกับสะเทือนไปทั้งหลัง...ดาบเรียวยาวนามว่า นาคราช ที่ยังกำแน่นอยู่ในมือถึงกับสั่นสะท้านตลอดไปทั้งเล่ม แต่ถ้าหากไม่ได้ดาบเล่มนี้ขึ้นยกต้านดาบไว้ในวินาทีสุดท้าย...หญิงสาวก็อาจจะตายภายใต้คมดาบอาถรรพ์อันน่าขนลุกของอีกฝ่ายแล้ว
 
        " ชิ!...ทั้งๆที่ดาบจูชิโยซามุนี่ ขึ้นชื่อเรื่องความคมที่เหนือธรรมชาติเพราะความริษยาที่ฝังแน่นอยู่ในดาบแท้ๆ แต่กลับไม่อาจตัด นาคราช ให้ขาดสะบั้นได้ในคราเดียวอย่างนั้นรึ?...ออกจะฟังแล้วแปลกหูและไร้ความถ่อมตนไปบ้าง...แต่ก็คงต้องบอกว่า สมเป็นดาบชั้นหนึ่งที่ข้าตีขึ้นเองกับมือจริงๆ "  ยูกิโอะที่บัดนี้ดวงตาส่วนที่เป็นเนื้อตาขาวเปลี่ยนสภาพกลายเป็นสีดำสนิทจนหมด ในขณะที่ส่วนม่านตาก็ส่องประกายวาววับจนไม่เหมือนกับดวงตาของมนุษย์เสียแล้วพูดออกมาเบาๆพลางควงดาบในมือเล่นอย่างปรารถนาความหมาย ในขณะที่อนาสตาเซียรู้ดีว่าเธอคงไม่มีเวลามานอนครางเล่นแน่ เธอจึงฝืนอาการบาดเจ็บของตัวเองและรีบลุกขึ้นยกดาบประจำกายตั้งท่าเตรียมพร้อมโดยไม่มีเวลาให้เช็ดคราบเลือดที่ออกมาจากมุมปากด้วยซ้ำ
 
        ' จริงอย่างที่...ยัย...ท่านหญิงยูกิโอะว่านั่นแหละ...ถึงจะไม่อยากจะยอมรับ แต่ถ้าหากไม่มี นาคราช นี่ล่ะก็...ป่านนี้เธอคงจะดับไปแล้วแน่ๆ '  หญิงสาวคิดในใจเงียบๆ แต่ก็คิดได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะยูกิโอะเปลี่ยนท่าจากท่าทีสบายๆ กลายเป็นท่าเตรียมและพุ่งเข้าใส่เธอในพริบตาราวกับธนูหลุดออกจากแหล่งที่ขนาดอนาสตาเซียเองที่ว่ากันว่าเร็วที่สุดในหมู่มือสังหารทั้งหมดยังถึงกับต้องตกใจ เพราะในที่แคบๆอย่างในกระท่อมเช่นนี้ อีกฝ่ายอาจจะเร็วพอๆกับเธอ...หรือดีไม่ดีช่างตีศาสตราผู้เป็นอมตะนี้อาจจะเร็วกว่าเธอด้วยซ้ำ!
 
 
          เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
 
 
          ดาบคาตานะยาวที่ส่วนของใบดาบเต็มไปด้วยลายคลื่นสีดำสนิทที่หญิงสาวตรงหน้าเธอใช้เพื่อฟาดฟันเต็มไปด้วยกระแสและกลิ่นอายของการฆ่าฟันอันน่าขนลุกและน่าหวาดกลัวอยู่เต็มไปหมด ...เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง...ต่างจากดาบฟ้าฟื้นของพ่อของเธอที่แม้จะทรงอานุภาพแต่กลับสงบและสุภาพมากกว่าเป็นอย่างมาก...ความบ้าคลั่งและน่าขนลุกของดาบเล่มนี้มันมากเกินกว่าที่คนธรรมดาคนใดจะสามารถประคองมันไว้ในมือได้โดยไม่ถูกกระแสของดาบกลืนกินด้วยซ้ำ!
 
         ' ที่ยูกิโอะสามารถถือดาบเพื่อฟาดฟันได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ขาดสติเช่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้แค่ ๒ ทางเท่านั้น...ทางแรกก็คือดาบเล่มที่บ้าคลั่งเล่มนี้ยอมศิโรราบแก่ยูกิโอะอย่างราบคาบ...หรือไม่ก็อีกทางหนึ่ง...ความบ้าคลั่งของดาบเล่มนี้ก็ไม่อาจสู้ความบ้าคลั่งภายในจิตใจของยูกิโอะได้...นรก! ไม่ว่าจะเป็นทางไหนสำหรับเราแล้วก็แย่พอกันเลย!! '  
 
           ถึงจะบอกว่านรก แต่อนาสตาเซียก็ไม่ใช่ลูกคุณหนูธรรมดาๆ...ศักดิ์ศรีของคำว่ามือสังหารอันดับหนึ่งที่ค้ำคออยู่ทำให้เธอไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายกดดันอยู่ฝ่ายเดียวแน่...พริบตาที่ดาบของยูกิโอะพลาดเป้าหมาย ...นาคราช ของเธอก็แผลงฤทธิ์ทันที!
 
           อนาสตาเซียขยับดาบเล่มเรียวยาวในมือพร้อมกับคำรามลั่น ดาบเล่มเรียวยาวของเธอก็ดูเหมือนจะอ่อนยวบลงและกลายสภาพเป็นแส้ที่คมกริบในชั่วพริบตา หญิงสาวตวัดฟาดแส้ดาบนี้เต็มแรงจนปลายแส้ดาบนี้ฟาดอากาศจนเกิดเสียงดังสนั่น ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าความเร็วเสียงนี้ ต่อให้เป็นยูกิโอะก็ไม่อาจจะหลบพ้นอย่างแน่นอน
 
           ฉัวะ! 
 
           ปลายอันแหลมคมของดาบพุ่งฝ่าอากาศและเลี้ยวฝ่าคมดาบจูชิโยซามุที่ยกขึ้นมากัน ราวกับอสรพิษพุ่งเข้าหาเหยื่อ ชำแรกเข้าสู่ลำคอเรียวยาวของยูกิโอะ ตัดเส้นเลือดใหญ่อันเป็นจุดตายที่สำคัญที่สุดอย่างแม่นยำ เลือดสีคล้ำพุ่งกระฉูดขออกมาจากรอยแผลเล็กๆนั้นราวกับทำนบแตกทันที!
 
         " เฮ้อ...ข้าเกือบจะลืมเลือนไปแล้วเลยนะ...ว่า นาคราช ที่ข้าสร้างขึ้นมันมีความสามารถพิเศษอะไร...เจ้าดึงความสามารถของดาบที่ข้าสร้างขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างที่ข้าหวังไว้จริงๆ...น่าเสียดาย...น่าเสียดาย... "  ถ้าเป็นคนธรรมดา ต่อให้แข็งแรงเป็นเหล็กเป็นเพชรมาจากไหนก็คงจะต้องตกตายภายใต้บาดแผลฉกรรจ์นี้ภายในไม่กี่วินาทีไปแล้ว...น่าเสียดาย...ที่หญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดา...
 
           ยูกิโอะแทบจะไม่สนใจรอบแผลฉกรรจ์ที่อยู่ตรงลำคอ กับเลือดสีคล้ำๆที่ไหลเป็นน้ำตกเปื้อนร่างกายครึ่งหนึ่งของเธอเลยแม้แต่น้อย...เพราะเพียงชั่วเสี้ยววินาทีต่อมารอยแผลนั้นก็ค่อยๆถูกเกล็ดที่มีลักษณะคล้ายกับเกล็ดปลาสีเงินๆอันเล็กละเอียดงอกขึ้นปกคลุมและหยุดการทะลักทลายของเลือดสีคล้ำนั่นไว้ ก่อนที่ชั่วเสี้ยววินทีต่อมาเกล็ดปลาเล็กๆนั่นก็ค่อยๆร่วงหล่นลง พร้อมๆกับที่รอยแผลฉกรรจ์นั้นจะหายไปโดยไม่เหลือแม้แต่แผลเป็นด้วยซ้ำ!! 
 
         " เฮ้อ...พยายามให้มากขึ้นอีก...แม่นกน้อย...เพราะข้าเคยลองมาหมดทุกทางแล้ว...ถ้าหากแผลแค่นี้ทำให้ข้าตายได้...ข้าก็คงไม่ต้องลำบากอยู่มาถึงทุกวันนี้แล้วล่ะ... "
 
           ยูกิโอะกล่าวเรียบๆพร้อมกับขยับดาบและพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง...ด้วยกริยาที่ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย...
 
        ...เธอเลิกเล่นกับเหยื่อแล้ว!...
 
 
         " น...นังปิศาจเอ๊ย! "
 
 
 
 
.............................................
 
 
 
 
       ...ลานประลองด้านหน้าพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์เป็นเหมือนกับลานกว้างเรียบเป็นวงกลมโดยในเวลานี้มีผู้คนที่แต่งตัวเหมือนข้าราชการระดับสูงแบบเดียวกับที่เขาเคยเห็นในหนังอิงประวัติศาสตร์หลายๆเรื่อง ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนต่างก็นั่งล้อมลานประลองนี้โดยถ้าไกรเดาไม่ผิด รูปแบบการนั่งก็คงจะไล่จากยศสูงไปยศต่ำอันเป็นลักษณะสากลแน่ๆ...ซึ่งทันทีที่ไกรและท่านผู้เฒ่าเดินมาถึงระยะสายตา...ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่พวกเขาเป็นตาเดียวในทันที...

         " เรื่องนี้ข้าโทษท่านนะ...ทานผู้เฒ่า "  ไกรหันหลังกลับมามองท่านผู้เฒ่าที่เดินตามมาพร้อมกับกระซิบเรียบๆ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าได้แต่หัวเราะเบาๆ

         " พวกเขากำลังรอท่านอยู่นะ...ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี "

         " ตลกพิลึกเลย...นอกจากจะย้อนกลับมาในอดีตแล้ว ยังได้กินยศข้ามขั้นเป็นถึงเจ้าพระยาอีก...เรื่องนี้พูดไปจะมีใครเชื่อเนี่ย "  ไกรรู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวพิรี้พิไรตีฝีปาก เขาจึงได้แต่ลอบถอนหายใจเฮือก พร้อมกับทำทาจะเดินเข้าไป...แต่ท่านผู้เฒ่าก็รั้งไหล่เขาไว้เสียก่อนพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆว่า

         " ไกร...นี่ถือเป็นคำสั่งของข้าก็ได้นะ แต่การประลองนี้ข้าขอสั่งห้ามเจ้าใช้ดาบสองมือโดยเด็ดขาด "

           เป็นคำถามที่ทำให้ชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาตั้งใจจะไม่ใช้ดาบคู่อยู่แล้วก็เถอะ แต่เขาก็อดถามกลับเบาๆไม่ได้

         " ขอทราบเหตุผลได้ไหมขอรับ? "

         " ข้าว่าเจ้าก็น่าจะทราบคำตอบของคำถามอยู่แล้ว...แต่เอาเถอะ...ถึงจะอยู่ในยศเจ้าพระยา แต่เจ้าก็อย่าลืมสิว่าเจ้าคือตัวล่อเพื่อเบนความสนใจ และเป็นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งที่เสี่ยงอันตรายมากที่สุด...ข้าว่ามันไม่เหมาะที่เจ้าจะเผยฝีมือที่แท้จริงเต็มที่ในเวลานี้...และอีกอย่าง ก็เพื่อเป็นการฝึกมือไปในตัว...อย่ากังวลไปเลยน่า...นี่เป็นแค่การประลองเพื่อพิสูจน์ฝีมือ ไม่ได้เป็นการต่อสู้กันจนถึงเลือดถึงเนื้อถึงชีวิตซะหน่อย...ระดับข้าเจ้ายังเกือบจะเอาชนะได้...แค่นี้เจ้าผ่านได้อยู่แล้วน่า "

         " เฮ้อ...ก็แค่ถามไว้น่ะ...เดี๋ยวก่อนนะ! ไหงแค่เกือบล่ะ คราวนั้นข้าชนะเห็นๆเลยไม่ใช่รึอย่างไร... "  ไกรโคลงหัวพร้อมกับพูดเบาๆ ก่อนจะสูดหายใจลึกอย่างเตรียมใจ และก้าวเท้าเข้าไปช้าๆ
 
        ...ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยสายตากดดันของทุกคนที่จ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว แต่กระแสของความมั่นคงและมั่นใจของไกรทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันอย่างดี และทำให้ไกรดูมีสิทธิอำนาจมากเสียจนทุกคนต่างก็ต้องหลบสายตาเขาก่อน...มีเพียงผู้มีตำแหน่งสูงที่นั่งอยู่ด้านหน้าไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังสบสายตาเขาโดยไม่ยอมหลบเลี่ยงไป...
 
        ...พวกนี้แหละ...ที่เขาต้องระวังที่สุด...


        ...ณ มุกด้านหน้าพระที่นั่ง...ด้านที่ติดกับลานประลอง...บนตำแหน่งที่เห็นสถานที่ประลองได้อย่างชัดที่สุด...

         " อย่าที่พระองค์ตรัสไว้จริงๆนะ พระพี่นาง... "  สมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพร ที่บัดนี้อยู่ในฐานะแม่ทัพใหญ่ ผู้มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบที่พระมหากษัตริย์ทุกประการถึงกับครางออกมาเบาๆอย่างทึ่งๆ ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง สมเด็จพระพี่นางพินทวดียกพัดจีนขึ้นปิดโอษฐ์พร้อมกับสรวลเบาๆ
 
        " ใช่ไหมล่ะ "
 
        " พระองค์ทรงทราบแต่แรกแล้วว่าเด็กคนนั้นจะกดดันทุกคนตั้งแต่แรก ...ได้อย่างไรกัน? "

         "...ก็ไม่ยากเกินมองออกนี่...ต่อให้พยายามปิดบังอำพรางแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อาจจะทิ้งสันดานของตัวเองได้...สันดานของราชสีห์ ...ราชสีห์ ที่ไม่ยอมถูกฝูงสุนัขไนกดดัน... "  ก่อนที่เธอจะเหลือบสายพระเนตรกลับมามองที่ทางขึ้นมุกศาลาที่อยู่ด้านหลัง พร้อมกับตรัสขึ้นเรียบๆอีกครั้ง

         " ...เช่นเดียวกับสันดานของใครบางคนที่เป็นดั่งกุมภีร์(จระเข้)...ที่สามารถนอนนิ่งเป็นขอนไม้ที่ไร้พิษภัย และกลายสภาพเป็นนักล่าผู้ชั่วร้ายได้ในพริบตาตามที่ต้องการ...ท่านว่าไหม? ท่านออกญา "

           ท่านผู้เฒ่าที่ปลีกตัวออกมาพร้อมกับเจ้าหญิงสิริจันทร และปล่อยให้ไกรเดินเข้าไปตามลำพังโดยที่ตัวเองแยกออกมาสมทบกันเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงผู้เคยเป็นศิษย์ของเขาทั้ง ๓ คน ถอนหายใจเฮือกกับคำค่อนขอดของอีกฝ่าย ก่อนจะทูลตอบกลับไปเบาๆว่า

         " ...ข้าพุทธเจ้าคือข้าพุทธเจ้า...หาได้เป็นกุมภีร์หรือเดรัจฉานอื่นแต่อย่างใด... "

         " หึๆ ดีใจที่ท่านมาร่วมชมกับเรานะ...ท่านออกญา "  พระเจ้าเอกทัศน์ที่ประทับอยู่ตรงกลางทรงสรวลและตรัสขึ้นเบาๆโดยไม่หันกลับมามอง ในขณะที่ท่านผู้เฒ่ายิ้มบางๆ พร้อมกับทรุดลงนั่งเบื้องหลังทุกคน โดยไม่มองไปที่ลานประลองด้วยซ้ำ จนเจ้าหญิงสิริจันทรถึงกับต้องมุ่นขนงอย่างประหลาดพระทัย

         " ท่านไกรกำลังจะเริ่มทำการประลองแล้วนะ...ท่านออกญา...ใจคอท่านจะ--- "

         " หน้าที่ของข้าพุทธเจ้าคืออารักขาพ่ออยู่หัวและเจ้าฟ้า...ไม่สิ...สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร  และหาตัวคนร้าย...ที่ข้าเชื่อว่าอยู่ในหมู่ข้าราชการเหล่านี้...ซึ่งเวลานี้ก็เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการสืบหาแล้ว... "

           เจ้าฟ้าอุทุมพรมุ่นขนงพร้อมกับตรัสติงออกมาเบาๆว่า

         " เวลานี้?---แต่ว่าเด็กหนุ่มคนนั้น--- "

         " เฮ้อ...อาจจะฟังดูพิลึกไปบ้าง แต่โปรดเชื่อข้าพุทธเจ้าเถอะ... "   ท่านผู้เฒ่าลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วนอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆพร้อมกับเพ่งสายตาไปที่เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรื่อนที่นั่งรายล้อมอยู่รอบลานประลองนั้น ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆอีกครั้ง  

         " เชื่อข้าพุทธเจ้าเถอะ...พวกเขา...ไม่ครณามือไกรหรอก... "

 

        ...ย้อนกลับมาที่ไกร...

         ' ...เฮ้อ...เหนื่อยเหมือนกันแฮะเนี่ย...ไอ้การปั้นหน้าแบบนี้ '  หลังจากที่เดินมาถึงกลางลานประลอง ในที่สุดไกรก็ลอบถอนหายใจเฮือก ก่อนจะรีบปั้นหน้าใหม่ให้ดูน่าเกรงขามขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะชักดาบที่เหน็บอยู่ข้างลำตัวออกมาถือคะเนน้ำหนักดูเล็กน้อย ก่อนจะหันไปที่หน้าพระที่นั่งอันเป็นที่ประทับของพ่ออยู่หัวเอกทัศน์...เจ้าฟ้าอุทุมพร...พระพี่นางพินทวดี และองค์หญิงสมเด็จเจ้าฟ้าสิริจันทร พร้อมกับก้มลงถวายบังคมจอมกษัตริย์ตรงหน้าช้าๆ อย่างเต็มไปด้วยความนอบน้อม จนแม้แต่ผู้ที่ถูกพระทัยใครยากยิ่งกว่ายากอย่างสมเด็จพระพี่นางพินทวดียังอดถึงกับต้องแย้มพระสรวลออกมาเล็กน้อยไม่ได้

         " ท่านสั่งสอนเขามาดี...ท่านออกญา "

           ท่านผู้เฒ่าได้แต่ยิ้มรับคำชมนั้นโดยไม่อาจหาช่องจะแทรกอธิบายอะไรได้ เขาจึงเสมาสบตามองที่ไกรพร้อมกับพยักหน้าให้เล็กน้อยเหมือนกับย้ำคำพูดของเขา

         ' ...ถ้าหากยึดตามที่พ่ออยู่หัวกับพระพี่นางแบ่งบทไว้ ...เมื่อรวมกับที่ท่านผู้เฒ่าย้ำก่อนเข้ามา...งานนี้ก็เอาให้น่าหมั่นไส้เต็มทีได้เลยสินะ '  เขาโคลงหัวคิดในใจเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรพอจะแย้งได้ ...ก่อนที่เขาจะจะสูดลมหายใจลึก พร้อมกับพูดขึ้นเรียบๆด้วยเสียงดังพอจะให้ทุกคนที่ล้อมอยู่ได้ยินว่า

         " เอ้า...ข้านี่แหละ...เจ้าพระยา---เจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี...นายคนใหม่เหนือเจ้ากรมมหาดเล็กทั้งหมดทั้งมวล...คนที่พวกท่านทั้งหมดกำลังพูดถึงกันอยู่...ที่จริงข้าก็พึ่งได้รับตำแหน่งอย่างกะทันหันเหมือนกัน...แต่เอาเถอะ... ข้ามีเวลาไม่มากนัก...ใครจะเข้ามาทำความรู้จักกับข้าเป็นคนแรกก็ออกมาได้เลย! "

           คำพูดอันหยิ่งทรนงและไร้ซึ่งสัมมาคารวะที่สุดไกรทำให้ทุกคนที่ล้อมอยู่ถึงกับชักสีหน้าออกมาทันที แต่ก็เกรงพระทัยพ่ออยู่หัวและเจ้าทรงกรมทั้งสามที่ประทับอยู่ จึงได้แต่หันไปมองหน้ากันเองเหมือนกับตกลงกันว่าใครจะเป็นผู้ออกไปก่อน...ในขณะที่ขุนนางระดับเจ้าพระยาคนหนึ่งที่นั่งติดกับออกพระเพชรพิไชยโน้มตัวเข้ามากระซิบเบาๆทันที
 
        " ท่านออกพระเพชรพิไชย...ท่านไม่คิดจะทำอะไรหน่อยหรือ?! อีกประเดี๋ยวท่านอาจจะต้องเรียกไอ้หนุ่่มนี่ว่า ใต้เท้า นะขอรับ! "
 
        ' ...จะบอกให้ข้ากับพวกออกไปประลองกับศิษย์คนสำคัญของท่านออกญานอกราชการน่ะหรือ...หาเรื่องใส่ตัวน่ะสิวะ! '  พระเพชรพิไชยเหลือบสายตามามองพร้อมกับคิดในใจขำๆ...เหลือบกลับมามองเหล่านายกองทหารล้อมวังใต้บังคับบัญชาที่อยู่ด้านหลังก็มีแต่คนที่รู้เช่นเห็นชาติฝีมือของไกรดีอยู่แล้ว จึงไม่มีใครคิดจะก้าวออกไปเป็นหมูลองปังตอแน่ เขาจึงได้แต่แสร้งถอนหายใจเฮือกแล้วตอบกลับไปเบาๆ
 
        " ในฐานะสหาย กระผมขอเตือนใต้เท้าไว้อย่างนะขอรับ...ถ้าไม่อยากจะเสียหน้าแบบยับเยินเพราะโดนเด็กคนนั้นถอนหงอกเข้าให้ล่ะก็ ใต้เท้าวางอุเบกขาซะเถอะ "
 
        " ท่านหมายถึง? "
 
        " รึใต้เท้ามั่นใจในฝีมือของตัวเอง และคิดจะลองดู กระผมก็คงไม่ขัด "
 
        " ท่านต้องการจะพูดอะไรกันแน่? ข้างงไปหมดแล้ว "
 
          พระเพชรพิไชยอ้าปากจะตอบกลับมาอีกครั้ง แต่ก็หุบปากลงพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น...ทหารเฒ่ายิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพยักเพยิดไปที่กลางลานประลอง และพูดขึ้นเบาๆอีกครั้ง
 
        " กระผมว่าใต้เท้าลองชมให้เห็นกับตาตัวเองดีกว่าขอรับ...โน่น...มีหมูโผล่ออกไปลองปังตอแล้วอย่างไร! "
 
 
 
       ...กลางลานประลอง...
 
        ' อื้อหือ...สำหรับคนในอดีต...ไอ้หมอนี่ตัวใหญ่ชะมัดยาดเลยวุ้ย '  ไกรมองกวาดมาที่ชายที่ก้าวมายืนตรงหน้าพร้อมกับอดคิดในใจไม่ได้...เพราะชายตรงหน้าสูงกว่าเขาที่ว่าร่างกายสูงใหญ่อยู่แล้วถึงเกือบ ๒๐ เซนติเมตร ร่างกายกำยำยิ่งกว่านักกล้ามในยุคปัจจุบันเสียอีก...พวกเขาใช้สายตาสำรวจกันและกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายคนนั้นจะคำรามออกมาว่า
 
        " ข้าคือนายพลพัน หุ้มแพร...ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เวรฤทธิ์...สังกัดจมื่นไวยวรนารถ...ถ้าหากคำสั่งโปรดเกล้าไม่เปลี่ยนแปลง อีกประเดี๋ยวข้าก็ต้องยกมือไหว้ท่าน...ดังนั้นเวลานี้ข้าต้องขอคำชี้แนะจากท่านแล้ว "
 
        " ข้าจะจำชื่อท่านไว้...นายพลพัน...เชิญ "
 
 
         ไกรกล่าวยิ้มๆ พร้อมกับผายมือเล็กน้อยโดยที่ยังอยู่ในท่าทีสบายๆ ถึงกับไม่แม้แต่จะตั้งดาบขึ้นมาป้องกันด้วยซ้ำ นั่นทำให้ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่อยู่ในตำแหน่งนายพลพัน หุ้มแพรถึงกับขมวดคิ้ว เพราะมันดูราวกับว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ...
 
 
 
        " ขอลบรอยยิ้มกวนประสาทออกจากหน้าทารกนี่หน่อยก็แล้วกัน! "  ชายหนุ่มคำรามลั่นพร้อมกับควงดาบพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง...แต่การพุ่งเข้ามาแบบตรงๆโดยอาศัยความเร็วและลูกบ้าอย่างเดียว โดยไม่มีการพลิกแพลงใดๆเลยกลับเข้าทางไกรที่คาดการณ์เอาไว้แล้วอย่างที่สุด...
 
 
 
          ไกรตอบโต้การโถมแทงสุดตัวนี้ด้วยการเพียงแค่ก้าวเท้าข้างหนึ่งถอยหลัง เบี่ยงร่างหลบไปจากเดิมเพียงไม่กี่องศาเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ดาบตรงหน้าพลาดเป้าไปอย่างง่ายๆ...แต่การโต้ตอบของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่การหลบ เพราะทันทีที่การโถมแทงนั้นพลาดเป้า และร่างของนายพลพันถลำเข้ามา หมัดขวาข้างที่ไม่ได้ถือดาบอยู่ก็ชกพรวดเข้าเต็มๆปลายคางของอีกฝ่ายอย่างแรง...ด้วยน้ำหนักของหมัด เมื่อบวกกับน้ำหนักและความเร็วในการพุ่งเข้ามาของนายพลพัน ทำให้หมัดที่เข้าตรงจุดสำคัญหมัดนี้ ส่งผลเต็มประสิทธิภาพอย่างที่สุด!...ดับสติสัมปชัญญะของหมูที่หาญกล้าเข้ามาลองปังตอเล่มนี้ไปโดยสิ้นเชิง!!
 
 
 
           ผัวะ! ตุ้บบบ!!
 
 
 
           ร่างอันใหญ่โตของนายพลพัน หุ้มแพร...นายทหารทหาดเล็กมีตำแหน่งคนนี้ถึงกับร่วงถลาเป็นนกปีกหัก...ล้มกลิ้งลงไปนอนวัดพื้นชนิดนับถึง ๑๐ ก็ไม่อาจลุกขึ้นมาได้อย่างแน่นอน...ผลของการประลองที่ปรากฏออกมาอย่างรวดเร็วจนน่าใจหายนี้สะกดทุกสายตาที่ล้อมรอบอยู่ให้เงียบกริบอย่างชะงัด...ไม้เว้นแม้แต่ท่านผู้เฒ่าที่ขนาดรู้เช่นเห็นชาติในฝีมือกันดีอยู่แล้วยังถึงกับต้องเบิกตาค้าง...ในขณะที่อดีตจอมดาบอัจฉริยะอย่างพ่ออยู่หัวเอกทัศน์ถึงกับกำพระหัตถ์แน่นพร้อมกับเนตรที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีขาวถึงกับลุกวาว!
 
 
 
          ' เชิงดาบของไกรต่างไปจากเดิม...ทั้งๆที่ไม่ใช้ดาบสองมือแท้ๆ... '  ท่านผู้เฒ่าที่ยืนมองอยู่จากมุกหน้าพระที่นั่งขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับคิดในใจ  ' ...ไอ้เด็กนี่...พัฒนาเชิงดาบจากวิชาดาบของพวกเราไปกี่ขั้นกันแน่เนี่ย? '
 
          " ถ...ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเขาเก่ง...แต่...ไม่นึกว่าจะจบลงภายในครั้งเดียวเช่นนี้...ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง "  เจ้าฟ้าอุทุมพร...หรือถ้าจะพูดให้ถูก ตอนนี้คือสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรถึงกับครางออกมาเบาๆ ...ในขณะที่สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ที่รู้ในเชิงดาบและการต่อสู้มากกว่าตรัสไขข้อสงสัยเรียบๆว่า
 
          " ...เดิมทีแล้วเหล่าทหารมหาดเล็กก็เป็นลูกหลานขุนนางที่ถวายตัวเข้ามาเท่านั้น...ต่อให้ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่เคยเจอการต่อสู้ที่แท้จริงเลย...ทั้งอีกฝ่ายยังถูกอิทธิพลของไกรกดดันไว้โดยไม่รู้ตัวจนไม่สามารถแสดงฝีมือที่แท้จริงได้อีก...แต่ว่า...น่าเสียดาย...น่าเสียดายจริงๆ "  ประโยคหลังพระองค์ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงที่เบาลง ราวกับรำพึงกับตัวพระองค์เอง จนผู้เป็นพระอนุชาต้องหันมาตรัสทวนคำถามเบาๆ
 
          " น่าเสียดาย? "
 
          " ถ้าหากข้าเกิดช้าลง...หรือเด็กหนุ่มนี่เกิดเร็วกว่านี้ซัก ๑๕ ขวบปี...ข้าคงจะกระโดดลงไปกลางลานประลอง...เช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าเสือ ผู้เป็นพระอัยกา(ปู่)ของพวกเราเคยทำไปแล้วเป็นแน่! "
 
 
 
         ...โดนปรกติแล้วหากไม่ได้ใช้ดาบสองมือจนกระทั่งโดนกระแสดาบครอบงำจนคลั่งไป ไกรมักจะประเมินคู่ต่อสู้ไว้สูงกว่าความเป็นจริงเสมอ...นั่นทำให้เขาไม่เคยประมาทคู่ต่อสู้เลยแม้แต่น้อย และทำให้เขาเอาชนะโดยไม่แสดงฝีมือทิ้งห่างมาโดยตลอด...แต่เพราะคำของร้องแกมบังคับของท่านผู้เฒ่าและเชื้อพระวงศ์ท่านอื่นๆ ทำให้ไกรเลือกที่จะเปลี่ยนแนวดาบของตนเป็นครั้งแรก เพื่อกดดันและสร้างจุดสนใจแก่ทุกคน...เขาเลือกที่จะแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาตั้งแต่เริ่มโดยทันที...
 
 
 
          " อืม...เจ็บเหมือนกันแฮะ...ไอ้หมอนี่ กระดูกแข็งชะมัดเลย "  ไกรบ่นเบาๆ พร้อมกับสะบัดมือข้างที่ชกเข้าเต็มกรามของอีกฝ่ายเล็กน้อย...ทั้งๆที่เขาจะฟันอีกฝ่ายด้วยสันดสบ หรือแม้แต่ด้วยคมดาบไปเลยก็ได้แท้ๆ...แต่เพราะเขาอยู่ในยุคที่มีอารยธรรมและความผิดชอบชั่วดีที่สูงเกินกว่าจะทำร้ายใครอย่างรุนแรงจนไม่อาจฟื้นสภาพได้ การน๊อคอีกฝ่ายด้วยหมัดจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เขาคิดได้ในวินาทีนั้นแล้ว
 
             ถึงแม้ว่าจะเป็นการจบการต่อสู้แบบมีน้ำใจเพราะไม่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส แต่ความรวดเร็วของการประลองมันทำเหล่าขุนนางทุกคนถึงกับต้องประเมิน เจ้าพระยา  หนุ่มตรงหน้าใหม่อีกครั้งหนึ่งอยางครั่นคร้ามมากขึ้น...จนกระทั่งกลายเป็นเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นผู้ที่ออกมา ทดสอบฝีมือ  เป็นรายต่อไป...ซึ่งไกรเองก็ยืนรอคอยอย่างใจเย็นโดยไม่ได้สร้างแรงกดดันอะไรเพิ่มไปมากกว่าเดิม...จนกระทั่งในที่สุด...ชายหนุ่มที่อยู่ในแถวของเหล่าทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์นายหนึ่งก็ค่อยๆลุกขึ้น และเดินมายืนตรงหน้าไกรอย่างช้าๆ
 
           ' มุสลิม?...งั้นเหรอ? '  ไกรใช้สายตาสำรวจอีกฝ่ายพร้อมกับคิดในใจอย่างไม่แน่ใจนัก เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้จักการแต่งกายของชาวมุสลิมโบราณนัก หรือให้พูดตามตรงเขาไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่ามีชาวมุสลิมกินยศเป็นมหาดเล็กชั้นหลวงเช่นนี้...ที่คาดเดามาก็คาดเดาจากลักษณะของหนวดเคราและใบหน้าที่ออกเป็นแขกของอีกฝ่ายเท่านั้น
 
           " ข้า...ไม่สิ...กระผมชื่อ มะฮฺมูด (มะ-หะ-หมุด)...กินยศหลวงศักดิ์นายเวร ...เวรศักดิ์....สังกัดจมื่นสรรพเพธภักดี...กระผมมิได้ติดเรื่องที่ใต้เท้าจะมาเป็นนายเหนือหัวกระผมหรือจมื่น...แต่กระผมเองก็เป็นนักดาบเช่นเดียวกัน...ซึ่งวิชาดาบที่ไม่มีใครเคยพบมาก่อน มันกวนใจกระผมอยู่ไม่น้อย...หากไม่เป็นการบังอาจจนเกินไป...ขอให้ใต้เท้าชี้แนะซักกระบวนท่าเถอะขอรับ  "  หลวงศักดิ์นายเวชชาวมุสลิมผู้นี้พูดกับเขาอย่างนอบน้อม ต่างจากน้ำเสียงกระด้างของนายพลพัน หุ้มแพร...คู่ต่อสู้คนแรกของเขาโดยสิ้นเชิง เหมือนกับแสดงความจริงใจว่าเขาหมายความตามที่พูดจริงๆ ก่อนที่เขาจะชักดาบยาวโค้งที่มีลักษณะคล้ายกับดาบดามัสกัสของพวกอาหรับขึ้นมาควงด้วยมือเดียวช้าๆ  ในขณะที่ไกรก็ยิ้มบางๆพร้อมกับที่คราวนี้เขายกดาบขึ้นมาตั้งท่า ก่อนจะพยักหน้าให้สัญญาณเบาๆทันที
 
            " อย่างนั้นการประลองนี่ก็ถือซะว่าเป็นการทำความรู้จักกันก็แล้วกัน...เชิญ ท่านหลวงศักดิ์นายเวร "
 
              สิ้นสัญญาณเริ่มการประลอง ไกรก็ยกดาบขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของดาบดามัสกัสที่ควรจะเร็วกว่าดาบทั่วๆไปทันที...แต่คราวนี้เขาต้องเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจเล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายกลับไม่ได้ใช้ความเร็วของดาบให้เป็นประโยชน์ด้วยการเริ่มโจมตีเข้ามาก่อนตามที่เขาคิดไว้แต่อย่างใด...หลวงศักดิ์กลับค่อยๆสืบเท้าไปรอบๆอย่างช้าๆ โดยใช้สายตาคมจับจ้องมาที่ทุกๆการเคลือนไหวของไกร โดยไม่ยอมให้การเคลื่อนไหวใดๆแม้เพียงเล็กน้อยของเขาหลุดรอดสายตาเลยแม้แต่น้อย...
 
            ' หืม?...ไอ้เชิงดาบแบบนี้...อย่าบอกนะว่า? '  ไกรเอียงคอพร้อมกับคิดในใจเล็กน้อย กับท่าทีของอีกฝ่าย...ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นพิสูจน์สมมติฐานของตัวเองด้วยการสืบเท้า และฟันดาบในมือใส่อีกฝ่ายทันที
 
             เคร้ง!  เคร้ง!!
 
             หลวงศักดิ์นายเวรชาวมุสลิมผู้นี้ตวัดดาบดามัสกัสในมือด้านขวาเพื่อสกัดการจู่โจมของไกรอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ดาบเล่มนั้นจะม้วนตวัดพุ่งเข้าใส่ไกรอย่างรวดเร็วราวกับอสรพิษที่พุ่งเข้าหาเหยื่อ ขนาดไกรเตรียมตัวรับสถานการณ์อยู่แล้วยังถึงกับต้องใจหายวาบกับความเร็วอันน่าตกใจของอีกฝ่าย ก่อนรีบจะก้มหัวลงหลบคมดาบของอีกฝ่ายได้แบบฉิวเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปด ชนิดที่ปอยผมเสี้ยวหนึ่งของเขาถึงกับหลุดปลิวคิดคมดาบนั้นไปเลยทีเดียว!
 
            " เวร! "  ไกรถึงกับสบถออกมาเบาๆ ในขณะที่เมื่อเห็นว่าการโจมตีแบบทีเผลอไม่ได้ผล หลวงศักดิ์นายเวรก็หดดาบกลับมาตั้งท่าเตรียมพร้อมเช่นเดิม พร้อมกับขยับยิ้มมุมปากบางๆ
 
            " โปรดระวังดัวย ใต้เท้า...คมดาบไม่มีตา...และในฐานะนักดาบ...ข้าก็ไม่คิดจะออมมือให้ท่านด้วย... "
 
            " ตอนนี้ยังพูดได้ก็พูดไป... "  ไกรแยกเขี้ยวตอบกลับไปเบาๆ พร้อมกับวิเคราะห์รูปแบบของอีกฝ่ายทันที
 
            ' สายเคาน์เตอร์แอทแทค (โจมตีสวนการโจมตี)...เฮ้อ! ....สายกวนโมโหชัดๆ '  เขาคิดในใจเล็กน้อยพร้อมกับทดลองฟันดาบใส่อีกฝ่าย โดยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำมากยิ่งขึ้นทุกครั้งที่โจมตี...แต่ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม เพราะหลวงศักดิ์นายเวรผู้นี้ก็ปัดป้องและสวนกลับการโจมตีของเขาได้ทุกครั้ง...แถมอีกฝ่ายยังมีพรสวรรค์ในกระบวนดาบสายนี้อย่างเหลือเชื่อ เพราะขนาดไกรใช้ความเร็วและระดับความแม่นยำสูงสุดแท่าที่เขาทำได้แล้ว ก็ยังโดนอีกฝ่ายปัดป้องและสวนกลับมาจนได้ซะอย่างงั้น!
 
            ' กวนโมโหเป็นบ้าเลยวุ้ย... '  ไกรถึงกับต้องก้มลงม้วนตัวหลบดาบที่แทงเข้ามากลางลำตัวของเขา พร้อมกับคิดในใจอย่างหงุดหงิด...ยิ่งการปัดป้องที่สมบูรณ์แบบของอีกฝ่ายดันไปคล้ายกับนักดาบที่เขารู้จักเป็นอย่างดีคนหนึ่งเข้าอย่างกับแกะ แค่คิดเขาก็ยิ่งปรี๊ดแตกจนแทบจะรักษาความใจเย็นไว้ไม่ได้เลยทีเดียว...
 
            ' ไอ้ท่าทีแบบนี้...กระบวนท่าแบบนี้...ต่อให้ไม่อยากนึกถึงก็ยังอดนึกถึงไม่ได้จริงๆ...นี่มันแนวกระบวนดาบของครูมืด...บิดาคู่รักคู่แค้นของเขาชัดๆ !! '  ไกรกัดฟันกรอดพร้อมกับหวนรำลึกถึงอดีตอันไม่น่าพิศมัยอย่างรวดเร็ว
 
          ...เพราะด้วยความเป็นอัจฉริยะในเชิงดาบ ทำให้สามารถก้าวขึ้นเทียบชั้นผู้เป็นอาจารย์สอนวิชากระบวนดาบและกระบี่กระบองของเขาอย่างครูมืดผู้เป็นบิดาได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสู้กับครูมืดได้อย่างสูสีในวัยเพียง ๑๕ - ๑๖ เท่านั้น...และเมื่อเข้าถึงปีที่ ๑๗ ...ไกรก็สามารถเอาชนะผู้เป็นบิดาของตัวเองได้ในที่สุด...
 
          ...แต่ด้วยฐานะทั้งพ่อ ทั้งอาจารย์ และทั้งนักดาบคนหนึ่ง...ครูมืดไม่อาจนิ่งเฉยปล่อยให้ลูกชายของเขาเองก้าวผ่านไปได้...ในที่สุดกระบวนดาบสายตั้งรับและสวนการโจมตี (Counter attack) ก็ถูกใช้เพื่อปราบคลื่นลูกใหม่อย่างไกรทันที...และกระบวนดาบนี้ ก็เป็นกระบวนดาบที่เป็นเหมือนหนามยอกอก สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับไกร และทำให้ไกรไม่อาจเอาชนะครูมืดได้อีกเลยไปถึงเกือบ ๒ ปีเลยทีเดียว!!...
 
             ไกรแสยะยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงอดีต ก่อนที่เขาจะค่อยๆสืบเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆอีกครั้ง พร้อมกับสบสายตาของคู่ประลองนิ่ง ก่อนที่ชั่วเสี้ยววินาทีต่อมาเขาจะตวาดดังลั่น พร้อมกับวาดดาบฟันหมายสะพายแล่งของอีกฝ่ายเต็มแรงทันที!
 
            ' เสร็จข้าล่ะ! รักษาความเยือกเย็นไว้ไม่ได้ จนผลีผลามจู่โจมเข้ามาอย่างโง่เง่าแล้ว! '  หลวงศักดิ์นายเวรแสยะยิ้มกว้างอย่างสมคะเน ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดปัดดาบที่หมายปิดบัญชีของเจ้าพระยาหนุ่มตรงหน้าให้เป๋ออกไป จนอีกฝ่ายที่ทุ่มเต็มกำลังเสียหลัก เปิดสีข้างออกมาเป็นเป้าให้เขาอย่างชัดเจน....อาศัยความได้เปรียบของดาบที่เบาและรูปทรงที่เรียวบางกว่า เพียงเสี้ยววินาทีเดียวปลายของดาบดามัสกัสชั้นสูงในมือของเขาก็ตวัดวูบ หมายเลาะซี่โครงของเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดีตรงหน้าทันที! 
 
              แต่ก่อนที่ดาบจะได้ทันดื่มเลือดของอีกฝ่าย...ชายหนุ่มผู้มากด้วยปริศนาผู้นั้นกลับใช้แรงส่งของการปัดป้องของเขา ส่งให้พลิกตัววูบและตวัดดาบลงมาปัดดาบดามัสกัสของเขาได้ในพริบตา ด้วยน้ำหนักดาบที่หนักหน่วงจนเกินกว่าที่เขา และดาบเล่มเรียวบางนี้จะต้านทานได้...ในจังหวะนั้น หลวงฤทธิ์นายเวร...นายทหารมหาดเล็กชาวมุสลิมผู้นี้มีทางเลือกแค่ ๒ ทางเท่านั้น คือยอมปล่อยดาบให้หลุดจากมือ...หรือไม่ก็ใช้มืออีกด้านพุ่งเข้ามากุมดาบไว้ และปล่อยให้ตัวเองลอยไปตามแรงปะทัครั้งนี้....
 
             ในที่สุด...หลวงศักดิ์ผู้นี้ก็ยึดถือคติยอมตายไม่ยอมทิ้งดาบ...เขาใช้มืออีกข้างกุมมือที่จับด้ามดาบไว้โดยไม่ยอมปล่อยให้หลดมือ แต่แรงปะทะก็มีมากจนกระทั่งเขาต้องหมุนตัวเพื่อผ่อนแรง ...ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นการตัดสินใจที่โง่เง่าที่สุดก็ตามที
 
             ชิ้ง!
 
             วินาทีที่หลวงศักดิ์นายเวรหยุดดาบในมือลงได้...ดาบในมือของไกรก็วางพาดเข้าที่คอด้านหลังของนายทหารมหาดเล็กผู้นี้แล้ว!
 
            " หึๆ...ถ้ากระผมเดาไม่ผิด...การเปิดสีข้างนั่นก็เป็นแผนของใต้เท้าด้วยอย่างนั้นสินะขอรับ? "  หลวงศักด์นายเวรนามว่ามะฮฺมูดหลับตาลงพร้อมกับถามพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ โดยไม่มีท่าทีเจ็บใจที่ตนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เลยด้วยซ้ำ...ในขณะที่ไกรระบายลมออกจากปอดยาว ก่อนจะตอบรับเบาๆว่า
 
            " ถูกต้องแล้ว...อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องเดาสุ่มว่าเจ้าจะสวนกลับการโจมตีตรงไหน แต่รอป้องกันตรงสีข้างที่ข้าแกล้งเปิดไว้เลย "
 
             " คำนวณ...ดักทางข้าไว้หมดทกทางแล้วหรือขอรับ? "
 
             " ก็...อาจจะอาศัยโชคและประสบการณ์นิดหน่อย...แต่เชื่อข้าเถอะ...เมื่อครู่ท่านจะกุมดาบไว้หรือจะปล่อยดาบทิ้ง ผลมันก็ออกมาเช่นเดิมนั่นแหละ "
 
            " แปลว่าคนที่ประมาท และถูกดักทางได้เป็นข้าเองสินะ...ต้องขอบพระคุณใต้เท้ามากจริงๆ...มะฮฺมูดผู้นี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว... "  หลวงศักดิ์นายเวรหันกลับมาพร้อมกับโค้งหัวให้กับไกรเป็นเชิงเคารพและของคุณโดยไม่มีท่าทีเสแสร้งเลยแม้แต่น้อย...นั่นทำให้ไกรยอมถอนดาบออกจากคอของอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มบางๆ...ในขณะที่เหล่าขุนนางที่ล้อมอยู่ถึงกับต้องเงียบกริบทันที
 
              ไกรลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น เพราะถ้าหากไม่ได้ประสบการณ์ที่เขาเคยใช้วิธีนี้แก้ลำครูมืดผู้เป็นบิดาเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทหารมหาดเล็กยศหลวงชาวมุสลิมผู้นี้ก็คงจะเป็นคู่ปรับที่ฉกาจฉกรรจ์ไม่น้อยเลยทีเดียว...ซึ่งถ้าหากจะให้พูดกันตรงๆ งานนี้เขาชนะด้วยโชคและประสบการณ์ล้วนๆเลยก็ว่าได้...เขาแตะไหล่หลวงศักดิ์นายเวรนามว่ามะฮฺมูดผู้นี้เล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอบๆด้วยสายตาอันคมกริบ เพื่อใช้โอกาสนี้สร้างแรงกดดันเพิ่มทันที
 
            ' ถ้ามองในแง่ของคนเล่นดาบล่ะก็ กระบวนดาบแบบนี้ก็น่าจะเป็นกระกระบวนดาบที่รับมือได้ยากที่สุด และคุณหลวงแขกผู้นี้ก็น่าจะเป็นนักดาบที่เก่งเป็นอันดับต้นๆ...คงจะ...จบแล้วล่ะมั้ง? '   ไกรคิดในใจอย่างมีความหวัง ...และยิ่งเวลาผ่านไป สิ่งที่เขาหวังก็เริ่มมองเห็นเค้าลางแห่งความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ...เพราะเหล่าขุนนางทุกคนที่อยู่ล้อมรอบลานประลองนี้เริ่มหันไปมองหน้ากันเอง...ด้วยการจำนนต่อเหตุผลที่ว่า ต่อให้ไร้ที่มาและหัวนอนปลายเท้า...แต่ถ้าหากไกรมีฝีมืออยู่ในระดับนี้ หรือมากกว่านี้จริง เขาก็มีความสามารถมากพอจะปกป้องพ่ออยู่หัว...มีศักดิ์และสิทธิ์เพียงพอจะที่จะรับตำแหน่งเจ้าพระยาผู้เป็นหัวหน้ามหาดเล็กทั้งมวลได้แล้ว...ในขณะที่คนที่ไม่อยากจะยอมรับก็พากันหลบสายตาเขาทันที เพราะคงจะไม่มีความสามารถเพียงพอจะล้มเขาได้แน่ๆ
 
             แต่ไกรก็ดีใจได้อีกเพียงแป๊ปเดียวเท่านั้น เพราะในที่สุด ชายวัยใกล้ปลดเกษียณผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าสุด...ชายเพียงไม่กี่คนที่มีตบะบารมีมากพอจะไม่ถูกไกรกดดันตั้งแต่แรกก็ถอหายใจเฮือกพร้อมกับค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ...การเคลื่อนไหวของชายผู้นี้ทำให้พระเจ้าอุทุมพรและพระเจ้าเอกทัศน์ถึงกับเลิกขนงพร้อมกับประทับตัวตรงขึ้นทันที
 
            " ...ท่านเจ้าพระยาจักรี ศรีองครักษ์ "
 
            " หืม? พุทธเจ้าข้า? "  ท่านผู้เฒ่าที่กำลังกวาดสายตากราดมองเหล่าขุนนางไปเรื่อยๆ ก็เลิกคิ้วและหันกลับมาช้าๆ เพราะนึกว่ามีใครเรียกเขา แต่พระพี่นางที่ประทับชมการประลองอยู่ใกล้ๆก็ส่ายหน้าช้าๆ
 
            " ทั้งสองพระองค์ไม่ได้เรียกท่าน...ท่านออกญา...แต่เป็นชายผู้ยืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มผู้นั้นต่างหากล่ะ "
 
            " หา?...ตกลงคู่ประลองคนต่อไปเป็นเจ้าพระยาจักรีเฒ่าผู้นี้นะหรือ?! "
 
 
 
 
 
 ..........................................
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา