ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
42) ...ตอนที่ ๑๑ ...หน่วยคเณศร์เสียงา...(๑)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
================================================
...เจ้าพระยาจักรี ศรีองครักษ์...ผู้อยู่ในตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรือน เป็นชายวัยเกษียณร่างเล็กที่อาจจะสูงเพียงแค่คาง หรือให้เต็มที่ก็อาจจะสูงเพียงแค่ปลายจมูกของชายร่างสูงอย่างไกรเท่านั้น...แต่ภายในร่างเล็กๆและผมที่เริ่มแซมสีดอกเลา และท่าทีสุขุมภีรภาพนี้...จอมขุนนางที่ล่วงเลยเข้าสู่วัยชรากลับแฝงไว้ด้วยจิตคุกคามอันแหลมคมที่ไม่อาจจะประมาทได้...มันเหมือนกับดาบชั้นหนึ่งที่อยู่ในฝัก...ที่ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่ก็พร้อมจะถูกชักออกมาฟาดฟันได้ทุกเวลา...เมื่อเขาเอามือทั้งสองไพล่หลัง และก้าวขึ้นสู่สนามประลองวงกลมที่ไกรยืนอยู่...สัญชาตญาณของไกรก็สั่งให้เขาขยับทันที!...
ชิ้ง!
ไกรรีบยกดาบที่เคยถือทิ้งปลายข้างลำตัวอย่างสบายๆ ขึ้นมากันไว้ในท่าเตรียมพร้อมรบเต็มขั้น พร้อมกับถอยหลังกลับไปก้าวนึงเพื่อเตรียมพร้อมเต็มที่...ซึ่งท่าเตรียมนี้...ตั้งแต่ที่เขาถูกพลังบางอย่างส่งย้อนอดีตกลับมา ไกรเคยต้องใช้เพียงครั้งเดียว...คือตอนที่ประมือกับท่านผู้เฒ่าเป็นครั้งแรกที่ดาดฟ้าหอคอยหมู่บ้านยุคันตวาตเท่านั้น!...
ดวงตาอันคมกริบที่ไร้วี่แววของรอยฝ้าฟางของเจ้าพระยาเฒ่า เหม่อมองมาที่ชายหนุ่มตรงหน้า โดยที่ไม่ได้ตั้งท่าเตรียมอะไร...ก่อนที่ชั่วครู่หนึ่ง ริมฝีปากที่เรียบบางจนเกือบจะเป็นเส้นตรงของเขาจะขยับกระตุก กลายเป็นรอยยิ้มบางๆ...ก่อนในที่สุด เจ้าพระยาผู้นี้จะหัวเราะออกมาเบาๆ...ท่ามกลางความประหลาดใจของไกร และเหล่าขุนนางทุกคนที่ล้อมรอบลานประลองอยู่...อัครมหาเสนาบดีเฒ่าหัวเราะอยู่ซักพักหนึ่ง เขาก็พูดขึ้นเบาๆว่า
" ...อย่าปริวิตกไปเลย...ใต้เท้า...กระผมมิได้ออกมาเพื่อประลองเชิงใดๆกับใต้เท้าหรอก "
' ต...ใต้เท้า...งั้นเหรอ? ' ไกรขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างประเมินท่าทีของอีกฝ่าย...ถึงเขาจะไม่ค่อยแน่ใจนักเกี่ยวกับสรรพนาม แต่คำที่เรียกเขาอย่างนับถือเช่นนี้ก็สร้างความคิดในแง่บวกเพิ่ม จนทำให้เขาใจชื้นขึ้นไม่ใช่น้อยๆ
" ใต้เท้า...เอ่อ... "
" อ้อ...กระผมลืมแนะนำตัวไป...กระผมมีนามว่าครุฑ...กินยศออกพระยาจักรี ศรีองครักษ์ อัครมหาเสนาบดีน่ะ "
" ท...ท่านออกญาจักรี? " ไกรที่พึ่งรู้ว่าบุคคตรงหน้ามีความสำคัญขนาดไหนถึงกับครางออกมาเบาๆ แต่เจ้าพระยาจักรีโบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องคิดมากพร้อมกับพูดเบาๆอีกครั้ง
" เรียกกระผมว่า ใต้เท้า ตามเดิมเถอะ...อย่างไรเสียใต้เท้าก็มียศเท่าเทียมกับกระผมแล้ว " ออกญาจักรีพูดเบาๆ ด้วยคำพูดที่เหมือนเป็นเชิงว่าเขายอมรับไกรแล้ว ในขณะที่ไกรเลิกคิ้วพร้อมกับลดดาบลง และถามกลับไปเบาๆว่า
" ...แปลว่า ต...ใต้เท้า ยอมรับกระผมแล้วอย่างนั้นหรือครับ? "
อัครมหาเสนาบดีเฒ่าเหลือบมองไปที่ดาบที่กลับไปถืออย่างสบายๆข้างลำตัวของเด็กหนุ่ม เล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกและหัวเราะเบาๆ เหมือนกับหัวเราะใส่ตัวเอง
" เฮ้อ...ให้ตกนรกสิ...ถ้าข้าอ่อนเยาว์กว่านี้สัก ๓๐ ขวบปี...และไม่มีตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรือนคอยค้ำคออยู่ กระผมก็คงจะกระโดดเข้ามาท้าประลองกับใต้เท้าในฐานะนักดาบคนหนึ่งแล้ว...จนใจที่กระผมมันแก่แล้ว อีกทั้งถ้าหากประลองแล้วเกิดแพ้ก็จะขายขี้หน้าบรรดาศักดิ์ออกญาจักรีเสียเปล่าๆ...เพราะฉะนั้น...ถึงจะน่าเสียดาย แต่เรื่องประลองนี่ ขอผ่านดีกว่า "
ไกรลอบถอนหายใจเล็กน้อยอย่างยินดี...เพราะถ้าหากสัญชาตญาณของเขาไม่โกหกตัวเขาเอง ท่านออกญาตรงหน้าผู้นี้อาจจะแข็งแกร่งพอๆกับท่านผู้เฒ่าที่ไม่ได้ถือดาบฟ้าฟื้นอยู่เลยก็ได้ ถึงแม้ว่าจะล่วงเลยเข้าสู่วัยชราเช่นนี้ก็ตาม
" ถ้าอย่างนั้น... "
" เอาเถอะ... " ออกญาจักรีครุฑครางออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆและพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังพอจะได้ยินไปทั่วว่า " ข้าขอประกาศให้กับทุกท่าน ณ ที่แห่งนี้ ว่าข้าให้การสนับสนุนท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี ...ราชองครักษ์ผู้อยู่เหนือเหล่าทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ทั้งหมดทั้งมวล...เขาถือเป็นพรรคพวกของข้า...และของเราทุกคนแล้ว!!... "
ถึงจะยังมีผู้ที่ไม่ยอมรับในการที่เด็กหนุ่มอย่างไกรจะขึ้นมากินยศเจ้าพระยา โดยข้ามหัวใครหลายๆคนในที่นี้ไปอยู่ไม่ใช่น้อยๆก็ตามที...แต่คำที่เป็นเหมือนคำรับรองของอัครมหาเสนาบดีผู้เป็นเหมือนหัวหน้าของเหล่าข้าราชการฝ่ายพลเรือนทั้งหมดนี้ เป็นเสมือนประกาศิตที่ปิดปากทุกคนไว้อย่างมิดชิด...มีบางคนที่หันไปมองขุนนางในเครื่องทรงภูมิฐานเท่าๆกับออกญาจักรีตรงหน้าอีกคนหนึ่งที่ไกรเดาว่าน่าจะดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายกลาโหม...เจ้าพระยามหาเสนา ...ซึ่งเป็นผู้เดียวที่จะสามารถคัดง้างคำพูดของเจ้าพระยาจักรีได้ ...แต่เจ้าพระยามหาเสนาผู้นี้ก็ยังคงนั่งกอดอกยิ้มๆอยู่เช่นเดิม เหมือนกับจะบอกทุกคนว่าตนวางอุเบกขาโดยไม่ขอเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้...ในขณะที่พ่ออยู่หัวเอกทัศน์และแม่ทัพใหญ่พระเจ้าอุทุมพรก็คงไม่ขัดข้องกับหัวหน้าราชองครักษ์คนใหม่นี้แน่นอนอยู่แล้ว...
...นั่นทำให้ตำแหน่งเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี เป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดขึ้นที่สุด!...
" เฮ้อ...ขอบ...ขอบพระคุณท่านมากนะขอรับ...ใต้เท้า " ไกรลอบถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก เพราะนึกไม่ถึงว่าการพิสูจน์คุณค่าของตำแหน่ง เจ้าพระยาพิทักษ์รราชภักดี จะจบลงด้วยการประลองแค่ ๒ คนเท่านั้น(ถึงคนแรกจะไม่อยากจะนับเท่าไหร่ก็เถอะ)...
" อ่ะๆ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น...ตัวกระผมเองก็มีข้อแม้เล็กน้อย "
' นั่นปะไร...กะอยู่แล้วว่ามันง่ายแบบแปลกๆ ' ไกรเกาหัวแกรกๆ แทบจะหยุดยิ้มลงทันที ในขณะที่อัครมหาเสนบดีเฒ่ายิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาพูดกับไกรเบาๆว่า
" ถือว่าเป็นคำขอของกระผมก็ได้นะ...ท่านเจ้าพระยา...แต่ช่วยดัดนิสัยลูกชายตัวดีกระผมทีเถอะ "
" ลูกชาย...หรือขอรับ? "
" ก็...ถ้าโดยหลักการแล้ว...ใช่... "
ระหว่างที่ไกรยังยืนทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกอยู่นั้น ที่แถวที่นั่งด้านหลังสุดของแถวออกญาจักรี ก็ปรากฎเด็กหนุ่มผมยาวรูปร่างล่ำสันคนนึงที่สะพายดาบ ๒ เล่มไว้ที่ด้านหลัง เขาลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วนพร้อมกับตะโกนเสียงดังก้อง
" ข้าขอคัดค้านคำประกาศของท่านพ่อ...เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์...และขอใช้สิทธิแห่งขุนนาง ท้าประลองกับท่าน...ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี!! "
คำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้น ทำให้ไกรหันกลับมามองหน้าเจ้าพระยาจักรีครุฑด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อทันที
' ไอ้เฒ่า...สารพัดพิษเอ้ย!! '
.............................................
...ย้อนกลับมาที่กระท่อมตีศาสตราของยูกิโอะ...หมู่บ้านยุคันตวาต...
อนาสตาเซีย...มือสังหารผู้ถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของเหล่ามือสังหารทั้งหมด...ไม่ใช่เพราะเธอเป็นบุตรีบุญธรรมของผู้นำสูงสุดของหมู่บ้าน หรือเพราะเธอเป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุด เพราะมีมือสังหารหลายคนที่เก่งกาจกว่าเธอ...แต่ที่เธอยังอยู่ในอันดับหนึ่งเป็นเพราะเหตุผลเดียวเท่านั้น...คือเธอสามารถใช้ดาบ นาคราช ของเธอ สังหารเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และเฉียบขาดที่สุดต่างหาก...
...แต่กับผู้ที่ดื้อด้านสังหารไม่ตายเช่นนี้...มันเป็นอีกเรื่องนึงเลย...
" ฮึ่ม...น่าอิจฉาเสียจริง...ในขณะที่ข้าได้แต่กวัดแกว่งดาบไปตามกระแสของดาบ...เจ้ากลับดึงความสามารถของดาบที่อยู่ในมือออกมาได้อย่างเต็มที่...น่าอิจฉาจริงๆ "
ยูกิโอะเอียงคอพูดขึ้นเบาๆ ทั้งๆที่เธอถูก นาคราช ในมือของอนาสตาเซียสะบัดโถมแทงเข้าจุดตายบนร่างกายจนนับแผลไม่ได้ แต่เธอกลับยังไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อย...ทั้งๆที่คนที่ครอบครองความเป็นอมตะเหมือนกันอย่างพ่อบุญธรรมของเธอ ถ้าหากโดนเข้าจุดตายก็ยังต้องชะงักไปหลายนาทีแท้ๆ
' ถ้าความอมตะมีชั้นมีอันดับล่ะก็ รูปแบบความอมตะของยูกิโอะก็คงจะเหนือกว่าท่านพ่อบุญธรรมของเธอหลายขุมทีเดียว ' อนาสตาเซียใช้หลังมือปาดเลือดที่ไหลรินออกมาจากรอยบาดที่แก้มซีกขวา ที่ถ้าหากเธอไม่เร็วพอจะหลบทัน แผลถากๆนี้อาจกลายเป็นแผลทะลุกลางหัวไปแล้วก็ได้...หากสังเกตดีๆ ตามร่างกายก็มีแผลที่มีลักษณะคล้ายถูกมีดโกนบาดอยู่เต็มไปหมด ซึ่งเป็นผลจากการที่เธอต้องเสี่ยงเข้าไปในรัศมีดาบของอีกฝ่ายหลายต่อหลายรอบนั่นเอง
อนาสตาเซียเหลือบไปมองที่นอกกระท่อมที่เวลานี้ยังไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าเธอกำลังต่อสู้แบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย...จะโทษคนอื่นก็คงไม่ได้เพราะกระท่อมตีศาสตราของยูกิโอะตั้งอยู่ชิดกำแพงป้อมปราการและห่างจากสิ่งก่อสร้างที่มีคนอื่นอาศัยอยู่พอสมควร แถมแนวทางดาบของเธอมันก็ดันเป็นแนวมือสังหารเต็มขั้นที่ไม่ได้เอิกเกริกจนจะมีใครมาสังเกตเห็นได้ ก่อนจะตัดใจและหันกลับมายกดาบขึ้นมาป้องกันการฟาดฟันของดาบคาตานะอาถรรพ์ในมือของยูกิโอะอีกครั้งพร้อมกับกัดฟันกรอด...ถึงแม้ว่าในมือของเธอจะเป็นสุดยอดดาบที่มีส่วนประกอบของโลหะพิเศษ ที่สามารถอ่อนเป็นแส้และแข็งเป็นเหล็กได้ตามใจชอบ แต่ก็ไม่อาจจะสลายแรงอาถรรพ์อันหนักอึ้งของดาบคาตานะที่มีนามว่า จูชิโยซามุ (หมื่นราตรีอันหนาวเหน็บ) ไปได้ทั้งหมด ทำให้ทุกครั้งที่ยก นาคราช ขึ้นมาป้องกัน...แรงปะทะก็ทำให้เธอสะเทือนไปทั้งร่าง ในขณะที่ยูกิโอะดูเหมือนจะเป็นพวกที่ยิ่งสู้ยิ่งบ้าเลือด เพราะนอกจากแรงไม่ตกแล้ว เหมือนกับแรงและความบ้าคลั่งของกระแสดาบจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก...ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ ยิ่งยื้อนานเท่าไหร่...เธอยิ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นไปทุกที...
...ต้องบอกว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ยูกิโอะเป็นเพียงช่างตีดาบ...เพราะถ้ายูกิโอะมียุทธศิลป์ในเชิงดาบมากกว่านี้เพียงนิดเดียว...เธอคงจะตกตายภายใต้คมดาบอาถรรพ์นี้ไปนานแล้ว!...
" พอแล้ว... " ในที่สุด เธอก็กระโดดทิ้งระยะห่างออกมาตั้งหลัก ก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆ ราวกับจะพูดกับตัวเองเบาๆ จนยูกิโอะถึงกับขมวดคิ้วกับท่าทีของอีกฝ่ายทันที
' ยัยเด็กนี่... ' ถึงแม้จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความบ้าคลั่งจนกระทั่งดวงตาเปลี่ยนเป็นดวงตาของอสูร...แต่ช่างตีดาบสาวก็ยังมีสติสัมปชัญญะและความนึกคิดอยู่อย่างครบถ้วน ทำให้เธออดนึกเบาๆอย่างไม่ชอบใจเลยแม้แต่น้อยไม่ได้ ก่อนจะหยุดการโจมตีและหยั่งเชิงถามไปเรียบๆว่า
" ...คิดจะยอมแพ้แล้วอย่างนั้นรึ?! "
ดวงตาสีฟ้าจรัสอันน่าโมโหของอนาสตาเซีย เหลือบช้อนขึ้นมาสบตาของเธอช้าๆ ก่อนจะระบายลมหายใจจากปากยาวและสูดหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่...จิตสังหารที่หวั่นไหวเมื่อครู่บัดนี้แน่วแน่และเฉียบคมราวกับดาบชั้นดี จนยูกิโอะถึงกับขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจอีกครั้ง
" เปล่าหรอก...ท่านหญิงยูกิโอะ...ที่ว่าพอแล้วน่ะ ข้าหมายความว่าการต่อสู้อันไร้ประโยชน์นี่น่ะ...ข้าพอแล้ว...ข้าจะทำให้มันจบลงประเดี๋ยวนี้แหละ... "
" ปากดีเสียจริงนะ... " ยูกิโอะแยกเขี้ยววับ พร้อมกับคิดในใจเรียบๆอีกครั้ง
' กะไว้แล้ว...ยัยเด็กนี่...พิ้นนิสัยที่ไม่ยอมแพ้...ทั้งๆที่ข้าแสดงพลังให้เห็นถึงความแตกต่างถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆ...ไม่ชอบใจเอาเสียเลย ' เธอคิดในใจ ก่อนจะชี้ปลายดาบมาที่อนาสตาเซีย และพูดเรียบๆอีกครั้ง
" ก่อนที่เจ้าจะสิ้นลมหายใจ...ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อนเลยนะ อนาสตาเซีย...ถึงข้าจะถูกใจในฝีมือของเจ้า แต่สำหรับนิสัยแล้วมันคนละเรื่องกันเลย "
" ??? "
" ...ถ้าเป็นมือสังหารผู้อื่นแล้ว ...ต่อให้เป็นสิงห์หรือศกุนตลาก็เถอะ...เมื่อเจอกับผู้ที่เหนือกว่าในทุกทางอย่างข้า พวกนั้นก็คงจะเลือกสู้พลางถอยพลาง เพื่อถ่วงเวลารอให้คนมาช่วยแท้ๆ...แต่ทุกดาบที่เจ้าใช้กับข้า มันล้วนแล้วแต่เป็นดาบที่เอาจริงและหมายพิฆาตข้าทั้งสิ้น...มันแปลว่าเจ้ามองว่าเจ้าเท่าเทียมกับข้าอย่างไรอย่างนั้น...ไอ้นิสัยไม่ยอมโอนอ่อนตามแรงพายุเช่นเจ้าน่ะ ข้าล่ะไม่ชอบใจที่สุดในบรรดานิสัยที่ข้าเกลียดทั้งหมดก็ว่าได้...สำหรับข้าแล้ว ศกุนตลาหรืออุษาต่างก็น่ารักน่าใคร่กว่าเจ้าเป็นกองเลย "
' ร่ายซะยาวเลย...เก็บกดอะไรขนาดนั้นล่ะเนี่ย...จะว่าเกลียดขี้หน้าเราก็ไม่น่าจะใช่...หรือเพราะอยู่ในอารมณ์บ้าคลั่งกัน? ' ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเตรียมพร้อมจู่โจม แต่อนาสตาเซียก็ยังอดคิดในใจกับท่าทีที่ค่อนข้างจะพูดมากเป็นพิเศษของอีกฝ่ายไม่ได้ ก่อนที่เธอจะสะบัดหัวไล่ความคิดไม่เข้าเรื่องนี้ออกไปและจดจ่ออยู่กับเป้าหมายข้างหน้าอีกครั้ง...ร่างกายอยู่ในภาวะผ่อนคลายเต็มที่เพื่อเตรียมเร่งความเร็วให้ถึงขีดสุเพียงครั้งเดียว...
ในขณะที่เมื่อพูดจบ ยูกิโอะก็หลับตาและถอนหายใจเฮือก พร้อมกับที่กระแสจิตคุกคามอันบ้าคลั่งเมื่อก่อนหน้านี้จะหายไปราวกับโกหก...กลายเป็นจิตที่ราบเรียบและแหลมคมพอๆกับของอาสตาเซีย...ดาบคาตานะอาถรรพ์ในมือบัดนี้ถูกลดลงและเลื่อนลงมาทำท่าเหมือนเก็บใส่ฝักในจินตนาการที่อยู่ข้างลำตัว พร้อมกับเท้าทั้งสองข้างที่กางออกและย่อลงเพื่อลดจุดศูนย์ถ่วงตัวเอง...สำหรับมือสังหารที่เจนจบในด้านกระบวนดาบมาอย่างหลากหลายแล้วแค่มองเพียงผ่านๆ อนาสตาเซียก็สามารถเดาได้ทันที...การตั้งท่าเช่นนี่ เป็นการตั้งท่าของกระบวนดาบสายเดียวเท่านั้น...วิชาดาบอิไอ ของชาติญี่ปุ่นแน่ๆ...
' ถ้าจำไม่ผิด...นี่เป็นวิชาดาบที่รับมือได้ยากซะด้วยสิ...แต่...เช่นนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าอีกฝ่ายยอมเล่นด้วย...ไม่สิ...ติดกับด้วยแล้ว ' อนาสตาเซียลอบยิ้มน้อยๆ ก่อนที่เธอจะเลือกที่จะไม่รอให้อีกฝ่ายเตรียมพร้อมไปมากกว่านี้...พริบตาที่เธอสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มหายใจออก ...นาคราช พุ่งทยานราวกับอสรพิษพุ่งเข้าฉกเหยื่อทันที!
เคร้ง!
ทั้งๆที่ตัวดาบประจำกายของอนาสตาเซียและตัวอนาสตาเซียเองต่างก็ถูกยอมรับว่ารวดเร็วที่สุดในหมู่มือสังหารทั้งหมดแท้ๆ แต่วิชาดาบอิไอของยูกิโอะก็เหมือนกับจะรีดเร้นความเร็วของเธอออกมาได้มากที่สุด เพราะทั้งๆที่อนาสตาเซียเป็นผ่ายออกดาบก่อนแท้ๆ แต่พริบตาเดียวดาบคาตานะอาถรรพ์ที่เหน็บอยู่ข้างเอวก็ถูกชักพรวดออกมาและฟาดฟันรับดาบเรียวยาวของอนาสตาเซียทันทีด้วยความเร็วที่แทบจะมองไม่ทัน...ผลก็คือดาบชั้นดีทั้งสองเล่มปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเสียงดังสนั่น!
' เร็วกว่ามือสังหารชาวญี่ปุ่นเสียอีก แต่ว่า...เสร็จเราล่ะ! ' อนาสตาเซียแสยะยิ้มอย่างมีชัยทันที เพราะวิชาดาบอิไอถึงจะมีความเร็วเป็นเลิศ แต่การตั้งท่าที่ยุ่งยากทำให้กระบวนดาบขาดความต่อเนื่อง เป็นวิชาที่ใช้เผด็จศึกในครั้งเดียว...ในขณะที่เธอต่างออกไป...เสี้ยววินาทีหลังจากที่ดาบปะทะกัน ยูกิโอะจำเป็นต้องก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยเพื่อสลายแรงปะทะ ในขณะที่อนาสตาเซียเลือกที่จะสะบัดดาบกลับเพื่อสลายแรงปะทะอย่างรวดเร็ว และสวนแทงเข้าไปอีกครั้งในสภาพที่อีกฝ่ายไม่อาจตั้งตัวได้ทันที!
แต่พริบตาทีดาบเรียวยาวที่บัดนี้เป็นเหมือนกับแส้อันคมกริบพุ่งพรวดเข้ามา ยูกิโอะกลับแสยะยิ้มออกมา ก่อนที่เธอจะทิ้งดาบ จูชิโยซามุ ลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี สิ่งที่คว้าติดมือมาแทนจะกลายเป็นค้อนขนาดเล็กที่เก่าคร่ำคร่าขึ้นมาถือไว้ในมือข้างขวา ในขณะที่มือข้างซ้ายยกขึ้นกางกำบังดาบตรงหน้า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนลุกวาวราวกับสัตว์ร้ายทันที!
ฉัวะ!!
คมดาบสีเงินอันเรียวยาวพุ่งทะลุฝ่ามือด้านซ้ายของยูกิโอะ พร้อมกับที่มือด้านนั้นกำหมับลง...เลือดสีคล้ำพึ่งกระฉูดออกจากบาดแผลทันที!...แต่การยกมือขึ้นมากันคมดาบเช่นนี้ก็ทำให้ดาบที่ถูกส่งมาด้วยแรงทั้งหมดไม่อาจบรรลุผลตามที่เจ้าของดาบอย่างอนาสตาเซียตั้งใจไว้ เพราะปลายของดาบ นาคราช ของเธอหยุดลงตรงปลายคอหอยของยูกิโอะเท่านั้น
" อะไรกัน?! "
" ฮ่ะฮ่า! จบกันแค่นี้แหละ!! " ยูกิโอะไม่แม้แต่จะสนใจแผลฉกรรจ์ที่มือเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวยังคงกำคมดาบ นาคราช แน่น ก่อนที่ค้อนเล็กๆในมืออีกข้าจะถูกวาดและตีเข้าที่กลางใบดาบส่วนที่ติดกับประกับด้ามดาบจนเกิดเสียงดังกังวานลั่นกระท่อมตีศาสตราราวกับเสียงตีระฆังขนาดใหญ่ทันที
เปรี๊ยะ!!
" บ้าน่า! " มือสังหารสาวเบิกตากว้างจนแทบถลนอย่างตกตะลึง เพราะดาบนาคราชของเธอที่ผ่านการลอบสังหารมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ผ่านการต่อสู้หนักๆมานับไม่ถ้วนโดยที่ตาบยังไม่เคยมีแม้แต่รอยบิ่นด้วยซ้ำ...แต่กับค้อนเล็กๆเก่าๆในมือของยูกิโอะที่ฟาดลงมาเพียงครั้งเดียว กลับทำให้บริเวณตรงที่ถูกฟาดถึงกับร้าวอย่างน่ากลัว...ในขณะที่ยูกิโอะไม่ปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดลอยไปเลยแม้แต่น้อย เธอแสยะยิ้มกว้างพร้อมกับวาดค้อนและฟาดซ้ำแผลเดิมลงมาอีกครั้งทันที!
" สะบั้นศาสตรา!! "
เปรี๊ยะ!...เคร้ง!!
ดาบนาคราช...ดาบที่ถูกหลอมตีด้วยโลหะพิเศษจนสามารถอ่อนและแข็งได้ตามใจชอบ...ดาบคู่บุญที่ตะลุยไปกับเธอตั้งแต่นครพิงค์เชียงใหม่ยันดินแดนสิงหปุระ(สิงคโปร์) ดาบที่เธอรักยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้...หักลงแล้ว!
ถึงจะเป็นมือสังหารที่ผ่านการต่อสู้และรับกับสถานการณ์ไม่คาดฝันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่การเห็ดาบประจำกายถูกหักไปกับตาไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดคิดเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เธอต้องตะลึงค้างไปชั่วเสี้ยววินาที...และในการต่อส้ที่ตัดสินเป็นตาย...เสี้ยววินาที หมายถึงชีวิต...
ผัวะ!!
ค้อนขนาดเล็กในมือของยูกิโอะถูกง้างขึ้นและวาดฟาดเข้ามาเต็มๆสีข้างของเรียวบางปานจะหักได้ของอนาสตาเซียทันที โดยที่อนาสตาเซียไม่อาจป้องกันใดๆได้เลยด้วยซ้ำ...ทั้งๆที่เป็นแค่ค้อนเล็กๆแท้ๆ แต่ความรุนแรงของมันไม่ต่างจากค้อนสงครามที่เคยป่นกระดูกซี่ดโครงของสิงห์เลยแม้แต่น้อย...มันทำให้อนาสตาเซียสะเทือนไปทั้งร่าง เลือดสีแดงสดกระอักออกมาจากปากทันที!
" ม...ไม่ยอมหรอกน่า!! " จากบาดแผลที่ฉกรรจ์ มือสังหารสาวรู้ตัวดีว่าเธอเหลือเวลาเพียงไม่กี่วินาที ก่อนที่อาการตกเลือดภายในจะทำให้เธอหมดสติ...ซึ่งอนาสตาเซียไม่ยอมปล่อยเวลาให้เสียเปล่าแน่...พริบตาที่ร่างเธอกำลังจะลอยกลับไปจากแรงปะทะ เท้าเรียวบางของหญิงสาวก็พุ่งถีบเข้าเต็มมือซ้ายด้านที่ถูกปลายดาบของเธอเสียบคาไว้อยู่ทันที
ฉัวะ!!
ปลายของดาบหักที่ยังเสียบอยู่คามือของยูกิโอะถูกแรงถีบของอนาสตาเซียส่งให้บรรลุผลครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของมันทันที จนปลายดาบที่แหลมคมนั้นพุ่งทะลุลำคอเรียวระหงส์ของยูกิโอะ ตัดหลอดลม เส้นเลือดใหญ่ และกระดูกต้นคออันเป็นศูนย์รวมระบบประสาทสั่งการอย่างเฉียบขาดที่สุด ทำให้แม้แต่ผู้ที่ครอบครองพลังอมตะระดับสูงอย่างยูกิโอะยังถึงกับสะเทือนไปทั้งร่างและล้มคว่ำลงทันที พร้อมกับที่อนาสตาเซียถูกแรงปะทะของค้อน ส่งให้ลอยไปกระแทกกับผนัง และลงมากองแน่นิ่งไปพร้อมๆกัน
...แต่คำสาปของการกินเนื้อนางเงือกรุนแรงมากกว่าจะถูกสังหารได้ แม้แต่ในการจู่โจมที่รุนแรงและคาดไม่ถึงเช่นนี้...เพียงไม่ถึงครึ่งนาทีหลังจากนั้น เธอก็ผงะลุกขึ้นพร้อมกับตวาดลั่นทันที!
" มันเจ็บสุดๆเลยไม่ใช่รึอย่างไร นังเด็กเวร!! " ยูกิโอะตวาดลั่นอย่างเดือดดาลที่สุดเท่าที่เธอจะสามารถเดือดดาลได้...เธอใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้โดนดาบเสียบอยู่กระชากเศษดาบที่ปักลำคอของเธอออกอย่างแรงก่อนจะร้องลั่นราวกับหมูถูกเชือดอีกครั้ง เลือดสีคล้ำพุ่งกระฉูดออกมาเป็นน้ำพุทันที แต่หญิงสาวแทบจะไม่สนใจรอยแผลฉกรรจ์ตรงลำคอที่ยังฟิ้นตัวไม่เสร็จด้วยซ้ำ...เธอกำเศษดาบนาคราชที่พึงถูกถอนออกมาจากลำคอแน่น ก่อนจะค่อยๆเดินลากเท้าเข้าไปหาอนาสตาเซียที่นอนสลบจากพิษบาดแผลอย่างช้าๆด้วยดวงตาที่ลุกวาวราวกับสัตว์เดรัจฉานที่กำลังบาดเจ็บอยู่ไม่มีผิด!
" ก็ไม่ได้อยากจะผิดสัญญากับไอ้ท่านผู้เฒ่าที่ช่วยเราไว้หรอกนะ...แต่ช่วยไม่ได้...ตายซะเถอะ อนาสตาเซีย!! "
เคร้ง!
ทว่าเศษดาบที่ยูกิโอะหมายจะเผด็จศึก จบชีวิตของเด็กสาวตรงหน้า กลับถูกหญิงสาวที่ดูเหมือนจะสิ้นสติไปแล้วจากพิษบาดแผลตรงหน้ารับไว้ด้วยมือข้างเดียว พร้อมๆกับที่อยู่ๆ อนาสตาเซียก็เปล่งรัศมีอันน่าเกรงขามบางอย่างที่ยูกิโอะไม่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อยออกมา จนกระทั้งแม้แต่ยูกิโอะยังถึงกับต้องถอยหลังกลับไปอย่างระแวงทันที
" อนาสตาเซีย... "
" แหมๆ...ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะ... "
" ม...ไม่ใช่อนาสตาเซีย...เจ้า...เป็นภูติผีปิศาจตนใดกันแน่! " ช่างตีศาสตราสาวถึงกับกัดฟันกรอด พร้อมกับพุ่งหยิบดาบจูชิโยซามุขึ้นมาประคองไว้ด้วยมือทั้งสองข้างอย่างเตรียมพร้อมขั้นสูงสุดทันที...เพราะกระแสที่แผ่ออกมาจากร่างที่บาดเจ็บสาหัสนั้นมันราวกับว่าเป็นขอแสลงของเธออย่างที่สุด...
" ที่จริงแล้วฉันเองก็ไม่ค่อยอยากจะเข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรให้มันวุ่นวายไปมากกว่านี้หรอกนะ แต่เพราะแหวนดันไปผูกวิญญาณติดกับยัยอนาสตาเซียนี่เข้าแล้วน่ะสิ...เพราะงั้น...ถ้าหากยัยนี่เกิดตายขึ้นมา...พี่สาวคนนี้ก็คงจะลำบากใจนิดๆเหมือนกันน่ะนะ "
" จ...เจ้า "
" อ้อ...เออ ใช่ๆ ลืมแนะนำตัวไปเลย...ถึงจะสถานการณ์แปลกๆ แต่ก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ...ฉันชื่ออรัญญิกาน่ะ...อรัญญิกาเทวียังไงล่ะ "
..............................................
...ย้อนกลับมาที่ไกร หรือเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี...ในเวลาเดียวกันนั้นเอง...
' ไอ้เจ้าออกญาจักรีคนนี้...สำคัญจริงๆ ' ท่านผู้เฒ่าที่ยืนมองอยู่ห่างๆถึงกับต้องแสยะยิ้มออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเขาสามารถเดาการเดินหมากของอีกฝ่ายได้แล้ว
' เริ่มด้วยการทำเป็นยอมรับในตำแหน่งของไกร แต่กลับส่งคนที่คิดว่าสามารถโค่นไกรลงได้ออกมาประลอง...ทำให้ไกรต้องแบกความกดดันของตำแหน่งที่พึ่งได้มาสดๆร้อนๆไปด้วย...เพราะถ้าแพ้ ความน่าเชื่อถือในตำแหน่งหัวหน้าทหารราชองครักษ์ก็จะสูญไปในทันที...และในการต่อสู้แล้ว...ไอ้เแรงกดดันนี่แหละที่ส่งผลที่สุด...ถึงจะไม่อยากจะยอมรับ...แต่ไอ้นี่...สำคัญจริงๆ! '
ในขณะเดียวกัน ไกรเองก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง ก่อนจะอดเหลือบไปมองท่านออกญาจักรีครุฑที่ยังคงส่งยิ้มมาให้อย่างเคืองๆไม่ได้ เพราะเขาเองก็พอจะเดาหมากของอีกฝ่ายได้แล้วเหมือนกัน แต่ท่าทีของอีกฝ่ายก็ดันทำให้เขาเดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยูกันแน่นี่สิ
' ให้ตายสิ!...ถึงจะคิดว่าเดาไม่ผิดก็เหอะ แต่ถ้าหากเราเกิดเดาผิด แล้วอีกฝ่ายยอมรับเราและต้องการให้ดัดนิสัยลูกชายตัวเองจริงๆ...งานนี้เราเสียหมาแหงๆ...เพราะงั้น อย่าพึ่งออกตัวแรงดีกว่า ' ไกรถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าให้กับเด็กหนุ่มผู้ที่เจ้าพระยาจักรีบอกว่าเป็นลูกชายตรงหน้า ในขณะที่ตัวเจ้าพระยาจักรีก็ค่อยๆถอยกลับเข้าไปที่นั่งเดิมของตัวเองอย่างช้าๆ เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้ทำความรู้จักกันอย่างเต็มที่
...ในสายตาของไกร เด็กหนุ่มคนนี้น่าจะอายุได้ประมาณ ๒๑ ปีซึ่งอ่อนกว่าเขาประมาณปี ๒ ปี ผิวพรรณของเขาค่อนข้างขาวซึ่งไกรเดาว่าน่าจะมีเชื้อสายจีนประสมอยู่ ต่างจากเจ้าพระยาจักรีที่ผิวเข้มสมเป็นคนไทยแท้ ทำให้ไกรเดาเอาว่าน่าจะเป็นเชื้อสายของทางแม่ ...ในขณะที่การแต่งกายของอีกฝ่ายเป็นเหมือนข้าราชการระดับกลางของเมืองเล็กๆ แต่กลับสะพายดาบไว้ถึงสองเล่มราวกับเป็นหน่วยทหารกล้าตายซะอย่างงั้น ซึ่งดูไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อย...ที่สะดุดตาที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นดวงตาสีดำสนิทที่แข็งแกร่งและไม่ยอมคน...เป็นดวงตาที่เขาแทบจะไม่พบเลยในเหล่าขุนนางทั้งหลาย...
...ดวงตาของนักรบ...
" นี่ๆ...ถึงจะบอกว่าขอท้าประลองก็จริง แต่ต่างก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น จะไม่แนะนำตัวหน่อยเหรอ? " ไกรที่เห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของอีกฝ่ายอดพูดแซวขึ้นเบาๆไม่ได้ แต่อีกฝ่ายดันเหมือนกับไม่มีอารมณ์เล่นด้วยเลยแม้แต่น้อย เพราะเด็กหนุ่มคนนั้นชักดาบทั้งสองออกมาถือไว้พร้อมกับตั้งท่าโดยจ่อปลายดาบเล่มหนึ่งมาที่เขาเหมือนเป็นการท้าทายทันที จนไกรได้แต่ลอบถอนหายใจเฮือก
' ความสามารถในการสื่อสารกับผู้อื่นเป็นศูนย์...อย่างกับถูกพ่อตามใจจนเคยตัวและไม่เห็นหัวใครทั้งสิ้น...จะไหวเหรอฟะเนี่ย? ให้คนแบบนี้มาเป็นขุนนางน่ะ ' เขาคิดในใจเล็กน้อยอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะค่อยๆชักดาบออกมาจากฝักและตั้งท่าใหม่ช้าๆ แต่อีกฝ่ายเหมือนกับใจร้อนจนไม่ยอมเสียเวลารอให้เขาตั้งท่าเสร็จหรือรอสัญญาณเริ่มการประลองใดๆทั้งสิ้น...เด็กหนุ่มตรงหน้าก้มลงต่ำจนหน้าแทบจะติดพื้น ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วที่ทำเอาไกรถึงกับใจหายวาบทันที
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!!
พริบตาเดียวเท่านั้น ด้วยความรวดเร็วและรุนแรงของกระบวนดาบของอีกฝ่าย ไกรตกเป็นฝ่ายตั้งรับและเสียเปรียบทันที และเพราะกระแสดาบของอีกฝ่ายไม่ได้ยอมหยุดหรือผ่อนลงเลย มันทำให้ไกรเดาได้ไม่ยากถึงกระบวนดาบนี้...กระบวนดาบที่เด็กหนุ่มตรงหน้าใช้เป็นกระบวนดาบเพียงวิชาเดียวเท่านั้น...
...กระบวนดาบที่แข็งกร้าว กล้าได้กล้าเสีย มีท่ารุกเป็นท่าเดียวกับท่ารับแบบนี้...คงจะเป็นอื่นไปไมได้แล้วล่ะ...
...เพลงดาบอาทมาฏ...วิชาดาบคู่ที่ตกทอดสืบกันมาตั้งแต่รัชสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแน่นอน...
' อุวะ...ถึงจะบอกว่าเราเคยเจอคนที่ใช้วิชาสายนี้มาบ้างก็เหอะ...แต่ไอ้เด็กนี่มัน...อัจฉริยะชัดๆ! แย่แฮะ...ถ้าหากเป็นดาบมือเดียว เราเสียเปรียบวิชาดาบสายอาทมาฏที่สุดซะด้วย แย่จริงๆแล้วสิ คราวนี้ ' ถึงจะแก่พรรษาพอจะตั้งรับได้โดยไม่ลนลาน แต่ไกรเองก็ต้องคิดแผนรับมืออย่างรวดเร็วพร้อมกับสีหน้าที่หนักอึ้งลงอย่างเห็นได้ชัด...ถ้าเป็นในยามปรกติ เขาก็อาจจะพอตั้งรับแบบถูไถไปได้อยู่หรอก...แต่เพราะแรงกดดันที่เกิดจากตำแหน่งของเขาที่สูงเกินคาดคิด และการแบกรับความคาดหวังของทั้งท่านผู้เฒ่าและพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงทั้ง ๔ พระองค์ มันทำให้การออกดาบของไกรช้าลงไปชั่วเสี้ยววินาที ยิ่งเมื่อเจอกับกระบวนดาบที่แพ้ทาง ที่ถูกใช้โดยนักดาบที่เก่งกาจ แค่เสี้ยววินาที...ก็เพียงพอจะทำให้ไกรตกเป็นเบี้ยล่างได้แล้ว...
เคร้ง !!
แต่หว่างที่ไกรตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและต้องใช้ดาบที่อยู่ในมือข้างเดียวตั้งรับพลางถอยร่นพลางอยู่นั้น...อยู่ๆ ดาบเล่มเรียวงามอีกเล่ม ก็พุ่งลงมาแทรกกลางระหว่างไกรกับเด็กหนุ่มผู้ใช้วิชาดาบสองมือโบราณรุกไล่เขาอยู่ ทำให้การรุกไล่นั้นหยุดชะงักลง พร้อมๆกับที่ทั้งคู่กวาดตามองไปรอบๆเพื่อหาตัวเจ้าของดาบเล่มนี้ทันที
...ที่มุกศาลสหน้าพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์...
ในระหว่างที่พ่ออยู่หัวทั้งสองพระองค์ รวมถึงอดีตออกญาจักรียังคงตื่นตะลึงอยู่นั้น สมเด็จพระพี่นางพินทวดีก็กางพัดจีนออกมาปิดโอษฐ์ไว้ พร้อมกับหลับเนตรลงและปัสสาสะเฮือกทันที
" สมเด็จเจ้าฟ้า...องค์หญิงสิริจันทรเพคะ... "
" อ...อึ๋ย...พ...เพคะ สมเด็จพระปิตตุฉา(ป้า)พินทวดี "
" พระองค์ทรงทราบไหมว่าพระองค์พึ่งจะหยุดการประลองที่ต่อเนื่องลง และดาบที่พระองค์ทรงปาลงไปเพื่อแทรกการประลองนั้นก็เป็นถึงพระแสงดาบฝักทองอาญาสิทธิ์ในตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เชียวนะเพคะ "
" หือ? ...อ้าวเฮ้ย! ตั้งแต่เมื่อไหรกัน?! " พระเจ้าอุทุมพรหันกลับไปทอดพระเนตรมองพระแสงดาบของตนที่บัดนี้เหลือแค่ฝักทองเท่านั้น ในขณะที่ตัวดาบบัดนี้ถูกปักอยู่กลางลานประลองไปแล้ว ก่อนที่พระองค์จะร้องลั่นทันที...ในขณะที่พ่ออยู่หัวเอกทัศน์ผินพระพักตร์กลับมาทอดพระเนตรมองราชธิดาของตนช้าๆ พร้อมกับเอ่ยตรัสเบาๆว่า
" สิริจันทร... "
" ขออภัยอย่างยิ่งเพคะ...พระราชบิดา...หม่อมฉันมิได้คิดจะหยุดการประลองนี้ลงแต่อย่างใด...เพียงแต่... " เจ้าหญิงสิริจันทรเหลือบพระเนตรวาววับกลับไปมองที่กลางลานประลองช้าๆ พร้อมกับพระพักตร์ที่ประดับไปด้วยรอยแย้มพระสรวลอันบริสุทธ์ ก่อนจะตรัสขึ้นเบาๆอีกครั้ง...
" ...แต่ถ้าหากการประลองครั้งนี้...ไม่ได้ประลองกันในขณะที่ต่างฝ่ายต่างเท่าเทียม มันก็น่าเบื่อแย่เลยไม่ใชรึอย่างไรกันล่ะเพคะ "
ท่านผู้เฒ่าอดีตออกญาจักรีที่ตลอดเวลาได้แต่เหลือบมองอย่างเงียบๆได้แต่หลับตาลงและถอนหายใจเฮือก ก่อนจะอดรำพึงเบาๆไม่ได้ว่า
" เฮ้อ...ดวงนารีอุปถัมภ์แรงจริงๆ...แต่แบบนี้ในตอนท้ายสุด คนที่ซวยที่สุดจะเป็นเจ้าเองนั้นแหละ...ไกรเอ้ย! "
.....................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ