Wonder dark land
-
เขียนโดย fumiko
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.55 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,458 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Wonder dark land# Intro: ความวุ่นวายอันแสนธรรมดา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ณ ห้องทรงงานขนาดใหญ่รกไปด้วยเอกสารกองพะเนินเกลื่อนกลาด ปากกาขนนกเท่าฝ่ามือเขียนลงบนกระดาษอย่างส่งๆโดยไม่ได้อ่าน เพราะเนื้อหาส่วนมากเน้นแต่น้ำไม่มีเนื้อ ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลาที่ต้องคอยเซ็นอนุญาตคำร้องเรียนไร้สาระ แค่ไอความร้อนจากข้างนอกก็แย่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงส่งผลให้เกิดความตึงเครียดตลอดช่วงบ่าย
"นี่ขอเถอะครับ!! เลิกใส่อารมณ์กับงานสักทีได้ไหมเนี่ย!!" ชายหนุ่มสวมแว่นกรอบหนากับหมวกนักเขียนชักสีหน้าปราม
"หนวกหูน่าเอลิโน่!! แค่นี้ฉันก็หงุดหงิดจะตายแล้ว ไม่ต้องรอนายมาบ่นให้ฟังหรอก!" พระราชาแห่งอาณาจักร Wonder dark land หรือแคธเทอเรนตอบกลับเสนาธิการตนเอง
"โธ่เอ้ย! อะไรอีกเนี่ย! คราวที่แล้วพวกขุนนางเพิ่งขอเบิกน้ำสำรองไป ทำไมมันหมดเร็วจริง! คิดว่าวังหลวงมันเสกน้ำได้เองรึไง ไม่คิดเผื่อแผ่ชาวบ้านชาวเมืองอื่นเรอะ ที่ดินตัวเองขุดบ่อขุดน้ำบาดาลมาใช้ได้สบายอยู่แล้วนี่ มีแรงงานตั้งเยอะไว้เพื่ออะไรฟะ!" แคธเทอเรนคว้างปากกาปักใส่โต๊ะระบายอารมณ์อย่างเหลืออด
"เฮ้อ จริงๆเลย เมื่อไรท่านจะเลิกนิสัยแบบนี้เสียทีนะ ผมเองก็รำคาญอากาศร้อนเหมือนกันแหละครับ" เอลิโน่ส่ายหน้าเอือมระอา ก่อนปลีกตัวออกไปนอกห้องทำงานเพื่อสงบใจลง
สองเท้าย่ำไปตามทางโรยกรวดมุ่งหน้าสู่โบทถ์สีเทาหม่นสไตล์โกธิค ตั้งตระหง่านใจกลางจตุรัสเมืองที่ไม่ไกลจากปราสาท ใกล้จะถึงวันงานเฉลิมฉลองแล้ว ภายในจตุรัสมีการเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมจัดงาน
"ไง มิโมรีนทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม" เอลิโน่ตะโกนทักทายบาทหลวงเพื่อนสนิทผู้มีสีหน้าเซื่องซึมขัดภาพลักษณ์นักบุญ เคยได้ยินเจ้าตัวเคยบอกว่าจะยิ้มเฉพาะเวลางานเท่านั้น
"อืม ก็เรื่อยๆน่ะ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ" มิโมรีนเหลือบมองคู่สนทนาเล็กน้อยพลางเช็ดมือเปื้อนดินของตน
"หืม คราวนี้ปลูกดอกไวโอเลตหรือ เข้ากับนายดีนะ"
มิโมรีนมุ่นคิ้ว"ดอกวูลฟ์เบนต่างหาก"
เอลิโน่เกือบไม่เชื่อหูตัวเอง"เดี๋ยวนะ! มันมีพิษไม่ใช่หรอ!?"
"ใช่"
"แล้วทำไมถึงยังเลือกต้นนี้มาปลูกอีกล่ะ!?"
บาทหลวงถอนหายใจเหนื่อยหน่าย"ฉันไปเจอพ่อค้าขายสมุนไพรคนหนึ่งเข้า หลังได้ฟังสรรพคุณของมันก็รู้สึกสนใจ แถมพอดีทางโบทถ์กำลังต้องการพืชไม้ดอกสีน้ำเงินมาประดับเพิ่ม เลยลองปลูกดู"
"...ถึงพืชชนิดนี้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่แบบนี้ไม่อันตรายไปหน่อยหรอ เกิดคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เผลอเด็ดเอาไปกินไปใช้จะทำยังไง"
มิโมรีนยักไหล่หาได้ใส่ใจไม่"ถึงอย่างไรฉันก็มีหน้าที่ดูแลสวนโบทถ์อยู่แล้ว ไม่ปล่อยให้ใครแตะต้องวัตถุดิบชิ้นสำคัญนี้หรอก"
พลันเอลิโน่นึกได้ว่ามิโมรีนมีงานอดิเรกชอบคิดค้นสูตรปรุงยาแปลก เจ้าตัวคงอยากนำมาใช้เพื่อการนั้นกระมัง
"เฮ้อ เอาเถอะดูแลดีๆละกัน เอ้อใช่ แจกันที่นายทำแตกไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นยังไงบ้าง ถึงฝ่าบาทจะอนุญาตให้กู้เงินได้ก็ตาม แต่รีบๆหน่อยดีกว่าเพราะนายยังต้องใช้หนี้อีก"
บาทหลวงพึมพำอย่างขุ่นเคือง"เดิมทีแค่เงินบริจาคยังไม่พอค่าซ่อมหลังคาเลย..." ทั้งที่มันเป็นอุบัติเหตุแท้ๆแถมเขาก็ไม่ใช่ตัวต้นเหตุสักหน่อย
เอลิโน่พยักหน้าเห้นใจ"เอาน่า ฉันเข้าใจว่านายรู้สึกยังไง เดี๋ยวฉันช่วยจัดการไอ้'ตัวปัญหา'เอง"
มิโมรีนแสยะยิ้มเหี้ยม"อืม ขอบใจ"
เมื่อแวะไปเยี่ยมเพื่อนที่โบทถ์เสร็จ เอลิโน่จึงเดินกลับมายังปราสาท จัดการสะสางงานต่อ
"เฮ้ย เอลิโน่"
เสียงทักตามด้วยแรงกระแทกจากฝ่ามือตบบ่าเต็มแรง ทำเอาชายหนุ่มแทบทรุด
ผู้มาเยือนหรือ'ตัวปัญหา'ยิ้มหน้าสลอนไม่สำนึก ร้อนให้หนุ่มแว่นส่งสายตาตำหนิ เจ้าตัวปัญหารีบพูดแก้ตัวทันที
"เฮ้ๆ รู้น่าว่าจะพูดอะไร เมื่อกี้ฉันขอโทษ เอ่อ ส่วนเรื่องแจกัน คือวันมะรืนนี้จะมีงานเทศกาลแล้วนี่ ฉันว่าจะหารายได้เสริมเพิ่มเงินในกระเป๋าตัวเองก่อนน่ะ"
เสนาธิการหนุ่มเลิกคิ้ว เอ่ยดักคอคนช่างแถ "ถ้ารายได้เสริมของนายหมายถึงการท้าดวลประลองไถเงินล่ะก็ อย่าดีกว่า รังแต่จะสร้างความเสียหายเปล่าๆ ที่สำคัญถ้านายเลิกสุรุ่ยสุร่ายซื้อพวกของไม่จำเป็นนั่น ป่านนี้คงมีเหลือเงินจ่ายนานแล้ว"
"เสียมารยาท วัตถุดิบกับอุปกรณ์ตีเหล็กไม่สำคัญตรงไหน ออกจะแสดงถึงความเป็นจิตวิญญาณ.."
"แล้วจิตวิญญาณช่วยให้ท้องอิ่มได้ไหมล่ะ"
"....."
"ต่อให้นายตายยากแค่ไหนหรือกระเพาะเหล็กสามารถอยู่รอดได้ด้วยขนมปังเหลือๆ ขึ้นราของมิโมรีนเพียงอย่างเดียว แต่นายช่วยคิดถึงสุขภาพตัวเองบ้างสิ มาการัส"
มาการัสเริ่มหูลู่หางตกท่าทางสำนึกผิด"นั่นสินะ ขอบคุณที่เตือนเอลิโน่...งั้นอย่างน้อยไว้พรุ่งนี้ฉันหาเงินมาได้เยอะๆเมื่อ ไรจะวางแผนแบ่งค่าวัตถุดิบกับค่าอาหารเป็นส่วนๆแน่นอน เท่านี้ก็มีเงินเหลือกินข้าวแล้ว!"
สุดท้ายก็ยังไม่ยอมตัดนิสัยเสียเดิมอยู่ดี เขาชักคร้านห้ามปรามแม่ทัพแสนเกินเยียวยาคนนี้จริงๆ
เอลิโน่หยุดสูดลมหายใจซักครู่ พยายามทำใจเผชิญหน้ากับตัวปัญหาอีกคน ใจเย็นๆ วันนี้ทุกอย่างต้องเรียบร้อย เขาค่อยๆวางแผนตารางงานในหัว จากนั้นเปิดประตูเข้าห้องทำงานไป
ซู่ม!!!
น้ำเย็นส่งตรงจากสวรรค์สาดลงมาช่วยดับร้อนอย่างทั่วถึงทันใจ ชายหนุ่มจ้องพระราชากำลังสาวเชือกเก็บถังน้ำที่ห้อยอยู่เหนือประตูตรง ตำแหน่งเขาคืน ท่านประมุขโยนหลักฐานทั้งหมดไว้หลังโต๊ะ แล้วนั่งเก้าอี้ดังเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังมิวายมองเขากระหยิ่มยิ้มย่องอีก
.....
....
ชีวิตของเขานี่จะช่วยสงบสุขแบบปกติทั่วไปไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย..
@@@@@@@@@@
"นี่ขอเถอะครับ!! เลิกใส่อารมณ์กับงานสักทีได้ไหมเนี่ย!!" ชายหนุ่มสวมแว่นกรอบหนากับหมวกนักเขียนชักสีหน้าปราม
"หนวกหูน่าเอลิโน่!! แค่นี้ฉันก็หงุดหงิดจะตายแล้ว ไม่ต้องรอนายมาบ่นให้ฟังหรอก!" พระราชาแห่งอาณาจักร Wonder dark land หรือแคธเทอเรนตอบกลับเสนาธิการตนเอง
"โธ่เอ้ย! อะไรอีกเนี่ย! คราวที่แล้วพวกขุนนางเพิ่งขอเบิกน้ำสำรองไป ทำไมมันหมดเร็วจริง! คิดว่าวังหลวงมันเสกน้ำได้เองรึไง ไม่คิดเผื่อแผ่ชาวบ้านชาวเมืองอื่นเรอะ ที่ดินตัวเองขุดบ่อขุดน้ำบาดาลมาใช้ได้สบายอยู่แล้วนี่ มีแรงงานตั้งเยอะไว้เพื่ออะไรฟะ!" แคธเทอเรนคว้างปากกาปักใส่โต๊ะระบายอารมณ์อย่างเหลืออด
"เฮ้อ จริงๆเลย เมื่อไรท่านจะเลิกนิสัยแบบนี้เสียทีนะ ผมเองก็รำคาญอากาศร้อนเหมือนกันแหละครับ" เอลิโน่ส่ายหน้าเอือมระอา ก่อนปลีกตัวออกไปนอกห้องทำงานเพื่อสงบใจลง
สองเท้าย่ำไปตามทางโรยกรวดมุ่งหน้าสู่โบทถ์สีเทาหม่นสไตล์โกธิค ตั้งตระหง่านใจกลางจตุรัสเมืองที่ไม่ไกลจากปราสาท ใกล้จะถึงวันงานเฉลิมฉลองแล้ว ภายในจตุรัสมีการเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมจัดงาน
"ไง มิโมรีนทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม" เอลิโน่ตะโกนทักทายบาทหลวงเพื่อนสนิทผู้มีสีหน้าเซื่องซึมขัดภาพลักษณ์นักบุญ เคยได้ยินเจ้าตัวเคยบอกว่าจะยิ้มเฉพาะเวลางานเท่านั้น
"อืม ก็เรื่อยๆน่ะ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ" มิโมรีนเหลือบมองคู่สนทนาเล็กน้อยพลางเช็ดมือเปื้อนดินของตน
"หืม คราวนี้ปลูกดอกไวโอเลตหรือ เข้ากับนายดีนะ"
มิโมรีนมุ่นคิ้ว"ดอกวูลฟ์เบนต่างหาก"
เอลิโน่เกือบไม่เชื่อหูตัวเอง"เดี๋ยวนะ! มันมีพิษไม่ใช่หรอ!?"
"ใช่"
"แล้วทำไมถึงยังเลือกต้นนี้มาปลูกอีกล่ะ!?"
บาทหลวงถอนหายใจเหนื่อยหน่าย"ฉันไปเจอพ่อค้าขายสมุนไพรคนหนึ่งเข้า หลังได้ฟังสรรพคุณของมันก็รู้สึกสนใจ แถมพอดีทางโบทถ์กำลังต้องการพืชไม้ดอกสีน้ำเงินมาประดับเพิ่ม เลยลองปลูกดู"
"...ถึงพืชชนิดนี้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่แบบนี้ไม่อันตรายไปหน่อยหรอ เกิดคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เผลอเด็ดเอาไปกินไปใช้จะทำยังไง"
มิโมรีนยักไหล่หาได้ใส่ใจไม่"ถึงอย่างไรฉันก็มีหน้าที่ดูแลสวนโบทถ์อยู่แล้ว ไม่ปล่อยให้ใครแตะต้องวัตถุดิบชิ้นสำคัญนี้หรอก"
พลันเอลิโน่นึกได้ว่ามิโมรีนมีงานอดิเรกชอบคิดค้นสูตรปรุงยาแปลก เจ้าตัวคงอยากนำมาใช้เพื่อการนั้นกระมัง
"เฮ้อ เอาเถอะดูแลดีๆละกัน เอ้อใช่ แจกันที่นายทำแตกไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นยังไงบ้าง ถึงฝ่าบาทจะอนุญาตให้กู้เงินได้ก็ตาม แต่รีบๆหน่อยดีกว่าเพราะนายยังต้องใช้หนี้อีก"
บาทหลวงพึมพำอย่างขุ่นเคือง"เดิมทีแค่เงินบริจาคยังไม่พอค่าซ่อมหลังคาเลย..." ทั้งที่มันเป็นอุบัติเหตุแท้ๆแถมเขาก็ไม่ใช่ตัวต้นเหตุสักหน่อย
เอลิโน่พยักหน้าเห้นใจ"เอาน่า ฉันเข้าใจว่านายรู้สึกยังไง เดี๋ยวฉันช่วยจัดการไอ้'ตัวปัญหา'เอง"
มิโมรีนแสยะยิ้มเหี้ยม"อืม ขอบใจ"
เมื่อแวะไปเยี่ยมเพื่อนที่โบทถ์เสร็จ เอลิโน่จึงเดินกลับมายังปราสาท จัดการสะสางงานต่อ
"เฮ้ย เอลิโน่"
เสียงทักตามด้วยแรงกระแทกจากฝ่ามือตบบ่าเต็มแรง ทำเอาชายหนุ่มแทบทรุด
ผู้มาเยือนหรือ'ตัวปัญหา'ยิ้มหน้าสลอนไม่สำนึก ร้อนให้หนุ่มแว่นส่งสายตาตำหนิ เจ้าตัวปัญหารีบพูดแก้ตัวทันที
"เฮ้ๆ รู้น่าว่าจะพูดอะไร เมื่อกี้ฉันขอโทษ เอ่อ ส่วนเรื่องแจกัน คือวันมะรืนนี้จะมีงานเทศกาลแล้วนี่ ฉันว่าจะหารายได้เสริมเพิ่มเงินในกระเป๋าตัวเองก่อนน่ะ"
เสนาธิการหนุ่มเลิกคิ้ว เอ่ยดักคอคนช่างแถ "ถ้ารายได้เสริมของนายหมายถึงการท้าดวลประลองไถเงินล่ะก็ อย่าดีกว่า รังแต่จะสร้างความเสียหายเปล่าๆ ที่สำคัญถ้านายเลิกสุรุ่ยสุร่ายซื้อพวกของไม่จำเป็นนั่น ป่านนี้คงมีเหลือเงินจ่ายนานแล้ว"
"เสียมารยาท วัตถุดิบกับอุปกรณ์ตีเหล็กไม่สำคัญตรงไหน ออกจะแสดงถึงความเป็นจิตวิญญาณ.."
"แล้วจิตวิญญาณช่วยให้ท้องอิ่มได้ไหมล่ะ"
"....."
"ต่อให้นายตายยากแค่ไหนหรือกระเพาะเหล็กสามารถอยู่รอดได้ด้วยขนมปังเหลือๆ ขึ้นราของมิโมรีนเพียงอย่างเดียว แต่นายช่วยคิดถึงสุขภาพตัวเองบ้างสิ มาการัส"
มาการัสเริ่มหูลู่หางตกท่าทางสำนึกผิด"นั่นสินะ ขอบคุณที่เตือนเอลิโน่...งั้นอย่างน้อยไว้พรุ่งนี้ฉันหาเงินมาได้เยอะๆเมื่อ ไรจะวางแผนแบ่งค่าวัตถุดิบกับค่าอาหารเป็นส่วนๆแน่นอน เท่านี้ก็มีเงินเหลือกินข้าวแล้ว!"
สุดท้ายก็ยังไม่ยอมตัดนิสัยเสียเดิมอยู่ดี เขาชักคร้านห้ามปรามแม่ทัพแสนเกินเยียวยาคนนี้จริงๆ
เอลิโน่หยุดสูดลมหายใจซักครู่ พยายามทำใจเผชิญหน้ากับตัวปัญหาอีกคน ใจเย็นๆ วันนี้ทุกอย่างต้องเรียบร้อย เขาค่อยๆวางแผนตารางงานในหัว จากนั้นเปิดประตูเข้าห้องทำงานไป
ซู่ม!!!
น้ำเย็นส่งตรงจากสวรรค์สาดลงมาช่วยดับร้อนอย่างทั่วถึงทันใจ ชายหนุ่มจ้องพระราชากำลังสาวเชือกเก็บถังน้ำที่ห้อยอยู่เหนือประตูตรง ตำแหน่งเขาคืน ท่านประมุขโยนหลักฐานทั้งหมดไว้หลังโต๊ะ แล้วนั่งเก้าอี้ดังเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังมิวายมองเขากระหยิ่มยิ้มย่องอีก
.....
....
ชีวิตของเขานี่จะช่วยสงบสุขแบบปกติทั่วไปไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย..
@@@@@@@@@@
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ