สูตรรักฉบับต๊อง ยัยบ๊องกะนายน้ำแข็งสุดคลู
8.3
เขียนโดย รมควัน
วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.56 น.
16 ตอน
29 วิจารณ์
23.48K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558 16.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ตอนที่ 5 พรมลิขิตหรือความบังเอิญ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสูตรที่ 5 พรมลิขิตหรือความบังเอิญ
2 อาทิตย์ผ่านไป ตอนนี้ฉันยังรู้สึกเสียใจอยู่ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่อยากแม้แต่จะออกไปไหน ได้แต่นั่งซึมเศร้าอุดอู้ อยู่แต่ในห้องอย่างนั้นตลอด ไปเรียนก็ไม่อยากไป ได้แต่หาข้ออ้างบอกกับทางมหาลัยว่าป่วยอย่างนั้นป่วยอย่างนี้ จึงไม่สามารถมาเรียนได้ ทั้งที่จริงมันไม่ใช่ความจริงเลย
“คุณหนูค่ะ คือท่านบาร์ลอกับท่านอันเดอร์จะกลับประเทศแล้วค่ะ ทั้งสองอยากจะกล่าวลาคุณหนูก่อนนะค่ะ”ป้าบัวขึ้นมาบอกฉันที่หน้าห้อง
“ค่ะ” ได้ยินตามนั้น ฉันจึงเดินตามป้าแก ลงมาข้างล่าง
พอฉันเดินมาถึง ก็เห็นทั้งสองคน ยืนรออยู่ข้างล่าง เมื่อทั้งสองคนเห็นฉันก็โค้งเคารพให้เกียรติอย่างเป็นทางการพร้อมเพียงกันทั้งคู่
“องค์หญิง กระหม่อมได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว จึงจะกลับไปยังประเทศของเรา ขอรับ” ท่านบาร์ลอเป็นคนกล่าวกับฉัน
“อืม งั้นเราก็ขอให้ท่านทั้งสองโชคดีนะ บอกท่านพ่อด้วย ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก เราสบายดี”
“ขอรับ”
“ท่านทั้งสองไปได้แล้วล่ะ”
“ขอรับ พวกกระหม่อมขอทูลลา”เมื่อท่านองครักษ์ทั้งสองกล่าวลาเสร็จ ก็ทำความเคารพเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากบ้านไป
“กริ๊ง………กริ๊ง…..เสียงโทรศัพท์มือถือ ของฉันดังขึ้น เมื่อหยิบมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของกิ๊บที่โทรมา
“ฮัลโหล กิ๊บ”
(“เธอเป็นไงบ้างอ่ะ นี้ยังไม่หายป่วยอีกเหรอ”)
“คงอีกสักพักน่ะ เดียวก็หายแล้วละ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
(“OKๆ งั้นก็ขอให้หายไวๆละกัน”)
“จ้าาาา…..ขอบใจนะ”
(“เออ นี้! วันนี้นายเทลดูแปลกๆไปนะจู่ๆก็ถามหาเธอซะงั้น”)
(“มีอะไรรึเปล่านะ ปกติไม่เห็นว่านายนั้นจะสนใจ เธอเลยสักครั้งนิ แม้จะอยู่ห้องเดียวกันก็เถอะ”)
“ไม่รู้สิ คงไม่มีอะไรหรอกมั่ง” ฉันทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เพราะไม่อยากให้กิ๊บรับรู้ กลัวว่าเธอจะไปเอาเรื่องเทลแล้วมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา สู้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จะดีกว่า
(“นั้นสินะ….งันแค่นี้ก่อนนะ บาย”) แล้วกิ๊บก็วางสายไป แต่ไม่รู้ว่าจะเชื่อที่ฉันพูดไปไหม คงไม่สงสัยอะไรหรอกนะ
เวลา3ทุ่มตรง ณ บ้านของเทล ตอนนี้เขากำลังนั่งดูหนังอย่างเมามัน อยู่บนห้องนอนอันกว้างใหญ่ และหรูหรา แบบสไตล์ผู้ชายๆ จนกระทั้งมีเสียงของใครคนหนึ่ง เรียกเขา แม่ของเขานั้นเอง!
“เทลลูก ลงมาหาแม่หน่อยสิ”
“ครับ แม่” เมื่อผมได้ยินแม่เรียก ก็ตอบกลับอย่างสุภาพ ปิดทีวีแล้วลุกออกจากห้อง เดินจากชั้นบนลงมาข้างล่าง แล้วเดินต่อ ไปที่ห้องครัว เพราะได้ยินเสียงของแม่ที่เรียก น่าจะมาจากตรงนั้น
“มีอะไรหรือเปล่าครับแม่”
“คือพอดี แม่อยากให้ลูกออกไปซื้อของให้แม่หน่อยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะใส่บาตรซะหน่อย”
“อ้าว! แล้วลุงธารกับป้าเพชรไปไหนละครับ ทำไมแม่ไม่บอกให้แกไปซื้อให้”
“พอดีวันนี้แกขอลางาน เพื่อกลับไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดนะ”
“งั้นเหรอครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้เองก็ได้ครับ”
“ขอบใจจ๊ะ”แม่สุดที่รักของผม ส่งยิ้มหวานให้ พร้อมกล่าวขอบคุณ
ผมเดินออกไปนอกบ้าน เดินไปเอารถที่จอดอยู่ลานจอดรถข้างๆบ้าน แล้วขับออกไป มุ่งหน้าเข้าตลาดทันที ซึ่งก็ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ผมเคยมากับแม่อยู่ๆบ่อยๆ จนจำเส้นทางได้ขึ้นใจและแม่นยำ เมื่อมาถึงร้าน ผมจอดรถไว้และเดินไปที่ร้าน บอกแม่ค้าจัดของตามที่แม่สั่งมา ในระหว่างที่ยืนรออยู่นั้น ผมสังเกตเห็นผู้ชายประมาณสามคน ที่นั่งอยู่ร้านอาหารของอีกฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับผม รู้สึกเหมือนพวกเขาจะจ้องมองผมอยู่นานแล้วนะ
“เฮ้ยพี่ๆ นั้นใช่คนที่เชอร์รี่ส่งรูปมาไหมครับ”
“ไหนวะ”
“หึ ไอ้หน้าหล่อนั้นไม่ผิดแน่ มันมาหาเราเองโดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยตามหามันเลย โชคเข้าข้างพวกเราแล้วเว้ย ฮะฮ่าๆๆๆ”
“ไปเว้ย!!พวกเรา”
นักเลงสามคน ลักษณะหน้าตาโหดๆ มีรูปร่างกำยำกำลังเดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับที่ผมยืนอยู่ และในระหว่างที่ผมกำลังยืนรอของที่สั่งไปอยู่นั้น พวกมันเหมือนกำลังจะเดินมาหาผม แต่อยู่ๆก็ทำท่าทีตกใจอะไรบางอย่าง พวกมันหยุดเดิน แล้วก็หันหลังเดินกลับไปที่เดิม
“พี่ๆเดี๋ยวก่อน นั้นตำรวจนิ”
“ไหนว่ะ จริงด้วยว่ะ เฮ้ยย!! งันเราไปดักรอให้มันขับรถออกไปก่อน แล้วค่อยตามไปดีกว่า หาโอกาสเหมาะๆกระทืบ!มันให้สมใจดีกว่าว่ะ”
“จัดให้ครับพี่ ฮ่าๆๆๆ”
แรกๆผมก็ติดใจอยู่หรอกนะ แต่พอเห็นว่าพวกมันถอยกลับ ก็ไม่ได้คิดอะไร ทำเฉยไปตามปกติ คงไมใช่อย่างที่ผมคิดหรอกมั่ง
เมื่อเทลรับของที่สั่งมาแล้ว ก็ขับรถออกไป จะกลับบ้านทันที แต่ในระหว่างทางกลับนั้น มีรถมอเตอร์ไซด์สองคันตามเขามาด้วย แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตัว ว่ามีรถตามมาและเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อเขาขับรถมาได้สักครึ่งทาง บริเวณนั้นดูเหมือนจะไม่มีผู้คนผ่านไปมาเลย พวกนั้นก็ได้โอกาส โดยวางแผน ให้ลูกน้องคนหนึ่ง ขับรถไปดักรอข้างหน้าก่อน แล้วให้เอากิ่งไม้ใหญ่ๆมาขวางทางรถของเทลไว้ เป็นการล้อเสือออกจากถ่ำ โดยให้เขาหลงกลหยุดรถแล้วลงจากรถเพื่อมาเอากิ่งไม้ที่ขวางทางออก พอได้จังหวะนั้นล่ะ พวกมันก็จะเข้าไปจับตัวเทลพร้อมกัน เมื่อเป็นไปตามแผนที่พวกมันวางไว้ พวกมันเข้ามาพร้อมกันแล้วก็ล็อกตัวเทลได้ พวกมัน ลากเทลเข้าไปในป่าลึกข้างทาง และลงมือจัดการกับเทลโดยไม่ยั่งมือ เอาถึงเกือบตายเลยก็ว่าได้
“พวกแกเป็นใครว่ะ แน่จริงตัวต่อตัวสิว่ะ”ถ้าพวกมันไม่เล่นทีเผลอแบบนี้ผมคงไม่เสียทีพวกมันแน่ แถมพวกมันยังมีมากกว่าอีก
“ฮ่าๆๆๆ แต่เสียใจด้วยไอ้น้องสำหรับพวกโจรนะ ไม่มีหรอกเว้ย!! ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้พวกเลวเอ้ยยย!!”
“ปากดี นักนะ เฮ้ย!! จัดให้มันสักดอกสิ”
“ได้ครับลูกพี่ เดี๋ยวจัดให้ ฮ่าๆๆ”
“ตุ๊บบบ…ตั๊บบบบ…พรั้วววว!!!”
พวกมันสามคนก็ลุมกระทืบเทลจนตัวเขานอนจมกอง! อยู่กับพื้น
“เฮ้ย!พอ เดียวมันก็ตายซะหรอก ปล่อยมันไว้ตรงนี้แหละ ไม่มีทางที่ใครจะมาเจอได้หรอก พวกมันลากเทลเข้าไปข้างในป่า! ลึกเข้าไปอีกหลายเมตรของป่า ซึ่งป่าก็ดูกว้างมากพอสมควร
“โทรหาเชอร์รี่สิ ว่าเราทำงานสำเร็จตามที่สั่งแล้ว ฮ่าๆๆๆ”
“ครับพี่”
ผมเกือบจะหมดสติไป เพราะรับบาดแผลฟกช้ำนาๆ ที่มีอยู่ตามร่างกาย จากการที่โดนลุมซ้อมนี้ไม่ไหว แน่นอนว่าผมได้ยินที่พวกมันคุยกัน ก่อนที่พวกมันจะเดินออกจากป่าไป ผมรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้และเป็นคนจ้างพวกมันให้มาทำร้ายผม ยัยนั้นช่างร้ายกาจนัก ไม่คิดว่าจะกล้าหันมาพ่นพิษใส่ผมได้ เมื่อไหร่ที่ผมรอดไปได้ ผมต้องไปกระชากยัยนั้นและไอ้พวกนี้ให้ไปอยู่ในคุกแน่ โดยไม่ให้ได้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลยละ แต่ตอนนี้ผมเริมจะทนไม่ไหวแล้ว ของร้อง…ละ…..ใครก็ได้………..ได้โปรดช่วยผมที
ผมมีความหวังอยู่ลึกๆ ว่ายังไงก็ต้องมีคนมาช่วย แต่แล้วก็ไม่มีวี้แววเลย ตอนนี้ผมอยู่ในป่าค่อนข้างลึกมากทีเดียว ผมตัดสินใจพยายามฝืนขยับตัวเอง ถูๆไถๆไปตามพื้นดินอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เผื่อจะเจอผู้คนผ่านมา ตอนนี้ผมออกมาจากตรงนั้นก็ได้ไกลมากแล้ว แต่ผมไม่ไหวแล้ว ใกล้จะหมดแรงแล้ว ไม่เห็นทีท่าว่าจะออกจากป่านี้ได้เลย ผมฝืนทนต่อไปอีกนิด โดยมีความหวัง………. ผมทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเกือบจะวินาทีสุดท้ายของผม ถึงเริ่มเห็นแสงไฟริบๆอยู่ไม่ไกล
ในที่สุดก็มีบ้านคนอยู่แถวนี้จริงๆ แต่ตอนนี้ผมฝืนตัวเอง กับอาการที่แสนเจ็บปวดทรมารนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ร่างกายมันไม่ขยับ ส่วนตาของผม มันก็กำลังจะปิดลงแล้ว นี้ผมกำลังจะตายแล้วงั้นเหรอ แต่อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง นิดเดียว………………..เท่านั้น……
เมื่อแม่ของเทลที่รอเขากลับมาจากซื้อของอยู่นั้น ก็เริ่มกังวน ไม่สบายใจขึ้นมา เพราะเทลไปนานเกิน…จนผิดปกติ แม่ของเขากระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก จนอยู่นิ่งไม่ได้ ใจไม่อยู่กับตัวเลย จนกระทั้งพ่อของเทากลับมา….ทันทีที่เห็น….แม่ของเขาก็วิ่งเข้าไปบอกกับพ่อทันที ด้วยความเป็นห่วงลูกชายมาก เพราะทั้งสองมีลูกชายเพียงคนเดียวที่ทั้งคู่รักมาก
“คุณค่ะ ตอนนี้ลูกเรายังไม่กลับมาเลยค่ะ ฉันบอกให้เขาไปซื้อของให้ จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาบ้านเลย โทรไปก็ไม่มีสัญญาณ ทำไงดีค่ะคุณฉันกล้วว่าลูกของเราจะเป็นอะไรไป ฉันใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ”
“ใจเย็นๆก่อนน่ะคุณ เดี๋ยวผมจะไปแจ้งความกับตำรวจเอง คุณรอผมอยู่ที่บ้านนะเดี๋ยวผมมา ยังไงเราก็ต้องเจอลูก และเขาจะต้องไม่เป็นอะไรไปเด็ดขาด ผมเชื่ออย่างนั้น”
เมื่อแม่ของเทลได้ยินตามนั้น ก็โล่งใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง……แต่ก็แค่นั้น เพราะยังคงห่วงลูกมากเหมือนเดิม
ฉันที่กำลังนั่งดูดาวอยู่ริบหน้าต่างของห้องนอนคิดอะไรเพลินๆเล่นๆไป เพราะวันนี้รู้สึกแปลกๆกระวนกระวายใจยังไงไม่รู้ และนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับ
“ดาวตกนิ” (แม่เคยบอกไว้ว่าถ้าใครเห็นดาวตกให้ขอพรอะไรก็ได้ และพรนั้นจะเป็นจริง) ฉันก็เลยลองขอเล่นๆดู
“สาธุ ขอให้คนที่ทำให้ลูกเจ็บปวด ได้รับโทษด้วยเถิดด! เพี้ยงๆๆ!!”ฉันเจ็บใจและเสียใจมากกับเรื่องที่เทลทำกับฉัน ก็เลยแช่งเขาเล่นๆไป ก็เขาบังอาจทำให้ฉันเสียใจร้องไห้แบบนี้นิ สมควรได้รับโทษอยู่แล้ว เหมือนจะสักสิทธิ์แฮะ! เพราะขณะพูดอยู่ ก็มีลมพัดผ่านหน้าฉันไปครู่หนึ่ง
“แค้กๆๆ โคร้ม”อยู่ๆกิ่งไม้ก็หักลงมา ดังมาจากสวนที่อยู่หลังบ้านฉัน สงสัยคงเป็นเพราะลมเมื้อตะกี้นี้แน่ๆ พอฉันมองตามไป ก็เห็น…..เหมือนจะเป็นแสงไฟเล็กๆอะไรสักอย่างที่กำลังกระพริบอยู่ ทำให้ฉันเกิดสงสัยขึ้นมา จึงเดินลงไปดู ถึงจะกลัวมากก็ตาม ก็อยากรู้นิ แถมตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วด้วย ผู้คนแถวๆนี้ก็หลับๆกันไปหมดแล้ว แม้กระทั้งป้าบัวเองก็เหมือนกัน
ฉันเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน เดินตรงไปทางที่ที่มีแสงไฟนั้นกระพริบอยู่ บริเวณนั้นมันค้อนข้างมีหญ้าขึ้นรกเลยล่ะ แถมยังสูงท่วมครึ่งขาแข้งฉันแน่ะ มันมืดมาก จนมองอะไรไม่ค่อยถนัดเลย พอฉันเดินใกล้เขามาเรื่อยๆก็พบว่ามันเป็นโทรศัพท์มือถือนั่นเอง เครื่องมันใหญ่ๆคงจะยี้ห้อแพงน่าดู วางอยู่พื้น! แต่สักพักไฟมันก็ดับไปสงสัยแบตคงจะหมด ฉันก้มหยิบมันขึ้นมาดู…………
“อ๊ากก…กรี๊ดดดด!! อะ…อา….รายยย…จะ…จับขาฉันนะ ปล่อยนะ ปล่อยๆๆๆ!” ฉันตกใจ!!ร้องเสียงดังลั่น! เพราะคิดว่าผีจับขาอยู่ ไม่รู้จะทำยังไง เลยใช้เท้าอีกข้างเตะๆไปมั่วๆแบบนั้นเต็มๆแรง จนเขายอมปล่อยข้อเท้าของฉัน
“โอ๊ยย!!”
“กรี๊ดด!.......ผีหลอก นะโม ตัสสะ อะระหังสัมมา สัพเพสัพตา..โอม……”ฉันสวนมนต์ทุกบทเท่าที่จำได้ ด้วยอาการที่กลัวผีมากจนขึ้นสมองเลยละตอนนี้
“ผ……ผะ…ผีหลอก อ๊ากก!!!….ผี…..ร้องไม่ได้นิ! เออ”
เมื่อฉันตั้งสติได้ ก็คิดได้ทันทีว่า ผีบ้าอะไรโดนเตะแล้วร้องได้ด้วย บางทีอาจจะเป็นคนก็ได้นะ เลยลองก้มลงมาดู และก็เป็นคนจริงๆด้วย เขานอนคว่ำหน้าอยู่ แต่ไม่รู้ว่าใคร เป็นคนดีหรือเลวนั้น ยังไงก็ช่วยๆเขาไปก่อนน่าจะดีกว่า
“คุณ นี่ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า อย่าพึ่งตายนะ นี่” ฉันนั่งลงข้างๆเขา เขย่าตัวของเขา ร้องเรียกให้เขาตื่น
แต่ก็เงียบ!กริบ ไม่มีแม้เสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้น ฉันเลยพลิกตัวเขาให้หงายขึ้น ก็พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะมันมืดมากจนมองไม่เห็นหน้าท่าตาเลย รู้แค่ว่าสภาพของเขาเหมือนไปฟัดกับหมาที่ไหนมาก็ไม่รู้ ฉันพยุงตัวเขาให้ลุกขึ้นและเอาแขนของเขาพาดมาที่คอของฉัน พยายามลากเขา ให้เดินไปกับฉัน
“โอ๊ย! ตัวหนักเป็นบ้าเลย”
ฉันพยุงตัวเขา ลากเขามาจนกระทั้งถึงบ้าน ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วด้วยสิ ไม่อยากจะไปรบกวนป้าบัวเลย ฉันตัดสินใจพาเขาขึ้นไปข้างบนและลากเขาเข้าไปในห้องของฉัน พอมาถึง ฉันก็วางเขาไว้ที่โซฟาในห้องนอนของฉัน และมองดูเขาอีกครั้ง ที่สภาพหม่อมแหม่มและเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำตามร่างกายและใบหน้า มีบาดแผลที่บริเวณมุมปากของเขา แผลนั้นอาบไปด้วยเลือด!!สีแดงสดๆที่กำลังหลั่งไหลออกมา ฉันถึงกับต้องตกใจ….เกินกว่าช็อกซะอีก!!! เมื่อมองหน้าเขาอย่างเต็มสองลูกกะตา ไม่คิดเลยว่า….ใช่เลย…………..
“นายน้ำแข็ง!! เป็นไปได้ไงเนี้ย”ฉันเอามือกุมกระหมับตัวเอง แบบงงๆๆ ก็ใครจะไปคิดว่าจะเป็นนายเทลไปได้นิ!
ฉันอึ่ง!!!!!!!!!!!!!!!มากถึงมาก ไม่คิดว่าจะเป็นนายนี้ไปได้จริงๆ หรือเพราะว่าฉันรึเปล่านะ ที่ไปขอพรจากดาวตกก่อนหน้านี้ เขาถึงได้มีสภาพยับเยินแบบนี้ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆเลย ขอปุ๊บเห็นผลปั๊บ! คงไม่หรอกมั่ง! แต่ถ้าจริงละก็…..ฉันผิดอย่างเต็มๆเลยละ ถึงจะเจ็บใจเขามากยังไง ก็ไม่ได้อยากให้เขาเป็นแบบนี้เลย อย่างน้อยก็…ให้ๆมันหนักกว่านี้เลยจะดีมาก(ล้อเล่นอ่ะค่ะ)ถ้าเป็นคุณ จะให้อภัยหรือแก้แค้น! อิอิอิ!!
หลังจากนั้น ฉันจึงเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมา และลงมือจัดการกับแผลที่หน้าและตามแขนตามขาของเขาทันที
เมื่อทำแผลเสร็จ เนื้อตัวเขาดูหม่อมแหมมมาก ก็เลยกะจะเช็ดตัวให้เขา และเอาเสื้อผ้าของเขาไปซัก เพราะมันเปื้อนดินเปื้อนโคลนเละเทะไปหมด ไม่มีชิ้นดีเลยสักนิด
ฉันคิดว่าตอนนี้ที่บ้านของเขาคงจะเป็นห่วงเขามาก เลยเอามือถือของเขาไปชาร์จแบตไว้ เพื่อจะมีใครโทรมาก็ได้
จากนั้นฉันก็ทำการถอดเสื้อของเขาออก โดยเริ่มจากการปลดกระดุมเม็ดแรกและเม็ดต่อๆมาไปเรื่อยๆ! โดยที่ไม่อยากจะมองเลยสักนิดเดียว ในระหว่างที่กำลังปลดกระดุมไปเรื่อยๆอยู่นั้น มือไม้ก็สั่นระริ๊กๆจนสะเถือนไปถึงแม้กระทั้งหัวใจ ที่เต้นแรงจนจะระเบิดออกมา สุดท้ายแล้ว ก็ เสร็จไปครึ่งตัว! เหลือก็แต่อีกครึ่งหนึ่ง…..เออ….ตรงนั้นมัน…….จะดีดี๊!!!เหรออออ!! เอาเป็นว่าชั่งมันเถอะ เพราะไม่ด๊าย….ม๊าย….ด๊ายจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตรงนั้นน่ะ อิอิ
ต่อจากนั้น ฉันจึงเดินไปเอาชามใส่น้ำอุ่นพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กๆมา หยิบผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดๆ ก่อนจะค่อยๆวางมันลงบนตัวของเทล แล้วเริ่มเช็ดไล่เลี้ยไปเรื่อยๆจนทั่วตัวของเขา ฉันกะจะไม่มองเขาแล้วล่ะ แต่ก็เห็นทีจะไม่ได้ ก็กำลังเช็ดตัวให้อยู่นิ ยังไงก็มองๆไปเถอะ!!...(ก็ไม่อยากจะมองหรอกนะถ้าไม่จำเป็นอ่ะ) (เหรออออจ๊ะ…..!!!) มันดูกำยำอย่างพอดิบพอดีและผิวพรรณของเขานั้น ช่างขาว....เนียน…ผุดผ่องมาก ไม่มีแม้รอยขูดขีดสักนิด……แล้วยังบวกกับหน้าตาอันหาที่เปรียบไม่ได้นั้นอีก ชั่งดูเหมือนเจ้าชายเทพบุตร ผู้สง่า…งาม ที่กำลังหลับอยู่ใต้ท่ามกลางหมู่ดาวและแสงจันทร์ ในยามราตรีอันโสภา….เปล่งแสงประกายแวววาว…ออกมา เฮ้อ……………………..
เมื่อฉันเช็ดตัวให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เอาเสื้อของเขาไปซัก และหาเสื้อใหม่มาเปลี่ยนให้เขาใส่ ฉันไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาให้เขาใส่ดี เลยไปหยิบเสื้อยืดสีชมพูๆของฉันมา และใส่ให้เขาทันที เพราะมันมีอยู่ตัวเดียวที่รู้สึกว่าเขาน่าจะใส่ได้พอดี อีกอย่างในบ้านหลังนี้ก็ไม่มีเสื้อผ้าผู้ชายเลย หรือจะไปเอาของป้าบัวมานะ…มันก็…ดูจะตัวใหญ่กว่าของฉันตั้งเยอะเนาะ บ้า!แล้ว...แค่นี่นายนี้ก็ดูตลกมากพออยู่แล้วนะ ถ้ายิ่งกว่านี้ ฉันจะไม่ขำไปทั้งคืนเลยเหรออออออออ
“ฮ่าๆๆๆ ^_^นายดูเข้ากับเสื้อตัวนี้ดีนะ”เขาชั่งเหมาะกับเสื้อตัวนี้จริงๆ ดูยังกะเด็กสาวไร้เดียงสาแน่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“หาวววว ง่วงจัง”ฉันลุกเดินไปปิดไฟ แล้วกลับมายังที่เดิมข้างๆเขา ฉันเฝ้าดูอาการเขาตลอดทั้งคืน เผลอหลับไปตอนไหนก็ยังไม่รู้เลย
2 อาทิตย์ผ่านไป ตอนนี้ฉันยังรู้สึกเสียใจอยู่ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่อยากแม้แต่จะออกไปไหน ได้แต่นั่งซึมเศร้าอุดอู้ อยู่แต่ในห้องอย่างนั้นตลอด ไปเรียนก็ไม่อยากไป ได้แต่หาข้ออ้างบอกกับทางมหาลัยว่าป่วยอย่างนั้นป่วยอย่างนี้ จึงไม่สามารถมาเรียนได้ ทั้งที่จริงมันไม่ใช่ความจริงเลย
“คุณหนูค่ะ คือท่านบาร์ลอกับท่านอันเดอร์จะกลับประเทศแล้วค่ะ ทั้งสองอยากจะกล่าวลาคุณหนูก่อนนะค่ะ”ป้าบัวขึ้นมาบอกฉันที่หน้าห้อง
“ค่ะ” ได้ยินตามนั้น ฉันจึงเดินตามป้าแก ลงมาข้างล่าง
พอฉันเดินมาถึง ก็เห็นทั้งสองคน ยืนรออยู่ข้างล่าง เมื่อทั้งสองคนเห็นฉันก็โค้งเคารพให้เกียรติอย่างเป็นทางการพร้อมเพียงกันทั้งคู่
“องค์หญิง กระหม่อมได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว จึงจะกลับไปยังประเทศของเรา ขอรับ” ท่านบาร์ลอเป็นคนกล่าวกับฉัน
“อืม งั้นเราก็ขอให้ท่านทั้งสองโชคดีนะ บอกท่านพ่อด้วย ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก เราสบายดี”
“ขอรับ”
“ท่านทั้งสองไปได้แล้วล่ะ”
“ขอรับ พวกกระหม่อมขอทูลลา”เมื่อท่านองครักษ์ทั้งสองกล่าวลาเสร็จ ก็ทำความเคารพเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากบ้านไป
“กริ๊ง………กริ๊ง…..เสียงโทรศัพท์มือถือ ของฉันดังขึ้น เมื่อหยิบมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของกิ๊บที่โทรมา
“ฮัลโหล กิ๊บ”
(“เธอเป็นไงบ้างอ่ะ นี้ยังไม่หายป่วยอีกเหรอ”)
“คงอีกสักพักน่ะ เดียวก็หายแล้วละ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
(“OKๆ งั้นก็ขอให้หายไวๆละกัน”)
“จ้าาาา…..ขอบใจนะ”
(“เออ นี้! วันนี้นายเทลดูแปลกๆไปนะจู่ๆก็ถามหาเธอซะงั้น”)
(“มีอะไรรึเปล่านะ ปกติไม่เห็นว่านายนั้นจะสนใจ เธอเลยสักครั้งนิ แม้จะอยู่ห้องเดียวกันก็เถอะ”)
“ไม่รู้สิ คงไม่มีอะไรหรอกมั่ง” ฉันทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร เพราะไม่อยากให้กิ๊บรับรู้ กลัวว่าเธอจะไปเอาเรื่องเทลแล้วมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา สู้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จะดีกว่า
(“นั้นสินะ….งันแค่นี้ก่อนนะ บาย”) แล้วกิ๊บก็วางสายไป แต่ไม่รู้ว่าจะเชื่อที่ฉันพูดไปไหม คงไม่สงสัยอะไรหรอกนะ
เวลา3ทุ่มตรง ณ บ้านของเทล ตอนนี้เขากำลังนั่งดูหนังอย่างเมามัน อยู่บนห้องนอนอันกว้างใหญ่ และหรูหรา แบบสไตล์ผู้ชายๆ จนกระทั้งมีเสียงของใครคนหนึ่ง เรียกเขา แม่ของเขานั้นเอง!
“เทลลูก ลงมาหาแม่หน่อยสิ”
“ครับ แม่” เมื่อผมได้ยินแม่เรียก ก็ตอบกลับอย่างสุภาพ ปิดทีวีแล้วลุกออกจากห้อง เดินจากชั้นบนลงมาข้างล่าง แล้วเดินต่อ ไปที่ห้องครัว เพราะได้ยินเสียงของแม่ที่เรียก น่าจะมาจากตรงนั้น
“มีอะไรหรือเปล่าครับแม่”
“คือพอดี แม่อยากให้ลูกออกไปซื้อของให้แม่หน่อยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะใส่บาตรซะหน่อย”
“อ้าว! แล้วลุงธารกับป้าเพชรไปไหนละครับ ทำไมแม่ไม่บอกให้แกไปซื้อให้”
“พอดีวันนี้แกขอลางาน เพื่อกลับไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดนะ”
“งั้นเหรอครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้เองก็ได้ครับ”
“ขอบใจจ๊ะ”แม่สุดที่รักของผม ส่งยิ้มหวานให้ พร้อมกล่าวขอบคุณ
ผมเดินออกไปนอกบ้าน เดินไปเอารถที่จอดอยู่ลานจอดรถข้างๆบ้าน แล้วขับออกไป มุ่งหน้าเข้าตลาดทันที ซึ่งก็ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ผมเคยมากับแม่อยู่ๆบ่อยๆ จนจำเส้นทางได้ขึ้นใจและแม่นยำ เมื่อมาถึงร้าน ผมจอดรถไว้และเดินไปที่ร้าน บอกแม่ค้าจัดของตามที่แม่สั่งมา ในระหว่างที่ยืนรออยู่นั้น ผมสังเกตเห็นผู้ชายประมาณสามคน ที่นั่งอยู่ร้านอาหารของอีกฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับผม รู้สึกเหมือนพวกเขาจะจ้องมองผมอยู่นานแล้วนะ
“เฮ้ยพี่ๆ นั้นใช่คนที่เชอร์รี่ส่งรูปมาไหมครับ”
“ไหนวะ”
“หึ ไอ้หน้าหล่อนั้นไม่ผิดแน่ มันมาหาเราเองโดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยตามหามันเลย โชคเข้าข้างพวกเราแล้วเว้ย ฮะฮ่าๆๆๆ”
“ไปเว้ย!!พวกเรา”
นักเลงสามคน ลักษณะหน้าตาโหดๆ มีรูปร่างกำยำกำลังเดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับที่ผมยืนอยู่ และในระหว่างที่ผมกำลังยืนรอของที่สั่งไปอยู่นั้น พวกมันเหมือนกำลังจะเดินมาหาผม แต่อยู่ๆก็ทำท่าทีตกใจอะไรบางอย่าง พวกมันหยุดเดิน แล้วก็หันหลังเดินกลับไปที่เดิม
“พี่ๆเดี๋ยวก่อน นั้นตำรวจนิ”
“ไหนว่ะ จริงด้วยว่ะ เฮ้ยย!! งันเราไปดักรอให้มันขับรถออกไปก่อน แล้วค่อยตามไปดีกว่า หาโอกาสเหมาะๆกระทืบ!มันให้สมใจดีกว่าว่ะ”
“จัดให้ครับพี่ ฮ่าๆๆๆ”
แรกๆผมก็ติดใจอยู่หรอกนะ แต่พอเห็นว่าพวกมันถอยกลับ ก็ไม่ได้คิดอะไร ทำเฉยไปตามปกติ คงไมใช่อย่างที่ผมคิดหรอกมั่ง
เมื่อเทลรับของที่สั่งมาแล้ว ก็ขับรถออกไป จะกลับบ้านทันที แต่ในระหว่างทางกลับนั้น มีรถมอเตอร์ไซด์สองคันตามเขามาด้วย แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตัว ว่ามีรถตามมาและเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อเขาขับรถมาได้สักครึ่งทาง บริเวณนั้นดูเหมือนจะไม่มีผู้คนผ่านไปมาเลย พวกนั้นก็ได้โอกาส โดยวางแผน ให้ลูกน้องคนหนึ่ง ขับรถไปดักรอข้างหน้าก่อน แล้วให้เอากิ่งไม้ใหญ่ๆมาขวางทางรถของเทลไว้ เป็นการล้อเสือออกจากถ่ำ โดยให้เขาหลงกลหยุดรถแล้วลงจากรถเพื่อมาเอากิ่งไม้ที่ขวางทางออก พอได้จังหวะนั้นล่ะ พวกมันก็จะเข้าไปจับตัวเทลพร้อมกัน เมื่อเป็นไปตามแผนที่พวกมันวางไว้ พวกมันเข้ามาพร้อมกันแล้วก็ล็อกตัวเทลได้ พวกมัน ลากเทลเข้าไปในป่าลึกข้างทาง และลงมือจัดการกับเทลโดยไม่ยั่งมือ เอาถึงเกือบตายเลยก็ว่าได้
“พวกแกเป็นใครว่ะ แน่จริงตัวต่อตัวสิว่ะ”ถ้าพวกมันไม่เล่นทีเผลอแบบนี้ผมคงไม่เสียทีพวกมันแน่ แถมพวกมันยังมีมากกว่าอีก
“ฮ่าๆๆๆ แต่เสียใจด้วยไอ้น้องสำหรับพวกโจรนะ ไม่มีหรอกเว้ย!! ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้พวกเลวเอ้ยยย!!”
“ปากดี นักนะ เฮ้ย!! จัดให้มันสักดอกสิ”
“ได้ครับลูกพี่ เดี๋ยวจัดให้ ฮ่าๆๆ”
“ตุ๊บบบ…ตั๊บบบบ…พรั้วววว!!!”
พวกมันสามคนก็ลุมกระทืบเทลจนตัวเขานอนจมกอง! อยู่กับพื้น
“เฮ้ย!พอ เดียวมันก็ตายซะหรอก ปล่อยมันไว้ตรงนี้แหละ ไม่มีทางที่ใครจะมาเจอได้หรอก พวกมันลากเทลเข้าไปข้างในป่า! ลึกเข้าไปอีกหลายเมตรของป่า ซึ่งป่าก็ดูกว้างมากพอสมควร
“โทรหาเชอร์รี่สิ ว่าเราทำงานสำเร็จตามที่สั่งแล้ว ฮ่าๆๆๆ”
“ครับพี่”
ผมเกือบจะหมดสติไป เพราะรับบาดแผลฟกช้ำนาๆ ที่มีอยู่ตามร่างกาย จากการที่โดนลุมซ้อมนี้ไม่ไหว แน่นอนว่าผมได้ยินที่พวกมันคุยกัน ก่อนที่พวกมันจะเดินออกจากป่าไป ผมรู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้และเป็นคนจ้างพวกมันให้มาทำร้ายผม ยัยนั้นช่างร้ายกาจนัก ไม่คิดว่าจะกล้าหันมาพ่นพิษใส่ผมได้ เมื่อไหร่ที่ผมรอดไปได้ ผมต้องไปกระชากยัยนั้นและไอ้พวกนี้ให้ไปอยู่ในคุกแน่ โดยไม่ให้ได้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลยละ แต่ตอนนี้ผมเริมจะทนไม่ไหวแล้ว ของร้อง…ละ…..ใครก็ได้………..ได้โปรดช่วยผมที
ผมมีความหวังอยู่ลึกๆ ว่ายังไงก็ต้องมีคนมาช่วย แต่แล้วก็ไม่มีวี้แววเลย ตอนนี้ผมอยู่ในป่าค่อนข้างลึกมากทีเดียว ผมตัดสินใจพยายามฝืนขยับตัวเอง ถูๆไถๆไปตามพื้นดินอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เผื่อจะเจอผู้คนผ่านมา ตอนนี้ผมออกมาจากตรงนั้นก็ได้ไกลมากแล้ว แต่ผมไม่ไหวแล้ว ใกล้จะหมดแรงแล้ว ไม่เห็นทีท่าว่าจะออกจากป่านี้ได้เลย ผมฝืนทนต่อไปอีกนิด โดยมีความหวัง………. ผมทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเกือบจะวินาทีสุดท้ายของผม ถึงเริ่มเห็นแสงไฟริบๆอยู่ไม่ไกล
ในที่สุดก็มีบ้านคนอยู่แถวนี้จริงๆ แต่ตอนนี้ผมฝืนตัวเอง กับอาการที่แสนเจ็บปวดทรมารนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ร่างกายมันไม่ขยับ ส่วนตาของผม มันก็กำลังจะปิดลงแล้ว นี้ผมกำลังจะตายแล้วงั้นเหรอ แต่อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง นิดเดียว………………..เท่านั้น……
เมื่อแม่ของเทลที่รอเขากลับมาจากซื้อของอยู่นั้น ก็เริ่มกังวน ไม่สบายใจขึ้นมา เพราะเทลไปนานเกิน…จนผิดปกติ แม่ของเขากระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก จนอยู่นิ่งไม่ได้ ใจไม่อยู่กับตัวเลย จนกระทั้งพ่อของเทากลับมา….ทันทีที่เห็น….แม่ของเขาก็วิ่งเข้าไปบอกกับพ่อทันที ด้วยความเป็นห่วงลูกชายมาก เพราะทั้งสองมีลูกชายเพียงคนเดียวที่ทั้งคู่รักมาก
“คุณค่ะ ตอนนี้ลูกเรายังไม่กลับมาเลยค่ะ ฉันบอกให้เขาไปซื้อของให้ จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาบ้านเลย โทรไปก็ไม่มีสัญญาณ ทำไงดีค่ะคุณฉันกล้วว่าลูกของเราจะเป็นอะไรไป ฉันใจคอไม่ค่อยดีเลยค่ะ”
“ใจเย็นๆก่อนน่ะคุณ เดี๋ยวผมจะไปแจ้งความกับตำรวจเอง คุณรอผมอยู่ที่บ้านนะเดี๋ยวผมมา ยังไงเราก็ต้องเจอลูก และเขาจะต้องไม่เป็นอะไรไปเด็ดขาด ผมเชื่ออย่างนั้น”
เมื่อแม่ของเทลได้ยินตามนั้น ก็โล่งใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง……แต่ก็แค่นั้น เพราะยังคงห่วงลูกมากเหมือนเดิม
ฉันที่กำลังนั่งดูดาวอยู่ริบหน้าต่างของห้องนอนคิดอะไรเพลินๆเล่นๆไป เพราะวันนี้รู้สึกแปลกๆกระวนกระวายใจยังไงไม่รู้ และนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับ
“ดาวตกนิ” (แม่เคยบอกไว้ว่าถ้าใครเห็นดาวตกให้ขอพรอะไรก็ได้ และพรนั้นจะเป็นจริง) ฉันก็เลยลองขอเล่นๆดู
“สาธุ ขอให้คนที่ทำให้ลูกเจ็บปวด ได้รับโทษด้วยเถิดด! เพี้ยงๆๆ!!”ฉันเจ็บใจและเสียใจมากกับเรื่องที่เทลทำกับฉัน ก็เลยแช่งเขาเล่นๆไป ก็เขาบังอาจทำให้ฉันเสียใจร้องไห้แบบนี้นิ สมควรได้รับโทษอยู่แล้ว เหมือนจะสักสิทธิ์แฮะ! เพราะขณะพูดอยู่ ก็มีลมพัดผ่านหน้าฉันไปครู่หนึ่ง
“แค้กๆๆ โคร้ม”อยู่ๆกิ่งไม้ก็หักลงมา ดังมาจากสวนที่อยู่หลังบ้านฉัน สงสัยคงเป็นเพราะลมเมื้อตะกี้นี้แน่ๆ พอฉันมองตามไป ก็เห็น…..เหมือนจะเป็นแสงไฟเล็กๆอะไรสักอย่างที่กำลังกระพริบอยู่ ทำให้ฉันเกิดสงสัยขึ้นมา จึงเดินลงไปดู ถึงจะกลัวมากก็ตาม ก็อยากรู้นิ แถมตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วด้วย ผู้คนแถวๆนี้ก็หลับๆกันไปหมดแล้ว แม้กระทั้งป้าบัวเองก็เหมือนกัน
ฉันเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน เดินตรงไปทางที่ที่มีแสงไฟนั้นกระพริบอยู่ บริเวณนั้นมันค้อนข้างมีหญ้าขึ้นรกเลยล่ะ แถมยังสูงท่วมครึ่งขาแข้งฉันแน่ะ มันมืดมาก จนมองอะไรไม่ค่อยถนัดเลย พอฉันเดินใกล้เขามาเรื่อยๆก็พบว่ามันเป็นโทรศัพท์มือถือนั่นเอง เครื่องมันใหญ่ๆคงจะยี้ห้อแพงน่าดู วางอยู่พื้น! แต่สักพักไฟมันก็ดับไปสงสัยแบตคงจะหมด ฉันก้มหยิบมันขึ้นมาดู…………
“อ๊ากก…กรี๊ดดดด!! อะ…อา….รายยย…จะ…จับขาฉันนะ ปล่อยนะ ปล่อยๆๆๆ!” ฉันตกใจ!!ร้องเสียงดังลั่น! เพราะคิดว่าผีจับขาอยู่ ไม่รู้จะทำยังไง เลยใช้เท้าอีกข้างเตะๆไปมั่วๆแบบนั้นเต็มๆแรง จนเขายอมปล่อยข้อเท้าของฉัน
“โอ๊ยย!!”
“กรี๊ดด!.......ผีหลอก นะโม ตัสสะ อะระหังสัมมา สัพเพสัพตา..โอม……”ฉันสวนมนต์ทุกบทเท่าที่จำได้ ด้วยอาการที่กลัวผีมากจนขึ้นสมองเลยละตอนนี้
“ผ……ผะ…ผีหลอก อ๊ากก!!!….ผี…..ร้องไม่ได้นิ! เออ”
เมื่อฉันตั้งสติได้ ก็คิดได้ทันทีว่า ผีบ้าอะไรโดนเตะแล้วร้องได้ด้วย บางทีอาจจะเป็นคนก็ได้นะ เลยลองก้มลงมาดู และก็เป็นคนจริงๆด้วย เขานอนคว่ำหน้าอยู่ แต่ไม่รู้ว่าใคร เป็นคนดีหรือเลวนั้น ยังไงก็ช่วยๆเขาไปก่อนน่าจะดีกว่า
“คุณ นี่ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า อย่าพึ่งตายนะ นี่” ฉันนั่งลงข้างๆเขา เขย่าตัวของเขา ร้องเรียกให้เขาตื่น
แต่ก็เงียบ!กริบ ไม่มีแม้เสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้น ฉันเลยพลิกตัวเขาให้หงายขึ้น ก็พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะมันมืดมากจนมองไม่เห็นหน้าท่าตาเลย รู้แค่ว่าสภาพของเขาเหมือนไปฟัดกับหมาที่ไหนมาก็ไม่รู้ ฉันพยุงตัวเขาให้ลุกขึ้นและเอาแขนของเขาพาดมาที่คอของฉัน พยายามลากเขา ให้เดินไปกับฉัน
“โอ๊ย! ตัวหนักเป็นบ้าเลย”
ฉันพยุงตัวเขา ลากเขามาจนกระทั้งถึงบ้าน ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วด้วยสิ ไม่อยากจะไปรบกวนป้าบัวเลย ฉันตัดสินใจพาเขาขึ้นไปข้างบนและลากเขาเข้าไปในห้องของฉัน พอมาถึง ฉันก็วางเขาไว้ที่โซฟาในห้องนอนของฉัน และมองดูเขาอีกครั้ง ที่สภาพหม่อมแหม่มและเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำตามร่างกายและใบหน้า มีบาดแผลที่บริเวณมุมปากของเขา แผลนั้นอาบไปด้วยเลือด!!สีแดงสดๆที่กำลังหลั่งไหลออกมา ฉันถึงกับต้องตกใจ….เกินกว่าช็อกซะอีก!!! เมื่อมองหน้าเขาอย่างเต็มสองลูกกะตา ไม่คิดเลยว่า….ใช่เลย…………..
“นายน้ำแข็ง!! เป็นไปได้ไงเนี้ย”ฉันเอามือกุมกระหมับตัวเอง แบบงงๆๆ ก็ใครจะไปคิดว่าจะเป็นนายเทลไปได้นิ!
ฉันอึ่ง!!!!!!!!!!!!!!!มากถึงมาก ไม่คิดว่าจะเป็นนายนี้ไปได้จริงๆ หรือเพราะว่าฉันรึเปล่านะ ที่ไปขอพรจากดาวตกก่อนหน้านี้ เขาถึงได้มีสภาพยับเยินแบบนี้ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆเลย ขอปุ๊บเห็นผลปั๊บ! คงไม่หรอกมั่ง! แต่ถ้าจริงละก็…..ฉันผิดอย่างเต็มๆเลยละ ถึงจะเจ็บใจเขามากยังไง ก็ไม่ได้อยากให้เขาเป็นแบบนี้เลย อย่างน้อยก็…ให้ๆมันหนักกว่านี้เลยจะดีมาก(ล้อเล่นอ่ะค่ะ)ถ้าเป็นคุณ จะให้อภัยหรือแก้แค้น! อิอิอิ!!
หลังจากนั้น ฉันจึงเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมา และลงมือจัดการกับแผลที่หน้าและตามแขนตามขาของเขาทันที
เมื่อทำแผลเสร็จ เนื้อตัวเขาดูหม่อมแหมมมาก ก็เลยกะจะเช็ดตัวให้เขา และเอาเสื้อผ้าของเขาไปซัก เพราะมันเปื้อนดินเปื้อนโคลนเละเทะไปหมด ไม่มีชิ้นดีเลยสักนิด
ฉันคิดว่าตอนนี้ที่บ้านของเขาคงจะเป็นห่วงเขามาก เลยเอามือถือของเขาไปชาร์จแบตไว้ เพื่อจะมีใครโทรมาก็ได้
จากนั้นฉันก็ทำการถอดเสื้อของเขาออก โดยเริ่มจากการปลดกระดุมเม็ดแรกและเม็ดต่อๆมาไปเรื่อยๆ! โดยที่ไม่อยากจะมองเลยสักนิดเดียว ในระหว่างที่กำลังปลดกระดุมไปเรื่อยๆอยู่นั้น มือไม้ก็สั่นระริ๊กๆจนสะเถือนไปถึงแม้กระทั้งหัวใจ ที่เต้นแรงจนจะระเบิดออกมา สุดท้ายแล้ว ก็ เสร็จไปครึ่งตัว! เหลือก็แต่อีกครึ่งหนึ่ง…..เออ….ตรงนั้นมัน…….จะดีดี๊!!!เหรออออ!! เอาเป็นว่าชั่งมันเถอะ เพราะไม่ด๊าย….ม๊าย….ด๊ายจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตรงนั้นน่ะ อิอิ
ต่อจากนั้น ฉันจึงเดินไปเอาชามใส่น้ำอุ่นพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กๆมา หยิบผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดๆ ก่อนจะค่อยๆวางมันลงบนตัวของเทล แล้วเริ่มเช็ดไล่เลี้ยไปเรื่อยๆจนทั่วตัวของเขา ฉันกะจะไม่มองเขาแล้วล่ะ แต่ก็เห็นทีจะไม่ได้ ก็กำลังเช็ดตัวให้อยู่นิ ยังไงก็มองๆไปเถอะ!!...(ก็ไม่อยากจะมองหรอกนะถ้าไม่จำเป็นอ่ะ) (เหรออออจ๊ะ…..!!!) มันดูกำยำอย่างพอดิบพอดีและผิวพรรณของเขานั้น ช่างขาว....เนียน…ผุดผ่องมาก ไม่มีแม้รอยขูดขีดสักนิด……แล้วยังบวกกับหน้าตาอันหาที่เปรียบไม่ได้นั้นอีก ชั่งดูเหมือนเจ้าชายเทพบุตร ผู้สง่า…งาม ที่กำลังหลับอยู่ใต้ท่ามกลางหมู่ดาวและแสงจันทร์ ในยามราตรีอันโสภา….เปล่งแสงประกายแวววาว…ออกมา เฮ้อ……………………..
เมื่อฉันเช็ดตัวให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เอาเสื้อของเขาไปซัก และหาเสื้อใหม่มาเปลี่ยนให้เขาใส่ ฉันไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาให้เขาใส่ดี เลยไปหยิบเสื้อยืดสีชมพูๆของฉันมา และใส่ให้เขาทันที เพราะมันมีอยู่ตัวเดียวที่รู้สึกว่าเขาน่าจะใส่ได้พอดี อีกอย่างในบ้านหลังนี้ก็ไม่มีเสื้อผ้าผู้ชายเลย หรือจะไปเอาของป้าบัวมานะ…มันก็…ดูจะตัวใหญ่กว่าของฉันตั้งเยอะเนาะ บ้า!แล้ว...แค่นี่นายนี้ก็ดูตลกมากพออยู่แล้วนะ ถ้ายิ่งกว่านี้ ฉันจะไม่ขำไปทั้งคืนเลยเหรออออออออ
“ฮ่าๆๆๆ ^_^นายดูเข้ากับเสื้อตัวนี้ดีนะ”เขาชั่งเหมาะกับเสื้อตัวนี้จริงๆ ดูยังกะเด็กสาวไร้เดียงสาแน่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“หาวววว ง่วงจัง”ฉันลุกเดินไปปิดไฟ แล้วกลับมายังที่เดิมข้างๆเขา ฉันเฝ้าดูอาการเขาตลอดทั้งคืน เผลอหลับไปตอนไหนก็ยังไม่รู้เลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ