The Mysterious…หนียังไงก็ไม่พ้นเธอ
8.0
เขียนโดย Illusion
วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.35 น.
6 ตอน
7 วิจารณ์
10.19K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2557 02.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ตอนที่1: เธอคือใคร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ( โปรดอ่านบทนำ)
เช้าวันใหม่และไม่อยากให้มาถึงเช้าวันนี้เอาซะเลย เพราะว่าโรเยลหน่ะสิ เธอจะต้องไปเรียนที่โรงเรียนประจำและไม่มีวันกลับมาเลยตั้งสามปี ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อมาส่งเธอขึ้นรถ หน้าตาเธอดูรื่นเริงผิดปกติกว่าวันอื่นๆเพราะเธอเป็นเด็กที่ไม่ชอบอยู่บ้านเอาสะเลย ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของฉันแต่อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้วแหละคะ โรเยลเธอต้องถูกส่งตัวไปเรียนที่โรงเรียนประจำของต่างประเทศ ซึ่งมันก็เป็นความต้องการของโรเยลเอง เธอดันทุลังที่จะไปเรียนให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เธอชอบอยู่คนเดียวมากๆ ชอบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ เธอเป็นเด็กหัวรั้น ถึงคุณน้าจะขัดใจยังไงเธอก็ไม่ยอม เธอไปเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย ส่วนฉันกำลังก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัยเป็นครั้งแรก… ตอนนี้โรเยลเข้ามากอดและหอมแก้มฉันพร้อมกับบอกลาคุณน้าและยัยนั่นก่อนที่จะขึ้นรถออกไปจากบ้านหลังนี้ บรรยากาศเงียบลงไปทันที เพราะในบ้านของฉันตอนนี้เหลือแค่ฉัน คุณน้าและก็ยัยนั่นกันอยู่สามคนถ้าไม่รวมคนรับใช้อีกสี่คน
“ยัยควีน…น้าฝากดูแลทาม เขาด้วยนะลูกเพราะน้าจะต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดสักหน่อย น่าจะกลับมาอีกทีประมาณสองวัน”
“ห๊ะ?”
“ช่วงนี้น้างานยุ่งมากๆเลย ฝากดูแลทามเขาด้วย”
“หมายความว่าไงคะคุณน้า…ทำไมมาทิ้งกันแบบนี้อะ”
“ควีน…หนูโตแล้วนะลูก อีกอย่าง น้าก็หาเพื่อนมาให้หนูไม่ต้องเหงาอีกต่อไปแล้ว เดี๋ยวน้าจะเรียกคนมาดูแลความปลอดภัยอีกทีนึง ดีไหม”
“ไม่…ควีนจะไปกับคุณน้าด้วย”
“โถ่…ไอเด็กน้อย น้าไปทำงานนะคะ เข้าใจน้าหน่อย อีกสองวันน้าก็กลับมาแล้วนะลูกนะ”
เห้อออ…คุณน้า ทำไมทำกับควีนแบบนี้ T^T ฉันเดินหนีคุณน้าไปอย่างรวดเร็วแสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจของฉันที่มีต่อคุณน้าโดยทันที ฉันเดินมานั่งอยู่ที่สวนหลังบ้านของฉันเอง สวนนี้เต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี น่านั่งเล่นมาก เหมาะสำหรับการ picnic เป็นที่สุด บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยเสียงลำธารที่ดังเป็นระยะๆให้ฉันสบายใจได้มากขึ้น สวนหลังบ้านของฉันอยู่ติดกับลำธารที่ใสสะอาด มีที่สำหรับนั่งให้ชมบรรยากาศรอบๆข้างอีกด้วย บริเวณที่นั่งนั่นเป็นซุ้มไม้ขนาดเล็กโดยซุ้มนี้จะยื่นออกไปจากสวนของฉันอยู่นิดนึง ทำให้ฉันสามารถนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำได้อย่างสบายใจ หรือเรียกง่ายๆว่าศาลาริมน้ำนั่นเอง มันถูกตกแต่งด้วยสีขาวทั้งหมด เป็นที่ๆฉันชอบมานั่งพักผ่อนหย่อนใจเป็นที่สุด เพราะมันสงบ ร่มเย็น แถมเวลาฝนตกยังไม่เปียกอีกด้วย ฉันนั่งมองทิวทัศน์ที่ไกลออกไปอยู่คนเดียว เสียงคำดูถูกจากผู้หญิงคนนั้นก็ดังขึ้นมาอยู่ในหัวของฉันโดยทันที แววตาที่ดูหมิ่นคำพูดที่ดูถูกพวกนั้น ฉันยังจำมันได้อย่างดี
“เด็กมีปัญหา…”
เสียงใครคนนึงดังขึ้นขณะที่ฉันนั่งเหม่ออยู่คนเดียว ฉันหันไปก็พบกับยัยนั่นที่ยืนกอดอกมองฉันด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งอยู่เช่นเคย ฉันลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปชนเธอนิดนึงก่อนที่จะเดินจากไป
“นี่เธออยากลองดีกับฉัน…งั้นหรอ”
เสียงที่ดุดันของเธอทำเอาฉันหยุดชงักฝีเท้าลงทันที ฉันหันหลังกลับไปหาเธอก็พบว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้วและก็ใกล้มากๆด้วย ทำให้ฉันตกใจเล็กน้อยและเสียหลักล้มหงายหลังลงไป แต่โชคดีที่เธอมารับฉันไว้ได้ทันไม่อย่างนั่นฉันคงล้มลงไปอย่างไม่เป็นท่าแน่นอน ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนกำลังเริ่มต้นขึ้น จมูกของเธอดันมาโดนแก้มฉันเข้าอย่างจังใจฉันเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าที่จะสบตากับเธอได้เลยอ้อมกอดอันเยือกเย็นของเธอทำให้ฉันเกิดสงสัยทุกครั้งว่าทำไมเธอถึงตัวเย็นได้ขนาดนั้นนะ ฉันลองยกมือขึ้นมาจับแขนของเธอ ก็ถึงกับสะดุ้งความเย็นที่ผิวหนังของเธออย่างทันที เธอรีบผละออกจากฉันและทำท่าทีที่เรียบนิ่งอย่างเช่นเคย
“เธอ…หนาวหรอ” ฉันถามยัยนั่นไป
“อืม…ฉันเป็นคนหนาวง่าย”
ฉันสังเกตไปที่แววตาของเธอที่ตอนนี้ดูจะหลบสายตาของฉันอยู่ เธอเดินจากฉันไปอีกครั้ง ทิ้งให้ฉันสงสัยกับลักษณะนิสัยของเธอเข้าให้แล้ว เธอเป็นคนแปลกจัง บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ร้าย โรคจิตปะเนี่ย…
กริ้งงง กริ้งง~
เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู โชว์ให้เห็นกับบุคคลที่กำลังโทรเข้ามา ฉันเลยเกิดการยิ้มกว้างขึ้นมาโดยอัตโนมัติพร้อมกับกดรับสายโดยเร็วที่สุด
“ฮัลโหล…”
“ควีน…ไปเที่ยวกันไหม เย็นนี้”
“เลย์จะมารับควีนหรอ…”
“อืมม…ไปเดินถนนคนเดินกัน วันนี้อากาศดี”
“โอเค…ว่าแต่ จะมากี่โมงอะ”
“เดี๋ยวประมาณห้าโมงเลย์ออกจากบ้าน กว่าจะถึงบ้านควีน น่าจะประมาณทุ่มนึงแหละมั้ง”
“อืมมม…รีบมานะ”
“ครับ…”
นี่นายเลย์ เพื่อนสนิทที่สุดของฉันเอง สาเหตุที่ฉันยิ้มกว้างเพราะว่าเขาชอบชวนฉันออกไปข้างนอก นิสัยของฉันกับเขาเหมือนกันมาก หลายๆคนคิดว่าเขาเป็นเกย์เพราะว่าภายนอกเขาดูหยิ่ง สุขุม นิ่งๆ สะอาดแต่จริงๆแล้วเขาตลกและเป็นกันเองชะมัด ความชอบระหว่างเขากับฉันมีเรื่องเดียวที่ไม่เหมือนกันก็คือ เขาเป็นพวกชอบเรื่องเหนือธรรมชาติ ยิ่งเรื่องแวมไพร์ทนะเขาจะชอบมากกกก ผิดกับฉันที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยสักนิด ถ้าเจอจริงๆฉันว่า ฉันคงชอคอะ ฉันคบกับนายเลย์มาได้สามปีแหละตอนเรียนมัธยมปลายมาด้วยกัน ฉันรู้นะว่าเขาคิดยังไงกับฉันแต่ฉันอยากได้ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยาวนานกับนายเลย์ ฉันเลยเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับเขาน่าจะดีกว่า บางครั้งเขาดีเกินไปจนทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บางครั้งเขาหวงฉันเกินไปทั้งๆที่ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับเขาสักหน่อย แต่จะทำไงได้ ฉันคิดว่านายเลย์นี่แหละที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง พอฉันปฏิเสธที่จะคบเขาเป็นแฟน เขาก็ยังทำตัวเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ฉันไม่เคยบ่น หงุดหงิด ลำคาน ใส่นายเลย์เลยเพราะว่าทุกการกระทำของเขามันไม่ได้ทำให้ฉันเสียหายนิ๊ เขาดีกับฉันแล้วทำไมฉันถึงต้องไม่ดีกับเขาด้วย ความสัมพันธ์แบบนี้ฉันจะรักษามันให้ดีเลยแหละเพราะว่ากว่าจะหาเพื่อนจริงใจได้สักคนนึงเนี่ย นับเป็นสิ่งที่ยากกว่าการทำข้อสอบเข้ามหาลัยเลยตั้งเยอะ ฉันเดินผ่านคุณน้าและยัยนั่นที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในบริเวณห้องรับแขกอย่างไม่สนใจ ฉันรู้ว่าคุณน้าจะต้องไม่พอใจการกระทำของฉันอยู่แน่นอน จะทำไงได้ ก็คุณน้าเล่นทิ้งให้ฉันอยู่กับยัยนั่นสองคนเองนี่หน่า เชอะ!
“ควีน…หยุดก่อน…พรุ่งนี้น้าไม่อยู่ ใกล้จะเปิดเรียนแล้วด้วย พาทามเขาไปสมัครเรียนและก็พาไปซื้อชุดนักศึกษาใหม่ด้วย”
“ห๊ะ…มะ หมายความว่าไง”
“ก็ทามเขาอายุเท่าลูก…น้าเลยส่งชื่อไปให้เพื่อนน้ารับเขาเข้าไปเรียนที่มหาลัยเดียวกับควีนด้วย ควีนจะได้มีเพื่อนกลับบ้านไง”
“ห๊ะ! ยัยนี่…เอ่อ…ทามเนี่ยหรอคะ อายุเท่าควีน”
“ใช่สิ…ควีน น้าฝากดูแลทามเขาด้วยนะลูก ทามเขาไม่เคยได้ออกไปไหนมาไหนสักเท่าไหร่ น้าเป็นห่วงเขา”
นี่มันอะไรกันเนี่ย เจอยัยนั่นที่บ้านไม่พอ ยังจะต้องไปเจอเธอที่มหาลัยอีกด้วยงั้นหรอ จะบ้าตายฉันเกิดอาการคิ้วชนกันขึ้นมาทันทีที่คุณน้าพูดแบบนั่นกับฉัน ตอนนี้ยัยนั่นลุกขึ้นยกมือไหว้คุณน้าก่อนที่จะเดินขึ้นห้องของตัวเองไป ซึ่งฉันเองก็ตามเธอไปด้วยเหมือนกัน เพราะฉันอยากรู้ว่าเธอโกหกเรื่องอายุของเธอรึเปล่า เธอกำลังจะปิดประตูห้องเมื่อเห็นฉันตามขึ้นไป แต่เผอิญมือฉันเร็วกว่าจึงรีบดันประตูนั่นไว้ได้ทัน ฉันรีบเข้าไปในห้องของเธอและกดล็อค กลัวว่าคุณน้าจะได้ยิน
“เธอ…อายุเท่าฉันจริงๆหรอ”
“ใช่…ทำไมหรอ”
“ขอดูบัตรประชาชนหน่อย…”
“ไม่มี…”
“งั้นแสดงว่าเธอโกหก…”
“แล้วเธอรู้ได้ไงว่าฉันโกหก…ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ามาพูดมั่วๆแบบนี้ ฉัน…ไม่ชอบ”
“แล้วทีเธอละ ไปว่ากษัตริย์ท่านแบบนั้นได้ยังไงกัน ในเมื่อเธอเองก็ไม่มีหลักฐาน”
“หลักฐาน…ฉันมีแต่เธอคง…ไม่อยากเห็นมันหรอก เพราะมันไม่เหมาะกับลูกคุณหนูอย่างเธอ”
“ฉัน อยากเห็น… ไหนเอามาสิที่เธอว่าพวกท่านว่า หัวสมองมีแต่ขี้เลื่อน ชอบดูถูกเพศผู้หญิงไหนละหลักฐาน”
“ฉันไม่มีคำพูดหรือการกระทำของพวกเขาหรอก แต่ฉันมีบางอย่างที่ไม่สามารถแสดงออกมาได้”
“เหอะๆ เธอ…มันก็แค่ ผู้หญิงที่ชอบพูดจาเพ้อเจ้อไปวันๆ”
“อย่ามาว่าฉันแบบนี้…ฉันไม่ชอบ”
“ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน…ที่เธอมาว่ากษัตริย์แบบนั้น!”
“ฉันชักสงสัยกับอาการของเธอซะจริงๆเลย เธอเป็นญาติตระกูลของคนพวกนั้นหรือยังไงกัน ถึงมาไม่พอใจแบบนี้”
“………”
“หึ หึ! ฮ่า ฮ่า~ในที่สุดฉันก็เจอ!”
ฉันรู้สึกงงกับคำพูดของเธอมากขึ้นทุกครั้งที่เธอพูดกับฉัน แต่ความโมโหของฉันกลับมีมากกว่าอาการสงสัย
“นี่เธอพูดบ้าอะไรของเธอ! …”
“เธอเป็นเชื้อกษัตริย์ใช่ไหม…”
“เธอจะมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันทำไม”
“เพราะว่าฉันเกลียดตระกูลนี้ยังไงละ!”
“ทำไม…”
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอก!”
พอเธอพูดจบ เธอก็ออกไปจากห้องนี้โดยทันที ทิ้งให้ฉันต้องมานั่งแก้ปมกับเรื่องที่เธอพูดไว้เมื่อกี้อย่างสงสัย ว่าทำไมเธอถึงต้องจงเกลียดจงชังกับตระกูลของฉันเป็นหนักหนา หรือว่าคุณพ่อฉันไปทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ เธอคือลูกอีกคนของคุณพ่อฉันงั้นหรอ เห้ออ…เธอคือใครกันนะ
เช้าวันใหม่และไม่อยากให้มาถึงเช้าวันนี้เอาซะเลย เพราะว่าโรเยลหน่ะสิ เธอจะต้องไปเรียนที่โรงเรียนประจำและไม่มีวันกลับมาเลยตั้งสามปี ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อมาส่งเธอขึ้นรถ หน้าตาเธอดูรื่นเริงผิดปกติกว่าวันอื่นๆเพราะเธอเป็นเด็กที่ไม่ชอบอยู่บ้านเอาสะเลย ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของฉันแต่อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้วแหละคะ โรเยลเธอต้องถูกส่งตัวไปเรียนที่โรงเรียนประจำของต่างประเทศ ซึ่งมันก็เป็นความต้องการของโรเยลเอง เธอดันทุลังที่จะไปเรียนให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เธอชอบอยู่คนเดียวมากๆ ชอบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ เธอเป็นเด็กหัวรั้น ถึงคุณน้าจะขัดใจยังไงเธอก็ไม่ยอม เธอไปเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย ส่วนฉันกำลังก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัยเป็นครั้งแรก… ตอนนี้โรเยลเข้ามากอดและหอมแก้มฉันพร้อมกับบอกลาคุณน้าและยัยนั่นก่อนที่จะขึ้นรถออกไปจากบ้านหลังนี้ บรรยากาศเงียบลงไปทันที เพราะในบ้านของฉันตอนนี้เหลือแค่ฉัน คุณน้าและก็ยัยนั่นกันอยู่สามคนถ้าไม่รวมคนรับใช้อีกสี่คน
“ยัยควีน…น้าฝากดูแลทาม เขาด้วยนะลูกเพราะน้าจะต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดสักหน่อย น่าจะกลับมาอีกทีประมาณสองวัน”
“ห๊ะ?”
“ช่วงนี้น้างานยุ่งมากๆเลย ฝากดูแลทามเขาด้วย”
“หมายความว่าไงคะคุณน้า…ทำไมมาทิ้งกันแบบนี้อะ”
“ควีน…หนูโตแล้วนะลูก อีกอย่าง น้าก็หาเพื่อนมาให้หนูไม่ต้องเหงาอีกต่อไปแล้ว เดี๋ยวน้าจะเรียกคนมาดูแลความปลอดภัยอีกทีนึง ดีไหม”
“ไม่…ควีนจะไปกับคุณน้าด้วย”
“โถ่…ไอเด็กน้อย น้าไปทำงานนะคะ เข้าใจน้าหน่อย อีกสองวันน้าก็กลับมาแล้วนะลูกนะ”
เห้อออ…คุณน้า ทำไมทำกับควีนแบบนี้ T^T ฉันเดินหนีคุณน้าไปอย่างรวดเร็วแสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจของฉันที่มีต่อคุณน้าโดยทันที ฉันเดินมานั่งอยู่ที่สวนหลังบ้านของฉันเอง สวนนี้เต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี น่านั่งเล่นมาก เหมาะสำหรับการ picnic เป็นที่สุด บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยเสียงลำธารที่ดังเป็นระยะๆให้ฉันสบายใจได้มากขึ้น สวนหลังบ้านของฉันอยู่ติดกับลำธารที่ใสสะอาด มีที่สำหรับนั่งให้ชมบรรยากาศรอบๆข้างอีกด้วย บริเวณที่นั่งนั่นเป็นซุ้มไม้ขนาดเล็กโดยซุ้มนี้จะยื่นออกไปจากสวนของฉันอยู่นิดนึง ทำให้ฉันสามารถนั่งเอาเท้าจุ่มน้ำได้อย่างสบายใจ หรือเรียกง่ายๆว่าศาลาริมน้ำนั่นเอง มันถูกตกแต่งด้วยสีขาวทั้งหมด เป็นที่ๆฉันชอบมานั่งพักผ่อนหย่อนใจเป็นที่สุด เพราะมันสงบ ร่มเย็น แถมเวลาฝนตกยังไม่เปียกอีกด้วย ฉันนั่งมองทิวทัศน์ที่ไกลออกไปอยู่คนเดียว เสียงคำดูถูกจากผู้หญิงคนนั้นก็ดังขึ้นมาอยู่ในหัวของฉันโดยทันที แววตาที่ดูหมิ่นคำพูดที่ดูถูกพวกนั้น ฉันยังจำมันได้อย่างดี
“เด็กมีปัญหา…”
เสียงใครคนนึงดังขึ้นขณะที่ฉันนั่งเหม่ออยู่คนเดียว ฉันหันไปก็พบกับยัยนั่นที่ยืนกอดอกมองฉันด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งอยู่เช่นเคย ฉันลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปชนเธอนิดนึงก่อนที่จะเดินจากไป
“นี่เธออยากลองดีกับฉัน…งั้นหรอ”
เสียงที่ดุดันของเธอทำเอาฉันหยุดชงักฝีเท้าลงทันที ฉันหันหลังกลับไปหาเธอก็พบว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้วและก็ใกล้มากๆด้วย ทำให้ฉันตกใจเล็กน้อยและเสียหลักล้มหงายหลังลงไป แต่โชคดีที่เธอมารับฉันไว้ได้ทันไม่อย่างนั่นฉันคงล้มลงไปอย่างไม่เป็นท่าแน่นอน ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนกำลังเริ่มต้นขึ้น จมูกของเธอดันมาโดนแก้มฉันเข้าอย่างจังใจฉันเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าที่จะสบตากับเธอได้เลยอ้อมกอดอันเยือกเย็นของเธอทำให้ฉันเกิดสงสัยทุกครั้งว่าทำไมเธอถึงตัวเย็นได้ขนาดนั้นนะ ฉันลองยกมือขึ้นมาจับแขนของเธอ ก็ถึงกับสะดุ้งความเย็นที่ผิวหนังของเธออย่างทันที เธอรีบผละออกจากฉันและทำท่าทีที่เรียบนิ่งอย่างเช่นเคย
“เธอ…หนาวหรอ” ฉันถามยัยนั่นไป
“อืม…ฉันเป็นคนหนาวง่าย”
ฉันสังเกตไปที่แววตาของเธอที่ตอนนี้ดูจะหลบสายตาของฉันอยู่ เธอเดินจากฉันไปอีกครั้ง ทิ้งให้ฉันสงสัยกับลักษณะนิสัยของเธอเข้าให้แล้ว เธอเป็นคนแปลกจัง บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ร้าย โรคจิตปะเนี่ย…
กริ้งงง กริ้งง~
เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู โชว์ให้เห็นกับบุคคลที่กำลังโทรเข้ามา ฉันเลยเกิดการยิ้มกว้างขึ้นมาโดยอัตโนมัติพร้อมกับกดรับสายโดยเร็วที่สุด
“ฮัลโหล…”
“ควีน…ไปเที่ยวกันไหม เย็นนี้”
“เลย์จะมารับควีนหรอ…”
“อืมม…ไปเดินถนนคนเดินกัน วันนี้อากาศดี”
“โอเค…ว่าแต่ จะมากี่โมงอะ”
“เดี๋ยวประมาณห้าโมงเลย์ออกจากบ้าน กว่าจะถึงบ้านควีน น่าจะประมาณทุ่มนึงแหละมั้ง”
“อืมมม…รีบมานะ”
“ครับ…”
นี่นายเลย์ เพื่อนสนิทที่สุดของฉันเอง สาเหตุที่ฉันยิ้มกว้างเพราะว่าเขาชอบชวนฉันออกไปข้างนอก นิสัยของฉันกับเขาเหมือนกันมาก หลายๆคนคิดว่าเขาเป็นเกย์เพราะว่าภายนอกเขาดูหยิ่ง สุขุม นิ่งๆ สะอาดแต่จริงๆแล้วเขาตลกและเป็นกันเองชะมัด ความชอบระหว่างเขากับฉันมีเรื่องเดียวที่ไม่เหมือนกันก็คือ เขาเป็นพวกชอบเรื่องเหนือธรรมชาติ ยิ่งเรื่องแวมไพร์ทนะเขาจะชอบมากกกก ผิดกับฉันที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยสักนิด ถ้าเจอจริงๆฉันว่า ฉันคงชอคอะ ฉันคบกับนายเลย์มาได้สามปีแหละตอนเรียนมัธยมปลายมาด้วยกัน ฉันรู้นะว่าเขาคิดยังไงกับฉันแต่ฉันอยากได้ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยาวนานกับนายเลย์ ฉันเลยเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับเขาน่าจะดีกว่า บางครั้งเขาดีเกินไปจนทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บางครั้งเขาหวงฉันเกินไปทั้งๆที่ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับเขาสักหน่อย แต่จะทำไงได้ ฉันคิดว่านายเลย์นี่แหละที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง พอฉันปฏิเสธที่จะคบเขาเป็นแฟน เขาก็ยังทำตัวเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ฉันไม่เคยบ่น หงุดหงิด ลำคาน ใส่นายเลย์เลยเพราะว่าทุกการกระทำของเขามันไม่ได้ทำให้ฉันเสียหายนิ๊ เขาดีกับฉันแล้วทำไมฉันถึงต้องไม่ดีกับเขาด้วย ความสัมพันธ์แบบนี้ฉันจะรักษามันให้ดีเลยแหละเพราะว่ากว่าจะหาเพื่อนจริงใจได้สักคนนึงเนี่ย นับเป็นสิ่งที่ยากกว่าการทำข้อสอบเข้ามหาลัยเลยตั้งเยอะ ฉันเดินผ่านคุณน้าและยัยนั่นที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในบริเวณห้องรับแขกอย่างไม่สนใจ ฉันรู้ว่าคุณน้าจะต้องไม่พอใจการกระทำของฉันอยู่แน่นอน จะทำไงได้ ก็คุณน้าเล่นทิ้งให้ฉันอยู่กับยัยนั่นสองคนเองนี่หน่า เชอะ!
“ควีน…หยุดก่อน…พรุ่งนี้น้าไม่อยู่ ใกล้จะเปิดเรียนแล้วด้วย พาทามเขาไปสมัครเรียนและก็พาไปซื้อชุดนักศึกษาใหม่ด้วย”
“ห๊ะ…มะ หมายความว่าไง”
“ก็ทามเขาอายุเท่าลูก…น้าเลยส่งชื่อไปให้เพื่อนน้ารับเขาเข้าไปเรียนที่มหาลัยเดียวกับควีนด้วย ควีนจะได้มีเพื่อนกลับบ้านไง”
“ห๊ะ! ยัยนี่…เอ่อ…ทามเนี่ยหรอคะ อายุเท่าควีน”
“ใช่สิ…ควีน น้าฝากดูแลทามเขาด้วยนะลูก ทามเขาไม่เคยได้ออกไปไหนมาไหนสักเท่าไหร่ น้าเป็นห่วงเขา”
นี่มันอะไรกันเนี่ย เจอยัยนั่นที่บ้านไม่พอ ยังจะต้องไปเจอเธอที่มหาลัยอีกด้วยงั้นหรอ จะบ้าตายฉันเกิดอาการคิ้วชนกันขึ้นมาทันทีที่คุณน้าพูดแบบนั่นกับฉัน ตอนนี้ยัยนั่นลุกขึ้นยกมือไหว้คุณน้าก่อนที่จะเดินขึ้นห้องของตัวเองไป ซึ่งฉันเองก็ตามเธอไปด้วยเหมือนกัน เพราะฉันอยากรู้ว่าเธอโกหกเรื่องอายุของเธอรึเปล่า เธอกำลังจะปิดประตูห้องเมื่อเห็นฉันตามขึ้นไป แต่เผอิญมือฉันเร็วกว่าจึงรีบดันประตูนั่นไว้ได้ทัน ฉันรีบเข้าไปในห้องของเธอและกดล็อค กลัวว่าคุณน้าจะได้ยิน
“เธอ…อายุเท่าฉันจริงๆหรอ”
“ใช่…ทำไมหรอ”
“ขอดูบัตรประชาชนหน่อย…”
“ไม่มี…”
“งั้นแสดงว่าเธอโกหก…”
“แล้วเธอรู้ได้ไงว่าฉันโกหก…ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ามาพูดมั่วๆแบบนี้ ฉัน…ไม่ชอบ”
“แล้วทีเธอละ ไปว่ากษัตริย์ท่านแบบนั้นได้ยังไงกัน ในเมื่อเธอเองก็ไม่มีหลักฐาน”
“หลักฐาน…ฉันมีแต่เธอคง…ไม่อยากเห็นมันหรอก เพราะมันไม่เหมาะกับลูกคุณหนูอย่างเธอ”
“ฉัน อยากเห็น… ไหนเอามาสิที่เธอว่าพวกท่านว่า หัวสมองมีแต่ขี้เลื่อน ชอบดูถูกเพศผู้หญิงไหนละหลักฐาน”
“ฉันไม่มีคำพูดหรือการกระทำของพวกเขาหรอก แต่ฉันมีบางอย่างที่ไม่สามารถแสดงออกมาได้”
“เหอะๆ เธอ…มันก็แค่ ผู้หญิงที่ชอบพูดจาเพ้อเจ้อไปวันๆ”
“อย่ามาว่าฉันแบบนี้…ฉันไม่ชอบ”
“ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน…ที่เธอมาว่ากษัตริย์แบบนั้น!”
“ฉันชักสงสัยกับอาการของเธอซะจริงๆเลย เธอเป็นญาติตระกูลของคนพวกนั้นหรือยังไงกัน ถึงมาไม่พอใจแบบนี้”
“………”
“หึ หึ! ฮ่า ฮ่า~ในที่สุดฉันก็เจอ!”
ฉันรู้สึกงงกับคำพูดของเธอมากขึ้นทุกครั้งที่เธอพูดกับฉัน แต่ความโมโหของฉันกลับมีมากกว่าอาการสงสัย
“นี่เธอพูดบ้าอะไรของเธอ! …”
“เธอเป็นเชื้อกษัตริย์ใช่ไหม…”
“เธอจะมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันทำไม”
“เพราะว่าฉันเกลียดตระกูลนี้ยังไงละ!”
“ทำไม…”
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอก!”
พอเธอพูดจบ เธอก็ออกไปจากห้องนี้โดยทันที ทิ้งให้ฉันต้องมานั่งแก้ปมกับเรื่องที่เธอพูดไว้เมื่อกี้อย่างสงสัย ว่าทำไมเธอถึงต้องจงเกลียดจงชังกับตระกูลของฉันเป็นหนักหนา หรือว่าคุณพ่อฉันไปทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ เธอคือลูกอีกคนของคุณพ่อฉันงั้นหรอ เห้ออ…เธอคือใครกันนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ