In Wonderland ช่วยผมที ที่นี่มันบ้า!!!
8.7
เขียนโดย MysticBlue
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.17 น.
11 chapter
84 วิจารณ์
15.35K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) กองโจรมะลึกกึ๊กกึ๋ย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความchapter 8
กองโจรมะลึกกึ๊กกึ๋ย
"ศาลขอตัดสินให้นายมาร์ส ดาเลย์ เข้าไปอยู่ในเรือนจำพิเศษ666"
สุรเสียงแห่งอำนาจตุลาการดังก้องตัดสินชะตาของชายผู้กระทำความผิด ส่งผลให้ทั้งศาลและบ้านเกือบทุกบ้านมีเสียงเฮอย่างไม่เกรงใจสักนิด ผู้คุมนักโทษทั้งสองรีบเข้ามากุมตัวนักโทษผมแดงนามมาร์ส ดาเลย์ผู้มีคดีปล้นชิงทรัพย์มากมายจนคนทั้งเมืองหมั่นไส้กันถ้วนหน้า เมื่อสิ้นสุดการตัดสินแล้ว หน้าจอทีวีที่เพิ่งฉายการถ่ายทอดสดก็เปลี่ยนเป็นรายการ 'แฉ' คดีที่ปนไปด้วยความหลงตัวเองของนักโทษ
"ว่ะฮ่าๆๆๆ แอก!! สำลักน้ำลาย"
เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วเหมือนสะใจสุดๆ ดังแทบทันทีที่ได้ยินคำตัดสิน จนทำให้คนรอบข้างพร้อมใจกันเบือนหน้าหนีกับการหัวเราะ+พ่นน้ำลายที่อุบาศว์ที่สุดในรอบทศวรรษ ในใจของพวกเขาคงคิดว่า คงคิดว่า
'ไอบ้านี่มันไม่ใช่เพื่อนเรา' แถมการหัวเราะยังไม่รู้จักที่สิ้นสุด เจ้าตัวยังขำค้างไม่หาย เป็นสิ่งที่ไม่เจริญหูเจริญตาสักนิด....
"หุบปาก!!"
เสียงโหดเหี้ยมของใครบางคนดังเข้าหูคนที่ขำค้างเข้าอย่างจัง พร้อมกับถุงเท้าที่ถูกบ่มอย่างดีมานานนับเดือนถูกยัดเข้าไปอุดปาก
ผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกยัดของไม่พึงประสงค์เข้าปากชักดิ้นชักงอไปมาบนพื้น จะเอาถุงเท้าเน่านี้ออกจากปากก็ไม่ได้ ในเมื่อมัจจุราชยังใช้มืองามๆ (?) ดันของไม่พึงประสงค์เข้าปากไม่ให้คายออกอยู่
"อ่วยเอาไอ้อี่อออี เอ้าอิดไอแอ้ว (ช่วยเอาไอ้นี่ออกที เค้าผิดไปแล้ว)" ชายหนุ่มเคราะห์ร้ายโอดครวญ
"ปล่อยๆ ริคไปเถอะแซม อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ออกไปหัวเราะกลางเมืองให้ขายขี้หน้าชาวบ้าน"
ชายชราเหลือบมองร่างทั้งสองพลางลูบเคราตนเล่นเพลินๆ ได้ยินอย่างนั้น สาวน้อยสุดโหดแรงช้าง(?) ผู้ยัดถุงเท้าเน่าเข้าปากคนก็ละมือจากการทารุณกรรมทางรสชาติและกลับมานั่งดูข่าวด้วยความสงบเสงียมราวกับเมื่อครู่ไม่มีคนเกือบจะตายเพราะถุงเท้า
"แค่กๆ รู้สึกยินดีกับมาร์สเพื่อนยากจริงๆ ที่พ้นจากบ่วงกรรมแล้ว"ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะหยิบลูกอมขึ้นมากินล้างรสเน่าๆ แทนที่จะไปล้างปาก
"และยินด้วยที่นายจะได้รองรับกรรมแทนเพื่อนนายอีกเท่าหนึ่ง" หญิงสาวเอ่ยกลับ
"ผมเชื่อว่ามาร์สเพื่อนยากจะทำบุญส่งให้ผมพ้นบ่วงนี้ในเร็ววัน"
"แต่เสียใจด้วยที่ฉันไม่ยอมให้บุญตกถึงตัวนาย"
"ไม่ต้องมาพูดถึงบุญเบงอะไรเลย เพื่อนของพวกเธอติดอยู่ในคุกนรกแตกนั่นคงไม่มีเวลาทำบุญหร๊อก" ชายชราที่เงียบฟังบทสนทนามานานเอ่ย "เธอสองคนนั่นแหละที่ต้องไปช่วยมาร์สมันแหกคุก"
ชายหญิงสองคนมองชายชราตาปริบๆ ก่อนที่จะเข้าไปหาด้วยความรวดเร็ว
"อาจารย์พูดอะไรของอาจารย์น่ะ อย่างมาร์สเพื่อนยากผมว่าต้องแหกคุกออกมาได้อยู่แล้ว" ริคพูดอ้อนพร้อมกับนวดไหล่ให้ผู้เป็นอาจารย์ทันใด
"ใช่แล้วล่ะ ขนาดภาพดาวินชีเขายังเอามันมาได้เลย" หญิงสาวพูดสมทบ
"ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อนเลย นี่ฉันจะให้เธอสองคนกู้ชื่อกองโจรมะลึกกึ๊กกึ๋ยอยู่นะ" ชายชราพูดแล้วเชิดหน้าด้วยความภูมิใจ
'ได้ยินชื่อนี้แล้วอยากเปลี่ยนแทรกพื้นหนีชะมัด' แซมหันไปส่งสายตาให้อีกฝ่าย
'ผมเหมือนกัน ใครใช้ให้อาจารย์คิดชื่อล่ะ'
'เราใช้โอกาศนี้ขอ'จารย์เปลี่ยนชื่อดีไหม? เบี่ยงเบนความสนใจเรื่องแหกคุกด้วยไง'
'ดีๆๆ'
'แล้วพวกเธอจะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไรล่ะ?'
"เฮ้ย!!" เด็กทั้งสองพร้อมใจกับกระโจนหนีจากตัวชายชราที่จู่ๆ ก็เข้ามาจ๊ะเอ๋โดยไม่ได้รับเชิญ
"ลืมแล้วรึไงว่าใครสอนวิชานี้ให้ กล้ามากที่ใช้วิธีนี้นินทาอาจารย์" ชายชราคว้าไม้เท้าคู่ใจออกมาก่อนจะพูดว่า
"เดี๋ยวอาจารย์ปั๊ดถีบไปช่วยเพื่อนในคุกเดี๋ยว!"
"อาจารย์ขา ปล่อยมาร์สไปตามเวรตามกรรมเถอะค่ะ" แซมใช้ความกล้าคลานเข้ามาใกล้ก่อนจะจับหมับเข้าที่ขาของชายชรา
"อาจารย์ไม่กลัวเสียศิษย์ไปอีกสองคนเหรอครับ" ริคเข้ามาจับขาของอาจารย์อีกข้าง
"คุกนั่นมันเป็นคุกวิบาศก์ ระเบิดยากผนังเหนียว มีหมาเขี้ยวคม มีทั้งคนมีทั้งสัตว์ มีหัตถ์เทวะ แม้มีพระก็ไม่รอด ไม่มียอดเขาให้ปีน ไม่มียีนให้ใส่ แล้วศิษย์จะอยู่ยังไง งั้นอาจารย์ไปคนเดียวสิครับ"
คนที่ถูกเด็กทั้งสองเรียกว่าอาจารย์เส้นเอ็นปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศดูสงบและน่ากลัวภายในตัว จนเด็กสองคนมองตากันว่าควรจะทำยังไงต่อเมื่ออีกฝ่ายไม่มีปฎิกิริยาใดๆ แต่ไม่ทันจะหารือทางสายตาเสร็จ อาจารย์ก็ฟุบลงกับพื้น!!
"ฮือๆๆ พวกหนูไม่ฟังอาจารย์แล้วอาจารย์จะทำยังไงอ่า พวกหนูไม่รักอาจารย์แล้วใช่ไหม?"
ชายชราลงไปนอนกลิ้งกับพื้นเหมือนเด็กงอแง สลัดมาดทุกอย่างออกไปหมดจนศิษย์เอือมระอา แต่ไม่ทันไรก็....
"แง่ง!!! " เสียงงอแงทวีความน่ารำคาญและแหลมขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งสองต้องยอมเอ่ยปากตกลงไปช่วยเพื่อนที่คุก มิฉะนั้นมีสิทธิ์หูหนวกทั้งชาติแน่!!
"กรี๊ด!! หนูยอมไปช่วยมาร์สแหกคุกก็ได้!" แซมอุดหูตัวเองพร้อมหรี่ตาลงเพื่อให้เสียงที่ได้ยินเบาลง
"ผมก็จะไปช่วยมาร์สเพื่อนยากครับ!" เสียงบาดหูหยุดลงไปทันใจ
ชายชราลุกขึ้นมานั่งตัวตรงอย่างมีมาดชวนให้อยากรุมสหบาทาและพูดว่า "งั้นก็ฝากพวกเธอสองคนด้วยล่ะ อาจารย์จะรอฟังข่าวทางทีวี"
----------------------------------------------------------------------------------
บันทึกของตำรวจนิรนามที่หล่อที่สุดในราชอาณาจักร
กองโจรมะลึกกึ๊กกึ๋ย
สถานะ: ถูกจับแล้วหนึ่งคน
ฐานทัพลับ: ที่ไหนไม่รู้
จุดแข็ง: การทำงานเป็นฝูงที่มั่วซั่วรั่วแต่ได้ผลเกินคาด (กองโจรนี้เป็นกองโจรที่ถูกตำรวจจับภาพเวลาขโมยได้มากที่สุด)
จุดอ่อน: ถุงเท้าเน่า
สมาชิก: 4
-ซิกรอส โรล (ซิก-รอส) หัวหน้ากองโจรหน้าเหี่ยวอายุหกสิบห้าปี (แก่ขนาดนี้แกน่าจะเกษียณอายุได้แล้วมั้ง เลิกขโมยเถอะ) ผู้มีท่าไม้ตายคือเสียงงอแงพิฆาตประสาทหู มีนิสัยชอบขี้เก๊กเป็นที่หนึ่งในกองโจร แต่สุดท้ายแกมันก็แค่ตาแก่ทารกล่ะน่า
-มาร์ส ดาเลย์ หนึ่งในลูกศิษย์หน้าตาขี้เหร่ของซิกรอส นอกจากจะหล่อสู้ผมไม่ได้แล้ว ยังหลงตัวเองจนน่าแหวะอีก ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะปลอมตัวเป็นใครก็ได้ (หวังว่าเขาจะไม่ปลอมตัวเป็นผมแล้วใช้ใบหน้าหล่อๆ นั่นขโมยของ) แต่ตอนนี้เขาถูกจับเข้าคุกแล้ว เวลาดูข่าวทางทีวีค่อยสบายหูหน่อย ไม่มีใครมาพูดหลงตัวเองอยู่
-ริคก้า โรล หลานชายสุดขี้เหร่ของตาแก่ทารก ไม่อยากจะบอกว่าตอนเขาหัวเราะน่าเกลียดมากกกกก คุณไม่รู้หรอกถ้าคุณยังไม่ได้เห็นสภาพของเขาเวลานั้น เป็นคนที่มีระดับความอึด ถึก ทน และกวนมากที่สุดในกอง (แน่สิ หมอนี่มักจะเป็นตัวล่อพวกเราเสมอ) สกิลการหนีเป็นเลิศ พวกเราเหล่าตำรวจรู้จักเขาดี เพราะเขามักจะถูกเราจับไปสอบปากคำเสมอ แต่อย่างที่บอก....เขาก็หนีเราไปได้ทุกครั้ง และข้อมูลที่ได้ก็มีแต่การบ่นถึงสมาชิกคนอื่นๆ
-แซม สมายล์ หญิงหนึ่งเดียวของกองโจร ผู้เป็นเสมือนแส้คุมให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมท้าไม้ตายถุงเท้าเน่ายัดไส้ตามที่ริคก้าให้ข้อมูลมา ยัยนี่ถึงจะไม่ได้มีพลังวิเศษอะไรแต่แรงควายและฉลาดเป็นกรด (ไอคิวของเธออยู่สูงมาก แต่ดูเหมือนว่าจะถูกบั่นทอนโดยความบ้าบอในกองโจรเสียหมด) อย่าดูถูกสภาพภายนอกที่เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ที่ใส่แว่นเตอะๆ เพราะระดับเหี้ยมของนางเป็นที่เลื่องลือในหมู่ตำรวจเคราะห์ร้ายที่ถูกนางจับตัวไปเค้นข้อมูล
------------------------------------------------------ 50% หลังมาแล้วค่า
การอยู่ในที่ที่ร้อนและแคบ เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่พิสมัย ยิ่งอยู่ในที่แบบนั้นกับคนที่เกลียดแล้วล่ะก็ ไม่ต้องบอกกล่าวอะไรก็สัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดที่ฟุ้งไปทุกอณูของอากาศ
เดิมทีก็ไม่อยากจะเจอหน้ากันอยู่แล้ว นี่ต้องมาหายใจอากาศเดียวกันอีก!!
ตำรวจนามโทมัส ผู้ทุ่มแรงใจแรงกายเข้ามาสอดแนมภายในบริษัทแซฟไฟร์แสนน่าสงสัย แทบอยากจะออกไปจากช่องระบายอากาศนี้ เพราะเหตุอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่ามีโจรถึงสองคนอยู่ด้านหลังเขาไงล่ะ
โทมัสที่ตั้งใจมาตรวจสอบบริษัทนี้ บังเอิญพบกับแซมและริคก้าที่กำลังแกะทางเข้าช่องระบายอากาศเดียวกันกับที่เขาตั้งใจจะมาแงะ เจ้าโจรทั้งสองบอกว่ามาสืบเรื่องเกี่ยวกับคุกที่เพื่อนของพวกเขาถูกจับขังไว้ ในเมื่อมาทางเดียวกัน แถมด้วยเหตุผลคล้ายๆ กันอีก จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำสัญญาสงบศึกระหว่างตำรวจและโจร แต่ถึงจะไม่ได้กัดกัน แต่ทั้งสองฝ่ายก็หงุดหงิดพอดูที่ต้องมาอยู่ใกล้กับคนที่เกลียดขี้หน้าแบบนี้
"จะว่าไปนายน่ะ หลงตัวเองยังกับมาร์สแน่ะ" ริคก้าที่กำลังใช้ศอกคลานผ่านช่องเล็กๆ อย่างชำนาญเอ่ยลอยๆ
"เป็นความคิดที่ถูกต้องที่สุด" แซมพูดเสริม
ตำรวจหนุ่มที่ไม่ได้ชำน่องชำนาญเรื่องคลานในช่องระบายอากาศหัวอย่างหัวเสีย "ผมกำลังใช้ความตั้งใจอยู่นะ อย่าเอาผมไปเปรียบกับคนขี้เหร่คนนั้นสิ ผมเสียสมาธิ" เขาขมวดคิ้วแน่น
"จะให้คิดยังไง นายก็เหมือน" หญิงสาวกล่าว
"ผมไม่ได้หลงตัวเอง ผมแค่พูดความจริง"
"......."
"........"
"ย่ะ! พ่อคุณ"
หลังจากประโยคของแซม ทุกอย่างก็กลับมาเงียบ ด้านตำรวจก็ตั้งใจ๊ตั้งใจคลานอย่างเงียบเชียบที่สุด ด้านสองขโมยก็ต่างคิดว่าทำไมชีวิตของพวกเขาถึงได้เจอแต่คนหลงตัวเองนัก? การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเนิบช้า เพราะคนที่คลานได้ช้าสุดอย่างโทมัสดันไปคลานนำทางอยู่หน้าสุด
และช่วงเวลาการอยู่ในที่แคบกับคนที่เกลียดก็จบลง
"ผมจะทางด้านขวาเพื่อไปห้องเก็บเอกสาร ส่วนพวกคุณก็ไปของคุณเองก็แล้วกัน" ตำรวจหนุ่มพูดอย่างแผ่วเบา เนื่องจากด้านล่างพวกเขามีคนอยู่จากการที่ได้ยินเสียงคนพูด
"โชคดีนะนาย" ริคก้าตอบกลับ แต่ที่จริงกลับกลั้นขำไว้ ตำรวจน่ะเหรอจะทำอะไรแบบนี้สำเร็จ ไม่มีทางเสียล่ะ ฆ่าตัวตายชัดๆ บริษัทนี้เหล่าโจรก็รู้ว่าไม่ธรรมดา แค่ที่ผ่านมาเป็นเส้นทางที่ไม่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยของอาคารเท่านั้น ต่อไปนี้แหละคือของจริง
'นายจะถูกจับและอับอายมากในถานะตำรวจ' แซมคิดในใจ
ช่องระบายอากาศแยกเป็นซ้ายขวา โทมัสคลานไปทางด้านซ้ายทันที ในขณะที่โจรทั้งสองนิ่งเงียบ พลันรอยยิ้มก็ฉายบนใบหน้าของทั้งสอง แซมและริคก้านิ่งไปเพื่อหยุดฟังสิ่งที่ยามด้านล่างตัวพวกเขาพูดกัน
"ได้ยินเสียงอะไรไหม?" ยามคนหนึ่งถามเพื่อนของตน
"เสียงตุบๆ คล้ายหนูวิ่งอ่ะ" อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย
"ไม่ๆๆ นายได้ยินเสียงคนคุยกันเมื่อกี้ไหม"
"ไม่ได้ยินอ่ะ หูฝาดไปเองรึเปล่า"
"หรือจะมีคนแอบเข้ามา?" ยามทั้งสองครุ่นคิด ก่อนจะหยิบอะไรสักอย่างขึ้นมาและพูดว่า "เปิดระบบป้องกันภัยทางช่องระบายอากาศทางปีกขวาของตึก"
ซิ่ง!!
แสงเลเซอร์สีแดงปรากฎออกมาคล้ายลูกกรงปิดทางช่องระบายอากาศด้านที่โทมัสไป โจรทั้งสองนึกขอบคุณลางสังหรณ์ของตัวเอง ที่ตัดสินใจหยุดคลานและทำให้ยามทั้งสองได้ยินแต่เสียงของตำรวจหนุ่ม โทมัสจะทำอะไรต่อไปนะ?
เมื่อยามทั้งสองเดินออกจากจุดที่พวกเขาอยู่เพื่อไปดูผู้บุกรุก พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง หารู้ไม่ว่า อันตรายกำลังจะมาเยือน....
ปัง!!
มือที่หนาใหญ่พุ่งทะลุช่องระบายอากาศและคว้าตัวริคก้าไว้ ด้านแซมที่มุ่งหน้าไปก่อน ยังไม่ทันหันไปมองสภานการณ์เบื้องหลัง ก็ถูกมือใหญ่คว้าตัวไว้ได้เหมือนกับชายหนุ่ม ทั้งสองรับรู้ถึงแรงบีบมหาศาล จนในที่สุดก็ได้ยินสัญญานแรกแห่งความตาย
แกรก....
กระดูกแขนแหลกละเอียด หัวขโมยทั้งสองร้องออกมาไม่เป็นภาษา ขาที่ยังเป็นอิสระอยู่เตะไปมาหาทางรอด แรงบีบทวีขึ้นเรื่อยๆ ราวกับงูรัดเหยื่อ ริคก้าหน้าเขียวขาดอากาศหายใจ ในช่วงเวลาที่โลกของทั้งสองกำลังจะดับวูบ เสียงของชายคนหนึ่งก็ก้องออกมาจากที่ไหนสักแห่ง
"ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานคุณก็จะมีสภาพแบบเดียวกับเพื่อนของคุณ"
เป็นปริศนาที่น่าแก้ซะจริง เสียดาย.....ผู้ที่ได้ฟังสองคนไม่มีโอกาสนำมันไปคิดต่อ......
กองโจรมะลึกกึ๊กกึ๋ย
"ศาลขอตัดสินให้นายมาร์ส ดาเลย์ เข้าไปอยู่ในเรือนจำพิเศษ666"
สุรเสียงแห่งอำนาจตุลาการดังก้องตัดสินชะตาของชายผู้กระทำความผิด ส่งผลให้ทั้งศาลและบ้านเกือบทุกบ้านมีเสียงเฮอย่างไม่เกรงใจสักนิด ผู้คุมนักโทษทั้งสองรีบเข้ามากุมตัวนักโทษผมแดงนามมาร์ส ดาเลย์ผู้มีคดีปล้นชิงทรัพย์มากมายจนคนทั้งเมืองหมั่นไส้กันถ้วนหน้า เมื่อสิ้นสุดการตัดสินแล้ว หน้าจอทีวีที่เพิ่งฉายการถ่ายทอดสดก็เปลี่ยนเป็นรายการ 'แฉ' คดีที่ปนไปด้วยความหลงตัวเองของนักโทษ
"ว่ะฮ่าๆๆๆ แอก!! สำลักน้ำลาย"
เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วเหมือนสะใจสุดๆ ดังแทบทันทีที่ได้ยินคำตัดสิน จนทำให้คนรอบข้างพร้อมใจกันเบือนหน้าหนีกับการหัวเราะ+พ่นน้ำลายที่อุบาศว์ที่สุดในรอบทศวรรษ ในใจของพวกเขาคงคิดว่า คงคิดว่า
'ไอบ้านี่มันไม่ใช่เพื่อนเรา' แถมการหัวเราะยังไม่รู้จักที่สิ้นสุด เจ้าตัวยังขำค้างไม่หาย เป็นสิ่งที่ไม่เจริญหูเจริญตาสักนิด....
"หุบปาก!!"
เสียงโหดเหี้ยมของใครบางคนดังเข้าหูคนที่ขำค้างเข้าอย่างจัง พร้อมกับถุงเท้าที่ถูกบ่มอย่างดีมานานนับเดือนถูกยัดเข้าไปอุดปาก
ผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกยัดของไม่พึงประสงค์เข้าปากชักดิ้นชักงอไปมาบนพื้น จะเอาถุงเท้าเน่านี้ออกจากปากก็ไม่ได้ ในเมื่อมัจจุราชยังใช้มืองามๆ (?) ดันของไม่พึงประสงค์เข้าปากไม่ให้คายออกอยู่
"อ่วยเอาไอ้อี่อออี เอ้าอิดไอแอ้ว (ช่วยเอาไอ้นี่ออกที เค้าผิดไปแล้ว)" ชายหนุ่มเคราะห์ร้ายโอดครวญ
"ปล่อยๆ ริคไปเถอะแซม อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ออกไปหัวเราะกลางเมืองให้ขายขี้หน้าชาวบ้าน"
ชายชราเหลือบมองร่างทั้งสองพลางลูบเคราตนเล่นเพลินๆ ได้ยินอย่างนั้น สาวน้อยสุดโหดแรงช้าง(?) ผู้ยัดถุงเท้าเน่าเข้าปากคนก็ละมือจากการทารุณกรรมทางรสชาติและกลับมานั่งดูข่าวด้วยความสงบเสงียมราวกับเมื่อครู่ไม่มีคนเกือบจะตายเพราะถุงเท้า
"แค่กๆ รู้สึกยินดีกับมาร์สเพื่อนยากจริงๆ ที่พ้นจากบ่วงกรรมแล้ว"ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะหยิบลูกอมขึ้นมากินล้างรสเน่าๆ แทนที่จะไปล้างปาก
"และยินด้วยที่นายจะได้รองรับกรรมแทนเพื่อนนายอีกเท่าหนึ่ง" หญิงสาวเอ่ยกลับ
"ผมเชื่อว่ามาร์สเพื่อนยากจะทำบุญส่งให้ผมพ้นบ่วงนี้ในเร็ววัน"
"แต่เสียใจด้วยที่ฉันไม่ยอมให้บุญตกถึงตัวนาย"
"ไม่ต้องมาพูดถึงบุญเบงอะไรเลย เพื่อนของพวกเธอติดอยู่ในคุกนรกแตกนั่นคงไม่มีเวลาทำบุญหร๊อก" ชายชราที่เงียบฟังบทสนทนามานานเอ่ย "เธอสองคนนั่นแหละที่ต้องไปช่วยมาร์สมันแหกคุก"
ชายหญิงสองคนมองชายชราตาปริบๆ ก่อนที่จะเข้าไปหาด้วยความรวดเร็ว
"อาจารย์พูดอะไรของอาจารย์น่ะ อย่างมาร์สเพื่อนยากผมว่าต้องแหกคุกออกมาได้อยู่แล้ว" ริคพูดอ้อนพร้อมกับนวดไหล่ให้ผู้เป็นอาจารย์ทันใด
"ใช่แล้วล่ะ ขนาดภาพดาวินชีเขายังเอามันมาได้เลย" หญิงสาวพูดสมทบ
"ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อนเลย นี่ฉันจะให้เธอสองคนกู้ชื่อกองโจรมะลึกกึ๊กกึ๋ยอยู่นะ" ชายชราพูดแล้วเชิดหน้าด้วยความภูมิใจ
'ได้ยินชื่อนี้แล้วอยากเปลี่ยนแทรกพื้นหนีชะมัด' แซมหันไปส่งสายตาให้อีกฝ่าย
'ผมเหมือนกัน ใครใช้ให้อาจารย์คิดชื่อล่ะ'
'เราใช้โอกาศนี้ขอ'จารย์เปลี่ยนชื่อดีไหม? เบี่ยงเบนความสนใจเรื่องแหกคุกด้วยไง'
'ดีๆๆ'
'แล้วพวกเธอจะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไรล่ะ?'
"เฮ้ย!!" เด็กทั้งสองพร้อมใจกับกระโจนหนีจากตัวชายชราที่จู่ๆ ก็เข้ามาจ๊ะเอ๋โดยไม่ได้รับเชิญ
"ลืมแล้วรึไงว่าใครสอนวิชานี้ให้ กล้ามากที่ใช้วิธีนี้นินทาอาจารย์" ชายชราคว้าไม้เท้าคู่ใจออกมาก่อนจะพูดว่า
"เดี๋ยวอาจารย์ปั๊ดถีบไปช่วยเพื่อนในคุกเดี๋ยว!"
"อาจารย์ขา ปล่อยมาร์สไปตามเวรตามกรรมเถอะค่ะ" แซมใช้ความกล้าคลานเข้ามาใกล้ก่อนจะจับหมับเข้าที่ขาของชายชรา
"อาจารย์ไม่กลัวเสียศิษย์ไปอีกสองคนเหรอครับ" ริคเข้ามาจับขาของอาจารย์อีกข้าง
"คุกนั่นมันเป็นคุกวิบาศก์ ระเบิดยากผนังเหนียว มีหมาเขี้ยวคม มีทั้งคนมีทั้งสัตว์ มีหัตถ์เทวะ แม้มีพระก็ไม่รอด ไม่มียอดเขาให้ปีน ไม่มียีนให้ใส่ แล้วศิษย์จะอยู่ยังไง งั้นอาจารย์ไปคนเดียวสิครับ"
คนที่ถูกเด็กทั้งสองเรียกว่าอาจารย์เส้นเอ็นปูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศดูสงบและน่ากลัวภายในตัว จนเด็กสองคนมองตากันว่าควรจะทำยังไงต่อเมื่ออีกฝ่ายไม่มีปฎิกิริยาใดๆ แต่ไม่ทันจะหารือทางสายตาเสร็จ อาจารย์ก็ฟุบลงกับพื้น!!
"ฮือๆๆ พวกหนูไม่ฟังอาจารย์แล้วอาจารย์จะทำยังไงอ่า พวกหนูไม่รักอาจารย์แล้วใช่ไหม?"
ชายชราลงไปนอนกลิ้งกับพื้นเหมือนเด็กงอแง สลัดมาดทุกอย่างออกไปหมดจนศิษย์เอือมระอา แต่ไม่ทันไรก็....
"แง่ง!!! " เสียงงอแงทวีความน่ารำคาญและแหลมขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งสองต้องยอมเอ่ยปากตกลงไปช่วยเพื่อนที่คุก มิฉะนั้นมีสิทธิ์หูหนวกทั้งชาติแน่!!
"กรี๊ด!! หนูยอมไปช่วยมาร์สแหกคุกก็ได้!" แซมอุดหูตัวเองพร้อมหรี่ตาลงเพื่อให้เสียงที่ได้ยินเบาลง
"ผมก็จะไปช่วยมาร์สเพื่อนยากครับ!" เสียงบาดหูหยุดลงไปทันใจ
ชายชราลุกขึ้นมานั่งตัวตรงอย่างมีมาดชวนให้อยากรุมสหบาทาและพูดว่า "งั้นก็ฝากพวกเธอสองคนด้วยล่ะ อาจารย์จะรอฟังข่าวทางทีวี"
----------------------------------------------------------------------------------
บันทึกของตำรวจนิรนามที่หล่อที่สุดในราชอาณาจักร
กองโจรมะลึกกึ๊กกึ๋ย
สถานะ: ถูกจับแล้วหนึ่งคน
ฐานทัพลับ: ที่ไหนไม่รู้
จุดแข็ง: การทำงานเป็นฝูงที่มั่วซั่วรั่วแต่ได้ผลเกินคาด (กองโจรนี้เป็นกองโจรที่ถูกตำรวจจับภาพเวลาขโมยได้มากที่สุด)
จุดอ่อน: ถุงเท้าเน่า
สมาชิก: 4
-ซิกรอส โรล (ซิก-รอส) หัวหน้ากองโจรหน้าเหี่ยวอายุหกสิบห้าปี (แก่ขนาดนี้แกน่าจะเกษียณอายุได้แล้วมั้ง เลิกขโมยเถอะ) ผู้มีท่าไม้ตายคือเสียงงอแงพิฆาตประสาทหู มีนิสัยชอบขี้เก๊กเป็นที่หนึ่งในกองโจร แต่สุดท้ายแกมันก็แค่ตาแก่ทารกล่ะน่า
-มาร์ส ดาเลย์ หนึ่งในลูกศิษย์หน้าตาขี้เหร่ของซิกรอส นอกจากจะหล่อสู้ผมไม่ได้แล้ว ยังหลงตัวเองจนน่าแหวะอีก ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะปลอมตัวเป็นใครก็ได้ (หวังว่าเขาจะไม่ปลอมตัวเป็นผมแล้วใช้ใบหน้าหล่อๆ นั่นขโมยของ) แต่ตอนนี้เขาถูกจับเข้าคุกแล้ว เวลาดูข่าวทางทีวีค่อยสบายหูหน่อย ไม่มีใครมาพูดหลงตัวเองอยู่
-ริคก้า โรล หลานชายสุดขี้เหร่ของตาแก่ทารก ไม่อยากจะบอกว่าตอนเขาหัวเราะน่าเกลียดมากกกกก คุณไม่รู้หรอกถ้าคุณยังไม่ได้เห็นสภาพของเขาเวลานั้น เป็นคนที่มีระดับความอึด ถึก ทน และกวนมากที่สุดในกอง (แน่สิ หมอนี่มักจะเป็นตัวล่อพวกเราเสมอ) สกิลการหนีเป็นเลิศ พวกเราเหล่าตำรวจรู้จักเขาดี เพราะเขามักจะถูกเราจับไปสอบปากคำเสมอ แต่อย่างที่บอก....เขาก็หนีเราไปได้ทุกครั้ง และข้อมูลที่ได้ก็มีแต่การบ่นถึงสมาชิกคนอื่นๆ
-แซม สมายล์ หญิงหนึ่งเดียวของกองโจร ผู้เป็นเสมือนแส้คุมให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมท้าไม้ตายถุงเท้าเน่ายัดไส้ตามที่ริคก้าให้ข้อมูลมา ยัยนี่ถึงจะไม่ได้มีพลังวิเศษอะไรแต่แรงควายและฉลาดเป็นกรด (ไอคิวของเธออยู่สูงมาก แต่ดูเหมือนว่าจะถูกบั่นทอนโดยความบ้าบอในกองโจรเสียหมด) อย่าดูถูกสภาพภายนอกที่เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ที่ใส่แว่นเตอะๆ เพราะระดับเหี้ยมของนางเป็นที่เลื่องลือในหมู่ตำรวจเคราะห์ร้ายที่ถูกนางจับตัวไปเค้นข้อมูล
------------------------------------------------------ 50% หลังมาแล้วค่า
การอยู่ในที่ที่ร้อนและแคบ เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนไม่พิสมัย ยิ่งอยู่ในที่แบบนั้นกับคนที่เกลียดแล้วล่ะก็ ไม่ต้องบอกกล่าวอะไรก็สัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดที่ฟุ้งไปทุกอณูของอากาศ
เดิมทีก็ไม่อยากจะเจอหน้ากันอยู่แล้ว นี่ต้องมาหายใจอากาศเดียวกันอีก!!
ตำรวจนามโทมัส ผู้ทุ่มแรงใจแรงกายเข้ามาสอดแนมภายในบริษัทแซฟไฟร์แสนน่าสงสัย แทบอยากจะออกไปจากช่องระบายอากาศนี้ เพราะเหตุอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่ามีโจรถึงสองคนอยู่ด้านหลังเขาไงล่ะ
โทมัสที่ตั้งใจมาตรวจสอบบริษัทนี้ บังเอิญพบกับแซมและริคก้าที่กำลังแกะทางเข้าช่องระบายอากาศเดียวกันกับที่เขาตั้งใจจะมาแงะ เจ้าโจรทั้งสองบอกว่ามาสืบเรื่องเกี่ยวกับคุกที่เพื่อนของพวกเขาถูกจับขังไว้ ในเมื่อมาทางเดียวกัน แถมด้วยเหตุผลคล้ายๆ กันอีก จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำสัญญาสงบศึกระหว่างตำรวจและโจร แต่ถึงจะไม่ได้กัดกัน แต่ทั้งสองฝ่ายก็หงุดหงิดพอดูที่ต้องมาอยู่ใกล้กับคนที่เกลียดขี้หน้าแบบนี้
"จะว่าไปนายน่ะ หลงตัวเองยังกับมาร์สแน่ะ" ริคก้าที่กำลังใช้ศอกคลานผ่านช่องเล็กๆ อย่างชำนาญเอ่ยลอยๆ
"เป็นความคิดที่ถูกต้องที่สุด" แซมพูดเสริม
ตำรวจหนุ่มที่ไม่ได้ชำน่องชำนาญเรื่องคลานในช่องระบายอากาศหัวอย่างหัวเสีย "ผมกำลังใช้ความตั้งใจอยู่นะ อย่าเอาผมไปเปรียบกับคนขี้เหร่คนนั้นสิ ผมเสียสมาธิ" เขาขมวดคิ้วแน่น
"จะให้คิดยังไง นายก็เหมือน" หญิงสาวกล่าว
"ผมไม่ได้หลงตัวเอง ผมแค่พูดความจริง"
"......."
"........"
"ย่ะ! พ่อคุณ"
หลังจากประโยคของแซม ทุกอย่างก็กลับมาเงียบ ด้านตำรวจก็ตั้งใจ๊ตั้งใจคลานอย่างเงียบเชียบที่สุด ด้านสองขโมยก็ต่างคิดว่าทำไมชีวิตของพวกเขาถึงได้เจอแต่คนหลงตัวเองนัก? การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเนิบช้า เพราะคนที่คลานได้ช้าสุดอย่างโทมัสดันไปคลานนำทางอยู่หน้าสุด
และช่วงเวลาการอยู่ในที่แคบกับคนที่เกลียดก็จบลง
"ผมจะทางด้านขวาเพื่อไปห้องเก็บเอกสาร ส่วนพวกคุณก็ไปของคุณเองก็แล้วกัน" ตำรวจหนุ่มพูดอย่างแผ่วเบา เนื่องจากด้านล่างพวกเขามีคนอยู่จากการที่ได้ยินเสียงคนพูด
"โชคดีนะนาย" ริคก้าตอบกลับ แต่ที่จริงกลับกลั้นขำไว้ ตำรวจน่ะเหรอจะทำอะไรแบบนี้สำเร็จ ไม่มีทางเสียล่ะ ฆ่าตัวตายชัดๆ บริษัทนี้เหล่าโจรก็รู้ว่าไม่ธรรมดา แค่ที่ผ่านมาเป็นเส้นทางที่ไม่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยของอาคารเท่านั้น ต่อไปนี้แหละคือของจริง
'นายจะถูกจับและอับอายมากในถานะตำรวจ' แซมคิดในใจ
ช่องระบายอากาศแยกเป็นซ้ายขวา โทมัสคลานไปทางด้านซ้ายทันที ในขณะที่โจรทั้งสองนิ่งเงียบ พลันรอยยิ้มก็ฉายบนใบหน้าของทั้งสอง แซมและริคก้านิ่งไปเพื่อหยุดฟังสิ่งที่ยามด้านล่างตัวพวกเขาพูดกัน
"ได้ยินเสียงอะไรไหม?" ยามคนหนึ่งถามเพื่อนของตน
"เสียงตุบๆ คล้ายหนูวิ่งอ่ะ" อีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย
"ไม่ๆๆ นายได้ยินเสียงคนคุยกันเมื่อกี้ไหม"
"ไม่ได้ยินอ่ะ หูฝาดไปเองรึเปล่า"
"หรือจะมีคนแอบเข้ามา?" ยามทั้งสองครุ่นคิด ก่อนจะหยิบอะไรสักอย่างขึ้นมาและพูดว่า "เปิดระบบป้องกันภัยทางช่องระบายอากาศทางปีกขวาของตึก"
ซิ่ง!!
แสงเลเซอร์สีแดงปรากฎออกมาคล้ายลูกกรงปิดทางช่องระบายอากาศด้านที่โทมัสไป โจรทั้งสองนึกขอบคุณลางสังหรณ์ของตัวเอง ที่ตัดสินใจหยุดคลานและทำให้ยามทั้งสองได้ยินแต่เสียงของตำรวจหนุ่ม โทมัสจะทำอะไรต่อไปนะ?
เมื่อยามทั้งสองเดินออกจากจุดที่พวกเขาอยู่เพื่อไปดูผู้บุกรุก พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง หารู้ไม่ว่า อันตรายกำลังจะมาเยือน....
ปัง!!
มือที่หนาใหญ่พุ่งทะลุช่องระบายอากาศและคว้าตัวริคก้าไว้ ด้านแซมที่มุ่งหน้าไปก่อน ยังไม่ทันหันไปมองสภานการณ์เบื้องหลัง ก็ถูกมือใหญ่คว้าตัวไว้ได้เหมือนกับชายหนุ่ม ทั้งสองรับรู้ถึงแรงบีบมหาศาล จนในที่สุดก็ได้ยินสัญญานแรกแห่งความตาย
แกรก....
กระดูกแขนแหลกละเอียด หัวขโมยทั้งสองร้องออกมาไม่เป็นภาษา ขาที่ยังเป็นอิสระอยู่เตะไปมาหาทางรอด แรงบีบทวีขึ้นเรื่อยๆ ราวกับงูรัดเหยื่อ ริคก้าหน้าเขียวขาดอากาศหายใจ ในช่วงเวลาที่โลกของทั้งสองกำลังจะดับวูบ เสียงของชายคนหนึ่งก็ก้องออกมาจากที่ไหนสักแห่ง
"ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานคุณก็จะมีสภาพแบบเดียวกับเพื่อนของคุณ"
เป็นปริศนาที่น่าแก้ซะจริง เสียดาย.....ผู้ที่ได้ฟังสองคนไม่มีโอกาสนำมันไปคิดต่อ......
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ