love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน
7.7
เขียนโดย พรสิริ
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.13 น.
55 ตอน
8 วิจารณ์
54.20K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 18.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
50)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ตั้งท่าจะเก็บจานที่ทุกอย่างหมดเกลี้ยงด้วยความเคยชิน เธอรู้สึกมีความสุขกับอาหารแสนอร่อยและบรรยากาศแสนอบอุ่นจากบ้านหลังนี้ เธอได้แต่นั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่ไหวติง เพราะอาหารแสนอร่อยอันมหาศาลได้ลงไปกองอยู่ในท้องของเธอเป็นที่เรียบร้อย เธอทำได้เพียงนั่งมองตามหลังชายหนุ่มที่กำลังเดินออกไปจากห้องอาหารอย่างเงียบๆ
“อิ่มมากเลยค่ะลุงแหมบ อาหารฝีมือลุงแหมบนี่สุดยอดไปเลยนะคะ”
เธอพูดกับลุงแหมบพลางเก็บจานมาซ้อนกันเหมือนที่ลุงแหมบกำลังทำอยู่
“ไม่ต้องเก็บหรอกครับหนูข้าวตอก ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ ถ้าคุณหนูมาเห็นจะโดนว่าเอานะ”
“แต่หนูเบื่อที่จะพักผ่อนแล้วนะคะ ให้หนูช่วยเถอะค่ะ หนูอยากช่วยจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นหนูข้าวตอกไปนั่งดูหนังซักเรื่องดีไหมครับ”
เมื่อลุงแหมบพูดถึงขนาดนั้น หญิงสาวก็มีแต่จะต้องไปสินะ เธอมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกที่มีโซฟาหนานุ่มตัวใหญ่ตั้งอยู่พร้อมโทรทัศน์จอแบนกว้าง70นิ้ว ที่ฝังติดผนังอวดความใหญ่โตหรูหรา
‘ใหญ่ขนาดนี้คงไม่ต้องไปดูในโรงภาพยนต์แล้วมั้ง ว่างๆก็หาหนังตลกดูสักเรื่องดีกว่า’
เธอทำการเปิดเครื่องอย่างเบามือก่อนจะหยิบรีโมทเพื่อหาหนังตลกที่เธอคิดไว้ในหัว แต่แล้วสวรรค์ที่เธอคิดไว้ก็ร่มสลายลงเพียงแค่เสียงนั้นลอยเข้าหู
“ได้เวลากินยาแล้ว”
ตามมาด้วยเสียงถุงยาใหญ่ๆอีกหลายถุง หญิงสาวทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
‘ถ้าจะให้ฉันกินยาเยอะขนาดนี้ นายอย่าให้ฉันกินข้าวเลย แค่ยาก็อิ่มยันชาติหน้าแล้ว’
“นี่มันไม่ใช่สามถุงของฉันนี่”
ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆเธอแล้วก็ลงมือจัดยาอย่างตั้งใจ หญิงสาวนั่งมองอย่างหวั่นๆ ยาที่นายนี่จัด คือยาที่รักษาได้ทุกโรค ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบชายแดน
“กินยาเสร็จก็รีบขึ้นไปพักผ่อนซะ”
เขาพูดก่อนจะหยิบถังยาส่งมาให้เธอ หญิงสาวรับมาด้วยความเศร้าใจ การกินยาว่ายากแล้วการกินน้ำตามนั้นยากกว่า
‘ท้องฉันต้องแตกก่อนจะกินยาถังนี้หมดแน่ๆ’
“นี่ฉันจะต้องกินหมดนี่จริงๆหรอ หมดนี่ไตวายเลยนะฮะ”
“มันเป็นยาบำรุงกินเข้าไปเถอะ กินแล้วก็รีบไปนอน พักผ่อนเยอะๆ”
เขาพูดพลางกดหาหนังแนวสยองขวัญที่เขาอยากดู
“นอนอีกแล้วหรอ วันนี้ฉันก็นอนมาทั้งวันแล้วนะ คืนนี้ขอฉันดูหนังตลกสักเรื่องเถอะ”
หนังสยองขวัญสั่นประสาทกำลังเริ่มฉายด้วยน้ำมือของชายโฉดที่นั่งทองไม่รู้ร้อนข้างๆเธอ หญิงสาวรีบแย่งรีโมทมาจากเขาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะรีโมทอยู่ไกลเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึง
‘หนีจากโรงพยาบาลก็ยังต้องมาเจอเรื่องสยองแบบนี้อีกหรอเนี่ย นายนี่คือปิศาจที่คอยสูบความสุขของฉันจริงๆ’
“นี่นายจะดูอะไรน่ะ!! ฉันอยากดูหนังตลกมากกว่านะ”
“แต่ฉันอยากดูเรื่องนี้มากกว่า”
“นายจะมานั่งดูหนังได้ยังไง นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่หรอ”
มือของหญิงสาวยังคงไขว่คว้าหารีโมทไม่หยุด
“ใครบอกว่าฉันจะไป ฉันจะอยู่ดูแลเธอจนกว่าเธอจะหายป่วย”
“ไม่ต้องหรอก นายไปโรงเรียนเถอะ”
เธอพูดออกไปอย่างลืมตัว เพราะในใจตอนนี้มีแต่รีโมทที่จะหยุดหนังสยองขวัญนี้ได้
“ว่าไงนะ!!!”
ชายหนุ่มหันกลับมามองหน้าเธอด้วยสีหน้าเอาเรื่องพลางจับข้อมือเล็กๆที่สุดแสนจะน่ารำคาญนั้นไว้แน่น
เมื่อหญิงสาวรู้ตัวว่าพูดอะไรไม่ดีออกไป เธอจึงหยุดการกระทำทุกอย่างก่อนจะส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้เขาเป็นการขอโทษ
“คือ… ฉันหมายถึงฉัน...”
เขายังคงมองหน้าเธอด้วยสีหน้าจริงจังเพื่อรอฟังคำตอบ
“นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แค่ต้องทนเหงาๆอยู่บ้านอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นเอง ที่ฉันทำได้ก็แค่หาหนังตลกดูไปวันๆ”
เขายังคงเงียบฟังเธอต่อไป
“ฉันอยากให้นายไปโรงเรียนมากกว่าต้องมาดูแลฉันที่ตอนนี้สบายดียิ่งกว่าซุปเปอร์ฮีโร่ซะอีก”
“ทำไมเธอถึงอยากให้ฉันไปโรงเรียนมากนักฮะ!!! ทำไมถึงชอบดื้อกับฉันตลอด”
ชายหนุ่มถามเธอด้วยความรู้สึกน้อยใจ ‘เธอเห็นความหวังดีของฉันเป็นอะไรกัน’
“ก็เพราะว่าฉันอยากไปโรงเรียนแต่ดันไปไม่ได้ไง ส่วนคนที่ไปได้อย่างนายก็ดันไม่อยากไป นายรู้ไหม ในชีวิตคนเราจะมีสักกี่ครั้งกันที่มีโอกาสได้ไปโรงเรียน ตอนนี้นายมีโอกาสแล้วนายกลับทิ้งคว้างมันราวกับว่าชีวิตของนายยังเหลือโอกาสอีกมาก รู้ไหมว่าทำไมคนเราถึงต้องรีบเร่งทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำให้สำเร็จ ก็เพราะเขาไม่รู้ว่าในช่วงชีวิตของเขาจะยังเหลือโอกาสอีกมากแค่ไหน คำว่าวันพรุ่งนี้มันไม่แน่นอนหรอกนะ”
คนฟังได้แต่อึ้งไปกับความคิดของเธอ ความคิดของคนที่พึ่งจะฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เขาได้แต่เป็นห่วงเธอและดูแลเธอตามที่เขาคิดว่าดี โดยที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด มือหนาของเขาปล่อยแขนเธออย่างอัตโนมัติ ทำให้หญิงสาวสามารถลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ หนังสยองขวัญยังคงดำเนินต่อไปอย่างออกรสออกชาติ
“ถ้านายอยากให้ฉันพักผ่อนมากนัก ฉันไปก็ได้”
เธอตั้งท่าจะเดินหนีหนังสยองขวัญที่กำลังกระหึ่มลั่นห้อง แต่ก็ต้องทรุดลงไปกองบนโซฟาด้วยแรงของชายหนุ่มที่เธอพึ่งระเบิดความต้องการออกไป
“จะรีบไปไหนซะล่ะ มาดูหนังกันก่อนสิ อยากดูหนังไม่ใช่หรอ”
‘จะมามีน้ำใจอะไรตอนนี้ยะ’
“ฉันง่วงแล้ว อยากจะขึ้นไปนอนใจจะขาด เขิญนายดูหนังของนายให้เต็มที่”
“ถ้าเธออยากให้ฉันไปโรงเรียนพรุ่งนี้ก็มานั่งดูหนังเป็นเพื่อนกันก่อน”
ตี๊ด……………. ชีพจรของเธอหยุดลงแล้ว
หญิงสาวจำต้องนั่งดูหนังสยองขวัญเป็นเพื่อนเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ การดำเนินเรื่องของหนังที่กำลังเปิดเป็นไปอย่างราบลื่น มีทั้งการฆาตกรรมและวิญญาณอาฆาตเลือดสาดทั้งเรื่อง เธอทำได้เพียงปิดตาร้องกรี๊ดตลอดเวลา ผิดกับชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเธอ นอกจากจะไม่สะดุ้งตกใจแล้ว หนำซ้ำเขายังหัวเราะใส่อีก
“หัวเราะเนี่ยนะ ฆาตกรรมเลือดสาดเนี่ยนะ จิตใจนายมันทำด้วยอะไร”
หญิงสาวได้แต่มองหน้าเขาอย่างสงสัย พลางเอามืออุดหูกันเสียงสุดขนลุก ซึ่งมันก็ช่วยอะไรไม่ได้มากสักเท่าไร
“แกต้องตาย!! กรี๊ดดดดดดดดด”
เสียงวิญญาณสุดเฮี้ยนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ หญิงสาวที่เอามือปิดตาอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัวแล้วเข้าไปนั่งใกล้ๆชายหนุ่มด้วยความตั้งใจ เธอได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจลอดเข้ามาพร้อมเสียงสยองขวัญ
“เป็นอะไรมากป่าวเนี่ย กลัวผีมากหรอ”
‘อื้อหือ… สภาพขนาดนี้ยังกล้าถาม ไม่กลัวมั้งเนี่ย แล้วคืนนี้ฉันจะนอนหลับไหม’
“ฉันว่านายควรไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ ฉันรู้นะว่านายไม่ค่อยได้นอนมาหลายวัน พรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนแต่เช้าอีก สุขภาพนายจะทรุดเอานะ นี่ฉันเตือนด้วยความหวังดีหรอกนะ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้เลยยยยย”
เธอเข้าไปพูดข้างๆหูเขาแข่งกับเสียงในหนังที่กำลังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น เขาได้แต่นั่งดูหนังอย่างไม่วางตา รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากอย่างห้ามไม่อยู่
‘ถึงจะกลัวมากแค่ไหน แต่ก็ยังนั่งเป็นเพื่อนไม่ไปไหน เธอนี่มันพิลึกคนจริงๆ’
“นี่ ฉันว่าเราควรจะปิดไฟดูนะ เหมือนในโรงหนังอะ เดินไปปิดไฟให้หน่อยสิ”
คนฟังได้แต่ตัวแข็งทื่ออ้าปากค้างให้กับความคิดแสนร้ายกาจนั้นพลางส่ายหัวเบาๆแทนคำตอบ
‘แค่นี้ยังหลอนไม่พออีกหรอ จะมาสร้างบรรยากาศอะไรตอนนี้!!! พ่อคุณณณณ’
“ไม่ดีหรอก สายตานายจะเสียได้นะ ต้องเปิดไฟให้สว่างและนั่งห่างๆจอถึงจะถูก”
“แต่ฉันอยากจะปิดไฟดูมากกว่า มันจะได้หลอนๆไง น่าสนุกดีออก”
‘สนุกกับผีน่ะซิ นายจะซาดิสอะไรเบอร์นั้น ไอ้หนังบ้านี้ก็เล่นทนเล่นนานเหลือเกิน จบสักทีเถิด ไม่อย่างนั้นชีวิตฉันจบแน่ๆ’
ชายหนุ่มทำท่าจะลุกขึ้นไปปิดไฟแต่หญิงสาวก็ฉุดแขนเขาไว้อย่างแนบแน่น เขาสัมผัสได้ถึงมือที่ชื้นเหงื่อของเธอ ความกลัวของเธอคือยาชูกำลังชั้นดีสำหรับเขา มีหรือที่เขาจะปล่อยให้มันจบลงง่ายๆ
“อย่าปิดนะ ขอร้องล่ะ”
เธอขอร้องเขาน้ำตาซึมๆ เพราะในหนังตอนนี้มีแต่ความตรึงเครียดสยดสยอง ถ้าต้องมาปิดไฟอีก หัวใจเธอคงวายตายเป็นแน่
“ถ้ากลัวมาก ฉันอนุญาตให้กอดฉันได้”
เขาพูดพลางเดินไปปิดไฟอย่างเลือดเย็น หญิงสาวได้แต่นั่งหน้าเสียรอคอยความมืดมิดอย่างคนหมดหวัง
“ให้กอดคนอย่างนายฉันยอมช็อคตายดีกว่า”
………………………….โปรดติดตามตอนต่อไป …………………………………….
“อิ่มมากเลยค่ะลุงแหมบ อาหารฝีมือลุงแหมบนี่สุดยอดไปเลยนะคะ”
เธอพูดกับลุงแหมบพลางเก็บจานมาซ้อนกันเหมือนที่ลุงแหมบกำลังทำอยู่
“ไม่ต้องเก็บหรอกครับหนูข้าวตอก ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ ถ้าคุณหนูมาเห็นจะโดนว่าเอานะ”
“แต่หนูเบื่อที่จะพักผ่อนแล้วนะคะ ให้หนูช่วยเถอะค่ะ หนูอยากช่วยจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นหนูข้าวตอกไปนั่งดูหนังซักเรื่องดีไหมครับ”
เมื่อลุงแหมบพูดถึงขนาดนั้น หญิงสาวก็มีแต่จะต้องไปสินะ เธอมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกที่มีโซฟาหนานุ่มตัวใหญ่ตั้งอยู่พร้อมโทรทัศน์จอแบนกว้าง70นิ้ว ที่ฝังติดผนังอวดความใหญ่โตหรูหรา
‘ใหญ่ขนาดนี้คงไม่ต้องไปดูในโรงภาพยนต์แล้วมั้ง ว่างๆก็หาหนังตลกดูสักเรื่องดีกว่า’
เธอทำการเปิดเครื่องอย่างเบามือก่อนจะหยิบรีโมทเพื่อหาหนังตลกที่เธอคิดไว้ในหัว แต่แล้วสวรรค์ที่เธอคิดไว้ก็ร่มสลายลงเพียงแค่เสียงนั้นลอยเข้าหู
“ได้เวลากินยาแล้ว”
ตามมาด้วยเสียงถุงยาใหญ่ๆอีกหลายถุง หญิงสาวทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
‘ถ้าจะให้ฉันกินยาเยอะขนาดนี้ นายอย่าให้ฉันกินข้าวเลย แค่ยาก็อิ่มยันชาติหน้าแล้ว’
“นี่มันไม่ใช่สามถุงของฉันนี่”
ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆเธอแล้วก็ลงมือจัดยาอย่างตั้งใจ หญิงสาวนั่งมองอย่างหวั่นๆ ยาที่นายนี่จัด คือยาที่รักษาได้ทุกโรค ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบชายแดน
“กินยาเสร็จก็รีบขึ้นไปพักผ่อนซะ”
เขาพูดก่อนจะหยิบถังยาส่งมาให้เธอ หญิงสาวรับมาด้วยความเศร้าใจ การกินยาว่ายากแล้วการกินน้ำตามนั้นยากกว่า
‘ท้องฉันต้องแตกก่อนจะกินยาถังนี้หมดแน่ๆ’
“นี่ฉันจะต้องกินหมดนี่จริงๆหรอ หมดนี่ไตวายเลยนะฮะ”
“มันเป็นยาบำรุงกินเข้าไปเถอะ กินแล้วก็รีบไปนอน พักผ่อนเยอะๆ”
เขาพูดพลางกดหาหนังแนวสยองขวัญที่เขาอยากดู
“นอนอีกแล้วหรอ วันนี้ฉันก็นอนมาทั้งวันแล้วนะ คืนนี้ขอฉันดูหนังตลกสักเรื่องเถอะ”
หนังสยองขวัญสั่นประสาทกำลังเริ่มฉายด้วยน้ำมือของชายโฉดที่นั่งทองไม่รู้ร้อนข้างๆเธอ หญิงสาวรีบแย่งรีโมทมาจากเขาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะรีโมทอยู่ไกลเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึง
‘หนีจากโรงพยาบาลก็ยังต้องมาเจอเรื่องสยองแบบนี้อีกหรอเนี่ย นายนี่คือปิศาจที่คอยสูบความสุขของฉันจริงๆ’
“นี่นายจะดูอะไรน่ะ!! ฉันอยากดูหนังตลกมากกว่านะ”
“แต่ฉันอยากดูเรื่องนี้มากกว่า”
“นายจะมานั่งดูหนังได้ยังไง นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่หรอ”
มือของหญิงสาวยังคงไขว่คว้าหารีโมทไม่หยุด
“ใครบอกว่าฉันจะไป ฉันจะอยู่ดูแลเธอจนกว่าเธอจะหายป่วย”
“ไม่ต้องหรอก นายไปโรงเรียนเถอะ”
เธอพูดออกไปอย่างลืมตัว เพราะในใจตอนนี้มีแต่รีโมทที่จะหยุดหนังสยองขวัญนี้ได้
“ว่าไงนะ!!!”
ชายหนุ่มหันกลับมามองหน้าเธอด้วยสีหน้าเอาเรื่องพลางจับข้อมือเล็กๆที่สุดแสนจะน่ารำคาญนั้นไว้แน่น
เมื่อหญิงสาวรู้ตัวว่าพูดอะไรไม่ดีออกไป เธอจึงหยุดการกระทำทุกอย่างก่อนจะส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้เขาเป็นการขอโทษ
“คือ… ฉันหมายถึงฉัน...”
เขายังคงมองหน้าเธอด้วยสีหน้าจริงจังเพื่อรอฟังคำตอบ
“นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แค่ต้องทนเหงาๆอยู่บ้านอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นเอง ที่ฉันทำได้ก็แค่หาหนังตลกดูไปวันๆ”
เขายังคงเงียบฟังเธอต่อไป
“ฉันอยากให้นายไปโรงเรียนมากกว่าต้องมาดูแลฉันที่ตอนนี้สบายดียิ่งกว่าซุปเปอร์ฮีโร่ซะอีก”
“ทำไมเธอถึงอยากให้ฉันไปโรงเรียนมากนักฮะ!!! ทำไมถึงชอบดื้อกับฉันตลอด”
ชายหนุ่มถามเธอด้วยความรู้สึกน้อยใจ ‘เธอเห็นความหวังดีของฉันเป็นอะไรกัน’
“ก็เพราะว่าฉันอยากไปโรงเรียนแต่ดันไปไม่ได้ไง ส่วนคนที่ไปได้อย่างนายก็ดันไม่อยากไป นายรู้ไหม ในชีวิตคนเราจะมีสักกี่ครั้งกันที่มีโอกาสได้ไปโรงเรียน ตอนนี้นายมีโอกาสแล้วนายกลับทิ้งคว้างมันราวกับว่าชีวิตของนายยังเหลือโอกาสอีกมาก รู้ไหมว่าทำไมคนเราถึงต้องรีบเร่งทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำให้สำเร็จ ก็เพราะเขาไม่รู้ว่าในช่วงชีวิตของเขาจะยังเหลือโอกาสอีกมากแค่ไหน คำว่าวันพรุ่งนี้มันไม่แน่นอนหรอกนะ”
คนฟังได้แต่อึ้งไปกับความคิดของเธอ ความคิดของคนที่พึ่งจะฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เขาได้แต่เป็นห่วงเธอและดูแลเธอตามที่เขาคิดว่าดี โดยที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด มือหนาของเขาปล่อยแขนเธออย่างอัตโนมัติ ทำให้หญิงสาวสามารถลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ หนังสยองขวัญยังคงดำเนินต่อไปอย่างออกรสออกชาติ
“ถ้านายอยากให้ฉันพักผ่อนมากนัก ฉันไปก็ได้”
เธอตั้งท่าจะเดินหนีหนังสยองขวัญที่กำลังกระหึ่มลั่นห้อง แต่ก็ต้องทรุดลงไปกองบนโซฟาด้วยแรงของชายหนุ่มที่เธอพึ่งระเบิดความต้องการออกไป
“จะรีบไปไหนซะล่ะ มาดูหนังกันก่อนสิ อยากดูหนังไม่ใช่หรอ”
‘จะมามีน้ำใจอะไรตอนนี้ยะ’
“ฉันง่วงแล้ว อยากจะขึ้นไปนอนใจจะขาด เขิญนายดูหนังของนายให้เต็มที่”
“ถ้าเธออยากให้ฉันไปโรงเรียนพรุ่งนี้ก็มานั่งดูหนังเป็นเพื่อนกันก่อน”
ตี๊ด……………. ชีพจรของเธอหยุดลงแล้ว
หญิงสาวจำต้องนั่งดูหนังสยองขวัญเป็นเพื่อนเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ การดำเนินเรื่องของหนังที่กำลังเปิดเป็นไปอย่างราบลื่น มีทั้งการฆาตกรรมและวิญญาณอาฆาตเลือดสาดทั้งเรื่อง เธอทำได้เพียงปิดตาร้องกรี๊ดตลอดเวลา ผิดกับชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเธอ นอกจากจะไม่สะดุ้งตกใจแล้ว หนำซ้ำเขายังหัวเราะใส่อีก
“หัวเราะเนี่ยนะ ฆาตกรรมเลือดสาดเนี่ยนะ จิตใจนายมันทำด้วยอะไร”
หญิงสาวได้แต่มองหน้าเขาอย่างสงสัย พลางเอามืออุดหูกันเสียงสุดขนลุก ซึ่งมันก็ช่วยอะไรไม่ได้มากสักเท่าไร
“แกต้องตาย!! กรี๊ดดดดดดดดด”
เสียงวิญญาณสุดเฮี้ยนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ หญิงสาวที่เอามือปิดตาอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัวแล้วเข้าไปนั่งใกล้ๆชายหนุ่มด้วยความตั้งใจ เธอได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจลอดเข้ามาพร้อมเสียงสยองขวัญ
“เป็นอะไรมากป่าวเนี่ย กลัวผีมากหรอ”
‘อื้อหือ… สภาพขนาดนี้ยังกล้าถาม ไม่กลัวมั้งเนี่ย แล้วคืนนี้ฉันจะนอนหลับไหม’
“ฉันว่านายควรไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ ฉันรู้นะว่านายไม่ค่อยได้นอนมาหลายวัน พรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนแต่เช้าอีก สุขภาพนายจะทรุดเอานะ นี่ฉันเตือนด้วยความหวังดีหรอกนะ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้เลยยยยย”
เธอเข้าไปพูดข้างๆหูเขาแข่งกับเสียงในหนังที่กำลังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น เขาได้แต่นั่งดูหนังอย่างไม่วางตา รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากอย่างห้ามไม่อยู่
‘ถึงจะกลัวมากแค่ไหน แต่ก็ยังนั่งเป็นเพื่อนไม่ไปไหน เธอนี่มันพิลึกคนจริงๆ’
“นี่ ฉันว่าเราควรจะปิดไฟดูนะ เหมือนในโรงหนังอะ เดินไปปิดไฟให้หน่อยสิ”
คนฟังได้แต่ตัวแข็งทื่ออ้าปากค้างให้กับความคิดแสนร้ายกาจนั้นพลางส่ายหัวเบาๆแทนคำตอบ
‘แค่นี้ยังหลอนไม่พออีกหรอ จะมาสร้างบรรยากาศอะไรตอนนี้!!! พ่อคุณณณณ’
“ไม่ดีหรอก สายตานายจะเสียได้นะ ต้องเปิดไฟให้สว่างและนั่งห่างๆจอถึงจะถูก”
“แต่ฉันอยากจะปิดไฟดูมากกว่า มันจะได้หลอนๆไง น่าสนุกดีออก”
‘สนุกกับผีน่ะซิ นายจะซาดิสอะไรเบอร์นั้น ไอ้หนังบ้านี้ก็เล่นทนเล่นนานเหลือเกิน จบสักทีเถิด ไม่อย่างนั้นชีวิตฉันจบแน่ๆ’
ชายหนุ่มทำท่าจะลุกขึ้นไปปิดไฟแต่หญิงสาวก็ฉุดแขนเขาไว้อย่างแนบแน่น เขาสัมผัสได้ถึงมือที่ชื้นเหงื่อของเธอ ความกลัวของเธอคือยาชูกำลังชั้นดีสำหรับเขา มีหรือที่เขาจะปล่อยให้มันจบลงง่ายๆ
“อย่าปิดนะ ขอร้องล่ะ”
เธอขอร้องเขาน้ำตาซึมๆ เพราะในหนังตอนนี้มีแต่ความตรึงเครียดสยดสยอง ถ้าต้องมาปิดไฟอีก หัวใจเธอคงวายตายเป็นแน่
“ถ้ากลัวมาก ฉันอนุญาตให้กอดฉันได้”
เขาพูดพลางเดินไปปิดไฟอย่างเลือดเย็น หญิงสาวได้แต่นั่งหน้าเสียรอคอยความมืดมิดอย่างคนหมดหวัง
“ให้กอดคนอย่างนายฉันยอมช็อคตายดีกว่า”
………………………….โปรดติดตามตอนต่อไป …………………………………….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ