love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน

7.7

เขียนโดย พรสิริ

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.13 น.

  55 ตอน
  8 วิจารณ์
  53.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 18.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

51)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ไฟในห้องค่อยๆลดแสงลงอย่างช้าๆจนมืดไปทั่วทั้งบริเวณ มีเพียงแสงสลัวจากจอโทรทัศน์เท่านั้นที่นำทางชายหนุ่มมายังโซฟาตัวเดิม ครั้งนี้เขาเลือกที่จะนั่งชิดริมโซฟาซึ่งมันห่างไกลจากจุดที่หญิงสาวนั่งรอเขาอยู่ ยิ่งไฟในห้องดับลง ความน่ากลัวของหนังก็เพิ่มขึ้นอีกล้านเท่า ระบบเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทางยากที่จะรอดพ้น มีเพียงหมอนอิงเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเธอในยามนี้ เธอก้มหน้าซุกไปที่หมอนอิง มือเล็กๆพยายามจะปิดหูไม่รับฟังสรรพเสียงใดๆตราบที่หนังยังคนเล่นอยู่ เวลาแต่ละนาทีช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า เธอแอบหันไปมองชายหนุ่มข้างๆอย่างแสนคับแค้นใจ

 

‘รอให้หนังจบก่อนเถอะ!!! ไอ้โรคจิต’

 

ปั้ง!!!

 

เสียงประตูด้านหลังปิดลงอย่างรุนแรง ทำให้หญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาซุกหมอนด้วยความกลัว ตกใจ เธอสะดุ้งสุดตัว หัวใจเต้นโครมครามราวกับจะโดดออกมานอกอก ร่างกายอันสั่นเทาตะกุยตะกายหาสิ่งที่สามารถทำให้เธอปลอดภัยที่สุด ซึ่งมันก็มีอยู่อย่างเดียวในตอนนี้ คือตักของชายหนุ่มนั่นเอง เธอมุดหน้าไปที่อกกว้างทันทีเพื่อไม่ให้มองเห็นอะไรที่เป็นต้นเหตุของเสียงประตูนั้น หญิงสาวทำได้เพียงขึ้นไปนั่งบนตักชายหนุ่มพยายามเก็บคองอเข่าไม่ยื่นส่วนใดของร่างกายออกไป ก่อนจะจับมือชายหนุ่มให้โอบเธอไว้เพื่อความปลอดภัยของตน ในยามนี้คงมีเพียงความอบอุ่นและกลิ่นกายของชายหนุ่มเท่านั้นที่ทำให้จิตใจของเธอสงบลงได้

 

“กลัวจะช็อคตายแล้วหรอ”

 

ชายหนุ่มกระซิบข้างหูเธออย่างสบายอารมณ์

 

“พรุ่งนี้นายต้องสอนทุกอย่างที่นายเรียนมาให้ฉันด้วย  รู้ไหม!!”

 

หญิงสาวกัดฟันพูดด้วยความเจ็บใจ อยากจะหนีไปจากจุตรงนี้สักที แต่ก็ทำไม่ได้ เธอได้แต่ปลอบใจตัวเองต่างๆนาๆ

 

‘ทนมาได้ตั้งนาน ทนต่ออีกหน่อยจะเป็นไรไป’

 

“ขอประทานโทษครับ...”

 

เสียงเย็นๆของลุงแหมบส่งผ่านมาตามอากาศ หญิงสาวแอบมองไปยังต้นเหตุผ่านไหล่ของชายหนุ่ม ตอนนี้เธอยังไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นนอกจากนายวาฟเฟิลจึงยังไม่ได้ลุกออกไปจากตักเขา ลุงแหมบยืนส่งยิ้มให้ทุกคนท่ามกลางความมืด เธอได้แต่เงียบไม่ได้ทักลุงแหมบแต่อย่างใด

 

‘จะใช่ลุงแหมบจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะเป็นผีแปลงกลายเป็นลุงแหมบก็ได้’  

เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ก้มหน้าซุกอกชายหนุ่มอีกครั้งพลางเอามือไปปิดปากชายหนุ่มเพื่อไม่ให้ตอบอะไรออกไป

 

‘อย่าตอบอะไรออกไปนะ ไม่งั้นนายถูกพาไปอยู่ด้วยแน่’

 

“หนูข้าวตอกเป็นอะไรไปหรือครับ หรือว่าอาการกลับมาอีก”

 

ลุงแหมบสอบถามด้วยความห่วงใยท่ามกลางความมืด หญิงสาวได้แต่นั่งตัวสั่นอยู่บนตักของชายหนุ่ม เธออยากจะตอบลุงแหมบใจจะขาดว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร แต่อีกใจดันนึกถึงเรื่องเล่าสยองขวัญที่ยัยม่อนมักจะพูดกรอกหูเธอเสมอ

 

‘คิดจะหลอกให้ฉันตอบคำถามแล้วเอาวิญญาณฉันไปเป็นตัวตายตัวแทนสินะ ต้องขอโทษด้วยเพราะฉันมีภูมิต้านทานเรื่องพวกนี้อยู่มาก สมองฉันสามารถจำเรื่องพวกนี้แม่นยิ่งกว่าเรื่องที่จะออกสอบเสียอีก’

 

“หนูข้าวตอกเป็นอะไรหรือครับคุณหนู”

 

เมื่อไม่ได้คำตอบกลับมาจากหญิงสาว ลุงแหมบจึงหันไปทวงคำตอบจากชายหนุ่มแทน

 

“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่โรคเพ้อเจ้อกำเริบน่ะ”

 

เขาตอบลุงแหมบไปด้วยรอยยิ้มขบขัน ลุงแหมบเองก็ส่งรอยยิ้มกลับมาให้อย่างขบขันเช่นกันก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา

 

“โกโก้ร้อนๆก่อนนอนครับ จะได้หลับสบาย”

 

หญิงสาวจึงเงยหน้าจากอกอุ่นขึ้นมามองทั้งสองคนด้วยสายตาไม่พอใจนักที่หาว่าเธอเพ้อเจ้อ เธอแอบหยิกที่เอวของชายหนุ่มด้วยความหมันไส้

 

‘เรื่องแบบนี้ ไม่เชื่อก็อย่าได้ลบหลู่เชียว นี่คงจะมาในรูปแบบเอาของมาให้แต่พอกินเข้าไปแล้วก็พาไปอยู่ด้วยแน่ๆ เรื่องนี้ฉันเคยได้ยินมา’

 

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบแก้วที่ภายในเต็มไปด้วยโกโก้ร้อนมาถือไว้ หญิงสาวจึงรีบห้ามด้วยความเป็นห่วง

 

“อย่ากินนะ อยากตายรึไง ห้ามกินเด็ดขาดเลยนะ”

 

“ทำไมฉันจะกินไม่ได้ แค่นี้เอง”

 

ว่าจบชายหนุ่มก็กระดกโกโก้ร้อนลงคอจนหมดแก้ว หญิงสาวได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูก

 

‘ทำไงดี!! ฉันจะทำยังไงดี นายนี่ดันตะกละไม่รู้เวล่ำเวลา เขาต้องโดนเอาวิญญาณไปแน่ๆ’

 

“คายออกมา เอาออกมาให้หมดไม่งั้นนายตายแน่”

 

หญิงสาวเอามือทั้งสองข้างบีบคอเขาอย่างแรง ชายหนุ่มได้แต่ไอแคกๆอย่างคาขาดอากาศหายใจ

 

“ฉันจะตายก็เพราะเธอนี่แหละยัยบ้า บีบมาได้”

 

เขาจับมือบางมารวบไว้อย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะลงมือฆ่าเขาอีกครั้ง

 

“ไม่ใช่นะ ฉันแค่จะให้นายเอาโกโก้ร้อนออกมาให้หมดเท่านั้นเอง นายรู้ไหมว่ามันเป็น…..”

 

คำอธิบายของหญิงสาวหยุดลงแค่นั้น เพราะตอนนี้ชายหนุ่มกำลังทุรนทุรายกับอะไรบางอย่าง เขาได้แต่เอามือจับไปที่คอราวกับคนขาดอากาศหายใจ

 

“นี่!! อย่าล้อเล่นนะ นายเป็นอะไร ฉันไม่ได้บีบคอนายแล้วนะ”

 

หญิงสาวตกใจกับอาการของเขา เธอพยายามดึงมือที่ชายหนุ่มใช้บีบคอตัวเองออกอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้ผล เขายังคงบีบคอตัวเองไม่ยอมปล่อย

 

“นี่ๆ!! ปล่อยสิ นายจะตายเอานะ รีบปล่อยมือออกสินายวาฟเฟิล”

 

น้ำตาแห่งความกลัวไหลลงมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอมองหาร่างลุงแหมบที่เคยยืนอยู่ในความมืดเพื่อถามถึงอาการของนายวาฟเฟิล แต่ร่างนั้นก็หายไปเสียแล้ว

 

“หะ!! หายใจมะ!! ออก”

 

เธอหันมามองชายหนุ่มที่ตอนนี้อาการไม่ค่อยดีนัก

 

“ปล่อยสี!!! ปล่อยมือสิ ขอร้องล่ะ อื่อๆๆ”

 

เธอพูดกับเขาพลางปล่อยโฮเต็มที่ มือเธอก็พยายามจะแกะมือเขาออกอย่างเต็มที่ แต่มันก็ไม่ขยับเลยสักนิด

 

“รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา”

 

เธอรีบผละออกจากตักอุ่นก่อนจะวิ่งตรงไปที่ประตูเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าเธอจะกลัวจนก้าวขาแทบไม่ออกก็ตาม

 

“อย่าไป อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว”

 

ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยอาการเหนื่อยหอบพลางเอามือไขว่คว้าไปบนอากาศ หญิงสาวทนเห็นภาพนั้นไม่ไหวจึงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยน้ำตานองหน้า  เธอเสียใจที่ตัวเองไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้เลยแม้แต่น้อย

 

“ฉันไม่ได้ไปไหน แค่จะตามคนมาช่วยนายไง ถ้าไม่อยากให้ฉันไปไหนก็เลิกบีบคอตัวเองสักทีสิ อื้อออ”

 

เธอพูดพลางพยายามดึงมือชายหนุ่มออกอย่างไม่ยอมแพ้ เขายิ้มให้เธอนิดๆก่อนจะค่อยๆปล่อยมือออกจากคอของตนแล้วหลับตาลงราวกับง่วงมานานแสนนาน หญิงสาวเห็นก็ตกใจ หัวใจเธอหล่นวูบลงไปกองที่ตาตุ่ม เธอพยายามเรียกเขาอย่างสุดกำลัง ทั้งตีหน้าและ ทุบเขาแรงๆเพื่อให้เขาฟื้นคืนสติ แต่ก็ไม่เกิดผล เขายังคงแน่นิ่งเช่นเดิม

 

“นายวาฟเฟิล อย่าหลับนะ อย่าพึ่งไปกับพวกเขานะ นายวาฟเฟิล อย่ามาทิ้งกันสิ ตื่น”

 

เธอคิดว่าชายหนุ่มคงจะกำลังถูกพาวิญญาณไปอยู่ด้วยแน่ๆ เพราะเรื่องการเอาดวงวิญญาณของคนที่ยังมีชีวิตไปคอยรับใช้นั้น ดูจะเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้  เธอค่อนข้างเชื่อเรื่องพวกนี้เพราะหลายคนนั้นต่างก็พูดตรงกัน ถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์ที่ก้าวไกลจะพิสูจน์ไม่ได้ แต่เธอก็ไม่เคยลบหลู่เรื่องพวกนี้เลยสักครั้ง ปู่ย่าตายายชอบเล่าเรื่องเหนือธรรมชาติให้เธอฟัง และสอนให้เธอกลัวบาปกรรมที่เราได้ทำลงไป ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องที่กำลังเกิดกับชายหนุ่มด้วย ถึงเธอจะรู้เรื่องพวกนี้อยู่มากแต่พวกท่านก็ไม่เคยสอนวิธีแก้ไขให้เธอเลย แล้วตอนนี้เธอจะทำยังไงดีล่ะ

‘ถ้าพวกนั้นพานายวาฟเฟิลไปในที่ที่ฉันตามไปไม่ได้ล่ะ ฉันต้องรีบพาเขากลับมา ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม’

 

ร่างกายรู้ทันความคิด หญิงสาวหยิบโกโก้ร้อนที่ตอนนี้ใกล้จะเย็นสนิทขึ้นดื่มรวดเดียวหมด เธอนั่งรอให้มีอาการเหมือนนายวาฟเฟิลอยู่นาน แต่ทุกอย่างก็เงียบสงบ และไม่นานหลังจากที่เธอดื่มโกโก้ร้อนไป ชายหนุ่มก็เริ่มขยับตัวอีกครั้ง เขาบิดขี้เกียจราวกับคนพึ่งตื่นจากห้วงนิทรา หญิงสาวได้แต่นั่งยิ้มปาดน้ำตาอยู่ข้างๆเขา

 

“การทำให้เธอดื่มโกโก้แก้วนั้นยากจังนะ เล่นเอาฉันเหนื่อยเลย”

 

นั่นคือคำพูดของคนที่เธอคิดว่าพึ่งจะกลับมาเข้าร่าง

 

“หะ!!!”

 

เธอพูดได้แค่นั้นก่อนจะรู้ว่าถูกทุกคนรวมหัวกันหลอกอย่างสนุกสนาน ดวงตาบวมช้ำมองชายหนุ่มด้วยสายตาตำหนิ ความรู้สึกห่วงใยเมื่อครู่กลับศูนย์ค่าอย่างรวดเร็ว

 

“เล่นบ้าอะไรกันฮะ!!! ไม่ตลกเลยสักนิดเดียว”

 

สองมือของเธอเอาแต่ทุบตีเขาไปเรื่อยๆให้หายเจ็บใจ เขาได้แต่รวบมันไว้อย่างเคยๆ เพราะรอยตบบนหน้ายังไม่จางเลยสักนิด

 

“ก็จะสอนให้บางคนเลิกเพ้อเจ้อสักทีไงล่ะ”

 

“เพ้อเจ้องั้นหรือ อย่ามาดูถูกกันนะเฟ้ย มันคือมรดกความรู้ที่คนเถ้าคนแก้สั่งสอนมา เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่ามาดูถูกกัน”

 

หญิงสาวฟาดเข้าที่อกเขาไปเต็มแรงก่อนจะลุกจากตักเขาอย่างรวดเร็ว เธอเดินออกไปจากห้องรับแขกอย่างเงียบๆ และไม่หันไปมองชายหนุ่มอีกเลย

 

“เฮ้ย!!! จะขึ้นไปนอนแล้วหรือ เธอยังไม่ได้กินยาสักเม็ดเลยนะ!!!”

 

ชายหนุ่มได้แต่ตะโกนถามเธอออกไปอย่างคนหงุดหงิด เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขาทำผิดอะไรนักหนา เธอถึงไม่พอใจขนาดนี้ ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย

 

เธอเดินขึ้นห้องอย่างหงุดหงิด ที่ตนเองดันกลายเป็นของเล่นให้กับนายนั่นอย่างไม่รู้ตัว  พอเธอได้ขึ้นมาอยู่คนเดียวในห้อง อารมณ์หงุดหงิดก็พลันหายไปในพริบตา

 

‘รู้สึกเหมือนลืมอะไรไปสักอย่าง แต่ก็ชั่งมันเถอะ’

 

โก้ๆร้อนของลุงแหมบทำงานได้อย่างดีเยี่ยม เพราะไม่แม้แต่จะทำให้เธอคิดฟุ้งซ่านเรื่องสยองที่พึ่งดูได้แล้ว เธอยังหลับลึกชนิดที่สามารถระลึกชาติได้อีกด้วย

 

เช้าแรกหลังจากที่เธอได้กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เสียงนกร้องที่แสนจะคุ้นหูทำให้เธอสดชื่นกระปี้กระเป่า เธอรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปช่วยลุงแหมบจัดอาหารเช้า ถึงแม้ว่าเธอจะยังงอนๆลุงแหมบเรื่องเมื่อคืนอยู่ก็ตาม

 

“อรุณสวัสดิ์ครับหนูข้าวตอก วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนก็น่าจะนอนต่ออีกหน่อยนะครับ”

 

เสียงลุงแหมบเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี พลางง่วนกับการทำอาหารเช้า

 

“ไม่ไหวหรอกค่ะ หนูนอนมามากแล้ว เบื่อจะแย่”

 

เธอพูดพลางเดินไปช่วยลุงแหมบจัดโต๊ะอาหาร

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ทางนี้ใกล้จะเสร็จแล้ว หนูข้าวตอกขึ้นไปดูคุณหนูเถอะครับ”

 

ลุงแหมบสั่งให้เธอไปทำหน้าที่หลักของเธอ ซึ่งเธอหลีกเลี่ยงมาตั้งแต่ออกจากห้อง เพราะยังเจ็บใจกับเหตุการณ์เมื่อคืนไม่หาย แต่เธอก็ไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้

 

ก๊อกๆๆ

 

เธอเคาะประตูเบาๆสองสามครั้งโดยที่ไม่พูดอะไร และไม่นานนักชายหนุ่มในชุดนักเรียนแสนคุ้นตาก็เปิดประตูออกมาพร้อมรอยยิ้มสุดร้ายกาจ หญิงสาวเผลอยิ้มตอบเขาราวกับถูกสะกดจิต แต่เพียงไม่นานนักเธอก็รีบหุบยิ้มลงทันที

 

“อรุณสวัสดิ์  เช้านี้ช่างดีจริงๆเนอะ”

 

‘ยังจะมีหน้ามาเนอะอีกหรือ นายไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยสินะ’ เธอได้แต่งึมงำในใจ

 

“หึ...”

 

หญิงสาวหันหลังเดินนำไปทันทีโดยไม่รอให้เขาพูดอะไรมากไปกว่านี้ แต่ก็ไม่วายเดินตามมาแซวเธออย่างกวนๆ

 

“ไปกินรังแตนมาจากไหนแต่เช้าเลย”

 

“กินมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วจ่ะ พ่อหนุ่ม”

 

เธอพูดตัดบทก่อนจะเดินลิ่วลงบันไดไป โดยมีชายหนุ่มติดตามมาใกล้ๆ

 

“อ้อ!! เมื่อคืนนี้ฉันลืมบอกเธอสนิทเลย …”

 

‘หึ!! คิดจะมาขอโทษตอนนี้ก็สายไปแล้วย่ะ ฉันไม่ยกโทษให้นายง่ายๆหรอก’

 

“เมื่อคืนเธอไม่ได้กินยาเลยแม้แต่เม็ดเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปฉันคงต้องพาเธอไปโรงพยาบาลบ่อยๆแล้วล่ะ”

 

หญิงสาวรีบหันไปทำตาโตราวกับเจอทองคำใส่เขา เธอลืมเรื่องสำคัญมากขนาดนี้ไปได้อย่างไร ถึงแม้ว่าในใจจะคอยต่อต้านเขาบ้างก็เถอะ

 

“แหม… อย่าใจร้อนนักสิพ่อหนุ่ม ฉันแค่ลืมกินยาแค่ครั้งเดียวเอง  เอะอะก็จะจับส่งโรงพยาบาลทุกที ฉันไม่ใช่คนบ้านะ”

 

เธอหันมาพูดเสียงอ่อนใส่เขาทันทีเมื่อได้ยินชื่อโรงพยาบาล รอยยิ้มร้ายๆผุดขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มทันที หญิงสาวได้แต่เดินนำเขาไปยังโต๊ะอาหารด้วยความเจ็บใจ เธอไม่เคยเอาชนะผู้ชายคนนี้ได้เลยสักครั้ง ‘แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก’ หญิงสาวได้แต่คิดในใจพลางหัวเราะออกมาด้วยความสะใจอยู่คนเดียว

 

“วันนี้ไม่ต้องไปส่งนะ ฉันจะไปเอง”

 

“ครับคุณหนู”

 

ลุงแหมบตอบยิ้มๆ เขาเข้าใจเหตุผลของคุณหนู ที่ไม่อยากปล่อยให้หญิงสาวต้องอยู่บ้านคนเดียว หากคุณหนูของเขาเลือกได้คงจะไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตาอีกเป็นแน่

 

“นี่ยัยข้าวหลาม อยู่บ้านก็พักผ่อนมากๆ อย่าลืมกินยาเข้าใจไหม ไม่งั้นได้ไปนอนโรงพยาบาลอีกรอบแน่”

 

ชายหนุ่มไม่วายออกคำสั่งก่อนไปโรงเรียน

 

“อยากตายคาโต๊ะอาหารใช่ไหม”

 

เธอพูดพลางชูส้อมไปที่เขาด้วยท่าทางเอาเรื่อง แต่ก็ได้รับเพียงรอยยิ้มดูถูกกลับมา

 

หลังจากชายหนุ่มขับรถพ้นจากสายตา เธอรู้สึกเหมือนได้รับอิสระกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูกทำให้ชีวิตของเธอกลับมามีสีสันอีกครั้ง อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากไปไหนก็ได้ไป ไม่มีอะไรจะสุขใจกว่านี้อีกแล้ว

 

‘วันนี้แหละ จะเป็นวันของฉันนนนนน’

 

หน้าต่างบานเล็กๆถูกเปิดออกจนสุดบานเพื่อรับแสงแดดอบอุ่นเข้ามา ห้องนอนขนาดกะทัดรัดถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เด็กสาวนั่งหัดเขียนหนังสืออยู่ตรงมุมเล็กๆของห้อง มุมที่เต็มไปด้วยหนังสือที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากเจ้าของมัน

 

“แม่จ๋า ทำไมพี่สาวไม่ยอมไปเที่ยวกับเราล่ะคะ แล้วตอนนี้พี่สาวไปไหนล่ะคะ หนูคิดถึงพี่สาวจัง”

 

ผู้เป็นแม่ที่กำลังทำความสะอาดห้องได้แต่ยิ้มให้ลูกสาวอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก

 

“พี่สาวของเราต้องไปทำภารกิจพิเศษจ่ะ อีกไม่นานก็คงกลับมาอยู่กับพวกเราแล้วล่ะ”

 

เธอพูดให้ลูกสาวตัวน้อยฟังแต่ในใจกลับเป็นห่วงเธอแทบขาดใจ หลังจากที่เธอได้รับข่าวร้ายเรื่องลูกสาวจมน้ำก็รีบกลับจากการเที่ยวญี่ปุ่นทันที เธออยากจะไปหาลูกสาวเหลือเกิน อยากไปดูแลในฐานะแม่ แต่ด้วยสัญญาที่เธอได้ให้ไว้กับคนที่เธอรัก เธอจึงทำได้แค่เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆเท่านั้น

 

‘ช่วยดูแลลูกของเราด้วยนะคะคุณ’

 

เธอได้แต่ขอให้สามีที่จากเธอไปนานแสนนานคุ้มครองลูกสาวเท่านั้น

น้ำตาแห่งความเป็นห่วงเริ่มคลออยู่ที่ดวงตา เธอยังคงจัดห้องนอนเล็กต่อไป ถึงแม่ว่ามันจะเป็นรอบที่สิบแล้วหลังจากที่กลับจากญี่ปุ่นก็ตาม

 

                       …………………โปรดติดตามตอนต่อไป.....................

    

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา