ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
8.9
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
123 บท
32 วิจารณ์
113.39K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
91) บทนำ : ภาค ๒ / บท ยูกิอนนะกับกระจกคำสาปราชินีหิมะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทนำ
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย ใบไม้และดอกไม้ที่เคยผลิบานแสดงสีสันอย่างงดงาม ต่างก็หลุดร่วงตั้งแต่ฤดูหนาวเข้ามาเยือน หิมะที่โปรยจากฟากฟ้าสีหม่นเกาะตามกิ่งไม้จนเป็นสีขาวโพลน สีเข้มจนเกือบดำของต้นไม้ตัดกับสีขาวของหิมะทำให้ดูไร้ชีวิตชีวา …เฉกเช่นกับหญิงสาวผิวขาวซีด ผมสีดำสนิท สวมชุดกิโมโนลายดอกซากุระสีฟ้าและลายเกล็ดหิมะ ที่กำลังย่ำเดินบนผืนหิมะที่ถมทับพื้นดินจนสูงหนา ผ้าคลุมสีฟ้ายาวระพื้นนั้นไม่ได้ช่วยให้นางหายหนาวสักเท่าไหร่ ลมหายใจเป็นควันสีขาวจางๆ มือบางกระชับผ้าคลุมให้แน่นขึ้น …น่าแปลกนักทั้งๆ ที่ตนเองอยู่กับความหนาวเหน็บมาตลอดหลายร้อยปี ไม่เคยรู้สึกถึงความเยือกเย็นของหิมะหรือเกล็ดน้ำแข็ง เสมือนว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของมัน
…แต่นับตั้งแต่วันที่ได้พบกับชายผู้นั้น… นางก็รู้สึกเหมือนกับว่าน้ำแข็งที่เกาะกุมจิตใจมาตลอดนั้นละลาย หัวใจที่เยือกเย็นพลันเปลี่ยนเป็นอบอุ่น เผลอใจให้ละเลยจากคำปณิธานที่เคยให้กับตนเองไว้ ว่าไม่ปรานีผู้ใดทั้งสิ้น ทว่าพอได้เจอกับเขา ได้อยู่ด้วยกันเป็นเวลาเนิ่นนานในฤดูหิมะเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ก็พลันรู้สึกว่าเป็นฤดูหนาวที่อบอุ่น สัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทว่าหลังจากเวลาผ่านไปเรื่อยๆ นับวันก็ยิ่งแทบไม่เห็นหน้ากัน… พอมาเจออีกทีก็…
“อึก”
นางเผลอกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บปวดในใจ เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นในครานั้น เลือดซึมออกมาให้รสชาติคาว ไม่รู้สึกเจ็บ กลับกันนางยิ่งกัดจนมันไหลมากกว่า สุดท้ายพอเริ่มทำใจให้สงบได้ก็คลายออก ก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้มเงียบๆ ปราศจากเสียงสะอื้นไห้ พอไหลจนมาถึงคางแล้วหยดลง น้ำตาก็พลันเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง
…เพราะพลังของข้าใช่ไหม? …ที่ทำให้ท่านเป็นเยี่ยงนี้…
นางถามในใจ ถึงจะรู้ดีกว่าชายอันเป็นที่รักจะไม่ได้ยินก็ยังอยากจะถาม นางยิ่งรู้สึกผิดเพราะทราบดีว่าต่อให้อีกฝ่ายยังอยู่แล้วได้ยินก็จะไม่โทษนาง
‘อย่ากังวลสิ ถ้าเจ้าไม่ใช้พลังของใครทำร้ายผู้อื่น เจ้าก็เป็นเพียงอิสตรีธรรมดานั่นแหละ’
เสียงเมื่อวันวานดังขึ้นในความทรงจำ เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยนยังคงก้องอยู่ในห้วงคำนึงนั้น ยิ่งทำให้นางยิ่งคิดถึงและรู้สึกผิดมากขึ้น อยากทำลายตนเองแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีอีกชีวิตหนึ่งฝากไว้กับตนเอง พอนึกถึงอีกชีวิตที่มาจากตนเอง นางก็เริ่มทำใจให้สงบได้ …อย่างน้อยอีกชีวิตหนึ่งก็มีเลือดของชายอันเป็นที่รักอยู่ด้วย และในฐานะที่เป็นผู้ให้กำเนิดก็ควรจะดูแลให้ดี ชายอันเป็นที่รักจะได้นอนตายตาหลับหมดห่วงเสียที …อย่างน้อยก็สามารถทำอะไรทดแทนความผิดไปได้ส่วนหนึ่งก็ยังดี
‘ฝากบุตรของเราด้วย ดูแลดีๆ สั่งสอนให้เป็นคนดีล่ะ…’
วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
เช้า
“ถือดีๆ สิ!” ภูตในชุดแขนยาวสวมบู้ท สวมหมวกทรงสามเหลี่ยมบอกกับภูตอีกตนที่กำลังถือกระจกเช่นเดียวกับตนเอง ทั้งสองตนมีความสูงประมาณ ๕ เซนติเมตร แต่ถึงร่างจะเล็กก็ยังมีแรงยกกระจกบานใหญ่กว่าตนเองได้อยู่ดี
“กระจกมันไม่ได้เบาๆ นะ! เจ้านี่ก็แรงเยอะจริง ไม่เมื่อยบ้างหรือ?”
“เมื่อยสิ แต่ต้องพยายามถือไว้ กระจกตกแตกไปยังแดนมนุษย์มีหวังโดนราชินีสาปเป็นน้ำแข็งแน่ บรื๋อ! แค่คิดก็ขนลุกแล้ว” ภูตตนแรกตอบ สีหน้าเริ่มซีดเพราะหวาดกลัว ภูตอีกตนก็เช่นกัน พวกเขาตระหนักถึงเรื่องนี้จะกระชับกระจกให้มั่นขึ้น
วูบ…
ลมพัดค่อนแรงวูบหนึ่ง ถึงจะไม่มากแต่ก็ทำให้ภูตสองตนปลิวตามไปด้วย เพราะต้านแรงลมไม่ไหวและมือลื่น ทำให้กระจกหลดจากมือหล่นลงไป
“พระเจ้า! ไม่นะ!!”
ภูตตนแรกอุทานด้วยความไม่สบายใจอย่างยิ่ง รีบลอยลงไปพร้อมกับภูตตนที่สองอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นกระจกก็มุ่งสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วง เผอิญกับเด็กหญิงผมประบ่า ตัดตรงคล้ายตุ๊กตาญี่ปุ่น ปล่อยผมส่วนหนึ่งและเกล้าอีกส่วนไว้มัดด้วยเชือกสีแดง เธอกำลังเดิน ยิ้มอย่างสดใสเมื่อนึกถึงงานฉลองที่กำลังจะจัดขึ้นบ้านตนเอง เดินมาเกือบถึงจุดเดียวที่กระจกตกแตก
เพล้ง!!!
…ไม่ทันเสียแล้ว กระจกตกแตกเบื้องหน้าเธอ เศษกระจกกระเด็นไปทั่ว ปลิวมาทางเธอจนบาดร่างเป็นบางส่วน เลือดไหลเล็กน้อย หัวใจส่วนหนึ่งปลิวไปทะลุหัวใจของเธอ ภูตสองตนหน้าซีดเผือด รีบเข้าไปเก็บเศษกระจก ระหว่างนั้นใบหน้าที่เคยสดใสและเต็มไปด้วยรอยยิ้มก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา
…จิตใจของเธอถูกสาปแล้ว…
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย ใบไม้และดอกไม้ที่เคยผลิบานแสดงสีสันอย่างงดงาม ต่างก็หลุดร่วงตั้งแต่ฤดูหนาวเข้ามาเยือน หิมะที่โปรยจากฟากฟ้าสีหม่นเกาะตามกิ่งไม้จนเป็นสีขาวโพลน สีเข้มจนเกือบดำของต้นไม้ตัดกับสีขาวของหิมะทำให้ดูไร้ชีวิตชีวา …เฉกเช่นกับหญิงสาวผิวขาวซีด ผมสีดำสนิท สวมชุดกิโมโนลายดอกซากุระสีฟ้าและลายเกล็ดหิมะ ที่กำลังย่ำเดินบนผืนหิมะที่ถมทับพื้นดินจนสูงหนา ผ้าคลุมสีฟ้ายาวระพื้นนั้นไม่ได้ช่วยให้นางหายหนาวสักเท่าไหร่ ลมหายใจเป็นควันสีขาวจางๆ มือบางกระชับผ้าคลุมให้แน่นขึ้น …น่าแปลกนักทั้งๆ ที่ตนเองอยู่กับความหนาวเหน็บมาตลอดหลายร้อยปี ไม่เคยรู้สึกถึงความเยือกเย็นของหิมะหรือเกล็ดน้ำแข็ง เสมือนว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของมัน
…แต่นับตั้งแต่วันที่ได้พบกับชายผู้นั้น… นางก็รู้สึกเหมือนกับว่าน้ำแข็งที่เกาะกุมจิตใจมาตลอดนั้นละลาย หัวใจที่เยือกเย็นพลันเปลี่ยนเป็นอบอุ่น เผลอใจให้ละเลยจากคำปณิธานที่เคยให้กับตนเองไว้ ว่าไม่ปรานีผู้ใดทั้งสิ้น ทว่าพอได้เจอกับเขา ได้อยู่ด้วยกันเป็นเวลาเนิ่นนานในฤดูหิมะเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ก็พลันรู้สึกว่าเป็นฤดูหนาวที่อบอุ่น สัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ทว่าหลังจากเวลาผ่านไปเรื่อยๆ นับวันก็ยิ่งแทบไม่เห็นหน้ากัน… พอมาเจออีกทีก็…
“อึก”
นางเผลอกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บปวดในใจ เมื่อนึกถึงภาพที่เห็นในครานั้น เลือดซึมออกมาให้รสชาติคาว ไม่รู้สึกเจ็บ กลับกันนางยิ่งกัดจนมันไหลมากกว่า สุดท้ายพอเริ่มทำใจให้สงบได้ก็คลายออก ก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้มเงียบๆ ปราศจากเสียงสะอื้นไห้ พอไหลจนมาถึงคางแล้วหยดลง น้ำตาก็พลันเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง
…เพราะพลังของข้าใช่ไหม? …ที่ทำให้ท่านเป็นเยี่ยงนี้…
นางถามในใจ ถึงจะรู้ดีกว่าชายอันเป็นที่รักจะไม่ได้ยินก็ยังอยากจะถาม นางยิ่งรู้สึกผิดเพราะทราบดีว่าต่อให้อีกฝ่ายยังอยู่แล้วได้ยินก็จะไม่โทษนาง
‘อย่ากังวลสิ ถ้าเจ้าไม่ใช้พลังของใครทำร้ายผู้อื่น เจ้าก็เป็นเพียงอิสตรีธรรมดานั่นแหละ’
เสียงเมื่อวันวานดังขึ้นในความทรงจำ เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยนยังคงก้องอยู่ในห้วงคำนึงนั้น ยิ่งทำให้นางยิ่งคิดถึงและรู้สึกผิดมากขึ้น อยากทำลายตนเองแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีอีกชีวิตหนึ่งฝากไว้กับตนเอง พอนึกถึงอีกชีวิตที่มาจากตนเอง นางก็เริ่มทำใจให้สงบได้ …อย่างน้อยอีกชีวิตหนึ่งก็มีเลือดของชายอันเป็นที่รักอยู่ด้วย และในฐานะที่เป็นผู้ให้กำเนิดก็ควรจะดูแลให้ดี ชายอันเป็นที่รักจะได้นอนตายตาหลับหมดห่วงเสียที …อย่างน้อยก็สามารถทำอะไรทดแทนความผิดไปได้ส่วนหนึ่งก็ยังดี
‘ฝากบุตรของเราด้วย ดูแลดีๆ สั่งสอนให้เป็นคนดีล่ะ…’
วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
เช้า
“ถือดีๆ สิ!” ภูตในชุดแขนยาวสวมบู้ท สวมหมวกทรงสามเหลี่ยมบอกกับภูตอีกตนที่กำลังถือกระจกเช่นเดียวกับตนเอง ทั้งสองตนมีความสูงประมาณ ๕ เซนติเมตร แต่ถึงร่างจะเล็กก็ยังมีแรงยกกระจกบานใหญ่กว่าตนเองได้อยู่ดี
“กระจกมันไม่ได้เบาๆ นะ! เจ้านี่ก็แรงเยอะจริง ไม่เมื่อยบ้างหรือ?”
“เมื่อยสิ แต่ต้องพยายามถือไว้ กระจกตกแตกไปยังแดนมนุษย์มีหวังโดนราชินีสาปเป็นน้ำแข็งแน่ บรื๋อ! แค่คิดก็ขนลุกแล้ว” ภูตตนแรกตอบ สีหน้าเริ่มซีดเพราะหวาดกลัว ภูตอีกตนก็เช่นกัน พวกเขาตระหนักถึงเรื่องนี้จะกระชับกระจกให้มั่นขึ้น
วูบ…
ลมพัดค่อนแรงวูบหนึ่ง ถึงจะไม่มากแต่ก็ทำให้ภูตสองตนปลิวตามไปด้วย เพราะต้านแรงลมไม่ไหวและมือลื่น ทำให้กระจกหลดจากมือหล่นลงไป
“พระเจ้า! ไม่นะ!!”
ภูตตนแรกอุทานด้วยความไม่สบายใจอย่างยิ่ง รีบลอยลงไปพร้อมกับภูตตนที่สองอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นกระจกก็มุ่งสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วง เผอิญกับเด็กหญิงผมประบ่า ตัดตรงคล้ายตุ๊กตาญี่ปุ่น ปล่อยผมส่วนหนึ่งและเกล้าอีกส่วนไว้มัดด้วยเชือกสีแดง เธอกำลังเดิน ยิ้มอย่างสดใสเมื่อนึกถึงงานฉลองที่กำลังจะจัดขึ้นบ้านตนเอง เดินมาเกือบถึงจุดเดียวที่กระจกตกแตก
เพล้ง!!!
…ไม่ทันเสียแล้ว กระจกตกแตกเบื้องหน้าเธอ เศษกระจกกระเด็นไปทั่ว ปลิวมาทางเธอจนบาดร่างเป็นบางส่วน เลือดไหลเล็กน้อย หัวใจส่วนหนึ่งปลิวไปทะลุหัวใจของเธอ ภูตสองตนหน้าซีดเผือด รีบเข้าไปเก็บเศษกระจก ระหว่างนั้นใบหน้าที่เคยสดใสและเต็มไปด้วยรอยยิ้มก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา
…จิตใจของเธอถูกสาปแล้ว…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ