ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
75) บทที่ ๗๕: นั่งคุยสัพเพเหระในร้านกาแฟโบราณ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๗๕
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
นั่งคุยสัพเพเหระในร้านกาแฟโบราณ
พาฬเห็นหลายครั้งแล้ว…
ย้อนกลับไปเมื่อวันอังคารที่ ๒๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ พบรอยอักขระยันต์เป็นวงเวทปรากฏตามที่ต่างๆ อาทิ พื้นดิน ผนัง บนผิวน้ำ ฯลฯ นางเคยลองใช้อาคมไปตรวจสอบแต่ก็จับถึงพลังวิญญาณไม่ได้ การลงยันต์นั้นค่อนข้างซับซ้อนจนนางดูไม่ออกว่าเป็นยันต์ไว้ทำอะไร พลังวิญญาณก็รู้แค่ว่าอยู่ในกลุ่มธาตุมืด
“ข้าอดคิดมิได้ว่ามันจะเกี่ยวกับคดีนี้” พาฬกล่าวขึ้นหลังจากเล่าเรื่องที่นางไปเจอเกี่ยวกับยันต์ ในที่ประชุมนี้ไม่มีใครเอ่ยอะไร ทุกคนต่างครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะคมกฤชที่แสดงสีหน้ากังวลจนคชินทร์ที่นั่งข้างๆ อดถามไม่ได้จึงหยิบกระดาษขึ้นมาเขียน
สีหน้าเจ้าดูกังวล อย่าบอกนะว่าเจ้ารู้อันใด?
คมกฤชที่ได้อ่านข้อความนั้นก็หน้าซีด นายิกาทุกคนเห็นนางมีสีหน้าเช่นนั้นก็เริ่มสงสัยขึ้นมาว่าคมกฤชรู้อะไร จนกระทั่งนางกลืนน้ำลายอึกหนึ่งถึงได้กล่าวคลายความสงสัย
“…ข้าน่าจะเห็นนานแล้ว… อาคมนั้นคืออาคมดูดพลังวิญญาณ ถึงมิแตะมันก็จะดูดพลังวิญญาณของคนที่อยู่ใกล้ๆ หากปล่อยให้มันลามไปกว่านี้แม้จะอยู่ไกลเพียงใดก็มิรอดแน่”
“มิบอกให้เร็วกว่านี้ล่ะเจ้าคะ?” กุมภิลถามด้วยความไม่พอใจ คมกฤชใช่ว่าจะโกรธแต่กลับรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เรื่องมันบานปลาย
“…ข้า… ข้า…” คมกฤชกล่าวติดๆ ขัดๆ ทุกคนเงียบเหมือนกับรอให้นางกล่าวจบ ทว่าพาฬก็ชิงกล่าวก่อน
“อย่าไปกดดันนางสิ มิว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเรื่องมันก็ผ่านมา ข้าว่าเรามาหาเหตุผลที่พลับพลึงทำเช่นนี้นอกจากดูดพลังวิญญาณจะดีกว่า” พาฬส่งสายตาตำหนิให้กุมภิลจนอีกฝ่ายซึมไป นางรู้ว่าสิ่งเดียวที่จะสยบกุมภิลได้ก็คือพาฬเอง
ธัญ นายิกาแห่งจังหวัดลพบุรีคิดถึงความเป็นไปได้ในการใช้วงเวทนั้นขณะเดียวกันก็เหลือบมองหญิงสาวข้างกายเหมือนจะขอความเห็น อีกฝ่ายสวมเสื้อลูกไม้แขนยาวทับด้วยสไบผ้าแพรเกล้ามวยผมฝรั่ง สวมสร้อยไข่มุกสองเส้นและเครื่องประดับอื่นๆ นุ่งโจงกระเบน ดูเหมือนหญิงสาวจะรู้สึกตัวเลยหันมามองพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“มีอันใดฤๅเจ้าคะ?”
“มุจลินทร์ เจ้าคิดว่าพลับพลึงทำเช่นนี้เพราะเหตุใด” พอได้ฟังคำถามนั้นหญิงสาวเจ้าของนามมุจลินทร์ก็ลอบยิ้มมุมปากก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างรวดเร็ว
“ท่านธัญนึกถึงคดีที่ท่านพลับพลึงเสียชีวิตสิเจ้าคะ ภารกิจคือให้ปิดประตูนรก แต่วิธีปิดของมันคือต้องสังเวยชีวิตของใครสักคน”
“แล้วอย่างไร?”
“มีความเป็นไปได้ว่าท่านพลับพลึงจะใช้ทะเลในภาคใต้เป็นทางไปสู่นรกและนั่นคือประตู ทะเลกว้างใหญ่นักหากจะทำพิธีให้ประตูฟื้นขึ้นมาก็ย่อมต้องใช้พลังวิญญาณมิใช่น้อย ย่อมหมายความว่าที่ท่านพลับพลึงดูดวิญญาณไปอาจจะใช้เป็นพลังเปิดประตูก็ได้” พอนางกล่าวจบเกือบทุกคนที่หันมาฟังทั้งสองคุยกันก็มีสีหน้าตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง โดยเฉพาะคมกฤชที่แสดงสีหน้าไม่สบายใจมาก
คมกฤชหายใจอย่างยากลำบากจนหญิงสาวข้างกายนามวิรงรองซึ่งเป็นรองนายิกาของนางเป็นห่วง นางแต่งชุดราชประแตนคาดด้วยผ้าตรงเอว ผ้าสีอ่อนพันรอบคล้องคอปล่อยชายที่ด้านหน้าและหลัง มีชายผ้าไว้ตรงกลางของโจงกระเบนเหมือนเป็นจีบหน้านางไว้ผมม้าแบบตัดเท่ากัน ปอยผมด้านข้างโค้งเล็กน้อย ผมที่เหลือเกล้าทรงหางม้าสูงระดับกลาง ดวงหน้ามนเหมาะกับดวงตาที่หางตาตกให้ความรู้สึกอ่อนโยน ดวงตาสีดำสดใสฉายความอ่อนโยนนั้นทำให้คมกฤชลืมความเจ็บปวดในจิตใจลงไปได้หน่อย
“คมกฤช… ไหวฤๅไม่จะได้ออกจากที่ประชุมก่อน”
“มิเป็นไรดอก ข้า… ข้ายังไหว” ท่าทางคมกฤชจะไม่ยอม วิรงรองเลยทำได้เพียงกุมมือคมกฤชไว้เบาๆ แน่นอนว่านางไม่ได้กุมบนโต๊ะแต่กุมไว้ใต้ล่าง
หลังจากนั้นก็นายิกาคนอื่นๆ ก็สนทนาพักหนึ่งแล้วจึงจบการประชุม บางคนเดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อน ไม่ได้เหนื่อยกายแต่เหนื่อยใจ คมกฤชกับวิรงรองออกจากที่ทำการนายิกาและขึ้นรถเทียมม้าเมื่อมาถึงเรือนที่เช่าอยู่ชั่วคราววิรงรองก็กล่าวขึ้นหลังจากที่ลงมาและรับคมกฤชที่กำลังลงจากรถ
“ข้าว่าข้าจะต้องโดนสังหารแน่”
“?” คมกฤชมองวิรงรองอย่างฉงนว่าทำไมถึงกล่าวเช่นนั้นทั้งๆ ที่พลับพลึงก็จะฆ่าทุกคนแต่ที่วิรงรองกล่าวเหมือนจะบอกว่านางจะต้องโดนแตกต่างจากคนอื่น “ทำไมจึงกล่าวเช่นนั้น?”
“ในเมื่อข้ามาแทนที่พลับพลึง อย่างไรเสียนางก็คงจะแค้นข้าเป็นแน่”
“…นั่นสินะ หากข้าเป็นเช่นนางก็คงแค้นมิแพ้กัน พอถูกคนอื่นแทนที่ก็คงจะเจ็บใจมิใช่น้อย” คมกฤชกล่าวด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง วิรงรองมองอย่างเห็นใจ รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้ความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายและอดีตรองนายิกาเป็นเช่นนี้
“ข้าผิดสินะ…”
“มิใช่ดอก อย่างไรเสียก็ต้องมีใครสักคนมาแทนที่ มิเช่นนั้นก็จะทำงานร่วมกันมิได้” คมกฤชกล่าวเมื่อหยุดเดิน พอได้ฟังเช่นนั้นวิรงรองก็ยิ้มมุมปากนางเข้าไปโอบกอดคมกฤชแล้วกระซิบ
“นี่… คมกฤช เจ้าคิดกับนางเพียงแค่สหายฤๅคนรัก?” คำถามนั้นทำให้คมกฤชสะอึกไป มือเผลอจับมือที่วิรงรองเอื้อมมือมากอดไว้ อึดอัดในอกเมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนของตนเองและพลับพลึง นางตัดสินใจจบการสนทนาด้วยคำพูดต่อมา “ข้าว่าเราหยุดพูดเรื่องนี้เถิด ไปหาอะไรทานกันดีกว่านะ” พอกล่าวจบคมกฤชก็ดึงมือของวิรงรองออกแล้วเดินไป ทว่าเดินได้ไม่ถึงห้าก้าวก็ถูกวิรงรองดึงเข้าไปกอดไว้
“เจ็บฤ?” มือข้างหนึ่งเลื่อนมาทาบบนอกด้านซ้ายแล้วบีบเบาๆ คมกฤชเริ่มใจคอไม่ดีเพราะรู้สึกได้ถึงไอบางอย่างที่แผ่ซ่านจากวิรงรอง “อืม…”
“แล้วตกลงเจ้าคิดกับพลับพลึงในฐานะอันใด? คนรัก? สหาย??”
“ข้ามิรู้”
“มิรู้ฤ?” วิรงรองถามพลางยิ้มมุมปาก นางปล่อยให้คมกฤชเป็นอิสระ ในขณะที่คมกฤชกำลังจะเดินหนีนางก็ถูกวิรงรองจับใบหน้าไว้แล้วประทับริมฝีปากลงมา ริมฝีปากบางสีอ่อนนุ่มนิ่มบดริมฝีปากสีเข้มของคมกฤชเบาๆ ทว่าในความรู้สึกของคมกฤชช่างดุดันนัก สัมผัสนุ่มนวลอุ่นร้อนทำให้ในหัวขาวโพลนไปหมด สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนแม้แต่ความคิดที่จะขัดขืนก็ไม่มี ทั้งๆ ที่แรงของนางก็ไม่ด้อยกว่าอีกฝ่ายแต่ร่างกายกลับขยับไม่ได้ วิรงรองค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกก่อนจะกระซิบข้างหูคมกฤช
“ข้าตัดสินให้ก็ได้ เจ้าเป็นสหายกับพลับพลึง …แต่ในฐานะคนรักเจ้าต้องเป็นกับข้า”
“?!” คมกฤชเบิกตาด้วยความตะลึง ใบหน้าเรียวงามที่ก้มพลันเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ “เจ้า… ที่ผ่านมาคิดกับข้าในฐานะ… คนรัก?” วิรงรองพยักหน้าก่อนจะกล่าว
“ใช่ ที่ผ่านมาข้าคิดกับเจ้าเช่นนั้น ตอนที่เข้ามาเป็นรองนายิกาก็คิดจะเชยชมเจ้าแก้เบื่อ …แต่พอยิ่งอยู่ใกล้ชิด เชยชมมากเท่าใด ความรู้สึกก็พลันแปรเปลี่ยน”
“…แล้วสามีเจ้าล่ะ? ถึงเขาจะตายไปแล้วแต่ถ้าเจ้าทำเช่นนี้…”
“ช่างมันสิ สามีพรรค์นั้นข้ามิอยากได้อยู่แล้ว มันเป็นเพียงเรื่องในอดีต …แล้วตอนนี้ปัจจุบันข้าก็มีเจ้าแล้วด้วย” มือของวิรงรองเข้ามากุมต้นแขนคมกฤชไว้ก่อนจะดึงผ้าคลุมไหล่ขนาดใหญ่ผืนหนาให้เลื่อนลงไปเผยให้เห็นต้นแขนขาวนวล ดวงตาสีดำของคมกฤชจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจและแปลกใจมาก วิรงรองที่นางรู้จักนั้นใจดี อ่อนโยน ความเจ้าเล่ห์นั้นก็ไม่มี ความคิดที่ชั่วร้ายก็ไม่มี ริมฝีปากสีอ่อนนั้นก็ไม่เหยียดมุมปากยิ้มน่าหวาดหวั่นเหมือนตอนนี้ ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนวิรงรองคนเดิมเลยสักนิด
“เจ้า… เจ้ามิใช่คนแบบนี้นี่ วิรงรองที่ข้ารู้จักมิได้เป็นเช่นนี้” คมกฤชกล่าววกวน สีหน้าของนางซีดลงเรื่อยๆ รู้สึกหวาดกลัวอีกฝ่ายขึ้นมา “เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าก็คือข้านั่นแหละคมกฤช เพียงแต่เป็นด้านมืด ที่เจ้าเห็นทุกวันเป็นด้านสว่าง” น้ำเสียงของวิรงรองช่างเย็นเยียบนักจนคมกฤชหวาดกลัวกว่าเดิม นางตัดสินใจผลักอีกฝ่ายออกอย่างแรงก่อนจะวิ่งออกไป
“หึๆ เจ้ามองเพียงแค่ผิวเผินเองฤ? ประมาทไปนะคมกฤช”
.
.
.
คมกฤชเริ่มหยุดวิ่งเมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ตามมา นางยืนพักหายใจครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปในร้านกาแฟโบราณ เป็นบ้านไม้เก่าๆ ที่ไม่ได้ตกแต่งหรูหราหรือทันสมัยจึงให้ความรู้สึกอบอุ่น นางสั่งชาเย็นมาหนึ่งแก้วก่อนจะนั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ สักพักเครื่องดื่มที่สั่งก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ คมกฤชดูดน้ำจากหลอดพลางมองไปรอบๆ รสชาติหวานกลมกล่อมกำลังดีแต่เย็นเชียบเพราะใส่น้ำแข็งรวมถึงอากาศที่เย็นเพราะฝนตกแล้วทำให้น้ำเย็นกว่าเดิม คมกฤชดึงผ้าคลุมไหล่มาคลุมไว้ดังเดิมเพื่อคลายความหนาว
เมื่อดื่มหมดแล้วนางก็สั่งชาเขียวร้อนมาอีกแก้ว พอเครื่องดื่มมาแล้วนางก็ดูดน้ำพลางคิดเรื่องต่างๆ รสชาติหวานที่ขมเล็กน้อยทำให้คมกฤชรู้สึกดีกว่าชาเย็นเมื่อครู่ ความร้อนจากน้ำที่ไหลลงสู่คอทำให้ในร่างกายร้อนขึ้นมาคลายความหนาวลงไปได้
คมกฤชมองไปรอบๆ ก็เผอิญเห็นธัญกับมุจลินทร์กำลังทานขนมปังสังขยาอยู่ โดยที่มุจลินทร์ป้อนขนมให้ธัญอย่างเอาอกเอาใจชวนให้คนอยากมีคนรักอิจฉาเล่นๆ
ดีจังเลยนะ…
“สวัสดีเจ้าค่ะท่านคมกฤช” จู่ๆ มุจลินทร์ก็ทักทายคมกฤชทำให้คนถูกทักแทบพ่นน้ำออกมาแต่ดีที่คมกฤชยั้งไว้ได้เลยหันมายิ้มให้อีกฝ่ายอย่างแนบเนียน
“สวัสดีทั้งสองคน”
“มากินขนมกับพวกเราสิ” ธัญกล่าวเชิญพลางยิ้มบางๆ คมกฤชลังเลเพราะรู้จักมุจลินทร์ดีว่าเจ้าตัวไม่ชอบให้ใครเป็นก้างขวางคอเพื่อที่จะได้จู๋จี๋กับธัญ แต่พอมองตาของมุจลินทร์ที่บอกถึงความเต็มใจคมกฤชจึงยอมไปนั่งโต๊ะเดียวกับนายิกาและรองนายิกาแห่งจังหวัดลพบุรีด้วย
“สีหน้าท่านดูมิดีเลย กังวลเรื่องพลับพลึงฤๅเจ้าคะ?” มุจลินทร์ถาม คมกฤชพยักหน้าก่อนจะตอบ “ใช่ ข้ามิสบายใจและรู้สึกผิดจริงๆ ที่เห็นสหายของตนเองทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้”
“อย่ากล่าวเช่นนั้นสิคมกฤช” ธัญกล่าวเบาๆ พลางตบบ่าคมกฤชไปด้วย หลังจากนั้นธัญกับมุจลินทร์ก็ชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อจะให้คมกฤชลืมเรื่องนั้น ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะคมกฤชเองก็เผลอยิ้มและคุยอย่างขบขันกับเรื่องที่คุยกับอีกฝ่าย
ดีจริงที่หนีออกมา ผ่อนคลายได้ไปเยอะเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ