ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
8.9
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
123 บท
32 วิจารณ์
113.67K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
60) บทที่ ๖๐: คู่อริในวันวาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๖๐
[บรรยายโดยตัวละครหญิง เด็กหญิงสังรศรี วีรสังฆะ]
คู่อริในวันวาน
“อยู่นี่เองสินะ”
เสียงเย็นเยียบเอ่ยจากแววไพร เธอกับว่าวมองพงสณะราวกับจะฉีกระชากให้ร่างแหลกเหลว แต่เขาทำเป็นไม่สนใจยิงกระสุนต่อไป หนูมองอย่างเป็นห่วง ไม่อยากให้พงสณะแลพี่อสุรามีแผลกลับไป แต่คงจะไม่ทันเสียแล้ว เลือดจากช่วงท้องไหลซึมไปกับเสื้อนักเรียนสีขาวเพราะพี่อสุราฟันดาบใส่แต่พี่อสุราก็ได้แผลเช่นกันตรงต้นขาเพราะถูกเขายิงกระสุนใส่
หนูหันซ้ายหันขวาทำตัวไม่ถูก หวังให้ใครสักคนมาห้าม หนูเองก็อยากจะใช้ดาบที่แปลกจากปิ่นปักผมเข้าไปขวางหรอกแต่กลัวมันจะมีอะไรไม่ดี้ขึ้นอีกเลยยืนนิ่งๆ อย่างเดียว
หนูเหลือบเห็นว่ามีหญิงสาวแต่งกายแบบหมอจระเข้เว้นเสียแต่ผ้าพันรอบเอวนั้นเป็นลวดลายสวยงาม ผมยาวสีดำยาวถึงเอวมัดสูงทรงหางม้า ในมือถือหอกนั่งพายเรือมา นี่ถ้านั่งแพมาละก็คงจะเป็นไกรทองร่างหญิงแน่ ข้างๆ มีหญิงสาวผมยาวถึงสะโพกเกล้าออกเป็นสองข้างตรงช่วงปลาย สร้อยคาดหน้าผากเป็นอัญมณีสีม่วง ผ้าผืนหนาใหญ่ๆ ปักเย็บประณีตสวยงามสีแดงเลือดหมูพันรอบตรงช่วงบนของผ้าถุงที่บานช่วงปลายคล้ายกระโปรงยาวจับจีบเล็กๆ มีสายสีเงินห้อยโยงประกายงดงาม
หนูมองอย่างสนใจแต่อีกใจก็ยังเป็นห่วงทั้งสองคน
“นี่ มีเรื่องวิวาทอันใดกันฤ?!” หญิงสาวแต่งกายแบบหมอจระเข้ตะโกนถามจนพี่อสุรากับพงสณะต้องละการต่อสู้มามองอย่างตกตะลึงสักพักทั้งสองก็เบิกตาโตก่อนจะเก็บอาวุธแล้วหันมายกมือไหว้ซึ่งคนอื่นๆ ก็ไหว้เช่นกัน
หืม? ยกมือไหว้แสดงความเคารพ แถมมาเป็นคู่อย่าบอกนะว่าเป็นนายิกา
“สวัสดีค่ะ/ครับ ท่านนายิกาพาฬและท่านรองนายิกากุมภิล”
“สวัสดี เมื่อครู่ทะเลาะทำไมกันฤ?” หญิงสาวแต่งกายแบบหมอจระเข้ถามพลางดูพี่อสุรากับพงสณะอย่างจดจ่อ พี่อสุรากับพงสณะมองข้างล่างเหมือนไม่กล้าสบตา สักพักพี่อสุราก็ตอบเสียงแผ่ว
“ท่านพาฬ หนู… หนูเป็นห่วงน้องสาวแท้ๆ ของหนูที่ถูกเด็กนี่พาไปเที่ยวสองต่อสอง หนูโกรธมากเลยต่อสู้น่ะค่ะ”
“ข้าเข้าใจนะว่าเจ้าเป็นห่วงน้องมากแต่ไยถึงต้องทำถึงเพียงนี้ล่ะ?”
“…” พี่อสุราไม่ตอบ ท่านมองไปทางอื่นพงสณะยิ่งหลุบตาลงต่ำมากกว่าเดิม หญิงสาวแต่งกายหมอจระเข้ที่คาดว่าชื่อพาฬไม่ถามต่อเพียงแต่มองทั้งสองคนอย่างครุ่นคิด หญิงสาวข้างกายที่น่าจะชื่อกุมภิล (จากการที่ผู้คนทักทาย) ก็กล่าวเสียงเรียบ
“อย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกอันขาด อสุรา เจ้าก็ระงับอารมณ์ให้ต่อสู้จนเลือดออกขนาดนั้นกับเด็กนัก ส่วนเจ้า พงสณะ ทีหลังจะไปไหนให้บอกกล่าวกันก่อน พี่สาวของเขาจะเป็นห่วงเอา”
“ค่ะ/ครับ”
“งั้นเราก็ไปกันต่อเถิด” ท่านพาฬกล่าวกับท่านกุมภิล อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะลงเรือพายแล่นไปอีกครั้ง หนูถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เรื่องจบลง
หนูเดินเข้าไปหาทั้งสองอย่างเป็นห่วง กลิ่นคาวจากเลือดทำให้หนูใจคอไม่ดี พี่อสุรายิ้มอย่างอ่อนโยนพลางลูบศีรษะหนู หนูยิ้มอย่างหมดห่วง พงสณะยิ้มบางๆ สีหน้าของเขาอ่อนล้าไม่ต่างจากพี่อสุรา หนูมองเขาซึ่งเจ้าตัวก็โบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นอะไร
ระหว่างที่พวกเรากำลังจะเดินกลับไป
ดาบอยู่บนโต๊ะเรียน
ความยาวต่างจากปรกติทั่วๆ ไป ดาบเล่มนี้ถ้าให้เทียบก็ประมาณจากศีรษะจนถึงหัวเข่า ซึ่งหนูสูง ๑๕๗ เซนติเมตร เล่มขวามีสัลักษณ์สี่เหลี่ยมจัตุรัสกลับมุมมีแฉกยาวเท่านิ้วทรงกนกฝังอัญมณีสีแดงเลือด อีกด้ามมีสัญลักษณ์กนกสี่แฉก ใบมีดสะท้อนแสงอาทิตย์น่าหวั่นใจเสมือนกับว่ามันมีชีวิตหมายจะปลิดชีพทุกสรรพสิ่ง
หืม…? นี่คือความฝันเหรอ แต่… เห็นจะใช่เพราะตอนนี้หนูยืนอยู่ในห้องเรียนในมิติสามัญซึ่งเป็นโลกเดิมที่หนูอาศัย พอมองไปข้างนอกก็เป็นยามเย็นแล้ว ท้องฟ้าสีส้ม แดง ม่วงไล่ไปถึงสีชมพูผสมผสานเป็นความงดงามน่าพิศวง ท้องฟ้ากว้างขวางยากจะหาเส้นไร้ขอบเขตนั้นทำให้นึกถึงวันวาน
ตุบๆ
มีใครเดินเข้ามา หนูหันไปมองพบว่าเป็นคิมหันต์ เขาเป็นน้องชายสายเลือดเดียวกับเหมันต์ ดวงตาสีดำเจอสีน้ำตาลแดงเหมือนเหล็กขึ้นสนิมนั้นฉายความรู้สึกไม่มากนัก
หนูยิ้มให้ เขาพยักหน้ารับแทนการยิ้มตอบ
…อา เงียบเกินไปแล้ว ทั้งหนูและเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก อยากตื่นจากฝันนี้เร็วๆ
“คงไม่ได้หรอก ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เฮือก!
หมายความว่าอย่างไร ย่ะ อย่าบอกนะว่าคิมหันต์เข้ามาในความฝันแล้วใช้อาคมไม่ให้หนูตื่นจากฝันได้
“นี่นาย---”
พูดไม่ทันจบเขาก็มาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็มิอาจทราบจนหนูหายใจวาบ แต่สิ่งที่หนูแตกตื่นก็คืออยู่ดีๆ เขาก็หยิบมีดขึ้นมาแล้วกรีดข้อมือจนเลือดไหล แม้นี่จะเป็นความฝันแต่หนูอดจะเป็นห่วงไม่ได้เลยทำท่าจะเข้าไปช่วยแต่เขาเดินถอยไป …หนูรู้สึกแปลกๆ …ความกระหายในรสคาวนี่มันอะไรกัน? กลิ่นคาวดุจเหล็กขึ้นสนิมและฝนทำให้หนูแทบไม่มีสติ
“ท่านยังจำเรื่องนั้นได้ฤๅไม่?” หนูพยายามดึงสติและอารมณ์ เขามองหนูอย่างเป็นห่วงช่างขัดกับท่าทางนิ่งๆ หนูมองเขาอย่างฉงน สรรพนาม ท่าน เขากล่าวถึงใคร
“ข้ามิได้เอ่ยกับผู้ใด ข้าหมายถึงท่านนั่นแหละ”
“ฉัน? นี่นายเล่นอะไรอยู่ ฉันไม่ตลกนะ” หนูกล่าวเสียงเข้ม ทว่าสีหน้าจริงจังของเขาทำให้หนูใจเสีย …นี่กำลังจะมีเรื่องที่หนูไม่รู้ของตัวหนูอีกแล้วงั้นเหรอ? มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่เลย
ครืด…
เขากรีดเลือดอีกครั้งส่งผลให้มันไหลหยดมากกว่าเดิมและกลิ่นรุนแรงมากขึ้น หนูกลั้นหายใจอย่างลำบาก กลัวว่าถ้าสูดดมเข้าไปมากกว่านี้จะทำให้กระหายมากขึ้น
“พอได้แล้วคิมหันต์”
เสียงนั่น… เหมันต์แน่ๆ …ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีดำ
.
.
.
เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองนอนบนตักพี่อสุรา ท่านยิ้มให้หนูอย่างอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรักใคร่ หนูยิ้มบางๆ แล้วผ่อนคลายพลางเอื้อมมือไปกอดเอว
“พี่อสุราคะ หนูหลับตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ?”
“พอหนูกลับมาถึงเรือนก็หลับสนิทเลยจ้ะ …ว่าแต่เดี๋ยวนี้นอนดึกเหรอ ปรกติก็ไม่เห็นนอนช่วงบ่ายนี่?”
“เปล่าค่ะ หนูคงจะเหนื่อยเลยหลับน่ะค่ะ” พี่อสุราไม่ถามอะไรต่อแต่ลูบศีรษะหนูแทน
เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วโมงหนูก็ลุกขึ้นก่อนจะชวนให้พี่อสุราไปเดินเล่นข้างนอก ตอนแรกท่านมีสีหน้าลำบากใจแต่พอหนูอ้อนเท่านั่นแหละท่านจึงยอม แต่ก่อนจะไปหนูนึกอะไรสนุกๆ ดื่มยาเปลี่ยนเพศแล้วหยิบชุดนักเรียนชายที่ว่าวให้ไว้มาใส่ พี่อสุราทำท่าจะค้านแต่ก็ถอนหายใจก่อนจะออกจากเรือนพร้อมกับหนู
หนูกับพี่อสุราเดินไปเรื่อยๆ ตอนนี้เพิ่งจะบ่าย ๓ ใกล้เย็นแล้ว หนูไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะแม้ร่างกายจะเปลี่ยนแต่ผมที่ยาวถึงเอวทำให้ดูเป็นผู้หญิงแบบเดิม หนูละความสนใจแล้วมองไปรอบๆ อย่างเพลิดเพลิน
…สารภาพตามตรงเลยนะ หลังจากที่เพิ่งมากรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจหนูแล้วเว้นมีบ้างที่ลอบๆ มองๆ หนู โดยเฉพาะผู้หญิงมีค่อนข้างบ่อย ตอนนี้เป็นอีกครั้งแล้ว เพราะมีเด็กผู้หญิงสองกลุ่มเข้ามาหาหนูแล้วทักทายโดยผลักให้พี่อสุราอยู่วงนอก …เอ่อ มีคนสนใจมากก็ดีหรอก แต่มันอดจะนึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นบางเรื่องที่มีสาวๆ รุมล้อมผู้ชายคนๆ เดียว
…หวังว่าที่ผู้หญิงกลุ่มนี้มาหาหนูจะไม่กลายเป็นฮาเร็มนะ
ระหว่างนั้นที่เพื่อนใหม่ถามหนู หนูก็เหลือบเห็นผู้ชายคนหนึ่งมองหนู ผมยาวแตะบ่าเล็กน้อยดูท่าจะซอยชั้นๆ เป็นสีน้ำตาลเข้มปลายสีแดง ผิวสีคล้ำเล็กน้อย มีผ้าขาวม้าคล้องคอยาวเกือบถึงเอวนุ่งโจงกระเบน ใส่ตุ้มหูข้างหนึ่งสีทองเป็นห่วงเล็กๆ
รูปลักษณ์นั้นช่างคุ้นเคย… หนูเหมือนเคยเจอเขา แต่ก็นึกไม่ออกว่าใคร เขาเองก็มองหนูอย่างครุ่นคิดไม่ต่างจากหนู
เขาออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ ชายที่หยุดเล่นเพราะเขาหยุดเล่น ดวงตาสีสนิมฉายแววประหลาดน่าหวาดหวั่น เพื่อนๆ หญิงที่มาใหม่หยุดถามตั้งแต่ที่เขาเดินมา พวกเธอมองไปอย่างฉงน
“เอ็งน่ะ ชื่ออะไร?” น้ำเสียงห้าวหาญไม่แตกต่างจากภาพลักษณ์ทำให้หนูเริ่มจะนึกได้ แต่ภาพในความทรงจำมันขาดๆ หายๆ
“สังรศรี วีรสังฆะจ้ะ”
“?!” เขาเบิกตาอย่างตกตะลึง เพื่อนๆ ของเขาเดินเข้ามาแล้วมองหนูสลับกับเจ้าตัวเหมือนจะถามว่าเพื่อนตนเองเป็นอะไรไป
“ยายกุมารทองเองดอกฤ?!”
ฮะ?!
หนูแทบล้มคะมำกับพื้น ความทรงจำกลับมา เสียงว่าล้อเลียน ภาพเด็กชายเบื้องหน้าในอดีตฟันหลอพลันผุดขึ้น
หมอนี่… อย่าบอกนะว่าเป็น…
“ย่ะ อย่าบอกนะว่านายคือ………… ศฤคาล!” หนูอ้ำๆ อึ้งๆ พักยาวเลยเมื่อรู้ว่าเด็กชายเบื้องหน้าคือคู่อริในวัยเด็ก ศฤคาลเงียบไปสักพักก่อนจะแสยะยิ้มก่อนจะเอ่ย
“หึๆ มาแข่งอะไรกันดีเพื่อทักทายหลังจากที่หายหน้าหายตาไปนานน่ะ”
“แน่อยู่แล้ว!”
เขาเป็นเพียงคนเดียวที่หาเรื่องหนูแล้วหนูจะโต้ตอบอย่างนึกสนุก …แหม น่าคิดถึงเหมือนกันนะ คู่อริในวันวาน หนูเดินเข้าไปแล้วแสยะยิ้มเช่นกัน ราวกับต่างฝ่ายต่างรู้ใจ หนูกับเขายื่นขาข้างหนึ่งมาชิดกันแล้วยืดอีกข้างไปด้านหลังก่อนจะตั้งท่ายกมือแล้วก็
“ยางยิงเยาปักเป่ายิ้งฉุบ!” จากที่กล่าวมาเสียยืดยาวคงจะคิดว่าหนูต่อสู้ด้วยอาวุธคมๆ สินะ แต่ไม่ใช่ การแข่งของเราคือเป่ายิ้งฉุบต่างหากล่ะ!
ครั้งแรกหนูออกค้อน เขาออกกระดาษ
“ฉุบ!”
หนูออกกรรไกร เขาออกค้อน
“ฉุบ!”
หนูออกกรรไกรอีกครั้ง เขาก็ออกกรรไกรเช่นกัน ---เสมอ
“ฉุบ!”
หนูออกกระดาษ เขาออกกรรไกร
“ฉุบ!”
หนูออกค้อน เขาออกกระดาษ
ครั้งสุดท้าย… หนูแพ้แน่ๆ
“ฉุบ!!”
[บรรยายโดยตัวละครหญิง เด็กหญิงสังรศรี วีรสังฆะ]
คู่อริในวันวาน
“อยู่นี่เองสินะ”
เสียงเย็นเยียบเอ่ยจากแววไพร เธอกับว่าวมองพงสณะราวกับจะฉีกระชากให้ร่างแหลกเหลว แต่เขาทำเป็นไม่สนใจยิงกระสุนต่อไป หนูมองอย่างเป็นห่วง ไม่อยากให้พงสณะแลพี่อสุรามีแผลกลับไป แต่คงจะไม่ทันเสียแล้ว เลือดจากช่วงท้องไหลซึมไปกับเสื้อนักเรียนสีขาวเพราะพี่อสุราฟันดาบใส่แต่พี่อสุราก็ได้แผลเช่นกันตรงต้นขาเพราะถูกเขายิงกระสุนใส่
หนูหันซ้ายหันขวาทำตัวไม่ถูก หวังให้ใครสักคนมาห้าม หนูเองก็อยากจะใช้ดาบที่แปลกจากปิ่นปักผมเข้าไปขวางหรอกแต่กลัวมันจะมีอะไรไม่ดี้ขึ้นอีกเลยยืนนิ่งๆ อย่างเดียว
หนูเหลือบเห็นว่ามีหญิงสาวแต่งกายแบบหมอจระเข้เว้นเสียแต่ผ้าพันรอบเอวนั้นเป็นลวดลายสวยงาม ผมยาวสีดำยาวถึงเอวมัดสูงทรงหางม้า ในมือถือหอกนั่งพายเรือมา นี่ถ้านั่งแพมาละก็คงจะเป็นไกรทองร่างหญิงแน่ ข้างๆ มีหญิงสาวผมยาวถึงสะโพกเกล้าออกเป็นสองข้างตรงช่วงปลาย สร้อยคาดหน้าผากเป็นอัญมณีสีม่วง ผ้าผืนหนาใหญ่ๆ ปักเย็บประณีตสวยงามสีแดงเลือดหมูพันรอบตรงช่วงบนของผ้าถุงที่บานช่วงปลายคล้ายกระโปรงยาวจับจีบเล็กๆ มีสายสีเงินห้อยโยงประกายงดงาม
หนูมองอย่างสนใจแต่อีกใจก็ยังเป็นห่วงทั้งสองคน
“นี่ มีเรื่องวิวาทอันใดกันฤ?!” หญิงสาวแต่งกายแบบหมอจระเข้ตะโกนถามจนพี่อสุรากับพงสณะต้องละการต่อสู้มามองอย่างตกตะลึงสักพักทั้งสองก็เบิกตาโตก่อนจะเก็บอาวุธแล้วหันมายกมือไหว้ซึ่งคนอื่นๆ ก็ไหว้เช่นกัน
หืม? ยกมือไหว้แสดงความเคารพ แถมมาเป็นคู่อย่าบอกนะว่าเป็นนายิกา
“สวัสดีค่ะ/ครับ ท่านนายิกาพาฬและท่านรองนายิกากุมภิล”
“สวัสดี เมื่อครู่ทะเลาะทำไมกันฤ?” หญิงสาวแต่งกายแบบหมอจระเข้ถามพลางดูพี่อสุรากับพงสณะอย่างจดจ่อ พี่อสุรากับพงสณะมองข้างล่างเหมือนไม่กล้าสบตา สักพักพี่อสุราก็ตอบเสียงแผ่ว
“ท่านพาฬ หนู… หนูเป็นห่วงน้องสาวแท้ๆ ของหนูที่ถูกเด็กนี่พาไปเที่ยวสองต่อสอง หนูโกรธมากเลยต่อสู้น่ะค่ะ”
“ข้าเข้าใจนะว่าเจ้าเป็นห่วงน้องมากแต่ไยถึงต้องทำถึงเพียงนี้ล่ะ?”
“…” พี่อสุราไม่ตอบ ท่านมองไปทางอื่นพงสณะยิ่งหลุบตาลงต่ำมากกว่าเดิม หญิงสาวแต่งกายหมอจระเข้ที่คาดว่าชื่อพาฬไม่ถามต่อเพียงแต่มองทั้งสองคนอย่างครุ่นคิด หญิงสาวข้างกายที่น่าจะชื่อกุมภิล (จากการที่ผู้คนทักทาย) ก็กล่าวเสียงเรียบ
“อย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกอันขาด อสุรา เจ้าก็ระงับอารมณ์ให้ต่อสู้จนเลือดออกขนาดนั้นกับเด็กนัก ส่วนเจ้า พงสณะ ทีหลังจะไปไหนให้บอกกล่าวกันก่อน พี่สาวของเขาจะเป็นห่วงเอา”
“ค่ะ/ครับ”
“งั้นเราก็ไปกันต่อเถิด” ท่านพาฬกล่าวกับท่านกุมภิล อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะลงเรือพายแล่นไปอีกครั้ง หนูถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เรื่องจบลง
หนูเดินเข้าไปหาทั้งสองอย่างเป็นห่วง กลิ่นคาวจากเลือดทำให้หนูใจคอไม่ดี พี่อสุรายิ้มอย่างอ่อนโยนพลางลูบศีรษะหนู หนูยิ้มอย่างหมดห่วง พงสณะยิ้มบางๆ สีหน้าของเขาอ่อนล้าไม่ต่างจากพี่อสุรา หนูมองเขาซึ่งเจ้าตัวก็โบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นอะไร
ระหว่างที่พวกเรากำลังจะเดินกลับไป
ดาบอยู่บนโต๊ะเรียน
ความยาวต่างจากปรกติทั่วๆ ไป ดาบเล่มนี้ถ้าให้เทียบก็ประมาณจากศีรษะจนถึงหัวเข่า ซึ่งหนูสูง ๑๕๗ เซนติเมตร เล่มขวามีสัลักษณ์สี่เหลี่ยมจัตุรัสกลับมุมมีแฉกยาวเท่านิ้วทรงกนกฝังอัญมณีสีแดงเลือด อีกด้ามมีสัญลักษณ์กนกสี่แฉก ใบมีดสะท้อนแสงอาทิตย์น่าหวั่นใจเสมือนกับว่ามันมีชีวิตหมายจะปลิดชีพทุกสรรพสิ่ง
หืม…? นี่คือความฝันเหรอ แต่… เห็นจะใช่เพราะตอนนี้หนูยืนอยู่ในห้องเรียนในมิติสามัญซึ่งเป็นโลกเดิมที่หนูอาศัย พอมองไปข้างนอกก็เป็นยามเย็นแล้ว ท้องฟ้าสีส้ม แดง ม่วงไล่ไปถึงสีชมพูผสมผสานเป็นความงดงามน่าพิศวง ท้องฟ้ากว้างขวางยากจะหาเส้นไร้ขอบเขตนั้นทำให้นึกถึงวันวาน
ตุบๆ
มีใครเดินเข้ามา หนูหันไปมองพบว่าเป็นคิมหันต์ เขาเป็นน้องชายสายเลือดเดียวกับเหมันต์ ดวงตาสีดำเจอสีน้ำตาลแดงเหมือนเหล็กขึ้นสนิมนั้นฉายความรู้สึกไม่มากนัก
หนูยิ้มให้ เขาพยักหน้ารับแทนการยิ้มตอบ
…อา เงียบเกินไปแล้ว ทั้งหนูและเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก อยากตื่นจากฝันนี้เร็วๆ
“คงไม่ได้หรอก ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เฮือก!
หมายความว่าอย่างไร ย่ะ อย่าบอกนะว่าคิมหันต์เข้ามาในความฝันแล้วใช้อาคมไม่ให้หนูตื่นจากฝันได้
“นี่นาย---”
พูดไม่ทันจบเขาก็มาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็มิอาจทราบจนหนูหายใจวาบ แต่สิ่งที่หนูแตกตื่นก็คืออยู่ดีๆ เขาก็หยิบมีดขึ้นมาแล้วกรีดข้อมือจนเลือดไหล แม้นี่จะเป็นความฝันแต่หนูอดจะเป็นห่วงไม่ได้เลยทำท่าจะเข้าไปช่วยแต่เขาเดินถอยไป …หนูรู้สึกแปลกๆ …ความกระหายในรสคาวนี่มันอะไรกัน? กลิ่นคาวดุจเหล็กขึ้นสนิมและฝนทำให้หนูแทบไม่มีสติ
“ท่านยังจำเรื่องนั้นได้ฤๅไม่?” หนูพยายามดึงสติและอารมณ์ เขามองหนูอย่างเป็นห่วงช่างขัดกับท่าทางนิ่งๆ หนูมองเขาอย่างฉงน สรรพนาม ท่าน เขากล่าวถึงใคร
“ข้ามิได้เอ่ยกับผู้ใด ข้าหมายถึงท่านนั่นแหละ”
“ฉัน? นี่นายเล่นอะไรอยู่ ฉันไม่ตลกนะ” หนูกล่าวเสียงเข้ม ทว่าสีหน้าจริงจังของเขาทำให้หนูใจเสีย …นี่กำลังจะมีเรื่องที่หนูไม่รู้ของตัวหนูอีกแล้วงั้นเหรอ? มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่เลย
ครืด…
เขากรีดเลือดอีกครั้งส่งผลให้มันไหลหยดมากกว่าเดิมและกลิ่นรุนแรงมากขึ้น หนูกลั้นหายใจอย่างลำบาก กลัวว่าถ้าสูดดมเข้าไปมากกว่านี้จะทำให้กระหายมากขึ้น
“พอได้แล้วคิมหันต์”
เสียงนั่น… เหมันต์แน่ๆ …ภาพตรงหน้ากลายเป็นสีดำ
.
.
.
เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองนอนบนตักพี่อสุรา ท่านยิ้มให้หนูอย่างอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรักใคร่ หนูยิ้มบางๆ แล้วผ่อนคลายพลางเอื้อมมือไปกอดเอว
“พี่อสุราคะ หนูหลับตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ?”
“พอหนูกลับมาถึงเรือนก็หลับสนิทเลยจ้ะ …ว่าแต่เดี๋ยวนี้นอนดึกเหรอ ปรกติก็ไม่เห็นนอนช่วงบ่ายนี่?”
“เปล่าค่ะ หนูคงจะเหนื่อยเลยหลับน่ะค่ะ” พี่อสุราไม่ถามอะไรต่อแต่ลูบศีรษะหนูแทน
เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วโมงหนูก็ลุกขึ้นก่อนจะชวนให้พี่อสุราไปเดินเล่นข้างนอก ตอนแรกท่านมีสีหน้าลำบากใจแต่พอหนูอ้อนเท่านั่นแหละท่านจึงยอม แต่ก่อนจะไปหนูนึกอะไรสนุกๆ ดื่มยาเปลี่ยนเพศแล้วหยิบชุดนักเรียนชายที่ว่าวให้ไว้มาใส่ พี่อสุราทำท่าจะค้านแต่ก็ถอนหายใจก่อนจะออกจากเรือนพร้อมกับหนู
หนูกับพี่อสุราเดินไปเรื่อยๆ ตอนนี้เพิ่งจะบ่าย ๓ ใกล้เย็นแล้ว หนูไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะแม้ร่างกายจะเปลี่ยนแต่ผมที่ยาวถึงเอวทำให้ดูเป็นผู้หญิงแบบเดิม หนูละความสนใจแล้วมองไปรอบๆ อย่างเพลิดเพลิน
…สารภาพตามตรงเลยนะ หลังจากที่เพิ่งมากรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจหนูแล้วเว้นมีบ้างที่ลอบๆ มองๆ หนู โดยเฉพาะผู้หญิงมีค่อนข้างบ่อย ตอนนี้เป็นอีกครั้งแล้ว เพราะมีเด็กผู้หญิงสองกลุ่มเข้ามาหาหนูแล้วทักทายโดยผลักให้พี่อสุราอยู่วงนอก …เอ่อ มีคนสนใจมากก็ดีหรอก แต่มันอดจะนึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นบางเรื่องที่มีสาวๆ รุมล้อมผู้ชายคนๆ เดียว
…หวังว่าที่ผู้หญิงกลุ่มนี้มาหาหนูจะไม่กลายเป็นฮาเร็มนะ
ระหว่างนั้นที่เพื่อนใหม่ถามหนู หนูก็เหลือบเห็นผู้ชายคนหนึ่งมองหนู ผมยาวแตะบ่าเล็กน้อยดูท่าจะซอยชั้นๆ เป็นสีน้ำตาลเข้มปลายสีแดง ผิวสีคล้ำเล็กน้อย มีผ้าขาวม้าคล้องคอยาวเกือบถึงเอวนุ่งโจงกระเบน ใส่ตุ้มหูข้างหนึ่งสีทองเป็นห่วงเล็กๆ
รูปลักษณ์นั้นช่างคุ้นเคย… หนูเหมือนเคยเจอเขา แต่ก็นึกไม่ออกว่าใคร เขาเองก็มองหนูอย่างครุ่นคิดไม่ต่างจากหนู
เขาออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆ ชายที่หยุดเล่นเพราะเขาหยุดเล่น ดวงตาสีสนิมฉายแววประหลาดน่าหวาดหวั่น เพื่อนๆ หญิงที่มาใหม่หยุดถามตั้งแต่ที่เขาเดินมา พวกเธอมองไปอย่างฉงน
“เอ็งน่ะ ชื่ออะไร?” น้ำเสียงห้าวหาญไม่แตกต่างจากภาพลักษณ์ทำให้หนูเริ่มจะนึกได้ แต่ภาพในความทรงจำมันขาดๆ หายๆ
“สังรศรี วีรสังฆะจ้ะ”
“?!” เขาเบิกตาอย่างตกตะลึง เพื่อนๆ ของเขาเดินเข้ามาแล้วมองหนูสลับกับเจ้าตัวเหมือนจะถามว่าเพื่อนตนเองเป็นอะไรไป
“ยายกุมารทองเองดอกฤ?!”
ฮะ?!
หนูแทบล้มคะมำกับพื้น ความทรงจำกลับมา เสียงว่าล้อเลียน ภาพเด็กชายเบื้องหน้าในอดีตฟันหลอพลันผุดขึ้น
หมอนี่… อย่าบอกนะว่าเป็น…
“ย่ะ อย่าบอกนะว่านายคือ………… ศฤคาล!” หนูอ้ำๆ อึ้งๆ พักยาวเลยเมื่อรู้ว่าเด็กชายเบื้องหน้าคือคู่อริในวัยเด็ก ศฤคาลเงียบไปสักพักก่อนจะแสยะยิ้มก่อนจะเอ่ย
“หึๆ มาแข่งอะไรกันดีเพื่อทักทายหลังจากที่หายหน้าหายตาไปนานน่ะ”
“แน่อยู่แล้ว!”
เขาเป็นเพียงคนเดียวที่หาเรื่องหนูแล้วหนูจะโต้ตอบอย่างนึกสนุก …แหม น่าคิดถึงเหมือนกันนะ คู่อริในวันวาน หนูเดินเข้าไปแล้วแสยะยิ้มเช่นกัน ราวกับต่างฝ่ายต่างรู้ใจ หนูกับเขายื่นขาข้างหนึ่งมาชิดกันแล้วยืดอีกข้างไปด้านหลังก่อนจะตั้งท่ายกมือแล้วก็
“ยางยิงเยาปักเป่ายิ้งฉุบ!” จากที่กล่าวมาเสียยืดยาวคงจะคิดว่าหนูต่อสู้ด้วยอาวุธคมๆ สินะ แต่ไม่ใช่ การแข่งของเราคือเป่ายิ้งฉุบต่างหากล่ะ!
ครั้งแรกหนูออกค้อน เขาออกกระดาษ
“ฉุบ!”
หนูออกกรรไกร เขาออกค้อน
“ฉุบ!”
หนูออกกรรไกรอีกครั้ง เขาก็ออกกรรไกรเช่นกัน ---เสมอ
“ฉุบ!”
หนูออกกระดาษ เขาออกกรรไกร
“ฉุบ!”
หนูออกค้อน เขาออกกระดาษ
ครั้งสุดท้าย… หนูแพ้แน่ๆ
“ฉุบ!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ