ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  115.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

58) บทที่ ๕๘: นั่งเรือไปด้วยกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๕๘

[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]

นั่งเรือไปด้วยกัน

                “อิ่มอะ” เฉาก๊วยฟุบหน้าลงกับโต๊ะทานอาหาร ศรีขำคิกคักกับท่าทางนั้น เหตุผลที่เขาเป็นแบบนี้เพราะอาหารที่ตนเองทานไปมีรสเผ็ดมากจึงต้องดื่มน้ำมากๆ อีก และทานต่อไปเรื่อยๆ (เขาชอบรสชาติเลยไม่หยุดทาน) จึงสะสมจนทำให้รู้สึกอืด ระหว่างนั้นบ่าวก็เก็บจาน ชาม ช้อน ส้อมไปล้าง

                “เฮ้อ… บอกแล้วว่าให้หยุด นอกจากจะอืดแล้วยังทำให้ปวดท้องอีก จริงๆ เลย” ดินขาวกล่าวพลางถอนหายใจ ปักเป้ากัดลูกชุบแล้วเคี้ยวไปทีหนึ่งก็เอ่ยขึ้น

                “ป่านนี้ท่านแม่เสร็จจากประชุมยังนะ?”

                “ถ้าหมายถึงท่านพินทุก็กลับมาแล้วจ้ะ” ศรีตอบ ปักเป้าเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อว่าแม่ตนเองจะกลับมาแล้วก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าหงุดหงิด

                “กลับมาก็มิบอกนะแม่นะ…” ปักเป้าพึมพำ ว่าวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พยักหน้าเห็นด้วย

                “ว่าแต่พวกโรงเรียนฟิคซาก้อนมันหายหัวไปไหน? หายหน้าหายตาเงียบเชียว” ขนมชั้นที่ไม่ได้ออกโรงนาน (?) เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจพลางมองไปรอบๆ เผื่อเพื่อนๆ ที่เขาพูดถึงจะอยู่

                “ก็มิรู้สินะ” ปักเป้าตอบอย่างกวนๆ “เจ้าน่ะหุบปากไปเลย”

                “ถามถึงสุดหล่อเหรอ?” จู่ๆ เสียงจากโซค่อนก็ดังขึ้นแถวประตูบนเรือน ทุกคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว ไม่สิ ทุกคนมองนักเรียนจากโรงเรียนฟิคซาก้อนด้วยความคาดไม่ถึง ขนมชั้นรู้สึกว่าเส้นกระตุกตงิดๆ

                “เปล่า ข้าถามถึงคนขี้เหร่”

                “โห! ยอมรับเถอะว่าฉันหล่อ”

                “มันเป็นสิ่งที่เจ้าคิดไปเอง” ขนมชั้นเหงื่อตก เขาละความสนใจไปมองเพื่อนๆ อีก ๙ คน “แล้วไปไหนมาล่ะ หายหน้าหายตาไปเลยนะ”

                “ก็สืบเรื่องคดีลักมีอยู่ ‘ไง” ซีอาห์ตอบพลางยิ้มแป้นเหมือนจะแก้ตัวว่าจริงๆ แล้วตนเองไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง

                “จริงฤ?”

                “จริงซิ”

                “แน่นะ?”

                “แน่ซิ”

                “ไม่ยั่วนะ”

                “ไม่ยั่วซิ”

                “คนอวด---”

                “เฮ้ย! พอได้แล้ว” ศารทูลตะโกนทำให้ทั้งคู่หยุดร้องต่อเพลง (โดยที่ร้องตามเนื้อเพลงไม่ได้ใช้ภาษาพูดแบบสมัยก่อน) “ร้องเป็นพ่อแง่ แม่งอน[1]ฤอย่างไร?”

                “…” ขนมชั้นเงียบส่วนซีอาห์ยิ้มแห้งๆ ขนมชั้นคิดว่าตนเองไม่น่าหลวมตัวเลย เพื่อนๆ บางคนขำกับกริยาทั้งสองคนก่อนจะถูกสายตาดุๆ จากขนมชั้นเมื่อนั้นแหละถึงจะเงียบ

                “ว่าแต่ไปถึงไหนแล้วล่ะเรื่องคดีนั้น”

                “ก็…”

                ศารทูลเล่าถึงสิ่งที่ตนกับเพื่อนๆ โรงเรียนเดียวกันได้ข้อมูลมา ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับที่มณฑาเล่าให้พวกเขาฟังระหว่างทานอาหารหลังจากคุยเรื่องนี้จบขนมชั้นก็บอกว่าให้พวกโซค่อนกลับโรงเรียนไปเพราะไม่อยากให้เสียเวลากับคดีนี้แถมเรื่องนี้ยังสามารถจัดการได้ด้วย โซค่อนที่ยิ้มมาตลอดถึงกับต้องหุบยิ้ม …ถ้าหากกลับไปก็ไม่มีเรื่องสนุกๆ ทำน่ะสิ

                หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป

                ยุพินกับแป้งมันมาตรงแถวๆ ที่ไม่ค่อยมีใครอยู่ ทั้งสองอึดอัดเมื่อไม่มีใครเอ่ยอะไรจนในที่สุดแป้งมันก็เริ่มคุย

                “เธอน่ะ รักศรีเหรอ”

                “ใช่”

                “รู้ทั้งรู้ว่าฉันรักศรีก่อนแล้วทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ?” แป้งมันรู้สึกว่าปากตนเองสั่น น้ำตาเอ่อขึ้น ยุพินเม้มริมฝีปาก เธอเองก็เจ็บไม่แพ้แป้งมัน

                “…”

                “…”

                ทั้งสองเงียบก่อนที่ยุพินจะเอ่ยเหมือนสมเพชตนเองและอีกฝ่าย

                “…น่าแปลกจัง ทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอแต่ความรู้สึกว่ารักนี่มันคืออะไร?”

                ใช่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอแต่ก็ยังรัก

                ย้อนความไปยังตอนที่ทั้งสองเจอกับศรีเป็นครั้งแรก ทั้งสองกับเพื่อนๆ เดินกลับมาจากซื้อของในตลาดแล้วพบศรีนั่งอยู่ พลันความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมา เสียงหัวเราะในยามเช้าที่สดใส รอยยิ้มของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวสองคนในความทรงจำใจเต้นแรง ยุพินกับแป้งมันในตอนนั้นมองศรีซ้อนกับภาพชายหนุ่ม ยุพินตัดสินใจเข้าไปหาศรีราวกับถูกดึงดูดด้วยภาพความทรงจำ แป้งมันก็ตามเข้าไปพร้อมกับเพื่อนๆ แล้วก็คุยกับศรีอย่างสนิทสนม ทั้งหน้าตาที่สะสวยเหมือนมะลิแรกแย้มและความทรงจำทำให้ทั้งสองว้าวุ่นในใจ

                ไม่บ่อยนักที่เพื่อนรักกันจะเสียลสะคนที่ตนเองรักให้เพื่อน ยุพินกับแป้งมันก็เป็นหนี่งในนั้น

                …ทรยศทั้งที่เป็นเพื่อนกัน…

                “เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าสามารถทำให้ศรีรักได้ก็เอาเป็นว่าได้ไป” แป้งมันกล่าวขึ้นหลังจากที่เงียบนาน ยุพินพยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกัน

 

                “แป้งมันกับยุพินมีเรื่องกันฤ?” ดินขาวถามขณะที่ทั้งสองนั่งเล่นในห้อง ขนมชั้นพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าว

                “อืม… ก็ชอบศรีด้วยกันทั้งคู่เลยบาดหมางน่ะ”

                “เฮ้อ… มิน่าเลย อุตส่าห์รักใคร่กลมเกลียวกันแล้วยังต้องทะเลาะเพราะเรื่องนี้” ดินขาวถอนหายใจเขาเคยเห็นเด็กหญิงสองคนนั้นเล่นกัน ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันตลอด เขาคิดว่าความรักทำให้มนุษย์อ่อนแอ

                …แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ใครบางคนเข้มแข็งขึ้น…

 

                ศรีเดินออกไปซื้อขนมพร้อมกับอสุรา รพิ แววไพร ว่าว (ที่ยังทะเลาะกันไม่เลิก) พงสณะและธันนะ ต่อจากนั้นเดินเล่นในย่านชุมชน ตั้งแต่มาอยู่ที่มิตินี้ศรีสังเกตว่ามิติผกายสร้างที่อาศัยทำจากไม้ ลักษณะสร้างตามแบบในสมัยก่อน ถ้าไม่ใช่เรือนไทยก็จะเป็นบ้านธรรมดาแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นตัวเมืองที่มิติผกาย ศรีคิดว่าดีจังเพราะทำให้เหมือนย้อนกลับไปในสสมัยก่อนและจะได้อนุรักษณ์ไว้ด้วย

                หลังจากนั้นก็ไปที่ตลาดน้ำ เรือค้าขายสัญจรไปมาไม่หนาแน่นนัก อสุราเห็นเรือที่เป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวก็ชวนเด็กๆ ไปซื้อมาทานซึ่งก็นั่งทานอยู่ตรงบนพื้นไม้ ในขณะที่ทานไปศรีก็คิดไปพลาง ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ขายชามละ ๑๕ ถ้ามากกว่านี้ก็ ๒๕ ซึ่งราคาต้นๆ ไม่ค่อยมีขายนัก …ดีจัง

                ทานเสร็จก็เดินเล่นชมสินค้ามีการจจับจ่ายซื้อบ้าง

                “ศรี อยากได้อะไรไหมฉันจะซื้อให้”

                “ขอบคุณนะแต่ไม่เป็นไร” ศรีกล่าวอย่างเกรงใจ พงสณะส่ายหน้าพลางยิ้ม “ได้ไงล่ะ เธอเป็นว่าที่ภรรยาฉันนะ เรื่องแค่นี้ไม่เห็นเป็น ‘ไรเลย” กล่าวจบพงสณะก็จูงมือศรีแล้วเดินนำเพื่อนๆ รังสีสังหารแผ่มาจากทุกคนซึ่งเดินตามทั้งสองคนไปยกเว้นรพิและธันนะที่ยังเดินค่อยๆ อยู่

                “กรี๊ด! กล้าดียังไงมาจับมือศรียะ!”

                “นั่นน่ะสิเจ้าคะ!”

                “ปล่อยมือน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

                ฟึ่บ

                พงสณะพาศรีไปอย่างว่องไวจนเมื่อถึงตรงที่แยกเป็นสองทางแววไพร ว่าวและอสุราก็คลาดสายตา อสุรากำมือแน่น กัดฟันกรอดเธอรีบเข้าไปทางที่คาดว่าทั้งคู่จะไปส่วนว่าวและแววไพรก็ไปอีกทาง

               

                “นี่ จะพาฉันไปไหนน่ะ?”

                ศรีถามอย่างหงุดหงิดที่อยู่ดีๆ ถูกพาไปไหนก็ไม่รู้แถมยังเป็นผู้ชายอีก พงสณะยิ้มหน้าบานเขาไม่ตอบอะไรศรีจนกระทั่งมาถึงบริเวณที่ไม่ค่อยมีผู้คนนัก ศรีหวาดหวั่นในใจว่าเขาอาจจะพามาทำเรื่องมิดีมิร้ายแต่แล้วก็คาดผิดเพราะแท้จริงแล้วพงสณะจะพาเธอไปนั่งเรือเล่นเมื่อเขาคุยกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง (ชั้นมัธยมปลาย) เมื่อคุยกันเสร็จแล้วเขาก็จ่ายเงินและกวักมือเรียกศรีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

                “มานี่สิ ไปนั่งเรือเล่นกัน”

                “อะ ---เอ๋!” อุทานไม่ทานขาดคำพงสณธก็ดึงเธอนั่งบนเรือ เขารีบปลดเชือกจากไม้ซึ่งเป็นที่ยึดก่อนจะพายเรืออย่างว่องไว

                จากตอนแรกที่โมโหเพราะอีกฝ่ายพามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็เปลี่ยนเป็นอยากขอบคุณ เพราะเรือนแล่นผ่านเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้จะไม่ได้มีอะไรมากนอกเสียจากต้นไม้หลากพันธ์หลากชนิดแต่ก็ให้ความรู้สึกร่มรื่นเป็นธรรมชาติและผ่อนคลาย สายลมพัดมาเบาๆ … ดีนะที่ทั้งสองมาช่วงบ่ายไม่อย่างนั้นได้ร้อนแน่

                “ชอบไหม?”

                “อื้ม ชอบมากเลยล่ะ ขอบคุณนะพงสณะ!” ศรีกล่าวด้วยความดีใจ พงสณะยิ้มอย่างอ่อนโยนต่างจากปรกติที่มักจะชอบยิ้มทะเล้นไม่ก็ยิ้มสดใส

                ดีใจจังที่ศรีชอบ

                “ไม่เป็นไร เธอต้องการอะไรฉันก็ให้ได้ทุกอย่างแหละ อืม… จริงๆ แล้วเรือที่เช่ามาเป็นไว้โดยสารชมดอกไม้ข้างทางอย่างที่เราผ่านมาน่ะ” ศรีฟังพลางพยักหน้าแล้วหันไปสนใจข้างทางต่อ

                “อยากไปทางไหนต่อล่ะ” พงสณะถามขึ้นเมื่อหยุดพายเรือ ศรีหันไปมองเขาอย่างฉงนแล้วมองไปข้างหน้าพบว่ามีเรือนไทยสองที่

                “ทางที่ ๒ น่ะ”

                “โอเค” รับคำจบพงสณะก็ไปทางที่สองซึ่งเป็นเรือนไทยแบบภาคเหนือ เขาพายไปตรงจุดที่ไว้เทียบท่าก่อนจะเดินลงจากเรือแล้วช่วยพยุงศรีขึ้น

                “ที่นี่คืออะไรเหรอ?”

                “ก็พิพิธพัณฑ์เกี่ยวกับภาคเหนือน่ะ” พงสณะตอบในขณะที่ทั้งคู่เดินไปด้วย

                ขอบคุณนะ พงสณะ

                ศรีกล่าวในใจ เธอยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่พงสณะทำเพื่อเธอ…

               

[1] เพลง พ่อแง่ แม่งอน คำร้อง เกษม ชื่นประดิษฐ์ ทำนอง สมาน กาญจนะผลินสุเทพ ขับร้อง สวลี

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา