ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
57) บทที่ ๕๗: ช่วงเวลาที่มี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๕๗
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
ช่วงเวลาที่มี
ข้าคิดผิดจริงๆ ที่มารำลึกความหลังกับมณฑา …หากสงสัยว่าทำไมข้าจึงมิเรียกว่าท่านมณฑาเพราะแท้จริงแล้วข้าเกิดก่อนนาง ข้าเกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยาส่วนนางเกิดในสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงรัชกาลที่ ๕ (อายุห่างหลายปีเชียวล่ะ) แต่ที่ต้องเรียกว่าท่านและมีหางเสียงเพราะตำแหน่งของนางสูงกว่า
ส่วนที่ว่าทำไมข้าจึงคิดผิดเพราะตอนนี้มณฑาวิ่งอย่างซุกซนไปทั่ว ปีนต้นไม้บ้างล่ะ โหนกับกิ่งไม้บ้างล่ะ ดีนะที่นางจำแลงร่างเป็นเด็กวัย ๑๐ ปีมิเช่นนั้นต้นไม้ล้มแน่
“มาลองดูสิ สนุกนะ!”
“เฮ้อ…” ข้าถอนหายใจ เอาเถิด… มณฑามีความสุขแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ เพราะสมัยนางยังเยาว์วัยนั้นก็จมแต่ความทุกข์มานานขอให้นางมีความสุขข้าก็พลอยมีความสุขไปด้วย
จะว่าไปความสัมพันธ์ของเราก็อยู่ในเชิงชู้สาว แต่จะรักเพศเดียวกันข้าก็มิอาย ขอให้อยู่กับคนที่เรารักข้าก็มิต้องการอะไรอีกแล้ว จากตอนแรกที่ได้รับการจ้างวานให้ดูแลมณฑาในฐานะพี่เลี้ยงและหวังว่าจะได้เล่นกับเด็กๆ ก็ต้องผิดคาดเพราะความโหดร้ายในครอบครัวของมณฑา ทำให้ข้าสงสารนางจนใส่ใจและให้ความรักมากกว่าเด็กคนอื่นๆ ที่ข้าเคยเป็นพี่เลี้ยง
กว่าจะรู้ตัวว่าตนเองตกหลุมรักมณฑาก็โตเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก ใบหน้าลูกครึ่งตะวันตกและตะวันออกเป็นความลงตัวที่น่าเหลือเชื่อ สารภาพตามตรงว่าข้าตะลึงแม้จะดูแลนางมาตลอดแต่ก็อดมิได้จริงๆ
ต่อจากนี้จะข้าจะเล่าความเป็นมาเรื่องราวของมณฑาและตัวข้า
หลังจากที่เกิดคดีฆาตกรรมมารดาของมณฑา นนทรีผู้เป็นพี่สาวก็ได้ฝึกนางให้เก่งในหลายๆ เรื่อง ทั้งการขับร้องกลอน วิชาดนตรีไทยและดนตรีสากล งานหัตถกรรม วิชาการต่อสู้ทั้งมวยไทย วิชาดาบอาทมาฏ ฯลฯ เพื่อเตรียมตัวการเป็นนายิกา
นนทรีได้พยายามให้ความรู้อย่างรวดเร็วจนบางทีข้าเห็นแล้วเหนื่อยแทนมณฑาแต่จะไปขัดก็มิได้เพราะอย่างไรเสียก็เป็นการตัดสินใจในครอบครัว
จนกระทั่งมณฑาโตเป็นสาวจึงได้เข้าร่วมการทดสอบผู้ที่จะเป็นนายิการุ่นที่ ๒ ซึ่งรุ่นแรกนั้นเสียชีวิตเพราะแพ้ศัตรูระหว่างทำภารกิจ การสอบการครั้งนี้มิได้มีเพียงเรื่องการต่อสู้แต่จะทดสอบความสามารถอื่นๆ อีกอย่างที่นนทรีได้เคยสอน ซึ่งนางก็ผ่านการทดสอบจนได้รับตำแหน่งนายิกา
…ส่วนข้าที่ได้อันดับสองเพราะข้าจงใจที่จะแพ้เลยได้เป็นรองนายิกา ส่วนเหตุผลนั้นบอกทีหลังละกัน
หลังจากนั้นนนทรีที่ทราบเรื่องนี้ก็ตบมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางบอกว่าเราสองคนว่าจะย้ายไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ข้ามิรู้ว่าทำไมนางจึงต้องไปแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร มณฑาเองก็รู้แก่ใจว่าถึงถามไปพี่สาวก็มิตอบจึงปล่อยให้นนทรีย้ายไปโดยทิ้งนางให้อยู่กับข้า
แต่ก็ดี ข้าล่ะหมั่นไส้นนทรีนานแล้ว พี่ประสาใดใจจืดใจดำทำให้น้องมีความทุกข์ ข้าเลยเพียงแค่บอกมณฑาในใจว่าอย่ารั้งคนพรรค์นั้นเลย
แต่น่าแปลก มีชั่วหนึ่งที่ข้าเห็นความเศร้าจากหัวใจฉายผ่ายดวงตาสีม่วงของนนทรี ข้ามิได้ตาฝาดแน่ ความรู้สึกนั้นเป็นของจริง
ฤๅว่า… ตลอดที่ผ่านมานนทรีเองก็รักมณฑาแต่เพราะเป็นคำสั่งของมารดาจึงต้องทำเรื่องโหดร้ายกับมณฑาในขณะที่ต้องซ่อนน้ำตาไว้……… นางมิสามารถเอ่ยปากพูดว่าตนเองรักมณฑาเพราะเรื่องมันบานปลายจนสายไป
มณฑามีสีหน้าหมองเศร้า ลึกๆ แล้วนางก็คงรักพี่นั่นแหละ อาจจะคิดว่านนทรีรักตนแต่ที่ทำไปเพราะมารดาสั่ง ข้าเองก็มิแน่ใจว่านนทรีรักมณฑา แต่ในเมื่อเป็นพี่น้องกันมันก็น่าจะมีบ้างแหละน่า
ส่วนท่านซอนั้นก็มิได้กลับมาอีก ข้ามิรู้ว่าทำไมท่านจึงต้องหลบ บางครั้งเจอมณฑาก็หลบหน้ามองไปทางอื่น ทำไมกัน ตอนแรกยังดีๆ อยู่เลยนี่ ตอนนั้นข้าเห็นว่ามณฑากัดริมฝีปากด้วยความเจ็บปวดข้ามิรู้จะทำเช่นไรจึงทำได้เพียงกุมมือไว้เบาๆ
หึๆ… ว่าไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน มณฑาจะได้เป็นของข้า แม้ข้าจะเคยบอกว่าขอให้เพียงได้อยู่กับคนที่ตนเองรักก็พอแล้ว …ทว่าโอกาสมันมาถึงแล้วก็ควรจะรีบคว้าไว้ น้ำขึ้นให้รีบตัก!
ชีวิตที่เริ่มต้นใหม่กับคำว่านายิกาก็ทำให้มณฑามีความสุขขึ้น เพราะยกตัวเองให้มีฐานะที่สูงส่งภายหน้าจะได้มิลำบากในขณะที่ข้าเองก็เป็นเช่นกันแม้จะมีงานเข้ามามากจนบางครั้งก็นอนหลับคาเอกสารแต่เพราะได้ทำงานร่วมกัน ได้เห็นรอยยิ้ม ช่วยเหลือสิ่งกันและกัน คอยถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง…
ที่กล่าวมานี่ชีวิตข้ามีความสุขเสียเหลือเกิน
“กาสะลอง!” เสียงเรียกของมณฑาทำให้หลุดจากภวังค์ในอดีต ข้าตกใจเล็กน้อยและก้มหน้ามองมณฑาที่กำลังดึงโจงกระเบนอยู่ สายตาเอาแต่ใจมีความไม่พอใจแฝงอยู่ทำให้ข้ายิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู มิว่าจะผ่านไปสักเพียงใดก็ยังเหมือนเด็ก
“มีอันใดฤๅเจ้าคะ?” ข้าถาม มณฑาตอบอย่างหงุดหงิด “ฉันเรียกนานแล้วนะ เหม่ออันใดอยู่?”
“เอ่อ… ต้องขอประทานโทษด้วยมิมีอันใดดอกเจ้าค่ะ” มิกล้าบอกว่านึกถึงเรื่องราวของเราสองคนแต่ก่อน ข้ายิ้มบางๆ แล้วอุ้มมณฑาก่อนจะเดินไปยังริมบ่อบัว ข้าเงยหน้ามองท้องฟ้ายามเช้า มณฑาเห็นดังนั้นจึงมองตามบ้างก่อนที่จะเผยรอยยิ้มสดใสดุจดวงอาทิตย์เห็นแล้วสดชื่อจริงๆ
“นี่กาสะลอง”
“เจ้าคะ?”
“เธอคิดว่าเรื่องของเราต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรฤๅ?” ข้ามองมณฑา นางหยิกแก้มข้าแล้วดึงไปดึงมาพลางยิ้ม ข้านิ่งไปสักพักก่อนจะตอบ
“มีความสุขมากกว่าเดิมเจ้าค่ะ” ข้าตอบไปอย่างมั่นใจในขณะที่อีกใจก็หวั่นๆ ข้ามิอาจล่วงรู้อนาคตได้แต่เพื่อให้มณฑาสบายใจข้าจึงจำเป็นต้องตอบแบบนี้
“…งั้นฤ?”
มณฑาเอ่ยเบาๆ ก่อนจะหลับ ข้ากระชับอ้อมกอดใหมั่นขึ้นก่อนจะพาขึ้นเรือนไป มุ่งไปที่ห้องของมณฑาแล้ววางลงบนเตียง พลันมีแสงสว่างเปล่งประกายสีขาวก่อนที่ร่างของมณฑาจะกลับเป็นหญิงสาวเช่นเดิม (แม้อายุจะมากแล้วก็เถิด)
“หลับแล้วสินะ” ข้าพึมพำพลางลูบศีษะของนางอย่างรักใคร่ก่อนจะนอนข้างๆ นางแล้วหลับ…
ข้าตื่นอีกทีประมาณ ๙ โมง ดีนะมิเหมือนคราวก่อนข้าหลับจนมาถึง ๒ ทุ่มเล่นเอาหลังจากตื่นนอนต่อมิหลับเลย ---จู่ๆ ก็มีเสียงจากโทรศัพท์ดังขึ้นข้าหยิบมากดปุ่มเพื่อรับสาย ผู้ที่ติดต่อมาคือบัวผ่องนายิกาประจำจังหวัดนครสวรรค์พอนึกถึงแล้วรู้สึกหงุดหงิดกับยายนี่ ขอเล่าอะไรหน่อยเถิด ยายบัวผ่องขึ้นชื่อการทำงานค้าขายธุรกิจ เจรจากับใครมิเคยแพ้ ได้กำไรมากกว่าจะเป็นฝ่ายเสียต้นทุน คิดถึงเงินทองมากกว่าอะไร ที่กล่าวมามันก็คือพวกหน้าเงินดีๆ นี่เอง (และนางก็ขี้งกด้วยบอกไว้ก่อน)
“สวัสดี ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย” ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจข้าเขวี้ยงโทรศัพท์จริงด้วย! “เจ้าค่ะ เชิญกล่าวได้” ถึงจะหมั่นไส้แต่ตำแหน่งข้าต่ำกว่าจึงต้องพูดอย่างมีมารยาท
“เจ้ารู้ฤๅไม่ว่าคดีลักมีดมีความเกี่ยวข้องกับคดีเมื่อก่อน”
“คดีเมื่อก่อน? คดีอันใดฤๅเจ้าคะ??”
ข้าเพิ่งจะรู้นะว่ามันเกี่ยวข้องกันด้วย ข้าเคยเข้าไปดูเอกสารที่ทำการนายิกามาบ้างซึ่งจะบันทึกว่าเคยมีคดีอะไร นายิกาคนไหนไปทำมาและภารกิจสำเร็จลุล่วงฤๅไม่ แต่ที่ข้าพอจะรู้จักจะเป็นคดีเมื่อประมาณปีพุทธศักราช ๒๔๕--- (ช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ เพราะข้ากับมณฑาเพิ่งได้ตำแหน่งช่วงนั้น) หากเป็นคดีก่อนหน้านั้นข้าก็มิค่อยได้อ่านนัก
“อืม… อะไรนะ… ที่เป็นคดีเกี่ยวกับพิธีกรรมน่ะ”
“แล้วมันคือพิธีอันใดเจ้าคะ?” คดีที่เกี่ยวกับพิธีกรรมมีมากมายเลยนะ “พิธีเปิดคุกวิญญาณ” อันใดกันนะ มิเคยได้ยิน ชื่อพิลึก
“?...” ข้าเงียบไปมิรู้จะเอ่ยอันใดต่อ เหมือนบัวผ่องจะรู้เพราะข้าได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ “เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสข้าจะนำไปให้เจ้าอ่าน ว่าแต่ตอนนี้เจ้าทำอันใดอยู่ฤ?”
“นอนเล่นเจ้าค่ะ”
“อ้อ งั้นข้ามิรบกวนแล้วนะ”
ติ๊ด
เสียงตัดสายดังขึ้น อะไรเนี่ย มาไวไปไว ข้ามองโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดก่อนจะวางไว้ที่เดิม
ตื้ด… ตื้ด…
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้ข้าตัดสินใจออกจากห้องเพราะมิอยากรบกวนมณฑาไปมากกว่านี้ ที่ข้าคุยเมื่อกี้นางมิตื่นก็บุญไหนแล้ว
“ลืมเรื่องอันฤๅเจ้าคะถึงติดต่อมาอีกรอบ?” ข้ารับสายแล้วเปิดประเด็น บัวผ่องเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบ “เจ้ารู้จักนักเรียนจากฟิคซาก้อนไหม? ที่ข้ารู้มามีศารทูล ชิโนโกะ อัมพุ โซค่อน เทสโลเอล โอฟีเลีย ซีอาห์กับเซอาห์และก็ใครนะ อีกสองคนข้าจำมิได้”
“ข้ารู้จักเจ้าค่ะ แล้วพวกเขาทำไมฤๅเจ้าคะ?”
“ข้าคิดว่าคดีลักมีดมิจำเป็นต้องให้พวกนั้นต้องช่วยดอก”
ก็จริงอยู่อย่างไรเสียก็มีนายิกาตั้ง ๗๐ กว่าคน ไหนจะรวมรองนายิกาอีกขืนปล่อยให้เด็กนั่นมาช่วยคงจะเกะกะเสียเปล่าแถมยังมีนักเรียนจากโรงเรียนศาสตราราชพฤกษ์วิทยาคมและเด็กจากมิติสามัญ …จะว่าไป เด็กจากฟิคซาก้อนและราชพฤกษ์มันก็พอๆ กันแหละ ไหนซอบอกว่าให้มาช่วยสืบแต่นี่อะไรมาเล่น กิน นอน แล้วเด็กฟิคซาก้อนหายไปไหนก็มิรู้---แย่จริง!
“ข้าเห็นด้วยเจ้าค่ะ”
“มิได้ถามว่าเห็นด้วยฤๅไม่ข้าจะบอกว่าให้ไปบอกเด็กพวกนั้นว่ากลับไปที่โรงเรียน ยกเลิกการสืบ” อ๋อ… ก็มิบอกนะบัวผ่อง
“เจ้าค่ะ---”
ติ๊ด
และแล้วข้าก็โดนตัดสายแบบมิทันพูดจบ…
เมื่อมณฑาตื่นข้าก็นำเรื่องที่บัวผ่องบอกมาบอกอีกที นางพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วพาข้าไปทานอาหารกลางวัน แม้จะยังมิถึงเที่ยงเพราะยังเหลืออีกครึ่งชั่วโมงก็จะใกล้ถึงเวลา
พอมาถึงข้าก็พบว่าเด็กๆ มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ยังมิทานกันอีกฤ?”
“ได้อย่างไรกันเจ้าคะ ต้องให้ผู้ใหญ่เปิดก่อนสิ” ข้าได้ฟังอย่างงั้นก็หัวเราะเบาๆ จริงด้วยสินะ ถ้าทานก่อนผู้ใหญ่จะเสียมารยาท ข้าให้มณฑานั่งก่อนแล้วตนเองก็นั่งตาม หลังจากนั้นพวกเราก็ทานอาหารกัน มีการพูดคุยกันบ้างเพื่อมิให้บรรยากาศเงียบ ข้ากับมณฑาเรามิค่อยได้คุยกันเพราะดูมิงาม ต้องเคี้ยวให้เสร็จก่อนนั่นแหละถึงจะพูดได้
บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น ข้าอดจะใจหายมิได้เพราะเคยมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นแล้วกลับมาสงบเช่นนี้ ช่างเถิด ตอนนี้ควรจะใช้เวลาที่มีให้เต็มที่มิเช่นนั้นภายหน้ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น…
…อาจจะมิมีช่วงเวลานี้ก็เป็นได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ