ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
52) บทที่ ๕๒: ผู้ที่ปลอบโยน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๕๒
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
ผู้ที่ปลอบโยน
“กลับไป” เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธนั้นดังขึ้นจนซอกับมณฑาสะดุ้ง เด็กหญิงผมสีทองออกสีส้มหันไปมองต้นเสียงพบเด็กหญิงแต่งกายคล้ายตน เพียงแต่ผมลอนนั้นเกล้าเป็นมวยแล้วปล่อยที่เหลือลงมา
“ท่าน… ท่านพี่” มณฑาเอ่ยเสียงสั่น นางรู้ดีว่าหากนนทรีมาเจอนางในที่ๆ ไม่ใช่ในบ้านจะโดนลงโทษ
“ท่านพี่?” ซอเอ่ยเบาๆ พลางมองเด็กหญิงเบื้องหน้า ดวงตาสีม่วงสบกับดวงตาสีดำ ราวกับว่าต้นเหตุที่ทำให้มณฑาเถลไถลคือนาง
…ซึ่งมันก็เป็นจริง
“เจ้าเองดอกฤที่ทำให้น้องสาวข้าเป็นเช่นนี้?” นนทรีเปลี่ยนจากสบตาเป็นจ้องแทน เสมือนว่านางจะมองทะลุไปถึงหัวใจ สายตาเกรี้ยวกราดนั้นทำให้ซอใจหายแต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นสงบ อยู่มาเป็นร้อยๆ หรือพันปีแล้ว สายตาเพียงนี้ไม่สามารถทำอะไรนางได้มากหรอก
“ใจเย็นก่อน ข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำให้น้องท่านเถลไถล แต่ข้ารู้สึกว่าการที่จะให้เพื่อนข้านั้นอยู่แต่ในเรือนก็คงมิใช่เรื่องดี”
“อย่างไรฤ?”
“…” ซอไม่ตอบเพราะรู้ว่านนทรีทราบแต่ถามเพื่อให้ซอเกิดความกระอักกระอ่วน ทว่าสายตาของซอที่เริ่มแข็งกร้าวทำให้นนทรีใจหายวาบ ทว่านางก็ยังพยายามวางท่า
“มิตอบ ฤๅว่ามิมีข้อโต้แย้งกัน?”
“ท่านก็ทราบคำตอบ แต่ก็ยังคงถาม”
“จะอย่างไรก็ช่าง ---เจ้า มณฑา กลับเรือนบัดเดี๋ยวนี้!” กล่าวจบนนทรีก็กระชากแขนของมณฑาและลากไป จนร่างน้องสาวไปกระแทกกับพื้น นนทรีมองด้วยหางตา ทำเป็นไม่สนใจก่อนจะพามณฑากลับ ซอทนไม่ไหวที่เห็นมณฑาถูกทำร้ายทางอ้อมเช่นนี้จึงแปลงกลับร่างเดิม
“หยุด” เสียงของซอนั้นใหญ่ขึ้นเพราะสภาพร่างกายเดิมจนดึงความสนใจจากนนทรีได้ นนทรีหยุดแล้วหันมามองหญิงสาว นางมองด้วยความคาดไม่ถึง
“นี่… อย่าบอกนะว่าท่าน…”
“ใช่ ข้าเอง” คราวนี้นนทรีถึงกับหัวหดทีเดียว ทว่านางก็ยังไม่วายระแวง เพราะยิ่งเป็นผู้ใหญ่โอกาสที่จะสามารถทำร้ายตนได้นั้นย่อมสูง
“ฮึ! คิดฤว่าใช้ร่างนี้แล้วจะทำให้ข้าเกรงกลัวได้” กล่าวจบนางก็พามณฑาไปอีกครั้ง คราวนี้นนทรีพยุงร่างมณฑาดีๆ ทว่าก็ยังออกแรงดึงกระชากจนซอได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้าด้วยความระอา
คงต้องปล่อยไปสินะ …แล้วนี่เรา ทำให้มณฑาเจ็บตัวฤ?
ซอรู้สึกผิดขึ้นมา…
พอมาถึงเรือน นนทรีไม่รอช้ามุ่งไปยังห้องหลังๆ ก่อนจะเปิดประตูแล้วผลักมณฑาเข้าไป
“โอ๊ย!”
“ฮึ! อย่ามาสำออย อ้ายเด็กตัวดี เคยโดนแล้วยังมิชินอีกฤ?!” นนทรีจ้องมณฑาราวกับจะฉีกกระชาก น้ำตาเอ่อคลอในขอบตาของมณฑา ไม่ได้เจ็บเพราะร่างกระแทกพื้นแต่เจ็บที่พี่สาวไม่เคยไยดีตนเอง
“เพียงแค่น้องมิอยู่ในเรือนท่านพึ่ถึงกับต้องทำเช่นนี้ฤๅเจ้าคะ!” น้ำตาพรั่งพรูออกมา นนทรีลอบยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ย
“ใช่! และหากเจ้ายังทำตัวเช่นนี้อีก โทษมิได้มีแค่นี้แน่!!” นนทรีออกจากห้องไปก่อนจะหยิบโซ่และแม่กุญแจมาผนึก มณฑารีบเข้าไปหาประตูก่อนจะทุบเสียงดังปึงปังด้วยน้ำตาที่นองหน้า
“ฮือๆๆ……”
“อย่าบอกนะว่าไปอีกแล้ว?” แม่ของซอถาม ในขณะที่ทำความสะอาดเครื่องดนตรีประเภทสาย ซอพยักหน้า นางเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ย
“ท่านแม่ ลูกไปเล่นกับเด็กคนหนึ่งมา แกดูจะถูกครอบครัวเคร่งครัดจนเกินไป ถึงขนาดต้องทำร้ายร่างกายเพียงเพราะมิอยูในเรือนท่านแม่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ฤๅไม่?” คำถามนั้นทำให้แม่ของนางแทบจะหลุดขำเพราะสังเวชกับโลกนี้แล้วเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นเพราะไม่พอใจอย่างยิ่งที่ลูกตนเป็นเช่นนี้
“อนิล เจ้าจะทำตัวเขลาเช่นนี้ไปถึงไหนกัน เรื่องของเขาก็ให้เขาจัดการ เรามิควรไปยื่นมือช่วย! ญาติก็มิใช่เพื่อนก็มิเชิง!”
“แต่ว่า…”
“หุบปาก!!” แม่ของซอชี้มาทางปากซอ ผู้เป็นลูกสะดุ้งทันใด ตาค้างปากอ้าจะเอ่ยแต่ก็ถูกสายตาเกรี้ยวกราดยิ่งกว่านนทรีจ้องราวกับจะฉีกกระชาก
“…”
“ไปอาบน้ำเสีย แล้วผ่านพ้นวิกาลนี้ไปข้าหวังว่าเจ้าจะลืมมัน!!” กล่าวจบก็วางเครื่องดนตรีก่อนจะก้าวออกจากห้องโดยกระแทกส้นเท้าจนเกิดเสียงตึงตัง ปล่อยให้ลูกสาวนั่งเศร้าใจเพราะสงสารเด็กที่ตนเองไปเล่นด้วย
มณฑา…
ซอเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเก่าๆ ในชั้นวาง หาอะไรมาอ่านเพื่อลืมเรื่องของเด็กหญิง นางถอนหายใจเหมือนกับว่าถ้าทำเช่นนี้ความกังวลจะหายไป หนังสือที่เลือกมาเป็นกลอนที่ตระกูลของนางแต่งไว้ในแต่ละรุ่น กลอนบางบทก็ใช้เป็นคาถาในการควบคุมวิญญาณ ซอเปิดหนังสือไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงหน้าท้ายๆ เป็นกลอนที่ถูกเขียนไว้ด้วยลายมือลวกๆ แต่ก็ยังพออ่านออก มันขาดๆ หายๆ จนนางต้องเขม็ง
นี่มัน… กลอนที่ใช้สังหารนี่
ซอพอจะเข้าใจเนื้อหากลอนแล้ว กลอนที่นางอ่านเป็นคาถาในการปลิดชีพ เพียงแค่ได้ฟังเนื้อกลอนที่ถูกขับร้องและเสียงดนตรีที่บรรเลงประกอบก็จะสามารถดึงอดีต ความเศร้าที่ไม่มีที่มาและทำให้เลือดในกายพุ่งออกมาโดยที่ไม่มีสาเหตุ
แววตาของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยความกดดันจนเหมือนถูกดึงวิญญาณไป …นี่แหละ วิธีแก้ปัญหาของนาง
แอ๊ด…
ซอรีบเก็บหนังสือก่อนจะทำความเครื่องดนตรีเพื่อบังตาผู้มาเยือน อรัญญิกยิ้มบางๆ มาให้ก่อนจะเข้ามากอดซอเบาๆ
“ช่วงนี้สีหน้าท่านมิสู้ดีเลย เป็นอันใดฤๅเจ้าคะ?” น้ำเสียงนุ่มที่ออกทุ้มทำให้หัวใจของซอชโลมด้วยความอบอุ่น ซอกอดอรัญญิกบ้างแล้วตอบ
“ข้ามิค่อยสบายน่ะ”
“กินยาฤๅยังเจ้าคะ หากไม่ข้าจะได้นำมาให้”
“มิต้องดอก ข้าแค่ทำงานหักโหมไปหน่อย” ตามจริงช่วงนี้นางงานว่างมาก แต่ที่ตอบไปแบบนั้นเพราะไม่รู้จะโกหกด้วยโรคภัยอย่างไรดี อรัญญิกพยักหน้าก่อนจะเอ่ย
“พักผ่อนเสียเถิดเจ้าค่ะ”
กล่าวจบนางก็ไม่รอช้าอุ้มซอออกจากห้องไปยังห้องของซอ ระหว่างทางซอก็ซบอกอุ่นๆ ไปด้วยพร้อมกับหลับตา เมื่อมาถึงอรัญญิกก็วางร่างซอบนเตียงก่อนจะลงนอนตามด้วย
“…คืนนี้ ข้าขออยู่เป็นเพื่อนนะเจ้าคะ”
“ได้สิ” ซอยิ้มก่อนจะเขยิบเข้าหาอรัญญิกพร้อมกับกอด อีกฝ่ายก็กอดกลับเช่นกัน ในไม่ช้าทั้งสองก็หลับ
กระนั้นความกังวลก็ยังไม่จางหาย…
รุ่งอรุณมาเยือน หญิงสาวผมสั้นแต่งกายตามสมัยอยุธยาเดินเข้ามาในเรือนวิไลผกามาศ (ชื่อนี้เป็นนามสกุลของมณฑาด้วย) เพื่อที่จะไปหามณฑา เหตุที่เด็กหญิงมาก็เพื่อเป็นผู้ดูแลมณฑา นนทรีเดินผ่านมาพอดีจึงเชิญให้นั่งก่อนจะคุย
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ที่สละเวลามาดูแลน้องข้า”
“มิเป็นไรดอก ข้าชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว”
กาสะลองเอ่ยอย่างร่าเริง นนทรียิ้มทว่าแววตาของนางไม่ได้ยิ้มเลยแม้แต่นิดเดียว นางกล่าวขอตัวก่อนจะเชิญให้กาสะลองไปยังห้องของมณฑา เดินตามไปอย่างดีใจเพราะจะได้เล่นกับเด็กผู้หญิงคนใหม่แต่หารู้ไม่ว่าหาทำเช่นนั้นตนเองอาจจะโดนแบบมณฑาบ้าง…
“ห้องนี้เจ้าค่ะ ข้าขอตัวไปทำงานต่อนะเจ้าคะ”
“อื้ม” กาสะลองยิ้มก่อนจะยืนนิ่งด้วยใบหน้ายินดีแล้วเปิดประตูเข้าไปโดยไม่เอะใจกับเสียงสะอื้นที่เล็ดลอดมา เมื่อเปิดออกก็ไม่พบใคร กาสะลองคาดว่าคงจะนอนบนเตียงจึงค่อยๆ เดินเข้าไปก่อนจะทักทาย
“สวัสดีจ้ะ ---หลับอยู่ฤ?”
“…”
“หืม?” กาสะลองมองสักพักก่อนจะเลิกผ้าห่ม พบร่างบางนอนกอดตุ๊กตาตัวสั่น มณฑาพยายามกลั้นเสียงไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน กาสะลองไม่สบายใจจึงนอนลงไปก่อนจะกอดมณฑาแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยนพลางปลอบไปด้วย
“อย่าร้องไห้เลย มาเล่นกับข้าดีกว่าเนอะ”
“น่ะ นั่น… ฮึก นั่นใคร ฮือๆๆ” กาสะลองเข้าไปซุกไซร้ร่างของมณฑาก่อนจะตอบ “ข้าชื่อกาสะลอง นับแต่นี้เป็นต้นไปจะเป็นพี่เลี้ยงเจ้าเอง”
ตอบไปพลางพยุงร่างของมณฑามานั่งบนตัก นางลูบศีรษะเด็กหญิงแล้วเลื่อนมาเช็ดน้ำตาให้ มณฑากอดกาสะลองแน่นแล้วปล่อยเสียงคร่ำครวญออกมา สักพักความเศร้าโศกก็ค่อยๆ หายไปเพราะความอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมานานจากกาสะลอง
เป็นอันใดกันนะ ร้องไห้หนักเชียว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ