ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  113.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) บทที่ ๒๘: ความลับของเนตรต้องแลกมาด้วยการต่อสู้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทที่ ๒๘

[บรรยายโดยตัวละครหญิง เด็กหญิงสังรศรี วีรสังฆะ]

ความลับของเนตรต้องแลกมาด้วยการต่อสู้

                “…”

                หนูเงียบตั้งใจฟังที่เขาจะกล่าว คาตานะสบตากับหนูแล้วยิ้มมุมปาก

                “แค่อยากมาดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง อยู่กับที่นานๆ มันก็เบื่อนะ”

                “งั้นเหรอ…” น้ำเสียงของหนูที่เอ่ยไม่มีความเชื่อใจแฝงอยู่

                “มันก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่เจ้าคิดเมื่อกี้ข้าฟังแล้วขำนะ”

                หนูตวัดสายตาไปหาคาตานะอย่างตกตะลึง เป็นอีกครั้งที่หนูคาดไม่ถึงว่าคาตานะอ่านใจผู้อื่นได้ด้วย

                “นาย… อ่านใจ… ได้ด้วย”

                “มันก็ไม่แปลกหรอกสำหรับมิติผกายน่ะ มีอีกหลายคนเลยล่ะที่อ่านใจได้ แต่เจ้า อยากรู้ไหมเกี่ยวกับเนตรของเจ้าน่ะ” คาตานะถามพลางชี้นิ้วซ้ายมาทางหนู หนูมองนิ้วสลับกับใบหน้าของเขา …เป็นผู้ชายที่มีสีหน้าเจ้าเล่ห์จริงๆ

                “อยากรู้สิ! เรื่องของตัวเองยังไงก็อยากรู้อยู่แล้ว” หนูตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง คาตานะหัวเราะก่อนจะเอ่ย

                “งั้น… นี่”

                ---ชิ้ง---

                ดาบถูกหยิบมาเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ คาตานะชี้ปลายดาบอาทมาฏ หนูจ้องมันพลางถาม

                “มันเกี่ยวอะไร?”

                ไปๆ มาๆ หมอนี่ชักไม่น่าไว้ใจเสียแล้วสิ

                “หึๆ อยากรู้ความลับสำคัญก็ต้องมีอะไรมาแลกสิ อัญเชิญดาบของเจ้าออกมาแล้วสู้กับข้าซะ”

                “!”

                “ว่าไง” คาตานะทำหน้ายียวยอย่างท้าทาย แย่ล่ะ หนูไม่อยากใช้เจ้าดาบนั่นเลย ดาบแปลกประหลาดอะไรก็ไม่รู้

                แต่… คงไม่มีอะไรเสียหายสินะ

                เพื่อแลกกับความลับของเนตร

                หนูตั้งสมาธิ คราวนี้ไม่มีเสียงแหบพร่านั่นดังอีก ดูเหมือนมันต้องการจะให้หนูลองดูสินะ

                รอบตัวเริ่มเป็นสีดำ มีแต่ความมืด ปรากฏอักขระลายเสือไทยซ้อนกันรอบกาย มันเป็นสีเลือด ราวกับอักขระมรณะ หนูตั้งสมาธิอีกครั้งแล้วท่องตามมัน

                เพล้ง!

                ดูเหมือนปิ่นปักผมจะแตกออกแล้วมารวมตัวที่อักขระพวกนั้น พวกมันสร้างตัวจนเป็นดาบ รอบกายเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งพร้อมกับดาบที่เข้ามาอยู่ในมือ

                “…”

                “…”

                ก็ไม่แน่ คาตานะอาจจะจู่โจมมาโดยที่ไม่รู้ตัว หนูจึงจดจ้องแต่ร่างกายทุกส่วนว่ามันจะขยับอย่างไร เราสองคนเงียบไปสักพักก่อนที่คาตานะจะเป็นฝ่ายปริปากก่อน

                “ที่นี่แคบเกินไป งั้นเราไปที่สวนไผ่กันดีกว่า”

                “สวนไผ่?” หนูเอ่ยอย่างฉงน คาตานะพยักหน้าแล้วเอ่ย “ท่านมณฑาจัดสวนไผ่ไว้เป็นสถานที่พักผ่อน เดิมทีมันเป็นของท่านปักษธรแต่ด้วยความที่ท่านไม่ค่อยได้กลับมายังกรุงเทพฯ  เลยยกให้ท่านมณฑาน่ะ”

                งั้นเองหรอกเหรอ

                หนูตอบกลับในใจ เพราะอย่างไรเสียคาตานะก็ได้ยินอยู่ดี

                “อืม--- งั้นเราไปกันเถิด” พร้อมกับคำพูดนั้นคาตานะก็หายตัวไป

                หายตัว?!

                “ข้าอยู่นี่” หนูหันไปมองที่มาของเสียง พบร่างคาตานะยืนบนหลังคา

                “อย่าบอกนะว่า!”

                “ข้าไปทางด้านบน ส่วนเจ้าก็ไปทางด้านล่างละกัน”

                พูดจบเขาก็วิ่งจากไป ทิ้งให้หนูยืนมองตะลึงแต่เมื่อได้สติก็ออกวิ่งตามไปอย่างเต็มกำลัง หนูเปลี่ยนท่าถือดาบให้อยู่ในลักษณะปลายชี้ล่างด้ามชี้บน เพื่อที่จะได้ไม่โดนใครและวิ่งได้สะดวก

                ทางที่ไปนั้นอยู่ด้านหลังเรือนของท่านมณฑา ทางเดินเริ่มคับแคบเพราะหญ้าและต้นไม้ที่รกชัน ช่วงแรกๆ มันก็เรียบร้อยหน่อยแต่พอลึกเข้าไปขยับแทบจะไม่สะดวกนัก วิ่งไปหนูก็เงยหน้ามองต้นไม้ที่คาตานะใช้เป็นทางวิ่ง จะว่าไปหนูก็ยังไม่เห็นไผ่สักตนเลย

                “สวนไผ่อยู่ค่อนข้างลึก ที่นั่นเองก็ติดอยู่กับเรือนของข้าเช่นกัน”

                ผ่านไปหลายนาที หนูก็เริ่มเห็นต้นไผ่แวบๆ

                แซ่กๆ

                เสียงใบหญ้าเสียดสี หนูวิ่งให้เร็วกว่าเดิม เหงื่อไหลตามผิวหนัง รู้สึกจุกในอก

                อีกนิดเดียว

                “ถึงแล้ว” คาตานะเอ่ยพร้อมกับหยุดยืนบนกิ่งไม้ ร่างหนูเอนไปมาพิงกับต้นไม้ หนูหายใจหอบด้วยความเหนื่อย

                “อ้าวๆ ยังมิทันได้สู้ก็จะหมอดแรงแล้วฤ?”

                “ไม่ต้องพูดลย!” หนูตะโกนกลับไปอย่างหงุดหงิด เขาหัวเราะพร้อมกับเท้ามือกับต้นไม้ก่อนจะเอ่ย

                “งั้นก็เดินต่อ”

                คาตานะเดินตามกิ่งไม้ก่อนจะกระโดดลงมา เหมือนตัวละครในภาพยนต์แนวย้อนยุคจริงๆ …เหมือนคาตานะเป็นซามูไรเลยแฮะ

                หลังจากนั้นเราก็เดิน หนูรักษาระยะห่างเพื่อที่จะไม่ใกล้ชิด ส่วนหนึ่งมันดูไม่งามอีกส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะได้ออกตัวหนีถ้าเขาทำอะไรที่ไม่ดี

                แต่จะว่าไป… ที่นี่ก็สงบดี ในขณะเดียวกันก็วังเวงชอบกล บ่อน้ำประดับด้วยหินอ่อนมีปลาคาร์ฟแหวกว่ายสายน้ำบริสุทธิ์ เมื่อเงยหน้ามองก็พบกับเรือนบ้านแบบญี่ปุ่นสมัยก่อน มองไปทางด้านขวามือก็มีศาลาไทยตั้งอยู่ท่ามกลางบ่อปลาคาร์ฟอีกบ่อที่มีขนาดใหญ่ มีดอกบัวหลากสีบาน

                หนูสังเกตว่าบ่อบัวมันเชื่อมไปทางหลังเรือน  คาดว่าด้านหลังนั่นจะขุดเป็นบ่อที่ใหญ่มากกว่านี้และขุดมาเรื่อยๆ มาถึงด้านหน้า

                เดี๋ยวถ้ามีโอกาสขอคาตานะไปดูหน่อยดีกว่า

                “เหม่อจังเลยนะเจ้าน่ะ” พอนึกถึงเจ้าตัวก็เอ่ยขึ้นพลางยิ้มขบขัน หนูหันไปมองเขาด้วยใบหน้าที่ร้อน ดันเผลอเหม่อเสียได้

                “ฉันก็แค่มองดูรอบๆ เห็นมันสวยดีน่ะ!” หนูตอบตามความเป็นจริง ทำให้เขายิ้มแป้นด้วยความยินดีก่อนจะเอ่ย

                “ขอบคุณ …ข้าดีใจนะที่เจ้าชอบน่ะ” คำพูดหลังๆ มาไม่ค่อยได้ยินหนูจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อที่จะได้ฟังเขาชัดๆ

                “…”

                “…”

                คาตานะยิ้ม ดวงตาของเขาฉายแววจริงจัง มันช่างขัดกันเหลือเกิน หนูที่เหม่อชั่วครู่รู้สึกเหมือนมีอะไรพุ่งเข้ามา

                ผัวะ!

                หมัดพุ่งเข้าที่ใบหน้าจังๆ ส่งผลให้ร่างของหนูที่ไม่ทันตั้งตัวล้มลงไปในบ่อปลาคาร์ฟจนจมลงไปนอนก้นบ่อ พวกมันตกใจจนว่ายลนลาน หนูที่ตื่นตะลึงทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองปลาคาร์ฟที่ว่ายผ่านใบหน้าและเหนือศีรษะไปมา จู่ๆ ก็มีเงาบางอย่างทาบทับลงมา

                …เมื่อเพ่งมองดีๆ มันก็คือเงาของคาตานะนั่นเอง

                หนูค่อยๆ ยื่นมือขึ้นไปให้พ้นน้ำ คาตานะเองก็ค่อยๆ ยื่นมือมา แต่เขากุมมือหนูอย่างอ่อนโยน …แย่แล้ว หนูไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้นี่

                สัมผัสแบบนี้… มันทำให้หนูนึกถึงคำว่าครอบครัว

                “เป็นไงบ้าง” เขาถาม แต่หนูได้ยินไม่ชัดเพราะหูอื้อไปหมด คาตานะดึงร่างหนูขึ้นมานอนกับพื้นดิน

                “ข้าแค่ชกถึงกับอ่อนแรงเลยฤ?”

                “ก็มันเผลอนี่ อีกอย่าง ฉันหวังว่านายพาฉันมาที่นี่คงจะไม่ได้มาทำมิดีมิร้ายฉันหรอกนะ” หนูจ้องเขาเขม็งอย่างจับผิด เขาเดินถอยห่างแล้วชี้ปลายดาบอาทมาฏ

                “ถ้าเรื่องลามกล่ะก็ขอผ่านล่ะ แต่ถ้าเรื่องเสียเลือดเนื้อก็มิแน่” คาตานะคลี่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่าอันตรายมาก หนูยันร่างขึ้นก่อนจะหยิบดาบที่หลุดจากมือก่อนตกบ่อ

                “!!”

                หนูตั้งท่า เรื่องวิชาดาบไทยอย่างอาทมาฏหนูจำไม่ค่อยได้แล้ว เพราะไม่ได้เรียนมานาน จริงๆ แล้วเป็นวิชาที่ไม่ควรให้เด็กเรียนเพราะมันมีความรุนแรง เฉียบขาด ถ้ามวยก็ว่าไปอย่างแต่ถ้าเป็นของมีคมมันไม่สมควร

                แต่… ก่อนหน้านั้นในตอนที่หนูฝากตัวเป็นศิษย์กับคุณครูที่สอนวิชาดาบอาทมาฏ หนูฝันถึงหญิงสาวในชุดสมัยก่อนที่หน้าคล้ายหนูจับดาบฆ่าฟันทหารพม่า ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หญิงสาวคนนั้นทำให้หนูอยากเรียนวิชาดาบ จนต้องลงทุนถ่อไปฝากตัวเป็นศิษย์

                จำได้ว่าเรียนไปสักพักก็ต้องหยุดกลางคันเพราะคุณครูท่านได้เสียชีวิตก่อน

                ---มันเป็นการฆาตกรรม---

                วูบ

                หนูขยับดาบทำให้คาตานะจ้องมากกว่าเดิม ถ้าจำท่าร่ายรำดาบไม่ได้ก็แค่จู่โจม รับ และใช้ไหวพริบก็เท่านั้น

                คิดได้แล้วหนูก็พุ่งตัวเข้าไปหาคาตานะ

                ฟึ่บ!

                เคร้ง!

                ดาบปะทะกันอย่างแรง หนูผละออกก่อนจะถีบเข้าที่ท้องของเขา คาตานะพุ่งตัวแล้วลากดาบเป็นแนวนอนบริเวณคอ หนูหงายหลังล้มตัวไปนอนก่อนจะยกขาถีบที่ท้องพลางใช้แขนยันกับพื้นเพื่อเตรียมลุกขึ้นยืน แล้วรับดาบคาตานะ (คราวนี้เรียกชื่อดาบ) ด้วยดาบสองเล่มและดันมัน หนูสังเกตว่าเขาเองก็ไม่ได้ใช้ท่าร่ายรำของวิชาอาทมาฏ กระนั้นเขาก็ยังเหนือกว่าหนู

                การต่อสู้ดำเนินไปอย่างไม่มีใครยอมใคร หนูสึกว่าตนเองเสียเปรียบกว่าเพราะมีเพียงพื้นฐานที่จำไม่ค่อยได้ แต่ตอนที่คาตานะสู้กับเด็กที่ชื่อรัมภา แค่ดูก็รู้แล้วว่าเขาเชี่ยวชาญกว่า

                แต่มันไม่เสมอไปหรอกที่หนูจะแพ้!

                หนูรอโอกาสให้คาตานะจู่โจม เมื่อเขาเข้ามาหนูก็ใช้มือกระแทกศีรษะและกระแทกให้เขาก้มตัวลงมากกว่าเดิม แล้วกระแทกปลายด้ามดาบกับตรงส่วนกระดูกสันหลังตามด้วยเตะเข้าที่ท้องเพื่อให้เขาปวดมากกว่าเดิม ดูจากสีหน้าที่พยายามกลั้นเสียงโอดครวญก็รู้ว่าเขาเจ็บพอสมควร

                ก็หนูเล่นกระแทกไม่ยั้งนี่!

                “…แฮ่กๆ”

                เราสองคนหอบหายใจพร้อมกัน สักพักโดยที่หนูไม่ทันตั้งตัวเขาก็ใช้มือที่ถือดาบยันกับพื้นแล้วยกขาเหวี่ยงใส่ท้องหนู หนูพยายามประคับประคองร่างถอยห่างก่อนจะตั้งท่ารับอีกครั้ง

                ก็ดูสูสีนี่ แต่รู้สึกกังวลยังไงไม่รู้สิ

                “ฮึ” คาตานะแค่นเสียงก่อนจะหายตัวไป

                ---อย่าบอกนะว่าอยู่ข้างบน หนูเงยหน้าเพื่อหาตัวเขา พบว่าคาตานะอยู่บนหลังคาเรือนญี่ปุ่น

                “เจ้าไม่ได้ใช้ท่าดาบ แต่เพียงแค่รับและฟันสินะ ใช้ได้นี่”

                มันใช้ได้ตรงไหนเนี่ย ธรรมดามากเลยนะ

                หนูคิดพลางมองเขาที่ยิ้มอย่างไม่ชอบพากล เฮ้อ มันไม่ได้ดีอะไรเลยนะ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจเสียด้วยสิ

                “ต่อจากนี้อาจจะมีเลือดออกบ้าง คงมิว่าดอกนะ”

                รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาจริงจัง มันทำให้หนูไม่ไว้ใจมากขึ้น

                ต่อจากนี้… เลือดจะออก… งั้นเหรอ………

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา