ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  113.43K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) บทที่ ๒๐: การปรากฏตัวของสมุนผู้ลักมีด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ ๒๐
[บรรยายโดยนางอรัญญิก อุไรศาสตราวุธ]
การปรากฏตัวของสมุนผู้ลักมีด
                เราต้องการพักผ่อนแต่ดูเหมือนว่าท่านซอมิมีท่าทีจะหยุดการคุยเรื่องงาน ตามจริงเราเองก็ใช่เป็นคนมีความรับผิดชอบ แต่ในเมื่อได้รับตำแหน่งรองนายิกาแล้วจะทำตัวเสื่อมๆ โดยการละทิ้งงานก็ไม่ควร ผู้คนจะครหาได้ว่ารามันหวังอำนาจแล้วไร้หัวใจที่จะช่วยเหลือ
                “หยุดเพียงเท่านี้ละกัน เจ้าไปพักผ่อนได้ ส่วนข้าจะออกไปลอบสังเกตการเคลื่อนไหวของศัตรู” ท่านซอกล่าวจบก็บอกกับเรา โบราณกล่าวไว้ว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก ท่านซอให้โอกาสแล้วเราก็ควรจะรีบ เราเอ่ย
                “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
                จากนั้นเราก็เข้าห้องน้ำ พื้น เพดาน กำแพงล้วนทำจากไม้ ตรงกลางเจาะเป็นอ่างอาบน้ำ กลิ่นหอมของดอกไม้ทำให้ผ่อนคลาย เราถอดชิ้นผ้าออกแล้วเปลี่ยนเป็นผ้าถุงที่ใส่ยาง ---ข้าเป็นคนที่ชอบความสะดวกเลยชอบใช้แบบนี้
                เราลงไปในอ่างจากนั้นก็เปิดฝักบัวด้านข้าง น้ำชโลมร่างจนเปียก ระหว่างนั้นเราก็ปลดเชือกที่มัดผมเป็นเปียสองข้างแล้วหยิบน้ำยาสระผมมาราดลงไปและขยี้เบาๆ
                สับสนไปหมด… ดาบอรัญญิก ผู้ลักดาบมันมิคิดบ้างเลยฤๅว่ามันมีโทษถึงประหารชีวิต อยากรู้นักว่ามันเป็นใคร
                ก่อนหน้าที่จะเกิดขึ้น เราถูกเรียกตัวให้ประชุม ท่านอาวุโสสามท่านแห่งทิศ อุดรภูผา อีสานเตโชและทักษิณวารี      ท่านอาวุโสแห่งทิศอุดรแต่งองค์ตามแบบชาวล้านนา
                ท่านอาวุโสแห่งอีสานเตโชแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวผ้าคาดทับ นุ่งผ้าถุงสั้นเพียงเข่า
                ส่วนท่านอาวุโสแห่งทักษฺณวารีแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวทับชิ้นผ้าและคาดเข็มขัด นุ่งผ้าถุงยาว
                ทั้งสามท่านนั่งพับเพียบบนเก้าอี้สามตัวซึ่งตัวของท่านอาวุโสแห่งอดุรฯ นั้นอยู่สูงสุด
                นายิกาทุกท่านล้วนเป็นสตรี ข้ากับท่านซอและนายิกาท่านอื่นซึ่งมาจากทิศหนึ่งในสามนั้นต่างถูกเรียกตัวมา เราทุกคนนั่งอย่างสงบแทบไม่ปริปากเอ่ยอะไร นั่งแบ่งตามทิศและกลุ่ม ซึ่งทิศอุดรนั้นนายิกาทุกท่านจะมีร่มบ่อสร้างซึ่งมีลายดอกไม้ประจำจังหวัดวาดด้วย นายิกาทิศอุดรวางมันลงด้านหน้าเฉียงไปด้านข้างกางมันออก
                ตามจริงแล้วอีกทิศหนึ่งที่มีนั้นก็คือ… ไม่สิ ต้องเรียกว่าภาคกลาง เมื่อก่อนมีอาวุโสแห่งภาคกลางด้วยแต่ถูกสังหารไปเมื่อ ๙ ปีที่แล้วเพราะอะไรก็มิมีใครทราบ ข่าวลือบอกว่าเป็นเพราะคำสาปเมื่อครั้นกรุงแตก ของหญิงนางหนึ่งซึ่งเป็นเพียงทาสที่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมของสตรี สาปแช่งว่าหากให้บุรุษขึ้นเป็นใหญ่จะต้องมีอันเป็นไปเว้นแต่กษัตริย์
                ซึ่งเมื่อ ๙ ปีก่อนนั้นก็มีอาวุโสเป็นบุรุษด้วยแต่เพราะคำสาปนั่นฤๅมีใครเป็นศัตรูแล้วลอบสังหารจึงถึงแก่กรรมในที่สุด แต่กระนั้นเมื่อมีสตรีแห่งภาคกลางท่านอื่นมาขึ้นครองตำแหน่งก็ถึงแก่กรรม พออีกท่านขึ้นมาครองตำแหน่งก็ตามไปอีก
                มันเป็นเช่นนี้ติดต่อกัน จนในที่สุดก็ได้มีการตัดตำแหน่งอาวุโสแห่งภาคกลาง มีเพียงแค่นายิกาแห่งภาคกลางเท่านั้น กล่าวให้เข้าใจง่ายอาวุโสแต่ละภาคก็คือนายที่สามารถชี้ขาดเป็นตายให้นายิกาหรือสมาชิกในภาคของตนได้
                “…………………………”
                ไม่มีใครเอ่ยอะไรจนในที่สุดท่านอาวุโสแห่งภาคอุดรก็เอ่ย
                “พวกเจ้าทราบฤๅไม่ว่าทำไมข้าจึงเรียกมา”
                “มิทราบเจ้าค่ะ” หน้าที่ตอบตกเป็นของนายิกา สมาชิกในกลุ่มจึงต้องนั่งสงบปาก ท่านอาวุโสภาคอุดรหัวเราะในลำคอ
                “ก็มิแปลกดอก เพราะข้ายังมิได้บอกใครเลย ---เรื่องที่ข้าจะประชุมคือ…”
                “.............”
                “สงคราม”
                “!!!”
                ทุกคนในที่นี้ต่างแตกตื่น ---สงครามมันกำลังจะเริ่มแล้วงั้นฤ?!!
                “ยังมิมีการเคลื่อนทัพดอก นานมาแล้ว… ที่พวกเรามิได้รบกับกองทัพภูตผี รองนายิกาแห่งภาคกลางนามโคมรัตติกาลซึ่งพวกเราก็ทราบกันดีว่านางเป็นหมอผีสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้นั้นได้ยินเสียงพวกมันบอกว่าจะยึดครองภพมนุษย์ ครั้งนี้จะต้องล้างนรกและสวรรค์ให้จงได้”
                “……ท่านเจ้าคะ ทำไม… คนสมัยก่อนก็ได้ทำพันธสัญญาแล้วว่าจะไม่มีการทำสงครามอีก แล้วทำไมกันล่ะเจ้าคะ” นายิกาภาคอีสานถามอย่างไม่เข้าใจ จริงตามที่ท่านถาม เพราะคนสมัยก่อนนั้นได้รวมผู้ใช้อาคมเป็นกองทัพปราบวิญญาณแล้วจนในที่สุดมันก็ยอม ทั้งสองฝ่ายทำพันธสัญญากัน
                “เรื่องนั้นข้าเองก็มิทราบ ---แต่ตอนนี้ที่เราควรจะสนใจคือจะทูลเรื่องนี้ให้พระราชาทราบดีไหม? ถ้าเกิดบอกตั้งแต่ตอนนี้จะได้มีการเตรียมแผน”
                “…” นางผู้นั้นมิเอ่ยต่อ นางก้มหน้า ในห้องมีความเงียบเข้าปกคลุมจนบรรยากาศน่าอึดอัด ท่านอาวุโสแห่งภาคทักษิณยิ้มแล้วเอ่ย
                “ถึงเตรียมแผนก็ใช่ว่าจะจัดการได้ แต่ก็ต้องมีการป้องกันล่ะนะ ---ทูลเลยจะเป็นการดีกว่า”
                “ใช่แล้ว” ท่านอาวุโสแห่งภาคอีสานเอ่ยอย่างเห็นพ้อง ท่านอาวุโสแห่งภาคอุดรขำน้อยๆ แล้วถาม
                “แล้วพวกเจ้าล่ะมีความเห็นอย่างไร?”
                “ตามนั้นเจ้าค่ะ” ท่านนายิกาตอบเว้นแต่ท่านซอที่เงียบมานาน ดูเหมือนท่านจะมีเรื่องแคลงใจจึงถาม
                “ข้าขอถามเจ้าค่ะ กองทัพของภูตผีใครเป็นใครฤๅเจ้าคะ?”
                “…โคมรัตติกาลได้ข่าวมาเพียงเท่านี้” คำตอบนั้นเป็นนัยบอกว่าท่านอาวุโสแห่งภาคอุดรก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านซอจึงลอบถอนหายใจเบาๆ ท่านอาวุโสแห่งภาคทักษิณสังเกตเลยกล่าว
                “มันจะเป็นใครก็มิใช่เรื่องสำคัญ เพราะหากมันทำให้เรายับยั้งได้ข้าจะข้ามน้ำข้ามป่าหาคำตอบให้ได้แล้วล่ะ” ท่านกล่าวติดตลกทำให้นายิกาบางท่านคลายใจ บางท่านก็อมยิ้ม
                “ใครมีเรื่องข้องใจ ถามมา หากข้าตอบได้ก็จะตอบ”
                ทุกคนเงียบ ท่านอาวุโสแห่งภาคทักษิณจึงกล่าวต่อ
                “งั้นการประชุมหยุดเพียงเท่านี้” จบคำนายิกาและสมาชิกก็ทำความเคารพด้วยการไหว้ แล้วเดินด้วยเข่าก่อนจะเปลี่ยนลุกขึ้นเดิน
                .              
                .
                .
                แคลงใจเหมือนกัน ใครเป็นแม่ทัพของกองทัพภูตผีกันนะ
                สงสัยไปก็เท่านั้น
                เราปิดก๊อกน้ำก่อนจะลุกขึ้นแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวใส่ยางมาสวม กระจกด้านข้างสะท้อนหญิงสาวผิวขาวแต่หมองคล้ำ …นั่นแหละเรา ถ้าพูดถูกเราเองก็มิใช่หญิงสาวแรกรุ่น อายุของข้าก็หลายร้อยปีมาแล้ว
                เหตุที่เรายังมีผิวเปล่งปลั่งและมิมีรอยเหี่ยวย่นนั่นเพราะเราเป็นมนุษย์พวกที่ ๔ ซึ่งจะมิมีรอยพวกนั้นและมีอายุเป็นหลายร้อยปีจนกว่าจะสิ้นอายุขัยฤๅถ้าโดนคำสาปฤๅอะไรก็ตามเราก็สามารถถึงแก่กรรมได้ แต่ถ้ามิโดนอะไรก็ต้องรอต่อไป
                ก๊อกๆ
                “ท่านซอฤๅเจ้าคะ ขอเวลาสักครูเจ้าค่ะ” ท่านซอคงอยากอาบน้ำกระมัง …น่าแปลก มิมีเสียงตอบกลับมา ปรกติท่านจะต้องตอบสิ
                “ท่านซอเจ้าคะ เป็นอะไรฤๅ ถ้ามิสบายข้าจะหายามาให้นะเจ้าคะ”
                “…”
                ใช่จริงด้วย หากท่านซอมิได้เปลี่ยนไปก็ต้องมีคนอื่นมาแน่ เรารีบสวมชุด ---ส่วนผมถักทีหลังละกัน เราเปิดประตูออกก็พบกับความว่างเปล่า…
                ---ใคร!
                “ข้าอยู่นี่…” เสียงหญิงสาวเอ่ย เรารีบหันไปมอง พบร่างสตรีนางหนึ่งยืนกอดอก ผมยาวถึงเอวหยักศกสีเขียว มุมปากนางมีรอยกนกและเขี้ยวที่โง้งออกมา
                ยักษ์
                “เจ้ามีธุระอันใด?”
                “ก็นะ ที่เจ้ามากรุงเทพฯ ก็เพื่อตามหาผู้ลักดาบใช่ไหม หากใช่เจ้าก็มาได้เกือบครึ่งทางแล้วล่ะ ถ้าจะไปหาก็ผ่านข้าเป็นผู้แรกก่อนละกัน” นางแสยะยิ้มพร้อมกับเดินเข้ามาหา เราชักดาบออกมาเตรียมตั้งท่าจู่โจมและรับ
                “โผล่หางออกมาแล้วข้าก็มิมีความจำเป็นต้องนิ่งเฉยแล้ว ว่าไง จะสังหารข้าแล้วหนีต่อไปงั้นฤ?”
                “ตามนั้น แต่มิใช่เจ้าคนเดียวดอก เพราะนายิกาคนอื่นมันก็ตามหาผู้ลักดาบเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเจ้าก็แค่เศษโลหะที่ต้องเก็บไว้หล่อเป็นดาบใช้ภายในวันหน้า” เราขมวดคิ้ว หากเรายอมให้มันเอาชีวิตไปแล้วนายิกาท่านอื่นล่ะ
                “ข้าก็มิใช่พวกที่ลอบๆ ฆ่าดอกนะ อย่างตอนนั้นข้าก็สวนกับใครเด็กผู้ชายในความดูแลของเจ้า มันมองข้าอย่างมิไว้ใจ แสดงว่ามันคงรู้ว่าฆ่าคิดจะทำอะไร”
                เราปล่อยให้นางเอ่ยต่อไปเรื่อยๆ เหอะ! อยากบ่นอะไรก็ตามใจแต่ถ้าแพ้อย่ามาร้องไห้ละกัน!
                “เอาแรงพูดมาสู้มิดีกว่าฤ?” เรายิ้มอย่างมีชัย นางหัวเราะก่อนจะเอ่ย “ปากดีไปเถิด! เพลาต่อไปหัวใครจะอยู่หัวใครจะไปก็เตรียมใจไว้ซะ!”
                นางชักดาบแล้วพุ่งตัวเข้ามาแล้วใช้ดาบฟัน เรารับไว้แล้วปัดมันออกก่อนจะฟันเข้าไปที่คอ นางย่อกายหลบแล้วฟันเราเข้าที่ท้อง โลหิตพุ่งออกมาอย่างน่าตกใจ เราข่มความเจ็บปวดไว้ก่อนจะเตะนาง นางกระเด็นออกไป เราจึงพุ่งเข้าไปฟันแต่นางก็จับข้อเท้าเราแล้วดึงส่งผลให้เราล้มแล้วลุกขึ้นจากนั้นก็ใช้ดาบจ้วงท้อง
                “อึก!”
                ร่างกายขยับแทบมิได้ นางมิสนใจและกระชากขาข้าเหวี่ยงให้ตัวเราทะลุกระจกจนมันแตก ร่างของเราร่วงแหวกอากาศ เราฝืนใจใช้ดาบปักกับต้นไม้ มันทนมิได้จึงกรีดเนื้อลากลงมาเรื่อยๆ เมื่อเกือบจะสุดเราจึงผละมันออกเป็นจังหวะเดียวกับที่นางยักษ์ลงตามมา เราใช้ช่วงนั้นฟันนาง บาดแผลเล็กน้อยนักเมื่อเทียบกับของเรา
                เราเพิ่งนึกได้ แล้วท่านซอกับพวกเด็กๆ ล่ะ! จะเป็นอย่างไรบ้าง!!
                ระหว่างนั้นนางอัญเชิญเสือออกมา มันมีขนาดใหญ่พอๆ กับชายฉกรรจ์ ๔ คน นางแสยะยิ้มแล้วเอ่ย
                “แหมๆ ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิ ข้าเพิ่งเริ่มเพียงนี้ถึงกับเหนื่อยเชียวฤๅ แต่ต่อให้เจ้าเป็นอย่างไรข้าก็มิสนดอกนะ หึๆ”
                “ท่าทางเสือเจ้าจะมิได้ฉีดยามันนะ น้ำลายเยิ้มเชียว” ข้าปรับสีหน้าให้ดีขึ้นแล้วเอ่ยอย่างล้อเลียน นางขมวดคิ้วแล้วแผดเสียง
                “เสือข้ามิเคยเป็นเช่นนั้น!”
                “อย่างน้อยก็เทียบได้กับหมาข้างถนนนะ”
                “เจ้า! มันจะมากไปแล้วนะ!!”
                นางเอ่ยอย่างโกรธแล้วพุ่งตัวเข้ามา ในขณะที่ดาบจะฟันร่างเราก็มีบางอย่างพันธนาการดาบไว้ นางยักษ์เบิกตากว้างแล้วไล่สายตาไปมอง หญิงสาวผมประบ่าประดับด้วยดอกไม้สีขาวนุ่งโจงกระเบนและคาดด้วยผ้าสไบยิ้มบางๆ ให้แต่แฝงไว้ด้วยความอำมหิต นางใช้แส้ล่ามดาบไว้ อีกข้างก็ใช้ล่ามเสือซึ่งทั้งเราและนางยักษ์ก็ไม่รู้ว่าไปล่ามตอนไหน
                “ราตรีสวัสดิ์ อรัญญิก” หญิงสาวผมประบ่ายิ้มให้อย่างเป็นมิตร เราเอ่ยอย่างคาดมิถึง
                “ท่านกาสะลอง!”
                “คาดมิถึงสินะว่าข้าจะมาเยือน ก่อนหน้านี้ท่านมณฑาก็ประลองกับท่านซอเป็นการทักทายแล้ว แต่ตอนนี้ใช่ว่าข้าจะมาทักทายเจ้าแบบนั้นนะ”
                “เจ้าเองก็รู้ ---ดาบอรัญญิกน่ะ” นางยักษ์เอ่ยกับท่าน “แน่นอน เรื่องนี้ข้าคิดว่าทุกคนน่าจะรู้กันหมดแล้ว นายิกาภาคอื่นก็เริ่มออกตามหาเช่นกัน” ท่านกาสะลองเอ่ยพลางใช้แส้สะบัดตีเสือไปด้วย ส่วนที่ล่ามดาบนางยักษ์ไว้ก็เหวี่ยงร่างนางกระเด็นไป
                เพี๊ยะ!
                ต่อให้ตีเท่าไรเสือก็มิมีรอยแผลบนตัว ---หนังเหนียวจริงๆ ตัวใหญ่ขนาดนั้นมิเกิดรอยแผลก็มิแปลกนัก แส้ของท่านกาสะลองสะบัดยาวไปทั่ว นางยักษ์ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปฟันแส้ เสือตัวนั้นสะบัดร่างจนหลุดออกจากแส้ก่อนจะวิ่งมาแล้วอ้าปากที่มีน้ำลายเยิ้มจนหกเลอะพื้น …ท่าทางจะจริงอย่างที่เรากล่าว มันมิได้ฉีดยา
                เสือตัวนั้นใช้ปากจะครอบศีรษะแต่เราหลบก่อนแล้วใช้ดาบฟันอย่างแรง มันสะบัดร่างไปมาเพื่อให้ดาบหลุดแต่ข้าฝืนกดดาบเพื่อให้มันบาดเจ็บ จนในที่สุดเนื้อของมันก็เริ่มปริเนื้อจนโลหิตซึมออกมา
                แส้ที่ไร้เหยื่อทั้งสองข้างของท่านกาสะลองสะบัดไร้ทิศทาง จนในที่สุดท่านก็สะบัดใส่นางยักษ์และเสือ ---นานเข้าร่างกายนางเริ่มบอบช้ำ ท่าทางนางยักษ์มันจะถนัดการโจมตีระยะใกล้อย่างการใช้ดาบมันจึงได้เปรียบเมื่อต่อกรกับเรา แต่พอมาเจอท่านกาสะลองที่โจมตีระยะไกลเลยรับการโจมตีมิถูก
                โชคดีของเราที่ท่านกาสะลองมาช่วยไว้ มิเช่นนั้นป่านนี้เราคงมีแผลเต็มร่างเป็นแน่
                ท่านกาสะลองใช้แส้พันธนาการนางยักษ์และเสือไว้อีกครั้ง เสือและนางยักษ์พยายามดิ้นรน ---กระนั้นเราก็ถูกเสือตะครุบเพราะเท้าของมันยังว่าง มันดึงร่างจากแส้แล้วกดเราด้วยเท้าก่อนจะใช้ฟันแหลมคมนั่นกัดช่วงท้อง
                “อ้าก!!!”
                ท้องแหลกจนเปื่อย เลือดทะลักออกมาพร้อมกับเนื้อที่กระจัดกระจาย เราข่มความเจ็บปวดที่ยากจะทานทนก่อนจะหยิบดาบที่เผลอร่วงไปมาแทงใบหน้ามัน เรากดดาบให้ลึกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเสือก็ยอมออก ทันทีที่มันถอนฟันเราก็นอนแทบจะไม่ขยับ ท่านกาสะลองเพิ่งเห็นจึงละความสนใจจากนางยักษ์แล้วสะบัดใส่ทิ้งท้าย ท่านดึงแส้ออกจากเสือและสะบัดใส่มัน
                ท่านกาสะลองวิ่งมาหาเราก่อนจะถามอย่างเป็นห่วง
                “อรัญญิก ไปพักก่อนดีไหม?” ระหว่างนั้นเราก็ยันกายลุกขึ้น ร่างเซไปเซมาจนท่านต้องช่วยพยุงไว้
                “มิเป็นไรเจ้าค่ะ ข้ายัง… พอ… ไหว………”
                เสียงเริ่มอ่อนแรง ดูเหมือนยิ่งขยับมากโลหิตก็ยิ่งจะทะลักออก ท่านกาสะลองขมวดคิ้วก่อนจะใช้ด้ามถือของแส้ลากเป็นวงกลมรอบตัวเราและเขียนอักขระจากนั้นท่านก็ท่องมนต์ไว้ สักพักก็มีม่านป้องกันสีดำคลุม เมื่อเสร็จแล้วท่านก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
                “ทีนี้เจ้าก็พยายามหายใจให้เป็นจังหวะล่ะ”
                “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านกาสะลอง”
                ท่านพยักหน้าก่อนจะหันไปรับการโจมตีจากนางยักษ์ที่ส่งหมัดมา ท่านจับข้อมือแล้วบิดจากนั้นก็ชกเข้าที่ท้องของนางก่อนจะปล่องมือ ใบหน้าของนางยักษ์บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด ทว่านางก็ใช้ดาบฟันเข้าที่ร่างท่านจนโลหิตไหลออกมา ท่านกาสะลองยิ้มมุมปากเหมือนมิใส่ใจแล้วสะบัดแส้ใส่นาง
                การต่อสู้ดำเนินไปอย่างมิมีท่าทีจะยุติ เรามองภาพนั้นที่เริ่มเบลอเพราะสติใกล้ดับ
                …ท่านซอ ท่านอยู่หนใด ได้โปรดช่วยท่านกาสะลองและข้าน้อยด้วย………
                เราวิงวอนในใจแม้ริมฝีปากจะขยับตามแต่เสียงก็มิออกมา เราหลับตาเมื่อร่างกายร้องขอให้พัก ระหว่างนั้น …จู่ๆ ก็มีเสียงดนตรีบรรเลง ---มันคือเสียงซอ
                ฤว่า… จะเป็นท่าน---
                ร่างสูงระหงนั่งสีซอนั้นมาเมื่อไหร่ก็มิอาจทราบได้ ท่านหยุดบรรเลงเมื่อเห็นเราลืมตา
                “เป็นความผิดของข้าเอง อรัญญิก ที่ข้ามาช้าเกินไป ต้องขอโทษด้วยจริงๆ” เป็นท่านซอจริงด้วย ใบหน้าที่อ่อนโยนนั้นไรซึ่งความอำมหิตแฝงไว้ ท่านใส่พลังไปที่มือเพื่อให้เข้าม่านอาคมได้แล้วจึงใช้มือลูบใบหน้าเราเบาๆ
                “มิเป็นไรเจ้าค่ะ ท่านซอปลอดภัยข้าก็มิรู้สึกเจ็บแล้ว” เสียงที่ตอบกลับนั้นแผ่วเบาอย่างน่าสมเพช เราลอบยิ้มเย้ยกับสภาพที่ตนเป็นอยู่ …น่าเจ็บใจนัก เป็นถึงรองนายิกาแต่มาหมดสภาพเพราะนางยักษ์ไร้ศักดิ์สกุล เรานี่ช่างกระจอกเสียจริง!
                เรากัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกคับแค้นใจ รู้สึกถึงรสคาวน่าสะอิดสะเอียน
                ท่านซอใส่พลังเข้าไปทั้งร่างก่อนจะเข้ามาพยุงร่างเราให้พิงท่านจากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วปาดเอาเลือดที่ซึมบนริมฝีปากเราและเริ่มรักษาแผลด้วยพลังธาตุดิน
                “ท่านซอ…”
                “เจ้ามิต้องเอ่ยอะไรแล้ว…” ท่านซอเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา สีหน้าของท่านไม่สู้ดีนัก เราตัดสินใจเสียมารยาทจับมือท่านซอผู้สูงศักดิ์แล้วเอ่ย
                “ข้าเคยเจ็บมาแล้วหลายครั้ง เพราะฉะนั้นมิเป็นไรเจ้าค่ะ …จริงๆ นะเจ้าคะ” ต่อให้เรายิ้มยืนยันสีหน้าของท่านก็มิคลาย
                บาดแผลเริ่มสมานตัวโลหิตจึงไหลน้อยลง ท่านซอเห็นเช่นนั้นแล้วจึงเอ่ยอย่างมิสบายใจ
                “ถ้าเจ้าจะยืนยั้นเช่นนั้นข้าก็มิว่าดอก ---ข้าขอพักไว้เพียงเท่านี้เพราะพลังของข้ามันรักษาได้มิหมด เจ้าเองก็อย่าเพิ่งขยับไปไหนล่ะประเดี๋ยวข้าจะมา”
                เราพยักหน้าตอบรับ ท่านซอเห็นดังนั้นจึงยิ้มให้จากนั้นก็ออกจากม่านอาคมแล้วหยิบซอขึ้นมาแล้วนั่งสีต่อจากที่ค้างไว้
                ท่านซอหยุดการบรรเลงก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบน่าหวาดหวั่นจนเรามิกล้าหายใจ
                “กล้ามากที่ทำร้ายอรัญญิก เห็นทีข้าคงออมมือให้มิได้แล้วล่ะ ---นางยักษ์”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา