Past-memories อดีต-ความทรงจำรักวุ่นๆกับยัยตัวร้าย
7.7
เขียนโดย Ryoko
วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.34 น.
25 ความทรงจำที่
44 วิจารณ์
29.03K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) ดวงเนตรแห่งเมารัส
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ดวงเนตรแห่งเมารัส
ความทรงจำครั้งใหม่ ... งั้นเหรอ?
ทั้งๆ ที่มีเรื่องสงสัยตั้งมากมายแท้ๆ แคลอคือใคร? ฉันเป็นใคร? คนคนนี้เป็นใคร? ที่นี่ที่ไหน? ทำไมฉันต้องไปกับเขา? ฉันมาที่นี่ได้ยังไง? ... เอ๊ะ! จะว่าไป...มันเกิดอะไรขึ้นในอดีตกัน? ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย
"เธอคิดมากเกินไปแล้ว..."
"ถ้าไม่ยอมไปกับผมดีๆ ...คงต้องใช้กำลังกันแล้วนะ"
เสียงเอ่ยพูดจากคนตรงหน้าฉันดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ฉันหลุดจากภวังความคิดและคำถามที่ตั้งขึ้น ก่อนที่ฉันจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย
ทำไม? ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าต้องรู้จักคนคนนี้แน่ๆ ...แต่ทำไม...ทำไมถึงนึกไม่ออกกันว่าเป็นใคร?
คำถามมากมายเกี่ยวกับตรงหน้าฉันผุดขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกแค่ว่าฉันมีเรื่องที่ต้องชำระ มีเรื่องที่น่าเศร้าเกิดขึ้น มีเรื่องที่ต้องค้นหา มีเรื่องที่ต้องปิดบัง มีเรื่องที่จะต้องรู้ให้ได้...แต่นึกยังไง ก็นึกไม่ออกว่าเรื่องพวกนั้นมันคือเรื่องอะไร?
"แค่มากับผม...เรื่องทุกอย่างก็จะหลี่คลาย"
คนตรงหน้าฉันที่มองความสงสัยของฉันออกเอ่ยพูดขึ้นก่อนจะยื่นส่งมือมาให้ฉันอีกครั้ง
"ฉันจะรู้ทุกอย่าง...จริงๆ เหรอ?"
"ใช่...รู้ทุกอย่างที่เธออยากจะรู้"
ทุกอย่าง...
ฉันจะไปกับเขา...
ไวเท่าความคิดฉันยื่นมือออกไปเพื่อที่จะส่งให้กับคนตรงหน้าจับแล้วฉุดจึงฉันขึ้นไปให้พบกับแสงสว่างอีกครั้ง แสงสว่าง...เพื่อแสงสว่าง ไม่ต้องการความมืดมิด...
"ไม่ได้นะแคลอ!!"
จุจู่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของฉัน ทำให้ฉันชงักมือที่กำลังจะยื่นออกไปเล็กน้อยและหันไปมองบุคคลผู้ที่เป็นเจ้าของเสียง
ทำไมกัน... ทั้งๆ ที่ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน ชื่ออะไร แต่ทำไม... ปฏิกิริยาของฉันถึงได้หันไปตามทางเรียกราวกับว่า... มันเป็นชื่อของฉัน
"ใครกัน..?" ฉันเอ่ยเสียงแผ่วเบา
"แคลอ! ได้สติสักทีสิ! เธอกำลังถูกชักจุงไปในทางที่ผิดนะ!!" ชายหนุ่มผมดำคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงดัง
"ใครกัน...คุณเป็นใคร...ฉันเป็นใคร แล้วแคลอคือใคร?" ฉันเอ่ยถามชายหนุ่มผมดำคนนั้นอย่างไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่พูดว่า แคลอ แต่กลับหันมามองทางฉัน...?
"เธอก็คือแคลอและแคลอก็คือเธอ! นึกให้ออกสิ!!" ชายหนุ่มผมดำตรงหน้าฉันเอ่ยตอบคำถาม
ฉันคือแคลอ และ แคลอก็คือฉัน...?
"นึกให้ออกสิ! จำให้ได้นะ!!"
"นายน่ะหุบปากไป! แคลอน่ะเป็นของผมแค่คนเดียวเท่านั้น!!" ชายผมทองที่ฉันเจอก่อนน่านี้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของฉันดึงฉันขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดของเขา
อ้อมกอดที่แสนจะคุ้นเคย... ใครกัน? ทำไมถึงนึกไม่ออก เหมือนเคยสัมผัสมันมาก่อนหน้านี้และไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนานอะไร...ใครกัน? ใครกัน!?
"นึกให้ออกนะ! แคลอ เมลฟิวส์ สตอนท์ฮาร์ท!!"
แคลอ เมลฟิวส์ สตอนท์ฮาร์ท...
แคลอ...
แคลอ!!
"แคลอ เมลฟิวส์ สตอนท์ฮาร์ท ... ผู้สืบทอดเพียงผู้เดียวแห่งอณาจักรฮิว...ว่าที่ราชินีคนต่อไป...แคลอ เมลฟิวส์ สตอนท์ฮาร์ท...คือฉัน!!"
ใช่แล้ว.. ฉันคือแคลอ องค์หญิงอาณาจักรฮิว นึกออกแล้ว! ฉันจำได้แล้ว!
"แคลอ..!" ชายหนุ่มผมดำตรงหน้าฉันเอ่ยก่อนจะยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจ
ฉันนึกออกก็จริง... แต่เขาเป็นใครกันล่ะ?
"คุณ...?"
"ไม่ยอม!!"
ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยถามอะไรไปมากกว่านี้บุคคลที่โอบกอดฉันไว้ก็เอ่ยขึ้นเสียงดังอย่างไม่พอใจ
"แคลอน่ะเป็นของผมแค่คนเดียว! คนเดียวเท่านั้น!!"
น้ำเสียงนี่... ใบหน้าที่คล้ายกันขนาดนี้ ไม่จริง! ไม่จริงใช่ไหม!!?
"แคลอไม่ใช่ของนาย! เธอเป็นของผมต่างหาก!!" ชายหนุ่มผมดำเอ่ยเถียงขึ้นในทันที
"ไม่! เธอเป็นของผมเท่านั้น ผมจะพาเธอไปอยู่กับผม!! และจะไม่ยอม...ให้ใครมาทำให้พวกเราต้องจากกันอีกเป็นกันขาด!!"
จากกัน...? อีกครั้ง...? หมายความว่ายังไง? ช่วยบอกทีว่ามันไม่จริง! ช่วยบอกทีว่าคนคนนี้ไม่ใช่พี่น่ะ!!
"ปล่อยเธอซะ!!" ชายหนุ่มผมดำตรงหน้าฉันเอ่ยขึ้นเสียงดัง
"ไม่! รู้อะไรไหม ผมน่ะคอยเฝ้าดูเธอเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุขมาตลอด จนวันนั้น...นายพากพวกเราสองคนออกจากกัน! ผมต้องคอยเฝ้ามองเธอจากที่ที่ไกลแสนไกลทั้งๆ ที่ความจริงพวกเราก็อยู่ใกล้กัน!! รู้ไหมว่าผมที่ต้องเป็นแบบนี้มันทรมานมากแค่ไหน!!?"
"ไม่! ผมพยายามปกป้องเธอจากนายต่างหาก! คนร้ายที่จริงก็คือนายไม่ใช่!! และครั้งนี้ผมก็จะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกแล้ว!!" คนผมดำตรงหน้าเดินเข้ามาฉุดฉันออกจากอ้อมกอดของคนผมทองเข้าสู่อ้อมกอดของเขาแทน
เดี๋ยว! นี่มันบ้าอะไรกัน!!?
"ช่วยบอกฉันทีว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!!?" ฉันผลักตัวเองออกจากวงแขนของคนผมดำตรงหน้าและหันไปถามคนผมทองอย่างไม่เข้าใจ "คุณ...คือพี่งั้นเหรอ?"
"!!!/!!!" ทั้งสองคนมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยกับคำถามของฉัน
"พี่...ใช่พี่จริงๆ น่ะเหรอ?" ฉันค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนผมทอง
คนคนนี้..คือพี่จริงๆ น่ะเหรอ? พี่ชายของฉันที่หายตัวไปเมื่อ 16 ปีก่อน...ใช่จริงๆ น่ะเหรอ?
"แคลอ..." คนผมทองตรงหน้าเอ่ยเรียกชื่อฉันเบาๆ
"พี่! พี่ใช่ไหม!?"
"ผมดีใจมากที่เธอจำผมได้...ชะ---"
"ไม่! เขาไม่ใช่พี่ชายของเธอนะแคลอ! เขาเป็นคนที่อันตรายที่สุด!!" ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรให้จบประโยค ชายผมดำก็เอ่ยพูดขึ้นมาเสียก่อน
"แต่...สัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนั้น..."
"ไม่ใช่! เธออย่าหลงกลเขาอีกนะ!! เขาไม่ใช่พี่ชายของเธอ เขาเป็นคนที่อันตรายที่สุด!!" ชายผมดำตรงหน้าฉันเอ่ยยืนยันคำขาดว่าคนผมทองนั้นไม่ใช่พี่ชายของฉันอย่างแน่นอน
"อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น?" ฉันเอ่ยถามแผ่วเบา
"ก็เพราะว่าพี่ชายของเธอก็คือ----"
"พวกนายน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้..."
ก่อนที่คนผมดำจะได้พูดจบประโยคก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทนเสียก่อน เป็นเสียงของบุคคลที่ไม่ใช่พวกเรา 3 คน แต่เป็นบุคคลที่เพิ่งปรากฏตัว...
"!!!!"
ทำไม... ทำไมถึงได้เหมือนกันขนาดนี้!?
ฉันหันไปมามองบุคคลที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาสลับกับคนผมดำตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ ผมสีดำเป็นประกายเหมือนกัน ใบหน้าที่คมคายเหมือนกัน ดวงตาสีน้ำทะเลเปร่งประกายที่ยังคงเหมือนกันแต่หากว่ามันเหมือนกับทั้งฉันและเขา... ช่างคล้ายกัน อะไรเช่นนี้...?
"เจ้าชายแห่งรัตติกาล..." ทั้งสองคนเอ่ยประสานเสียงพูดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เจ้าชายแห่งรัตติกาล งั้นเหรอ..?
'มันจะไม่ปรากฏจนกว่าทายาทที่แท้จริงจะปรากฏ คำสาปที่ถูกตราไว้จะไม่มีวันหายไปตราบใดที่คนคนนั้นยังอยู่เจ้าชายแห่งรัตติกาล...เจ้าหญิงแห่งความมืด อาเรีย..'
อยู่ๆ คำพูดของหญิงสาวผมดำยาวเป็นประกายสลวยที่เคยเจอกันก็ผุดขึ้นมาในสมองของฉันทันที เขา..บุคคลที่เพิ่งปรากฏตัวก็คือ เจ้าชายแห่งรัตติกาล
"ต้องฆ่า..." ฉันเอ่ยแผ่วเบา
"...?" ชายหนุ่มทั้งสามคนพร้อมใจกันหันมามองฉันด้วยสายตาที่เป็นคำถาม
"ต้องฆ่า..เจ้าชายแห่งรัตติกาล เจ้าหญิงแห่งความมืดอาเรีย... มีคน.. เคยบอกกับฉันว่าอย่างนั้น" ฉันก้มหน้าก้มตาพูด
"ใคร?" เจ้าชายแห่งรัตติกาลเอ่ยถามขึ้น
"ผู้หญิง..ผมดำเป็นประกาย ยาวสลวย นัยน์ตาสีแดงกล่ำเหมือนเลือด" ฉันเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา
ทำไมกันนะ... ทำไมทุกครั้งที่เอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้ ฉันถึงได้รู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่มีสาเหตุขึ้นมาในทันทีและบรรยากาศรอบตัวก็เหมือนจะเยือกเย็นลงอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกครั้งแรงกดดันมหาศาลก็เข้ามาแทรกซึมอยู่ในตัวของฉันเรียบร้อยแล้ว
"ชื่อล่ะ?" เขาเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
"ฉัน..ไม่รู้.."
และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกกดดันมากจนพูดอะไรแทบจะไม่ออก ทำตัวไม่ถูก เหมือนมีสายตาของสัวต์ป่าจ้องมองมาตลอด แต่ก็ไม่รู้ว่าจากทางไหน... กลัว.. กลัวเหลือเกิน
"จะยังไงก็ช่าง...แต่ตอนนี้เธอไม่ควรจะรับรู้เรื่องราวความเป็นจริงในอดีต พวกนายคงรู้นะว่าควรต้องทำยังไง?" เจ้าชายแห่งรัตติกาลเอ่ยก่อนจะส่งสายตาที่แสนจะเย็นชาและเยือกเย็นไปให้พวกเขา 2 คนที่ยืนดูกิริยาสท่าทางของฉันอยู่ห่างๆ
"เข้าใจแล้ว..." พวกเขาสองคนเอ่ยรับพร้อมกัน
เขาเป็นใครกัน? ทำไมทั้งสองคนถึงได้ดูเกรงกลัวกันขนาดนี้...
"เก็บความสงสัยของเธอไว้ซะ...เมื่อถึงเวลาความจริงจะปรากฏออกมาเอง"
"เอ๊ะ!?"
พรึ่บ!!
...
"ที่นี่...ที่ไหนอีกล่ะ?"
ฉันเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่ค้นเคยอีกครั้ง หากแต่ไม่ใช่ที่เดิมและไม่มีบุคคลทั้ง 3 คนที่เคยพูดทิ้งปริศนาไว้มากมายนั้นด้วย.. ที่นี่เหมือนกับ...เรือนกระจก ในเรือนกระจกนี้มีต้นไม้ ดอกไม้ ที่ถูกปลูกไว้มากมายอย่างสวยงาม ฉันเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ถึงได้รู้ว่าเรือนกระจกเรือนนี้ไม่ใช่แคบๆ แต่มันใหญ่มากเลย มีลำธานเล็กๆ พร้อมกับสะพานข้ามฝั่งที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ไว้สวยงามจนน่าเดินผ่านซะเหลือเกิน ฉันเดินข้ามสะพานนั้นไปและมองดูสถานที่รอบๆ ก็พบกับชิงช้าไม้สีขาวบริสุทธ์ที่ก็ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ใบไม้อีกเช่นกัน ฉันเดินเข้าไปนั่งบนชิงช้าและค่อยค่อยแกว่งมันเบาๆ
"แคลอ..."
จุจู่ก็มีเสียงหนึ่งเสียงฉันจากด้านหลัง ทำใหฉันชงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาต้นเสียง
"..."
ฉันมองหน้าบุคคลปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของฉัน เขามีเส้นผมขาว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนประกายทองดูน่าหลงใหล หากแต่เส้นผมของเขายาวลงมาผิดตาขวาของเขามิดเหลือเพีงแค่ตาช้ายที่ฉันสามารถมองเห็นได้
"พวกเราไม่ได้เห็นกันนานเลยนะ.." ชายผมขาวตรงหน้าฉันเอ่ยพูดขึ้น
"เรา.. รู้จักกันเหรอ?" ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย
อะไรกัน... ทำไมมีแต่คนที่ฉันไม่รู้จักมาปรากฏตัวตรงหน้าฉัน แต่พวกเขากลับรู้จักฉันมันทุกคน ไม่ยุติธรรมยังไงไม่รู้สิ..
"เธอคงจะไม่เคยเห็นผมในร่างนี้" เขาพูดก่อนจะใช้มือทาบลงที่กลางอกของตัวเอง
"ร่างนี้..?" ฉันเอ่ยทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
เขาพูดว่า ร่างนี้ งั้นแสดงว่าก็ต้องมี ร่างอื่นสินะ..
ฉันไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรืออะไรออกไปเพราะส่วนใหญ่คนที่รู้จักฉันก็คงจะเป็นพวก ปีศาจ สัตว์ประหลาด อะไรพวกนี้ซะมากกว่ามันก็เลยไม่น่าแปลกใจอะไรที่พวกเขาจะมีร่างที่แท้จริงกับร่างมนุษย์
เพราะว่าเธอเอง... กฌมีร่างที่แท้จริงเช่นเดียวกัน
"กระม่อมจะแนะนำตัวอีกครั้งแล้วกัน.." เขาพูดจบก็เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะใช้ขาซ้ายคุกเข่าลงส่วนขาขวาก็ชัยเข่าขึ้น เหมือนการแสดงความเคารพต่อราชินีพระราชา
"กระม่อมก็คือหนังสือเวทย์มนต์และสมุดบันทึกของท่าน...แคลอ เมลฟิวส์ สตอฮาร์ท"
เขาเรียกชื่อของฉันอย่างเต็มยศด้วยไม่มีผิดเพียนไปแต่อย่างใดเลย นั้นทำให้ฉันตกใจเล็กน้อยที่มีคนยังจำชื่อของฉันได้ ถึงชื่อของฉันจะถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ในนามว่าพี่ราชินีคนต่อไปของอาณาจักรฮิว หรือก็คือ.. 'เจ้าหญิงแห่งหายนะ' แต่เพราะฉายานั้นที่ฉันได้รับทำให้ไม่มีใครอยากจะจดจำฉันนัก ส่วนมากทุกคนก็แค่จำแค่ชื่อขึ้นต้นของฉัน ... 'แคลอ'
แต่..เมื่อกี้เขาบอกว่าเป็นหนังสือเวทย์กับสมุดบันทึกของฉันใช่ไหม? ...งั้นก็แสดงว่า...
"โพตส์!!?" ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจ
อะ..เอ๋!? เนี่ยนะโพตส์หนังสือเวทย์มนต์ขอฉันน่ะ!?
"เป็นเกียร์ติอย่างยิ่งที่ท่านยังคงจำกระม่อมได้" ว่าจบเขาก็ก้มหัวลงเล็กน้อยเชิงเคารพฉันอีกครั้ง
เดี๋ยว! ไอสรรพนามที่เปลี่ยนไปจากเมื่อคราวก่อนที่เจอกันครั้งแรกนี่มันอะไรกัน!? ใช่โพตส์แน่เหรอเนี่ย!!?
"เอิ่ม... ใช่นายแน่เหรอโพตส์?" ฉันถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อหูและตาของตัวเอง
"ใช่สิขอรับ กระม่อมเนี่ยล่ะโพตส์ หนังสือเวทย์ของพระองค์" โพตส์เอ่ยตอบก่อนจะยิ้มบางๆ เล็กน้อย
รอยยิ้มกระชากใจเจ๊! เอ้ย! ไปไกลแล้วฉัน - -"
"มะ..ไม่เคยเห็นจะได้ยินมาก่อนเลยว่านายเองก็มีร่างมนุษย์ด้วย" ฉันเอ่ยขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อย
"นี่ไม่ใช่ร่างที่ถูกสร้างขึ้น แต่เป็นร่างที่แท้จริงของพระม่อมเอง" โพตส์เอ่ยหน้าเรียบ
"เอ๊ะ! นายเป็นแวมไพร์งั้นเหรอ?" ฉันเอ่ยถามเบาๆ
เพราะว่า ปีศาจ จะมีร่างอีกร่างที่มีสิ่งที่ไม่เหมือนมนุษย์ปกติอยู่แต่ก็แตกต่างกันออกไปแต่ละคนก็แต่ละแบบ มีรอยสักบ้าง มีปีกบ้าง มีเขี้ยวบ้าง มีเขาบ้าง มีหางบ้าง แต่ที่ปึศาจขาดไม่ได้ก็คือ...ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายจะไม่ใช่มนุษย์ ถึงรูปร่างภายนอกจะคล้ายคลึงกับมนุษย์นักก็แค่มีเขา มีปีก มีเขี้ยว มีหาง งอกออกมาเสริม แต่จะมีส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่ใช่อวัยวะมนุษย์ เท้าเป็นเท้าของนกบ้าง และแตกต่างออกไปอีก แต่ที่พูดมาโดยทั้งหมดนี้คือกรณีของเธอ เพราะเธอคือลูกผสมหากแต่ก็มีพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ปีศาจที่ไม่ใช่ลูกผสมพวกเขาจะไม่มีแม้แต่อวัยวะของมนุษย์บนร่างกาย... และเพราะพวกเขาต้องการซ่อนสิ่งนั้นเพื่อที่จะสามารถหาความสิ้นหวังของมนุษย์เติมเต็มในส่วนที่หิวโซได้ง่ายขึ้นหรือง่ายๆ ก็คือ ออกหากินได้ง่ายขึ้น พวกเขาจึงต้องใช้ร่างอีกร่างโดยมีพลังเวทย์ที่มีติดตัวกันเป็นสื่อกลาง เพื่อให้การซ่อนร่างนั้นแนบเนียนยิ่งขึ้น ตราบใดที่เวทย์ยังไม่คลายร่างของปีศาจร้ายที่ซ่อนไว้ก็จะไม่ปรากฏออกมา
แต่ยมฑูและแวมไพร์จะต่างออกไป รูปร่างภายนอกพวกเขาจะเหมือนกับมนุษย์ทุกอย่างไม่มีส่วนใดขาดส่วนใดเกินหรือก็คือทุกอย่างปกติทั้งหมดทำให้จะแยกพวกเขาออกจากมนุษย์ปกติค่อนข้างที่จะยากมาก เพราะแวมไพร์พวกเขาก็ต้องซ่อนเขี้ยวไว้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ส่วนยมฑูพวกเขาจะเป็นประเภทที่แยกออกจากมนุษย์ปกติยากที่สุด เพราะพวกเขาไม่มีการกระหายเลือดหรือคุมสะติไม่ได้เวลาได้กลิ่นเลือดที่หอมเข้ามาแตะจมูก ไม่บ้าคลั่งเหมือนปีศาจที่ได้เติมช่องโหว่แห่งความสิ้นหวัง.. แต่ก็จะสามารถแยกแยะพวกเขาได้จากการมองเห็น ยมฑูจะสามารถมองเห็นวิญญาณได้แม้ว่าคนๆ นั้นจะตายไปแล้วหรือยังไม่ตายก็ตาม เพราะพวกเขาคือผู้ที่สามารถกำหนดเวลาตายของใครก็ได้ตามใจชอบ และยังกำหนดให้ใครสามารถเกิดขึ้นมาก็ได้ แต่ไม่ใช่แค่กำหนดเวลาตายและเกิดเท่านั้น... ชะตาชีวิตของคนทุกคนพวกเขาก็สามารถกำหนดได้อย่างใจต้องการ และการส่งวิญญาณให้ไปเกิดหรือรับโทษอย่างใดก็เป็นหน้าที่ของพวกเขา ก็เหมือนการที่จะได้ขึ้นสวรรค์ลงนรกนั้นล่ะ นั้นทำให้พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบเยอะพอสมควร
"กระม่อมไม่ใช่แวมไพร์หรือยมฑูหรือใดๆ ทั้งสิ้น... กระม่อมคือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่โดนสาปโดยปีศาจเช่นท่าน" โพตส์พูดก่อนจะตีหน้าเศร้า
"มนุษย์ที่โดนสาปโดยปีศาจ.." ฉันเอ่ยทวนคำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ถึงจะเคยได้ยินมาบ้างว่ามีปีศาจที่สาปมนุษย์ให้เป็นสิ่งต่างๆ ตามความต้องการและความสามารถ แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหนังสือเวทย์มนต์ของเธอเองก็จะโดนสาปเหมือนกัน
"กระม่อมโดยสาปโดยปีศาจตนหนึ่ง..." โพตส์เอ่ยขึ้นแผ่วเบา
"เป็นคำสาปแบบไหน? ช่วยบอกได้ไหมเผื่อฉันพอจะช่วยคลายมันได้" ฉันถามด้วยความเห็นใจ เพราะคงไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกที่จะชอบใจนักที่โดยปีศาจสาปให้เป็นสิ่งของ
"มันเป็นคำสาปนิรันต์.."
"คำสาปนิรันต์..."
คำสาปที่ไม่สามารถคลายออกได้นอกจากเจ้าตัวคนที่เป็นคนสาปเองจะมาถอด หากแต่.. ความสำเร็จนั้นก็มีน้อยนัก ถึงจะเป็นผู้ที่เป็นคนสาปมาร่ายเวทย์คลายเวทย์ออก แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นคำสาปต้องห้ามและส่วนใหญ่ก็มีแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้... แสดงว่าปีศาจตนที่สาปโพตส์จะต้องเป็นเชื้อพระวงศ์
"พอจะจำได้ไหมว่าใครเป็นคนสาปนาย?" ฉันเอ่ยถามโพตส์อีกครั้ง ซึ่งโพตส์เงยหน้ามามองฉันเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากพูด
"เธอเป็นผู้หญิง..." โพตส์เอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา
"ผู้หญิงงั้นเหรอ..?"
คะ..คงไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดหรอกนะ
"เอิ่ม... นายโดนสาปตั้งแต่ตอนไหน?"
"16 ปีก่อน"
"!!!"
มะ.. ไม่จริง! ช่วยตอบทีว่าไม่จริง!! ไม่ใช่! มันต้องไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด!!!
ฉันแสดงสีหน้าตกใจออกมาจนโพตส์สังเกตได้ เขามองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉยแววตาไม่ฉายให้เห็นถึงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ฉันไม่สามารถเลยที่จะเดาอารณ์ในตอนนี้ของเขาออก...
อึก..!
ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ในใจก็ภาวนาขออย่าให้เป็นแบบที่ฉันคิดเลย เพราะเหตุการณ์ต่างๆ มันเหมาะเจาะมากจนฉันอดกลุ้มวิตกกังวลไม่ได้
"ทรงอย่ากังวลไปเลย กระม่อมรู้ว่าพระองค์ทรงไม่ใช่พระองค์" โพตส์เอ่ยปลอบฉันอย่างรู้ทันความคิดที่ฉันคิด
16 ปีก่อน... ฉันเสียสมดุจในการควบคุมพลังเวทย์ทำให้ครอสออกมาแลัวทำลายเมืองไปจนเกือบทั้งหมดและยังไปฆ่าใครต่อใครตั้งมากมาย บาปในครั้งนี้ช่างนักหนาสาหัสนัก จนทำให้ฉันแทบจะฆ่าตัวตายเพราะทนรับสภาพแบบนี้อยู่ไม่ได้ แต่เรื่องราวมันกลับไม่จบอยู่แค่นั้น ในวันนั้น... วันที่ครอสออกมาแล้วอาระวาดพี่ชายแท้ๆ ของฉันได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีแม้แต่หลักฐานบงชี้ว่าพี่ไปทางไหน หายไปอย่างไร และยังมีชีวิตอยู่ไหม จน 2 ปีผ่านไป ฉันก็ไม่ได้ข่าวที่เกี่ยวกับพี่อีกเลย พวกเราจึงสรุปว่าเขาได้ถูกฆ่าตายโดยฝีมือของฉันไปแล้ว แม้จะไม่พบศพของพี่แต่การสันนิฐานก็เพ่งตรงมาที่ฉันแต่เพียงผู้เดียว และนั้นก็คือที่มาของฉายา 'เจ้าหญิงแห่งหายนะ' ที่ฉันมีติดตัวจนถึงวันนี้
"ฉัน..ขอโทษ" ฉันก้มหน้าก้มตาพูดอย่างสำนึกผิด พยายามทำเสียงให้ไม่สั่นและกลั้นน้ำตาเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"..."
"เพราะ...เพราะฉัน..นะ นายถึงต้องเป็นแบบนี้ ฮึก.. ขะ ขอโทษนะ" ฉันกัดริมฝีปากล่างเพื่อจะกลั้นเสียงสะอึ้นไม่ให้รอดหลุดออกไป
"..."
"ถ้าวันนั้น...ฉันไม่เสียสมดุจในการควบคุมพลังเวทย์ ยะ ยัยนั้นก็จะไม่ออกมา...และสาปให้นายกลายเป็นแบบนี้"
"..."
"ขะ ขอโทษ..จริงๆ ฮึก.. ฉะ ฉันสัญญาณนะ ว่าจะทำให้นายกลับไปเป็นแบบเดิมให้ได้" ฉันเงยหน้าที่มีน้ำตาไหลรินลงอาบเต็มสองข้างมองโพตส์ที่ตอนนี้นิ่งเงียบไม่เอ่ยปากพูดอะไร
"พระองค์ทรงไม่ต้องคิดมากไปเลย...กระม่อมไม่ได้นึกโกรธพระองค์อย่างใดเลย" โพตส์ก้มหัวลงเล็กน้อย
ฉันเช็คน้ำตาที่ไลรินอาบแก้มทั้งสองข้างออกเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ
"โพตส์...อย่าใช้ศัพท์แบบนั้นเลย ฉันไม่ค่อยจะชอบมันสักเท่าไหร่"
"ครับ.."
บางทีนายก็สุภาพไปจนฉันไม่คิดว่านายจะเป็นโพตส์ หนังสือเวทย์มนต์ของฉันที่แหกปากโวยวายตอนฉันเผลอโยนนายด้วยความตกใจตอนนั้น...
"ฉันขอโทษสำหรับเรื่องคำสาปนะ ฉันจะทำให้นายกลับไปเป็นแบบเดิมให้ได้"
"ขอบคุณครับ.." โพตส์เอ่ยก่อนจะลุกขึ้นยืน
"ฉัน-"
"คุณกำลังจะบอกว่าคุณไปเจอเจ้าชายแห่งรัตติกาลมาใช่ไหมครับ?"
โพตส์พูดขึ้นแทรกฉันเมื่อรู้ว่าฉันกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป
"เขาหน้าคล้ายกับผู้ชายคนที่ปลุกสติของฉันให้กลับมาได้มาก..." ฉันเอ่ยพูดก่อนจะนึกถึงใบหน้าของทั้งสองคนนั้นที่เรียกว่าคล้ายกันมากถ้าใครๆ เห็นก็คงจะต้องคิดว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดกันแน่ๆ
"ผมไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้" โพตส์รีบปฏิเสธในทันทีที่รู้ว่าประโยคต่อไปที่ฉันกำลังจะเอ่ยพูดต้องเป็นประโยคคำถามเกี่ยวกับพวกเขาทั้งสองคนอย่างแน่นอน
"งั้น.. 1 ใน 3 คนนั้น นายรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างไหม?" ฉันเอ่ยถามโพตส์ไปโดยจงใจไม่เจาะจงอะไรเพื่อคำตอบที่อยากจะได้
"ผมก็รู้พอๆ กับคุณ ผู้ชาย 1 ใน 3 คนนั้นมีคนหนึ่งคือเจ้าชายแห่งรัตติกาล...คนที่คุณต้องฆ่าเขา" โพตส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและใบหนเาที่จริงจัง
อีกแล้ว... นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่มีคนบอกฉันว่าให้ฆ่าเจ้าชายแห่งรัตติกาลซะ
"ฉันสงสัยมานานแล้ว... ทำไมฉันถึงต้องฆ่าเขาด้วยล่ะ?" ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย
"คุณคงไม่อยากจะให้คนที่ฆ่าพ่อแม่ของคุณลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมต่อหรอกนะ.." โพตส์ว่าจบก็ช้อนตามามองฉันด้วยหางตาเล็กน้อย
ฆ่า..พ่อกับแม่!?
"มะ..หมายความว่ายังไง!? แต่เขาไม่มีตัวอักษร 'JMT' อยู่หลังฝ่ามือนะ!!" ฉันเอ่ยแย้งในทันที เพราะว่าเท่าที่ฉันสังเกตเห็นเจ้าชายแห่งรัตติกาลไม่ได้มีตัวอักษร JMT แบบคนที่ฆ่าพี่เลี้ยงของฉันต่อหน้าต่อตา
"ฆ่าพี่เลี้ยงแล้วจำเป็นด้วยเหรอว่าจะต้องฆ่าพ่อกับแม่ของคุณด้วย?" โพตส์เอ่ยถามฉันเสียงเรียบ
"กะ..ก็เซร่าบอกกบฉันว่าคนๆ นั้น..."
"ความจริงที่ว่าเขาคนนั้นทำลายเมืองของคุณและฆ่าพี่เลี้ยงของคุณไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้เพราะคุณเห็นมากับตาว่าเขาเป็นคนทำจริงๆ แต่...คุณไม่ได้เห็นว่าเขาฆ่าพ่อและแม่ของคุณ" โพตส์อธิบายเหตุผลของเขาให้
"แล้ว..นายรู้ได้ยังไงว่าเจ้าชายแห่งรัตติกาลเป็นคนฆ่าพ่อกับแม่ของฉัน!?" ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย ใช่! ทั้งฉันและเขาก็ต่างไม่ได้เห็นเหตุการณ์กันทั้งคู่นิ...หรือ...เขาเห็น?
"เรื่องนั้นสักวันคุณก็จะรู้มันเอง แต่ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้น" โพตส์พูดจบก็เดินมานั่งบนชิงช้าตัวเดียวกับฉัน
"จำชิรายูกิได้ใช่ไหมครับ?" เขาเอ่ยถามฉันอีกครั้ง
"จะ..จำได้สิ" ฉันขยักเล็กน้อย
ชิรายูกิ...คนรักเก่าของพี่เรียว ถูกฆ่าตายเมื่อ 16 ปีก่อน อา.. จะว่าไปเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อนหมดเลยสิ ยกเว้น 12 ปีก่อนที่เมืองของเธอโดนทำลาย
"เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย" โพตส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังอีกครั้ง
"!!!"
"วิญญาณของเธอกำลังถูกใครบางคนเอาไป"
"ดะ..เดี๋ยวนะ! ชิรายูกิซังยังไม่ตายอย่างงั้นเหรอ!?" ฉันถามอย่างตกใจเมื่อได้รับรู้ว่าชิรายูกิซังกำลังโดนรอบทำร้าย
ทั้งๆ ที่เมื่อ 16 ปีก่อนได้ยินมาจากปากของพี่เรียวเองว่าชิรายูกิตายไปแล้ว แถมยังโดนฆ่าต่อหน้าต่อตาพี่เรียว
"ฟังผมดีๆ นะ.."
"..."
"ชิรายูกิยังไม่ตาย! และเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย! มีคนกำลังจะเอาวิญญาณของเธอไป!"
"มะ..หมายความว่ายังไง!?" ฉันเอ่ยถามอีกครั้งเอ่ยความสงสัย
อะไรกัน!? เมื่อ 16 ปีก่อนได้ยินมาจากปากพี่เรียวว่าชิรายูกิซังตายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับมาได้ยินจากปากของหนังสือเวทย์ของฉันเองว่าชิรายูกิซังยังไม่ตาย!! ... นี่มันบ้าอะไรกัน!?
"คนที่จะช่วยเธอได้มีแต่คุณเท่านั้น.."
"..."
"หลังจากที่คุณตื่นจากฝันนี้คุณจงไปช่วยเขา"
"ที่ไหนล่ะ?"
"ชะตาจะเป็นคนกำหนดทุกสิ่งเอง"
"แล้วถ้าฉันไปช่วยเธอไม่ทัน...?"
"เธอก็จะตาย.."
"!!!"
"ฉะนั้นอย่าให้ชะตาที่ดำหนกให้คุณไปช่วยเธอมันช้าเกินไป จงตั้งสติและรวบรวมสมาธิตั้งจิตให้มั่น มองให้เห็นมัน...อนาคตที่จะมาถึง ด้วยดวงเนตรแห่งเมารัสนี้"
พรึ่บ...
และภาพเบื้อนหน้าของฉันก็เริ่มเลือนลางลงจนมองเห็นแต่สีขาวทั้งหมด
และทุกๆ สิ่ง ... ก็กลับจู่ห้วนปัจจุบัน
I'll make you crazy
In memory next
ความทรงจำครั้งใหม่ ... งั้นเหรอ?
ทั้งๆ ที่มีเรื่องสงสัยตั้งมากมายแท้ๆ แคลอคือใคร? ฉันเป็นใคร? คนคนนี้เป็นใคร? ที่นี่ที่ไหน? ทำไมฉันต้องไปกับเขา? ฉันมาที่นี่ได้ยังไง? ... เอ๊ะ! จะว่าไป...มันเกิดอะไรขึ้นในอดีตกัน? ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย
"เธอคิดมากเกินไปแล้ว..."
"ถ้าไม่ยอมไปกับผมดีๆ ...คงต้องใช้กำลังกันแล้วนะ"
เสียงเอ่ยพูดจากคนตรงหน้าฉันดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ฉันหลุดจากภวังความคิดและคำถามที่ตั้งขึ้น ก่อนที่ฉันจะเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย
ทำไม? ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าต้องรู้จักคนคนนี้แน่ๆ ...แต่ทำไม...ทำไมถึงนึกไม่ออกกันว่าเป็นใคร?
คำถามมากมายเกี่ยวกับตรงหน้าฉันผุดขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกแค่ว่าฉันมีเรื่องที่ต้องชำระ มีเรื่องที่น่าเศร้าเกิดขึ้น มีเรื่องที่ต้องค้นหา มีเรื่องที่ต้องปิดบัง มีเรื่องที่จะต้องรู้ให้ได้...แต่นึกยังไง ก็นึกไม่ออกว่าเรื่องพวกนั้นมันคือเรื่องอะไร?
"แค่มากับผม...เรื่องทุกอย่างก็จะหลี่คลาย"
คนตรงหน้าฉันที่มองความสงสัยของฉันออกเอ่ยพูดขึ้นก่อนจะยื่นส่งมือมาให้ฉันอีกครั้ง
"ฉันจะรู้ทุกอย่าง...จริงๆ เหรอ?"
"ใช่...รู้ทุกอย่างที่เธออยากจะรู้"
ทุกอย่าง...
ฉันจะไปกับเขา...
ไวเท่าความคิดฉันยื่นมือออกไปเพื่อที่จะส่งให้กับคนตรงหน้าจับแล้วฉุดจึงฉันขึ้นไปให้พบกับแสงสว่างอีกครั้ง แสงสว่าง...เพื่อแสงสว่าง ไม่ต้องการความมืดมิด...
"ไม่ได้นะแคลอ!!"
จุจู่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของฉัน ทำให้ฉันชงักมือที่กำลังจะยื่นออกไปเล็กน้อยและหันไปมองบุคคลผู้ที่เป็นเจ้าของเสียง
ทำไมกัน... ทั้งๆ ที่ฉันไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน ชื่ออะไร แต่ทำไม... ปฏิกิริยาของฉันถึงได้หันไปตามทางเรียกราวกับว่า... มันเป็นชื่อของฉัน
"ใครกัน..?" ฉันเอ่ยเสียงแผ่วเบา
"แคลอ! ได้สติสักทีสิ! เธอกำลังถูกชักจุงไปในทางที่ผิดนะ!!" ชายหนุ่มผมดำคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงดัง
"ใครกัน...คุณเป็นใคร...ฉันเป็นใคร แล้วแคลอคือใคร?" ฉันเอ่ยถามชายหนุ่มผมดำคนนั้นอย่างไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่พูดว่า แคลอ แต่กลับหันมามองทางฉัน...?
"เธอก็คือแคลอและแคลอก็คือเธอ! นึกให้ออกสิ!!" ชายหนุ่มผมดำตรงหน้าฉันเอ่ยตอบคำถาม
ฉันคือแคลอ และ แคลอก็คือฉัน...?
"นึกให้ออกสิ! จำให้ได้นะ!!"
"นายน่ะหุบปากไป! แคลอน่ะเป็นของผมแค่คนเดียวเท่านั้น!!" ชายผมทองที่ฉันเจอก่อนน่านี้ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของฉันดึงฉันขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดของเขา
อ้อมกอดที่แสนจะคุ้นเคย... ใครกัน? ทำไมถึงนึกไม่ออก เหมือนเคยสัมผัสมันมาก่อนหน้านี้และไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนานอะไร...ใครกัน? ใครกัน!?
"นึกให้ออกนะ! แคลอ เมลฟิวส์ สตอนท์ฮาร์ท!!"
แคลอ เมลฟิวส์ สตอนท์ฮาร์ท...
แคลอ...
แคลอ!!
"แคลอ เมลฟิวส์ สตอนท์ฮาร์ท ... ผู้สืบทอดเพียงผู้เดียวแห่งอณาจักรฮิว...ว่าที่ราชินีคนต่อไป...แคลอ เมลฟิวส์ สตอนท์ฮาร์ท...คือฉัน!!"
ใช่แล้ว.. ฉันคือแคลอ องค์หญิงอาณาจักรฮิว นึกออกแล้ว! ฉันจำได้แล้ว!
"แคลอ..!" ชายหนุ่มผมดำตรงหน้าฉันเอ่ยก่อนจะยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจ
ฉันนึกออกก็จริง... แต่เขาเป็นใครกันล่ะ?
"คุณ...?"
"ไม่ยอม!!"
ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยถามอะไรไปมากกว่านี้บุคคลที่โอบกอดฉันไว้ก็เอ่ยขึ้นเสียงดังอย่างไม่พอใจ
"แคลอน่ะเป็นของผมแค่คนเดียว! คนเดียวเท่านั้น!!"
น้ำเสียงนี่... ใบหน้าที่คล้ายกันขนาดนี้ ไม่จริง! ไม่จริงใช่ไหม!!?
"แคลอไม่ใช่ของนาย! เธอเป็นของผมต่างหาก!!" ชายหนุ่มผมดำเอ่ยเถียงขึ้นในทันที
"ไม่! เธอเป็นของผมเท่านั้น ผมจะพาเธอไปอยู่กับผม!! และจะไม่ยอม...ให้ใครมาทำให้พวกเราต้องจากกันอีกเป็นกันขาด!!"
จากกัน...? อีกครั้ง...? หมายความว่ายังไง? ช่วยบอกทีว่ามันไม่จริง! ช่วยบอกทีว่าคนคนนี้ไม่ใช่พี่น่ะ!!
"ปล่อยเธอซะ!!" ชายหนุ่มผมดำตรงหน้าฉันเอ่ยขึ้นเสียงดัง
"ไม่! รู้อะไรไหม ผมน่ะคอยเฝ้าดูเธอเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุขมาตลอด จนวันนั้น...นายพากพวกเราสองคนออกจากกัน! ผมต้องคอยเฝ้ามองเธอจากที่ที่ไกลแสนไกลทั้งๆ ที่ความจริงพวกเราก็อยู่ใกล้กัน!! รู้ไหมว่าผมที่ต้องเป็นแบบนี้มันทรมานมากแค่ไหน!!?"
"ไม่! ผมพยายามปกป้องเธอจากนายต่างหาก! คนร้ายที่จริงก็คือนายไม่ใช่!! และครั้งนี้ผมก็จะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกแล้ว!!" คนผมดำตรงหน้าเดินเข้ามาฉุดฉันออกจากอ้อมกอดของคนผมทองเข้าสู่อ้อมกอดของเขาแทน
เดี๋ยว! นี่มันบ้าอะไรกัน!!?
"ช่วยบอกฉันทีว่านี่มันเรื่องอะไรกัน!!?" ฉันผลักตัวเองออกจากวงแขนของคนผมดำตรงหน้าและหันไปถามคนผมทองอย่างไม่เข้าใจ "คุณ...คือพี่งั้นเหรอ?"
"!!!/!!!" ทั้งสองคนมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยกับคำถามของฉัน
"พี่...ใช่พี่จริงๆ น่ะเหรอ?" ฉันค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนผมทอง
คนคนนี้..คือพี่จริงๆ น่ะเหรอ? พี่ชายของฉันที่หายตัวไปเมื่อ 16 ปีก่อน...ใช่จริงๆ น่ะเหรอ?
"แคลอ..." คนผมทองตรงหน้าเอ่ยเรียกชื่อฉันเบาๆ
"พี่! พี่ใช่ไหม!?"
"ผมดีใจมากที่เธอจำผมได้...ชะ---"
"ไม่! เขาไม่ใช่พี่ชายของเธอนะแคลอ! เขาเป็นคนที่อันตรายที่สุด!!" ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรให้จบประโยค ชายผมดำก็เอ่ยพูดขึ้นมาเสียก่อน
"แต่...สัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนั้น..."
"ไม่ใช่! เธออย่าหลงกลเขาอีกนะ!! เขาไม่ใช่พี่ชายของเธอ เขาเป็นคนที่อันตรายที่สุด!!" ชายผมดำตรงหน้าฉันเอ่ยยืนยันคำขาดว่าคนผมทองนั้นไม่ใช่พี่ชายของฉันอย่างแน่นอน
"อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจขนาดนั้น?" ฉันเอ่ยถามแผ่วเบา
"ก็เพราะว่าพี่ชายของเธอก็คือ----"
"พวกนายน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้..."
ก่อนที่คนผมดำจะได้พูดจบประโยคก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทนเสียก่อน เป็นเสียงของบุคคลที่ไม่ใช่พวกเรา 3 คน แต่เป็นบุคคลที่เพิ่งปรากฏตัว...
"!!!!"
ทำไม... ทำไมถึงได้เหมือนกันขนาดนี้!?
ฉันหันไปมามองบุคคลที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาสลับกับคนผมดำตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ ผมสีดำเป็นประกายเหมือนกัน ใบหน้าที่คมคายเหมือนกัน ดวงตาสีน้ำทะเลเปร่งประกายที่ยังคงเหมือนกันแต่หากว่ามันเหมือนกับทั้งฉันและเขา... ช่างคล้ายกัน อะไรเช่นนี้...?
"เจ้าชายแห่งรัตติกาล..." ทั้งสองคนเอ่ยประสานเสียงพูดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เจ้าชายแห่งรัตติกาล งั้นเหรอ..?
'มันจะไม่ปรากฏจนกว่าทายาทที่แท้จริงจะปรากฏ คำสาปที่ถูกตราไว้จะไม่มีวันหายไปตราบใดที่คนคนนั้นยังอยู่เจ้าชายแห่งรัตติกาล...เจ้าหญิงแห่งความมืด อาเรีย..'
อยู่ๆ คำพูดของหญิงสาวผมดำยาวเป็นประกายสลวยที่เคยเจอกันก็ผุดขึ้นมาในสมองของฉันทันที เขา..บุคคลที่เพิ่งปรากฏตัวก็คือ เจ้าชายแห่งรัตติกาล
"ต้องฆ่า..." ฉันเอ่ยแผ่วเบา
"...?" ชายหนุ่มทั้งสามคนพร้อมใจกันหันมามองฉันด้วยสายตาที่เป็นคำถาม
"ต้องฆ่า..เจ้าชายแห่งรัตติกาล เจ้าหญิงแห่งความมืดอาเรีย... มีคน.. เคยบอกกับฉันว่าอย่างนั้น" ฉันก้มหน้าก้มตาพูด
"ใคร?" เจ้าชายแห่งรัตติกาลเอ่ยถามขึ้น
"ผู้หญิง..ผมดำเป็นประกาย ยาวสลวย นัยน์ตาสีแดงกล่ำเหมือนเลือด" ฉันเอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา
ทำไมกันนะ... ทำไมทุกครั้งที่เอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้ ฉันถึงได้รู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่มีสาเหตุขึ้นมาในทันทีและบรรยากาศรอบตัวก็เหมือนจะเยือกเย็นลงอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกครั้งแรงกดดันมหาศาลก็เข้ามาแทรกซึมอยู่ในตัวของฉันเรียบร้อยแล้ว
"ชื่อล่ะ?" เขาเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
"ฉัน..ไม่รู้.."
และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกกดดันมากจนพูดอะไรแทบจะไม่ออก ทำตัวไม่ถูก เหมือนมีสายตาของสัวต์ป่าจ้องมองมาตลอด แต่ก็ไม่รู้ว่าจากทางไหน... กลัว.. กลัวเหลือเกิน
"จะยังไงก็ช่าง...แต่ตอนนี้เธอไม่ควรจะรับรู้เรื่องราวความเป็นจริงในอดีต พวกนายคงรู้นะว่าควรต้องทำยังไง?" เจ้าชายแห่งรัตติกาลเอ่ยก่อนจะส่งสายตาที่แสนจะเย็นชาและเยือกเย็นไปให้พวกเขา 2 คนที่ยืนดูกิริยาสท่าทางของฉันอยู่ห่างๆ
"เข้าใจแล้ว..." พวกเขาสองคนเอ่ยรับพร้อมกัน
เขาเป็นใครกัน? ทำไมทั้งสองคนถึงได้ดูเกรงกลัวกันขนาดนี้...
"เก็บความสงสัยของเธอไว้ซะ...เมื่อถึงเวลาความจริงจะปรากฏออกมาเอง"
"เอ๊ะ!?"
พรึ่บ!!
...
"ที่นี่...ที่ไหนอีกล่ะ?"
ฉันเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่ค้นเคยอีกครั้ง หากแต่ไม่ใช่ที่เดิมและไม่มีบุคคลทั้ง 3 คนที่เคยพูดทิ้งปริศนาไว้มากมายนั้นด้วย.. ที่นี่เหมือนกับ...เรือนกระจก ในเรือนกระจกนี้มีต้นไม้ ดอกไม้ ที่ถูกปลูกไว้มากมายอย่างสวยงาม ฉันเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ถึงได้รู้ว่าเรือนกระจกเรือนนี้ไม่ใช่แคบๆ แต่มันใหญ่มากเลย มีลำธานเล็กๆ พร้อมกับสะพานข้ามฝั่งที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ไว้สวยงามจนน่าเดินผ่านซะเหลือเกิน ฉันเดินข้ามสะพานนั้นไปและมองดูสถานที่รอบๆ ก็พบกับชิงช้าไม้สีขาวบริสุทธ์ที่ก็ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ใบไม้อีกเช่นกัน ฉันเดินเข้าไปนั่งบนชิงช้าและค่อยค่อยแกว่งมันเบาๆ
"แคลอ..."
จุจู่ก็มีเสียงหนึ่งเสียงฉันจากด้านหลัง ทำใหฉันชงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาต้นเสียง
"..."
ฉันมองหน้าบุคคลปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของฉัน เขามีเส้นผมขาว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนประกายทองดูน่าหลงใหล หากแต่เส้นผมของเขายาวลงมาผิดตาขวาของเขามิดเหลือเพีงแค่ตาช้ายที่ฉันสามารถมองเห็นได้
"พวกเราไม่ได้เห็นกันนานเลยนะ.." ชายผมขาวตรงหน้าฉันเอ่ยพูดขึ้น
"เรา.. รู้จักกันเหรอ?" ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย
อะไรกัน... ทำไมมีแต่คนที่ฉันไม่รู้จักมาปรากฏตัวตรงหน้าฉัน แต่พวกเขากลับรู้จักฉันมันทุกคน ไม่ยุติธรรมยังไงไม่รู้สิ..
"เธอคงจะไม่เคยเห็นผมในร่างนี้" เขาพูดก่อนจะใช้มือทาบลงที่กลางอกของตัวเอง
"ร่างนี้..?" ฉันเอ่ยทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
เขาพูดว่า ร่างนี้ งั้นแสดงว่าก็ต้องมี ร่างอื่นสินะ..
ฉันไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรืออะไรออกไปเพราะส่วนใหญ่คนที่รู้จักฉันก็คงจะเป็นพวก ปีศาจ สัตว์ประหลาด อะไรพวกนี้ซะมากกว่ามันก็เลยไม่น่าแปลกใจอะไรที่พวกเขาจะมีร่างที่แท้จริงกับร่างมนุษย์
เพราะว่าเธอเอง... กฌมีร่างที่แท้จริงเช่นเดียวกัน
"กระม่อมจะแนะนำตัวอีกครั้งแล้วกัน.." เขาพูดจบก็เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะใช้ขาซ้ายคุกเข่าลงส่วนขาขวาก็ชัยเข่าขึ้น เหมือนการแสดงความเคารพต่อราชินีพระราชา
"กระม่อมก็คือหนังสือเวทย์มนต์และสมุดบันทึกของท่าน...แคลอ เมลฟิวส์ สตอฮาร์ท"
เขาเรียกชื่อของฉันอย่างเต็มยศด้วยไม่มีผิดเพียนไปแต่อย่างใดเลย นั้นทำให้ฉันตกใจเล็กน้อยที่มีคนยังจำชื่อของฉันได้ ถึงชื่อของฉันจะถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ในนามว่าพี่ราชินีคนต่อไปของอาณาจักรฮิว หรือก็คือ.. 'เจ้าหญิงแห่งหายนะ' แต่เพราะฉายานั้นที่ฉันได้รับทำให้ไม่มีใครอยากจะจดจำฉันนัก ส่วนมากทุกคนก็แค่จำแค่ชื่อขึ้นต้นของฉัน ... 'แคลอ'
แต่..เมื่อกี้เขาบอกว่าเป็นหนังสือเวทย์กับสมุดบันทึกของฉันใช่ไหม? ...งั้นก็แสดงว่า...
"โพตส์!!?" ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจ
อะ..เอ๋!? เนี่ยนะโพตส์หนังสือเวทย์มนต์ขอฉันน่ะ!?
"เป็นเกียร์ติอย่างยิ่งที่ท่านยังคงจำกระม่อมได้" ว่าจบเขาก็ก้มหัวลงเล็กน้อยเชิงเคารพฉันอีกครั้ง
เดี๋ยว! ไอสรรพนามที่เปลี่ยนไปจากเมื่อคราวก่อนที่เจอกันครั้งแรกนี่มันอะไรกัน!? ใช่โพตส์แน่เหรอเนี่ย!!?
"เอิ่ม... ใช่นายแน่เหรอโพตส์?" ฉันถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อหูและตาของตัวเอง
"ใช่สิขอรับ กระม่อมเนี่ยล่ะโพตส์ หนังสือเวทย์ของพระองค์" โพตส์เอ่ยตอบก่อนจะยิ้มบางๆ เล็กน้อย
รอยยิ้มกระชากใจเจ๊! เอ้ย! ไปไกลแล้วฉัน - -"
"มะ..ไม่เคยเห็นจะได้ยินมาก่อนเลยว่านายเองก็มีร่างมนุษย์ด้วย" ฉันเอ่ยขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อย
"นี่ไม่ใช่ร่างที่ถูกสร้างขึ้น แต่เป็นร่างที่แท้จริงของพระม่อมเอง" โพตส์เอ่ยหน้าเรียบ
"เอ๊ะ! นายเป็นแวมไพร์งั้นเหรอ?" ฉันเอ่ยถามเบาๆ
เพราะว่า ปีศาจ จะมีร่างอีกร่างที่มีสิ่งที่ไม่เหมือนมนุษย์ปกติอยู่แต่ก็แตกต่างกันออกไปแต่ละคนก็แต่ละแบบ มีรอยสักบ้าง มีปีกบ้าง มีเขี้ยวบ้าง มีเขาบ้าง มีหางบ้าง แต่ที่ปึศาจขาดไม่ได้ก็คือ...ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายจะไม่ใช่มนุษย์ ถึงรูปร่างภายนอกจะคล้ายคลึงกับมนุษย์นักก็แค่มีเขา มีปีก มีเขี้ยว มีหาง งอกออกมาเสริม แต่จะมีส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่ใช่อวัยวะมนุษย์ เท้าเป็นเท้าของนกบ้าง และแตกต่างออกไปอีก แต่ที่พูดมาโดยทั้งหมดนี้คือกรณีของเธอ เพราะเธอคือลูกผสมหากแต่ก็มีพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ปีศาจที่ไม่ใช่ลูกผสมพวกเขาจะไม่มีแม้แต่อวัยวะของมนุษย์บนร่างกาย... และเพราะพวกเขาต้องการซ่อนสิ่งนั้นเพื่อที่จะสามารถหาความสิ้นหวังของมนุษย์เติมเต็มในส่วนที่หิวโซได้ง่ายขึ้นหรือง่ายๆ ก็คือ ออกหากินได้ง่ายขึ้น พวกเขาจึงต้องใช้ร่างอีกร่างโดยมีพลังเวทย์ที่มีติดตัวกันเป็นสื่อกลาง เพื่อให้การซ่อนร่างนั้นแนบเนียนยิ่งขึ้น ตราบใดที่เวทย์ยังไม่คลายร่างของปีศาจร้ายที่ซ่อนไว้ก็จะไม่ปรากฏออกมา
แต่ยมฑูและแวมไพร์จะต่างออกไป รูปร่างภายนอกพวกเขาจะเหมือนกับมนุษย์ทุกอย่างไม่มีส่วนใดขาดส่วนใดเกินหรือก็คือทุกอย่างปกติทั้งหมดทำให้จะแยกพวกเขาออกจากมนุษย์ปกติค่อนข้างที่จะยากมาก เพราะแวมไพร์พวกเขาก็ต้องซ่อนเขี้ยวไว้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ส่วนยมฑูพวกเขาจะเป็นประเภทที่แยกออกจากมนุษย์ปกติยากที่สุด เพราะพวกเขาไม่มีการกระหายเลือดหรือคุมสะติไม่ได้เวลาได้กลิ่นเลือดที่หอมเข้ามาแตะจมูก ไม่บ้าคลั่งเหมือนปีศาจที่ได้เติมช่องโหว่แห่งความสิ้นหวัง.. แต่ก็จะสามารถแยกแยะพวกเขาได้จากการมองเห็น ยมฑูจะสามารถมองเห็นวิญญาณได้แม้ว่าคนๆ นั้นจะตายไปแล้วหรือยังไม่ตายก็ตาม เพราะพวกเขาคือผู้ที่สามารถกำหนดเวลาตายของใครก็ได้ตามใจชอบ และยังกำหนดให้ใครสามารถเกิดขึ้นมาก็ได้ แต่ไม่ใช่แค่กำหนดเวลาตายและเกิดเท่านั้น... ชะตาชีวิตของคนทุกคนพวกเขาก็สามารถกำหนดได้อย่างใจต้องการ และการส่งวิญญาณให้ไปเกิดหรือรับโทษอย่างใดก็เป็นหน้าที่ของพวกเขา ก็เหมือนการที่จะได้ขึ้นสวรรค์ลงนรกนั้นล่ะ นั้นทำให้พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบเยอะพอสมควร
"กระม่อมไม่ใช่แวมไพร์หรือยมฑูหรือใดๆ ทั้งสิ้น... กระม่อมคือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่โดนสาปโดยปีศาจเช่นท่าน" โพตส์พูดก่อนจะตีหน้าเศร้า
"มนุษย์ที่โดนสาปโดยปีศาจ.." ฉันเอ่ยทวนคำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ถึงจะเคยได้ยินมาบ้างว่ามีปีศาจที่สาปมนุษย์ให้เป็นสิ่งต่างๆ ตามความต้องการและความสามารถ แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหนังสือเวทย์มนต์ของเธอเองก็จะโดนสาปเหมือนกัน
"กระม่อมโดยสาปโดยปีศาจตนหนึ่ง..." โพตส์เอ่ยขึ้นแผ่วเบา
"เป็นคำสาปแบบไหน? ช่วยบอกได้ไหมเผื่อฉันพอจะช่วยคลายมันได้" ฉันถามด้วยความเห็นใจ เพราะคงไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกที่จะชอบใจนักที่โดยปีศาจสาปให้เป็นสิ่งของ
"มันเป็นคำสาปนิรันต์.."
"คำสาปนิรันต์..."
คำสาปที่ไม่สามารถคลายออกได้นอกจากเจ้าตัวคนที่เป็นคนสาปเองจะมาถอด หากแต่.. ความสำเร็จนั้นก็มีน้อยนัก ถึงจะเป็นผู้ที่เป็นคนสาปมาร่ายเวทย์คลายเวทย์ออก แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นคำสาปต้องห้ามและส่วนใหญ่ก็มีแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้... แสดงว่าปีศาจตนที่สาปโพตส์จะต้องเป็นเชื้อพระวงศ์
"พอจะจำได้ไหมว่าใครเป็นคนสาปนาย?" ฉันเอ่ยถามโพตส์อีกครั้ง ซึ่งโพตส์เงยหน้ามามองฉันเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากพูด
"เธอเป็นผู้หญิง..." โพตส์เอ่ยตอบอย่างแผ่วเบา
"ผู้หญิงงั้นเหรอ..?"
คะ..คงไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดหรอกนะ
"เอิ่ม... นายโดนสาปตั้งแต่ตอนไหน?"
"16 ปีก่อน"
"!!!"
มะ.. ไม่จริง! ช่วยตอบทีว่าไม่จริง!! ไม่ใช่! มันต้องไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด!!!
ฉันแสดงสีหน้าตกใจออกมาจนโพตส์สังเกตได้ เขามองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉยแววตาไม่ฉายให้เห็นถึงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ฉันไม่สามารถเลยที่จะเดาอารณ์ในตอนนี้ของเขาออก...
อึก..!
ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ในใจก็ภาวนาขออย่าให้เป็นแบบที่ฉันคิดเลย เพราะเหตุการณ์ต่างๆ มันเหมาะเจาะมากจนฉันอดกลุ้มวิตกกังวลไม่ได้
"ทรงอย่ากังวลไปเลย กระม่อมรู้ว่าพระองค์ทรงไม่ใช่พระองค์" โพตส์เอ่ยปลอบฉันอย่างรู้ทันความคิดที่ฉันคิด
16 ปีก่อน... ฉันเสียสมดุจในการควบคุมพลังเวทย์ทำให้ครอสออกมาแลัวทำลายเมืองไปจนเกือบทั้งหมดและยังไปฆ่าใครต่อใครตั้งมากมาย บาปในครั้งนี้ช่างนักหนาสาหัสนัก จนทำให้ฉันแทบจะฆ่าตัวตายเพราะทนรับสภาพแบบนี้อยู่ไม่ได้ แต่เรื่องราวมันกลับไม่จบอยู่แค่นั้น ในวันนั้น... วันที่ครอสออกมาแล้วอาระวาดพี่ชายแท้ๆ ของฉันได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีแม้แต่หลักฐานบงชี้ว่าพี่ไปทางไหน หายไปอย่างไร และยังมีชีวิตอยู่ไหม จน 2 ปีผ่านไป ฉันก็ไม่ได้ข่าวที่เกี่ยวกับพี่อีกเลย พวกเราจึงสรุปว่าเขาได้ถูกฆ่าตายโดยฝีมือของฉันไปแล้ว แม้จะไม่พบศพของพี่แต่การสันนิฐานก็เพ่งตรงมาที่ฉันแต่เพียงผู้เดียว และนั้นก็คือที่มาของฉายา 'เจ้าหญิงแห่งหายนะ' ที่ฉันมีติดตัวจนถึงวันนี้
"ฉัน..ขอโทษ" ฉันก้มหน้าก้มตาพูดอย่างสำนึกผิด พยายามทำเสียงให้ไม่สั่นและกลั้นน้ำตาเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"..."
"เพราะ...เพราะฉัน..นะ นายถึงต้องเป็นแบบนี้ ฮึก.. ขะ ขอโทษนะ" ฉันกัดริมฝีปากล่างเพื่อจะกลั้นเสียงสะอึ้นไม่ให้รอดหลุดออกไป
"..."
"ถ้าวันนั้น...ฉันไม่เสียสมดุจในการควบคุมพลังเวทย์ ยะ ยัยนั้นก็จะไม่ออกมา...และสาปให้นายกลายเป็นแบบนี้"
"..."
"ขะ ขอโทษ..จริงๆ ฮึก.. ฉะ ฉันสัญญาณนะ ว่าจะทำให้นายกลับไปเป็นแบบเดิมให้ได้" ฉันเงยหน้าที่มีน้ำตาไหลรินลงอาบเต็มสองข้างมองโพตส์ที่ตอนนี้นิ่งเงียบไม่เอ่ยปากพูดอะไร
"พระองค์ทรงไม่ต้องคิดมากไปเลย...กระม่อมไม่ได้นึกโกรธพระองค์อย่างใดเลย" โพตส์ก้มหัวลงเล็กน้อย
ฉันเช็คน้ำตาที่ไลรินอาบแก้มทั้งสองข้างออกเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ
"โพตส์...อย่าใช้ศัพท์แบบนั้นเลย ฉันไม่ค่อยจะชอบมันสักเท่าไหร่"
"ครับ.."
บางทีนายก็สุภาพไปจนฉันไม่คิดว่านายจะเป็นโพตส์ หนังสือเวทย์มนต์ของฉันที่แหกปากโวยวายตอนฉันเผลอโยนนายด้วยความตกใจตอนนั้น...
"ฉันขอโทษสำหรับเรื่องคำสาปนะ ฉันจะทำให้นายกลับไปเป็นแบบเดิมให้ได้"
"ขอบคุณครับ.." โพตส์เอ่ยก่อนจะลุกขึ้นยืน
"ฉัน-"
"คุณกำลังจะบอกว่าคุณไปเจอเจ้าชายแห่งรัตติกาลมาใช่ไหมครับ?"
โพตส์พูดขึ้นแทรกฉันเมื่อรู้ว่าฉันกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป
"เขาหน้าคล้ายกับผู้ชายคนที่ปลุกสติของฉันให้กลับมาได้มาก..." ฉันเอ่ยพูดก่อนจะนึกถึงใบหน้าของทั้งสองคนนั้นที่เรียกว่าคล้ายกันมากถ้าใครๆ เห็นก็คงจะต้องคิดว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดกันแน่ๆ
"ผมไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้" โพตส์รีบปฏิเสธในทันทีที่รู้ว่าประโยคต่อไปที่ฉันกำลังจะเอ่ยพูดต้องเป็นประโยคคำถามเกี่ยวกับพวกเขาทั้งสองคนอย่างแน่นอน
"งั้น.. 1 ใน 3 คนนั้น นายรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างไหม?" ฉันเอ่ยถามโพตส์ไปโดยจงใจไม่เจาะจงอะไรเพื่อคำตอบที่อยากจะได้
"ผมก็รู้พอๆ กับคุณ ผู้ชาย 1 ใน 3 คนนั้นมีคนหนึ่งคือเจ้าชายแห่งรัตติกาล...คนที่คุณต้องฆ่าเขา" โพตส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและใบหนเาที่จริงจัง
อีกแล้ว... นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่มีคนบอกฉันว่าให้ฆ่าเจ้าชายแห่งรัตติกาลซะ
"ฉันสงสัยมานานแล้ว... ทำไมฉันถึงต้องฆ่าเขาด้วยล่ะ?" ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย
"คุณคงไม่อยากจะให้คนที่ฆ่าพ่อแม่ของคุณลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมต่อหรอกนะ.." โพตส์ว่าจบก็ช้อนตามามองฉันด้วยหางตาเล็กน้อย
ฆ่า..พ่อกับแม่!?
"มะ..หมายความว่ายังไง!? แต่เขาไม่มีตัวอักษร 'JMT' อยู่หลังฝ่ามือนะ!!" ฉันเอ่ยแย้งในทันที เพราะว่าเท่าที่ฉันสังเกตเห็นเจ้าชายแห่งรัตติกาลไม่ได้มีตัวอักษร JMT แบบคนที่ฆ่าพี่เลี้ยงของฉันต่อหน้าต่อตา
"ฆ่าพี่เลี้ยงแล้วจำเป็นด้วยเหรอว่าจะต้องฆ่าพ่อกับแม่ของคุณด้วย?" โพตส์เอ่ยถามฉันเสียงเรียบ
"กะ..ก็เซร่าบอกกบฉันว่าคนๆ นั้น..."
"ความจริงที่ว่าเขาคนนั้นทำลายเมืองของคุณและฆ่าพี่เลี้ยงของคุณไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้เพราะคุณเห็นมากับตาว่าเขาเป็นคนทำจริงๆ แต่...คุณไม่ได้เห็นว่าเขาฆ่าพ่อและแม่ของคุณ" โพตส์อธิบายเหตุผลของเขาให้
"แล้ว..นายรู้ได้ยังไงว่าเจ้าชายแห่งรัตติกาลเป็นคนฆ่าพ่อกับแม่ของฉัน!?" ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย ใช่! ทั้งฉันและเขาก็ต่างไม่ได้เห็นเหตุการณ์กันทั้งคู่นิ...หรือ...เขาเห็น?
"เรื่องนั้นสักวันคุณก็จะรู้มันเอง แต่ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้น" โพตส์พูดจบก็เดินมานั่งบนชิงช้าตัวเดียวกับฉัน
"จำชิรายูกิได้ใช่ไหมครับ?" เขาเอ่ยถามฉันอีกครั้ง
"จะ..จำได้สิ" ฉันขยักเล็กน้อย
ชิรายูกิ...คนรักเก่าของพี่เรียว ถูกฆ่าตายเมื่อ 16 ปีก่อน อา.. จะว่าไปเรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อนหมดเลยสิ ยกเว้น 12 ปีก่อนที่เมืองของเธอโดนทำลาย
"เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย" โพตส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจังอีกครั้ง
"!!!"
"วิญญาณของเธอกำลังถูกใครบางคนเอาไป"
"ดะ..เดี๋ยวนะ! ชิรายูกิซังยังไม่ตายอย่างงั้นเหรอ!?" ฉันถามอย่างตกใจเมื่อได้รับรู้ว่าชิรายูกิซังกำลังโดนรอบทำร้าย
ทั้งๆ ที่เมื่อ 16 ปีก่อนได้ยินมาจากปากของพี่เรียวเองว่าชิรายูกิตายไปแล้ว แถมยังโดนฆ่าต่อหน้าต่อตาพี่เรียว
"ฟังผมดีๆ นะ.."
"..."
"ชิรายูกิยังไม่ตาย! และเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย! มีคนกำลังจะเอาวิญญาณของเธอไป!"
"มะ..หมายความว่ายังไง!?" ฉันเอ่ยถามอีกครั้งเอ่ยความสงสัย
อะไรกัน!? เมื่อ 16 ปีก่อนได้ยินมาจากปากพี่เรียวว่าชิรายูกิซังตายไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับมาได้ยินจากปากของหนังสือเวทย์ของฉันเองว่าชิรายูกิซังยังไม่ตาย!! ... นี่มันบ้าอะไรกัน!?
"คนที่จะช่วยเธอได้มีแต่คุณเท่านั้น.."
"..."
"หลังจากที่คุณตื่นจากฝันนี้คุณจงไปช่วยเขา"
"ที่ไหนล่ะ?"
"ชะตาจะเป็นคนกำหนดทุกสิ่งเอง"
"แล้วถ้าฉันไปช่วยเธอไม่ทัน...?"
"เธอก็จะตาย.."
"!!!"
"ฉะนั้นอย่าให้ชะตาที่ดำหนกให้คุณไปช่วยเธอมันช้าเกินไป จงตั้งสติและรวบรวมสมาธิตั้งจิตให้มั่น มองให้เห็นมัน...อนาคตที่จะมาถึง ด้วยดวงเนตรแห่งเมารัสนี้"
พรึ่บ...
และภาพเบื้อนหน้าของฉันก็เริ่มเลือนลางลงจนมองเห็นแต่สีขาวทั้งหมด
และทุกๆ สิ่ง ... ก็กลับจู่ห้วนปัจจุบัน
I'll make you crazy
In memory next
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ