Past-memories อดีต-ความทรงจำรักวุ่นๆกับยัยตัวร้าย
เขียนโดย Ryoko
วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.34 น.
แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) เริ่มการดวล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
การดวล
หลังจากที่ฉันเข้าไปในห้องที่เงียบสงบที่สุดในตัวคฤหาสน์แล้วพยายามที่จะเบิกเนตรที่โพสน์เคยพูดถึงให้ฟัง ผลที่ออกมาก็คือ...ไม่สำเร็จ.. ไม่ว่าฉันจะพยายามสักเพียงไรก็ไม่สำเร็จ พยายามจะตั้งสมาติให้มั่นและทำจิตใจให้สงบเพื่อนึกถึงดวงเนตรแห่งเมารัสนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ฉันพยายาม ก็ไม่สำเร็จเสียที มิหน้ำซ้ำยังไม่รู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับดวงเนตรแห่งเมารัสอีกด้วย ไม่ว่าจะลองไปหาจากหนังสือเวทย์เล่มไหนๆก็ไม่เจอสักเล่ม แม้แต่ข้อมูลเล็กน้อยหรือชื่อของดวงเนตรยังไม่มีปรากฏบนหนังสือเวทย์เล่มไหนเลยด้วยซ้ำ! ...นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!?
เมื่อเป็นดังนั้นฉันก็ไม่อยากจะฝืน ปล่อยเรื่องนี้ให้เลยตามเลย แล้วพักฟื้นตัวอยู่ที่บ้านสัก2-3วันแล้วกลับไปเรียนตามปกติ แต่ลับมีเรื่องที่ไม่ปกติเกิดขึ้นกับฉัน ที่ฉันรู้สึกได้ก็คือวันแรกที่ฉันกลับไปเรียน ตอนที่ให้นักเรียนทุกคนแยกย้ายกันฝึกฝนเวทย์ของตัวเองเพื่อเตรียมพอสำหรับการประลองเวย์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าที่ไม่ยาวนานนัก ฉันสังเกตเห็นด็กกลุ่มหนึ่งที่มีท่าทางแปลกๆดูมีพิรุจ มองมาทางฉันด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่นัก ทีแรกฉันก็นึกว่าพวกนั้นก็คงหมั่นหน้าฉันเฉยๆ แต่กลับมีเรื่องให้ฉันเจ็บตัวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง มันเกิดขึ้นบ่อยๆจนฉันคิดว่ามันคงจะไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญเฉยๆแล้ว
และยังมีเรื่องแปลกๆ ที่ทุกคนต่างพากันมองมาทาวฉันเป็นตาเดียวเวลาเดินไปไหนมาไหนและฉันยังรู้สึกได้ว่าเพื่อนๆในห้องพยายามตีตัวออกห่างจากฉัน บางคนถึงกับทำว่าฉันไม่มีตัวตนอยู่เลย ทำให้ฉันเริ่มผิดสังเกตเข้าไปห้องน้ำเพื่อเช็คสภาพตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติดูแล้วน่าเกลียดหรือแปลกตาไปหรือเปล่าแต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ฉันก็ยังคงเป็นฉันเช่นเดิม เวทย์ที่ใช้แปลงสีผมเป็นสีดำเพื่อซ่อนเจ้าผมสีขาวตัวปัญหาที่แปลกประหลาดและมีเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่จะมีเส้นผมสีขาวบริสุทธิ์...แคลอ เมลฟิวส์ สตอนท์ฮาร์ท องค์แห่งอานาจักรฮิวแม้นั้นจะคือฉันเองแต่ตอนนี้...ฉันคือ นากามุระ คุรุมิ เด็กสาวธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่ได้พิเศษพิศงมาจากไหน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พวกเขามองมาทางฉันด้วยสายตาแปลกๆและต่างพากันซุบซิบบางอย่างที่เกี่ยวกับฉันแต่ฉันไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้เพราะพลังเวทย์ของฉันที่หลับไป 3 วันเต็มยังฟื้นกลับมาไม่ครบ และร่างกายที่ยังปนับตัวไม่ค่อยจะได้นี่อีกทำให้พลังเวทย์ต่างๆในตัวของฉันแปรปวนสับสนไปหมด ขืนฉันใช้พลังเวทย์สุ่มสี่สุ่มห้าไม่คิดหน้าคิดหลังมีหวังได่เสียสมดุจในการควบคุมพลังเวทย์อีกแน่ และถ้าเป็นเช่นนั้น...โลกนี้คงจะถึงคราวอวศาลเป็นแค่
ตอนนี้ฉันหนีการฝึกเวทย์มานั่งอยู่ใต้ต้นไม้เพีงลำพัง(อีกแล้ว!) อันที่จริงถ้าจะพูดให้ถูกคือฉันหนีการฝึกมานอนใต้ต้นไม้เพียงลำพังต่างหาก = = ฉันนอนเอาผ้าปิดหน้าแล้วเอามือก่ายหน้าผากอีกที ส่วนขาก็ชันเข่าตั้งขึ้นมาข้างหนึ่ง ฉันหนีจากสิ่งเร้าต่างๆรอบตัวมาสงบจิตใจที่นี่ เพราะตรงนี้ไม่เป็นที่สดุดตาคนมากนักเพราะมันถูกซ่อนแอบไว้หลังต้นไม้ใหญ่และในเวลาแบบนี้ที่ทุกคนกำลังวุ่นอยู่กับการฝึกฝนเวทย์ของตัวเองคงไม่มีใครว่างมากพอมาเรื่องไร้สาระอย่างการตามหาเธอหรอก...อันที่จริง ถ้าจะให้พูด...ก็มีอยู่คนหนึ่ง ที่ว่างมากพอจะมาทำเรื่องไร้สาระเช่นการตามหาเธอเช่นนี้...
"อยู่นี่จริงๆด้วย..."
พูดปุ๊บก็มาปั๊บเลย ช่างเป็นมนุษย์ที่ตายยากตายเย็นเสียจริง...
"มีอะไร?" ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห้วนและยังตรงท่าทางกิริยาอยู่เช่นไม่คิดจะขยับ เปลี่ยนท่านอนเป็นนั่ง หรือกระทั่งเอาผ้าที่ปิดหน้าอยู่ออกด้วยซ้ำด้วย
"เปล่าหรอก...แค่จะมาถามว่าอาการป่วยน่ะ หายดีแล้วเหรอ?" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเล็กน้อย
"อืม..."
หลังจากจบคำของฉันความเงียบก็เข้าปกคลุมพวกเราทั้งสองคนเพราะทั้งฉันและเขาก็ไม่รู้จะชวนอีกฝ่ายคุยอะไรดี ทำให้ในหัวของฉันคิดถึงเรื่องดวงเนตรแห่งเมารัสขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้อะไรดลใจฉันแต่ฉันรู้สึกอยากจะเอ่ยถามเขา... มีความรู้สึกว่าถ้าฉันถามคนๆนี้ ฉันจะได้คำตอบแน่นอน...
"ทัตสึยะ...นายรู้อะไรที่เกี่ยวกับ 'ดวงเนตรแห่งเมารัส' บ้างรึเปล่า?" ฉันเอ่ยถามเขาทั้งกิริยาท่าทางเดิม เขาเงียบไปสักพักทำให้ฉันไม่สามารถเดาอะไรได้ทั้งสิ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผ้าที่ยังคงปิดหน้าของฉันอยู่ด้วยล่ะนะ
"ก่อนอื่น...ช่วยเอาผ้าออกก่อนได้ไหม?" เขาไม่ยอมตอบคำถามฉันและยังดฝเฉไฉไปเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคำถามเลยสักนิด
"ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง รู้อะไรก็รีบพูดออกมาซะ" ฉันพูดกึ่งบังคับใครเขาพูดในสิ่งที่เขารู้ออกมาซะให้หมด
"เฮ้อ..." เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ "ฉันรู้แค่ว่ามันเป็นดวงเนตรที่มีแต่เชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จะสามารถใช้มันได้ และการที่จะได้มันมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ความสามารถของมันก็คือการที่จะให้ผู้ที่ครอบครองสามารถมองเห็นสิ่งตนอยากเห็นได้ ไม่ว่านั้นจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งอนาคต และยังเป็นตัวแทนแห่งพลังอันสิ่งใหญ่ ว่ากันว่าผู้ที่ครอบครองมันจะได้ขึ้นเป็นพระเจ้าของโลกเลยด้วยซ้ำ"
โฮ...รู้เยอะกว่าฉันอีกแฮะ...
"นายไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?" ฉันเอ่ยถามเขาไปด้วยน้ำเสียงเรียบไม่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น
"อ..เอ๊ะ! รู้มาจากไหนน่ะเหรอ? เอ่อ..." เขาอึมอำเล็กน้อย "ก..ก็ห้องสมุดโรงเรียนยังไงล่ะ!"
"ถ้าหมายถึงห้องสมุดที่โรงเรียนนี้ ฉันหามาหมดทุกเล่มแล้ว...ไม่เห็นเจอไอที่นายพร้ามมาเลยสักนิด" ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายกับการโกหกที่ไม่เนียนของเขาที่แม้แต่เด็กอนุบาลก็ยังดูออก
"ง...งั้นเหรอ? สงสัยฉันจะจำผิดล่ะมั้ง แหะๆ" เขาเอ่ยก่อนจะหัวเราะออกมาแห้งๆ
"เอาเถอะ ฉันไม่คาดคั้นให้พูดหรอกนะถ้านายไม่อย่าบอก..." ฉันเอ่ยแผ่วเบา ไม่ใช่เพราะฉันเกรงใจเขาแต่ฉันขี้เกรียจที่จะทำมานั่งซักไซร้คนที่ไม่ยอมปริปากพูดมาเองสักเท่าไหร่ เพราะฉันรู้ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมคลายมันออกมาหรอก เพราะถ้าเขาอยากบอกเขาคงบอกฉันไปนานแล้ว
"อ..อื้ม" เขาขานรับฉันเบาๆเชิงว่าเขาเองก็เข้าใจในคำพูดของฉันแล้ว "ทำไมอยู่ๆถึงมาถามเรื่องพวกนี้กับฉันล่ะ"
"ถามอะไรแปลกๆ ถ้าฉันไม่อยากรู้แล้วจะมาถามนายทำไม?" ฉันเอ่ยกวนเขาไปเล็กน้อย(?) ถ้าให้ฉันเดาหางคิ้วเขาต้องกระตุกแน่ๆ
"อื้ม!" เขาทำเสียงดังในลำคอเหมือนกำลังพยายามสะกดอารมณ์โกรธของตัวเองไว้ ตลกชะมัด...
"นี่..."
"อะไรอีกล่ะ?" คราวนี้กลายเป็นเขาที่เอ่ยด้วยเสียงห้วนๆแทนฉัน ก็นะ...ไม่แปลกหรอกเพิ่งโดนฉันแหย่ไปนนี่เนอะ
"ถ้ามีคนมาบอกให้นายเบิกเนตรเมารัส...นายจะทำยังไง?" ฉันไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เอ่ยคำถามนั้นออกไป แต่ฉันก็พูดมันออกไปแล้ว และสิ่งที่ฉันได้กลับมาก็มีเพียงความเงียบแต่ไม่นานนักเสียงของเขาก็ดังขึ้นเพื่อตอบคำถามฉันอีกครั้ง
"ไม่รู้สิ... ก็คงจะเบิกล่ะมั้ง พลังเวทย์ดีๆและยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเป็นใคร ใครก็อยากได้ล่ะนะ.."
แม้แต่นายเองก็ด้วยงั้นเหรอ...ทัตสึยะ
แม้แต่นายที่ฉันคิดว่านายน่าจะเป็นคนเดียวที่ไม่สนเรื่องพลังอันยิ่งใหญ่นั้น...
"แล้วนาย...คิดยังไงกับแคลอล่ะ?"
"แคลอ?" เขาเิ่ยทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
"แคลอ เมลฟิวส์ สตอนท์ฮาร์ท องค์หญิงอานาตักรฮิว..." ฉันเอ่ยขยายความเพื่อให้เขาเข้าใจความหมายมากที่สุด
"อ่อ...เธอนี่เก่งนะ จำชื่อที่ยาวขนาดนั้นได้ด้วย" เขาเอ่ยก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
ก็แง้สิ...ชื่อตัวเองนี่นา ใครบ้างจะจำไม่ได้?
"คิดยังไงงั้นเหรอ? ...คงอิจฉาล่ะมั้ง ก็เพราะเธอมีพลังที่สามารถทำได้ทุกอย่างบนโลกเลยนี่นา"
"แม้แต่นาย..." ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบา มือข้างที่ก่ายหน้าผากไว้เตรียมจะดึงผ้าออก
"หืม?"
"มนุษย์ทุกคน...มันก็ไม่ต่างกัน" ฉันดึงผ้าที่ปิดหน้าออกและลุกขึ้นนั่ง "เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงได้เกลียดนัก!" ฉันตะโกนเสียงดังใส่ทัตสึยะที่ตอนนี้ทำหน้างงงวยไม่รู้เรื่องเรื่องราวอะไรทั้งสิ้น ยิ่งทำให้ฉันโมโหเพิ่มขึ้นไปอีก!
"อะ..เอ๋?" ทัตสึยะอุทานออกมาอย่างไม่เข้าใจ
"มนุษย์มันก็เหมือนกันทุกคน! พอมีสิ่งที่จะสนองความต้องการของตนได้ก็รีบคว้า ไม่สนว่าสิ่งนั้นมันจะต้องแลกมาก้วยอะไรก็ตาม!! ไม่ว่ายังไง มนุษย์ก็ยังคิดจะเป็นที่หนึ่ง เพื่อที่จะเหนือคนอื่นอยู่ดี!!!" ฉันตะโกนออกไปสุดเสียงด้วยความโมโห
"เธอเองก็เป็นมนุษย์ไม่ใช่รึไง ทำไมถึงได้กล้าพูดออกมาแบบนี้?"
"ก็เพราะฉันไม่ใช่มนุษย์น่ะสิ!!" ฉันเผลอพูดออกไปด้วยความโมโห
ฉันยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทัตสึยะเองก็ทำสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน แต่...เขาก็รู้แล้วนิว่าฉันน่ะเป็นแวมไพร์ ทำไมถึงต้องตกใจด้วยละ?
ทัตสึยะปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วก้มหน้าลงแต่เพื่ออะไรฉันก็ไม่รู้ แต่ก็ทำให้ฉันรู้ได้อย่างหนึ่งว่าเขายังไม่ลืมเรื่องที่ฉันเป็นแวมไพร์ ฉันเองก็ไม่คิดจะปล่อยให้เขากุมความลับฉันอยู่อย่างนี้หรอกนะ...
"เฮ้อ.." ฉันถอดหายใจออกมาเบาๆทำให้ทัตสึยะที่ยืนมองฉันอยู่ข้าวเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนที่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง "จงลืมซะ..."
"...?"
"ฉันบอกว่า..." ฉันค่อยๆหันหน้าไปมองทัตสึยะช้าๆ "ให้นายลืมเรื่องทั้งหมด...ยังไงล่ะ!" ฉันเบิกตากว้างก่อนที่นัยต์ตาสีฟ้าของฉันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ ทัตสึยะเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่นัยตต์ตาของเขาจะค่อยๆหมดความเปร่งประกายลงช้าๆบ่งบอกได้ชัดว่าเขาได้โดนเวทย์มนต์ของฉันเข้าไปแล้ว ฉันจ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาสีเทาของทัตสึยะ แต่เมื่อสังเกตดีๆแล้ว ก็ทำให้ฉันนึกบางอย่างได้...
"ทำไม...ถึงได้คล้ายกันจัง?" ฉันอุทานออกมาเบาๆ เวทย์ที่คิดจะใช้พลันหายไปในทันที
ใบหน้าของเขาเรียวคม นัยต์ตาสีเทาคม คิ้วเข้มโก้งสวย ริมฝีปากอวบอิ่มได้รูปสวย ผมสีดำเป็นประกาย มันทำให้ฉัน..นึกถึง 'เจ้าชายแห่งรัตติกาล' ทุกสิ่งทุกอย่างของทัตสึยะมันคล้ายกับเขาคนนั้นมาก มากเสียจนฉันคิดว่าเป็นคนๆเดียวกัน แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือนัยต์ตาสีเทาของเขา เจ้าชายแห่งรัตติกาลมีนัยต์สีฟ้าเช่นเดียวกับฉัน แต่ทัตสึยะมีนัยต์ตาสีเทา มันทำให้ฉันคลายข้อสงสัยกับใบหน้าที่คล้ายกันอย่างกับแกะลงได้บ้าง...ตอนนั้คนที่มีหน้าตาคล้ายกันที่ฉันรู้สึกมีอยู่ด้วยกันถึง 3 คน! ...นี่มันบ้าอะไรกัน!?
"หน้าคล้ายกัน...งั้นเหรอ?" ทัตสุยะเอ่ยถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย ทำให้ฉันหลุดจากภวังศ์ความคิด
"นาย...รู้จัก 'เจ้าชายแห่งรัตติกาล' รึเปล่า?" ฉันเอ่ยถามเขาอย่างแผ่วเบา ตาก็จ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
"เจ้าชายแห่งรัตติกาลงั้นเหรอ?...ไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยนะ" เขาทำท่าคิดสักพักก่อนจะเอ่ยตอบ แต่นั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกงงและสงสัยมากยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า
มีคนหน้าตาคล้ายกันถึง 3 คนบนโลก... มันเป็นไปได้งั้นเหรอ?
ฉันคิดในใจอย่างไม่เข้าใจ มันจะมีทางเป็นไปได้เหรอที่จะมีคนหน้าตาคล้ายกันขนาดนี้อยู่บนโลกถึง 3 คน? และทั้ง 3 คนนั้นก็เป็นคนที่ฉันเคยเจอทั้งหมด...มันจะเป็นเรื่องบังอาจที่โชคชะตากำหนดให้ฉันรู้จักพวกเขาทั้ง 3 คนนั้นงั้นเหรอ? แต่เพราะอะไรล่ะ?... แล้วมันเป็นไปได้รึเปล่าที่ทั้ง 3 คนนี้จะต้องมีอะไรบางอย่างเชื่อมถึงกัน..?
"งั้นเหรอ..." ฉันพูดเสียงแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าลง
"มีอะไรรึเปล่า?" เขาเอ่ยถามฉันเสียงแผ่วเบา ฉันเงยหน้าช้อนตามองเขาเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงเช่นเดิม
"เปล่า..."
ฉันคงจะคิดมากไปเอง...
"ให้ตายสิ..." ฉันพูดออกมาาเบาๆก่อนจะชันเข่าขึ้นมากอด "โลกนี้มันช่างซับซ้อนชะมัด"
ทัตสึยะมองฉันด้วยความสงสัยเล็กน้อยหากแต่ก็ไม่ได้ปริปากถามอะไร ฉันรู้สึกได้เลยว่าเขายืนมองฉันเป็นเวลานานมากจนฉันต้องเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย
"คุรุมิจัง..." เขาเอ่ยเรียกชื่อฉันเบาๆ
"อะไร?" ฉันเอ่ยตอบเสียงห้วนๆ
"มาดวล...กันหน่อยได้ไหม?"
"..."
ฉันนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามของทัตสึยะ ไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากดวลกันเขา ฉันอยากดวลกับเขามากแต่ทำไม่ได้ในตอนนี้เพราะพลังเวทย์ของฉันยังไม่คืนมาทั้งหมด ตอนนี้พลังเวทย์ของฉันแปรปวนไปหมดขืนใช้สุ่มสี่สุ่มห้ามีหวังโลกได้พังแน่...
"ไม่ได้เหรอ?" เขาเอ่ยถามฉันด้วยท่าทางผิดหวังเล็กน้อย
"ไม่ใช่ไม่ได้... แต่...ต้องพูดว่าฉันยังไม่พร้อมต่างหาก" ฉันพยายามอธิบายในทางอ้อมๆให้เขาเข้าใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ไม่พร้อม?" ทัตสึยะเอ่ยทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
"...เฮ้อ เอาเถอะ" ฉันถอดหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจคำว่า ไม่พร้อม กันนะ "ฉันรับคำท้า...ไปที่สนาม"
ฉันว่าจบก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากหลังต้นไม้ใหญ่ก่อนจะมุ่งตรงไปยังสนามที่มีนักเรียนจำนวนมากกำลังจับคู่ดวลเพื่อทดสอบพลังเวทย์ของตัวเองอยู่ พอฉันก้าวเข้าไปในพื้นที่สนามทุกสายตาก็ต่างจับจ้องมองมาทางฉันเป็นตาเดียว ฉันแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินตรงไปยังพื้นที่ในสนามที่ยังว่างอยู่ โดยตลอดการเดินนั้นมีทัตสึยะเดินตามหลังมาติดๆ
"ตรงนี้แล้วกัน..." ฉันว่าพลางหันหลังกลับแล้วมองไปยังทัตสึยะที่เขาแค่ขยักหน้ารับเชิงเข้าใจเฉยๆ
"สองคนนั้นจะดวลกันงั้นเหรอ?"
"ไม่รู้สิ...คงใช่มั้ง"
"เธอคิดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ?"
"ไม่รู้สิ อีกคนก็ได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนท็อป อีกคนก็ได้ชื่อว่าจัดการนักเรียนที่ขึ้นชื่อว่าเก่งมากได้ถึงสามคนรวด..."
"เป็นการดวลที่น่าสนใจนะ...ว่าไหม?"
เกิดเสียงซุบซิบมากมายดังขึ้นเมื่อฉันกับทัตสึยะทำท่าเหมือนกำลังจะดวลกัน คำซุบซิบเหล่านั้นฉันไม่สามารถแยกแยะได้ว่าพวกเขาเชียร์ใครกันแน่ แต่ที่รู้ๆตอนนี้การดวลระหว่างฉันและทัตสึยะเป็นที่น่าสนใจและน่าจับตามองของทุกคนในสนาม รวมทั้งรอบๆสนามที่มีคนไปนั่งพักด้วย
"ฉันไม่มั่นใจนะว่าจะยอมมือได้รึเปล่า..." ฉันเอ่ยเสียงแผ่วเบาหวังให้ได้ยินเพียงแค่ทัตสึยะ เพราะตอนนี้พลังเวทย์ของฉันแปรปวนมาก ซึ่งฉันในตอนนี้อาจจะควบคุมมันไม่ได้ทั้งหมด และถ้าเป็นแบบนั้น...มีหวังได้เลือดตกยางออกกันแน่ๆ
"ใส่มาไม่ต้องยั้งเลย..." ทัตสึยะว่าพลางฉีกยิ้มร่า ถ้าให้ฉันเดา เขาคงอยากจะดวลกับฉันมานานแล้ว..สินะ...
"...ยังไงก็ระวังตัวไว้ด้วย ฉันไม่มั่นใจว่าจะควบคุมมันได้ทั้งหมดหรอกนะ..." โดยเฉพาะ...พลังของครอสที่ยังคงอยู่ในตัวฉัน
"อื้ม!"
ฉันกับเขาจ้องตากันเป็นเวลาเนินนานจนคนดูรอบข้างต่างพากันลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายบุกใครก่อน ฉันพยายามรวบรวมสมาธิและตั้งสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้พลังเวทย์ของฉันมันประทุออกมาจนทำให้เกิดเหตุร้ายต่างๆขึ้น... และเมื่อฉันรวบรวมสติได้ฉันก็เตรียมตัวบุกในทันที และดูเมื่อว่าทัตสึยะจะดูฉันออกเหมือนกัน เขาจึงเตรียมพร้อมที่จะบุกกลับบ้าง
"เริ่ม!/เริ่ม!"
I'll make you crazy
In memory next
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ