EAT ME IF YOU CAN [[ Yaoi ]]

9.9

เขียนโดย iamkin

วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.05 น.

  28 ตอน
  8 วิจารณ์
  84.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) ตอนที่ 26

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
EAT ME IF YOU CAN [26]
 
     [Near]
                'เนียร์ เลิกเรียนแล้ว ไปหาอะไรกินกันไหม เพื่อนๆไปกันหมดเลยนะ' ผมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากวาดของลงกระเป๋าเป้หลังจากนั่งเรียนมาเกือบสามชั่วโมงในห้องเรียนอันหนาวเหน็บ จนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน ผมเลยไม่รอช้าที่จะออกจากห้องแห่งความเย็นนี้ด้วยความเร็วแสง แต่ทว่า เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อนดันเดินเข้ามาทักผมก่อนซะงั้นอ้า
                'ไม่อ่ะ มีธุระกับที่บ้าน' ผมตอบปัดไปครับ ไอ้คนตรงหน้าผมชื่ออะตอมหรือเรียกง่ายๆ ไอ้เบอร์ห้าวันงานประกวดลอยกระทงนั่นแหละพอมันรู้ว่าผมเป็นน้องไอ้กัส มันก็เอาสองมือล้วงกระเป๋าและสองเท้าก้าวเข้ามาหาผมทันที เมื่อถึงวันเรียน อ้อ มันไม่ใช่รายแรกนะครับมีคนมาตีเนียนแบบนี้กับผมตั้งหลายคน มีทั้งรุ่นเดียวกับผม รุ่นโตกว่าผมรุ่นเดียวกับไอ้กัส คนที่อยู่เซคเดียวกับไอ้กัสก็มีคนเหล่านั้นต่างพากันหิ้วของต่างๆนาๆ มาให้ผมอย่างไม่ขาดสาย คุณเชื่อไหมเมื่อวานมีคนเอาของมาเซ่นผม จนผมต้องโทรบอกพี่เนี๊ยสให้ขับรถมารับเลยอะเพราะของเยอะมาก มีตั้งแต่ ของกิน ของใช้ กระเป๋า หนักหน่อยก็พวกของแบรนด์เนม ที่พวกชีและฮี ไปขนมาจากต่างประเทศ เรียกได้ว่าถ้าจะคุยเรื่องของกิน ตอนนี้บ้านผมไม่น้อยหน้าใครอ่ะ
                'พี่กัสเหรอ?'
                'เปล่า พี่คนที่สอง' คืนนั้นหลายต่อหลายคนเห็นหน้าพี่เนี๊ยสด้วยครับแล้วก็หลายต่อหลายคน พยายามๆตีเนียนเข้ามา ไถ่ถามผมเรื่องพี่เนี๊ยสด้วยเช่นกัน
                'พี่เนี๊ยสเหรอ?' ไอ้เบอร์สี่งานวันลอยกระทงเป็นต้น ผมจำไม่ได้หรอกว่ามันชื่ออะไร รู้อย่างเดียว มันจะเอาพี่กูให้ได้ แต่ผมอยากจะบอกว่าเสียใจด้วยนะครับพี่ผมโดนเด็กกระชับพื้นที่ห้องหัวใจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ผมไปเค้นปากไอ้กัสจนรู้ว่าพี่เนี๊ยสไปปิ๊งเด็กเข้า แถมน่ารักซะด้วยไอ้กัสมันคอนเฟิร์มมาให้ผมฟังเป็นฉากๆเลย เพราะผมขู่มันว่า ถ้ามันไม่บอกผมจะมีชู้)
                'อือ'
                'งั้นของเนียร์คงจะเยอะ เดี๋ยวเราช่วยถือไปส่งหน้าตึกนะ' ไอ้เบอร์สี่ว่าแล้วดึงเป้ผมไปครับ แต่ผมไม่ยอมปล่อยให้เป้ผมหลุดไปกับมือมันง่ายๆหรอกครับ สุดท้ายไอ้เบอร์สี่มันเลยพ่ายแพ้ให้กับไอ้เบอร์เจ็ดอย่างผมนี่ไง ความจริงไอ้งานประกวดลอยกระทง ก็ไม่ใช่เก้งกวางเกย์กันทั้งหมดหรอกครับ ไอ้ชายแท้ก็มีและเกย์แท้ก็มี และที่สำคัญมากตุ๊ดแท้ก็มีอย่างเช่นมันที่จะดึงกระเป๋าผมอยู่นี่ไง
                'ไม่เป็นไร อยู่บ้านทำสวนบ่อยๆ แค่นี้เด็กๆ' ผมว่าแล้วยกเป้ขึ้นบ่า
                'จริงเหรอ!! เราก็ชอบทำสวนนะ' ไอ้อะตอมสวนขึ้นมาทันทีเลยครับผมกับอะตอมไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งวันสองวันนี้แหละ ที่มันมาตีเนียนกับผมแบบโคตรๆ
                'อือ'
                ความจริงไม่จริงหรอกครับ ผมใช้ไอ้กัสตลอดเวย์เมื่อเช้าผมแอบถ่ายรูปไอ้กัสตอนมันยืนรดน้ำต้นไม้ด้วย น่ารักโคตรๆเลยแฟนกูเนี่ยมันร้องเพลงให้กุหลาบมันฟังด้วยนะครับ มันบอกว่า ถ้าดอกไม้ได้ยินเสียงดนตรีด้วยจะทำให้ดอกนั้นสวยและงดงามขึ้น 
                แล้วกูจะค่อยดูนะกัส ว่าดอกมันจะสวย หรือดอกมันจะตายเพราะเสียงเพลงมึง
                'งั้นวันหลัง เราไปช่วยเนียร์ทำ...'
                'เห้ย ไปก่อนนะ พี่มาแล้ว' ผมไม่รอให้มันพูดจบหรอกครับ เดินออกมาก่อนเลยแต่ผมก็โชว์หลักฐานคือจอโทรศัพท์ผมที่พี่เนี๊ยสกำลังโทรเข้ามาพอดีให้พวกมันดูน่ะครับ แล้วค่อยเดินออกมาวันนี้ไอ้มอธไม่มาครับ ผมเลยแอบเซ็นต์ชื่อให้มันไปทีนึง มันไม่สบาย แล้วก็แม่มันก็มาหาด้วยแหละครับ ก็ถือว่าช่วยๆมันไปแล้วกัน
                'ว่าไงพี่เนี๊ยส...อ้อๆๆ...โอเคๆ...แล้วเจอกัน' ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าครับ วอลเปเปอร์หน้าจอโทรศัพท์ผมเป็นอะไรรู้ไหมเป็นรูปเราสองสามคนพี่น้อง (เข้าใจมุขป่ะ สองพี่น้อง ส่วนอีกคน...) อัดๆกันอยู่ในกล้องหน้าของไอโฟน แล้วถ่ายออกมาเป็นสี่แอคอ่ะครับหน้าไอ้กัสกับพี่เนี๊ยสนี่แลดูหล่อและดีทุกแอค แต่หน้าผมเนี่ยสิ ... ไม่แบ๊ว กูก็เอ๋อแดก อ้อ ส่วนเมื่อกี้ พี่เนี๊ยสโทรมาบอกว่า รอผมอยู่หน้าคณะแล้วครับนอกจากพี่เนี๊ยสต้องรอผมแล้ว ผมกับพี่เนี๊ยสยังต้องรอไอ้กัสอีกคนหนึ่งคือเราสามคนว่ากันว่า จะชวนกันไปซื้อต้นไม้มาลงหลังบ้านอีกละครับ อ่ะๆไม่ใช่รักต้นไม้นะแต่ซื้อมาทดแทนให้ท่านแม่ที่กำลังจะกลับมา เพราะดันลืมรดน้ำต้นไม้หลังบ้านเกือบเป็นเดือน เราเลยจะไปซื้อมาใหม่ แล้วช่วยกันทำ ช่วยกันจัดให้มันกลับมาดูสดใสร่มรื่นอีกครั้งครับ 
                'เดี๋ยวไอ้กัสก็ลงมาแล้ว ไปหาอะไรกินกันไหมเนียร์ โคตรจะร้อนเลย' ผมวิ่งไปหาพี่เนี๊ยส ที่ยืนหล่อในชุดเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่พับแขนขึ้นมาจนถึงข้อศอก อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ครับ
                'โทรไปหามันหรอ?'
                'มันโทรมาหาพี่เมื่อกี้ สงสัยโทรหาเราไม่ติดมั้ง'
                'อ้อ เอาสิ ตรงใต้ตึกไอ้กัส มีร้านน้ำหวานด้วยไปกินกันไหมพี่เนี๊ยส'
                'ตึกนั้นอ่ะหรอ ไปดิไป พี่จอดรถแอบไว้แถวๆนั้นพอดี'
                'โอเค พี่เนี๊ยสเลี้ยงนะ เนียร์ไม่ได้เอาตังค์มา' ผมฟอร์มครับช่วงนี้รายจ่ายผมเยอะ อะไรงกได้ก็ต้องงกหน่อย
                'อ้าวหรอ พี่ก็ไม่ได้เอาตังค์มาเหมือนกัน ยืนกลืนน้ำลายไปกันแล้วกันนะน้องรัก'
                'พี่เนี๊ยสอ้า! เอาไปเลี้ยงเด็กหมดแล้วอ่ะดิ อย่าคิดว่าเนียร์ไม่รู้นะว่าพี่มีเด็กซ่อนไว้ เดี๋ยวนะเดี๋ยว ชื่ออะไรน้า....จำไม่ได้' ผมเอามุขเสี่ยงตายมาต่อรองกับพี่เนี๊ยสครับ แล้วทำหน้าครุ่นคิดไปด้วย
                'เนียร์...' พี่เนี๊ยสกดเสียงต่ำเรียกผมครับ แต่ผมไม่กลัว
                'อ้อ! แอลตัน!!!!'
                'เนียร์....!'
                'อ่ะๆ หน้าแดงๆๆ ทำเป็นฟอร์มไม่ชอบเด็ก สุดท้ายเป็นไงล่ะ กินเด็กจนได้' ว่าแล้วผมก็เอาศอกกระทุ้งหน้าท้องพี่ชายเบาๆครับสองวันก่อนพี่เนี๊ยสมาขอให้ผมปลอกแอปเปิ้ลให้ แล้วไอ้ผมมันปลอกเป็นซะที่ไหนแต่สุดท้ายเราสองคนก็ช่วยกันปลอกจนลงกล่องได้อย่างสวยงามพี่เนี๊ยสบอกว่าจะเอาไปให้เพื่อนที่ไม่สบายสาบานได้เลยว่าต้องเป็นเด็กคนนั้นแน่นอน!
                'เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย' พี่เนี๊ยสเอานิ้วชี้หน้าผมครับก่อนจะจิ้มปลายจมูกผมเบาๆ อย่างงี้แหละพี่ผมเวลาเขินแล้วชอบทำร้ายร่างกายคนอื่นไปเรื่อยตอนนั้นเราสามคนเคยนั่งดูไททานิคด้วยกันพี่เนี๊ยสเขินตอนที่แจ็คกับโรสกำลังจูจุ๊บกันบนดาดฟ้าเรือ เผลอใช้เท้าถีบไอ้กัสที่นั่งอยู่ที่พื้น (มันนั่งทำอะไรอยู่ไม่รู้ ผมจำไม่ได้) หน้าคว่ำผมโคตรสะใจเลยอ่ะครับ
                'ทำไม เนียร์จะพูดถึงพี่สะใภ้เนียร์ เนียร์ผิดตรงไหน' ผมพูดหน้าเชิดครับแต่เห็นไอ้กัสบอกผมว่า พี่สะใภ้ผมอายุน้อยกว่าผมอีก
                'มากไปแล้วๆ ไปๆเดี๋ยวพี่เลี้ยง ปากจะได้ไม่ว่าง ปากว่างทีไรเป็นแบบนี้ทุกที' พี่เนี๊ยสว่า ก่อนจะดึงแขนผมให้เดินไปครับแล้วคิดหรอว่าผมจะหยุดแซวพี่เนี๊ยสง่ายๆ ผมรู้โลกรู้ครับ... 
                ผมกับพี่เนี๊ยสมาหาร้านกาแฟดื่มรอไอ้กัสมันครับ อยู่ไม่ไกลนักหรอกไม่ต้องห่วงว่าไอ้หล่อชั่วของพวกคุณมันจะเดินตากแดดตากลมมาไกลหรอกครับผมว่ามันจะดีเสียอีก เผื่อไอ้ด้านชั่วๆของมันจะละลายไปกับแสงแดดบ้าง แต่ผมว่าคงยากเพราะอย่างไอ้กัสนี่มันชั่วเกินที่อะไรจะเผาผลาญได้
                ผมกับพี่เนี๊ยสสั่งเครื่องดื่มกันคนละแก้วครับไอ้กัสส่งข้อความมาบอกผมว่า ให้สั่งชาเขียวปั่นให้มันด้วยแล้วให้บอกกับเด็กในร้านว่า พี่กัสสั่ง แล้วคนในร้านจะเพิ่มวิปครีมกับไซรัปให้ฟรี
                แต่คนอย่างกูยอมเสียสิบบาท สิบห้าบาท เพื่อวิปครีมกับไซรัปดีกว่าปล่อยให้มึงไปมั่วกับพวกนั้น!
                ผมเพิ่งมาคิดได้ครับความจริงการที่ไอ้กัสมันนอกลู่นอกทางเป็นประจำแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะผมใจดีกับมันเกินไปก็ได้… 
                'อ้าว อยู่ดีๆก็เงียบ มีอะไรหรือเปล่า?' พี่เนี๊ยสถามผมครับคือความจริงตลอดทางที่เดินมาร้านนี้ จนกระทั่งออเดอร์ของที่สั่งมาถึงโต๊ะผมยังไม่หยุดปากแซวพี่ชายเรื่องน้องแอลเลย แต่ผมเพิ่งจะมาหยุดก็เมื่อกี้เอง
                'ทำไม อยากให้เนียร์แซวต่อเหรอไง?' ผมถามกลับครับ 
                'ก็เปล่า เห็นเงียบไป'
                'แหน่ะๆ เขินอีกแล้ว ชอบก็จีบ ชอบก็จีบเลยเซ่ ชูวับ ชูวับ' ผมแซวพี่เนี๊ยสพร้อมกับร้องเพลงของนักร้องเดอะดาวไปด้วย 
                'มีใครเคยบอกเนียร์ไหม ว่าอย่าร้องเพลงอีก เสียงหลงมาก'
                'พี่เนี๊ยสอ๊า!!' ผมว่าแล้วยกแก้วน้ำองุ่นดื่มครับ 
                'ฮ่ะๆ' พี่เนี๊ยสหัวเราะนิ่งๆครับความจริงถ้าพี่ชายผมหัดยิ้มให้มากๆหน่อย พี่ชายผมก็ไม่ใช่เล่นๆนะครับ
                'ไอ้กัสมาแล้ว' ผมหันไปตามที่พี่พูดครับ หันไปเจอไอ้สุดหล่อกำลังเดินหน้างอเพราะแสงแดด เรียวปากขมุมขมิบ บ่งบอกถึงความไม่พอใจของเจ้าของก่อนจะวิ่งเข้ามาในร้านที่ผมกำลังนั่งอยู่ ด้วยท่าทางอันแสนเพลย์บอยยักคิ้วหลิ่วตาแจกมันทั้งสาวและชาย ชายคนตรงหน้าที่ผมกำลังอธิบายอยู่นี้คงจะหล่อมากกว่าเดิม ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ชายคนดังกล่าวใส่…
                'รองเท้าแตะ'
                และหิ้ว... 
                'แกงส้ม'
                'แฟชั่นดาวไหนของมึงเนี่ยกัส' พี่เนี๊ยสถามมันครับหลังจากผมพูดสองสามคำนั้นไป 
                'ดาวกูนี่แหละไอ้เนี๊ยส' ไอ้กัสพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภูมิใจที่เต็มเปี่ยม
                'กูจะย้ายออกจากดาวมึงทันที' พี่เนี๊ยสพูดต่อครับความร้อนจากแสงแดดที่ไอ้กัสได้รับมาจากภายนอก ก็ทำเอาผมร้อนๆหนาวๆไปเหมือนกันนะสงสัยข้างนอกจะร้อนจริงอะไรจริงกว่าเมื่อกี้อีก
                'อะไรของมึงเนี่ยเนี๊ยส หาเรื่องกูเหรอไง'
                'แล้วทำไมใส่รองเท้าแตะ ไอ้รองเท้าคู่ละแสนแปดของมึงไปไหน?' ผมถามมันครับ คุณก็น่าจะรู้ ไอ้เหี้ยนี่ติดหรูขนาดไหน
                'ไม่รู้หมาตัวไหนมันคาบไป ดีนะ เพื่อนกูมีรองเท้าสำรองในรถไม่งั้นกูเดินตีนเปล่าแน่' ไอ้กัสว่า แล้วยกแก้วชาเขียวที่มาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ดูดครับ ก่อนจะเปิดฝาแก้วพลาสติก แล้วใช้หลอดดูดซึ่งปลายหลอดเป็นช้อนตักวิปครีมกินตาม
                'เรื่องจริงเปล่าเนี่ย?' ผมถามต่อครับแล้วก้มลงไปมองรองเท้าแตะที่มันใส่แบบเต็มๆตา 
                พวกมันนี่บ้านเป็นแบงค์ชาติป่าววะ ขนาดรองเท้าแตะยังมีแบรนด์เนมเลยส่วนผมหรอ ช้างดาวผมก็ใส่ได้แล้วคุณเอ๊ย
                'จริงสิครับคุณ ที่มาช้านี่ไม่ใช่กำลังม่ออยู่นะ กูกำลังอาละวาดอยู่ไม่รู้หมาตัวไหนมันกล้ามาแหย่มกับกู'  ไอ้กัสออกตัวก่อนครับ อ้อผมพอจะแก้ไขปริศนาปากขมุมขมิบของมันได้แล้วไง
                'ทำอย่างกับเป็นเด็กประถม รองเท้าหาย' พี่เนี๊ยสพูดต่อครับซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ ระดับมหาลัยกันแล้ว ไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้หายถึงรองเท้าอีกัสมันจะแพงก็เหอะ แต่สภาพรองเท้าไอ้กัส มันก็ไม่ใช่ใหม่อะไรขาดแล้วด้วยซ้ำ
                'คิดซะว่าได้เปลี่ยนคู่ใหม่ก็แล้วกันมึงมึงจะซื้อใหม่อยู่แล้วไม่ใช่หรอ' ผมว่า
                'ฉลาดสมกับเป็นเมียกูจริงๆเลยครับ'
                'ไอ้เหี้ยกัส'
                'มึงควรจะชมว่า ฉลาดสมกับเป็นน้องมึงมากกว่านะกัสเพราะมีบางคนสนใจเราอยู่' 
                'คนที่เซคกูเอง ไม่มีไรหรอก ตาดีนี่ไอ้แมวผี' ผมค่อยๆทำเนียนหันไปโต๊ะที่พี่เนี๊ยสบอกว่า มองเราอยู่ครับเห้ย มันมองเราอยู่จริงๆด้วยอ่ะ
                'แล้วแกงส้มอ่ะ มาจากไหน' ผมถามต่อครับ คือมึงมาแฟชั่นนี้กูได้แต่ถามมึงอย่างเดียวอ่ะครับ
                'อ้อ บ้านไอ้ยูทำมาให้กินน่ะ ของโปรดกู มึงไม่รู้หรอเนี่ย' ไอ้กัสว่าแล้วเอานิ้วจิ้มถุงแกงส้มครับ
                'ไม่ใช่กูไม่รู้หรือจำไม่ได้นะกัส แต่ของโปรดมึงมีมากเกินไป'
                'กูเห็นด้วยกับน้องกู'
                'อะไรวะ กูไม่ใช่คนกินเยอะซะหน่อย'
                'กัส อย่างมึงเกินที่จะเรียกว่ากินเยอะแล้ว อย่างมึงอ่ะสวาปามยังไม่พอเลย' ผมพูดต่อครับ หลังจากนั้นเราก็นั่งคุยกันอีกสักพัก เอาพอให้น้ำในแก้วแล้วก็ขนมที่สั่งมากินรองท้องกันบนโต๊ะหมด ก่อนจะเรียกเก็บเงินและเดินทางต่อกัน 
 
                'กัส มึงว่าเอาต้นไรดี?' ผมเริ่มถามความเห็นคนมาด้วยทั้งสองคนครับหลังจากเดินท่ามกลางความร้อนระอุของประเทศมาเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ผมจึงคิดว่าควรจะนึกชื่อต้นไม้ แล้วรีบซื้อรีบกลับจะได้รีบจบ
                'มะม่วงไหมมึง ถึงฤดูมัน เราจะได้เก็บลูกมันมากินแล้วก็เอาไปขายด้วย'
                'ฉลาดมาก...กัสจัง' ผมว่าแล้วลูบหัวไอ้กัสไปทีหนึ่งครับแอบเห็นด้วยเบาๆ
                'กูไม่ใช่หมาครับเมีย!'
                'โอ้ เมียลืม ซอรี่ครับ' ผมพูดแล้วกวาดตามองพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดที่วางขายกันเต็มตลาดขายต้นไม้ครับ
                'พี่เนี๊ยสว่าไง'
                'มะม่วงก็ดีนะ อย่างที่กัสมันว่า แต่พี่ว่าพวกต้นไม้ยืนต้นที่ให้กลิ่นหอมแล้วก็ให้ร่มเงาก็ดีเหมือนกันนะ'
                'เห้ย!! ไอเดียนี้เริ่ดอ่ะพี่เนี๊ยส แล้วเราจะเอาต้นอะไรดี' ผมถามต่อครับ ไม้ยืนต้น มันไม่ได้มีสายพันธุ์เดียวซะหน่อยนี่เนอะ
                'ต้นปีบไงมึง หอมดีนะโว้ย' ไอ้กัสเสนออีกแล้วครับแหม วันนี้กัสจังของผมแสนรู้เว่อร์ๆ
                'กว่ามันจะโต แม่คงบินไปบินกลับกี่รอบต่อไม่กี่รอบแล้ว' พี่เนี๊ยสพูดเสริมครับ ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ
                'ก็ต้นที่มันโตแล้วไงมึง ไอ้แมวผี!'
                'หลายบาทนะโว้ยกัส เค้าบอกบางต้นใหญ่ๆอ่ะ เป็นแสนก็มีนะ' ผมพูดตามความรู้ที่ไปหาอ่าน ก่อนจะมาซื้อครับ
                'เออว่ะ งั้นเอางี้ไหม กลับไปทำแปลงกุหลาบกันเหมือนเดิม แต่ทำให้มันดีๆอ่ะไม่ใช่เป็นหลุมเป็นบ่อแบบไอ้สามต้นนั้น' กัสจังของผมเสนออีกแล้วครับ 
                'น่าสนใจ' ผมยกป้ายสนับสนุนทูนหัวผมคนแรกเลยครับ
                'เห็นด้วย' และพี่เนี๊ยสก็ตบไฟเขียวเป็นอันว่าต้นมะม่วงตกรอบแรกไปนะครับ 
                สุดท้ายวันนี้เราก็ได้เม็ดกุหลาบ เอากลับไปปลูกที่หลังบ้านครับเราสามคนลงความเห็นว่า คิดจะทำแล้วก็น่าจะทำให้ดีพวกเราเลยเดินไปหาซื้อกระถางแบบยาวมาอ่ะครับ แล้วคิดว่าจะปลูกกุหลาบใส่ในนั้นกันกว่าจะซื้อของอะไรเสร็จก็เย็นมากแล้ว เราเลยแวะเข้าห้างเพื่อไปตากแอร์ และหาอะไรกินกันเลยครับ เพราะถ้าจะกลับไปให้ใครทำอะไรให้กิน แล้วรอกินคงไม่ไหวอย่างน้อยกัสจังผมได้อาละวาดบ้านแตกแน่ๆ
 
                วันนี้เรามากินบุฟเฟ่ต์เกาหลีกัน ไอ้กัสบอกว่า มันเคยมากินกับเพื่อนมัน (ผมไม่เชื่ออ่ะ) บอกอร่อยแล้วก็ไม่แพง ที่สำคัญ ไม่จำกัดเวลาผมกับพี่เนี๊ยสที่หิวมากเลยตอบตกลงทันทีเลยครับ แล้วมันก็อร่อยจริงๆนะเนื้อหมูเค้าก็สดใช้ได้ ผักนี่ก็แบบสุดๆอ้าแล้วก็แบบเป็นบุฟเฟ่ต์เกาหลีใช่ป่ะ มันเลยมีแบบอาหารของประเทศเกาหลีให้ลองกินดูผมเลยกวาดแทบจะทุกเมนูเลยด้วยซ้ำ
                'อะไรวะกัส' ผมถามครับ ไอ้กัสมันเดินไปหยิบหม้ออะไรมาไม่รู้อ่ะซึ่งผมก็ไม่ค่อยกล้ากินเท่าไร เป็นหม้อดินอ่ะครับ มันหยิบมาสองหม้อให้มันกับพี่ชายผม
                'ไก่ตุ๋นโสม' ไอ้กัสว่า แล้วใช้ช้อนและตะเกียบสเตนเลสแบบเกาหลีที่ทางร้านจัดมาให้ ฉีกเนื้อไก่ในหม้อดินนั้นครับ อื้อหือ อย่าว่าผมเลยนะแต่แบบได้กลิ่นแล้ว ผมถึงกับต้องถอยอะ
                'อ้าาา...' ไอ้กัสตักเข้าปากไปแล้วครับ ส่วนพี่ชายผมก็จัดการแบบเรียบๆคือในหม้อมันจะมีไก่หนึ่งตัว ซึ่งข้างในจะยัดไส้พวกโสม ข้าว อะไรพวกนี้อ่ะครับมันก็ดูน่ากินดีหรอกนะ
                'เป็นไงมึง' ผมถามครับ แล้วหยิบช้อนตัวเอง มาตักไก่ตุ๋นโสมมันกินบ้าง รสชาติก็ไม่ได้เลวร้ายอะนะ
                'รับรอง...'
                'รับรองอะไรวะกัส'
                'คืนนี้ปึ๋งปั๋งแน่! กูโดปขนาดนี้!'
                'ไอ้ชั่วกัส! ไอ้ทะลึ่ง เขากินบำรุงร่างกาย มึงนี่กินเพื่อจะปล้ำกูไอ้เลว!'
 
                'ไอ้กัสมันหายหัวไปไหนของมันวะ แล้วนี่มันเอากูมาปล่อยไว้ที่ไหนเนี่ย!' ตอนนี้ผมกำลังโวยวายสุดพลังเลยครับ ไอ้กัสมันเอาผมมาปล่อย มันบอกว่าเดี๋ยวมันจะมารับผม แต่มันก็ยังไม่มา แล้วที่นี่ที่ไหนผมก็ไม่รู้ ไม่มีใครให้ถามไม่มีใครให้เห็นเลยด้วยซ้ำ เห็นแต่ตึกกับตึก และมุมของตึก เจริญแล้วกูแต่สิ่งที่ผมจำได้ และจำได้ดีคือ ผมมากับไอ้กัส! แต่ตอนนี้ปัญหาของผมคือ
                มันอยู่ไหน!และที่สำคัญสภาพของตึกเหล่านั้น มันไม่คุ้นตาผมเอาเสียเลย
                'ไอ้กัส...กัสจัง กัสจัง' เรียกเหมือนหมาเลยครับ ก็มันสั่งให้ผมรอผมก็รอแล้วนะ แต่ทำไมมึงยังไม่มา หรือมึงจะทิ้งกูในที่ที่กูไม่รู้จักแบบนี้วะ!!!
                'กัสจัง...กัสจัง' ผมเรียกต่อครับ เพิ่มความน่ารักให้ชื่อมันด้วยเพื่อจะเร่งมันให้ออกมาเร็วๆ มาเล่นอะไรแบบนี้ กูไม่ชอบนะโว้ย!ผมว่าแล้วหันมองรอบๆครับ เอ่อ ผมไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน มันเป็นแค่ตึกกับตึกแล้วก็ตึกเท่านั้นแหละครับ
                หรือว่า... กู... กำลังฝันอยู่ครับ
                เพราะความจริงกัสโซ่ไม่น่าจะทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวแบบนี้ได้นานเกินสามนาที
                'กะ..' ผมกำลังจะเรียกไอ้กัสต่อครับ แต่สายตาผมจับแผ่นหลังของคนคุ้นตาได้คำว่ากัสจังเลยกลืนลงคอไป ผมกำลังเดินผ่านตึกที่เรียงแถวติดกันครับแต่ก็เว้นช่องว่างของตึกไว้ ให้เป็นหลืบ แลดูน่าค้นหาดีเนอะว่าแล้วผมก็ตรงเข้าไปในตรอกซอกหลืบนั้นเลยครับ และกำลังจะด่ามันฉากใหญ่โทษฐานที่ปล่อยให้กูเอ๋อแดก ในสถานที่แปลกตาตั้งนานสองนาน
                'อะ...'
                แต่ผมก็ต้องชะงักอีกรอบครับ เมื่อมีเรียวแขนจากไหนไม่ทราบกอดรัดเข้าที่เอวของไอ้กัสมัน ความไม่มั่นใจเริ่มแทรกเข้ามาใจกลางตัวผมจากที่ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะเป็นไอ้กัส แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมเหมือนกำลังจะมาขัดจังหวะคนรักกันเสียมากกว่า
                'บ้าเอ๊ย.. เสื้อลายกัสจัง ใครๆเขาก็ใส่กัน' ผมด่าตัวเองแล้วถอยเท้าเดินออกไป ความจริงความมั่นใจของผม ที่คิดว่าร่างสูงนั้นคือไอ้กัสนอกจากแผ่นหลังแล้ว คือเสื้อลายกัสจังที่ผมซื้อให้มันใส่ครับแต่เดี๋ยวนี้ใครๆก็ใส่กันเนอะ
                'พี่กัส..'
                แต่ผมเคยบอกคุณหรือเปล่าครับ!! ผมจำทุกรายละเอียดของไอ้กัสได้แม้ไม่เห็นหน้า!!!!!!
                กัสโซ่... งั้นเหรอ!
                จากที่จะถอยเท้าเดินออกจากตรอกนี้เป็นอันต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนเรียก ชื่อที่แสนคุ้นเคย
                'กว่าจะมา ทำไมนานจัง หรือเนียร์ไม่ปล่อยให้พี่มาหาผม' น้ำเสียงหวานดัดให้เศร้า อย่างที่ใครๆก็ฟังออก เอ่ยเป็นฉากๆโดยที่มีชื่อผมเป็นส่วนร่วม และสิ่งที่ทำให้ผมแทบฟิวส์ขาดนั่นก็คือ เจ้าของเสียงนั้นใช้เรียวแขนตวัดโอบรอบคอร่างสูง ก่อนจะโน้มลงไปจูบอย่างดูดดื่ม
                'ไอ้..ไอ้..กัส' ผมแทบไม่มีเสียงเรียกชื่อมันออกไปผมได้แต่มองมือเล็กที่ปัดป่ายไปตามแผ่นหลังของร่างสูงสลับกับได้ยินเสียงอื้ออ้าจากการพลอดรักกลางแจ้งเต็มสองรูหู!!!!!
                และสิ่งที่ทำให้ผมช็อคมาที่สุดคือ เจ้าของเสียงและเรียวแขนนั้นชะโงกหน้ามาทางผมที่ยืนอยู่ข้างหลัง เหมือนรู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ก่อนจะแลบลิ้นปลิ้นตาให้ผมอย่างเยาะเย้ยและดูถูก ก่อนจะยิงคำพูดใส่ผมชนิดที่เรียกว่า แทงข้างหน้าทะลุไปถึงไต!!!!
                'คนนี้..กูขอนะ'
                'มึง!!!' ทนไม่ได้แล้วโว้ย ผมก้าวเท้าไปหาร่างสูงไม่กี่ก้าวด้วยความใจร้อน ไม่นานผมก็ประชิดตัวร่างสูงผมใช้มือกระชากแขนร่างสูงออกจากนายนั่น(มันเป็นผู้ชายใช้นางนั่นคงไม่ได้)อย่างแรง จนร่างสูงผละออกจากมัน
                ผัวะ!!!!
                'ไอ้กัส!! ไอ้สันดาน!! ไอ้เลว!! มึงนอกใจกู!!!!' ผมระเบิดใส่ร่างสูงไปด้วยคำพูดฉากใหญ่และปล่อยหมัดใส่หน้ามันอย่างเต็มแรงแต่ร่างสูงกลับตอบผมด้วยสายตาว่างเปล่าเท่านั้น
                มะ..ไม่เอานะกัส ได้โปรดอย่ามองกูแบบนั้น…
                ผมภาวนาในใจ เพราะในแววตามัน...แทบไม่มีผมอยู่เลย!
                'พี่กัส....' ผมจำต้องปล่อยแขนไอ้กัส เมื่อเสียงนั้นเรียกไอ้กัสอีกรอบผมหันไปมองหน้านายนั่นให้ชัดๆอีกรอบ ก่อนที่ผมจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจช้าๆ
                หน้าตาแบบนี้ รูปร่างแบบนี้ หุ่นแบบนี้...
                'เนียร์...งั้นหรอ'
                'ใช่กู...พี่เอง...น้องเนียร์ยังจำพี่ได้อีกหรอ' เจ้าของเสียงเล็กว่าด้วยน้ำเสียงดัดๆ ก่อนจะใช้เรียวแขนเดิมโอบรัดที่ท่อนแขนของไอ้กัส
                'ไอ้กัส นี่มันหมายความว่ายังไง?'
                'นิเนียร์ กลับไปซะ!'
                'ไม่!!! กัสโซ่!! กูต้องการรู้ว่า นี่มันหมายความยังไง' ผมถามผมผลักไอ้เนียร์นั่นอย่างสุดแรงเกิดจนมันล้มลงกับพื้นก่อนจะหันมาเขย่าตัวไอ้กัสแบบเอาเป็นเอาตาย
                'กัส!!!! มึงนอกใจกูหรอ!!!! กัส!!!' ก่อนที่ผมจะทุบ จะตีมันแบบเอาเป็นเอาตาย และผมก็ได้รู้ว่า เป็นตัวผมเองที่เจ็บมือแทน เพราะร่างสูงนอกจากจะไม่พูดอะไรเพิ่มเติมแล้ว ยังนิ่งกว่าเดิมเสียอีก ผมกำลังยืนร้องไห้อยู่ครับ... ร้องๆออกมา ผมได้ยินไอ้เนียร์นั่นหัวเราะผมด้วย ช่างแม่งมันเหอะ กูไม่สนกูจะร้อง ร้องให้ผู้ชายเหี้ยๆที่กูรัก!!
                'นิเนียร์... คำว่าไม่ได้อยากจะมีชู้ของกูก็ไม่ได้หมายความว่ากูไม่ต้องการใครนะ... กูขอโทษ'
                'ไอ้หน้าด้าน!! พูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง!! มึงนอนกับกูแล้วนะ!!!!' ผมด่าไอ้กัสทั้งน้ำตา กูไม่รู้จะด่าแม่งยังไงแล้ว ไอ้สันดาน!
                'นิเนียร์..เรา...เรา'
                'อย่านะกัส อย่าพูดออกมา อย่าพูดออกมาได้โปรด กัสโซ่...'
                '...จบกันเถอะ!! กูเบื่อมึงแล้ว...'
 
                พรึ่บ!!!!
                'อ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!'
                'นิเนียร์!! นิเนียร์เป็นอะไร!!!!!!!'
                ผมค่อยๆลืมตาขึ้นครับ ผมรู้สึกหนักๆที่ขอบตาผมคงจะร้องไห้จะเป็นจะตายมากสินะ ถึงได้รู้สึกแบบนี้
                'นิเนียร์!!!! เป็นเหี้ยอะไร แหกปากหาพ่อมึงเหรอ!!!'
                สะ..เสียง..เสียงไอ้กัส ไอ้หน้าด้านมึงยังจะมาอยู่ให้กูเห็นหน้ามึงอีกเหรอ!!!
                'นิเนียร์!!! เห้ย!!! เป็นอะไรป่าว ลุกขึ้นมาได้แล้วแล้วนั่นเจ็บหรือเปล่าน่ะ นอนยังไงให้ตกเตียงวะ'
                ผมได้ยินไอ้กัสมันพูดครับ แต่ได้ยินไม่ถนัดว่ามันพูดอะไรเพราะผมเอามือปิดหูไว้อยู่ รำคาญไม่อยากฟัง เมื่อกี้มึงยังไม่อยากคุยกับกูเลยนี่อีกอย่างมึงกับกูเลิกกันแล้ว เพราะมึงเบื่อกู!!!
                'เนี๊ยส!! เนี๊ยส!!! ไอ้เหี้ยเนี๊ยส!!!!! ไอ้แมวผี!!!! มึงมาดูดิ๊น้องมึงเป็นเหี้ยอะไร ตกเตียงสมองกลับไปแล้วมั้ง!!!!' 
                โอ๊ย เหี้ยกัสจะโวยวายไปไหน!!!!
                'เนียร์!!! เป็นอะไร เหี้ยกัส มึงเอาน้องกูจนน้องกูตกเตียงเลยเหรอวะ!!!' พี่เนี๊ยสจะเข้ามาทำไมเนี่ย เข้ามาตอนนี้ เห็นสภาพผมไอ้กัสโดนกระทืบแน่ ผมจะฟ้องให้หมดเลย ว่าผมไปเห็นอะไรมาบ้างอีกอย่างเลิกพูดว่ากูตกเตียงได้แล้วครับ!! กูโดนบอกเลิก ไม่ได้ตกเตียง!!!
                'อะ..โอ๊ยยยย!!!!' แต่พอพลิกตัวเท่านั้นแหละครับ ผมถึงกับร้องผมเจ็บตรงซี่โครงจังเลย แง้!
                'นิเนียร์!!!!!/เนียร์!!!!!!'
                พอผมร้องออกไป ก็รู้สึกถึงแรงมากมายที่เข้ามาหาตัวผมครับแรงแรกกระชากผ้าที่น่าจะเป็นผ้าห่มออกจากตัวผมก่อนที่แรงที่สองจะตรงเข้ามาหาตัวผมทันที
                'เห้ย พี่เนี๊ยสทำไร!! ไอ้กัสทำไร!!!!' ผมลุกขึ้นมาในที่สุดครับมองพี่ชายกับไอ้กัส ที่อยู่ในสภาวะหน้าตาตื่นสุดๆในห้อง
                'โอ้พระเจ้า เนียร์มึงยังไม่ตาย...' ไอ้กัสว่าแล้วทำท่าขอบคุณพระเจ้าสุดๆเช่นเดียวกับพี่เนี๊ยส ที่กำลังตรวจดูแขนขาผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
                'คืออะไรหรอ มีอะไรกัน ไม่นอนกันหรอครับ' ผมถามพี่ชาย
                'ก็เมื่อกี้เราตกเตียง ไม่รู้สึกตัวเลยเหรอไง แล้วก็แหกปากซะดังลั่นไอ้กัสมันก็ตกใจ ตะโกนเรียกพี่เข้ามาดูไง ไม่เป็นไรมากใช่ไหม' พี่เนี๊ยสว่าผมเลยก้มมองดูตัวเองครับ เห้ย.. ชุดนอน เห้ย... ห้องกู
                'กัส มึงทำไรอยู่เมื่อกี้'
                'กกมึงอยู่ไงไอ้สัด กำลังได้ที่เลย ถีบกูซะซิกแพคกูกระจุย!!' ไอ้กัสว่า แล้วใช้มือลูบท้องช่วงบริเวณที่มีซิกแพคครับเห้ย ซิคแพคมันแดงจริงๆด้วย กูถีบมันไปจริงๆเหรอเนี่ย
                'หนักแล้วนะเรา ไปสแกนสมองหน่อยไหม' พี่เนี๊ยสถามผมก่อนจะจับผมพยุงขึ้นเตียง เจ็บเหี้ยๆ
                'ไม่ต้องหรอก ก็แค่เจ็บซี่โครงเฉยๆ' ผมว่าแล้วหันไปมองหน้าไอ้กัสอีกรอบครับ
                เมื่อกี้มันเป็นแค่ฝันจริงๆ ใช่ไหมกัสโซ่... มึงรักกู มึงรักกู มึงรักกูใช่ไหมกัสโซ่
                'ดูน้องมึงก่อนนะไอ้แมวผี เดี๋ยวกูวิ่งลงไปหายาหม่องมาทาให้มันก่อนไอ้สัดเอ๊ย กูตกใจหมด มึงต้องรับขวัญกูกลับด้วยนะเนียร์' ไอ้กัสว่าก่อนจะเดินออกจากห้องไปครับ
                'เป็นอะไรของเราห๊ะเนียร์ ไอ้กัสมันโชว์ท่าใหม่เหรอไง'   
                'จะบ้าหรอพี่เนี๊ยส ไม่มีอะไร' เนียร์แค่...ฝันร้ายร้ายร้ายมากก็เท่านั้นเอง เนียร์ไม่ได้เป็นอะไร... จริงๆเพราะฝันร้ายจะกลายเป็นดีเสมอเนียร์เชื่ออย่างงั้น
 
                'นิเนียร์มึงเปิดเสื้อให้มันดีๆหน่อยได้ไหม กูทาไม่ถนัด' ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ในห้องที่มีผมกับไอ้กัสสองคนเช่นเคยครับพี่เนี๊ยสกลับไปนอนห้องตัวเองแล้วเมื่อกี้ ตอนนี้อีกัสมันกำลังทายาให้ผมอยู่ตรงช่วงบริเวณหน้าท้อง แต่รู้สึกมือไม้แม่งป้วนเปี้ยนขึ้นๆมาเรื่อยๆเดี๋ยวแม่งก็ขึ้นสูง เดี๋ยวแม่งก็ลงต่ำ ทายาพ่อมึงสินะกัส
                'ให้กูถอดเลยไหม' ผมถามแล้วมองหน้ามันครับเมื่อกี้มึงทำกูใจหายนะกัส รู้ไหม... เพราะกูรักมึงมาก กูถึงเป็นได้ขนาดนี้นึกไม่ออกเลย ถ้ามึงทำตัวแบบไหนฝัน กูจะบ้าได้กว่านั้นอีกไหม?
                'ไม่เอาๆๆ อย่าๆๆ เดี๋ยวกูใจสั่น แต่ถ้าถอดก็ดีนะ' ไอ้กัสว่าแล้วทำหน้าหื่น ซึ่งเป็นสีหน้าปกติของมันครับ คือถ้าหน้ามันไม่หื่น นั่นแปลว่ามันไม่ปกติอยู่ครับ
                'ไอ้หมาเอ๊ย' ผมพูด แล้วเอามือผลักหัวมันเบาๆก่อนจะดึงตลับยาหม่องที่มือไอ้กัส มาไว้ในมือตัวเอง และใช้ปลายนิ้วตวัดเนื้อยาขึ้นมานิดหน่อย แล้วทาตรงบริเวณหน้าท้องหรือช่วงซิกแพคของคนตรงข้าม
                'โอ๊ยยย...อ้าาาา...อือ....ตะ..ตรงนั้นๆ'
                'ไอ้สัด ปิดดนตรีประกอบมึงเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นทาเอง' ผมว่าพร้อมกับหยุดปลายนิ้วที่กำลัง ทายาลงบนกล้ามหน้าท้อง ที่ผ่านการดูแลรักษาอย่างดีเหี้ยนี่กระแดะเข้าฟิตเนสทุกอาทิตย์แหละครับ 
                'อะไรอ้า ก็แค่อยากจะให้มีสีสันบ้างอะไรบ้าง' มันว่า แล้วทำหน้าอ้อนมืออ้อนตีนครับ
                'เสร็จแล้ว กูไปล้างมือก่อน มึงก็ด้วย' ผมว่าแล้วเอาฝามาปิดตลับยาหม่องซะก่อนจะเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ ส่วนอีกัสขี้เกียจครับ เอาเช็ดกับผ้าปูเตียงไอ้ห่า!!
                'แล้วตกลงเมื่อกี้มึงเป็นอะไร?' ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เจอไอ้กัสในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง คือท่ามึงพร้อมปล้ำกูมากไอ้ชั่ว!
                'ฝะ..ฝันร้าย'
                'ทำเป็นเด็กเป็นเล็กไปได้ ฝันร้าย..'
                'ฝันว่าผัวมีชู้นี่ ฝันเป็นเด็กเป็นเล็กไหม' ทีแรกผมว่าจะไม่พูดนะเพราะกลัวไอ้กัสมันเก็บเอาไปคิดเล็กคิดน้อย ผมไม่อยากให้มันคิดว่าผมไม่เชื่อใจมันนะ เพราะทุกวันนี้ ไม่มีตอนไหนเลยที่ผมไม่เชื่อใจมัน...
                'Oops! แรงส์!!' 
                'อุทานได้แรดมาก' ผมพึมพำอยู่คนเดียวครับ แล้วล้มตัวลงนอนแต่ไอ้กัสดึงผมไว้ก่อน เป็นอันรู้กันว่า ไม่เล่ามีหลายยกแน่
                'ไหนเล่าที่มึงฝันมาสิ๊..' 
                'ทำไม จะทำนายให้กูเหรอไง ว่าจะไปกันรอดไหม' ผมถามกลับอย่าว่ามันปากหมาเลย ผมเองก็ปากหมาไม่แพ้มันเหมือนกันแหละ แต่มันอ่ะพ่อหมาส่วนผมอ่ะลูกหมาตัวกระจ่อย
                'รอดสิวะ กูทำตัวดีเหี้ยๆแบบนี้ เร็วๆเล่ามา' ไอ้กัสว่าแล้วลุกขึ้นมานั่งท่าเช่นเดียวกับผมครับ เป็นอันว่าตอนนี้เราสองคนนั่งขัดสมาธิหันหน้าชนกัน ไอ้กัสถอดเสื้อ ส่วนผมใส่ชุดนอนลายหมีผมค่อยๆเล่าเรื่องที่ผมไปเจอในฝันให้ไอ้กัสมันฟังช้าๆ มันหัวเราะบ้าง ยิ้มบางด่าผมบ้าง แล้วก็เงียบลงไปบ้าง ส่วนผมเองก็เล่าได้ไม่เต็มเสียงเท่าไร เพราะแค่นึกก็เหมือนจะมีอะไรมาบีบหัวใจผมให้ขาดอยู่แล้ว เราเป็นอย่างนี้จนกระทั่งผมเล่าจบไอ้กัสหลับตาและแน่นิ่งไปนาน ส่วนผมได้แต่มองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างเงียบๆจนกระทั่ง
                'กัส..มึง'  อยู่ดีๆ มันก็ดึงผมเข้าไปกอดครับ กอดแน่นด้วยก่อนที่เสียงทุ้มจะดังขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบไปนานแสนนาน
                'ฝันเหี้ยอะไรของมึง ขนาดฝันมึงยังฝันใส่ร้ายกูเลย ไม่รักกูเลยใช่ไหม?' มันถามผม ทั้งๆที่กอดผมอยู่ครับ แถมกอดแน่นกว่าเดิมด้วยเหี้ย กูเริ่มหายใจไม่ออกแล้วนะ
                'ไม่ได้ใส่ร้าย มันฝันไปเอง...' ผมว่า 
                'เหอะ! การฝันคือการเอาเก็บไปคิด ถ้ามึงไม่คิด มึงก็ไม่ฝันหรอก!' ไอ้กัสตอบกลับมาพร้อมกับปล่อยตัวผมออกครับ
                'กูรักมึงขนาดนี้ มึงยังฝันแบบนี้อีกหรอวะ!'
                'อ้าว ก็ถ้ามึงไม่ทำตัวแบบนั้นตั้งแต่แรกกูก็คงไม่ฝันออกมาเป็นแบบนี้หรอก' ผมว่า หรือความจริง ผมอาจจะเอามาคิดมากแล้วก็เก็บมาฝันอย่างที่มันว่าก็ได้
                'ขอโทษที่เลว!! ขอโทษที่เหี้ย!!!ขอโทษที่สันดานเสีย!!!! และขอโทษที่กูรักมึงมาก แต่มึงไม่รู้!!!!!!!'
                'เอ่อ..มึงไม่ต้องบอกรักกูรุนแรงขนาดนี้ก็ได้นะ' ผมว่าอยากจะบอกว่าเขินเบาๆ กูก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะไอ้กัสมันไม่เคยบอกรักผมแบบดีๆแล้วจบ แบบ กูรักมึงจบ! ไม่มีอะต้องสาธยายความเลวของมันออกมาก่อนแล้วถึงบอกรักผมเป็นอย่างสุดท้าย
                'มันเป็นสไตล์ของกูโว้ย' มันว่าแล้วยักคิ้วกวนตีนให้ผมครับ
                'เออมันเป็นสไตล์ แต่กูนี่สิจะตายจำไว้เลยนะกัสโซ่! คนอย่างกูไม่เคยให้อภัยใครเกินสองครั้งในเรื่องเดิมๆ!'
                'ครับ ทราบครับผม!'
                'ทราบแล้วทำ ทำแล้วเก็บเอาไปคิดด้วย ไม่ใช่พรุ่งนี้เช้ามึงก็ออกไปแรดต่อ!!' ผมว่า โดยคาดโทษแถมให้มันไปด้วย 
                'เออ รู้แล้วน่า นอนได้ยัง ง่วงนอนชิบหาย' ไอ้กัสว่าแล้วล้มตัวลงกับที่นอนครับ ส่วนผมก็ล้มตัวนอนลงตาม พอได้เล่าอะไรให้มันฟังเสร็จกูก็ง่วงนอนชิบหาย
                'นิเนียร์...' ไอ้เหี้ยนี่พอไฟดับ มึงก็จะเอาเลยใช่ไหม!?
                'เหี้ยไร จะนอน'
                'รักนะเด็กโง่' มันพูดครับ แล้วเอามือมันมาลูบหัวลูบหน้าผมเบาๆแล้วดึงปากผมด้วย
                'อุ๊ย พูดผิด ต้องบอกว่ารักนะไอ้ห้อย ลืมไปว่าเมียกูปากห๊อยห้อย'
                'ไอ้สัด เล่นแรงนะมึง' ผมว่าแล้วปัดมือมันทิ้งครับไม่รู้หรอกปัดถูกปัดผิด แต่อยากถีบแม่งให้ตกเตียงอีกรอบ ผิดหรอวะ กูปากห้อยนี่มันเป็นพันธุกรรมโว้ย!!!
                'แต่ห้อยยังไงกูก็รัก อั๊ยย๊ะ!! รีบนอนเหอะ ก่อนที่มึงจะไม่ได้นอนหึๆ' มึงหัวเราะชั่วแบบนี้ กูยอมเจ็บใจตอนนี้ แล้วเก็บไปด่ามึงตอนเช้าครับไอ้กัส!
                'กัสชั่ว นัวเนีย ผัวเหี้ย เมียยั่วโอ๊ย ยังไงก็เข้าก๊านเข้ากัน!'
                คุณรู้สึก ไม่ชอบสโลนแกนนี้เหมือนกับผมไหมครับ???!!!!        
 
'พี่เนี๊ยสทำเหรอ?'ผมถามพี่ชายครับ เมื่อลงมาเจออาหารเช้าหน้าตาแปลกๆ วางอยู่บนโต๊ะ
'คิดว่าพี่จะทำอะไรหน้าตาแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ?' พี่เนี๊ยสถามผมกลับครับ ผมเลยคิดออกว่า ไอ้แฮมไหม้ๆกับไข่ดาวไม่สุก นี่ฝีมือใคร
'ทูนหัวเราต่างหาก เอาอะไรให้มันกินล่ะ ถึงได้เชื่องขนาดนี้' พี่เนี๊ยสว่า ไม่ใช่พี่เนี๊ยวคนเดียวหรอกครับ ที่คิดแบบนั้น คนอื่นก็คิด พ่อไอ้กัสยังโทรมาถามผมเลย ว่าเดี๋ยวนี้กัสมันไม่ออกไปไหนแล้วหรอ เพราะยอดบัตรค่าใช้จ่ายแม่งไม่กระเตื้องขึ้นลงแบบทุกเดือน
'ตอนนี้มันอยู่ไหน?' ผมถามพี่เนี๊ยสหลังจากกินไอ้แฮมไหม้ๆที่ทูนหัวผมทำให้ แล้วอมยิ้มครับ
'แหกปากให้ต้นไม้ฟังอยู่หลังบ้าน' พอพี่เนี๊ยสพูดจบ ผมก็เดินออกไปยังหลังบ้านเลยครับ อ้า..ผมได้ยินเสียงเพลงแล้ว
'อาจเป็นเพราะว่าเธอบังเอิญได้เจอฉัน..อาจเป็นเพราะว่าเราบังเอิญอยู่ด้วยกัน...'อื้อหือ... ร้องสครับด้วย
ใครบอกว่ากัสร้องเพลงไม่เพราะนี่ผมของเถียงนะ มันก็... ร้องเพราะเหมือนกันน๊า
'เห้ยๆๆ พอแล้วเดี๋ยวต้นไม้ตายหมด' แต่ยังไงผมก็ต้องแซวมันครับ ทำเอาร่างสูงที่กำลังร้อนท่อนต่อไปถึงกับหยุดปาก และหันหน้ามาทางผมช้าๆ
'เดี๋ยวตบด้วยปากเลย' มันว่า แล้วเอาบัวรดน้ำสีชมพูไปเก็บเข้าที่ครับ ต้นมงต้นไม้หลังบ้านเรา เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว คาดว่าตอนแม่กลับมาบ้าน กุหลาบคงตั้งช่อสวยรอท่านมาชมแล้วแหละครับ
'โอ๋..แซวเล่น'
'ไปเรียนกันเดี๋ยวไปส่ง' มันว่า พร้อมกับปิดน้ำที่มันล้างมืออยู่ด้วย เหี้ยสบัดมาโดนกูอีก
'ไปดิว่าแต่จะไม่ถามก่อนหรอว่า กูกินอะไรที่มึงทำไว้บนโต๊ะหรือเปล่า'
'ไม่ถามหรอก มึงไม่แดกอยู่แล้ว ไปกันเดี๋ยวต้องไปยืนรอรถเมย์อีก กูล่ะเบื่อจริง' ไอ้กัสว่า แล้วล้วงมือเข้าไปในกางเกงของมันครับ คาดว่าแม่งหาเศษเหรียญอีกแหละ มันเป็นแบบนี้ทุกวันอ่ะ เช้ามาก็หาเศษเหรียญ พอตกเย็นแม่งก็กองเต็มไว้ในห้องนั่งเล่น
'ใครบอกไม่กิน กินหมดเลยต่างหาก ไม่เชื่อมึงเข้าไปดูดิ' ผมว่า ผมกินเข้าไปจริงๆนะ พี่เนี๊ยสเองก็มองผมแบบอึ้งๆ ก่อนจะช่วยผมโดยการเอาไข่ดาวไปทอดให้ใหม่จนสุก ส่วนแฮมก็เอามีดมาตัดๆส่วนที่ไหม้ออก
'กลั้นใจกินเข้าไปก็บอกมาเหอะก็แค่อยากทำบ้าง ก็เท่านั้น'
'เอาน่า..อย่าทำหน้าแบบนั้นสิกัสจังเดี๋ยวก็ทำได้เนอะ' ผมว่าแล้วเอื้อมมือไปกอดคอมันครับ 'ไปเรียนเหอะ..เดี๋ยววันนี้กูออกค่ารถให้'
'เออไปเอาหนังสือก่อน'ไอ้กัสว่า แล้วเดินเข้าไปในบ้านครับ ผมอยากรู้สึกดีแบบนี้ทุกๆวันเลย…
 
'โอ๊ยเนียร์ หน้ามึงดูสดใสขึ้นนะ เหมือนแบบเอิบอิ่มจากภายใน ไปทำอะไรมาวะ สวยขึ้น!'
'ไอ้บลูกูเป็นผู้ชาย!'
'แต่มึงสวยขึ้นจริงๆ หน้าก็ใส๊ใส่ ปากก็แด๊งแดง ถามจริงเหอะ อินเลิฟเหรอไง' ไอ้บลูยิงผมมาเป็นชุดเลยครับ จากที่จะนัดเจอกันที่บ้านมันเลย ไอ้บลูมันทนไม่ไหวครับ แวะมาหาผมที่คณะเสียเลย วันนี้ไอ้มอธโดนชายหน้าไหนลากไปอีกแล้วก็ไม่รู้ อยากจะบอกว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงหนัก พี่ยูก็ไม่ยอมพี่นิวก็ไม่ยอม ไอ้กัสมันก็มาบ่นๆให้ผมฟังอยู่แหละครับ ว่ามันสองคน(พี่ยูกับพี่นิว) จะตีกันให้ได้ทุกครั้งที่เห็นหน้า เพราะไอ้มอธ
'บะบ้า..อินลงอินเลิฟอะไร ไม่มีอะไร มั่ว กูเรียนอย่างเดียวเหอะ' ผมแถสดครับ แล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมากิน ไม่รู้เป็นอะไร อยากกินชาเขียวปั่นขึ้นมาซะงั้น..
'นั่นแน่..' ไอ้บลูกำลังจะแซวผมต่อเลยครับ แต่พี่ธันเดินเข้ามาพอดี อื้อหือพี่ธันหล่อขึ้นอ้า ตัดผมใหม่ด้วย หล่อเว่อร์ๆ
'พี่ธันหวัดดีครับ' ผมก็ทักทายพี่เค้าตามมารยาทอะนะ แม้ว่าทั้งพี่เค้ากับไอ้บลู จะบอกว่าไม่ต้องยังไงก็ตาม
'หวัดดีน้องเนียร์ สวยขึ้นหรือเปล่าเนี่ย?'
เอิ่ม... จำกัดความคำว่า ผัวเมีย คู่นี้ได้ลงตัวจริงๆ
'นั่นไง มีแต่คนบอก มึงอ่ะไปทำอะไรมา'
'ไม่ได้ทำ เปล่าทำซะหน่อย หล่อธรรมชาติโว้ย' ผมว่าครับ แต่ก็แอบหยิบครีมไอ้กัสมาทาบ้างอะไรบ้างอะนะ
'แต่เนียร์มีน้ำมีนวลขึ้นนะ เนอะบลู หึๆ' พี่ธันว่า ก่อนจะหันไปหัวเราะหึๆกับภรรยาหนุ่มสวย(?)ครับ
'ใช่แล้ว'
'อยากกินเค้กไหมบลู พี่เดินไปดูให้ เห็นมีเค้กมะนาวด้วย' พี่ธันว่า โห อิจฉาอ่ะ อยากมีแบบนี้บ้าง พี่ธันอ่ะ ไม่เยอะไป ไม่น้อยไป กำลังพอดี ผมชักอยากใช้คำถามไอ้มิลานที่เคยถามไอ้บลูอีกรอบๆจริง ว่าพี่ธันแกมีแฝดไหมกูอยากได้!
'อื้อน้องอยากกินพานาคอตต้ามากกว่าอ้า ได้ไหม?'
'อ้อพานาคอตต้าเหรอ เดี๋ยวไปดูมาให้แล้วกัน คุยไปก่อนนะสาวๆเอ๊ย หนุ่มๆ' พี่ธันพูดจบ ก็ลุกไปพร้อมกับรอยยิ้มครับ ถ้าเป็นอีกัสคงเรียกพนักงานมาที่โต๊ะ แทนที่มันจะลุกไปเองบ้างแล้ว
'มึง…พี่ธันนี่มีแบ่งขายไหมวะ กูอยากได้ใส่ถุงกลับบ้านอ่ะ' ผมว่า ไอ้บลูเลยจะโขกหัวผมให้ ดีนะหลบทัน ไม่งั้นกระบังที่ไปทำมา ยุบแน่ (ดูมันเรียก)
'ไม่ขายโว้ย!'
'แสนดี หล่อ เพอร์เฟ็ค เริ่ด! โอ๊ยใส่ถุงแยกน้ำให้กูเลยเหอะ'
'กูไม่ขาย! เลิกเพ้อได้แล้วมึง'
'กูรู้แล้วน่า ไม่ต้องทำหน้าหึงหวงขนาดนั้นก็ได้' ผมว่าแล้วยกแก้วน้ำดูดอีกรอบครับ
'คิดถึงไอ้มิลานเนอะ ไม่รู้มันเป็นไงบ้าง เพื่อนกูที่อยู่มหาลัยเดียวกับมันบอกว่า กลุ่มที่แม่งคบอยู่เมากันทุกวันเลย' ไอ้บลูว่า ให้ตายเหอะ พูดแบบนี้ผมก็ชักเป็นห่วงมันขึ้นมาแล้วนะ มิลานมันเหมือนสายน้ำอ่ะครับ แปรปวนง่าย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ผมว่ามันน่าสงสารยิ่งกว่าผมอีกนะ เพราะการที่ต้องตกเป็นที่ระบายความใคร่ของใคร ไม่ว่าจะระยะยาวหรือสั้น มันก็ทรมานเหมือนกันหมดแหละครับ
'มึงได้โทรหามันบ้างหรือเปล่า' ผมถามครับ ที่ผมถามก็ไม่ได้หมายความว่า ผมกับไอ้มิลานขาดการติดต่อกันนะ แต่ไอ้มิลานมันไม่ค่อยรับโทรศัพท์ผมเลย ขนาดผมขอให้ไอ้กัสโทรไปหามัน มันยังไม่รับสายเราเลย หรือไม่ถ้ามันรับสาย ก็พูดไม่กี่คำแล้วมันก็วางสายแล้วครับ อ้างนู่นอ้างนี่บ้างแหละ
'โทร แต่คุยกันไม่ถึงคำแม่งก็วางแล้ว ว่าจะชวนพี่ธันไปหามันที่บ้านเนี่ย ไม่รู้เป็นไงบ้าง'อ้า..ได้ยินแบบนี้ ผมค่อยโล่งหน่อย ที่สาเหตุมันไม่น่าจะเกิดจากเรื่องส่วนตัว…
'อือนั่นดิ' ว่าแล้วผมก็กดโทรหาไอ้มิลานเดี๋ยวนั้นเลยครับ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวยิ่งกว่าเก่าเมื่อ...
หมายเลขนี้ ได้ถูกระงับการใช้งาน หรือ ถูกยกเลิกการใช้งานไปแล้วค่ะ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง
'มันจะเป็นอะไรหรือเปล่าวะ บลู..'
'ไม่หรอก เดี๋ยวกูสืบให้ เด็กรุ่นน้องพี่ธัน เค้าก็ยังมีอยู่ที่นั่น ไม่ยากหรอกมึง' ไอ้บลูว่าครับ
'อือ ได้เรื่องยังไงก็บอกกูด้วยนะ'
'เออ แต่กูว่าก็มีอีกคนนะ ที่น่าจะรู้ว่าไอ้มิลานไปไหน'
'ใครวะ ไอ้กัสเหรอ'
'เหอะ..พี่เนี๊ยส'
'เห้ยบ้าเหอะ! พี่เนี๊ยสกลับมาได้ไม่เท่าไร เจอไอ้มิลานไม่กี่ครั้งด้วย'
                'มึงไม่รู้เหรอที่พี่มึงควงไอ้มิลานออกงาน โรงเรียนเก่าอ่ะ เห็นเค้าบอกว่าเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ เลยนะ'
'เห้ยไม่รู้ว่ะ..'
'เนียร์ กูว่ามึงต้องกลับไปคุยอะไรกับพี่เนี๊ยสหน่อยแล้วแหละ เดี๋ยวเย็นนี้กูไปด้วย เพราะรู้สึกพี่ธันอยากจะเจอไอ้เฮียกัสเหลือเกิน' ไอ้บลูว่าด้วยสีหน้าเลี่ยนๆครับ
'เห้ย เมะเค้าไม่แดกกันเองหรอกมึง' ผมพูดดักไว้ก่อนครับ 'แต่ถ้ามึงปล่อยให้แสนดีอย่างพี่ธัน มาคบกับแสนเลวแบบไอ้กัสบ่อยๆ ระวังพี่ธันมึงจะติดเชื้อความชั่วไปด้วยนะโว้ย แล้วจะหาว่ากูไม่เตือนไม่ได้'
'เออกูรู้แล้ว กูว่าจะพาไปฉีดยากันไว้ก่อนเนี่ย เฮียกัสแม่งยิ่งไว้ใจไม่ได้อยู่'
'ไหนๆมึงจะเอาพี่ธันไปแล้ว ก็ฝาก ไอ้กัสไปด้วยเลยแล้วกันเนอะ จะได้หยุดแพร่พันธุ์ไปเลย'
'เห้ย ไม่ได้หรอกมึง เอาไม่อยู่หรอก อย่างเฮียกัสนี่ต้องตัดอย่างเดียวว่ะ ถึงจะเอาอยู่ ฮ่าๆๆๆ'
'เหอะๆ นั้นสินะ'มึงคิดอย่างที่กูคิดเลยว่ะบลู เพราะหลังบ้านกู กูเตรียมเป็ดไว้แล้ว เล้าหนึ่ง เอาให้แม่งตาย!
 
พวกเราคุยกันต่ออีกพักใหญ่เลยครับ กว่าจะออกจากมหาลัย คือความจริงรอไอ้กัสเลิกเรียนด้วยแหละ เห็นกัสมันบอกว่า วันนี้มันเข้าโรงฝึกงานอ่ะ มันต้องใช้เวลาหน่อย แล้วก็จำกัดเวลาไม่ค่อยได้ด้วย ว่าจะเสร็จเร็วเสร็จช้า ยังไง
'เนียร์ว่าเรากลับกันไปก่อนเถอะ กว่าไอ้กัสจะเลิก พวกเราแหง่วแน่' ผมว่าครับ เรารอไอ้กัสมาได้สักชั่วโมงนึงแล้วมั้ง แต่เพราะนั่งคุยนั่งโม้ด้วยไงมันเลยรู้สึกว่าไม่ค่อยนานเท่าไร
'เอาไงพี่ธัน' ไอ้บลูหันไปถามพี่ธันครับ อยากจะบอกว่า สองคนนี้ไปแอบซี้กันตอนไหนไม่ทราบ บางวันไอ้บลูก็โทรมาโวยวายให้ผมฟังเฉยเลย ว่าไอ้กัสไปลากเจ้าบ่าวมันออกมาจากห้อง เพื่อออกไปกินเหล้ากัน กว่าจะกลับมากันก็นู่น เกือบเช้า
'ไปรอที่บ้านก็ได้ จะได้ไปโม้กับเนี๊ยสต่อ งั้นพี่ไปดูเค้กเผื่อสองคนนั้นก่อนนะ แล้วก็เผื่อเราไปกินที่บ้านด้วย' พี่ธันว่าแล้วลุกไปจากโต๊ะอีกรอบครับ เจอพี่ธันครั้งนี้ พี่เค้าทำผมแปลกใจหลายต่อหลายอย่างเลย อย่างเช่นอย่างล่าสุด.. พี่เค้าไปรู้จักมักจี่กับพี่ผมตั้งแต่เมื่อไร?
'แล้วนี่ พี่ธันเค้าจะไปเรียนต่อ เมื่อไรหรอ?'
'..ช่วงต้นปีหน้าน่ะ กูว่าตอนเค้าบินไป กูว่าจะไปด้วย แต่เค้าไม่ยอมให้กูไปด้วยว่ะ เค้าบอกว่า ตัวพี่เค้าเองก็ไม่รู้ว่า สถานที่ที่จะไปอยู่มันเป็นยังไง เกิดมันไม่ดี กูจะได้ไม่อารมณ์เสีย'
'เหรอ' กลัวเมียไม่อยู่ไม่สบายว่างั้นเหอะ ผมแอบพูดในใจครับ
'ก็เลยว่าจะค่อยบินไปทีหลัง'
'แล้วงานมึงอ่ะ ยังมีอยู่ไหม?'
'โห่ ดูมึงถาม กูแถวหน้านะโว้ย ก็มีสิวะ มีตลอดๆแหละ'
'อ้อ..'
 
สักพักไอ้กัสก็โทรมาบอกว่า มันเลิกแล้วพอดีเลยครับ เราสี่คนเลยได้กลับบ้านพร้อมกันจนได้ ไอ้บลูบอกว่า ไปกินบ้านผมบ่อยแล้วมันเบื่อ เราเลยย้ายไปกินกันที่บ้านไอ้บลูแทนครับ บ้านมันก็คอนโดฯ มันนั่นแหละ ผมไปกับพี่ธันและไอ้บลูก่อนครับ ส่วนไอ้กัสขับรถกลับไปรับพี่เนี๊ยส ความจริงพี่เนี๊ยสจะไม่มา แต่ไอ้กัสมันไปคุย คุยไปคุยมายังไงก็ไม่รู้ สรุปว่าไอ้กัสต้องไปรับพี่ผมที่บ้าน
'สุกี้บ่อยแล้ว วันนี้จิ้มจุ่มแล้วกันเนอะ' ไอ้บลูหันมาพูดกับผมครับ ดูเหมือนว่าตู้เย็นมันจะพร้อมกับการทำมื้อเย็นอยู่แล้วนะครับ เพราะแค่ปิดเปิดนี่ ผักก็แทบจะกระโดดออกมากอดผมแล้ว
'มันก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยมึง' ผมว่าแล้วก้มๆเงยๆอยู่หน้าตู้เย็นครับ พนันได้เลยว่าไอ้บลูไม่มีทางจัดตู้เย็นได้งดงามขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ฝีมือพี่ธัน
'มึงซื้อของตุนไว้เยอะเหมือนกันนี่หว่า' ผมว่า นอกจากผักแล้ว เนื้อสัตว์มันก็มี มียันขนมนมเนยอ่ะครับ
'ไม่ใช่กู นู่น...ทูนหัวกูนู่น เดี๋ยวซื้อเดี๋ยวซื้อ'
'มึงมีหม้อจิ้มจุ่มหรอวะ' ผมถามครับ ปกติจิ้มจุ่มก็ต้องแบบหม้อดิอ่ะเนอะ ถึงจะได้อารมณ์
'มีแต่หม้อสุกี้ว่ะ แดกๆไปเหอะ เหมือนกัน'
นั่นไงกูว่าแล้ว...
 
สักพักจากห้องที่เงียบๆ มีแค่เสียงคนกับเสียงหมาหนึ่งตัว ก็เริ่มมีเสียงดังเอะอะขึ้นมาครับ เมื่อมีคนมาเพิ่ม แล้วยิ่งไอ้คนนั้นเป็นไอ้กัสด้วย โอ๊ยมันไปที่ไหน ที่นั่นแตกหมดแหละ
'กูว่ามึงได้นอนบ้านกูแล้วแหละเนียร์'
'ทำไมวะ'
'เหล้าพร้อมกันขนาดนั้น มึงว่าพวกมันจะยอมเลิกกันง่ายๆเหรอ'
'เหอะๆเห็นด้วย'
แต่อย่าว่าแต่พวกเค้าเลยครับ ผมกับไอ้บลูก็ยกเอายกเอากันมันส์เลย แต่รู้สึกยิ่งดึกเท่าไร ผมกับไอ้บลูก็เหมือนส่วนเกินเข้าไปกันทุกที เพราะพวกรุ่นใหญ่(?) เหมือนจะมีอะไรลับลมคมในกัน ผมกับไอ้บลูเลยย้ายเข้ามานอนผึ่งพุงในห้องนอนแทน ส่วนสามหนุ่มสามมุม ก็นั่งพีคกันข้างนอกต่อไป แต่เสียงอีกัสนี่มาแหลมตลอดอ่ะ ผมนอนดูหนังแทบไม่รู้เรื่อง ก็เพราะแม่งนั่นแหละ แล้วก็เป็นอย่างที่ไอ้บลูมันพูดแหละครับ คืนนั้นผมนอนค้างบ้านไอ้บลูมัน นอนกับมันสองคนในห้อง ส่วนสามหนุ่มข้างนอก กว่าแม่งจะเลิกวงเหล้ากัน ก็เกือบเช้า
     [End Near]

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา