หยุดกาลเวลามาเจอเธอ
-
เขียนโดย ซูหลิน
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.39 น.
6 ตอน
4 วิจารณ์
8,861 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 15.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) มูลเหตุ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในความเวิ้งว้าง ว่างเปล่าสุดบรรยาย เหมยเซียน มองเห็นเพียงแสงสีแดงที่จัดจ้า หากไม่ทำให้เธอหวาดกลัว ตรงกันข้ามกับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด คล้ายกับว่ากำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีแดงสดก็ไม่ปาน เธอปล่อยตัวให้ล่องลอยไปเรื่อยๆอย่างเป็นสุข หากสายตาก็ไปสะดุดกับบางสิ่งที่เบื้องหน้า แสงสว่างสีทองที่แสนจ้าจนแสบตานั่น เมื่อเธอลอยเข้ามาใกล้กลับกลายเป็นเพียงใข่มุกเม็ดใหญ่ยักษ์ที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา เมื่อเพ่งมองดีดี คล้ายมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายในนั้น
“นั่นมัน ...เด็กทารกนี่!! “ หญิงสาวอุทานอย่างตกใจเมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในถนัด
คล้ายมีการตอบรับ ไข่มุกเม็ดนั่นเปล่งประกายสีรุ้งเรืองรองขึ้น พร้อมทั้งขยายขนาดใหญ่มากขึ้นเหมยเซียนถอยหลังอย่างลืมตัวด้วยความตกใจ
‘ ไม่ต้องกลัวไปหรอกเด็กน้อย...’
เสียงหวานที่ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเจ้าของเสียงเป็นหญิงหรือชายเนื่องจากถ้าเป็นหญิงก็แผ่วต่ำไป ถ้าเป็นชายว่าออกจากหวานแว่วเกินไป หากเป็นเสียงที่ปลุกปลอบหัวใจที่ตะหนกได้อย่างประหลาด
“ค..คุณเป็นใครค่ะ?? แล้วนั่น...คืออะไร ทำไมมีทารกอยู่ในนั่น??”
เด็กสาวเอ่ยถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก ให้อย่างไร ภายที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้ขวัญหายไม่น้อย
‘ อย่าสนใจเลยว่าเราคือใคร เจ้าควรสนใจตัวเองดีกว่าว่าเจ้าคือใคร?’
เสียงปริศนาตอบกลับมา พร้อมกับภายในไข่มุกยักษ์ที่ขยายไม่หยุดยั้ง จนกระทั่ง
เปรี๊ยะ ๆๆ
โผ๊ะ !!!
ไข่มุกเริ่มร้าวไปเรื่อยๆ ก่อนจะแตกเสียงดัง
“ว้าย !! “ เหมยเซียนเผลออุทานอย่างตกใจ เมื่อร่างของทารกน้อยร่วงจากเปลือกใข่มุกทันทีเมื่อแตก แต่ก่อนที่ร่างเล็กจ้อยจะกระทบกับพื้นก็บังเกิดต้นอ่อนของต้นไม้ชนิดหนึ่งผุดขึ้นมา และเติบโตอย่างรวดเร็ว กิ่งของมันกระหวัดสอดประสานกันจนกลายเป็นเบาะรองรับร่างเล็กๆนั้นได้ทันท่วงที ร่างของทารกน้อยยังคงหลับสนิท คล้ายไม่รับรู้การเปลี่ยนแปลงโดยรอบ จะมีเพียงเสียงลมหายใจของเหมยเซียงเท่านั้นที่เกือบสะดุดและสู่ภาวะปกติอีกครั้งเมื่อเห็นร่างน้อยนั่นปลอดภัย ก้านใบของต้นไม้ประหลาดเริ่มขยับยืดยาวขึ้นมาปกคลุมร่างน้อยนั่นโดยรอบ ไม่นาน เมื่อร่างน้อยตกอยู่ในวงล้อมของกิ่งไม้แล้ว กิ่งก้านเหล่านั้นก็เริ่มแตกยอดอ่อนสีเขียวสดโดยรอบ ไม่นาน ก็แตกยอดดอกก่อนจะค่อยๆ ผลิบาน เป็นดอกไม้งามสีชมพูสดใส ซ้อนกัน ตลอดระยะเวลาที่ดูคล้ายยาวนาน หากผ่านไปเพียงช่วงไม่กี่นาที หญิงสาวได้แต่เหม่อมองภาพงดงามตรงหน้า คล้ายดังมีอะไรมาดึงดูดสายตาเธอเอาไว้ น้ำตาเธอใหลออกมาโดยไม่รู้ตัวอย่างยินดี กับภาพตรงหน้า หากแต่เธอไม่รู้ว่าเธอต้องยินดีด้วยเรื่องอันใด คล้ายภาพนี้เกี่ยวข้องกับตัวเธอ แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย
‘ เด็กน้อย .... นั่นคือการกำเนิดของเทพธิดาดอกเหมยหมื่นปี ที่ ในรอบหมื่นปีจะถือกำเนิดเพียงหนึ่งเท่านั้น และมีหน้าที่กอบกู้โลกเมื่อเกิดทุกข์เข็ญ’
เสียงประหลาดลอยวนเวียนมาสู่โสตประสาทอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ภาพตรงหน้าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ร่างน้อยเริ่มแปรสภาพ เป็นร่างเติบใหญ่ของสาวน้อย หากทว่าดวงตาของนางยังคงพริ้มหลับสนิทอยู่เช่นเดิม โพรงไม้ที่ร่างประทับนิ่งก็ขยามตามสัดส่วนของนาง เป็นภาพที่ดูงดงาม บริสุทธิ์อย่างเหลือเชื่อ ฉับพลัน เหล่านกสีสันสวยงามมีประกายรุ้ง จำนวน 5 ตัว ก็โผบินมาล้อมรอบต้นไม้ พร้อมขับร้องเสียงหวานเป็นบทเพลงแห่งสกุณาที่ไพเราะ แล้วหนึ่งในนั้นก็โผบินขึ้นไปเกาะบนโพลงไม้พร้อมใช้ปากคาบช่อดอกไม้ที่เบ่งบานรายรอบมาช่อหนึ่งปักแซมเรือนผมของร่างขาวโพลนนั่น โดยฉับพลันปรากฏประกายแสงเจิดจ้าขึ้น เมื่อแสงนั่นหรี่ลงปิ่นดอกไม้ที่งดงามก็ปรากฏขึ้นมาทดแทนช่อไม้งาม เปลือกตาของดรุณีน้อยขยับเบาเบา ก่อนจะเปิดขึ้นมาอย่างแช่มช้า คล้ายปีกผีเสือกระพือ แววตาสีน้ำตาลทองส่องประกายหวานแลตรงมาคล้ายเหลือบแลมองมาที่หญิงสาวจนเหมยเซียนสะดุ้งในใจ
‘เทพธิดาดอกเหมยหมื่นปีได้ลืมตาตื่นขึ้นแล้ว ทุกข์เข็ญแห่งเหล่าสัตว์โลกจะได้รับการช่วยเหลือ ภาระอันยิ่งใหญ่แม้นเง็กเซียนฮ่องเต้ก็มิอาจบรรลุความสำเร็จได้ จะได้รับการสะสาง’
เสียงเพลงหวานที่หาที่มาที่ไปไม่ได้ก็ดังแว่วขึ้นมาอีก เหมยเซียนพลอยรู้สึกยินดีไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
‘ช่างน่ายินดีใช่หรือไม่?? ความทุกข์ยากแห่งเหล่ามวลมนุษย์และส่ำสัตว์ต่างอยู่ในสายตาแห่งฟ้าดิน ไม่เคยมีสักครั้งที่ฟ้าดินจะทอดทิ้งเหล่าส่ำสัตว์บนโลกนี้ได้ แต่ทว่า....’
ฉับพลันร่างสูงใหญ่ในชุดเกาะสีดำก็ลอยระริ่วเข้ามาก่อนจะทรุดลงข้างๆ อุ้มมือที่น่ากลัวตรงเข้ากระชากกิ่งก้านของต้นเหมยยักษ์จนโพลงไม้นั้นขาดหลุดออกมา ทว่าร่างบางยังคงหลับสนิทอยู่
เหมยเซียนพยายามวิ่งเข้าไปห้ามร่างสูงใหญ่นั้นไม่ให้กระทำการที่แสนจะโหดร้ายนี้ แต่คล้ายมีอะไรดึงดูดเท้าทั้งสองข้างเธอไว้อย่างเหนียวแน่น
“ไม่ ! ไม่ ! อย่าน่ะ อย่าทำ! “
เมื่อเข้าไปหยุดร่างนั้นไม่ได้เธอพยายามตะโกนห้ามเสียงลั่น แต่ไม่เป็นผล ร่างดำมืดนั้นตรงเข้ากระชาก ร่างขาวโพลงที่หลับสนิทอยู่ภายในโพลงไม้อย่างแรง
“ไม่ อย่า ใครก็ได้ คุณ ท่าน หรือใครก็ได้ ทำไม ? ทำไมไม่หยุดเขา เขากำลังจะทำร้ายเธอ”
เงียบ... ไร้เสียงตอบโต้เช่นทุกที มีเพียงเสียงลมหายใจที่ทอดถอนของใครสักคน
เหมยเซียนได้แต่ยืนมองร่างที่น่ากลัวโอบอุ้มร่างบางงดงามของเทพธิดาดอกเหมยหมื่นปีไว้ในอุ้มมือโดยที่ทำอะไรไม่ได้ อย่างคลั่งแค้นสองมือกำแน่นจนสั่นสะท้าน
“ทำไม..ทำไมถึงไม่มีใครช่วยเธอเลย ไหนบอกว่าเธอมีความสำคัญมาก หมื่นปีจะมีสักคน ไง ไหนบอกว่าเธอจะช่วยกอบกู้โลกไง แล้วทำไมเวลาเกิดภัยกับเธอ พวกท่านถึงยังคงนิ่งเฉย ทำไม!!”
เหมยเซียนตะโกนเสียงสั่นด้วยความโกรธ ภาพตรงหน้าคล้ายจะหมุนเร็วขึ้นๆๆๆ เด็กสาวหลับตาลงอย่างปวดร้าว เธอมิปรารถนาจะมองภาพตรงหน้าอีกต่อไป จนกระทั่งแสงสีเหลืองทองเริ่มส่องสว่างขึ้นอีกครา แสงนั่งเข้าทิ่มแทงตาจนเธอต้องเหลือบลืมตาขึ้นมามองด้วยความสงสัย
“นั่นมัน ...เด็กทารกนี่!! “ หญิงสาวอุทานอย่างตกใจเมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในถนัด
คล้ายมีการตอบรับ ไข่มุกเม็ดนั่นเปล่งประกายสีรุ้งเรืองรองขึ้น พร้อมทั้งขยายขนาดใหญ่มากขึ้นเหมยเซียนถอยหลังอย่างลืมตัวด้วยความตกใจ
‘ ไม่ต้องกลัวไปหรอกเด็กน้อย...’
เสียงหวานที่ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเจ้าของเสียงเป็นหญิงหรือชายเนื่องจากถ้าเป็นหญิงก็แผ่วต่ำไป ถ้าเป็นชายว่าออกจากหวานแว่วเกินไป หากเป็นเสียงที่ปลุกปลอบหัวใจที่ตะหนกได้อย่างประหลาด
“ค..คุณเป็นใครค่ะ?? แล้วนั่น...คืออะไร ทำไมมีทารกอยู่ในนั่น??”
เด็กสาวเอ่ยถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก ให้อย่างไร ภายที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้ขวัญหายไม่น้อย
‘ อย่าสนใจเลยว่าเราคือใคร เจ้าควรสนใจตัวเองดีกว่าว่าเจ้าคือใคร?’
เสียงปริศนาตอบกลับมา พร้อมกับภายในไข่มุกยักษ์ที่ขยายไม่หยุดยั้ง จนกระทั่ง
เปรี๊ยะ ๆๆ
โผ๊ะ !!!
ไข่มุกเริ่มร้าวไปเรื่อยๆ ก่อนจะแตกเสียงดัง
“ว้าย !! “ เหมยเซียนเผลออุทานอย่างตกใจ เมื่อร่างของทารกน้อยร่วงจากเปลือกใข่มุกทันทีเมื่อแตก แต่ก่อนที่ร่างเล็กจ้อยจะกระทบกับพื้นก็บังเกิดต้นอ่อนของต้นไม้ชนิดหนึ่งผุดขึ้นมา และเติบโตอย่างรวดเร็ว กิ่งของมันกระหวัดสอดประสานกันจนกลายเป็นเบาะรองรับร่างเล็กๆนั้นได้ทันท่วงที ร่างของทารกน้อยยังคงหลับสนิท คล้ายไม่รับรู้การเปลี่ยนแปลงโดยรอบ จะมีเพียงเสียงลมหายใจของเหมยเซียงเท่านั้นที่เกือบสะดุดและสู่ภาวะปกติอีกครั้งเมื่อเห็นร่างน้อยนั่นปลอดภัย ก้านใบของต้นไม้ประหลาดเริ่มขยับยืดยาวขึ้นมาปกคลุมร่างน้อยนั่นโดยรอบ ไม่นาน เมื่อร่างน้อยตกอยู่ในวงล้อมของกิ่งไม้แล้ว กิ่งก้านเหล่านั้นก็เริ่มแตกยอดอ่อนสีเขียวสดโดยรอบ ไม่นาน ก็แตกยอดดอกก่อนจะค่อยๆ ผลิบาน เป็นดอกไม้งามสีชมพูสดใส ซ้อนกัน ตลอดระยะเวลาที่ดูคล้ายยาวนาน หากผ่านไปเพียงช่วงไม่กี่นาที หญิงสาวได้แต่เหม่อมองภาพงดงามตรงหน้า คล้ายดังมีอะไรมาดึงดูดสายตาเธอเอาไว้ น้ำตาเธอใหลออกมาโดยไม่รู้ตัวอย่างยินดี กับภาพตรงหน้า หากแต่เธอไม่รู้ว่าเธอต้องยินดีด้วยเรื่องอันใด คล้ายภาพนี้เกี่ยวข้องกับตัวเธอ แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย
‘ เด็กน้อย .... นั่นคือการกำเนิดของเทพธิดาดอกเหมยหมื่นปี ที่ ในรอบหมื่นปีจะถือกำเนิดเพียงหนึ่งเท่านั้น และมีหน้าที่กอบกู้โลกเมื่อเกิดทุกข์เข็ญ’
เสียงประหลาดลอยวนเวียนมาสู่โสตประสาทอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ภาพตรงหน้าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ร่างน้อยเริ่มแปรสภาพ เป็นร่างเติบใหญ่ของสาวน้อย หากทว่าดวงตาของนางยังคงพริ้มหลับสนิทอยู่เช่นเดิม โพรงไม้ที่ร่างประทับนิ่งก็ขยามตามสัดส่วนของนาง เป็นภาพที่ดูงดงาม บริสุทธิ์อย่างเหลือเชื่อ ฉับพลัน เหล่านกสีสันสวยงามมีประกายรุ้ง จำนวน 5 ตัว ก็โผบินมาล้อมรอบต้นไม้ พร้อมขับร้องเสียงหวานเป็นบทเพลงแห่งสกุณาที่ไพเราะ แล้วหนึ่งในนั้นก็โผบินขึ้นไปเกาะบนโพลงไม้พร้อมใช้ปากคาบช่อดอกไม้ที่เบ่งบานรายรอบมาช่อหนึ่งปักแซมเรือนผมของร่างขาวโพลนนั่น โดยฉับพลันปรากฏประกายแสงเจิดจ้าขึ้น เมื่อแสงนั่นหรี่ลงปิ่นดอกไม้ที่งดงามก็ปรากฏขึ้นมาทดแทนช่อไม้งาม เปลือกตาของดรุณีน้อยขยับเบาเบา ก่อนจะเปิดขึ้นมาอย่างแช่มช้า คล้ายปีกผีเสือกระพือ แววตาสีน้ำตาลทองส่องประกายหวานแลตรงมาคล้ายเหลือบแลมองมาที่หญิงสาวจนเหมยเซียนสะดุ้งในใจ
‘เทพธิดาดอกเหมยหมื่นปีได้ลืมตาตื่นขึ้นแล้ว ทุกข์เข็ญแห่งเหล่าสัตว์โลกจะได้รับการช่วยเหลือ ภาระอันยิ่งใหญ่แม้นเง็กเซียนฮ่องเต้ก็มิอาจบรรลุความสำเร็จได้ จะได้รับการสะสาง’
เสียงเพลงหวานที่หาที่มาที่ไปไม่ได้ก็ดังแว่วขึ้นมาอีก เหมยเซียนพลอยรู้สึกยินดีไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
‘ช่างน่ายินดีใช่หรือไม่?? ความทุกข์ยากแห่งเหล่ามวลมนุษย์และส่ำสัตว์ต่างอยู่ในสายตาแห่งฟ้าดิน ไม่เคยมีสักครั้งที่ฟ้าดินจะทอดทิ้งเหล่าส่ำสัตว์บนโลกนี้ได้ แต่ทว่า....’
ฉับพลันร่างสูงใหญ่ในชุดเกาะสีดำก็ลอยระริ่วเข้ามาก่อนจะทรุดลงข้างๆ อุ้มมือที่น่ากลัวตรงเข้ากระชากกิ่งก้านของต้นเหมยยักษ์จนโพลงไม้นั้นขาดหลุดออกมา ทว่าร่างบางยังคงหลับสนิทอยู่
เหมยเซียนพยายามวิ่งเข้าไปห้ามร่างสูงใหญ่นั้นไม่ให้กระทำการที่แสนจะโหดร้ายนี้ แต่คล้ายมีอะไรดึงดูดเท้าทั้งสองข้างเธอไว้อย่างเหนียวแน่น
“ไม่ ! ไม่ ! อย่าน่ะ อย่าทำ! “
เมื่อเข้าไปหยุดร่างนั้นไม่ได้เธอพยายามตะโกนห้ามเสียงลั่น แต่ไม่เป็นผล ร่างดำมืดนั้นตรงเข้ากระชาก ร่างขาวโพลงที่หลับสนิทอยู่ภายในโพลงไม้อย่างแรง
“ไม่ อย่า ใครก็ได้ คุณ ท่าน หรือใครก็ได้ ทำไม ? ทำไมไม่หยุดเขา เขากำลังจะทำร้ายเธอ”
เงียบ... ไร้เสียงตอบโต้เช่นทุกที มีเพียงเสียงลมหายใจที่ทอดถอนของใครสักคน
เหมยเซียนได้แต่ยืนมองร่างที่น่ากลัวโอบอุ้มร่างบางงดงามของเทพธิดาดอกเหมยหมื่นปีไว้ในอุ้มมือโดยที่ทำอะไรไม่ได้ อย่างคลั่งแค้นสองมือกำแน่นจนสั่นสะท้าน
“ทำไม..ทำไมถึงไม่มีใครช่วยเธอเลย ไหนบอกว่าเธอมีความสำคัญมาก หมื่นปีจะมีสักคน ไง ไหนบอกว่าเธอจะช่วยกอบกู้โลกไง แล้วทำไมเวลาเกิดภัยกับเธอ พวกท่านถึงยังคงนิ่งเฉย ทำไม!!”
เหมยเซียนตะโกนเสียงสั่นด้วยความโกรธ ภาพตรงหน้าคล้ายจะหมุนเร็วขึ้นๆๆๆ เด็กสาวหลับตาลงอย่างปวดร้าว เธอมิปรารถนาจะมองภาพตรงหน้าอีกต่อไป จนกระทั่งแสงสีเหลืองทองเริ่มส่องสว่างขึ้นอีกครา แสงนั่งเข้าทิ่มแทงตาจนเธอต้องเหลือบลืมตาขึ้นมามองด้วยความสงสัย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ