หยุดกาลเวลามาเจอเธอ
เขียนโดย ซูหลิน
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.39 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 15.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) สู่อดีต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแสงสว่างทิ่มแทงตาจนลืมแทบไม่ขึ้น จวบจนกระทั่งแสงค่อยๆ หายไป ภาพที่อยู่ตรงหน้า แทบจะทำให้ทุกผู้คนต้องลืมเลือนการหายใจ ณ บริเวณนั้น บริเวณที่เดิมที่เป็นที่ตั้งของรูปปั้นโพธิสัตว์ กลับปรากฏร่าง ร่างหนึ่งแทนที่ ร่างของดรุณีร่างโปร่งบาง แต่งกายด้วยผ้าพริ้วสีอ่อนหวาน ใบหน้าที่งดงามอย่างแปลกประหลาด แม้ดวงนัยน์ตาจะยังคงปิดสนิท ผิวกายคล้ายซับละอองทองคำอยู่ภายใน ร่างนั้นยืนสงบนิ่งราวรูปปั้น
“นี่มัน คนจริงๆ หรือรูปปั้นกันแน่”
หยางอี้เฟยรำพึงขึ้นอย่างลืมตัว ภาพตรงหน้า ช่างงดงามจนแทบลืมหายใจ และถ้าเขาขยี้ตาก็ตัวว่าภาพตรงหน้าอาจหายไปดังหมอกควัน ฉะนั้น เขาจึงเบิ่งตาจนกว้างเพื่อมองภาพนี้อย่างไม่รู้หน่าย ดรุณีโฉมสะคราญ ในชุดแปลกตาสีอ่อนหวาน ใบหน้าที่สงบนิ่ง แต่ราวรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่งดงามในโลกนี้ไปรวมกัน
หยางอี้เฟยกระหายใคร่จะสัมผัสใบหน้างดงามนั้นว่าเป็นความจริงหรือฝันไป เป็นคนจริงหรือภาพมายา มือใหญ่เอื้อมเข้าไปใกล้เพื่อจะสัมผัส
ฟุ่บ !!
ร่างบางร่างนั้นพลันทรวนซบลงต่อหน้า ขาไวเท่าความคิด นำร่างของหยางอี้เฟยไปรองรับนางไว้ทันท่วงที
“แม่นาง ! แม่นาง!”
หยางอี้เฟย พยายามเขย่าร่างนั้นเบาๆ ทว่าดรุณีโฉมงามกลับหลับตาพริ้มแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น คล้ายไม่รู้สึกรู้สมกับอะไรทั้งสิ้น ร่างนั้นเบาราวนุ่น หากบริสุทธิ์ปานสลักจากหยกขาว หยางอี้เฟยตัดสินใจหอบร่างนั้นออกมาสู่ด้านหน้า ที่น้องชายบุญธรรมนอนข้างกองไฟอยู่
********************************************************************************************************************************************************************
ร่างสูงโปร่งก้าวอย่างรีบเร่งไปตามเส้นทางเล็กๆ แนวป่าที่โปร่งทำให้สะดวกในการเดินทาง ตรงหน้าคล้ายมีดงผลจ้อ (พุทธาจีน) ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ดูไปไม่คล้ายจะมีที่พักอาศัย หากเมื่อผ่านพ้นไปจนเข้าสู่ด้านใน จะมองเห็นพุ่มไม้ดอกนานา ในใจกลางกลับมีสิ่งปลูกสร้างอยู่ เป็นกระท่อมน้อยที่น่าสบายปลูกอยู่ในใจกล้างสวนดอกกุ้ย และดอกจุ้ยเซียนที่ออกสะพรั่ง แข่งประชันกับโบตั๋นสีแดงสด จนคล้ายมิได้อยู่บนโลกมนุษย์ก็มิปาน ความงามนี้เพิ่งบังเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี่เอง
ร่างโปร่งเดินเข้าสู่ด้านในอย่างเร่งร้อน เมื่อเห็นว่าภายในห้องหับใช่มีแต่ตน ก็ทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้อย่างเฉื่อยชา ปฏิกิริยาคล้ายแปลกเปลี่ยนไปโดยทันที เขาใช้สองนี้วคีบจับหูกาน้ำที่เก่าคร่ำคร่าอย่างเกลียดคร้านเพื่อเทน้ำชาลงแก้วใบจิ๋ว ก่อนจะค่อยๆจิบอย่างใจเย็น โดยพยายามมองหาความผิดปกติใดใดบนใบหน้าของน้องชายบุญธรรมเมื่อไม่ปรากฏ จึงเอ่ยขึ้นคำหนึ่งว่า
“นางเป็นเช่นไรบ้าง....?”
เด็กน้อยที่ตอนนี้กลับคล้ายไม่ได้ยิน ก้าวดุ่มๆไปที่กองสัมพารกที่ซุมอยู่ด้านข้างของห้องที่ตอนนี้ดัดแปลงเป็นห้องต้มยาฉุกเฉินไปแล้ว มือเล็กล้วงเข้าไปในย่าม หยิบท่อนรากไม้อย่างหนึ่งออกมา เสร็จแล้วก็เดินไปหยิบอุปกรณ์ที่ตระเตรียมไว้ขึ้นมาวางตรงหน้า แล้วเริ่มลงมือฝนรากไม้อย่างขะมักขะเม้น
“ตงตง ข้าถามเจ้าว่านางเป็นอย่างไรบ้างหรือเจ้าไม่ได้ยินคำ...”
หยางอี้เฟยตวัดเสียงอย่างหงุดหงิด กับท่าทีเมินเฉยของเด็กน้อย
“นางใดกัน?? นางๆๆๆ ข้าไม่รู้หรอกท่านพี่ของข้าว่าท่านหมายถึงผู้ใด”
ตงตงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน พร้อมยังทุ่มเทให้กับการฝนรากไม้ต่อไป จนได้ปริมาณพอสมควรจึงหยุดมือ ก่อนจะเดินไปล้วงภายในยามสีกระดำกระด่างอีกใบที่วางสุมอยู่
แต่ก่อนที่แววตาผู้เป็นพี่จะวาวโรจน์ด้วยอารมณ์ เด็กน้อยก็เงยหน้ามายิ้มทำหน้าทะเล้นก่อนจะเอ่ยเสียงระรื่นว่า
“ถ้าท่านเป็นห่วงพี่นางฟ้าก็เข้าไปดูนางสิ เมื่อเช้าสีหน้านางดูดีขึ้นมากเลยทีเดียว”
“ใครว่าข้าเป็นห่วงนางกัน !! ข้าแค่ ... กลัวมีภาระเพิ่มเท่านั้น”
พูดจบร่างสูงก็รีบเดินเข้าไปสู่ด้านในทันที เนื่องจากเกรงว่าถ้าขืนยังอยู่ เจ้าน้องชายตัวแสบคงไม่หยุดล้อเขาแน่นอน เขาเดินตรงไปตามระเบียงน้อยก่อนจะก้าวเข้าสู่ห้องในสุดที่อยู่ใกล้สวนดอกเหมยมากที่สุด ลึกลับที่สุด ซึ่งปกติห้องนี้เขาจะไม่ให้ใครผ่านเข้ามาโดยง่าย เพราะเคยเป็นห้องที่เขาไว้เก็บสมบัติล้ำค่าเฉพาะที่ไม่เกี่ยวข้องกับเงินทองที่เขาหามาเพื่อช่วยเหลือเหล่าชุมชนยากไร้แต่อย่างใด ใช่มันเคยเป็นเช่นนั้น แต่ตอนนี้มันได้แปรสภาพเป็นห้องพักฟื่นของสตรีนางหนึ่งไปแล้ว
เขายกมือขึ้นเคาะที่บานประตูทั้งที่ทราบดีว่า คงไม่มีใครขานตอบกลับมา 3 ที ก่อนจะดันประตูก้าวเข้าไป สายตาพุ่งตรงไปที่กลางห้อง ที่บรรจุไว้ด้วยเตียงหนานุ่ม ขณะนี้บนเตียงนั้นได้บรรจุไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งเขาไม่อาจเชื่อว่านางคือปถุชนคนทั่วไป นางคล้ายเลื่อนลอยมาจากภาพฝัน หากเมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสกลับจับต้องได้ ผู้ที่น้องชายเรียกนางว่าพี่สาวนางฟ้า ตั้งแต่พบกันมาจนวันนี้เป็นเวลา 3 ราตรีแล้ว แต่นางยังไม่รู้สึกตัว คล้ายนางคงอยู่ในฝันอันแสนสุข
“แม่นาง ตื่นเถิด...”
พลัน... แว่วเสียงของนกไม่ทราบชนิดก็กรีดเสียงดังวิเวกแผ่วหวาน จากที่คล้ายแว่วลอยลมมา แล้วค่อยๆดังชัดขึ้นเรื่อยๆ ประดุจมาขับขานที่หน้าห้อง ความแผ่วหวานทร่านในทรวงอย่างหาที่สุดไม่ได้ หยางอี้เฟยเปิดหน้าต่างห้องมองออกไปต้องตื่นตะหนกกับภาพเบื้องหน้า
“นี่มัน...!?”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ