หยุดกาลเวลามาเจอเธอ
เขียนโดย ซูหลิน
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.39 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 15.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) โลกใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแสงสว่างที่กำลังแยงตาจนพร่า ถูกบดบังด้วยเงาสีดำของใครบางคน เด็กสาวกระพริบตาถี่ๆ เพื่อให้สายตาปรับสภาพกับแสงตรงหน้า จนกระทั่งมองเห็น...
จงอยปากแหลมคม..???
เธอหลับตาพลางสะบัดหัวอีกสองสามครั้งเพื่อไล่ความสับสน “จงอยปากงั้นหรอ?? สงสัยเรายังฝันอยู่แน่เลย”
แกร๊ก!!
จงอยปากแหลมๆนั้น อ้าปากกว้าง ส่งเสียงแหลมยาวขึ้น พลางขยับปีกพึ่บพั่บ ส่งผลให้เหมยเซียนหยุดสะบัดหน้ามาจ้องมองภาพตรงหน้า
ว้าย !! นกยักษ์ !!
ภาพตรงหน้า นอกจากนกยักษ์สีแดงเพลิงแสบตาแล้ว เธอยังมองเห็นร่างสูงโปร่งของใครบ้างคน อยู่รวมห้องด้วย
ดูท่าเจ้านกยักษ์จะเข้าใจคำอุทานของเธอ มันหันมาทำตาคล้ายจะค้อนให้เหมือนสาวน้อยแสนงอน ก่อนจะยืดคอเรียวยาว ส่งเสียงขับขานอย่างอ่อนหวาน พลันสรรพสิ่งก็เงียบสงัด คล้ายโลกกำลังสดับรับฟังเสียงที่แว่วหวานนี้ร่วมกัน เสียงหวานนี้ทั้งปลุกปลอบให้กำลังใจ คล้ายเสียงรำพึงรำพันของคนรัก คล้ายเสียงถอดถอนใจของเหล่านางพราย ตราบจนเสียงหวานนี้ส่งกระแสสูงดุจสิ้นสุดทุกอย่าง พลันกลับจบลงอย่างดื้อๆ คล้ายมีใครเอาน้ำเย็นจัดมาสาดที่หน้า จนตื่นจากภาพฝัน
“เมื่อกี้...มันคืออะไรกัน”
เหมยเซียนยกมือขึ้นลูบที่หน้าอีกครั้งอย่างงงงวย แล้วต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกระแอมดังขึ้นเบาๆ
“เอ่อ... แม่นาง เจ้าฟื้นแล้ว??”
เธอหันไปมองเจ้าของเสียงนุ่มนวลนั้นอย่างสนใจ ร่างสูงโปร่งมีบางอย่างที่แปลกตา จะว่าไป รอบๆตัวเธอตอนนี้ร่วนแปลกตา
“คุณ...พูดกับฉันหรือคะ??”
หญิงสาวถามกลับอย่างงงๆ เนื่องจากคนตรงหน้า เมื่อถามเสร็จก็หันหน้ามองไปที่หน้าต่าง คล้ายไม่ได้พูดคุยกับเธอ แถมภาษาที่ใช้ก็ดูแปลกๆ แม่นางงั้นหรือ?? สมัยนี้ใครใช้คำโบราณแบบนี้กัน ยังกับหนังจีนกำลังภายในที่เคยดูในทีวี
คนตรงหน้ายังทำนิ่ง คล้ายนอกหน้าต่างมีอะไรที่หน้าสนใจอยู่ ถึงต้องจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เออ...คือ คุณเข้าใจ ที่ฉันพูดไหมคะ?”
เหมยเซียนถามอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ ก่อนละสายตามามองเจ้านกยักษ์ ซึ่งตอนนี้ กำลังขดตัวจนกลมแล้วซุกตัวอยู่บนผ้านวมที่คลุมตัวเธออยู่อย่างสบายอารมณ์ทีเดียว
“นกนี่ ของคุณหรือคะ น่ารักเชียว..”
“มะ..ไม่ใช่ คนจนๆอย่างข้าจะไปเป็นเจ้าของนกประหลาดนี้ได้อย่างไรกัน จะ..เจ้าฟื้นแล้ว ขะ..ข้าจะไปเรียกตงตงเอายามาให้นะ”
กล่าวจบ คนประหลาด(ยิ่งกว่านก) ก็พาตัวเองออกจากห้องอย่างว่องไว จนเด็กสาวแทบจะเรียกไว้ไม่ทัน
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนๆนั้นต้องมีใบหน้าแดงจัดเหมือนคนเป็นไข้ และมีมีอาการลุกลี้ลุกลนแบบนั้นด้วย หรือเธอพูดอะไรผิดไป เมื่ออีกฝ่ายออกจากห้องไปแล้ว เธอจนมีโอกาสสำรวจรอบๆตัวว่ามีอะไรบางอย่างที่รบกวนใจเธอ? มีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องในความรู้สึกของเธอ
สองมือเย็นเหยียบค่อยๆลูบคลำที่ใบหน้า อืม..ยังปกติดีทุกอย่าง ไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยการบาดเจ็บ แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่บนเตียงไม้แบบนี้ได้ สายตาไล่มองไปที่แขนขาวผ่องที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมา ก็ต้องมาสะดุดกับแขนเสื้อกว้างที่ปักลวดลายแปลกตา เธอค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงที่นอนอยู่ แข้งขาคล้ายยังขยับไม่ได้ดังใจเหมือนปกติ สงสัยหล่อนจะนอนนานไปหน่อย?
ว่าแต่เธอหลับไปนานเท่าไหร่กันนะ เมื่อยืนขึ้นได้ เธอจึงได้มองเห็นว่า ชุดที่เธอสวมอยู่มีลักษณะเป็นเสื้อตัวยาวจรดพื้น แขนเสื้อยาวกว้าง คล้ายชุดกิโมโนที่เคยใส่ตอนเล่นละครเวทีที่โรงเรียน แต่ไม่ได้ผูกไว้ด้วยโอบิแบบกิโมโน มันผูกตัวเสื้อไว้ด้วยริ้วผ้ากว้างประมาณ 5-6 cm. ชายเสื้อทั้งตรงแขน ปกเสื้อ และชายส่วนที่เป็นกระโปรงปักด้วยลวดลายแปลกตาสีนุ่นนวล ชุดที่สวมทักทอจากผ้าฝ้ายย้อมสีฟ้าอ่อนๆ ดูสบายตา เมื่อหมุนตัวดู ชายกระโปรงก็สะบัดกว้างออกคล้ายพัดคลี่คลายดูแปลกตา
“นี่ไม่ใช่ชุดของฉันนี่ ฉันไม่เคยมีเสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน”
ห้องๆนี้ดูแปลกตา เครื่องเรือนทุกอย่างทำด้วยไม้ บานหน้าต่างเป็นกรอบไม้บุด้วยกระดาษ บนโต๊ะไม้ มีป้านน้ำชากับชุดถ้วยชาใบน้อยๆ ดูกระจุ๋มกระจิ๋ม เจ้านกยักษ์ผงกหัวที่มีพู่ขนสวยสะบัดไปมาคล้ายคอยมองระแวดระวังภัยอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ หากสายตาไม่คลาดไปจากร่างของเธอ
เหมยเซียนเดินสำรวจไปรอบๆห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ โดยไม่มีทางรู้เลยว่าเจ้าของร่างสูงโปร่งเมื่อเดินพ้นจากห้องไปแล้ว จะย้อนกลับมาแอบมองอยู่อย่างเงียบๆ พลางคอยลุ้นไปกับเธอ
“ค่อยๆอย่าเพิ่งรีบยืนเดี๋ยวก็ล้มกันพอดี..โอ๋ะๆๆ อย่าหมุนตัวเช่นนั้น โอ๊ย..ทำไมนางไม่ห่วงตัวเองบ้าง”
หยางอี้เฟยอดอุทานขึ้นมาเบาๆไม่ได้กับภาพที่เห็นตรงหน้าว่า หญิงสาวทำอะไรบ้าง ภาพของหญิงสาวที่ดูบอบบางหากสูงสง่ากำลังค่อยๆก้าวเท้า ก่อนจะยกมือขึ้นมองตรงหน้า แล้วค่อยๆหมุนตัวราวกับดาริกาน้อยนั้นทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้
“ท่านพี่ ข้าว่าถ้าท่านเกรงว่านางจะล้มลงไปอีกก็เข้าไปประคองนางไว้จะไม่ได้กว่าหรือ??”
“ข้าจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร อยู่ๆไปแตะเนื้อต้องตัวนาง นางจะได้สาปข้าเท่านั้น หือ??”
หยางอี้เฟยสวนกลับก่อนจะเพิ่งรู้ตัวว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่คิด ภาพเด็กชายตรงหน้าที่สองมือประคองถ้วยยา หากมีประกายตาประหลาดบางอย่างกับรอยยิ้มที่มีเล่ห์นัย บ่งบอกอะไรบ้างอย่าง ทำให้ใบหน้าร้อนวูบขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“เฮ้ย !!”
“จะ..เจ้ามาอยู่ตรงนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่??”
“ก็อยู่จนเห็น ท่านยืนมองพี่นางฟ้าแล้วกลัวนางล้มแต่ไม่กล้าเดินเข้าไปห้ามนั้นแหละ”
เด็กน้อยหันมายักคิ้วให้ทีหนึ่งอย่างรู้ทัน ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง ใช้มืออีกข้างเคาะประตูเบาเบา ก่อนเดินเข้าไป
“พี่นางฟ้า ท่านฟื้นแล้ว?”
เหมยเซียนหันมามองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างงงๆ ก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ภาพเด็กน้อยตรงหน้าทำเอาเธออดนึกเอ็นดูไม่ได้
“จ้ะ หนูเป็นคนช่วยพี่ไว้หรือจ้ะ? “
“ถูกแล้วขอรับ”
เด็กน้อยวางถ้วยยาลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเข้ามาจ้องหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา
########
ตัดฉับ...
เดี๋ยวมาอัพให้ใหม่นะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ