The Adventure of Light&Shadow
เขียนโดย mariananeko
วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 16.24 น.
แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557 08.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เจ้าหญิงดินแดนขวาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ1
The Princess of Vania
“สบายจังเลยนะ” มิซ่าพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมสูดรับอากาศจากป่าสวรรค์ “ได้อยู่ที่นี่ตลอดไปก็ดีสิ”
“เราอยู่กับสิ่งสวยงามไม่ได้ตลอด คุณหนู” เลมีเพื่อนสาวของเธอตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆ
มิซ่าชำเลืองมองไปหาเลมี พร้อมสำลักเสียงหัวเราะเบาๆคำพูดนี่ช่างแสนจำเจมากเกินไปสำหรับเธอ มันได้ยินบ่อยจนเกินไปไม่ว่าจะใครก็มักจะพูดทำนองนี้ตลอด “ช่างเป็นวาเนียเสียจริงนะ” เธอพูดด้วยเสียงอมสำลักจากลำคอ
“เราอยู่กับสิ่งที่เลวร้ายไม่ได้ตลอดเช่นกัน” เธอพูดตอบออกมาจากความเหน็ดเหนื่อยในกิจภาระที่สั่งสมมาตลอดทั้งสัปดาห์นี้
“นั้นเป็นเวลาเดียวที่จะทำให้รู้ว่า สิ่งใดคือสิ่งสวยงาม คุณหนู” ลูม่า เพื่อนรักอีกคนของเธอกล่าวตอบมา
เพื่อนทั้งสองคนนี้ล้วนแต่เป็นลูกสาวของเพื่อนรักของพ่อของเธอ เมลเรียส หนึ่งในผู้รวบรวมดินแดนวาเนียให้เป็นหนึ่งเดียว และแน่นอนบุรุษอีกสองสหายรักร่วมรบ พ่อของเพื่อนรักทั้งสองของมิซ่า
ถึงแม้ดินแดนวาเนียที่พ่อและลุงอีกสองคนปกครองอยู่จะขึ้นชื่อเรื่องอำนาจในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ท่ามกลางผืนป่า น้ำตก แม่น้ำลำธาร ดอกไม้ป่า และต้นไม้หลากสีต่างๆ ที่ทวยเทพทรงบันดาลให้ที่แห่งนี้ ก็คงเป็นสิ่งที่แก้ต่างให้แก่ดินแดนขวานไขว้แห่งนี้ได้
กริ๊ง กริ๊ง!
เสียงกระจกเงาโทรจิตดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะรื่นเริงของสามสาวในป่าสวรรค์ มิซ่าอดสงสัยไม่ได้ว่าใครกันที่โทรมาในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ พลางหยิบกระจกเงาออกมาจากแขนเสื้อ
“มิซ่า” เสียงเคร่งขรึมน่ากลัวดังขึ้นมาจากกระจก “เจ้าต้องกลับมาที่ปราสาทโชวารอสเดี๋ยวนี้ มีเหตุสำคัญ”เป็น เสียงพี่ชายของเธอ มิโน่ ที่ลอยออกมา
“มีเหตุกิจอันใดในวันหยุดเล่าพี่ข้า” เสียงเบื่อหน่ายของเธอทำให้ มิโน่ เงียบไปพักหนึ่ง
“มีแขกจากดินแดนโยโลเกียจะมาเยือนแดนเราเร็วนี้!” มิโน่ตอบด้วยเสียงเชิงลุ้น “ขอให้เจ้ามาเตรียมตัวโดยเร็ว”
มิซ่าและเพื่อนของเธอต่างตกตะลึงและเงียบไปพักหนึ่ง“ไยข้าเพิ่งได้รู้ครู่นี้ พี่ข้า มีพวกเจ้าต้นไม้มา ไยข้าเพิ่งได้รู้”
ดินแดนวาเนียกับโยโลเกียนั้นเป็นสองมหาอำนาจแถบทวีปนี้แม้ทั้งสองต่างเคยมีสงครามผ่านฤดูทั้งสี่มาเนิ่นนาน แต่ปัจจุบันผ่านมากว่าสองศตวรรษแล้วที่ทั่วหล้าอาณาจักรยังคงสงบสุข แม้ดินแดนทั้งสองยังคงมีสงครามเย็นเล็กๆกันอยู่ จากการที่ทะเลทรายเฮมัสที่กั้นระหว่างดินแดนทั้งสองพบเหมืองแร่ทองคำขนาดใหญ่ จึงมีเรื่องพิพาทกันอยู่บ้างบางครั้งก็ตาม แต่ด้วยการที่ทั่วทั้งดินแดนทั้งเหนือและใต้ต่างมีใจฝักใฝ่ความสงบไม่ต้องการสงคราม จึงขับดันให้เกิดความร่มเย็นสงบเงียบตลอดมา
“กษัตริย์ต้นไม้เพิ่งสงสาสน์มาเมื่อครู่นี้” มิโน่ตอบ “อีกวันหรือสองวันคงถึง ท่านพ่อบอกข้าว่าเป็นเรื่องใหญ่แก่ดินแดนทั้งสอง เจ้าจงกลับมาปราสาทก่อนเถิดน้องข้า ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเท่าที่ข้ารู้”
“ขอให้ได้เห็นขวานเถอะ” มิซ่าสบถออกมาก่อนจะวางสายกระจกโทรจิตไป
เป็นคำพูดเย้อหยิ่งที่มีต่อชาวโยโลเกียอาณาจักรที่เป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่ปฐมกาล ดินแดนของเธออาวุธคือขวานหลอมรวมด้วยเหล็กกล้า ชาววาเนียเติบโตมากับขวานตายไปพร้อมขวาน ธงสัญลักษณ์คือขวานไขว้รองพื้นด้วยสีดำ เมื่อธงนี้ตระหง่านเหนือกองทัพเมื่อใด ทั่วหล้านี้ต่างเกรงกลัวหลีกนี้ เว้นเสียแต่พวกโยโลเกียที่ไม่เคยหวั่นเกรง เป็นที่รำคาญ และดื้อรั้นต่อสายตาชาวเมืองขวานตลอดมา ไม่มีทางที่จะมีกษัตริย์จากเมืองที่เป็นปรปักษ์จะมาเยือนเหยียบดินแดนแห่งนี้
“น้องสาวท่านจะพร้อมกับเรื่องนี้แล้วหรือ มิโน่” ไมตาล ทหารการ์ดคนสนิทของมิโน่พูดหลังจากการสนทนาของสองพี่น้องจบลง
“นางจะต้องพร้อม”มิโน่บอก “นี่เป็นคำสั่งของท่านพ่อ ข้ามิอาจขัด”
“นางเป็นคนดื้อดึงท่านและข้าต่างรู้แม้แต่พ่อของท่าน นางก็ยังไม่เว้น ถ้าเกิดนางดื้อดึงกับผู้ที่จะมาเยือนที่ดินแดนของเราแล้ว คงจะลำบากไม่น้อยทีจะมีกงการ ไมตรีมิตร” ไมตาลเอ่ยพลางเอามือจับขวานที่ข้างเอวของเขาไว้
“เมื่อถึงเวลานางจะต้องเข้าใจ”เขาตอบเสียงเน้นหนัก“แม้นางจะเอาแต่ใจ แต่นางก็ไม่มีวันไม่รักดินแดนแห่งนี้ และข้าเชื่อว่านางฉลาดพอที่จะเข้าใจเรื่องนี้”
ไมตาลยืนนิ่งเงียบราวกับรูปปั้นกำลังครุ่นคิดเขามิอาจถามอะไรได้ต่อไป
“เมื่อถึงวันนั้น” มิโน่เอ่ยขึ้น “เราจะครองอาณาจักรนี้และโยโลเกียและเหนือสุดที่ วิดาคารู และแม้แต่อาณาจักรสามกษัตริย์เทียทารอสก็ไม่ได้ไม่ไกลแค่เอื้อม ใช่ เมื่อลูกของนางเกิด วาเนียและโยโลเกียจะรวมกันและมีอำนาจที่สุดในทวีปนี้”
ไมตาลฟังสงบนิ่งอยู่ เขารู้ว่าไม่ควรต่อเถียงกับคำที่มิโน่กล่าวออกมานี้ ถึงแม้จะเป็นคำเตือนแต่ก็ไม่ใช้กิจกงการที่เขาต้องมาดูแลในส่วนนี้ แต่เขายังเป็นเพื่อน เขารู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก เขารู้จักมิโน่ดี “ท่านพ่อของท่านเบื่อหน่ายกับสงครามมามากแล้ว และเราไม่ควรมีสงคราม เราเข้ายุคใหม่แล้วนายท่าน สงครามเป็นสิ่งที่โง่เขลาที่จะทำให้อาณาจักรอื่นรวมตัวกันกำจัดเรา…”
“ข้าไม่ได้พูดถึงสงคราม” มิโน่ตัดบท “ข้าพูดถึงอำนาจ อีกไม่นานนักมันจะเป็นอย่างนั้น ใช่! มันควรจะเป็นเช่นนั้นขอแค่ให้เราอายุยืนเถอะ”
“ข้าว่าหน้าตาอย่างพี่ข้า คงดื้อดึงจนอายุเป็นหมื่นปีเชียวล่ะ” เสียงมิซ่าก็ลอยออกมาจากด้านหลังหนุ่มทั้งสองที่มองออกไปนอกหน้าต่างห้องของปราสาท
สองหนุ่มตื่นขึ้นจากบทสนทนา ก่อนหันหลังไปมองเสียงที่พวกเขาจะต้องสนทนาอีกครั้ง
“หวังว่า ม้าบินที่ท่านพ่อให้เจ้าไปจะยังไม่โดนขวานของเจ้าปักกลางหลังนะ มิซ่า” มิโน่ทักทายกลบเกลื่อนการสนทนาก่อนหน้านี้
“มันเร็วกว่าขวานของท่านเสียอีก พี่ข้า จากป่าสวรรค์ข้ามาถึงนี่เพียงชั่วครู่ จะมีอันใดเร็วกว่าสิ่งที่ทวยเทพสร้างให้นี้อีก” เธอยังเร่งเร้าแกล้งพี่ชายแสนรักของเธอ
“ว่ากันว่า ที่อาณาจักรเอนทากอนมีเรือบินที่บินได้รอบดินแดนทวีปนี้เป็นเวลาแค่เจ็ดวัน เร็วกว่าขวานของท่านเสียอีกคุณหนู” ไมตาลตอบแทนมิโน่
มิซ่ามองไปยังหน้าไมตาลอย่างเคร่งขรึม ใบหน้าเรียวยาว ตาสีฟ้า เหมือนกับลูม่าน้องสาวของเขา ไมตาลลูกชายคนที่สองของ สแตนส์ ลาคูลน์ สหายรักของพ่อเธอที่ดูแลทางใต้ของวาเนีย เขาเข้าเมืองมาทำหน้าที่องครักษ์เพราะรู้ดีว่าเมื่อพ่อของเขาสิ้นไป พี่ชายคนแรกของเขาก็จะได้รับการสืบทอดครองดินแดนทางใต้ต่อและลูกๆของพี่เขาก็สืบทอดไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรให้เขาที่แถบใต้ อยู่เมืองหลวงเป็นองครักษ์รัชทายาท เวลาสืบไปอาจได้เป็นแม่ทัพใหญ่เมื่อเวลามาถึง
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะพี่ชายของเธอดังอยู่ในลำคอ “เมื่อเจ้ามาแล้วรีบไปหาท่านพ่อเสีย ท่านให้เจ้ารีบไปหาท่าน”
“มีเหตุอันใดที่เรียกเพียงข้าไป ท่านไม่เห็นพี่ข้าเป็นลูกเสียแล้วรึ” มิซ่ายังพูดกวนวาจาอยู่
“ท่านพ่อให้ข้าเตรียมทหารไปรับลุงทั้งสองและออกไปรับขบวนเสด็จของกษัตริย์ต้นไม้ที่นอกเมืองมายังปราสาทโชวารอสนี้”มิโน่ตอบ “ไปได้แล้วเจ้าน้องตัวแสบอย่าให้ท่านพ่อต้องโกรธเจ้า”
หลังจากที่มิซ่าจากไปห้องนั้นก็เงียบลง ชายทั้งสองหันหลังกลับมองออกไปนอกหน้าต่างปราสาท
“พอข้าออกปราสาทไป”มิโน่กล่าวขึ้น “ขอให้เจ้าอยู่ที่นี่เพื่อนข้า คอยดูแลนางอย่างที่เจ้าดูแลน้องสาวของเจ้า” “ข้าจะบอกพ่อของเจ้า ลุงของข้าเองว่าเจ้าติดงานภารกิจที่ข้าสั่ง”
“ข้าควรทำอย่างไร”ไมตาลถามกลับอย่างรวดเร็ว “ถ้านาง…” “นางคงไม่พอใจเมื่อท่านพ่อท่านบอกว่า นางจะต้องแต่งงานกับเจ้าชายแดนต้นไม้นั่น” ไมตาลเปลี่ยนคำถามใหม่ราวกับรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น
“ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องทำอะไรเพียงดูนาง อย่าให้นางทำอะไรโง่ๆ” มิโน่ตอบพร้อมถอนหายใจพร้อมกับหันออกจากหน้าต่างมามองหน้าไมตาล “เจ้ารู้ใช่ไหมว่าอะไรที่ทำแล้วจะดูโง่คืออะไร” เขาถาม
ไมตาลพยักหน้า “ใช่ ข้ารู้”
มิโน่พยักหน้าตอบและตบไหล่ไมตาลเบาๆ และเดินออกจากห้อง ปล่อยไมตาลทิ้งไว้อยู่ที่ที่ทั้งสองสนทนากัน
เขาเดินไปถึงซุ้มประตูทางออกของห้อง“นางรู้ข้อนี้ดี” มิโน่หันหลังกลับมาพูด“เราอยู่กับสิ่งสวยงามไม่ได้ตลอด”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ